Wednesday, 9 July 2025
POLITICS NEWS

'เจี๊ยบ-ก้าวไกล' โวยศาลจำคุก 'นิว จตุพร' ถาม ‘ล้อเลียน-ไม่เคารพ’ ผิดมาตราไหน

(14 ก.ย. 65) ที่ห้องแถลงข่าวอาคารรัฐสภา นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะอนุกรรมาธิการศึกษาผลกระทบของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีต่อสิทธิเสรีภาพของสื่อและประชาชน ร่วมแถลงข่าว

นางอมรัตน์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย. มีคำตัดสินจากศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งให้จำคุกน.ส.จตุพร แซ่อึง หรือนิว เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ข้อหาการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยการแต่งชุดไทยไปเดินในกิจกรรมทางการเมืองที่หน้าวัดแขกสีลม เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2563 รู้สึกว่าการตัดสินคดีนี้อันเป็นปฐมบทเบื้องต้นที่น่ากลัวของการตัดสินคดีมาตรา 112 ที่มีจำนวนมากถึง 210 คดีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีประชาชนตั้งคำถามถึงความไม่สมเหตุสมผลและทำให้สั่นคลอนทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากกฎหมายไทย ‘ไม่มีมาตราไหนที่ระบุความผิดในข้อหาล้อเลียน’ เนื้อหาสาระสำคัญของมาตราดังกล่าวคือ การดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรืออาฆาตมาดร้าย ห้ามด้อยค่าสถาบัน ไม่มีข้อใดที่ครอบคลุมไปถึงการล้อเลียนหรือห้ามไม่ให้ไม่เคารพ

“ขอตั้งคำถามว่าการตีความเช่นนี้ถือเป็นการตีความที่เกินขอบเขตตามรัฐธรรมนูญมาตรา 188 หรือไม่ อย่างไร เพราะมาตรา 188 ระบุไว้เพียงให้อิสระในการแสดงความเห็นเท่านั้น แต่ไม่ได้ให้อำนาจในการคุมขังที่ไม่ชอบธรรม รวมถึงต้องตัดสินโดยปราศจากอคติและความลำเอียง ขอตั้งคำถามไปถึงการตีความกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่มีการรับรองสิทธิในการแสดงออกโดยสุจริต และการให้ประกันตัวโดยไม่มีมาตรฐานในหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ถึงเวลาแล้วที่เราจะตระหนักถึงปัญหาของกฎหมายมาตรา 112 ที่มีไว้เพื่อกลั่นแกล้งรังแกผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง และไม่สอดคล้องกับการใช้มาตรานี้ในระดับสากล

“ในประเทศอื่นที่มีระบอบการเมืองเดียวกับเรา ก็ไม่ได้มีโทษสูงเหมือนกับเราด้วย ขอเรียกร้องไปยังประชาชนทั่วประเทศให้มองเห็นถึงปัญหาการใช้มาตรา 112 ถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่เราจะพิจารณาปรับแก้ไขและลดโทษ หรือมีการระบุว่าผู้ที่จะฟ้องร้องควรจะเป็นหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง เพื่อป้องกันการฟ้องร้องกลั่นแกล้งกันทางการเมืองเหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน” นางอมรัตน์ กล่าว

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตอบคำถาม ทุกหน่วยงานระบุว่า มีคณะกรรมการกลั่นกรองว่าอะไรที่จะเข้าเงื่อนไขฟ้องหรือไม่ฟ้อง เมื่อขอรายชื่อ ขอรายงานการประชุม รายชื่อนักโทษในมาตรา 112 ก็ไม่ได้ ในขณะที่เราตรวจสอบเอกสารด้วยความยากลำบาก ขณะนี้ได้เรียกหน่วยงานมาเกือบครบแล้ว ก่อนที่จะมีการรวบรวมเอกสารทั้งหมดและข้อสังเกตของกมธ.ยื่นต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ยังไม่เคยมีท่าทีใดๆ ที่ชัดเจนในเรื่องนี้ รวมถึงองค์กรคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่ไทยได้ลงนามไว้ในองค์กรนานาชาติ

