Sunday, 15 June 2025
NEWS FEED

สมาคมศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในพระบรมราชูปถัมภ์” ชม หม้อแปลงซับเมอร์ส ระบบสายไฟฟ้าใต้ดิน ลดคาร์บอน ลดก๊าซเรือนกระจก (Submersible Transformer Low Carbon)

สมาคมศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เยี่ยมชม “หม้อแปลงใต้ดิน Low carbon” โดยได้รับการต้อนรับจาก ดร. สมบัติ วนิชประภา ที่ปรึกษาสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคุณประจักษ์ กิตติรัตนวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จำกัด โครงการทรัพย์สินจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Submersible Transformer Low carbon การนำสายไฟลงดินทั้งระบบ ในพื้นที่สยามสแควร์ หม้อแปลง Submersible Transformer Low carbon ไม่บังหน้าร้าน, ไม่บังร้านค้า ไม่บังหน้าบ้าน เสริมสร้างทัศนียภาพ สร้างความปลอดภัยต่อประชาชนและบริหารระบบจัดการพลังงานสิ้นเปลือง ลดมลพิษ ลดค่าไฟฟ้า ลดคาร์บอน ลดก๊าซเรือนกระจก สร้างความมั่นคงพลังงานอย่างยั่งยืน ให้ผู้ประกอบการโรงงาน อาคาร สถานประกอบการ สอดคล้อง พันธกิจ ส่งเสริม พัฒนา สนับสนุนระบบไฟฟ้าสายใต้ดิน และการใช้พลังงานสะอาด ในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เชิงพาณิชย์อย่างมั่นคง

และเป็นการตอบโจทย์นโยบายของรัฐบาลในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ตามที่กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emission

    
ทางกลุ่มความร่วมมือ ขอขอบคุณ สมาคมศิษย์เก่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ให้เกียรติมาเยี่ยมชม นวัตกรรม สินค้าบัญชีนวัตกรรมไทย หม้อแปลงใต้ดิน Low carbon การจัดการพลังงานและบำรุงรักษาแบบ IoT เพื่อเสริมสร้างระบบไฟฟ้าลงดิน เกิดความเสถียรภาพและความมั่นคง

#88pacific
ข้อมูลข่าว:สมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม

ศลต.ตร. อบรมให้ความรู้ข้อกฎหมายก่อนการเลือกตั้งให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง...

เมื่อวานนี้ (28 เม.ย.66) เวลา 09.00 น. ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.สลต.ตร.(3) เป็นประธานในการประชุมเปิดอบรมให้ความรู้กฎหมายเลือกตั้งแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง และการจัดทดสอบความรู้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ารับฟังการอบรม

วิทยากรที่ให้ความรู้ในวันนี้ มีจำนวน 2 ท่าน คือ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี และ นายวิฑูรย์ อิศรภัคดี ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย 2 สำนักกฎหมายและคดี กกต. ณ ศปก.ตร. ชั้น 20 อาคาร 1 ตร. พร้อมถ่ายทอดสัญญาณไปยังข้าราชการตำรวจ 110,340 นาย  ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ดูแลการเลือกตั้งทั่วประเทศผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ และหลังจากการเข้ารับการอบรมรับฟังความรู้ข้อกฎหมายเสร็จสิ้นแล้ว ผบ.ตร.ได้จัดให้มีการทดสอบความรู้ในครั้งนี้โดยการทำการทดสอบผ่านคลังข้อสอบ ONLINE จำนวน 35 ข้อ (เกณฑ์การผ่านคือ 80 เปอร์เซนต์ หรือ 28 ข้อ) ณ ที่ตั้งของแต่ละสถานีตำรวจ หรือสถานที่ที่แต่ละหน่วยกำหนดให้ข้าราชการตำรวจมาเข้ารับฟังการอบรม

วัดคลองท่อม จัดพิธีเททองหล่อพระพุทธสิหิงค์ ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดหน้าตัก118 นิ้ว ประดิษฐานพระธาตุมหาเจดีย์วัดคลองท่อม มีชาวพุทธศาสนิกชนแห่ร่วมงานนับหลายพันคน  

