Wednesday, 14 May 2025
NEWS

‘อายุรแพทย์ฯ’ แชร์เคสเด็ก 16 สูบบุหรี่ไฟฟ้าหนัก พบ ‘เจ็บหน้าอก-ปอดแฟบและรั่ว’ เตือน!! เลิกได้เลิกเถอะ

(28 ส.ค. 66) เฟซบุ๊ก ‘นายแพทย์เทวินทร์ ชาคริยานุโยค’ อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด โพสต์เตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า ระบุข้อความว่า

"วันนี้มีเรื่องมาเล่าอีกแล้ว เด็กอายุ 16 ปี เจ็บหน้าอก เสียงคุณพยาบาลเสียงใส เดินมาแจ้ง OMG เป็นไปได้ไง ซักประวัติ น้องรูปร่างผอม สูบบุหรี่ไฟฟ้าจัด บอกว่าเจ็บหน้าอกเวลาหายใจ ไม่ได้ยกของหนัก เอกซเรย์ดังรูป วินิจฉัยเป็นอะไรดี

สรุปเป็นลมรั่วในช่องปอดขวา ทำให้ปอดขวาแฟบ ปลายลูกศรคือ ขอบปอดที่แฟบไปรวมกันเป็นก้อนตรงกลาง โดยปอดขวามี 3 พู เลยยู่ไม่เท่ากัน เห็นเป็นก้อนขรุขระ คนไข้จะมาด้วยเหนื่อยหรือเจ็บหน้าอกหายใจไม่สุด ซึ่งเคสนี้มาจากการใช้ Vape หรือพอด หรือ E cigarett บุหรี่ไฟฟ้า

โดยองค์ประกอบ บุหรี่ไฟฟ้าจะมี นิโคตินปริมาณสูง (มากกว่าบุหรี่ปกติ) โพรพิลีนไกลคอล และสารแต่งกลิ่น ที่เป็นเอสเทอร์ไฮโดรคาร์บอน (ทำให้เกิดการอักเสบในระยะสั้น และส่งเสริมการเกิดมะเร็งในระยะยาว) ที่ส่งเสริมการอักเสบในปอดในระดับเซลล์ อีกทั้งการสูบแบบอัดก็มีผลด้วยครับ บุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายไม่ยิ่งหย่อนกว่าบุหรี่ธรรมดานะครับ เลิกได้เลิกเถอะ

เพิ่มเติม: ในไทยและต่างประเทศมีรายงานเรื่อย ๆ ครับ เนื่องจากว่าเป็นของใหม่ งานวิจัยระยะยาวแบบ prospective น่าจะมีแต่ค่อนข้างทำยาก เพราะองค์ประกอบของสาร ไม่เหมือนกัน แต่องค์ประกอบหลัก ๆ มีดังกล่าวขั้นต้น เปรียบเทียบ เหมือน การขับรถเร็วครับ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดอุบัติเหตุ แต่ถ้าเกิดก็โทษเพราะขับรถเร็วไงครับ การสัมผัสสารต่าง ๆ พวกนี้ ไม่ได้มีงานวิจัยมารองรับว่าปลอดภัยเหมือนยา แต่มันคุ้มมั้ยที่จะเอาปอดเรา ร่างกายเราไปแลก ร่างกายเรามีค่าประเมินค่าไม่ได้นะครับ เลิกได้เลิก เลิกไม่ได้ไปต่อ หมอพร้อมดูแลรักทุกคน”

สมุทรปราการ-ฮือฮา!! คอหวยไม่พลาด “พระครูแจ้” เจ้าอาวาสวัดดังบางพลี รับเป็นเจ้าภาพฌาปนกิจพระลูกวัด แต่ดันโป๊ะเลขฝาโลงตรงกัน!! 

ภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ประชาชนจำนวนหลายร้อยคนเดินทางมาร่วมไว้อาลัยและร่วมพิธีงานฌาปนกิจศพ พระสมาน หรือหลวงตาโก๊ะ พระลูกวัดของวัดบางพลีใหญ่กลาง และอีกองค์คือ พระสำราญ ซึ่งเป็นพระลูกวัดของวัดบางพลีใหญ่ใน พระอารามหลวง หรือวัดหลวงพ่อโต จ.สมุทรปราการ

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 27 สิงหาคม 2566 ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ (พระครูแจ้) เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานฝ่ายสงฆ์และประธานจัดงานโดยท่านได้รับเป็นเจ้าภาพจัดพิธีฌาปนกิจศพให้กับทางพระลูกวัดทั้ง 2 องค์ ที่ได้มรณภาพลงอย่างสงบ โดยพิธีจัดขึ้นภายในวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง ร่วมประกอบพิธีฌาปนกิจศพ หลวงตาโก๊ะ หรือพระสมาน อภโย (ชมมาลี) และ หลวงตาเปีย พระสำราญ ชัยพร โดยมีพระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์จากวัดต่างๆ พร้อมด้วยคณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง ตลอดจนพี่น้องประชาชนจำนวนหลายร้อยคนร่วมในพิธี อาทิ นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอเมืองสมุทรปราการ นางรัตนา สมสกุลรุ่งเรือง ประธานมูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู นายฉะโอด รุ่งเรือง อดีตนายก อบต.บางพลีใหญ่ พร้อมด้วยคณะไวยาวัจกรวัดบางพลีใหญ่กลาง พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ อดีต รองผบก.ชลบุรี ดร.วีร์สุดา รุ่งเรือง นายก อบต.บางพลีใหญ่ ผู้บริหาร บริษัท อริยะ ข้าราชการตำรวจตลอดจนพี่น้องประชาชนจำนวนมากร่วมในพิธี

โดยที่ผ่านมาครั้งมีชีวิตอยู่ พระสมาน อภโย (ชมมาลี) หรือที่ญาติโยมทั่วไปรู้จักในนาม หลวงตาโก๊ะ วัดบางพลีใหญ่กลาง ท่านได้เริ่มบรรพชาเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2543 จำพรรษาอยู่ที่วัดบางพลีใหญ่กลาง ท่านเป็นพระภิกษุที่มีความเมตตาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบมาโดยตลอด และเป็นที่เคารพรักของญาติโยมโดยทั่ว จนได้รับความไว้วางใจจากพระชั้นผู้ใหญ่มอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญ พร้อมทั้งดูแลจัดการเรื่องสถานที่ศาลาบำเพ็ญกุศล

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในสถานการณ์เกิดโรคระบาด โควิด-19 หลวงตาโก๊ะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญของวัดบางพลีใหญ่กล่ง ในการจัดการเรื่องเผาศพผู้ป่วยโควิด-19 โดยหลวงตาโก๊ะนั้น จะเป็นผู้ดูแลและประสานงานกับทางท่านเจ้าอาวาสมาโดยตลอด หลวงตาโก๊ะ ท่านได้มรณภาพด้วยโรคประจำตัวภายในกุฏิ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2566 สิริอายุได้ 74 ปี 23 พรรษา

