Monday, 28 April 2025
NEWS FEED

​มูลนิธิรักเมืองไทย จัดงานมอบทุนการศึกษาผ่านระบบออนไลน์ “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน”

มูลนิธิรักเมืองไทย จัดพิธีมอบทุนการศึกษาผ่านระบบออนไลน์ ให้แก่โรงเรียนในความอุปถัมภ์ของมูลนิธิฯ จำนวน 37 โรงเรียน และโรงเรียนในสังกัด กองบัญชาการกองทัพไทยอีก 2 โรงเรียน ในชื่อทุน “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” เพื่อรำลึกถึงอดีตประธานกรรมการมูลนิธิรักเมืองไทย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ โดยทุนการศึกษาที่มอบในครั้งนี้ มอบให้แก่นักเรียนที่มีความประพฤติดี ปฏิบัติดี เพื่อเป็นการยกย่องบุคคลที่เป็นแบบอย่างที่ดีของโรงเรียน โดย พลเอก มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ประธานกรรมการมูลนิธิรักเมืองไทย เป็นประธานมอบทุนการศึกษาให้กับ นายศุภสิน ภูศรีโสม ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ (ผอ.สอ.) เป็นผู้แทนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นผู้แทนรับมอบทุนการศึกษาจำนวน 99 ทุน จำนวนเงิน 990,000 บาท

พลเอก มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ กล่าวว่า นับตั้งแต่ พลเอก เปรมติณสูลานนท์ ที่ล่วงลับไปแล้ว ได้ก่อตั้งมูลนิธิรักเมืองไทย ขึ้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 2524 ด้วยวัตถุประสงค์หลักเพื่อช่วยเหลือการศึกษาของลูกหลานในถิ่นทุรกันดาร ทั้งด้านกายภาพของโรงเรียน และการมอบทุนการศึกษานับเป็นงานหลักที่มูลนิธิยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด โดยมีแนวทางปฏิบัติมุ่งไปที่เด็กและเยาวชนที่เรียนดีแต่ยากจน จนหลายคนประสบความสำเร็จ ทั้งในด้านการศึกษาและการประกอบอาชีพในด้านต่างๆ สำหรับทุนการศึกษา “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” ครั้งนี้นับเป็นความริเริ่มเพิ่มเติมนอกจากแนวทางที่ได้ถือปฏิบัติมาโดยตลอด โดยยึดแบบอย่างจากคำขวัญของ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ที่ว่า “เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” ทุนการศึกษาดังกล่าว จึงมีความมุ่งหมายให้เด็กและเยาวชน นอกจากต้องตั้งใจศึกษาเล่าเรียนแล้ว มูลนิธิรักเมืองไทยยังมีความประสงค์ที่จะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน ได้ตั้งใจมุ่งมั่นประพฤติตนเป็นคนดีที่สามารถเป็นแบบอย่างแก่เด็กและเยาวชนอื่นๆอีกด้วย ซึ่งหากทำได้เช่นนี้แล้วก็ย่อมบรรลุความมุ่งหมายของพลเอก เปรมติณสูลานนท์ ในการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน

​ทั้งนี้ ตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิฯ เมื่อปี 2524 จนถึงปัจจุบัน รวมเวลา 42 ปี ที่มูลนิธิรักเมืองไทย มีโรงเรียนในอุปถัมภ์ทั้งสิ้น 37 แห่ง และได้บริจาคเงินตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิไปแล้ว  เป็นเงินรวม ไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท

ตู้คอนเทนเนอร์ ‘ท่าเรือแหลมฉบัง’ เกิดเหตุเพลิงไหม้ ‘สารเคมีระเบิด’ คาด!! พิษสภาพอากาศร้อนจัด ส่งผลให้วัตถุภายในตู้เกิดปฏิกิริยาขึ้น

(29 ส.ค.66) พ.ต.อ.ปพรพัชร์ ใบยา ผกก.สภ.แหลมฉบัง รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ถังบรรจุสินค้าอันตราย ประเภท UN.2014 class 5.1 ซึ่งมีกลิ่นฉุนรุนแรง และมีฤทธิ์กัดกร่อน ภายในลานพักตู้คอนเทนเนอร์ JWD เขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเทศบาลนคร

ที่เกิดเหตุเป็นลานพักตู้คอนเทนเนอร์ ประเภทสินค้าอันตราย พบตู้คอนเทนเนอร์ ตู้สินค้าอันตรายหมายเลข TLLU2697694 Class 5.2 UN 3106 สารเคมีเป็น Orgaic peroxide type d, solid (สารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์) จำนวน 378 กล่องได้เกิดปฏิกิริยา ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ พบกลุ่มควันดำขาว รวมถึงเปลวเพลิงลอยพุ่งขึ้นท้องฟ้าเป็นจำนวนมาก

จากการตรวจสอบพบมีผู้ได้รับผลกระทบของบริษัท mc logistics จำนวน 154 คน ลานจอดรถ โตโยต้า 23 คน และนำส่งคนงาน 7 ราย โรงพยาบาลวิภาราม หลังมีอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก แสบตา อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังฉีดน้ำเพื่อสกัดเพลิง โดยสลับเปลี่ยนหมุนเวียนรถดับเพลิงเข้าพื้นที่

จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุได้พบเห็นควันดำขาวลอยพุ่งออกมาจากลานพักตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว หลังจากนั้นไม่นานเริ่มมีเพลิงลุกไหม้ลอยตามมาติด ๆ ก่อนที่จะมีระเบิดดังขึ้น หลังจากนั้นก็พบว่าคนงานในพื้นที่ และใกล้เคียงต่างพากันวิ่งหนีกันออกมา นอกจากนี้ ยังส่งกลิ่นเหม็นฉุนไปทั่วบริเวณอีกด้วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่และทางบริษัทได้กั้นผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ โดยขณะนี้พบว่าเพลิงได้สงบลงแล้ว แต่ยังมีไอระเหยอยู่ ทั้งนี้ ทราบว่าสาเหตุอาจเกิดจากอากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้วัตถุภายในตู้เกิดปฏิกิริยาขึ้น ซึ่งหลังเหตุการณ์สงบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเข้าตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

มอบทุนการศึกษา บุตรบุคลากร รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ นร.ในชุมชนใกล้เคียง นร.พยาบาลทหารเรือ และนักเรียนจ่าทหารเรือ เหล่าทหารแพทย์ 5 แสนบาท 

ณ ห้องคลองไผ่ หอประชุมโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พลเรือโท ชลธร สุวรรณกิตติ เจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ พลเรือตรี ณัฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ พลเรือตรี กิตตินันท์ งามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ และประธานมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์กองทัพเรือ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ พลเรือตรี ประทีป ตังติสานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอาภากรเกียรติวงศ์ ฐานทัพเรือสัตหีบ พลเรือตรีหญิง อำไพวัลย์ สวยสม ประธานมูลนิธิปันน้ำใจสาธุ พลเรือตรีหญิง สายชล กองอ่อน พลเรือตรีหญิง นิภาภรณ์ เล้าโสภาภิรมย์ นาวาเอก สมศักดิ์ พรหมมาลี ประธานชมรมผู้สูงอายุ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และนาวาเอกหญิง สุมาลี ไวยเนตร ได้ร่วมมอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรของบุคลากร รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ นักเรียนในชุมชนใกล้เคียงโรงพยาบาล จำนวน 115 ทุน นักเรียนพยาบาลทหารเรือ และนักเรียนจ่าทหารเรือ เหล่าทหารแพทย์ จำนวน 4 ทุน รวม 119 ทุน เป็นเงินทั้งสิ้น 500,000 บาท 

โดยจัดสรรเป็นทุนการศึกษาระดับต่างๆ 115 ทุน ทุนละ 4,000 บาท แบ่งเป็นในระดับประถมศึกษา 52 ทุน ระดับมัธยมศึกษา 43 ทุน ระดับอุดมศึกษา 17 ทุนสำหรับเด็กพิเศษ 3 ทุน ทุนนักเรียนพยาบาลทหารเรือ ทุนละ 10,000 บาท 2 ทุน และทุนนักเรียนจ่าทหารเรือ เหล่าทหารแพทย์ ทุนละ 10,000 บาท  2 ทุน 

เป็นเงินทุนการศึกษาที่ได้มาจาก มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กองทัพเรือ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ 140,000 บาท จากชมรมผู้สูงอายุโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ 20,000 บาท จากศูนย์ปันน้ำใจสาธุ 50,000 บาท จากพลเรือตรีหญิง อำไพวัลย์ สวยสม 10,000 บาท จากพลเรือตรีหญิง นิภาภรณ์ เล้าโสภาภิรมย์ 30,000 บาท จากสวัสดิการเงินกู้ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ 200,000 บาท เงินดอกผลจากองค์การอุตสาหกรรมทหาร 21,000 บาท เงินสวัสดิการภายใน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ 19,000 บาท และจากนาวาเอกหญิง สุมาลี ไวยเนตร 10,000 บาท

ด้วยมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กองทัพเรือ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ได้เล็งเห็นในคุณค่าการศึกษาของเยาวชน ที่จะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต โดยเฉพาะบุตรของกำลังพลในโรงพยาบาล และนักเรียนชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนพื้นที่สัตหีบ ที่กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ในขณะนี้ อาจขาดแคลนทุนทรัพย์ในการศึกษา จึงได้จัดหางบประมาณทั้งจากมูลนิธิฯ ทั้งจากผู้มีจิตศรัทธา และในส่วนของโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เพื่อให้เป็นทุนในการศึกษาเล่าเรียน เนื่องในโอกาสครบรอบวันสถาปนาโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ปีที่ 26 ในครั้งนี้