วันที่ 28 เมษายน 2566 เวลา 08.18 น พระครูสถิตนราธิการ ดร. เจ้าคณะตำบลคลองท่อมใต้ เจ้าอาวาสวัดคลองท่อม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พล.ต.อ. องอาจ มีคุณสมบัติ  เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พล.ต.ท. สมชาย นิตยบวรกุล นายพิริยะ ศรีสุขสมวงศ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลคลองท่อมใต้ ร่วมพิธีเททองหล่อพระพุทธสิหิงค์องค์พระประธานหน้าตักกว้าง 3 เมตรเพื่อประดิษฐานในพระมหาธาตุเจดีย์วัดคลองท่อม ณ มณฑลพิธีพระธาตุมหาเจดีย์วัดคลองท่อม อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ 
โดยพระครูสถิตนราธิการ เจ้าคณะตำบลคลองท่อมใต้ เจ้าอาวาสวัดคลองท่อม ทรงเจิมแผ่นทองคำ เงิน นาก แล้วทรงประกอบพิธีเททองหล่อนำฤกษ์ ซึ่งมีพิธีกรรมทางพราหมณ์ ร่วมด้วย โดยมีการเจริญพระพุทธมนต์และเจริญชัยมงคลคาถา จากพระสงฆ์ที่เข้าร่วมในพิธี 

โดยงานเททองหล่อพระพุทธสิหิงค์ ในครั้งนี้มีกำหนดจัดงานตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 28 เมษายน 2566 รวมเป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ซึ่งได้รับความสนใจจากพุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมงานบุญในครั้งนี้หลายพันคน และมีการเททองหล่อพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งมีขนาดหน้าตัก 3 เมตร หรือ 118 นิ้ว ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เท่าที่มีการหล่อพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นองค์พระประธานประดิษฐานพระมหาธาตุเจดีย์วัดคลองท่อม รูปแบบนับเป็นพระพุทธรูปสำคัญ ซึ่งมีลักษณะคล้ายพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณกาล ประดิษฐานอยู่ในบุษบกไม้ ณ หอพระ ระหว่างศาลกับศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช องค์นี้ศิลปะศรีวิชัย ผสมผสานในสมัยกรุงศรีอยุธยา และส่วนพระธาตุมหาเจดีย์วัดคลองท่อมก็เป็นสถาปัตยกรรมแบบศรีวิชัย และมีไม่กี่แห่งของภาคใต้ สร้างเพื่อถวายเป็นพุทธบูชาสืบไป 

เตือนคนที่ชอบกิน ‘ไข่ลวก’ เสี่ยงท้องเสีย จากเชื้อ Salmonella แถมยังมี ‘อะวิดิน’ ที่ขัดขวางการดูดซึม ‘ไบโอติน’ ในร่างกาย!!

(28 เม.ย.66) ผู้ใช้ TikTok บัญชี ‘Healthy Talk by หลี’ ได้ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับหัวข้อ ‘ไข่ต้มหรือไข่ลวก’ ไข่ชนิดไหนมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่ากัน โดยเฉพาะคนที่ชอบทานไข่ลวกทุกเช้า โดยระบุว่า…

ไข่ต้ม หรือ ไข่ลวก ไข่ชนิดไหนให้ประโยชน์มากกว่ากัน หัวข้อนี้เหมาะกับคนที่ชอบทานไข่ลวกกันทุกเช้า เพื่อนๆทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไข่เป็นอาหารที่มีสารอาหารประกอบหลายชนิดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินต่างๆมากมาย และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์ผิวหนัง วันนี้จะพามาดูว่า ไข่ต้ม หรือ ไข่ลวก ไข่ชนิดไหนมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่ากัน

ไข่ต้ม 1 ฟอง ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่ 
ไข่ลวก 1 ฟอง ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่
ไข่ดาว 1 ฟอง ให้พลังงาน 165 กิโลแคลอรี่ 
และไข่เจียว ให้พลังงาน 250 กิโลแคลอรี่ 

เราจะสังเกตเห็นว่า เจ้าตัวไข่ต้มและไข่ลวก ทั้ง 2 ชนิดนี้ให้พลังงานน้อยที่สุด จึงเหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก คนที่ต้องการทานเพื่อผอม แต่ไข่ลวกเสี่ยงต่อการท้องเสียจากเชื้อ ‘Salmonella’ และไข่ลวกจึงมีโปรตีน ‘อะวิดิน’ ซึ่งโปรตีนนี้จะไปขัดขวางการดูดซึม ‘ไบโอติน’ ในร่างกาย เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ไข่ต้ม มีประโยชน์สูงสุดเห็นๆ 


ที่มา : https://vt.tiktok.com/ZS83cqGro/

ตำรวจไซเบอร์ ทลายแก๊งเซียนพระ หวังรวยลัด แอบเปิดไลฟ์สดพนันออนไลน์

วันนี้ (27 เมษายน 2566) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 
(บช.สอท.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบการกระทำความผิดสื่อสังคมออนไลน์ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำความผิดในรูปแบบต่าง ๆ สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างจริงจัง

สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ได้ทำการตรวจสอบพบการเล่นการพนันทางแอปพลิเคชั่น TikTok  ใช้ชื่อ “Ter_wk” จากการสืบสวนทราบว่าเป็น กลุ่มเซียนพระในพื้นที่ภาคกลาง โดยใช้วิธีการจับฉลากชิงรางวัลเป็นเงินสด พระเครื่อง สินค้าแบรนด์เนม และของมีค่าต่างๆ โดยผู้เข้ามาเล่นจับฉลากเป็นจำนวนมาก ต่อมา จึงให้สายลับแฝงตัวร่วมเล่นพนัน กระทั่งสามารถพิสูจน์ได้ว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการกระทำความผิดจริง มีการแบ่งหน้าที่กันทำทั้งผู้ทำหน้าที่แอดมิน ผู้จับฉลาก ผู้โฆษณาเชิญชวนให้คนทั่วไปเข้ามาร่วมเล่นพนัน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาล พ.ต.ท.อดิชาต อมรประดิษฐ, พ.ต.ท.ประวิทย์ วงษ์เกษม รอง ผกก.วิเคราะห์ฯ บก.สอท.2 จึงสั่งการ พ.ต.ท.กัณห์พิพัฒน์ ปันแสน, พ.ต.ท.อโนทัย ดียิ่ง สว.ผกก.วิเคราะห์ฯ บก.สอท.2 
นำทีมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เข้าตรวจค้นและจับกุมผู้กระทำผิดได้ทั้งสิ้น 6 ราย ซึ่งกระทำผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศการโฆษณาหรือชักชวน โดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นหรือเข้าพนันในการเล่น ซึ่งมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน (เล่นจับสลากโดยวิธีใดๆ)” ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย

พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.2 กล่าวอีกว่าจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด ให้การรับสารภาพว่าตนเองและพวกเป็นเซียนพระรับเช่าบูชาพระเครื่องและวัตถุมงคล แต่รายได้ไม่เพียงพอ 
จึงมีแนวคิดนำพระเครื่องและสินค้าแบรนด์เนมมาพนันจับฉลากโดยการไลฟ์สดผ่านสื่อสังคมสัปดาห์ละ 4 -5 วัน รายได้ต่อวันถึง 10,000-50,000 บาท ทำมานานกว่า 1 ปี มีรายได้หมุนเวียนกว่า 10 ล้านบาท โดยจะทำการขยายผลตามพรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินต่อไป

เสาเอก อ.อัจฉริยะ’ รับ!! ‘ล้มมวย’ แลกเงิน 2 แสนบาท ด้าน ‘เสี่ยโบ๊ท’ ลั่น!! ขอตัดขาด-ไม่ปล่อยคนชั่วลอยนวล

เกิดเรื่องดรามาอีกครั้งในวงการมวยไทย เมื่อ เสาเอก อ.อัจฉริยะ สุดยอดกำปั้นระดับต้นๆ ในรุ่น 122 ปอนด์ ออกมายอมรับกับผู้จัดการค่ายว่าทำการ ‘ล้มมวย’ หลังเจ้าตัวชกแบบผิดฟอร์มสุดๆ ในคู่เอกของศึกเพชรยินดี เวทีราชดำเนิน เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา 

เสาเอก อ.อัจฉริยะ พ่ายแพ้คะแนนให้กับ ดีเซลเล็ก เพชรยินดีอะคาเดมี่ สร้างความแปลกใจให้กับเหล่าเซียนมวยในสนามเป็นอย่างมาก เพราะช่วงหลัง ‘เสาเอก’ ถือเป็นนักมวยฝีมือดี ฟอร์มดี และทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด แต่ไฟต์นี้กลับชกผิดฟอร์มไปแบบดื้อๆ 

หลังจบไฟต์ดังกล่าว ‘เสี่ยโบ๊ท’ ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์แห่งศึกเพชรยินดี เข้าไปคุยกับ เสาเอก อ.อัจฉริยะ เพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงชกผิดฟอร์มแบบน่าเกลียดขนาดนี้ โดยตัวของนักมวยได้อธิบายไปว่าตนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาจากการฝึกซ้อม ทำให้ชกออกมาได้ไม่ดี 

ล่าสุด ‘เปิ้ล นคร’ ผู้จัดการค่าย อ.อัจฉริยะ ได้ทำการสืบสวนในเรื่องดังกล่าวทันที ก่อนจะออกมาเปิดออกยอมรับว่า เสาเอก อ.อัจฉริยะ ล้มมวยในไฟต์ดังกล่าวจริง โดยได้รับค่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท 

ภัยร้ายสาวชี้เหงา ..สืบนครบาล รวบ “เซเลปเก๊” นัดเดทก่อนขโมยรถยนต์ เหยื่อโผล่ 8 ราย มีลูกชายดาราตลกชื่อดังถูกหลอก