และทางด้านประวัติของ พระสำราญ ชัยพร หรือ หลวงตาเปีย ท่านเป็นคนตำบลบางพลีใหญ่และเป็นพระลูกวัดของทางวัดบางพลีใหญ่ใน พระอารามหลวง หรือวัดหลวงพ่อโต ครั้งยังมีชีวิตอยู่ ท่านเป็นพระที่มีอุปนิสัยเป็นกันเองชอบในเรื่องของการทำไฟประดับ งานเทศกาลต่างๆ เป็นที่รู้จักของคนในพื้นที่เป็นอย่างดี โดยท่านได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 สิริอายุได้ 67 ปี 23 พรรษา ประกอบกับเป็นที่ฮือฮาของพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมาร่วมไว้อาลัย คือเลขฝาโลงของพระลูกวัดทั้ง 2 องค์ ตรงกัน คือเลข 356 พรรษา 23 ทั้ง 2 องค์ อีกทั้งยังเป็นพระเพื่อนที่สนิทสนมกันมากอีกด้วย

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

บลูเทค ซิตี้ เปิดโมเดล "วันหัวใจบริสุทธิ์" ชวนเยาวชนร่วมกิจกรรม Good heart Pure Heart ปลูกด้วยมือ โตที่ใจ ปีที่ 1

วันนี้ (28 ส.ค. 66) บลูเทค ซิตี้ ผุดไอเดีย "วันหัวใจบริสุทธิ์" ภายใต้คอนเซ็ปต์กิจกรรม Good heart Pure Heart ปลูกด้วยมือ โตที่ใจ โดยมีคุณกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา บลูเทค ซิตี้ และผู้บริหารบริษัท อมิตา เทคโนโลยี(ประเทศไทย) จำกัด นำทีมพนักงานร่วมกันปลูกต้นมุจลินท์ (ต้นจิกน้ำ) เพื่อสืบสานไม้พุทธประวัติ และมอบอุปกรณ์เย็บตับจาก (คล้า) ให้กับกลุ่มอาชีพเย็บตับจาก ที่ผ่านการคัดเลือกโครงการ"ส่งเสริมอาชีพคนตัดเย็บจาก" จำนวน 10,000 เส้น ให้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาและต่อยอดอาชีพชุมชนดั่งเดิม ซึ่งถือเป็นปฐมฤกษ์ในการเปิดโมเดล "วันหัวใจบริสุทธิ์" ปีที่1

นอกจากนี้ บลูเทค ซิตี้ ยังชวนเยาวชน นักเรียนโรงเรียนวัดเขาดิน เข้าร่วมกิจกรรม Good heart Pure Heart ปลูกด้วยมือ โตที่ใจ โดยปลูกฝังให้เยาวชนได้รู้จักการ อนุรักษ์ อนุบาล พันธุ์ไม้ป่าชายเลน จำนวน 1,000 ต้น สามารถดูดซับคาร์บอนได้ 1,000 ตัน และเรียนรู้การเพาะพันธุ์ปูทะเล สร้างความมั่นคงทางอาหาร สร้างระบบนิเวศน์ที่หลากหลายในพื้นที่ตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา อีกด้วย

‘นครชัยแอร์’ ประกาศ พร้อมบริการยกกระเป๋าให้ผู้โดยสาร ด้านชาวเน็ตตั้งคำถาม โพสต์แบบนี้ต้องการแซะใครหรือไม่

เมื่อวานนี้ (27 ส.ค. 66) จากกรณีเรื่องราวความวุ่นวายที่เป็นกระแสดังตอนนี้ โซเชียลมีเดียได้มีการแคปฯ ภาพข้อความของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่เซ็นเซอร์ไว้ ระบุถึงความไม่พอใจในการบริการของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เหตุไม่ยอมช่วยยกกระเป๋า โว “กูบินมาแล้วทุกสายการบิน” ก่อนสุดท้ายโดนเชิญลงจากเครื่องยกแก๊ง

ต่อมาสาวเจ้าของเรื่องได้ออกมาโพสต์ข้อความขอโทษเป็นที่เรียบร้อย พร้อมตัดพ้อ แค่รู้สึกแย่ที่แอร์ฯ ไม่มีน้ำใจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ (27 ส.ค.) มีรายงานว่าเพจ ‘นครชัยแอร์’ บริษัทเดินรถชื่อดัง ออกมาโพสต์ข้อความ

“เรียน ผู้โดยสารทุกท่านโปรดทราบ

หากท่านมีกระเป๋าสัมภาระ ต้องการเก็บบนเก๊ะเหนือศีรษะ สามารถแจ้งพนักงานต้อนรับบนรถได้เลยนะคะ

เราพร้อมบริการผู้โดยสารทุกท่านด้วยความเต็มใจ ทุกเที่ยว ทุกเส้นทาง ขอบคุณและสวัสดีค่ะ”

อย่างไรก็ตาม หลังโพสต์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปก็มีชาวเน็ตเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก ตั้งคำถามถึงบริษัทเดินรถแห่งนี้ว่าต้องการแขวะใครหรือไม่

มีชาวเน็ตตั้งคำถามว่า "อยากรู้ว่าถ้าต้องยกกระเป๋า 7 กิโลฯ ขึ้นชั้นวางของเหนือศีรษะ หลักร้อยสองร้อยคนต่อเที่ยวนี่ จะยังยิ้มแบบนี้ไหมคะ" ซึ่งทางบริษัทเดินรถได้ตอบกลับว่า “หนัก 7 กิโลฯ ขึ้นไปแนะนำวางด้านข้างหรือไว้ใต้ท้องรถครับ ช่องวางใส่บนรถกว้างใหญ่ไม่พอครับ”

สมุทรปราการ-ดวลเพลง ชิง 100,000 บาท!! “สมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย” จัดประกวดร้องเพลงจีนสากลไต้หวัน เงินรางวัลกว่า 200,000 บาท

ภายในหอประชุม สมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย เทศบาลบางปู 65 ถนนสุขุมวิท ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.จังหวัดสมุทรปราการ ภายใต้การแนะแนวจากกระทรวงวัฒนธรรม สาธารณรัฐจีนไต้หวัน โดยคณะกรรมการกิจการชาวจีนโพ้นทะเลสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสมุทรปราการ

ได้จัดการประกวดร้องเพลงจีนสากลไต้หวัน ปี 2023 ขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมเพลงยอดนิยมของไต้หวันอย่างต่อเนื่อง โดยมี ดร.บรินดา จางขจรศักดิ์ รองประธานสมาคมไทย-ไต้หวัน และประธานสมาคมสตรีนักธุรกิจไทย-ไต้หวัน ประธานฝ่ายจัดงาน กล่าวให้การต้อนรับ โดยมีนางเพ็ญณี ไพรสานฑ์กุล นายกสมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย เป็นประธานกล่าวเปิดงาน สำหรับการประกวดร้องเพลงจีนสากลไต้หวัน รอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้

มีนักร้องจากประเทศไทยและชาวไต้หวัน รวม 17 คน โดยมีเงินรางวัลสำหรับผู้ชนะเลิศสูงถึง 100,000 บาท พร้อมตั๋วเครื่องบินสายการบิน China Airlines ไป - กลับ กรุงเทพ - ไทเป 1 ที่นั่ง รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่งเป็นเงินรางวัล 50,000 บาท และรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 30,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีรางวัลอื่นๆ อีกกว่า 10 รางวัล  โดยปีนี้ทางสมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินความประสงค์เดิมที่จะส่งเสริมภาษาจีนและเพลงจีน โดยเน้นให้ผู้คนรู้จักวัฒนธรรมดนตรีอันงดงามของไต้หวันมากขึ้น จึงได้จัดการแข่งขันร้องเพลงจีนสากลไต้หวันขึ้นมาในปีนี้

