Monday, 28 April 2025
NEWS FEED

กระจ่าง!! 'แก้เกณฑ์เบี้ยคนชรา' ลดภาระ 'คลัง-รบ.ใหม่' หลังผู้แตะวัย 60 เพิ่มพุ่ง ส่วนผู้รับเบี้ยซ้ำซ้อนก็มีอยู่มาก

เมื่อไม่นานมานี้ TikTok บัญชี @thestandardwealth ได้โพสต์คลิปบทสนทนาของ ‘คุณประกิต สิริวัฒนเกตุ’ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ที่ได้ออกมาให้ความรู้เกี่ยวกับปัญหา ‘เบี้ยคนชรา’ ในอีกมุมมองหนึ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้ ซึ่งจะส่งผลถึงสถานะการคลัง จนต้องมีการแก้เกณฑ์เบี้ยคนชรา โดย คุณประกิต ได้เล่าให้ฟังว่า…

ถ้าบอกว่าเบี้ยคนชราตอนนี้ กระทบการคลังในปัจจุบันหรือยัง? ผมคิดว่ายัง…เพราะว่าผู้ที่เคยได้รับอยู่แล้ว ก็ยังคงได้รับต่อไป โดยเกณฑ์ใหม่นี้จะเป็นเกณฑ์ของคนที่อายุต่ำกว่า 60 ที่กําลังจะเข้าสู่อายุ 60 ที่ต้องไปรอลุ้นว่ามันมีเงื่อนไขอะไรบ้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับคณะกรรมการผู้สูงอายุเป็นคนกําหนดเกณฑ์

ทีนี้หากถามว่า แล้วทําไมต้องมีการปรับเปลี่ยนด้วย นั่นก็เพราะภาครัฐเขารู้แล้วว่า หากแนวโน้มผู้สูงอายุยังเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ (เพิ่มขึ้น) อนาคตตายแน่…เพราะถ้าลองคํานวณดูอัตราการเสียชีวิตของประชากรเทียบกับคนที่จะมีอายุ 60 เข้ามาเติมในระบบ มันมีช่องว่างที่น่าสนใจ โดยในแต่ละปี เราจะมีคนที่อายุ 60 เข้ามาสู่ระบบราวๆ 8-9 แสนคน ขณะเดียวกันประชากรที่เสียชีวิตในแต่ละปีมีอยู่ประมาณ 5-6 แสนคน แปลว่าจะมีช่องว่างจากผู้ที่ไม่ได้รับเบี้ย 900,000 – 600,000 อยู่ที่ประมาณ 3 แสนกว่าคน”

แล้วในอนาคตตัวเลขก็จะไปในทิศทางนี้ คือ การเติมผู้ได้รับสิทธิเข้ามาเฉลี่ยปีละ 6 แสนบ้าง 7 แสนบ้าง 8 แสนคนบ้าง ซึ่งนั่นแปลว่าภาระของรัฐบาลจะมีเพิ่มมากขึ้น การคลังของเราจะเจอปัญหาหนักมาก นั่นก็เพราะในอดีตเรากู้มาเยอะตอนดอกเบี้ยต่ำ แต่ในอนาคตดอกเบี้ยมันอาจจะสูงขึ้น หากมีการเดินหน้าโครงการต่อไปในขณะที่ดอกเบี้ยต่ำ ก็ยังไม่มีปัญหา แต่ในอนาคตเมื่อภาระดอกเบี้ยตรงนี้มันสูงขึ้นเมื่อไร รัฐบาลก็ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้นตาม

ฉะนั้นการปรับแก้เกณฑ์ของรัฐบาล (ประยุทธ์) จึงเหมือนกับยอมที่จะโดนด่าแต่เนิ่นๆ เพราะเขามองออกว่าถ้ายังปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ในอนาคตรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาดูแลต่อลําบากแน่ๆ จึงต้องรีบจัดการตั้งแต่ตอนนี้”

นอกจากนี้ การแก้เกณฑ์ดังกล่าว มันเป็นการเข้าไปเขย่าปัญหาหมักหมมของตัวเบี้ยผู้สูงอายุในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเดิมมีผู้รับเบี้ยซ้ำซ้อนเยอะ หลายคนได้รับสวัสดิการด้านอื่นๆ อยู่แล้ว ได้รับบําเหน็จบํานาญด้านอื่นๆ และก็ยังขอตัวเบี้ยผู้สูงอายุ ซ้ำๆ เติมๆ เข้าไป เพราะเกณฑ์ก่อนที่จะมีการแก้ไข มันมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ที่ได้รับอย่างไม่ละเอียดมากพอ