เตือนภัยสาวใจเปลี่ยว ระวังคนร้ายสุดแสบ แฝงตัวในแอ็พพลิเคชั่นหาคู่ ควรหลีกเลี่ยงหากไม่อยากเสียทั้งตัวและทรัพย์สิน ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งมือดีแปลงกายเป็นสาวสวยและรวยมากจนนำมาสู่การจับกุมตัวคนร้ายโดยจะแฝงตัวอยู่ในแอ็พพลิเคชั่น “หาคู่” เช่น Tinder , Omi เป็นต้น แล้วสร้างโปรไฟล์เป็นเซเลป หนุ่มหล่อ รวย ถ่ายภาพคู่รถหรู ซึ่งแท้จริงเป็นรถคนอื่น ดึงดูดเหล่าหญิงสาวให้เกิดความสนใจ มีตัวตนหรือชื่อปลอมกว่าหลายชื่อ เช่น อุ้ม , อั้ม ,พัด , แซ็ค และ แร็ค แผนประทุษกรรมสุดแสบ  ใช้บัตรประชาชนคนอื่นเปิดโรงแรมตระเวนเลือกเหยื่อหญิงขี่เหงาที่มี “รถยนต์” ก่อนนัดเดทก่อนจะอาศัยช่วงเหยื่อเผลอขโมยรถยนต์ก่อนหายเข้ากลีบเมฆ ตรวจสอบพบผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 8 ราย และหนึ่งรายเป็นลูกชายดาราตลกชื่อดัง ถูกกลอกลงทุนอีกด้วย

เมื่อวันที่ 27  เมษายน  2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ณรงฤทธิ์ ทองแพ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว , พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น , ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ , ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ , จ.ส.ต.สรศักดิ์ ด้วงชู , จ.ส.ต.คมสันต์ สุดตานา , ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 , ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) , พ.ต.ต. อัษฎาศ์ เนตรพุดซา สว.สส.สน.โคกคราม  ร.ต.อ.วิชัย เมืองมูล  รอง สว.สส.สนโคกคราม นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัว

นายภีรพัฒน์ บุญมี อายุ 26 ปี หรือ อุ้ม หรือ อั้ม หรือ พอช หรือ พัด หรือ แซ็ค หรือ แร็ค อยู่บ้านเลขที่ 28/2 ม.3 ต.ธารเกษม อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 7 หมายจับ ดังนี้
1.หมายจับศาลแขวงนครราชสีมาที่ จ.190/2563 ลงวันที่ 17 ส.ค. 34 (สภ.มะเริง) ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์”
2.หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ที่ จ.352/2564 ลงวันที่ 5 ส.ค. 64 (สภ.ช้างเผือก) ข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์”
3.หมายจับศาลแขวงนครศรีธรรมราชที่ จ.65/2564 ลงวันที่ 2 มิ.ย. 64 (สภ.เมืองนครศรีธรรมราช) ข้อหา “ลักทรัพย์ผู้อื่น”
4.หมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.316/2566 ลงวันที่ 24 มี.ค. 66 (สน.โคกคราม) ข้อหา “ร่วมกันยักยอกทรัพย์”
5.หมายจับศาลจังหวัดปทุมธานีที่ จ.131/2565 ลงวันที่ 6 ก.ค. 65 (สภ.ปากคลองรังสิต) ข้อหา “ฉ้อโกง”
6.หมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.439/2565 ลงวันที่ 6 พ.ค. 65 (สน.โคกคราม) ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน”
7.หมายจับศาลอาญามีนบุรีที่ จ.316/2566 ลงวันที่ 24 มี.ค. 66 (สน.โคกคราม) ข้อหา “ยักยอก