โดยเจ้ากรมแพทย์ทหารเรือ ได้กล่าวขอบคุณผู้ที่กรุณามอบเงินเป็นทุนการศึกษาให้แก่บุตรของบุคลากร ของโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ นักเรียนในชุมชนใกล้เคียงโรงพยาบาล นักเรียนพยาบาลทหารเรือและนักเรียนจ่าทหารเรือ เหล่าทหารแพทย์ และกล่าวให้โอวาทกับผู้รับมอบทุนการศึกษาในวันนี้ว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า การศึกษานับเป็นรากฐานอันสำคัญยิ่ง ที่จะส่งเสริมให้มวลมนุษย์มีความรู้และความคิด ที่จะสร้างจินตนาการ และสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และประเทศชาติ ทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข การที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ได้จัดให้มีการมอบทุนการศึกษาในวันนี้ จึงเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและสมควรที่จะปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง และขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้รับทุนการศึกษาในวันนี้ เงินทุนที่รับไปนั้นถึงแม้ว่าจะไม่มากนักแต่ก็น่าจะบรรเทาความเดือดร้อนภายในครอบครัวได้ในระดับหนึ่ง ขอให้นำเงินไปใช้อย่างประหยัดและคุ้มค่า เพื่อส่งเสริมและเอื้ออำนวยต่อการศึกษาให้ประสบความสำเร็จ และประพฤติตนเป็นคนดีของบิดา-มารดา และประเทศชาติต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี ชลบุรี 0909535645

โครงการฟื้นฟูปะการังและสิ่งมีชีวิต อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1

ทัพเรือภาคที่ 1 โดย อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 จัดกิจกรรมฟื้นฟูปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ณ อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ทัพเรือภาคที่ 1 และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โครงการปรับปรุงและขยายระบบต่อไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน ที่ได้มีความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องด้วยดีเสมอมา รวมถึงองค์การบริหารส่วนตำบลแสมสาร โรงเรียนสัตหีบ เขตกองเรือยุทธการ โรงเรียนสัตหีบเขตฐานทัพเรือสัตหีบ และกลุ่มนักท่องเที่ยว ภาคประชาชน ที่ได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

สืบเนื่องจาก ในปี 2566 ทางอุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1ได้มีการตรวจพบว่าปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์ “เอลนีโญ่” อาทิ ปะการังฟอกขาว โรคปะการังแถบเหลือง การลดลงของสัตว์ทะเล ซึ่งล้วนแต่เกิดจากสภาพอากาศของโลกที่เปลื่ยนแปลงโดยเฉพาะปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino) ที่ทําให้อุณหภูมิน้ําทะเลเพิ่มสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ดีในพื้นที่ อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 ยังคงมีวงจรที่ยังคงเป็นไปตามธรรมชาติทุกๆ ปี นั่นคือการมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่ ในช่วงเดือน มิถุนายน - กรกฎาคม 

ทัพเรือภาคที่ 1 จึงได้กําหนดจัดกิจกรรม ฟื้นฟูปะการัง และสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ณ อุทยานใต้ทะเลเกาะขามขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ และความสมดุลของระบบนิเวศน์ให้เหมาะสมต่อการดํารงชีวิตของสัตว์ทะเล บริเวณอุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 รวมท้ังสร้างจิตสํานึกและทัศนคติ ที่ดีในการช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ร่วมกิจกรรมฯ และเยาวชนในพื้นที่ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งสิ้น 85 คน

โดยกิจกรรมประกอบด้วย การมอบงบประมาณเพื่อสนับสนุนโครงการฯ จากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โครงการปรับปรุงและขยายระบบต่อไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน โดยนางสุภาวิณี นาควิเชตร หัวหน้าหมวดประชาสัมพันธ์ (มปส-ปส.) กฟผ.โครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน จำนวน 100,000 บาท การขยายพันธุ์ปะการัง การปล่อยแม่ปูม้า (พร้อมไข่) และเต่าทะเลลงสู่ทะเล และ การติดตามดูแลจุดที่เต่าทะเลวางไข่บนเกาะขาม รวมถึงมีการให้ความรู้แก่เยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้ อีกด้วย

นิราช/พิชญ์ฐญา ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี 0909535645

'โค้ชแหม่ม' เผย!! เมื่อผู้โดยสารบนเครื่องบินกลายเป็นศพ แอร์ฯ รันงานบริการต่อ-ประคองใจญาติผู้เสียชีวิตจนถึงสุดทาง

เมื่อไม่นานนี้ ผู้ใช้ TikTok บัญชี @skycoachmamteam หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม ‘โค้ชแหม่มสอนแอร์’ ได้ออกมาเล่าประสบการณ์ในการทำงานอาชีพแอร์โฮสเตส เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ผู้โดยสารเสียชีวิตกะทันหัน ขณะกำลังบินอยู่เหนือน่านฟ้า พร้อมอธิบายข้อปฏิบัติที่แอร์ฯ จะต้องทำการจัดการ โดยระบุว่า…

“จากประสบการณ์ตรงของโค้ชที่ท่านผู้โดยสารเสียชีวิต บนไฟล์ทจากดูไบเพื่อบินไปนิวยอร์ก ไฟล์ทนั้นเราต้องนําศพท่านผู้โดยสารใส่ลงใน Body Bag ซึ่งก็คือ ‘ถุงเก็บศพ’ นั่นเอง แต่เราห้ามรูดซิปปิดไว้ทั้งหมด ทำไม่ได้เด็ดขาด เพราะว่าแอร์ฯ ไม่ใช่หมอ โดยตามกฎหมายแล้ว เราไม่สามารถที่จะประกาศได้ว่าท่านผู้โดยสารคนนี้เสียชีวิตตอนกี่โมง เพราะฉะนั้น เราจะรูดซิปถึงแค่คอ และยังคงต้องเปิดหน้าท่านผู้โดยสารเอาไว้