'พิธา' พูดคุยกลุ่ม 'ข้าราชการบำนาญ' ย้ำ!! ไม่มีอคติ - ไม่เคยเสนอตัดสวัสดิการ

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวพร้อมสหพันธ์ข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทยที่ได้เข้ามาแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอแนวทางสวัสดิการมั่นคงที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ห่วงการบริหารงบรัฐบาลที่ผ่านมาทำประเทศไม่มีเงินจ่ายบำนาญในอนาคต

โดยพิธากล่าวว่าที่ผ่านมามีการบิดเบือนว่าพรรคก้าวไกลต้องการตัดเงินบำนาญข้าราชการ ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาในช่วงการพิจารณางบประมาณในวาระ 1 และได้มีการส่งข้อความกันทางไลน์ในวงกว้างว่าพรรคก้าวไกลมีนโยบายที่จะลดเงินบำนาญหรือไม่ และได้มีคำถามจากเครือข่ายข้าราชการบำนาญจากทั่วประเทศถามมายังพรรคก้าวไกลว่าพรรคก้าวไกลจะปรับลดเงินบำนาญตามที่มีการปั่นกระแสกันในไลน์หรือไม่? ซึ่งในครั้งนั้นผมก็ได้ส่งจดหมายชี้แจงใน 3 ประเด็นด้วยกัน คือ

หนึ่ง พรรคก้าวไกลไม่มีอคติกับข้าราชการบำนาญ กลับกัน เราเข้าใจและเห็นใจ มีหลายคนที่เป็นข้าราชการบำนาญมาในวันนี้ด้วย

สอง เรายืนยันว่า บำนาญไม่ได้เป็นปัญหา แต่การหารายได้ของประเทศที่น้อยลง และไขมันในงบที่ตัดไม่ลงเป็นปัญหา ซึ่งถ้าเราไม่ชี้ให้เห็นตอนนี้ อีก 8 ปีจะมีปัญหาจริง ๆ เราเตือนตั้งแต่ ยังไม่สายเกินไป

ศาลรัฐธรรมนูญ นัด 30 กันยายนนี้ วันชี้ชะตา ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ปมวาระ 8 ปี นายกฯ

ศาลรัฐธรรมนูญ ยุติการไต่สวน ปมวาระ 8 ปีนายกฯประยุทธ์ เหตุมีพยานหลักฐานเพียงพอ พร้อมนัดอ่านคำวินิจ 30 กันยายนนี้

(14 ก.ย. 2565) สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญออกเอกสารข่าวแจ้งว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ หรือไม่แล้ว เห็นว่าคดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและหลักฐานเพียงพอให้พิจารณาวินิจฉัยได้ จึงให้ยุติการไต่สวนตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติและอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย.เวลา 15:00 น.

'โทนี่' ลั่น!! 'อุ๊งอิ๊ง' จะเป็นนายกฯ ไม่ใช่ฟ้าลิขิต แต่ปชช.ต้องเป็นคนเลือก และต้องชนะใจแม่ให้ได้ก่อน

'ทักษิณ' ลั่นถ้า 'อิ๊งค์' จะเป็นนายกฯ ไม่ใช่ฟ้าลิขิต ประชาชนต้องเป็นคนเลือก แต่ 'อิ๊งค์' ต้องชนะใจแม่ให้ได้ก่อน แม่เขารักลูกมาก และอิ๊งค์ยังมีลูกเล็ก เขาคงไม่อยากให้เป็นเพราะการเมืองมันแรงมากคนเป็นแม่ก็คงคิดหนัก

(14 ก.ย. 65) - เพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย ไลฟ์สด การพูดคุยกับ โทนี วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุกคดีโกง ในหัวข้อ นโยบายเกษตร-Soft Power ของเพื่อไทย ทำอย่างไรให้ปังเหมือนไทยรักไทย เมื่อวันอังคาร ที่ 13 กันยายน 2565 เวลา 20.00 น. โดยตอนหนึ่ง นายทักษิณ กล่าวถึงบุตรสาว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่า

“...ถ้าอิ๊งค์จะเป็นนายกฯ ประชาชนต้องเป็นคนเลือก แต่ก่อนที่จะให้ประชาชนเลือก อิ๊งค์ต้องชนะใจแม่ก่อน...”