โดยกล่าวหาว่า “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน พฤติการณ์กล่าวคือ หญิงสาวผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของเพจเฟสบุ๊ค สืบนครบาล IDMB ว่าได้ถูกคนร้ายอ้างเป็นเซเลปรายหนึ่ง ซึ่งพบเจอกันในแอ็พพลิเคชั่นหาคู่ จากนั้นได้มีการนัดเจอกันที่โรงแรมซึ่งเมื่อพักค้างแรมแล้ว ตื่นขึ้นมาก็พบว่าคนร้ายได้หายตัวไปพร้อมกับกุญแจรถและ "รถยนต์" ของหญิงผู้เสียหาย ซึ่งปัจจุบันคนร้ายรายนี้ถูกออกหมายจับแล้วกว่าหลายคดี หลังรับแจ้ง ทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ สืบนครบาลได้ร่วมกับฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม ตรวจสอบลักษณะแผนประทุษกรรมดังกล่าวที่เกิดขึ้นแล้วพบว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุมาอย่างโชกโชน โดยมีแผนประทุษกรรมสุดแสบ กล่าวคือ คนร้ายจะแฝงตัวอยู่ในแอ็พพลิเคชั่น “หาคู่” เช่น Tinder , Omi เป็นต้น โดยสร้างโปรไฟล์เป็นเซเลป หนุ่มหล่อ รวย ถ่ายภาพคู่รถหรู ซึ่งแท้จริงเป็นรถคนอื่น ดึงดูดเหล่าหญิงสาวให้เกิดความสนใจ ซึ่งเมื่อมีผู้สนใจในตัวโปรไฟล์ของคนร้ายแล้วจะมีการ “คัดเหยื่อ” โดยการเลือกหญิงสาวที่มี “รถยนต์” โดยไม่สนใจ หน้าตา อายุ ก่อนเริ่มพุ่งชนด้วยบทสนทนาเกี้ยวสาวสุดเร่าร้อน ด้วยโปรไฟล์หนุ่มเซเลปทำให้เหล่าเหยื่อหญิงสาวไม่สามารถทานความรู้สึก ต่างเผลอใจเคลิบเคลิ้มไปกับการเกี้ยวพาราสีของคนร้าย ไปจนถึงขั้นบางรายมีการนัดพบ หรือเป็นที่รู้กันในหมู่วัยรุ่นว่า “การนัดยิ้ม” โดยคนร้ายจะแสร้งทำทีนัดหมายให้เหยื่อขับรถยนต์มารับที่สนามบิน โดยอ้างว่าเดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ ( ไม่ได้บินมาจริง) แสร้งเตร็ดเตร่ลากกระเป๋าเดินทางอยู่ในสนามบิน สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมสร้างภาพลักษณ์แรกพบเสมือนเป็นหนุ่มเซเลปนักเดินทาง หลังได้พบเจอกับเหยื่อหญิงสาวก็จะมักนำพาไป “เชือด” ที่โรงแรมละแวก “ถนนเรียบทางด่วนรามอินทรา” ซึ่งคนร้ายเข้าใจถึงหลักการฮอร์โมนของเพศหญิงที่จะหรั่งสารทำให้เกิดความรู้สึกดีดีกับฝ่ายชายหลังมีเพศสัมพันธ์ จึงเลือกที่มีเพศสัมพันธ์กับเหยื่อให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งหลังเสร็จกิจก็จะออกอุบายต่างๆนาๆเพื่อขอยืมรถยนต์ของเหยื่อ ซึ่งเหล่าเหยื่อหญิงสาวต่างยินยอมให้โดยง่าย ซึ่งเมื่อกุญแจและรถยนต์ของเหยื่อตกไปอยู่ในมือคนร้ายรายนี้แล้ว ก็จะเริ่มตระเวนขับรถเพื่อไปให้เหล่าพ่อค้ารถเถื่อน “ดูสภาพรถ” และจากนั้นก็จะกลับไปอยู่กับเหยื่อที่โรงแรมจนกระทั่งเหยื่อหญิงสาวหลับสนิท คนร้ายก็จะใช้โอกาสดังกล่าว “ขโมย” รถของเหยื่อไปจากโรงแรมและตัดขาดการติดต่อกับเหยื่อไปเลย ซึ่งต่อมาได้มีการสืบสวนจนกระทั่งสามารถยืนยันตัวบุคคลคนร้ายรายนี้ได้ คือ นายภีรพัฒน์ บุญมี ซึ่งมีตัวตนหรือชื่อปลอมกว่าหลายชื่อ เช่น อุ้ม , อั้ม , พอช , พัด , แซ็ค และ แร็ค ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับกว่า 7 หมายจับ

สวนนงนุชพัทยา จัดกิจกรรมรับวันแรงงาน พร้อมจัดโปรโมชั่นเดือนพฤษภาคมซื้อ 10 ฟรี 2

สวนนงนุชพัทยา นำโดยนายกัมพล ตันสัจจา  ประธานสวนนงนุชพัทยา ได้กำหนดจัดกิจกรรมต้อนรับวันแรงงาน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 29 เมษายนถึง 1 พฤษภาคม 2566 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว แบบไทยเที่ยวไทย สำหรับเดือนพฤษภาคม จัดโปรโมชั่นพิเศษซื้อบัตรผ่านประตู 10 ท่านฟรี 2ท่าน สำหรับท่านที่สนใจชมการแสดงนงนุชโชว์และช้างแสนรู้ ซื้อบัตรเพิ่มได้ในราคาเพียง  200 บาทต่อท่าน
              