“ดังนั้น เราควรจะนำศพของท่านผู้โดยสารไปวางไว้ที่ไหน? ซึ่งไม่ควรวางไว้ที่ Crew Bunk เด็ดขาดเลย สําหรับสายการบินเอมิเรตส์ เราจะเก็บศพท่านผู้โดยสารไว้ในครัว ซึ่งในไฟล์ทนั้น เหตุเกิดตอนประมาณสามชั่วโมงก่อนการ Landing นั่นแปลว่า หลังจากที่ท่านผู้โดยสารเสียชีวิตแล้ว แอร์ฯ ยังต้องทําหน้าที่เซอร์วิสผู้โดยสารบนเครื่องบินต่อไป แล้วศพท่านผู้โดยสารนั้นเก็บที่ครัวหน้า โดยที่มีโค้ชเป็นหัวหน้าประจำไฟลท์นั้น…”

“ดังนั้น โค้ชเลยต้องถามลูกเรือว่า ลูกเรือในทีมโอเคไหม? ที่จะต้องทํางานอยู่ครัวหน้า ใครไหวหรือใครไม่ไหวอย่างไร ย้ายไปทําครัวหลังได้นะ ซึ่งก็มีน้องลูกเรือที่เขาไม่ไหวจริง ๆ กับการที่ทํางานแล้วจะต้องมีศพท่านผู้โดยสารอยู่ในครัว โค้ชก็เลยโทรศัพท์ขึ้นไปขอความช่วยเหลือจากลูกเรือเฟิร์สคลาส แล้วอธิบายว่าเรามีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ขอให้มาช่วยหน่อย จากนั้นจะมีน้อง Cabin Service Attendant หรือ ‘พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน’ ซึ่งปกติน้องเขาจะเป็นคนที่ดูแลทําความสะอาดห้องน้ำและสปาในเฟิร์สคลาส โดยปกติน้องจะไม่เสิร์ฟ แต่วันนั้นพอเกิดเหตุฉุกเฉิน น้องเขาก็มาช่วยโค้ชเสิร์ฟ ซึ่งน้องน่ารักมาก มีสปิริตมาก… วันนั้นเราก็เลยทําหน้าที่เซอร์วิสโดยที่มีศพท่านผู้โดยสารอยู่ในครัวไปกับเราด้วย”

“จนกระทั่งก่อนที่จะ Landing ฝ่าย Purser ได้เข้ามาแจ้งว่าอยากให้มีใครสักคนไปนั่งจับมือกับคุณป้า เพราะว่าคุณลุงเพิ่งเสียชีวิตไป โค้ชจึงอาสา เพราะเป็นคนที่คุยกับคุณป้าตั้งแต่ตอนแรก โค้ชเป็นคนแรกที่ทำ CPR และเป็นคนที่ปิดตาท่านผู้โดยสาร ดังนั้น โค้ชจึงอาสาไปนั่งจับมือกับคุณป้า ซึ่งตอนที่ไปนั่งจับมือ คุณป้าได้บอกกับโค้ชก่อน Take Off ว่า…

“Befor taking off, I still had husband. Now i am widow.” (ตอนนี้ฉันน่ะ กลายเป็นม่ายแล้ว…)

สิ่งที่โค้ชบอกกับคุณป้าคือ “At least, when he is gone. He is close to God.” (อย่างน้อยตอนที่เขาจากไป คุณลุงก็ได้อยู่ใกล้กับพระเจ้านะ)

โดยคุณป้าได้เอ่ยขอบคุณที่พวกเราพยายาม ซึ่งเขาก็ได้เห็นว่าเราพยายามอย่างมาก ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถช่วยชีวิตคุณลุงได้…

“พอ Landing และไปถึงที่ JFK เมื่อประตูเครื่องบินเปิด จะมีหน่วย NYPD ซึ่งคือตํารวจของที่นิวยอร์กขึ้นมาสอบสวนเราว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง จากนั้นก็มีคุณหมอได้ให้นามบัตรกับตํารวจเพื่อคุยกัน แล้วเขาจึงนําศพออกไป ซึ่งมีการสืบสวนอยู่ตรงบริเวณนั้นประมาณเกือบชั่วโมง และในที่สุดลูกเรือก็ได้ออกจากสนามบิน…”

ประธาน​มูลนิธิ​คลังสมอง​ วปอ.​ เพื่อ​สังคม​ เข้าร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์​ ครบรอบ 33 ปี วันสถาปนาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ​​

วันที่​ 29 สิงหาคม​ 2566 พลเอก​ นรินทร์​ แทบ​ประสิทธิ์​ ประธาน​มูลนิธิ​คลังสมอง​ วปอ.​ เพื่อ​สังคม​ พร้อมด้วย​ นายวิรุฬ​ รัตนปริคณน์​ กรรมการ​มูลนิธิ​ฯ​ และรองผู้อำนวยการหลักสูตรผู้นำพอเพียงเพื่อความมั่นคง​ (นพม.)​ เข้าร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์​ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ​ ประจำปี​ 2566 (ครบ 33 ปี) 