Q : การที่คุณอิ๊งค์จะเป็นนายกฯ ได้ ต้องรอฟ้าลิขิตจริงไหม ?

โทนี่ : ไม่ใช่หรอกครับ คนจะเป็นนายกฯ ไม่ใช่ว่าใครจะจับมาเป็นก็ได้ มันต้องแข่งขันทางการเมือง แล้วให้ประชาชนเลือก นี่คือระบบประชาธิปไตย ถ้าไม่ได้มาจากการเมือง ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่มาจากการทำรัฐประหาร อันนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย

ครม. ไฟเขียว 28 ล้านบาท ลุยประเมิน SEA เร่งผลักดันแผนแม่บทพัฒนาสงขลา-ปัตตานี

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 65 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment: SEA) ว่า สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment: SEA) สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี ซึ่งครอบคลุมโครงการเมืองต้นแบบ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา โดยได้ดำเนินการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ตามมติคณะรัฐมนตรี รวม 4 ครั้ง เกี่ยวกับประเด็นสำคัญที่เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จในการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) เช่น ความคาดหวังต่อการจัดการประเมิน SEA ระยะเวลาในการดำเนินการ เป็นต้น

'ทักษิณ' อ้างเป็นคนบุกเบิกใส่เสื้อเหลือง ลั่น เป็นทั้งเหลือง – แดง พร้อมอโหสิทุกคน

'ทักษิณ' อ้างเป็นคนบุกเบิกใส่เสื้อเหลือง เป็นทั้ง เหลือง-แดง อยากเห็นบ้านเมืองมีความสามัคคี ลั่นถ้า ส.ส.พรรคอื่นย้ายกลับมาเพื่อไทย ถ้าเขาสำนึกผิด ก็ควรให้เขาเข้ามา ถ้าไม่สำนึกก็อย่ารับ

14 ก.ย. 2565 - เพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย ไลฟ์สด การพูดคุยกับ โทนี วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในหัวข้อ นโยบายเกษตร-Soft Power ของเพื่อไทย ทำอย่างไรให้ปังเหมือนไทยรักไทย เมื่อวันอังคาร ที่ 13 กันยายน 2565 เวลา 20.00 น. ตอนหนึ่งว่า

Q : คิดยังไงกับ ส.ส.พรรคอื่นย้ายกลับมาเพื่อไทย

'เสี่ยเฮ้ง' ปัดวิจารณ์ 'ธรรมนัส' จ่อหวนคืน พปชร. โฟกัสชัดเจน ขอเชียร์แต่ลุงตู่ เพราะชอบสไตล์นี้

'สุชาติ' ไม่ขอวิจารณ์ 'ธรรมนัส' จ่อหวนคืน พปชร. บอกข้อมูลยังไม่ชัดเจน มอง 'หญิงอ้อ' ออกงานเพื่อไทยที่เชียงใหม่ เพราะอยากให้กำลังใจลูกสาว ย้ำพา 'ทักษิณ' กลับไทยไม่ง่าย ประกาศขอเชียร์ลุงตู่ เพราะชอบสไตล์นี้

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกระแสข่าว ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย จะหวนคืนพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนไม่กล้าพูดเรื่องนี้ เพราะไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร เเต่เห็นรัฐมนตรีหลายคนในพรรคให้สัมภาษณ์เรื่องนี้อยู่ จึงไม่มั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นไปได้หรือไม่ 