ทั้งนี้กิจกรรมวันแรงงาน ร่วมสนุกสนานกับมหกรรมโปงลาง ,การแสดงของน้องช้างแสนรู้ และการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ณ บริเวณลานกิจกรรมสวนปีผีเสื้อ  และโปรโมชั่นสำหรับเด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน 140 ซม. เข้าชมสวนฟรี และผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไปชมสวนฟรี ทุกวันศุกร์ 

สวนนงนุชพัทยาเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 18.00 น. ในส่วนของการแสดงนงนุชโชว์และช้างแสนรู้ มีวันละ 3 รอบ รอบเช้า 10.30 น. รอบบ่าย 13.30 น. และ 15.00 น. สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.nongnoochpattaya.com

“อลงกรณ์”มอบกรมประมงเดินหน้าโครงการน้ำมันราคาถูกช่วยประมงพื้นบ้านกว่า 4.8 หมื่นลำ หวัง ครม.เห็นชอบโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบ 1,007ลำวงเงิน 1,806 ล้านบาทโดยเร็ว

วันนี้ (28 เมษายน 2566) นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย ได้ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 2/ 2566 ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ zoom cloud meeting และห้องประชุมกุลาดำ ชั้น 7 อาคารจุฬาภรณ์ กรมประมง พร้อมด้วย คณะกรรมการและผู้แทน โดยมี นางสาวสัมพันธ์ ปานจรัตน ผู้อำนวยการกองนโยบายและแผนพัฒนาการประมงกรมประมง กรมประมง เป็นฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการฯ ได้หารือและมีมติรับทราบในความก้าวหน้าการดำเนินงานภายใต้คำสั่งคณะกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงไทย ซึ่งประกอบด้วย ผลการดำเนินงานของ 4 คณะอนุกรรมการ และ 2 คณะทำงาน

 
นายอลงกรณ์ กล่าวหลังการประชุมว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมงดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรชาวประมง ในการบรรเทาความเดือดร้อนจากราคาน้ำมัน และการสนับสนุนสินเชื่อเสริมสภาพคล่อง พร้อมทั้งการส่งเสริมตลาดส่งออกสัตว์น้ำ (ปลากะพง) ไปประเทศจีน โดย (1) คณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบในหลักการใน “ร่าง” โครงการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันสำหรับเรือประมงพื้นบ้าน มีเป้าหมายเป็นชาวประมงพื้นบ้านที่ทำการประมงโดยใช้เรือขนาดเรือต่ำกว่า 10 ตันกรอสซึ่งจดทะเบียนและได้รับใบอนุญาตใช้เรือจากกรมเจ้าท่า และใช้เครื่องมือทำการประมงถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 48,380 ราย วงเงินงบประมาณ 366,733,360 บาท โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 10 เดือนหลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ

ทั้งนี้ ชาวประมงพื้นบ้านที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิรายละ 1 ลำ และได้รับการช่วยเหลือค่าน้ำมันราคา 5 บาทต่อลิตร เป็นเงิน 1,255 บาท /เดือน เป็นระยะเวลา 6 เดือน และ (2) รับทราบการดำเนินงานโครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ในระยะที่ 1 ได้สิ้นสุดระยะเวลาโครงการระยะที่ 1 แล้วโดยอนุมัติสินเชื่อรวมจำนวน 2,306 ราย วงเงินสินเชื่อรวม 1,188.04 ล้านบาท และระยะที่ 2 ผู้ประสงค์เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 21 เมษายน 2566 มีผู้เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 608 ราย จำนวนเรือประมง 740 ลำ วงเงินสินเชื่อ 1,128.92 ล้านบาท ทั้งนี้ ได้แยกตามสินเชื่อ โดย ธกส. มีผู้ประกอบการเรือประมงต่ำกว่า 60 ตันกรอส และเข้าร่วมโครงการจำนวน 498 ราย จำนวนเรือ 586 ลำ วงเงินสินเชื่อประมาณ 503.54 ล้านบาท และ ธนาออมสิน มีผู้ประกอบการประมงที่มีเรือประมงตั้งแต่ 60 ตันกรอส ขึ้นไปและเข้าร่วมโครงการจำนวน 110 ราย จำนวนเรือ 154 ลำ วงเงินสินเชื่อประมาณ 625.38 ล้านบาท และ (3) การส่งเสริมตลาดส่งออกปลากะพงขาวไปประเทศจีน โดยฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฟื้นฟูฯ ได้ร่วมประชุมหารือกับเลขานุการ Fruit Board เกี่ยวกับการจัดทำพิธีสารการส่งออกผลไม้และสัตว์น้ำไปยังจีน รวมทั้งการประเมินความเสี่ยงการเปิดตลาด การขึ้นทะเบียนโรงงานการส่งออกปลากะพงขาวไปสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อจีนยินดีให้เปิดตลาดจะดำเนินการประเมินความเสี่ยง ทำพิธีสารระหว่างสองฝ่ายและขึ้นทะเบียนโรงงาน จึงจะสามารถส่งออกสินค้าได้ ซึ่งกรมประมงอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน


นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังได้หารือและมีมติรับทราบการดำเนินงานการพัฒนาศักยการประมงไทย ดังนี้
1) คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงพื้นบ้าน มีความก้าวหน้าการดำเนินการออกใบอนุญาตทำการประมงพื้นบ้าน คณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าอากรใบอนุญาตให้ใช้เครื่องมือทำการประมง และค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทาการประมงพื้นบ้าน พ.ศ. .... เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ภายหลังการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของคณะทำงานวิเคราะห์สถานการณ์ตรวจ ติดตาม ควบคุม เฝ้าระวังการทำการประมงและแรงงานในภาคประมงได้ข้อยุติ จึงจะดำเนินการเสนอออกกฎกระทรวงฯ ต่อไป 


2) คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการประมงพาณิชย์ และการประมงนอกน่านน้ำไทย เพื่อขออนุมัติโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เห็นชอบให้กรมประมงขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปี พ.ศ. 2566 วงเงิน 1,806,334,900 บาท และกรมประมงได้มีหนังสือถึงสำนักงบประมาณ โดยหวังว่า คณะรัฐมนตรีจะให้ความเห็นชอบโครงการนี้โดยเร็วต่อไป


3) คณะอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (3.1) การฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งไทยให้ได้ผลผลิต 4 แสนตัน ภายในปี 2566 โดยผลผลิตกุ้งทะเลจากการเพาะเลี้ยง ตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2566 รวมทั้งสิ้น 54,263.82 ตัน คิดเป็น 13.57% ของเป้าหมายผลผลิตปี 2566 แบ่งเป็นในระบบการออกหนังสือกำกับการซื้อขายสัตว์น้า (APD) ปริมาณ 49,673.57 ตัน จำแนกเป็นกุ้งขาวแวนนาไม 45,323.43 ตัน (91.24%) และกุ้งกุลาดา 4,350.14 ตัน (8.75%) และนอกระบบ APD ปริมาณ 4,590.25 ตัน (3.2) โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง กรมประมงเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2564 - 30 เมษายน 2565 ซึ่งมีเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงจระเข้และผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ยื่นคำขอสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้น จำนวน 120 ราย ในพื้นที่ 36 จังหวัด ประมาณการความต้องการเงินกู้ จำนวน 425.305 ล้านบาท โดยการดำเนินงานร่วมกัน ของกองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้าจืด กับเจ้าหน้าที่จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) เข้าศึกษาข้อมูลการจำแนกชนิด การคัดเกรด การตีราคา และการเก็บรักษาหนังจระเข้เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา (3.3) การตรวจสอบคุณภาพสินค้าปัจจัยการผลิต โดยกลุ่มควบคุมวัตถุอันตรายและการค้าปัจจัยการผลิต ได้รวบรวมรายงานผลการตรวจสอบปัจจัยการผลิตจากสำนักงานประมงจังหวัด และรายงานผลการตรวจสอบของหน่วยงานในสังกัดกองตรวจสอบเรือประมง สินค้าสัตว์น้ำ และปัจจัยการผลิต (3.4) การประชาสัมพันธ์ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าสัตว์น้ำ กรมประมง ได้ดำเนินการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์รูปแบบ Infographic และ Page Facebook “Fish Fact Fun” มีผู้ติดตามจานวน 642 ราย ดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ Infographic/บทความ/วิดีโอ ในประเด็นที่ช่วยส่งเสริมการสร้างภาพลักษณ์ให้กับสัตว์น้ำไทยอย่างต่อเนื่อง ในประเด็นความยั่งยืนและอาหารปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงกุ้งทะเลของประเทศไทย พร้อมทั้งการจัดวางแผนการดำเนินงานจัดนิทรรศการภายในงานสัตว์น้ำไทย ประจำปี 2566