ในโอกาส​นี้ได้รับ​เกียรติ​จาก​ พลเอก​ ศิราวุฒิ​ วงศ์ขันตี​ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด​ เป็นประธานในพิธี​ และพลเอก วิชัย ชูเชิด ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ​ ให้การต้อนรับ​ ซึ่งในงานดังกล่าวนี้​ยังได้รับเกียรติ​จาก​ผู้บังคับบัญชา​ อดีตผู้บังคับบัญชา​ และข้าราชการ​ของกองบัญชาการ​กองทัพไทย​ เข้าร่วมพิธีด้วย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยออนไลน์ คนร้ายออนไลน์โหดร้ายมาก หลอกซ้ำสอง ซ้ำเติมเหยื่อ

สืบเนื่องจาก พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. / หัวหน้าคณะทำงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันต้านภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พล.ต.ท.ธัชชัย  ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน เนื่องจากในช่วงนี้มีคนร้ายแอบอ้างทำเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ปลอม หลอกผู้เสียหายซ้ำซ้อน อันเป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับความเสียหายเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก และยังมีคนร้ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์พัฒนาวิธีการหลอกรูปแบบใหม่โดยอ้างว่าโทรมาจากห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล จึงได้ร่วมกันแถลงข่าวให้ประชาชนทราบ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 เวลา 10.30 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ.สมพงษ์ ชิงดวง ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. กล่าวว่า สถิติการรับแจ้งความออนไลน์ วันที่ 20 สิงหาคม 2566  ถึง 26 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมานั้น รับแจ้งทั้งหมด 3,671 เคส  ความเสียหายกว่า 466 ล้านบาท โดยคดีที่มีอัตราเกิดมากที่สุด 5 อันดับแรก อันดับที่ 1 ก็ยังคงเป็น คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ อยู่ที่ 1,781 เคส ยอดความเสียหาย 21,243,102.05 บาท ตามมาด้วย คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ 378 เคส ยอดความเสียหาย 53,691,234.94 บาท คดีหลอกลวงให้ลงทุน ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ 342 เคส ยอดความเสียหาย 175,573,367.60 บาท คดีหลอกลวงให้กู้เงิน 304 เคส ยอดความเสียหาย 13,324,870.00 บาท คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ฯ 270 เคส ยอดความเสียหาย 44,105,474.53 บาท ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมานี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เริ่มได้รับแจ้งพฤติการณ์ใหม่ที่คนร้ายนำมาใช้ ในการหลอกลวงพี่น้องประชาชน อันได้แก่ คนร้ายปลอมเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์แล้วหลอกเหยื่อให้โอนเงินเป็นการซ้ำเติมผู้เสียหายและพบมุขใหม่แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างว่าโทรติดต่อมาจากห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล เพื่อเป็นการป้องกันและให้ประชาชนได้รับรู้เท่าทันกลโกงของคนร้าย จะให้ พล.ต.ต.ชูศักดิ์  ขนาดนิด ผบก.ตอท. เป็นผู้แถลงข่าวชี้แจงรายละเอียดในลำดับถัดไป
 
 พล.ต.ต.ชูศักดิ์  ขนาดนิด  ผบก.ตอท. กล่าวว่า  ในช่วงนี้มีเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ปลอม โดยคนร้ายโฆษณาผ่านเพจ facebook ปลอม เมื่อเหยื่อเข้าไปค้นหาหน่วยรับแจ้งความออนไลน์  เพจกลุ่มนี้จะซื้อโฆษณาจาก facebook ทำให้เพจขึ้นมาในระบบค้นหาจากเว็บ Search Engines ต่างๆ ทั้ง Google Bing safari เป็นต้น  เมื่อเหยื่อหลงเชื่อกดเข้าเว็บไซต์หรือเพจ facebook ก็จะคุยกับระบบ AI และให้เพิ่มเพื่อนไลน์คนร้าย จากนั้นส่งต่อให้คนร้ายที่อ้างตัวเป็นทนายความเพื่อหลอกถามข้อมูล แล้วจะอ้างว่า ได้ทำการตรวจสอบเส้นเงินแล้ว พบว่าเงินออกนอกประเทศไปแล้ว และคนร้ายใช้บัญชีม้า ทำให้ตามเงินกลับมาไม่ได้ แต่ว่าเงินยังฟอกไม่สำเร็จ และรู้ว่าเงินเข้าสู่แพลตฟอร์มไหน  จากนั้นส่งต่อให้คนร้ายที่อ้างตัวว่าเป็นทีม IT สามารถโจมตีแพลตฟอร์มนี้ เพื่อนำเงินคืนมาให้ได้  จากนั้นส่งต่อให้หัวหน้าของคนร้ายที่เป็นเจ้าหน้าที่ IT อ้างว่า ขณะนี้เงินของเหยื่อได้เข้าสู่แพลตฟอร์ม เว็บพนันออนไลน์ แต่จะช่วยโจมตีเว็บไซต์ดังกล่าวให้  โดยให้เหยื่อสมัครและเล่นในเว็บไซต์พนัน โดยอ้างว่า ไม่ได้พามาเล่นการพนันแต่เป็นการพามากู้เงินคืนจากเว็บไซต์ โดยจะทำการโจมตีให้เหยื่อ แต่มีข้อแม้ต้องใช้เงินตัวเองยิ่งเติมเยอะยิ่งได้คืนมาก และเร็ว และ ทำได้แต่บางช่วงเวลาของวันเท่านั้น ไม่งั้นเซิร์ฟเวอร์จะตรวจพบ และ ขอหักเงิน 10% เพื่อเป็นค่าทนาย จากรายได้ที่ได้จากการโจมตี  เหยื่อหลงเชื่อเพราะคิดว่าจะได้เงินคืน  สุดท้ายเสียเงินเพิ่ม