การล้างไพ่ใหม่ แล้วตรวจสอบสิทธิใหม่ จึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาคิดว่าต้องๆ ทำและต้องแก้ไข ดังนั้น อย่าเพิ่งไปมองว่าเราจะไม่ได้หรือคนที่สูงอายุ 60 ปี จะไม่ได้สิทธิ เขาแค่อยากจะล้างเกณฑ์เดิม เพราะว่ามันมีช่องโหว่อยู่ เพื่อไม่ทำให้เกิดการรับเบี้ยซ้ำซ้อน จนกระทบภาวะการคลัง ซึ่งจะทำให้ในอนาคตระยะยาวผู้ที่ควรได้รับสิทธิที่เหมาะสมจริงๆ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อไป

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้า “สร้างชีวิต” อย่างยั่งยืน ลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานี มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ครัวเรือนยากจน ในโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการภาคอีสานร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน และนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี

วานนี้ (วันอังคารที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2566) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ  เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางจินดา บุญลาภทวีโชค กรรมการตรวจสอบ  นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม และนายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ   ร่วมในพิธีมอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับครัวเรือนยากจนในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี (จังหวัดที่ 6 ของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จำนวน 27 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 672,755 บาท (หกแสนเจ็ดหมื่นสองพันเจ็ดร้อยห้าสิบห้าบาทถ้วน)  เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพแก่ครัวเรือนยากจนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้ ”บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ” ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย โดยมี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และนายวิฑูรย์ นวลนุกูล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และนางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  และคณะมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานีร่วมในพิธี ณ บริเวณหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี

พร้อมกันนี้ นางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมหน่วยแพทย์ฯ ลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น  และบริการตัดผม ฯลฯ โดยมีประชาชนเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก

โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน  ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  

ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์การประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมา ได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในขณะได้พิจารณาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา อุดรธานี มุกดาหาร หนองบัวลำภู บึงกาฬ ยโสธร ศรีสะเกษ มหาสารคาม ขอนแก่น อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ สกลนคร เลย หนองคาย และ นครพนม ซึ่งปัจจุบันทางมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ลงพื้นที่มอบไปแล้วรวมทั้งสิ้น 6 จังหวัด 147 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,070,105 บาท (สามล้านเจ็ดหมื่นหนึ่งร้อยห้าบาทถ้วน)

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชันและสายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

‘เสก โลโซ’ ยกลิขสิทธิ์เพลง ‘ก้าวให้ไกลกว่าเดิม’ เป็นของคนไทยทุกคน  ลั่น!! ‘นำไปร้องใหม่-เล่นในผับ-คัฟเวอร์’ ทำได้ตามสบาย ฟรีไม่เสียตังค์

เมื่อวานนี้ (29 ส.ค. 66) 'เสก โลโซ' นักร้องชื่อดัง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก แจ้งแฟนคลับว่า “ผมขอมอบลิขสิทธิ์เพลงก้าวให้ไกลกว่าเดิมให้เป็นของประชาชนคนไทยทุกๆ คน ท่านสามารถนำไปร้องใหม่ บันทึกเสียงใหม่ เล่นในผับ คัฟเวอร์ ฯลฯ ได้เลยตามสบายครับ”

จากนั้นได้โพสต์ลิงก์มิวสิควิดีโอ พร้อมข้อความว่า “เพลงนี้เป็นเพลงของประชาชนคนไทยทุกคน ท่านสามารถนำไปขับร้องใหม่ บันทึกเสียงใหม่ นำไปคัฟเวอร์ ไปเปิด ไปเล่นในผับ ฯลฯ ฟรีเลยจ้าาา…”

โดยเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา ‘เสก โลโซ’ ได้แต่งเพลงดังกล่าวขึ้น เพื่อให้กำลังใจพรรคก้าวไกล หลังพรรคเพื่อไทยแถลงฉีก MOU 8 พรรคร่วมรัฐบาล พร้อมประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ซึ่ง ‘เสก โลโซ’ ได้ร้องสดให้กับแฟนคลับได้ฟังผ่านทางเฟซบุ๊ก กระทั่งล่าสุดมีการทำเป็นมิวสิควิดีโอ

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ลงพื้นที่ประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล

นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ม.ค.66 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเลเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ได้กำกับดูแลและเร่งแก้ไขปัญหาข้อพิพาท โดยใช้การบังคับใช้กฎหมายนำการเจรจา ใช้การบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อาทิ กรมที่ดิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมการปกครอง กรมธนารักษ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถนำเอาพื้นที่ถนนที่ประชาชนใช้ในการสัญจรคืนกลับมาให้กับชุมชนได้ นอกจากนี้ยังได้วางแนวทางในการแก้ไขปัญหาระยะยาว เพื่อแก้ไขการพิพาทเรื่องที่ดินให้ถูกต้อง รวมทั้งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตของชาวเลในพื้นที่เช่น การทำประมงพื้นบ้านในพื้นที่อุทยาน การตรวจสอบรังวัดที่ดินที่ถูกรุกล้ำเพื่อคืนพื้นที่ให้กับชาวบ้าน เป็นต้น

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (29 ส.ค.66) เวลาประมาณ 13.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล พร้อมด้วย นายนรินทร์ ประทวนชัย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พ.ต.ท.ประวุฒิ วงศ์สีนิล รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกรรมการสิทธิมนุษยชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล เพื่อประชุมติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาที่ดินพิพาทบนเกาะหลีเป๊ะ โดยในที่ประชุมวันนี้ได้มีการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับเรือประมงพาณิชย์ซึ่งลักลอบทำประมงในเขตอุทยานจำนวน 15 คดี ได้มีการออกหมายเรียกเจ้าของเรือ ไต๋เรือ และลูกเรือทั้งหมดแล้ว และได้ตรวจยึดเรือประมงของกลางรวม 26 ลำ จากทั้งหมด 28 ลำ อีก 2 ลำกำลังเตรียมการส่งมอบให้เรียบร้อย ในส่วนของการดำเนินคดีกับบุกรุกพื้นที่อุทยานนั้น หลังจากที่ได้ดำเนินการรังวัดพื้นที่โดยชัดเจนเรียบร้อยแล้วนั้น จะพิจารณาหากพบมีส่วนพื้นที่ใดที่ล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่อุทยาน ทางกรมอุทยานจะร้องทุกข์ดำเนินคดีทุกจุดต่อไป ในส่วนของโรงแรมที่พักต่างๆ จะมีการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.โรงแรมทั้งหมด และจะติดตามความคืบหน้าการดำเนินการจนแล้วเสร็จ นอกจากนี้จะยังมีการพิจารณาดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากพบการกระทำผิดดังกล่าวจะดำเนินคดีโดยเด็ดขาดทั้งหมด หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจลำรางสาธารณะ และพบปะชาวบ้านในพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาพื้นที่เกาะหลีเป๊ะนั้น ในวันนี้ได้มีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อพิจารณาดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งหมด ซึ่งหลายส่วนมีความคืบหน้าไปมากแล้ว อาทิ คดีการลักลอบทำประมงในเขตอุทยาน ได้มีการตรวจยึดมาแล้วใกล้จะครบ 28 ลำ และจะติดตามผุ้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีให้ครบถ้วน ส่วนของการบุกรุกพื้นที่อุทยาน ขณะนี้การรังวัดดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว จะเห็นภาพชัดเจนว่าจะต้องดำเนินคดีกับผู้ใดบ้าง ซึ่งกรมอุทยานจะร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดในส่วนนี้ทั้งหมด รวมถึงในส่วนของโรงแรมบนพื้นที่ที่ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงแรม ก็จะดำเนินคดีทั้งหมดเช่นกัน หลังจากนี้จะเริ่มพิจารณาดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะดำเนินคดีไม่มียกเว้นให้ถึงที่สุด จากนั้นจะดำเนินการควบคู่ไปกับการฟื้นฟูพื้นที่เกาะหลีเป๊ะเพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่และประเทศชาติต่อไป

ผบ.ตร. มอบรางวัลแก่ข้าราชตำรวจนักกฎหมาย สำนักงานกฎหมายและคดี ที่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่

วันนี้ (29 ส.ค.66) เวลา 11.30 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรโครงการ “ทำดี มีรางวัล” แก่ข้าราชการตำรวจ สำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) จำนวน 3 นาย ได้แก่ พ.ต.ท.หญิง กัณฑิมา วงศ์ประธาน , ร.ต.อ.นัทธนธรณ์ ปิ่นนาค และร.ต.อ.หญิง ชมบงกช ธนาภรณ์พิบูล