 
4) คณะอนุกรรมการพัฒนาผลิตผลผลิตภัณฑ์ประมงและการพาณิชย์

(4.1) โครงการในการยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการด้านการแปรรูปสัตว์น้ำรวมทั้งผู้ประกอบการด้านประมง โดยเฉพาะกลุ่มองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นด้านการแปรรูป ที่มีการจดทะเบียนกับกรมประมง จำนวน 436 องค์กร จำนวนสมาชิก 11,067 ราย (18 เมษายน 2566) โดยกรมประมง มีการเข้าไปดำเนินการยกระดับและพัฒนาศักยภาพ ทั้งด้านการให้ความรู้ทางวิชาการด้านการจัดการหลังการจับ การแปรรูปสัตว์น้ำ และมาตรฐานเกี่ยวการจัดการด้านสุขลักษณะทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติในไตรมาสที่ 1 และ 2 จำนวนทั้งสิ้น 34 แห่ง ใน 20 จังหวัด

(4.2) การออกหนังสือรับรองมาตรฐานการทำการประมงพื้นบ้านอย่างยั่งยืนและการแปรรูปสินค้าประมงพื้นบ้าน

(4.3) โครงการปรับปรุงการทำประมงปูม้าของไทยอย่างยั่งยืน (Thailand Blue Swimming Crab Fishery Improvement Project)

และ (4.4) โครงการปรับปรุงและพัฒนาการทำประมงอวนลากในพื้นที่อ่าวไทย (The Gulf of Thailand Trawl Fishery Improvement Project)


5) คณะทำงานโครงการ Fisherman’s Village Resort (5.1) กรมประมงดำเนินการประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อออนไลน์ website: Fisherman’s Village Resort และ Facebook FanPage ชื่อ Fisherman’s Village Resort (@fishermansvillage) (5.2) การขับเคลื่อน 1 จังหวัด 1 โครงการ Fisherman’s Village Resort ดำเนินการขับเคลื่อนผ่านองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นภายใต้โครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านประมง(กิจกรรมสร้างความเข้มแข็งกลุ่มการผลิตด้านการประมง) ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งมีองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นเข้าร่วมดำเนินการ จานวน 200 ชุมชน โดยในส่วนของกิจกรรมส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวมี 14 ชุมชน

 
6) คณะทำงานส่งเสริมและพัฒนาการกระจายสินค้าประมงจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค (6.1) มีกิจกรรมร้าน Fisherman Shop โดยปัจจุบันมีการเปิดสาขาทั่วประเทศ 121 สาขา (6.2) โครงการในการยกระดับผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำระเบียบกรมประมงว่าด้วยการออกตราสัญลักษณ์ประมงธงเขียว พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ที่ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์มีความสด สะอาดได้มาตรฐาน ปลอดภัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม ให้กับองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นและผู้ประกอบการด้านการประมง (6.3) การส่งเสริมการจาหน่ายสินค้าประมงคุณภาพโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำของเกษตรกร ชาวประมงพร้อมส่งเสริมการเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าของหน่วยงานภาครัฐ

ปตท. ชวนเพิ่มพื้นที่สีเขียว ผ่านแอปพลิเคชัน ‘คุณช่วยเก็บ เราช่วยปลูก’ หนุนโครงการปลูกป่า 1 ล้านไร่ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ปตท. ชวนเพิ่มพื้นที่สีเขียว เล่นเกมผ่านแอปฯ ‘คุณช่วยเก็บ เราช่วยปลูก’ พร้อมลุ้นของรางวัลมากมาย

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ได้กำหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2050 โดยมีกลยุทธ์ในการมุ่งสู่เป้าหมาย ได้แก่ เร่งปรับ กระบวนการผลิต ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, เร่งเปลี่ยน สู่ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ เร่งปลูกป่า เพื่อดูดซับก๊าซเรือนกระจก

เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ในการเป็นส่วนหนึ่งของการปลูกป่า ตามแนวทาง ‘เร่งปลูก’ เพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกด้วยวิธีทางธรรมชาติ ตลอดจนสร้างการรับรู้และเข้าใจถึงความสำคัญของป่า ปตท. จึงได้จัดทำ mobile application game ‘คุณช่วยเก็บ เราช่วยปลูก’ ขึ้น ให้ผู้เล่นเป็นส่วนหนึ่งของการลดก๊าซเรือนกระจก โดยต้นไม้ทุกต้นที่ผู้เล่นเก็บได้ และดูแลรักษาในเกม ปตท. จะนำไปปลูกจริงในพื้นที่ปลูกป่า 1 ล้านไร่ของ ปตท.

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ‘คุณช่วยเก็บ เราช่วยปลูก’ ได้ง่ายๆ บนโทรศัพท์มือถือทั้งระบบ iOS และ Android ผ่านช่องทาง App Store และ Google Play Store โดยเสิร์ชชื่อ ‘คุณช่วยเก็บ เราช่วยปลูก’ หรือคลิก : https://bit.ly/3JJpAW7
 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top