โดยมี น้องอิงค์ ชิสา วิเศษกุล หลางกาลาหมู่ ทูตวัฒนธรรมไทยจีน เป็นศิลปินนักร้องฉายา เติ้งลี่จวิน เมืองไทยได้รับเกียรติจากสมาคมไต้หวันแห่งประเทศไทย เป็นศิลปินรับเชิญ ร่วมขับร้องเพลงในงานนี้ด้วย และสำหรับการประกวดร้องเพลงจีนสากลไต้หวัน ประจำปี 2566 รอบชิงชนะเลิศ ในครั้งนี้ อันดับที่ 1 ได้แก่ James Chakchalat อันดับที่ 2 ได้แก่ นางสาว เอมมาลี มูลสาร และอันดับที่ 3 ได้แก่ นางสาว อัญญาภา ทรัพย์จูงสกุล บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างอบอุ่นด้วยเสียงเพลงอันไพเราะตลอดทั้งงาน

คิว-ข่าวสมุทรปราการ รายงาน

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา คำสัญญา พ.ต.อ.ทวี - แก้เหลื่อมล้ำ ยากจน หวังเพิ่ม สส.2 ฝั่งทะเล 

เปิดคำมั่นสัญญา “ทวี สอดส่อง” ต่อสมาชิกพรรคและประชาชน หลังก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาชาติ และเตรียมรับตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม ในรัฐบาลชุดใหม่ โดยเจ้าตัวประกาศจะมุ่งแก้ปัญหาเรื้อรังในสังคมไทย โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำ ยากจน อยุติธรรม ที่ส่งมอบมรดกกันรุ่นต่อรุ่น

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติคนใหม่ กล่าวภายหลังได้รับเลือกเป็นผู้นำพรรค จากการประชุมใหญ่สามัญประจำปี พ.ศ.2566 ครั้งที่ 2 ของพรรค ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา อำเภอเมืองยะลา จ.ยะลา เมื่อวันเสาร์ที่ 26 ส.ค.66 ที่ผ่านมา 

“ผมจะทำหน้าที่ในฐานะหัวหน้าพรรคให้ดีที่สุด ใช้ความรู้ความสามารถและสติปัญญา จะมาแก้ปัญหาที่เป็นปัญหาเรื้อรังของสังคมไทย ไม่ว่าปัญหานั้นจะเป็นปัญหาความไม่เป็นประชาธิปไตย ปัญหานั้นจะเป็นปัญหาสร้างความเหลื่อมล้ำ สร้างความยากจนที่ส่งมอบมรดกจากรุ่นสู่รุ่น    

การเป็นพรรคการเมือง ผมได้ยืนยันว่าพรรคประชาชาติจะเป็นสถาบันของสมาชิก จะดูแลทุกข์สุข หวังว่าครั้งที่แล้วมีตำแหน่งเป็นฝ่ายค้าน ครั้งนี้เราเชื่อว่าเราได้ร่วมเป็นรัฐบาล การได้ร่วมเป็นรัฐบาล ก็อยากจะเรียนว่าประชาชนไม่ได้อยู่รับใช้รัฐบาล แต่รัฐบาลต้องอยู่รับใช้ประชาชน ครั้งนี้ก็เป็นจุดสำคัญที่เรามุ่งมั่นที่จะมาแก้ปัญหาของประเทศ ตามนโยบายที่เราได้หาเสียงไป 

ผมอยากจะเรียนให้ท่านสมาชิกที่อยู่ในห้องนี้หรือที่ไม่ได้มา ผมอาจจะต้องทำโครงการ ‘ประชาชาติพบสมาชิก’ ในพื้นที่ต่างๆ และรับฟังปัญหาและทำให้ประชาชนทั้งที่เลือกพรรคประชาชาติหรือไม่ได้เลือกประชาชาติเท่ากัน การช่วยเหลือเขาจะได้รับการแก้ปัญหา แล้วเขาจะได้รับสิ่งที่ดีจากพรรคประชาชาติ 

ผมก็อยากจะฝากท่านสมาชิก วันนี้ได้มาประชุมใน จ.ยะลา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการประกาศว่าประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพฯ การเมืองต่างๆ จะประชุมในกรุงเทพฯ หลายท่านอาจยังมีการสื่อสาร เข้าถึงน้อยหน่อย แต่เราจะสื่อสารสร้างความเข้าใจที่ดี เราจะแก้ปัญหาให้กับประชาชน 

ท้ายที่สุดในฐานะกรรมการบริหารทั้ง 25 คน ต้องขอบคุณเพื่อนสมาชิก สมัยหน้าอาจเพิ่มกรรมการบริหาร เราฝันว่าเราจะมี สส.ในนครศรีธรรมราช เราฝันว่าจะมี สส.ที่สุราษฎร์ธานี เราฝันว่าจะมี สส.ในอันดามัน อ่าวไทย อันนี้อาจเป็นยุทธศาสตร์ สิ่งหนึ่งข้างหน้าผมคิดว่าในบทบาทของการเป็นรัฐบาลก็ดี ในบทบาทที่เราจะเข้ามาทำงาน เราจะทำให้สมาชิกในที่นี้ และสมาชิกที่อยู่ที่บ้านมีความเชื่อมั่นและมีความภูมิใจว่า พรรคประชาชาติ ทีมบริหารชุดนี้ เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”

‘วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์’ พิชิตศึกขนไก่ ชนะญี่ปุ่น 2-1 คว้าแชมป์โลกแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทยสำเร็จ

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. 66 ศึกแบดมินตันชิงแชมป์โลก ‘BWF World Championships 2023’ นัดชิงชนะเลิศชายเดี่ยว คู่ที่แฟนแบดมินตันไทยรอคอย นายกุลวุฒิ วิทิตศานต์ หรือ ‘วิว’ นักกีฬาแบดมินตันชาวไทยมือ 3 ของโลก ลงสนามชิงดำกับ ‘โคได นาราโอกะ’ มือ 4 ของโลกจากประเทศญี่ปุ่น

เปิดฉากเกมแรก ทั้งคู่ดวลกันแบบสนุกสนาน ต่างคนต่างผลัดทำแต้มเบียดกัน ทว่าเมื่อถึง 2 เกมสุดท้าย เป็นโคไดที่เล่นได้เหนียวแน่นและแน่นอนกว่า ปิดเกมแรก ขึ้นนำวิวไปก่อน 19-21 แต่เซต 2 วิวฮึดสู้ ไล่เก็บแต้มจนตีเสมอสำเร็จ 21-18

และท้ายที่สุด ในเกมตัดสิน ‘วิว กุลวุฒิ’ ที่พลังกายและพลังใจกลับมาดี ทำให้สามารถเล่นได้ดีขึ้นกว่าช่วงแรกอย่างเห็นได้ชัด จนสามารถปิดเกมเอาชนะไป ด้วยคะแนน 19-21, 21-18, 21-7 คว้าแชมป์โลกสมัยแรกไปครอง และจารึกชื่อเป็นนักแบดมินตันชายเดี่ยวคนแรกของไทย ที่คว้าแชมป์แบดมินตันโลกได้สำเร็จ

‘ศุภชัย-รัตนากร’ 2 แข้งบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ช่วยเหลือสาวติดอยู่ในรถ  หลังประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำบนทางด่วน โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก

เมื่อวานนี้ (27 ส.ค. 66) กลายเป็นที่ชื่นชมอย่างมากสำหรับ 2 นักเตะสโมสร ‘ปราสาทสายฟ้า’ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อย่าง ‘อาร์ม ศุภชัย ใจเด็ด’ และ ‘เกม รัตนากร ใหม่คามิ’ ซึ่งเป็นฮีโร่ช่วยชีวิตสาวผู้เคราะห์ร้ายที่ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ บนทางด่วน เมื่อคืนวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา

ศุภชัย ใจเด็ด และ รัตนากร ใหม่คามิ เพิ่งเสร็จสิ้นจากการลงเล่นให้กับต้นสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บุกเอาชนะ สุโขทัย เอฟซี 1-0 ในฟุตบอลรีโว่ ไทยลีก 2023/24 นัดที่ 3 ของฤดูกาล โดยที่ ศุภชัย ใจเด็ด เป็นผู้ยิงประตูชัยในเกมดังกล่าวอีก

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมา ศุภชัย ใจเด็ด และรัตนากร ใหม่คามิ ได้ลงไปช่วยสาวผู้ประสบเหตุรถยนต์พลิกคว่ำบนทางด่วน หลังจบเกมกับสุโขทัย เอฟซีเมื่อคืน โดยมีรายงานว่า โชคดีที่สาวผู้ประสบเหตุไม่เป็นอะไรมาก และได้รับความช่วยเหลือปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว

ต้องเรียกได้ว่า 2 แข้งปราสาทสายฟ้าทั้ง ศุภชัย ใจเด็ด และ รัตนากร ใหม่คามิ เป็นฮีโร่ทั้งในและนอกสนามอย่างแท้จริง

'นัท-เขตต์' 2 นายทหารสัญญาบัตรสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือต่างประเทศ  'มุ่งมั่นทำงานรับใช้ชาติ - พร้อมเป็นเสาหลักและที่พึ่งพิงให้กับครอบครัว'

(28 ส.ค. 66) พลเรือโท ประวุฒิ รอดมณี ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ให้โอวาทแสดงความยินดีและรับรายงานตัวนายทหารสัญญาบัตร ที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือต่างประเทศ จำนวน 2 นาย ได้แก่ ว่าที่เรือโท ณัฐวุฒิ อุทรส พร้อมกับ ว่าที่เรือตรี สุรศักดิ์ บรรดาศักดิ์ ณ ห้องรับรอง2 กองบัญชาการโรงเรียนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

โดยว่าที่เรือโท ณัฐวุฒิ หรือ น้องนัท เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 58 นักเรียนนายเรือรุ่นที่ 115 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือสเปน โดยเข้าการศึกษาตั้งแต่ 15 สิงหาคม 2560 ถึง 21 กรกฎาคม 2566 เป็นระยะเวลา 5 ปี

แรงบันดาลใจของน้องนัทในการเข้ามาเป็นนักเรียนนายเรือนั้น เกิดจากที่ต้องการจะแบ่งเบาภาระครอบครัว โดยในระหว่างที่ศึกษาเป็นนักเรียนนายเรือนั้น น้องนัทจะได้รับเงินเดือน ซึ่งสามารถพึ่งพาตัวเองได้โดยไม่ต้องลำบากผู้ปกครอง เนื่องจากครอบครัวมีฐานะปานกลาง จึงไม่อยากรบกวนผู้ปกครอง และการที่ได้เข้ามาเป็นทหารเรือนั้น สามารถมอบประสบการณ์ในการพบเห็นโลกกว้างทั้งจากการไปฝึกทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างจากอาชีพอื่น ดังคำกล่าวที่ว่า Join Navy to see the world ซึ่งการที่มีหลักสูตรไปศึกษาต่อในต่างประเทศนั้น ได้มอบโอกาสในการเห็นมุมมองของคนต่างประเทศจากภายในและได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในระยะยาว

อีกทั้งในการไปราชอาณาจักรสเปนยังได้ภาษาที่ 3 ซึ่งภาษาสเปนถูกใช้มากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองมากจากภาษาจีน และเรือลำใหญ่ที่สุดของกองทัพเรือไทยก็มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสเปนด้วย จึงเป็นเหตุผลที่น้องนัทเลือกศึกษาในประเทศนี้

สำหรับประสบการณ์ที่ได้จากการไปศึกษาที่ราชอาณาจักรสเปน ด้วยการเรียนที่โรงเรียนนายเรือสเปนจะใช้ภาษาสเปนในการสื่อสาร ดังนั้นจึงต้องมีการเรียนภาษาก่อน 1 ปี แล้วจากนั้นจึงเข้าศึกษาหลักสูตรในโรงเรียนนายเรืออีก 5 ปี รวมเป็น 6 ปี การศึกษาในโรงเรียนเป็นการศึกษาวิชาทางทหาร ทั้งยุทธวิธีและการปฏิบัติทางเรือควมคู่ไปกับหลักสูตรปริญญาสาขาวิศวกรรมเครื่องกลจากมหาวิทยาลัยบีโก้ ที่มีความเข้มข้นในหลักสูตร โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับเรือ เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับบริษัท Navantia ที่เป็นบริษัทที่ผลิตเรือทั้งเรือสินค้าและเรือรบ

โดยปัจจุบันทางสเปนกำลังผลิตเรือฟริเกตเป็นคลาส F-110 เป็นของตัวเอง คาดว่าแล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2568 ในช่วงที่นัทศึกษาอยู่ที่โรงเรียนนายเรือฯ ได้มีโอกาสไปฝึกเดินทางรอบโลกที่จะมีในรอบ 100 ปี ด้วยเรือใบฝึก A-71 Juan Sebastian Elcano เนื่องในโอกาสครบรอบ 500 ปีในการเดินทางรอบโลกครั้งแรกเป็นเวลา 6 เดือน และได้มีโอกาสไปฝึกปฏิบัติงานที่เรือยกพล LPD L-51 Galicia เรือน้ำมัน A-14 Patiño และเรือฟริเกต F-105 Cristobal Colón

ด้าน ว่าที่เรือตรี สุรศักดิ์ หรือ เขตต์ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 59 นักเรียนนายเรือรุ่นที่ 116 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกา สาขา Electrical Engineering โดยเข้าศึกษาตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2562 ถึง 31 พฤษภาคม 2566 เป็นระยะเวลา 5 ปี แรงบันดาลใจของน้องเขตต์ ในการเข้ามาเป็นนักเรียนนายเรือนั้น เกิดจากที่ความตั้งใจของน้องเขตต์ที่ต้องการมีหน้าที่การงานที่มั่นคงเพื่อที่จะเป็นเสาหลักและเป็นที่พึ่งพิงให้กับครอบครัว

น้องเขตต์รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นข้าราชการคนแรกให้กับครอบครัวบรรดาศักดิ์ น้องเขตต์มีความสนใจในด้านภาษา เทคโนโลยี และชอบศึกษาความเป็นมาและความเป็นไปของวัฒนธรรม จึงจุดประกายความคิดที่อยากจะสมัครสอบเป็นนักเรียนทุนต่างประเทศ และน้องเขตต์ก็ทำได้สำเร็จ สอบชิงทุนได้ลำดับที่ 1 และเลือกที่จะไปศึกษาต่อประเทศสหรัฐอเมริกา น้องเขตต์รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้เป็นตัวแทนไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนกองทัพเรือไทย ในการไปเรียนรู้สั่งสมประสบการณ์ เพื่อที่จะนำความรู้และวิทยาการที่ได้รับ มาปรับและประยุกต์ใช้กับกองทัพเรือไทย