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำหรับโครงการ “ทำดี มีรางวัล”  นั้นเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับข้าราชการตำรวจและประชาชนที่ประกอบคุณงามความดีมีจิตสาธารณะ จนเป็นที่ยอมรับของสังคม ตลอดจนข้าราชการตำรวจที่มุ่งมั่นทุ่มเททำงานจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ สร้างชื่อเสียงให้แก่หน่วยงาน และกรณีนี้คือข้าราชการตำรวจสังกัด สำนักงานกฎหมายและคดี (กมค.) จำนวน 3 นาย "ทำความเห็นขอให้ฟ้องผู้ต้องหา จนอัยการสูงสุดมีความเห็นสอดคล้องสั่งฟ้องผู้ต้องหา"ด้วย คณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาในคดีความผิดนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ, เสนอขายฉลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา, โฆษณาอันเป็นเท็จหรือเกินจริงเป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค และประกอบธุรกิจตลาดแบบขายตรงโดยไม่ได้จดทะเบียนฯ โดยได้ดำเนินคดีสั่งฟ้องบริษัทจำหน่ายสลากกินแบ่งผ่านช่องทางออนไลน์ จำนวน 3 คดีโดย ในชั้นพนักงานอัยการ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องและได้ส่งสำนวนกลับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อพิจารณาตามกฎหมาย ข้าราชการตำรวจ สำนักงานกฎหมายและคดี ทั้ง 3 ราย จึงได้ทำการศึกษาค้นคว้ารวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม สรุปข้อเท็จจริง ประกอบกับข้อกฎหมาย และทำความเห็นขอให้ฟ้องผู้ต้องหา นำเรียนอัยการสูงสุด จนอัยการสูงสุดเห็นด้วยและมีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 คดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้าราชการตำรวจทั้ง 3 นาย ได้ใช้ความวิริยะอุตสาหะทุ่มเทความรู้ ความสามารถ ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความละเอียดรอบคอบ เอาใจใส่ต่อหน้าที่เป็นอย่างดี สมควรแก่ การยกย่องสรรเสริญ ตามโครงการ "ทำดีมีรางวัล" เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ข้าราชการตำรวจและสังคมสืบไป

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า “ตนขอชื่นชมในความมุ่งมั่น ตั้งใจ และความละเอียดรอบคอบในการปฏิบัติหน้าที่ ตนจึงได้มอบใบประกาศเกียรติคุณและรางวัลตามโครงการ “ทำดี มีรางวัล” และเงินรางวัล 15,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่จะมอบรางวัลให้กับข้าราชการตำรวจหรือประชาชนที่ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ทำงานเชิงรุก เพื่อความสงบสุขของประชาชน ประกอบคุณงามความดี ช่วยเหลือประชาชน หรือทางราชการ ประพฤติตนดี คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมและช่วยเหลือประชาชนจนเป็นที่ยอมรับต่อสังคม”

ผบ.โรงเรียนนายเรือ ให้โอวาทนักเรียนนายเรือ ก่อนเดินทางเข้าร่วมการฝึกปฏิบัติ ในทะเลกับกองทัพเรือจีน

เมื่อวันที่ 28 ส.ค.66 เวลา 09.00 น. พลเรือโท ประวุฒิ รอดมณี ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ให้โอวาทแก่นักเรียนนายเรือชั้นปีที่ 5 จำนวน 2 นาย ได้แก่ นักเรียนนายเรือ จีรยุทธ วงศ์ไตรรัตน์ และนักเรียนนายเรือ อดิพงษ์ สงฆ์เจริญ ซึ่งเคยเข้ารับการศึกษาที่สถาบันการทหารเรือ ต้าเหลียน เมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง ของกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นระยะเวลา 3 ปี ณ ห้องรับรอง 2 กองบัญชาการโรงเรียนนายเรือ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

สำหรับในการฝึกปฏิบัติในทะเล บนเรือของกองทัพเรือจีนในครั้งนี้ จะทำการฝึกตามเส้นทาง ฐานทัพเรือเมืองชิงต่าว  มณฑลซานตง สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึง เมืองสุราบายา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกีนี ถึง กรุงซูวา สาธารณรัฐฟิจิ ตั้งแต่ 1 กันยายน 2566 - 8 ตุลาคม 2566 ระยะเวลา 38 วัน

การส่งนักเรียนนายเรือ เข้าร่วมการฝึกปฏิบัติบนเรือของกองทัพเรือจีน ทำให้นักเรียนนายเรือ ได้รับประสบการณ์การเดินเรือในทะเลต่างประเทศ และส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพเรือไทย และกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน

‘Ana Nuria คนรักทุเรียน’ ร้านเด็ดเมืองนราฯ ตรงปก ไม่จกตา!! คัดเนื้อพิเศษ เกรดพรีเมียม การันตีคุณภาพ เปิดขายมากว่า 40 ปี

(29 ส.ค. 66) ใครที่ไปเที่ยวจังหวัดนราธิวาส แล้วยังมองหาร้านทุเรียนในจังหวัดนราธิวาสยังไม่เจอ มาทางนี้ เราจะพาไปกินทุเรียนอร่อยๆ แบบเน้นๆ แบบเนื้อๆ ที่เลือกทานได้และไม่ต้องไปหาไกลหรือสั่งทางไลน์จากต่างจังหวัด ซึ่งเมื่อเวลาสั่งเรายังไม่รู้เลยว่าจะตรงปกหรือเปล่า

