Thursday, 6 June 2024
NEWS FEED

'กรุณา บัวคำศรี' ประกาศยุติออกอากาศ ‘รอบโลกเดลี่’ ช่อง PPTV ยืนยัน!! ยังคงทำงานในวงการสื่อ บนหลักการวิชาชีพสื่อมวลชน

(28 พ.ค. 67) วันที่ 28 พฤษภาคม กรุณา บัวคำศรี ผู้ดำเนินรายการ ‘รอบโลก by กรุณา บัวคำศรี’ และ ‘รอบโลกเดลี่’ ทางสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Karuna Buakamsri ระบุว่า ‘รอบโลก by กรุณา บัวคำศรี’ และ ‘รอบโลกเดลี่’ ทั้ง 2 รายการนี้ เริ่มต้นจากความตั้งใจของ PPTV ที่ต้องการทำรายการสารคดีข่าวและข่าวต่างประเทศแบบจริงจัง จากเดิมที่เป็นเพียงเนื้อหาไม้ประดับ

เรารับทำภารกิจนี้ด้วยความตื่นเต้นกึ่งกังวล เพราะหากทำข่าวต่างประเทศแบบจริงจัง เนื้อหาจะต้องละเอียดและหนัก เราไม่แน่ใจว่า สิ่งที่กำลังจะทำจะได้รับการตอบรับหรือไม่

ผ่านมา 7 ปี เราพอพูดได้ว่า ทั้ง ‘รอบโลก by กรุณา บัวคำศรี’ และ ‘รอบโลกเดลี่’ สามารถลงหลักปักฐานและมีที่มีทางของตนเองในวงการข่าวได้ แม้พื้นที่จะไม่กว้างขวางใหญ่โตหากเปรียบเทียบกับรายการข่าวกระแสหลัก และทั้งหมดเกิดขึ้นได้จากความทุ่มเทของทีมงานและการสนับสนุนอย่างสม่ำเสมอของ PPTV

การรักษาหลักการของวิชาชีพสื่อ การมีเสรีภาพในการคิด สร้างสรรค์ และการรักษาความเป็นตัวของตัวเอง เหล่านี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา

ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เราจึงพยายามอย่างมากที่จะไม่พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่เราต้องประนีประนอมหรือสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป

แน่นอนว่าการทำสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เกิดขึ้นทีวีดิจิตอล

เราไม่เชื่อเรื่องโชคชะตา แต่เราคิดว่าเราโชคดีที่ได้พบกับ PPTV และเป็นความโชคดีอย่างถึงที่สุดที่ได้รู้จักกับคุณหมอปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ

ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ในการพบและคุยกันหลายต่อหลายครั้ง คุณหมอมักจะบอกขอบคุณเราที่มาทำงานที่ PPTV ท่านมักจะบอกถึงความฝันและความหวังที่จะเห็นข่าวต่างประเทศได้มีที่ยืนในวงการโทรทัศน์ไทย

สำคัญที่สุดคือ คุณหมอไม่เคยขอให้เราต้องประนีประนอมหรือเปลี่ยนแปลงตัวตน (ที่ค่อนข้างดื้อรั้น) ของเรา

เราเคยถามแตะ ๆ เรื่องผลขาดทุนของช่อง ท่านมักจะบอกยิ้ม ๆ ว่า คุณมีหน้าที่ทำงานก็ทำงานไป

ความสำเร็จของ ‘รอบโลก by กรุณา บัวคำศรี’ และ ‘รอบโลกเดลี่’ จึงมีคุณหมอปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญที่สุด

ยามที่ดำดิ่งจากวิกฤตที่สุดในชีวิตส่วนตัว คุณหมอก็ช่วยประคับประคอง เป็นลมใต้ปีกพยุงไม่ให้เราตกลงมา จนมาถึงวันที่เราแข็งแรงและเดินทางต่อได้เอง