โดยในระหว่างที่ศึกษาน้องเขตต์ได้รับประสบการณ์จากการไปศึกษาที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ ด้วยความที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ เปิดรับนักเรียนด้วยระบบโควตาจากทุก ๆ รัฐ อีกทั้งยังมีนักเรียนต่างชาติอีก 13 ประเทศ จึงทำให้มีความหลากหลายทั้งทางด้านความคิด มุมมอง วัฒนธรรม สำเนียง หรือแม้จะเป็นวิธีการพูดที่ไม่เหมือนกัน ถึงจะพูดภาษาเดียวกันหมด คือภาษาอังกฤษ แต่ที่น่าสนใจคือทุกวัฒนธรรมอยู่รวมปนกันได้อย่างลงตัว แม้จะเป็นสภาพแวดล้อมจะเป็นการฝึกศึกษาทางทหาร และเป็นที่น่าชื่มชมที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการปลูกฝังทางความคิดทั้งทางด้านความเป็นผู้นำและทางสติปัญญาให้กับนักเรียนนายเรือ เช่น เรื่องแรกที่โรงเรียนปลูกฝังให้กับนักเรียนนายเรือคือ การมีทัศนคติความเป็นผู้ฟังที่ดี มีความเคารพในมุมมองที่ต่างจากตน และมีความกล้าที่จะคิดเห็นและแสดงออก จึงทำให้นักเรียนนายเรือทั้งมีการพัฒนาความคิดจากหลากหลายมุม แล้วยังเกิดการต่อยอดทางความคิดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับการไปใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ในภายภาคหน้าในฐานะนายทหารเรือซึ่งจะต้องไปนำหน่วยรบต่อไป

ทั้งนี้ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือได้กล่าวต้อนรับและให้โอวาทแก่นายทหารสัญญาบัตรที่จบใหม่ โดยขอให้ตั้งใจการทำงาน ใช้ความรู้ความสามารถเพื่อตอบสนองทุกภารกิจที่กองทัพเรือ ได้อย่างเต็มที่ เต็มขีดความสามารถ ธำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

ชาวเน็ต โวย กลุ่มบิดเบืยนข้อเท็จจริง ปมปรับขึ้น VAT ชี้!! หากไม่ปรับขึ้น รัฐฯ อาจแบกรับภาระทั้งหมดไม่ไหว

(27 ส.ค. 66) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับประเด็นการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จาก 7% เป็น 10% โดยระบุว่า…

“คนกลุ่มหนึ่งเรียกร้องอยากได้รัฐสวัสดิการแบบประเทศในกลุ่ม Scandinavia เลี้ยงดูกันไปตั้งแต่เกิดจนตาย โดยอ้างว่า ตัวเองจ่าย VAT เยอะแล้ว… พอมีแนวคิดจะขึ้น VAT เป็น 10% (ซึ่งเป็นอัตราปกติ ที่เราจ่าย 7% นี่เป็นอัตราลดมาเนิ่นนาน) ก็โวยวายว่า VAT เป็นภาษีแห่งความเหลื่อมล้ำ ควรจัดเก็บภาษีแบบขั้นบันได 😅

ข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า
1.) Income Tax เก็บเป็นขั้นบันไดอยู่แล้ว แต่มีคนจ่ายแค่ 4 ล้านคน ต้องแบกรับภาระคนทั้งประเทศ

2.) VAT ที่ไหนก็เก็บเป็น flat rate แล้วมันก็ยุติธรรม เพราะคนรวยที่ซื้อของเยอะ ก็ต้องจ่าย VAT เยอะ ธุรกิจที่ขายของได้เยอะ ก็ต้องนำส่ง VAT เยอะ

3.) ถ้าอยากได้รัฐสวัสดิการแบบ Scandinavia ก็ช่วยดูด้วยว่า เขาจ่าย VAT กัน 25%... ไหวไหมล่ะ นี่ยังไม่นับ Income Tax ที่เขาจ่ายกันเกิน 50% แถมยังมีฐานภาษีที่กว้างมากด้วย

4.) หลายคนไม่ยอมศึกษาระบบประกันสังคมของไทย ซึ่งออกแบบมาดูแลแรงงานในระบบตั้งแต่เกิดจนตาย โดยใช้หลักคิด co-pay ร่วมกันจ่าย 3 ฝ่าย : รัฐบาล นายจ้าง ลูกจ้าง… เมื่อคน 10+ ล้านคนอยู่ในระบบนี้แล้ว รัฐฯ จึงมีภาระดูแลเฉพาะคนที่ไม่มีสวัสดิการใดๆ ซึ่งรัฐฯ ต้องจ่ายฝ่ายเดียว

5.) ประเทศที่ล้มละลายเพราะให้สวัสดิการมากไปก็มี แม้แต่ Sweden เองก็ต้องทยอยลดสวัสดิการลง เพราะรัฐฯ แบกภาระไม่ไหว

การที่ Influencer นำเสนอข้อมูลบิดเบือน ก็ไม่ต่างอะไรกับ Propaganda ที่หวังผลทางการเมือง แล้วเราก็จะอยู่กันในโลกที่ถกเถียงกันด้วยข้อมูลผิดๆ แบบนี้ไปอีกนาน”

‘ทัพนักกีฬาว่ายน้ำไทย’ ผงาด!! ครองตำแหน่งเจ้าสระ กวาดรวม 90 เหรียญ ในศึก ‘SEA Age Group 2023’

ความเคลื่อนไหวของทัพนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติไทย ชุดเข้าร่วมการแข่งขัน ‘SEA Age Group Championships 2023’ ที่ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค.66 โดย พล.อ.เจริญ นพสุวรรณ เลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลงานของนักกีฬาทีมชาติไทยในการแข่งขันรายการดังกล่าวว่า…

“สำหรับการแข่งขัน SEA Age Group Championships 2023 เป็นการแข่งขันครั้งที่ 45 ที่เมืองจากาตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อระหว่างวันที่ 24-26 ส.ค.66 ได้จบลงด้วยความเรียบร้อยทุกประการ โดยมีแข่งขัน 3 ประเภท ว่ายน้ำ, กระโดดน้ำ และ โปโลน้ำ ผลการแข่งขันในส่วนของว่ายน้ำได้ 17 เหรียญทอง, 29 เหรียญเงิน, 44 เหรียญทองแดง, กระโดดน้ำได้ 2 เหรียญทอง, 1 เหรียญเงิน และโปโลน้ำได้ 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน”

“โดยภาพรวมของผลการแข่งขันทีมว่ายน้ำไทยเราได้เหรียญรวม 90 เหรียญ ถือว่าเป็นเจ้าสระอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ใหม่ของ เวิลด์อควาติกส์ (World Aquatics) หรือ องค์กรกำกับดูแลเกี่ยวกับกีฬาทางน้ำ ที่เริ่มใช้การวัดที่จำนวนเหรียญรวม หลักเกณฑ์นี้เริ่มใช้ในการแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ที่ผ่านมา จึงถือว่านักกีฬาว่ายน้ำเยาวชนทีมชาติไทยยังครองความเป็นเจ้าสระเป็นปีที่สองติดต่อกันต่อจากปี 2022 ที่แข่งขันกันที่มาเลเซีย”