ข้อแนะนำ
1. ไม่มีหน่วยงานราชการหน่วยงานใดให้ประชาชนโอนเงินเพื่อเล่นเว็บพนันออนไลน์หรือโอนเงินให้ทำอะไรก็ตาม
เพื่อให้ได้เงินคืน
2. หากต้องการแจ้งความออนไลน์ให้แจ้งความผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com  หรือแจ้งความสถานี
ตำรวจท้องที่ได้ทั่วประเทศ  
3. หากมีข้อสงสัยต้องการสอบถามหรือขอคำปรึกษาได้ที่สายด่วน 1441 หรือ 191
 
พล.ต.ต.ชูศักดิ์ฯ  กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้มีคนร้ายแก็งคอลเซ็นเตอร์ใช้เบอร์มือถือซิมม้าโทรหาเหยื่อ แจ้งว่ามีคนไข้ถูกส่งมาที่ห้องฉุกเฉิน และมีค่าใช้จ่ายต้องชำระสำหรับการผ่าตัดด่วน เหยื่อปฏิเสธว่าไม่รู้จักบุคคลที่ถูกส่งมาห้องฉุกเฉินดังกล่าว แต่ทางคนร้ายยังคงยืนยันว่าคนไข้คนดังกล่าวระบุชื่อเหยื่อเป็นเบอร์ติดต่อ หากคนไข้เป็นอะไรไปเหยื่อต้องรับผิดชอบ เหยื่อขอคุยสายกับนายแพทย์เจ้าของคนไข้ แต่คนร้ายไม่ยอมจึงได้วางสายไป เหยื่อพยายามโทรกลับไปติดต่อแต่โทรกลับไปไม่ได้ มีเสียงแจ้งว่าไม่สามารถติดต่อเลขหมายดังกล่าวได้ ภายหลังเหยื่อได้นำเบอร์มือถือดังกล่าวมาตรวจสอบกับ Application Whoscall พบว่าเป็นเบอร์ที่ถูกรายงานไว้ว่าเป็นเบอร์คนร้าย

​จุดสังเกต
1. คนร้ายใช้ซิมม้าโทรตามแนวชายแดนที่มีสัญญาณผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อว่า
เป็นการโทรศัพท์จากโรงพยาบาลจริง
2. หมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายโทรหา  ไม่สามารถโทรติดต่อกลับไปได้
 
วิธีป้องกัน
1. ให้สังเกตความผิดปกติของปลายสาย  เช่น  ถามชื่อ-นามสกุล จริง การใช้ข้อความอัตโนมัติ  การโอนสายให้เจ้าหน้าที่  หากมีการ VIDEO CALL ให้สังเกตความผิดปกติของเสียงและท่าทาง (คนร้ายใช้โปรแกรมปลอมใบหน้า)
​2. หากคนร้ายอ้างเหตุต่างๆ  หรือข่มขู่ให้โอนเงิน  ให้โทรศัพท์ตรวจสอบหรือโทรสายด่วนหน่วยงานที่มีการแอบอ้าง ก่อนดำเนินการใดๆ
​3. หากมีหมายเลขโทรศัพท์ ที่ไม่ได้บันทึกไว้ในเครื่องโทรหา ไม่ควรรับสายในทันที  และให้ตรวจสอบผ่าน
แอปพลิเคชัน Whoscall ว่าเป็นเบอร์คนร้ายหรือเป็นเบอร์ที่ถูกรายงานไว้หรือไม่

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน จึงขอแจ้งเตือนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่าปัจจุบันคนร้ายยังคงใช้วิธีการหลอกโดยอาศัยกลโกงเดิมๆ แต่ได้พัฒนาวิธีการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ ดังนั้นเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ในรูปแบบใหม่ สามารถติดตามข้อมูลการแจ้งเตือนภัยออนไลน์ได้ผ่านทาง www.เตือนภัยออนไลน์.com Facebook https://www.facebook.com/เตือนภัยออนไลน์ หมายเลขโทรศัพท์ 081-866-3000 หรือโทรศัพท์สายด่วน 1441 กรณีถูกคนร้ายหลอกลวงแจ้งความตำรวจผ่านระบบ www.thaipoliceonline.com  

พิษณุโลก พิธีเปิดการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ ประจำปี 2566 ภายในกองทัพภาคที่ 3