ขอแนะนำร้านนี้เลย ‘ร้าน Ana Nuria คนรักทุเรียน’ เป็นร้านที่เปิดขายที่สืบทอดมาจากพ่อแม่กว่า 35 ปี น้องเรียนจบปริญญาก็รับช่วงต่อ เพราะเป็นความผูกพันช่วยพ่อแม่ขายตั้งแต่เด็กๆ และช่วยเหลือครอบครัวเพราะน้องเขามีพี่น้องร่วม 10 คน และอาชีพนี้ก็เป็นอาชีพหลักของครอบครัว หลังจากที่พ่อเสียไปจึงฝากให้คนในครอบครัวได้สืบทอดการขายต่อ จึงการันตีได้ว่า ร้านนี้เป็นร้านคนที่รู้จักความอร่อยเรื่องทุเรียนได้จริงๆ

‘นูรียา เจะสนิ’ เจ้าของร้าน ‘Ana Nuria คนรักทุเรียน’ ถ่ายทอดไอเดียว่า…

“เริ่มแรกจากการขายทุเรียนจากพ่อกับแม่ก่อนและก็มาสู่รุ่นลูก คือตั้งแต่พ่อกับแม่แต่งงานมาประมาณ 30 กว่าปีมาแล้ว พ่อกับแม่เป็นพ่อค้า แม่ค้า ขายผลไม้โดยทั่วไปและทุเรียนด้วย เฉพาะในฤดูกาล และก็ตอนนี้จะเป็นรุ่นหนูจะเปิดประมาณ 7-8 ปี ตั้งแต่ปี 2559 จนตอนนี้เป็น ปี 2566 ของเราจะขายตลอดทั้งปี ตั้งแต่ทุเรียน จันทบุรี ชุมพร ยะลาและก็มานราธิวาสด้วย ขายทุเรียนทุกสายพันธุ์ หมอนทอง ชะนี พวงมณี ก้านยาว และมูซังคิง จากอำเภอเบตง จะมีแบบขายเป็นลูก และแบบแกะเนื้อและก็จะมีแบบเสริม ข้าวเหนียวทุเรียนแต่ก่อนจะเป็นข้าวเหนียวทุเรียนแบบธรรมดา แต่ตอนนี้ จะเป็นทุเรียนแบบยัดไส้ และแกะเนื้อ ถ้าใครที่ผ่านมา อยากกินทุเรียนอร่อยๆ คัดเกรด เราคัดเนื้อพิเศษๆ อร่อยสวยทุกลูก”

พิกัดร้านสาขา 2 เยื้องโรงพยาบาลราษฎ์บำรุงนราธิวาส ทางไปตันหยงมัส และสาขา 1 อยู่เต๊นซ้ายมือฝั่งเดียวกันกับแขวงการทางหลวงนราธิวาส โทร. 085-8726172 เฟซบุ๊ก ‘Ana Nuria คนรักทุเรียน’ เปิดร้านเวลา 10.00-22.00 น. ขายทุกวัน สำหรับคนในพื้นที่เทศบาลเมืองนราธิวาส เรามีบริการสั่งทางเพจ บริการส่งถึงที่

‘คาเฟ่ดังเขาใหญ่’ ประกาศยกเลิกให้ ‘ถ่ายพรีเวดดิ้ง’ ฟรี หลังเจอลูกค้าไร้มารยาท ผิดกฎ เสียงดังรบกวนลูกค้าท่านอื่น

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. เพจ ‘Bucolic Khaoyai’ ซึ่งเป็นร้านคาเฟ่ชื่อดังเขาใหญ่ ได้ออกมาโพสต์ประกาศยกเลิกการให้ ‘ถ่ายพรีเวดดิ้ง’ ฟรี หลังให้ถ่ายฟรีมานานกว่า 4 ปี เนื่องจากลูกค้าที่มาใช้บริการไม่ปฏิบัติตามกฎ โดยทางเพจระบุข้อความว่า…

"ประกาศ ทางร้านขอยกเลิกการให้ถ่ายพรีเวดดิ้งฟรี นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ เราให้ถ่ายฟรีมา 4 ปีแล้ว โดยมีเงื่อนไขให้ปฏิบัติตาม แต่หลาย ๆ ท่านชอบต่อรองเยอะ แล้วก็ไม่ทำตามกฎระเบียบกัน เช่น