เมื่อถามว่าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง จะสามารถอยู่ร่วมกันได้หรือไม่ นายสุชาติ หัวเราะ พร้อมตอบว่าตอนนี้ยังไม่เกิด ไม่รู้จะพูดอย่างไร และเรื่องนี้ยังไม่มีการพูดคุยกันในพรรค แต่ส่วนตัวคิดว่าคงเป็นเรื่องยาก 

ส่วนการที่ ร้อยเอก ธรรมนัส กลับมา จะเป็นการช่วยเสริมกำลังให้พรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ หลัง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ บอกว่าจะหลีกทางให้ นายสุชาติ กล่าวว่า ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะเพิ่งดูจากข่าว ยังไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ เรื่องการเมืองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าข้อมูลไม่จริง พูดอะไรไปแล้วมันจะเป็นคำพูดที่ไม่ดี ขอให้เป็นข้อมูลที่ชัดเจนก่อน แต่เรื่องงานตอบได้เลย เพราะทำเอง ถ้าเรื่องการเมืองต้องอาศัยหลาย ๆ คนคุยกัน 

ส่วนกรณี คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา อดีตนายกฯ ทักษิน ชินวัตร มาร่วมงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือ พรรคเพื่อไทย ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นการร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังยุบพรรคไทยรักไทยนั้น นายสุชาติ มองว่า เป็นเรื่องปกติที่คุณหญิงพจมาน จะมาให้กำลังใจลูกสาวที่เข้ามาทำงานการเมือง เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และอาจถูกวางเป็นนายกฯ ก็อาจจะต้องอาศัยความอบอุ่นของครอบครัว ต้องอาศัยกำลังใจจากพ่อและเเม่ ถือเป็นเรื่องปกติ

‘ปลอดประสพ’ สะท้อน 6 ปัญหาทำน้ำท่วมทั่วไทย พร้อมเปิด 6 ทางออกแก้น้ำท่วมในกรุงเทพฯ

นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานด้านนโยบายปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดการน้ำ พรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ เป็นเพราะผู้ใหญ่ในบ้านเมืองละเลยในเรื่องหลักการสำคัญ 6 ข้อ 

1.) เรื่องน้ำเป็นงานในระดับยุทธศาสตร์ หากผู้บริหารบ้านเมืองควบคุมน้ำได้ จะเป็นผู้นำที่มีความสามารถ สามารถดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนได้ แต่ผู้บริหารยุคนี้ไม่คิดว่าเรื่องน้ำ เป็นงานในระดับยุทธศาสตร์ 

2.) ดำเนินยุทธวิธีที่ผิดพลาด ไม่มีความสามารถบริหารจัดการน้ำให้มี ‘ที่อยู่ที่ไป’ น้ำจึงท่วมหมด เช่น การควบคุมการเปิดปิดประตูระบายน้ำ บางแห่งไม่ควรปิด บางแห่งไม่ควรปิด

3.) การบริการจัดการน้ำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ต้องทำทุกลุ่มน้ำ และต้องทำทุกจุด ทุกลุ่มน้ำ 

4.) การบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องในทางวิชาการหลายแขนงที่ต้องทำงานเชื่อมโยงกัน เช่น ความรู้ด้านอุตุนิยมวิทยา อุทกวิทยา บริหารน้ำขึ้นน้ำลง ความรู้ด้านวิศวกรรม และสิ่งแวดล้อม ความรู้ทุกแขนงต้องเชื่อมโยงกัน 

5.) หน่วยงานที่ทำงานเรื่องน้ำ ทั้งการบริหารจัดการน้ำ และป้องกัน ควบคุม และช่วยเหลือประชาชน มีถึง 26 หน่วยงาน  แต่การทำงานเป็นไปแบบต่างคนต่างทำ จึงไม่เคยเห็นนโยบายที่สอดคล้องกันในการแก้ไขปัญหาน้ำ 