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้ความสำคัญกับกองทหารเกียรติยศเป็นอย่างมาก และผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น จึงมีนโยบายให้จัดการแข่งขันของทหารเกียรติยศขึ้น เพื่อให้มีการปฏิบัติในรูปแบบเดียวกัน มีความพร้อมเพียง เข้มแข็ง และสง่างาม โดยจัดให้มีการแข่งขัน ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ซึ่งกองทหารเกียรติยศของกองทัพภาคที่ 3 ได้แสดงถึงความสามารถและมาตรฐาน จนได้เป็นตัวแทนของกองทัพบกเข้าแข่งขันในระดับกองทัพไทย สร้างขื่อเสียงให้กับกองทัพภาคที่ 3 เป็นอย่างมาก

ในวันที่ 29 สิงหาคม 2566 เวลา 08.00 นาฬิกา พลตรี ประสาน แสงศิริรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกองทหารเกียรติยศ ประจำปี 2566 ณ ลานอเนกประสงค์กองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 

ทั้งนี้รองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้กล่าวชื่นชมกองทหารเกียรติยศทั้ง 10 หน่วย ที่ผ่านการคัดเลือกในระดับมณฑลทหารบกของตนเอง จนสามารถเข้ามาแข่งขันในระดับกองทัพ ขอให้กำลังพลทุกนายได้ตั้งใจปฏิบัติอย่างเต็มความสามารถให้สมกับที่พวกเราได้ทุ่มเทฝึกซ้อมมาจนนับครั้งไม่ถ้วน และขอให้นำความรู้ และประสบการณ์ที่ได้รับไปปฏิบัติภารกิจถวายพระเกียรติ แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ได้อย่างถูกต้องตามระเบียบ แบบธรรมเนียม และเป็นไปตามพระราชนิยม เกิดความเรียบร้อย และสง่างาม

'มะเดี่ยว' เปิดใจ!! หลัง 'หมอยง' ไขกระจ่างทุกแง่มุมสถานการณ์โควิดไทย ยอมรับอดีตปิดหูปิดตา ทั้งที่ทีมวิจัยวัคซีนทำหน้าที่เพื่อคนไทยอย่างหนัก

(29 ส.ค. 66) จากเฟซบุ๊ก 'Chookiat Sakveerakul' โดยชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

เคยเข้าใจผิดจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน จนวันนี้ได้มีโอกาสได้มาพูดคุยกับอาจารย์หมอยง ท่านก็ได้เมตตาให้ความกระจ่างเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 เมื่อครั้งยังวิกฤติ ทำให้เรารู้ว่าทีมวิจัยวัคซีนทำงานหนักบนข้อจำกัดมากมายเพื่อให้คนไทยได้รับการดูแลที่ปลอดภัยที่สุด หลายเรื่องไม่เคยถูกสื่อสารออกมาและด้วยความร้อนรนของสังคม ณ เวลานั้นผู้คนจำนวนมากรวมทั้งเราเองก็อาจจะแสดงออกในทางที่ไม่ถูกไม่ควรกับอาจารย์ออกไปโดยเป็นการด่วนตัดสินไปตามอารมณ์หุนหันพลันแล่น

อาจารย์ให้เกียรติเราได้พบกันในห้องประชุมของทางโรงพยาบาลจุฬาฯ และได้ใช้เวลาพูดคุยอธิบายถึงสิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นกันเอง โดยไม่มีวี่แววของความขุ่นเคืองเลยแม้แต่น้อย จนเมื่อเราได้เอ่ยขอขมาที่ได้ล่วงเกินท่านไปตามที่ตั้งใจไว้ อาจารย์ก็บอกว่าไม่เคยถือโทษโกรธเคืองกันเลยสักนิด แต่ท่านเมตตารับเอาไมตรีจิตไว้ แล้วยังเอ่ยปากเชิญชวนให้มาพบกันอีกในอนาคต

การพบกันในครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการบังคับ หรือการมีคดีความอะไรต่อกันทั้งสิ้น เป็นความสมัครใจเมื่อมีโอกาสได้พบกับคุณพีท หลานชายของอาจารย์หมอและได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันถึงประเด็นนี้ เราเลยอยากขอพบกับอาจารย์เพื่อได้รู้จักไถ่ถามความเป็นจริงโดยไม่ผ่านสื่อใด ๆ และก็ได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงจากอาจารย์หมอยงให้เข้าพบเจอ และพบว่าท่านคือผู้ใหญ่ที่ทำงานหนักเพื่อวิทยาศาสตร์การแพทย์ และได้สร้างหลายสิ่งที่ควรจะได้รับการยกย่องไว้อย่างสง่างาม

ขอบคุณทุกท่านที่ทำให้เกิดการพูดคุยในวันนี้ขึ้นมานะครับ เป็นประสบการณ์ดี ๆ ครั้งหนึ่ง ที่ทำให้รู้ว่าบางครั้งการด่วนตัดสินใจไปโดยที่ไม่รู้จักอาจจะพลาดโอกาสที่จะทำให้เราเปิดหูเปิดตาได้รู้ได้เห็นอะไรที่เป็นจะทำให้เรามองโลกนี้ได้กว้างขึ้น 😍