- หลอกว่าทีมเล็ก ไม่เกิน 5 คน พอมาถึงจริง ขนมา 10 กว่าคน พร็อพเต็มรถ (เคสแบบนี้เจอเยอะสุด)

- บอกว่ายอมรับเงื่อนไข แต่พามาถึงจริง แหกทุกกฎ ทั้งเปลี่ยนชุด ทั้งไม่ยอมสั่งครบคน แล้วมาบ่นกรูว่ากฎเยอะ (ลืมไปหรือเปล่าว่าถ่ายฟรี)

- กรี๊ดกร๊าดเสียงดัง เหมือนหมูจะถูกเชือด บิลต์อารมณ์ถ่ายรูปกันตรึมเจ้าสาวแอนด์เดอะแก๊ง

- วางสิ่งของอุปกรณ์ ร่มถ่ายภาพ ไฟ ขาตั้ง เกะกะ ตามพื้น ตามสนามหญ้า โยกย้ายโต๊ะเก้าอี้ไปทั่ว แล้วไม่เก็บตอนใช้เสร็จ

- ถ่ายอยู่ครึ่งวัน น้ำคนละแก้ว มันมีจริง ๆ นะ เอาของกินข้างนอกเข้ามากินอีก

- ไม่แบ่งมุมถ่ายรูปให้ลูกค้าอื่น เห็นลูกค้าอื่นยืนตากแดดรอคิวแล้วสงสารมาก

เพราะงั้นต่อจากนี้เป็นต้นไป หากเดินเด๋อด๋าใส่ชุดเจ้าสาวเต็มยศเข้ามา ชม.ละ 3,000 นะคะ นะคะ นะคะ จำไว้! ไม่ใจดีแล้วค่ะ ส่วนนักศึกษาถ่ายชุดครุยฟรีเหมือนเดิม เพราะพี่รักเด็ก"

ภายหลังจากโพสต์ไปแล้ว มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก 

‘สสส.จับมือ กทม.- ภาคีเครือข่าย’ ปลูกฝังวินัยจราจร รณรงค์สวมหมวกกันน็อก-ขับขี่ปลอดภัย ป้องกันอุบัติเหตุ

‘สสส.สานพลัง กทม.- ภาคีเครือข่าย’ เดินหน้าสร้างการเรียนรู้วินัยจราจร ‘สวมหมวกกันน็อก 100% Save สมอง… ขับขี่ปลอดภัย ใกล้ไกลใส่หมวกกันน็อก’ ช่วยลดอุบัติเหตุถึง 39% นำร่องในโรงเรียน 8 แห่ง สังกัด กทม.

(29 ส.ค. 66) ที่โรงเรียนวิชากร เขตดินแดง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว กองบังคับการตำรวจจราจร กรุงเทพมหานคร (กทม.) จัดกิจกรรมรณรงค์สร้างกระบวนการเรียนรู้ ชวนเด็กไทยสร้างวินัยจราจร สู่ความปลอดภัยทางถนน นำร่อง 8 โรงเรียนต้นแบบ สังกัดกรุงเทพมหานคร โดยมีนางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธาน ภายในงานมีกิจกรรมสร้างความปลอดภัยโดย ครูตำรวจจากกองบังคับการตำรวจจราจร และชมมินิคอนเสิร์ตจากวง SPRITE X DON KIDS

นางวันทนีย์ กล่าวว่า ปัจจุบันอุบัติเหตุทางถนนก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะการขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กและเยาวชน สาเหตุจากพฤติกรรมการขับขี่ที่ประมาท อยู่ในวัยคึกคะนอง ไม่เคารพกฎจราจร ดัดแปลงสภาพรถจักรยานยนต์ การร่วมกันสร้างจิตสำนึกให้เด็กและเยาวชนตระหนักถึงความปลอดภัยทางถนน ที่เน้นย้ำไปที่การขับขี่รถจักรยานยนต์จึงเป็นเรื่องสำคัญ เน้นการสวมหมวกนิรภัยทั้งคนขับ คนซ้อนทุกครั้ง ที่ปลูกฝังให้เกิดความเคยชิน กทม. จะให้ความร่วมมือกับ สสส. และภาคีเครือข่าย ขับเคลื่อนให้เห็นความสำคัญในการสร้างจิตสำนึกตั้งแต่วัยเด็ก รวมถึงการกระตุ้นให้ผู้ปกครองเห็นความสำคัญในเรื่องนี้เช่นกัน นำร่อง 8 โรงเรียนต้นแบบ สังกัดกรุงเทพมหานคร

นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า สสส. และภาคีเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน มีเป้าหมายการทำงานที่มุ่งสนับสนุนแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2565-2570 เพื่อลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนของคนไทยให้เหลือ 12 คนต่อแสนประชากรในปี 2570 เน้นลดการสูญเสียอุบัติเหตุในกลุ่มผู้ใช้รถจักรยานยนต์ ที่มีกลุ่มเด็กเยาวชนที่เป็นเป้าหมายสำคัญ เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุพบว่าในกลุ่มที่บาดเจ็บ และเสียชีวิตมีการบาดเจ็บที่ศีรษะสูง สัมพันธ์กับการไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งหากผู้ขับขี่ทุกคนสวมหมวกนิรภัยจะช่วยลดการเสียชีวิตเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ถึง 39% และช่วยป้องกันการบาดเจ็บที่ศีรษะและช่วย save สมอง

นางก่องกาญจน์ กล่าวต่อว่า การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ขยายความร่วมมือกับโรงเรียนในสังกัด กทม. ผ่านกิจกรรมฐานเรียนรู้ สร้างวินัยจราจร ร่วมกับทีมวิทยากรจากกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) ให้ความรู้ และสร้างความตระหนักการใช้ถนนอย่างปลอดภัย กระตุ้นการมีจิตสำนึกถึงอุบัติเหตุทางถนน ที่เริ่มต้นจากการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง เมื่อต้องซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ หรือการหยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย กับโรงเรียนกรุงเทพมหานคร 8 โรงเรียน ครอบคลุม 6 โซนของกรุงเทพมหานคร พร้อมมอบชุดกระเป๋าการเรียนรู้ให้กับทั้ง 8 โรงเรียน สามารถนำไปจัดกิจกรรมการสอนความปลอดภัยทางถนนได้เอง ประกอบด้วย ชุดเกมช่องทางจราจร ความรู้เครื่องหมายจราจร สื่อความรู้เรื่องการสวมหมวกนิรภัย สื่อให้ความรู้อันตรายที่เกิดจากรถจักรยานยนต์

นายธงชัย โคระทัต ผู้อำนวยการโรงเรียนวิชากร เขตดินแดง กทม. กล่าวว่า “โรงเรียนได้ให้ความสำคัญในการป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุ โดยรณรงค์ให้มีการสวมหมวกนิรภัยเมื่อต้องเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ทุกครั้ง จัดสถานที่เก็บหมวกนิรภัยไว้ให้ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้นักเรียนเวลาเดินข้ามถนน และกิจกรรมรณรงค์ให้นักเรียนเห็นความสำคัญการสวมหมวกนิรภัย ยินดีให้ความร่วมมือกับ สสส. เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) และภาคีเครือข่ายเข้ามาทำกิจกรรม ‘โรงเรียน กทม.ปลอดภัย ชวนเด็กไทยสร้างวินัยจราจร ขับขี่ปลอดภัย ใกล้ไกลให้ใส่หมวก’ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสนใจของนักเรียนในเรื่องความปลอดภัยทางถนนได้มากจากการนำกระบวนการเกมต่าง ๆ มาให้เด็ก ๆ เกิดการมีส่วนร่วมมากขึ้น จึงเห็นว่าโครงการนี้ควรมีการขยายไปทำในโรงเรียนทั่วประเทศด้วย”

‘กุลวุฒิ’ เดินทางถึงไทยแล้ว หลังคว้าเหรียญทอง ในศึกขนไก่โลก 2023 พร้อมขอบคุณทุกแรงสนับสนุน ครอบครัว-แฟนกีฬารอต้อนรับอย่างอบอุ่น

(29 ส.ค.66) กุลวุฒิ วิทิตศานต์​ นักแบดมินตันมือ 3 ของโลกขวัญใจ​ชาวไทย​ ที่เพิ่งประกาศศักดาเป็นนักตบลูกขนไก่ชายเดี่ยวไทยคนแรกที่คว้าเหรียญทอง​ในศึกชิงแชมป์​โลกได้สำเร็จ เดินทางกลับถึงประเทศไทย ณ ท่าอากาศยาน​สุวรรณภูมิ​ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 สิงหาคม​ที่ผ่านมา

บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น มีครอบครัวทั้งพ่อ แม่ น้องสาว รวมไปถึงบุคคลสำคัญจากโรงเรียนแบดมินตัน​บ้านทองหยอด แฟนกีฬาลูกขนไก่ เดินทางไปรอต้อนรับอย่างหนาแน่น ก่อนที่ กุลวุฒิ​ วิทิต​ศานต์​ จะให้สัมภาษณ​์กับสื่อมวลชน