6.) ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงลานีญา ที่ลมจากตะวันออก พัดมาทางภูมิภาคอินโดจีน ประกอบกับสภาวะโลกร้อน ทำให้น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูง ฝนตกปริมาณมาก แต่รัฐบาลนี้บริหารประเทศเสมือนอยู่ในภาวะปกติ แทนที่จะบริหารแบบ New Normal 

นอกจากนี้นายปลอดประสพ ยังระบุต่ออีกว่า การละเลยปัญหา 6 ข้อข้างต้น ทำให้เกิดความผิดพลาด 5 ข้อ ได้แก่ 

1.) แผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ได้จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำเป็นอย่างดีเยี่ยมโดยไม่ได้ใช้งบประมาณ และไม่ได้กระทำการที่สุ่มเสี่ยงต่อการขัดกับกฎหมาย นักวิชาการเข้ามาสนับสนุนแผนดังกล่าว แต่รัฐบาลไม่ทำต่อ กลับเอาเงินงบประมาณ 1 แสนล้านบาทนำไปใช้แบบไม่เกิดประโยชน์ 

2.) งบประมาณ 1 แสนล้านบาทดังกล่าว รัฐบาลหลังการรัฐประหารนำเงินส่วนนี้ไปใช้แบบไม่เกิดประโยชน์ โดยการให้หน่วยงานด้านทหารขุดลอกคลอง แต่สุดท้าย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติให้ยุติโครงการ เพราะเป็นการเสียงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ เพราะขุดลอกคลองขึ้นมาในช่วงฝนตก ขุดคลองขึ้นมาแล้วไหลลงคลองเช่นเดิม เป็นการใช้เงินงบประมาณแบบละลายแม่น้ำ

3.) รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญเรื่องน้ำในระดับยุทธศาสตร์ ปล่อยปละละเลยให้มีการสร้างเขื่อนล้ำเข้ามาในลำน้ำ ซึ่งเป็นคลองหลัก เช่น คลองเปรมประชากร  คลองลาดพร้าว น้ำจึงไม่มีที่ไป 

4.) แต่ละหน่วยงานไม่มีการบูรณาการ ทั้งกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมชลประทาน เช่น มีโครงการยกถนนโดยไม่ได้วางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำ เครื่องสูบน้ำ 10 เครื่อง ถูกรื้อถอนออกจากประตูระบายน้ำคลองรังสิต ไม่มีการบริหารจัดการน้ำออกไปลงคลองประเวศ เป็นต้น

5.) การบริหารงานไม่โปร่งใส และล่าช้า ในช่วงที่ตนเป็นรัฐบาลมีโครงการขุดแม่น้ำแห่งใหม่ เพื่อระบายน้ำจากบางไทร ไปบางบาล ระยะทาง 20 กม. รัฐบาลนี้นำไปดำเนินการ ซึ่งต้องขอขอบคุณ เพราะเป็นความคิดที่ถูกต้อง แต่เป็นการก่อสร้างที่มีมูลค่าสูงกว่า 3 เท่า ระยะเวลาก่อสร้างจากที่ตนเคยวางแผนไว้ 3 ปี รัฐบาลนี้วางไว้ถึง 7 ปี ซ้ำยังสร้างถนนประกบสองข้างทางแม่น้ำ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างผิดหลัก กีดขวางทางน้ำ ซึ่งจะทำให้น้ำจากอยุธยา บางบาล ปากเกร็ด ไม่มีที่ไปและจะทำให้น้ำท่วมมากกว่าเดิม  

นายปลอดประสพ กล่าวว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าที่อาจจะมีการเลือกตั้ง และหากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ตนจะเสนอให้รื้อถนนที่สร้างรอบแม่น้ำดังกล่าวออก เพื่อเปิดทางน้ำ ความละเลยผิดพลาดสะท้อนถึงความไม่รู้เรื่องของการบริหารประเทศของรัฐบาลนี้ ในยามนี้ประชาชนเดือดร้อน พรรคเพื่อไทยพร้อมจะช่วยเหลือ อย่างน้อยคือข้อคิด ประสบการณ์ และบุคลากรเท่าที่เรามี พร้อมเสนอแนะ 6 วิธีการจัดการน้ำท่วมตามหลักวิชาการ ไปยังรัฐบาลและผู้ว่า กทม. เพื่อให้การแก้ไขน้ำท่วมทำได้ดีกว่าเดิม ดังนี้
 