ปล. ขออนุญาตปิดเมนต์นะ เพราะคนเขาคุยกันดีแล้ว รำคาญพวกมาแซะมาเสี้ยม 😂

‘โรงแรม’ ยัน!! ไม่ย้าย ‘ครูกายแก้ว’ ไม่ผิดเงื่อนไข สัญญาเช่า 20 ปี แต่จะสร้างโดมครอบแทน เพื่อลดกระแสความไม่สบายใจของสังคม

(28 ส.ค. 66) จากกรณีรูปปั้นครูกายแก้วที่ถูกนำมาตั้งไว้บริเวณโรงแรมเดอะบาซาร์ โฮเทล แบงค็อก จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของหลายฝ่าย สู่การตั้งคำถามของสังคมว่าสมควรย้ายรูปปั้น ‘ครูกายแก้ว’ หรือไม่

ล่าสุด ที่ห้องรัชโยธินแกรนด์ ชั้น 20 โรงแรมเดอะ บาซาร์ โฮเทล แบงค็อก นายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยนายสิทธิชัย หอมศิริวรรณ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย แถลงกรณีรูปปั้นครูกายแก้ว ที่ตั้งบริเวณโรงแรม เดอะ บาซาร์ โฮเทล แบงค็อก ประเด็น “รูปปั้นครูกายแก้ว อยู่ หรือ ไป”

นายชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา เลขานุการประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า ขอขอบคุณสภาศิลปินส่งเสริมพระพุทธศาสนา โดย ดร.ศุภาชัย คณะราษฎรไทยแห่งชาติ รวมถึงคณะราษฎรไทยแห่งชาติ องค์กรตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 42 โดยคุณพลภาขุน เศรษฐญาบดี โดยทั้ง 2 หน่วยงานส่งหนังสือถึงทางโรงแรมว่า บัดนี้มีความเข้าใจแล้วว่า ‘รูปปั้นครูกายแก้ว’ ไม่กระทบต่อความเชื่อต่อทางพระพุทธศาสนา แต่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ทั้งนี้ ทางหน่วยงานยินดีให้ความร่วมมือกับโรงแรงในภายภาคหน้าต่อไป

ขณะที่ประเด็นเรื่องการวางรูปปั้นครูกายแก้ว จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของความเชื่อทางศาสนานั้น นายชาลี กล่าวว่า แยกออกเป็น 2 ประเด็น ประเด็นแรก ทางโรงแรมได้เช่าที่ดินของการรถไฟทั้งหมด โดยมีวัตถุประสงค์ในการเช่ามาทำธุรกิจการให้บริการในด้านการโรงแรม และส่วนอื่นๆ ตามไปด้วย ดังนั้น โรงแรมได้แบ่งพื้นที่ให้บริษัทของครูกายแก้ว โดยมีอาจารย์หน่อยเป็นผู้เช่า ทางโรงแรมแบ่งพื้นที่ด้านหน้าที่จะเห็นว่ามีรูปปั้นต่างๆ ซึ่งพื้นที่หน้าโรงแรมทั้งหมด ทางโรงแรมมอบให้ผู้เช่าไป เป็นสัญญาระยะเวลา 20 ปี ปีละ 2,400,000 บาท เพื่อให้อาจารย์หน่อยช่วยปรับฮวงจุ้ยของโรงแรมให้ดีขึ้น และระบุในสัญญาชัดเจนว่าต้องไม่ให้เกิดความเสื่อมเสียกับโรงแรม ไม่มีผลกระทบต่อสังคม แต่ไม่ได้ทราบว่าจะนำรูปปั้นของครูกายแก้วมาวาง แต่ถือเป็นสิทธิ์ของผู้เช่า เพราะทางผู้เช่าต้องการจะทำธุรกิจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งโรงแรมก็ไม่ได้ขัดอะไร เพราะรูปปั้นครูกายแก้วช่วยทำให้โรงแรมกลายเป็นที่รู้จัก โด่งดังมากขนาดนี้ และถือว่าเป็นการสร้างกระแสในทางบวกให้กับโรงแรมด้วยซ้ำ เพราะมีลูกค้าและมีการจองโรงแรมมากขึ้น

เบื้องต้นโรงแรมหารือกับ กทม.ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร และได้ข้อสรุปว่าการตั้งรูปปั้นครูกายแก้วนั้น ไม่ได้มีความผิด แต่เพื่อความสบายใจของประชาชน จึงมีการขอให้ปกปิด โดยการสร้างประติมากรรมส่วนครอบ งบประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งผู้เช่าช่วงสถานที่จะเป็นคนออกค่าใช้จ่าย แต่นายชาญ ตุลยาพิศิษฐ์ชัย หุ้นส่วนที่ถือหุ้นประมาณ 20 % จะช่วย 20 ล้านบาท คาดใช้ระยะเวลาในการสร้าง 2 เดือน เพื่อลดกระแสความไม่สบายใจ และให้หันมาสนใจประติมากรรมครอบแทน ซึ่งออกแบบโดยสถาปัตยกรรม จะมีรูปทรงคล้ายโดมของสนามบินสุวรรณภูมิ ส่วนในอนาคตหลังหมดสัญญาจะมีการย้ายรูปปั้นครูกายแก้วออกหรือไม่ คงต้องรอดู แต่คาดว่าคงไม่ย้าย เพราะตอนนี้ก็มีถือว่าเป็นเรื่องที่ดี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top