“ดีใจครับ เพราะว่าวันนี้​เราสามารถคว้าแชมป์โลกได้แล้ว อาจจะผิดหวังจากปีที่แล้วเพราะเราได้แค่รองแชมป์ พอมาปีนี้เราคว้าแชมป์ได้ก็รู้สึกดีใจมาก มันเป็นความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กว่าเราอยากจะคว้าแชมป์โลก และวันนี้เราก็ทำได้” กุลวุฒิ​ เริ่มกล่าว

“จริงๆ ถ้าคนทั่วไปมองว่าสายมันเปิดกว้าง (วิคเตอร์ อเซลเซ่น ตกรอบ)​ เหมือนเราอาจจะได้แชมป์แบบง่ายๆ แต่จริงๆ สำหรับตัวผมเองผมมองว่าเราอยู่ในสายที่อันตราย​ เพราะว่าเราเจอกับนักกีฬาที่เรามีสิทธิ์​ที่จะชนะอาจทำให้เรามั่นใจเกินไป และทำให้เราติดประมาท เล่นไม่เป็นตัวของตัวเอง มีความกดดันมากๆ”

“เราอยากเล่นแค่ 2 เกมครับ เพราะ 3 เกมมันเหนื่อย แต่ด้วยรูปแบบเกมบางทีคู่แข่งเราเตรียมตัว​มาดีครับ ทำให้เราเหนื่อย และใช้พละกำลังมากกว่าเดิม”

“ขอบคุณแม่ปุก โค้ชเป้ ทีมงานบ้านทองหยอดทุกคน และสปอนเซอร์​ที่สนับสนุน​ผม รวมถึงสมาคมกีฬาแบดมินตัน​ฯ ที่ซัพพอร์ตผมจนประสบความสำเร็จ​ใน​วันนี้ ตอนนี้ถึงไทยแล้วก็อยากจะหาอาหาร​ไทยกินแน่นอนครับ”

“สำหรับเอเชียน​เกมส์เราคงไม่ได้ไปปรับสไตล์​การเล่นอะไรมาก แต่ในช่วง​ที่มีการแข่งขันเราก็ต้องฝึกซ้อม​มากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องพละกำลัง แน่นอน​อยู่​แล้วว่าคู่แข่งที่เราจะเจอก็ย่อมรู้ว่าเราจะเล่นสไตล์ไหน ถ้าเรามีพละกำลังพอเราก็จะสู้กับเขาได้ เป้าหมายผมอยากคิดไปทีละรอบ ไม่อยากกดดันตัวเอง” นักแบดมินตัน​ทีมชาติไทย ทิ้งท้าย

ขณะที่ ณัฐวัชร วิทิตศานต์ พ่อของ ‘วิว’ กุลวุฒิ วิทิตศานต์​ นักแบดมินตันชายคนแรกที่คว้าแชมป์โลก ปัจจุบันรั้งอันดับ 3 โลก ที่มาต้อนรับและรับขวัญลูกชาย พร้อมครอบครัววิทิตศานต์ เปิดเผยว่า “ลูกชายไปไกลเกินฝัน ด้วยการคว้าแชมป์โลกได้ ซึ่งเป็นความยินดีและดีใจสำหรับครอบครัวของเรา เพราะจุดมุ่งหมายในการเล่นแบดมินตันก็เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง”

“ในรอบชิงชนะเลิศก็ยอมรับว่าลุ้นกันมาก เพราะแต้มใกล้กันเบียดกัน ในใจก็เชียร์ว่าพยายามเอาเซตสามให้ได้นะเพราะเรามีสิทธิ์แน่ๆ ลุ้นตรงอย่างเดียวเลย ตอนนี้รู้สึกภาคภูมิใจที่สุดเพราะมีลูก 2 คน ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง”

“สุดท้ายก็อยากให้ วิว รักษาวินัยการฝึกซ้อม ดูแลร่างกาย การพักผ่อน และอีกหลายองค์ประกอบที่จะหล่อหลอมนักกีฬา และเชื่อว่าถ้านักกีฬามีวินัยแบบนี้ ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทุกคน” คุณพ่อณัฐวัชร ทิ้งท้าย

ด้าน ‘ส้ม’ สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ น้องสาวที่เป็นนักกีฬาแบดมินตันเหมือนกัน เดินทางไปรับพี่ชาย ‘วิว’ กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ที่เดินทางกลับจากประเทศเดนมาร์ก หลังได้แชมป์ขนไก่โลก 2023

‘น้องส้ม’ กล่าวว่า “ยินดีกับพี่ชาย วันนี้ดีใจมากๆ เห็นความตั้งใจของพี่ชายมาตลอด ส่วนตัวหนูก็อยากเป็นแบบพี่ชาย แต่ขอไปทางของตัวเองก่อนค่ะ” 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top