“นักกีฬาที่ ส.กีฬาว่ายน้ำฯ ส่งเข้าแข่งขันทั้ง 3 ประเภทในครั้งนี้ ทาง ส.กีฬาว่ายน้ำฯ ได้ตัดสินใจพักตัวหลัก 12 คน เพื่อเตรียมไปแข่งขันว่ายน้ำชิงแชมป์โลกเยาวชนในช่วงต้นเดือน ก.ย. 66 รวมถึงการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ในปลายเดือน ก.ย. 66 ด้วย พร้อมกับให้โอกาสนักกีฬาในระดับทีมบี และ ทีมซี ไปร่วมการแข่งขันเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ซึ่งทุกคนทำได้ดี เหรียญรางวัลจึงไปสะสมอยู่ที่เหรียญเงินและเหรียญทองแดงเป็นหลัก”

เลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย ยังเปิดเผยต่ออีกว่า “ในส่วนของกีฬากระโดดน้ำได้ดาวรุ่งสาวดวงใหม่แจ้งเกิดในการแข่งขันครั้งนี้ในอุปกรณ์สปริงบอร์ด 1 เมตร และ 3 เมตร คือ น้อง ลิลลี่ ประทีบ ที่คว้า 2 เหรียญทอง และในรุ่นเดียวกันที่ได้อีก 1 เหรียญเงิน เป็นจุดเริ่มต้นในการต่อยอดพัฒนานักกีฬากระโดดน้ำ เพื่อความเป็นเลิศต่อไป”

“สำหรับโปโลน้ำหญิงเป็นไปตามฟอร์ม ที่เป็นหนึ่งในอาเซียนมา 7 ปีติดต่อกัน ส่วนทีมชายก็ถือว่าพัฒนาแบบก้าวกระโดดเป็นอย่างมากภายใน 2 ปีที่ผ่านมา ในระหว่างแข่งขันครั้งนี้ มีการหารือแนวทางการจัดการแข่งขัน SEA Age Group Championships 2024 ครั้งที่ 46 ที่ประเทศไทยจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในปี พ.ศ.2567 โดย ส.กีฬาว่ายน้ำฯ วางเป้าหมายในการครองความเป็นเจ้าสระให้ได้เป็นปีที่ 3 อย่างต่อเนื่อง โดยจะจัดการแข่งขัน 5 ประเภท ประกอบด้วย ว่ายน้ำ, ระบำใต้น้ำ, กระโดดน้ำ, ว่ายน้ำมาราธอน และ โปโลน้ำ ซึ่งชาติสมาชิกในอาเซียนรับทราบในขั้นต้นแล้ว” พล.อ.เจริญ กล่าวทิ้งท้าย

‘นักเรียน’ ครีเอทชุดรีไซเคิล ‘ไททานิก’ แถมแล่นได้จริง ชาวเน็ตสุดเอ็นดู!! แห่แซว ชนะแบบล้มลุกคลุกคลาน

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 66 ได้ผู้ใช้ TikTok รายหนึ่ง ชื่อ @kaewta_wilawan โพสต์คลิปการประกวดชุดรีไซเคิล เนื่องในวันสัปดาห์วิทยาศาสตร์ จนเรียกเสียงฮือฮาในโลกโซเชียล และเสียงชื่นชมจากชาวเน็ตจำนวนมาก พร้อมและข้อความระบุว่า…

“รางวัลชนะเลิศจ้า👍👏#ประกวดชุดรีไซเคิล #สัปดาห์วิทยาศาสตร์ #วิทยาศาสตร์ #เรือไททานิค #โรงเรียนวัดราชโอรส”

ในคลิปเป็นภาพการประกวดชุดรีไซเคิล ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในแขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร

มีชุดหนึ่งที่โดดเด่น ด้วยไอเดียและการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร เพราะมีนักเรียนคนหนึ่งออกแบบชุดรีไซเคิลเป็น ‘เรือไททานิก’ ที่ทำจากลังกระดาษเหลือใช้ และขวดน้ำอัดลม

แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ เรือลำนี้สามารถ ‘แล่น’ ได้จริง จนสร้างความฮือฮาและเสียงหัวเราะให้กับนักเรียนทั้งโรงเรียน และคนที่ชมคลิปจากทาง TikTok จำนวนมาก

โดยสาเหตุที่ทำให้เรื่องลำนี้แล่นได้นั้น เพราะนักเรียนคนดังกล่าวแต่งตัวด้วยชุดเรือไททานิก และใช้ ‘สเกตบอร์ด’ ในการเลื่อนตัวเอง เพื่อให้เหมือนกับว่าเรือกำลังแล่นอยู่จริงๆ

และพบว่า นักเรียนคนดังกล่าว ได้รับรางวัล ‘ชนะเลิศ’ จากการประกวดครั้งนี้ด้วย!!

หลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ไป มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก เช่น

“เกมส์ซ่า ท้ากึ๋นมากกก”
“ก็ไม่คิดว่าจะคลานมา”
“คนอื่นเน้นขายสวย อันนี้เน้นเป็นตำนานล้มลุกคลุกคลานแถมได้รางวัลด้วย”
“ละชุดอื่นที่เดินผ่านไปไม่มีคนมองเลยนะ เล่นใหญ่เกิ้น ยอม”
“เฟี้ยวมากก ทำได้ไงเนียย ปรบมือๆๆ”
“เล่นใหญ่มาก”
“แอนนาอึ้ง กรรมการอึ้ง ครูนักเรียนอึ้ง”
“ต้องให้รางวัลความคิดสร้างสรรค์ ความฉลาดและความพยายาม”
“น้องผู้ชายขวามือถึงกับขยี้ตาแล้วหันไปมอง”

วปอ. รวมพลัง สถาบันพระปกเกล้า บอก ”รักเมืองไทย“ กระหึ่มสนามศุภฯ ผ่านการแสดงสะท้อนสังคม รักความเป็นชาติไทย

วันที่ 26 สิงหาคม ที่ สนามศุภชลาศัย พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน เปิดการแข่งขันฟุตบอลประเพณี วปอ.-สถาบันพระปกเกล้า ภายใต้แนวคิด “รักเมืองไทย” ชิงถ้วยรางวัลสภากาชาดไทย และ ชิงถ้วยรางวัลจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์  ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีแรก 

บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ทั้ง คณาจารย์ ศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันของ วปอ. และ สถาบันพระปกเกล้า ประกอบด้วย หลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) หลักสูตรการเสริมสร้างสังคมสันติสุข (4 ส.) หลักสูตรการบริหารงานภาครัฐและกฎหมายมหาชน (ปรม.) หลักสูตรการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะสําหรับนักบริหารระดับสูง (ปศส.) เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างล้นหลาม

ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก พล.ท.ชาติชาย ชัยเกษม ผู้อํานวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี นายถิรชัย วุฒิธรรม ประธานมูลนิธิเพื่อนักกีฬาไทย พล.อ.ราชรักษ์ เรียนพืชน์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถานีวิทยุโทรทัศน์ ททบ.5 พล.อ.วิชัย ชูเชิด ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า  ดร.ถวิลวดี บุรีกุล รองเลขาธิการ สถาบันพระปกเกล้า ดร.ธิติมา หล่อพิพัฒน์ นายกสมาคมแห่งสถาบันพระปกเกล้า พล.อ.มารุต ปัชโชตะสิงห์ สมาชิกวุฒิสภา ร่วมงาน