พท. ซัด 8 ปี หลังรัฐประหารทำไทยเสื่อมถอย ชี้ ต่างชาติขาดความเชื่อมั่น เหตุผู้นำไร้วิสัยทัศน์

พิชัย นริพทะพันธุ์ ซัด 8 ปี หลังรัฐประหาร ทำภาพลักษณ์ประเทศเสื่อม เศรษฐกิจแย่ ชี้ ต่างชาติขาดความเชื่อมั่น เหตุจากคอร์รัปชั่น ซ้ำร้ายยังได้ผู้นำขาดวิสัยทัศน์ ไม่พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

(13 ก.ย. 2565) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าตลอด 8 ปีหลังการทำรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในปัจจุบันนี้ ประเทศได้เสื่อมถอยลงทั้งการค้า การลงทุน ความเจริญทางเศรษฐกิจ แม้จะมีการเลือกตั้งทั่วไปก็ยังมีกระบวนการสืบทอดอำนาจเพื่อให้ตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อยู่ต่อเพื่อรักษาอำนาจ จนประเทศไทยวันนี้กลายเป็นคนป่วยของอาเซียน และจะยิ่งป่วยหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ

พรรคเพื่อไทย กังวลถึงภาพลักษณ์ประเทศที่เสื่อมถอยหนักมาก จึงขอแสดงข้อกังวล 9 ข้อ ฝากไปยังรัฐบาลรีบแก้ไขปัญหาเพื่อให้เศรษฐกิจไทยที่กำลังสะดุดอยู่ในขณะนี้กลับฟื้นคืนโดยเร็ว โดยปัญหาทั้ง 9 ข้อนี้ได้แก่

1. ประเทศไทยยังมีโอกาสเกิดการปฏิวัติรัฐประหารได้อีก ซึ่งต่างประเทศก็เห็นปัญหานี้ ในอนาคตต้องไม่มีการปฏิวัติอีกแล้ว

2. กระบวนการยุติธรรมไทยขาด หลักนิติธรรม หรือ The Rule of Law คือ การปกครองโดยกฎหมายซึ่งเป็นธรรม ต้องยอมรับความจริงว่าระบบยุติธรรมไทยในสายตาต่างชาติดูย่ำแย่ ความน่าเชื่อถือตกต่ำ

3. เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำสุด จนกลายเป็นคนป่วยของเอเชีย ตั้งแต่ก่อนมีการระบาดของไวรัสโควิด และป่วยหนักยิ่งขึ้นเมื่อเกิดวิกฤติการณ์ไวรัสโควิด ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่น่าสนใจลงทุนและยังเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำสูง

4. เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าที่สุด หลังจากที่ผ่านพ้นวิกฤติโควิด เศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เกินกว่าที่ตกลงมา แต่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ายังไม่ถึงที่ตกลงมา

5. ระบบราชการล้าสมัย เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจ ควรต้องเปลี่ยนเป็น Digital Transformation

‘เพื่อไทย’ โว!! ผลตอบรับ ‘เชียงใหม่’ ดีเกินคาด แซะ!! ‘ปชป.’ ทำความเข้าใจ ‘Soft Power’ ให้ดีก่อน

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ จ.เชียงใหม่ ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ จังหวัดใกล้เคียงและทั่วประเทศเป็นอย่างมาก ทั้งการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือตอนบน ครบทั้ง 40 เขต และยังมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมครอบครัวเพื่อไทยอีกจำนวนมาก  

รวมทั้งการลงพื้นที่รับฟังปัญหา หารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่วันที่ 9-10 กันยายน 2565 นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย โดย ส.ส. สมาชิกพรรค คณะทำงานด้านนโยบาย จะนำข้อร้องเรียน ตลอดจนข้อเสนอแนะของพี่น้องประชาชน พัฒนามาเป็นนโยบายของพรรค เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของพี่น้องประชาชนต่อไป

จากการเปิดตัวนโยบายแรก 2 นโยบาย ได้แก่ นโยบายด้านการเกษตร ภายใต้แนวคิด ‘ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้’ แนวคิดเกษตรก้าวหน้าที่จะนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการทำการเกษตร เพื่อผลักดันให้ราคาสินค้าเกษตรของไทยขายได้ราคามากกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ถูกทอดทิ้งเหมือนในปัจจุบัน 

รวมทั้งนโยบายที่ 2 คือ ‘1 ครอบครัว 1 Soft Power’ นโยบายที่จะสร้างเงินจากฝีมือของ 1 คนในครอบครัว เพราะพรรคเพื่อไทยมองเห็นโอกาสว่าค่าแรงของ Soft Power มีค่าแรงสูงกว่าค่าแรงอุตสาหกรรมอื่นๆ รวมถึงแนวคิดในการจัดตั้ง The Thai Creative Content Agency : THACCA หน่วยงานพัฒนาศักยภาพ Soft Power ที่ใช้งบประมาณของรัฐบาลในการดูแลและนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบหน่วยงานนี้ 

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า หลังจากเปิดตัว 2 นโยบายดังกล่าว ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดีและรอคอยการประกาศนโยบายใหม่ๆ ที่ทีมนโยบายของพรรคดำเนินการพัฒนาอย่างรอบคอบ เพื่อเกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด หากชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ สิ่งที่เราคิดไว้ พร้อมทำทันที  

ส่วนกรณีที่คนในพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาตอบโต้นางสาวแพทองธาร ว่าลอกนโยบาย ทั้งในเรื่องของคำว่าเซลล์แมนขายสินค้าเกษตรในต่างประเทศ หรือ Soft Power โดยระบุว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ทำมาตลอดนั้น บุคคลผู้นั้นอาจจะไม่ทราบความหมายที่แท้จริงของคำว่า Soft Power เพราะคือ การนำวัฒนธรรม เอกลักษณ์ หรือจุดเด่นมาเป็นจุดขาย ร่วมกับการใช้ความสมัยใหม่และเป็นสากล สร้างรายได้ ขยายไปในตลาดโลกนำรายได้เข้าสู่ประเทศ 

ซึ่ง Soft Power ของเพื่อไทย คือ ต้นทุนทางวัฒนธรรมที่ดำรงอยู่ในวิถีชีวิต วัฒนธรรม และสังคมไทย มีความสร้างสรรค์ ความละเมียดที่ดำรงอยู่ที่แสดงออกผ่านการปรุงอาหาร การประดิษฐ์สร้างสรรค์ หัตถกรรม ไปจนถึงงานศิลปะทุกแขนง สามารถด้านกีฬา การเขียน software และความสามารถทาง e-sport ฯลฯ แต่หากมาดูผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันเกี่ยวกับ Soft Power ของกระทรวงพาณิชย์ที่นำโดยนายจุรินทร์นั้น ยังถูกตั้งคำถามเพราะที่ผ่านมาคนไทยที่มีฝีมือหรือองค์กรภาคเอกชน ก็ล้วนดิ้นรนหาทางเติบโตเองทั้งสิ้น  

นอกจากนี้ หากจะกล่าวถึงคำว่า ‘เซลล์แมน’ หรือ ‘ทูตการค้า’ นั้น บุคคลที่ริเริ่มใช้คำนี้ คือ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทย ที่กระตุ้นให้ผู้แทนทางการทูตในต่างประเทศในขณะนั้น ร่วมมือกันขายภาพพจน์และภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย ไปเจาะตลาด สร้างรายได้ในต่างประเทศ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top