โดยกิจกรรมเริ่มขึ้นด้วยการแสดงวงดุริยางค์ ของกองบัญชาการกองทัพไทย จากนั้นเป็นการร่วมแสดงของศิษย์ทั้งสองสถาบัน โดยเนื้อหาแสดงถึงความเสียสละ ความรัก ความสามัคคี นำมาซึ่งการรักษาความเป็นไทย มาถึงปัจจุบัน ต่อด้วยขบวนพาเหรด 

สิ่งที่น่าสนใจต้องยกให้การเดินขบวนพาเหรดที่ทั้ง 2 สถาบันได้สะท้อนสังคม รักความเป็นชาติไทย ที่ทั้งสองฝั่ง วปอ.-สถาบันพระปกเกล้า ทำออกมาได้รับเสียงปรบมือสนั่นสเตเดียมเลยทีเดียว รวมไปถึงการเชียร์ของทั้งสองทีม แบบจัดเต็มจัดหนัก เสียงดังสนั่นทั่วทั้งสนามศุภชลาศัย 

ไฮไลต์เป็นการแสดงชุด "รักเมืองไทย" ด้วยการใช้โทนสีแดง ขาว น้ำเงิน ที่แสดงถึง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ฉากแรกเริ่มต้น การแสดงกล่าวถึงความเสียสละของคนไทยสมัยก่อน ที่ร่วมกันปกป้องผืนแผ่นดินไทย

ฉากที่สองกล่าวถึงความหลากหลายของศาสนาในประเทศไทย ถึงแม้จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ 

ฉากที่สามกล่าวถึงสถาบันกษัตริย์ ความสามัคคีของคนไทย ไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนของไทย ก็ร่วมกันสามัคคี เพื่อถวายแด่พ่อหลวงของปวงไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน

ฉากที่สี่กล่าวถึงประเพณีสี่ภาค การแสดง ศิลปะและประเพณีของแต่ละภาค เริ่มต้นจากภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง 

ฉากที่ห้ากล่าวถึงความแตกต่างของเอกลักษณ์และประเพณีของแต่ละภาค ถึงแม้จะแตกต่างกันแต่ทุกความแตกต่างล้วนแสดงถึงความเป็นไทยอย่างลงตัว

ส่วนขบวนพาเหรด "ผสานใจ รักษ์เมืองไทยยั่งยืน" ได้สื่อถึงความสมานฉันท์ของคนไทยที่มีความเทิดทูนจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ผ่านการแสดงพลังของศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของทั้ง 2 สถาบัน กว่า 200 คน ร่วมขบวนพาเหรดเชิญถ้วยรางวัล และแสดงถึงพลังแห่งความสามัคคี ปรองดอง และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ต่อด้วยการแข่งขันฟุตบอลคู่แรก ประเภท JUNIOR  ผลการแข่งขันสถาบันพระปกเกล้า ชนะไป 2:0 

ส่วนคู่สองประเภท SENIOR ผลการแข่งขัน วปอ.ชนะไป 1:0 โดยมีนักเตะกิตติมศักดิ์ร่วมแข่งขันด้วย อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นายธนกร วังบุญคงชนะ 

ดร.วิกร ภูวพัชร์ ประธานฝ่ายจัดการแข่งขัน สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงการ ”รักเมืองไทย” ว่า ประเทศเหมือนครอบครัว การรวมพลังของคนในชาติเหมือนสมาชิกในครอบครัวร่วมกันสร้างครอบครัว หากมีครอบครัวที่อบอุ่นทุกคนในครอบครัวก็มีแต่เติบโตแข็งแรงไปพร้อมกัน ส่วนการแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้ เกมส์ฟุตบอลในสนามแพ้ชนะไม่ใช่สิ่งสำคัญ กิจกรรมและความร่วมมือสร้างความสัมพันธ์มิตรภาพและความเสียสละเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน จะเป็นภาพที่งดงามและประทับใจมากกว่า หากทุกท่านเข้าใจและเสียสละในทรัพยากรที่ตัวเองมี บางท่านลงเงิน บางท่านลงแรงตามกำลังที่จะทำได้ ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ด้วยความรักและเข้าใจ มิตรภาพก็จะยั่งยืน

ด้านพันเอก ณัฎฐ์ ศรีอินทร์ ประธานฝ่ายกีฬา วปอ.65 กล่าวว่า ความรัก ทำให้เราสามารถเสียสละและทำทุกอย่างให้ได้ เรามีคนรัก เราสามารถเสียสละทุกอย่างและทำทุกอย่างให้คนรักได้ เรามีครอบครัว เราก็สามารถเสียสละและทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวได้ ดังนั้นเมื่อเราเกิดและอาศัยในผืนแผ่นดินไทย เราจึงต้อง “รักเมืองไทย” เสียสละทุกอย่างและทำทุกอย่างเพื่อผืนแผ่นดินไทยของเรา ศิษย์ วปอ. และ สถาบันพระปกเกล้าทุกคน “รักเมืองไทย” จึงขอเชิญชวนทุกคนมารักเมืองไทยด้วยกัน

‘สภาพัฒน์ฯ’ เผย ตลาดแรงงานของไทยกำลังเผชิญวิกฤต ส่งสัญญาณเตือน!! เด็กจบ ป.ตรี ‘ว่างงานพุ่ง-ได้เงินเดือนต่ำ’

‘สภาพัฒน์ฯ’ เปิดข้อมูลปัญหาของตลาดแรงงานของไทย แจ้งสัญญาณเตือน เด็กจบปริญญาตรี ว่างงานเพียบ ได้เงินเดือนต่ำ และแถมต้องทำงานต่ำกว่าระดับมากขึ้น

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานข้อมูลปัญหาของตลาดแรงงานของไทย และ การว่างงาน พบว่า แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง และตลาดแรงงานของไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ยังพบปัญหาคุณภาพของแรงงานและความไม่สอดคล้องของตลาดแรงงาน (Labor mismatching) ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการยกระดับการผลิตของไทยในอนาคต

ข้อมูลความต้องการแรงงานล่าสุด
จากข้อมูลการสำรวจความต้องการแรงงานจากโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในช่วงปี 2561 - 2565 พบว่าความต้องการแรงงานรวมเพิ่มขึ้นจาก 95,566 คนในปี 2561 เป็น 168,992 คนในปี 2565 แต่เมื่อพิจารณาสัดส่วนความต้องการแรงงานที่มีการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปนั้น ลดลงจาก 30.1% ของความต้องการแรงงานรวม ในปี 2561 เหลือเพียง 17.2% ในปี 2565 เท่านั้น

ส่วนสัดส่วนความต้องการแรงงานในการศึกษาระดับ ปวช. - ปวส. ลดลงเล็กน้อยจาก 23.7% ในปี 2561 เป็น 22.5% ในปี 2565 ขณะที่สัดส่วนความต้องการแรงงานที่มีการศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 6 - มัธยมศึกษาปีที่ 6 เพิ่มขึ้นจาก 41.1% ในปี 2561 เป็น 57.3% ในปี 2565 

อีกทั้งเมื่อพิจารณาเฉพาะความต้องการแรงงานเพียงสองระดับการศึกษา คือ ปริญญาตรีขึ้นไปและระดับ ปวช. และ ปวส. พบว่า สัดส่วนเฉลี่ยของความต้องการแรงงานที่มีการศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปลดลง โดยเฉลี่ยในช่วงปี 2561 - 2565 อยู่ที่ 45.6% ขณะที่สัดส่วนเฉลี่ยของความต้องการแรงงานที่มีการศึกษาในระดับ ปวช. และ ปวส. กลับเพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยปี 2561 - 2565 อยู่ที่ 54.4%

เปิดความต้องการแรงงานของบริษัท EEC
เมื่อพิจารณาข้อมูลความต้องการแรงงานของบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตพื้นที่ EEC ในปี 2565 จำแนกตามการศึกษา จำนวน 419 โครงการ ซึ่งมีความต้องการแรงงานรวม 52,322 คนนั้น พบว่า ระดับการศึกษาที่มีความต้องการมากที่สุด มีดังนี้

- ความต้องการแรงงานระดับ ป.6 ถึง ม.6 มีสัดส่วนถึง 59.1%
- ความต้องการแรงงานระดับ ปวช. - ปวส. อยู่ที่ 25.2%
- ความต้องการแรงงานระดับปริญญาตรีขึ้นไปอยู่ที่ 14.7% เท่านั้น

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาถึงอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า ระดับการศึกษาที่มีความต้องการ มากที่สุด มีดังนี้

- ความต้องการแรงงานระดับ ป. 6 ถึง ม.6 มีสัดส่วน 63.9 และ 63.2% ตามลำดับ
- ความต้องการแรงงาน ระดับ ปวช. - ปวส. อยู่ที่ 22.5% และ 23.6% ตามลำดับ
- ความต้องการแรงงานระดับปริญญาตรีขึ้นไปอยู่ที่ 13.5% และ 12.9% ตามลำดับ

โดยอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความต้องการแรงงานระดับปริญญาตรีขึ้นไปในสัดส่วนที่สูง ได้แก่ อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูปอาหาร ส่วนอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีความต้องการแรงงานระดับ ปวช. และ ปวส. ในสัดส่วนที่สูง ได้แก่ อุตสาหกรรมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณากำลังแรงงาน โดยอ้างอิงจากจำนวนนักเรียน นักศึกษาที่อยู่ในภาคอุดมศึกษา (ระดับปริญญาตรีขึ้นไป) พบว่า ในปี 2564 มีจำนวนนักศึกษา ในระดับอุดมศึกษารวม 1,902,692 คน แม้จะลดลงจากจำนวน 2,171,663 ในปี 2561 แต่ยังสูงกว่าเมื่อเทียบกับนักเรียนที่อยู่ในระดับ ปวช. และ ปวส. ในปี 2564 ที่มีจำนวน 374,962 คน

ดังนั้น จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อน ให้เห็นถึงสถานการณ์ตลาดแรงงานที่เผชิญกับปัญหาความไม่สอดคล้องกันระหว่างกำลังแรงงานที่ผลิตออกมา (ด้าน Supply) และความต้องการของตลาด (ด้าน Demand) นั่นคือ มีแรงงานจบใหม่ที่เข้าสู่ตลาดที่จบอุดมศึกษาในระดับปริญญาตรีขึ้นไปในสัดส่วนสูงมาก

ด้วยเหตุนี้ จึงส่งผลให้แรงงานในระดับปริญญาตรีต้องทำงานต่ำกว่าระดับมากขึ้น และสัดส่วนผู้ว่างงานในระดับปริญญาตรีจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นข้อจำกัดของตลาดแรงงานไทยในระยะต่อไป

‘คุณอ้อย พอใจ’ เผย ความภาคภูมิใจที่ได้ถวายงาน ‘ในหลวง ร.9’ เมื่อครั้งยังเป็นเจ้าหน้าที่กระจายเสียง กรมประชาสัมพันธ์

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 66 คุณพอใจ กิจถาวรรัตน์ หรือ ‘พี่อ้อย’ ข้าราชการบำนาญ อดีตหัวหน้าผู้ประกาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้เล่าถึงประสบการณ์ชีวิตการทำงาน ในบทบาทของเจ้าหน้าที่กระจายเสียง ผ่านรายการ ‘Baby Boom ภูมิใจ วัยเก๋า ไปด้วยกัน’ EP.1 ตอน อายุเป็นเพียงตัวเลข ออกอากาศเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 66 รับชมผ่านช่องทางรับชมในเครือ THE STATES TIMES และ MAYA Channel ช่อง 71, 93

โดยคุณพอใจ ได้เล่าย้อนกลับไปในสมัยเข้าบรรจุครั้งแรกที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ จังหวัดนครราชสีมา ก่อนจะย้ายเข้ามารับตำแหน่งที่กรุงเทพฯ ด้วยฝีมือและผลงานของตัวเอง ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างมากเนื่องจากในสมัยก่อน งานสื่อวิทยุกระจายเสียงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก และต้องมั่นฝึกฝนทักษะ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ จึงจะโลดแล่นในวงการได้อย่างราบรื่น

อย่างไรก็ตาม ในขอบเขตงานที่คุณพอใจได้ทำ และมีความภาคภูมิใจที่สุด คือการได้ถ่ายทอดเสียงพระราชกรณียกิจ ของในหลวง รัชกาลที่ 9 ซึ่งในรัชสมัยของพระองค์ท่านนั้น พระองค์ทรงงานเยอะมาก รวมถึงยังได้มีโอกาสถ่ายทอดเสียงพระราชพิธีต่างๆ ซึ่งทำให้คุณพอใจมีความภาคภูมิใจมากๆ ที่ได้ทำงานตรงนี้

“ในตอนเด็กๆ พี่เคยสงสัยว่า เวลาเขาเล่าเรื่องราว ถ่ายทอดเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ ทำไมเขาถึงดูซาบซึ้งกันจังเลย ซึ่งนั่นเป็นไปด้วยความคิดแบบเด็กๆ ของพี่ในตอนนั้น แต่เมื่อเราโตขึ้น เราได้ไปศึกษา หาข้อมูล เราได้ติดตาม ได้รู้ ได้เห็น ก็ทำให้เข้าใจว่า ที่เขาเคยๆ พูดกันเรื่องพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านนั้น ไม่มีอะไรเกินจริงเลย”

“อย่าลืมนะว่าในยุคสมัยนั้นไม่มีสื่อโซเชียลเหมือนอย่างในยุคสมัยนี้ เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมีการมานั่ง ‘สร้างภาพ’ อะไรกันเลย ทำงานก็คือทำงานกันจริงๆ”

“ดังนั้น พี่พอใจ จึงมีความภาคภูมิใจที่เราได้ทันเห็นพระองค์ท่าน ได้มีโอกาสถวายงานแก่พระองค์ท่าน ได้มีโอกาสทำงานรับใช้บ้านเมืองค่ะ” คุณพอใจ ทิ้งท้าย

หากต้องการติดตามเรื่องราวดีๆ จาก ‘Baby Boom ภูมิใจ วัยเก๋า ไปด้วยกัน’ EP.1 ตอน อายุเป็นเพียงตัวเลข แบบเต็มๆ สามารถคลิกลิงก์ >> https://www.youtube.com/live/FSYnVvf4WZQ?si=MYKTE708E9GwEeb8


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top