เราจึงขอใช้พื้นที่นี้บอกกล่าวกับทุกคนที่ติดตามรายการว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ‘รอบโลกเดลี่’ จะยุติการออกอากาศทาง PPTV อย่างเป็นทางการ

แน่นอนว่าไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย แต่เป็นการตัดสินใจที่จำเป็นอย่างยิ่ง

สุดท้ายสั้น ๆ สำหรับอนาคตต่อจากนี้ของเรา

เรายังคงทำงานในวงการสื่อต่อไป

และที่สำคัญคือ พื้นที่ที่เราตัดสินใจเลือกอยู่ จะคือพื้นที่ที่ทำให้เราสามารถทำงานที่ตั้งอยู่บนหลักการของวิชาชีพสื่อ มีเสรีภาพในการคิด ไม่เสียความเป็นตัวของตัวเอง และเป็นงานที่สามารถตอบแทนสังคมได้

เหมือนกับที่เราได้พยายามทำในช่วงตลอด 20 ปี

‘ช่อง 3’ ทุ่มเงินซื้อ ‘เครื่องดีเลย์เซ็นเซอร์’ หลัง 'โหนกระแส' โดนแบน หวังช่วยคัดกรองเนื้อหา-คำพูดไม่เหมาะสม ไม่ให้หลุดออกอากาศ

(28 พ.ค.67) กสทช. สั่งระงับออกอากาศ 'โหนกระแส' 1 วัน 7 มิ.ย.นี้ ผุดรายการใหม่ 'โหนกระแส' ชี้ช่อง 3 ทุ่มเงินซื้อเครื่องดีเลย์เซ็นเซอร์ ป้องกันคำที่ไม่เหมาะสมหลุดออกอากาศ

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน เม.ย.2567 ที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช. ได้มีหนังสือแจ้ง บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ช่อง 3 เอชดี แจ้งให้ระงับการออกอากาศรายการโหนกระแส เป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อให้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกระบวนการกำกับดูแล ตรวจสอบ กลั่นกรองเนื้อหารายการ ให้เป็นไปตามมาตรฐานทางวิชาชีพและจริยธรรม

ทางบริษัทยังสามารถใช้สิทธิโต้แย้ง โดยยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งดังกล่าว โดยรายการโหนกระแสมีกำหนด หยุดออกอากาศเป็นเวลา 1 วัน ตามคำสั่ง กสทช. ในวันที่ 7 มิ.ย.2567 นี้

หนุ่ม กรรชัย พิธีกรของรายการโหนกระแส เปิดใจผ่านรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ว่า กสทช.มีมติให้หยุดออกอากาศ 1 วัน แล้วให้ทางรายการเป็นคนเลือกวันเอง เลยเลือกวันที่ 7 มิ.ย. สืบเนื่องมาจากปี 2566 รายการโหนกระแสได้ออกอากาศตอนคุณศรีสุวรรณและคนต่อยคุณศรีสุวรรณ จนปะทะฝีปากในรายการ มีคำไม่เหมาะสมหลุดออกไป วันนั้นมีรายการมาแทน ชื่อว่ารายการ โหนกระป๋อง จะมี หนุ่ม กรรชัย กับ ป๋อง กพล เป็นพิธีกรดำเนินรายการ รอดูว่าใครเป็นแขกรับเชิญ

ส่วนวิธีการแก้ไขรายการสดแบบนี้ ช่อง 3 ได้เตรียมการเพื่อป้องกันเกิดเหตุซ้ำซ้อน ทุ่มเงินหลายล้านสั่งซื้อเครื่องดีเลย์เซ็นเซอร์ เพื่อใช้กับรายการโหนกระแสโดยเฉพาะ ป้องกันคำที่ไม่เหมาะสมหลุดออกอากาศ เป็นรายการเดียวในประเทศไทย

‘สื่อต่างชาติ’ ยกนิ้ว!! 4 วันจัดการลิงลพบุรี เกือบ 300 ตัว ยกเป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาลิงรบกวนคนในเขตเมือง

(28 พ.ค. 67) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่าตามที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับเทศบาลเมืองลพบุรี และจังหวัดลพบุรี ได้เปิดยุทธการดักจับลิงในตัวเมืองลพบุรีที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ในช่วงระหว่างวันที่ 24 ถึง 28 พฤษภาคม 2567 ภายใต้แนวทางการแก้ไขปัญหา ‘ประชาชนพ้นทุกข์ ลิงเป็นสุข’ โดยมีการตั้งกองอำนวยการศูนย์สนับสนุนการบริหารจัดการจับและเคลื่อนย้ายลิงลพบุรี โดยดำเนินการดักจับลิงบริเวณตลาดมโนราห์ ได้จำนวน 30 ตัว ทั้งนี้ได้จัดทำทะเบียนและนำเข้ากรงที่ 1 (A67) จำนวน 27 ตัว ส่วนลิงท้องและแม่ลิงที่มีลูกเกาะอกรวม จำนวน 3 ตัว จะนำไปดูแลไว้ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1(สบอ .1) สาขาสระบุรี เป็นการชั่วคราว

ขณะนี้รวมยอดลิงที่จับได้ทั้งหมด รวม 4 วัน จำนวน 288 ตัว แยกเป็น วันที่ 24-25 พ.ค. 67 จำนวน 227 ตัว วันที่ 26 พ.ค. 67 จำนวน 31 ตัว และวันที่ 27 พ.ค. 67 จำนวน 30 ตัว ทั้งนี้ในวันที่​ 28 พ.ค. -​ 4 มิ.ย. 2567 จะทำการทดสอบและปรับปรุงกรงที่ 1 (A67) และกรงที่ 2 (B67) เมื่อดำเนินการเสร็จเรียบร้อยและพร้อมสำหรับรับลิงเข้ากรงเพิ่ม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะบูรณาการร่วมกับจังหวัดลพบุรี​ เทศบาลเมืองลพบุรี​ และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการดักจับลิงบริเวณตลาดมโนราห์ และร้านชโยวานิช เพื่อนำไปไว้ในกรงที่ 1 (A67) และกรงที่ 2 (B67) ในช่วงวันที่ 5-15 มิ.ย. 67 ต่อไป

สำหรับปฏิบัติการดักจับลิงเมืองลพบุรี เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน กลายเป็นที่สนใจของสื่อต่างประเทศ ได้มาติดตามและเฝ้าสังเกตการณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งประกอบด้วยสำนักข่าวรอยเตอร์ สำนักข่าว NHK สำนักข่าว AP เป็นต้น 

ทั้งนี้ได้รับการบอกกล่าวจากสื่อต่างประเทศ ว่าการแก้ไขปัญหาลิงเมืองลพบุรี เป็นที่สนใจอย่างมากของผู้รับชมชาวต่างประเทศ ซึ่งจะกลายเป็นโมเดลสำหรับใช้ในการแก้ไขปัญหาลิง ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน โดยเฉพาะลิงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมือง ทั้งนี้สื่อต่างประเทศจะเฝ้าติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องจนเสร็จสิ้นภารกิจ

วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย คืนฟอร์มเก่ง เอาชนะ โดมินิกัน 3-1 ศึกเนชันส์ ลีก 2024

(28 พ.ค. 67) การแข่งขันวอลเลย์บอลเนชันส์ ลีก 2024 หรือ VNL 2024 สนามที่ 2 นัดแรก ณ เขตบริหารพิเศษมาเก๊า สาธารณรัฐประชาชนจีน ทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ลงสนามพบกับ โดมินิกัน

ซึ่งเกมการเล่นวันนี้ นุกนิค ณัฏฐณิชา ใจแสน เป็นเซตเตอร์เบอร์ 1 แทน ชมพู่ พรพรรณ ที่ได้รับบาดเจ็บจากสนามแรก

เริ่มเซตแรก โดมินิกัน และ ไทย เล่นกันอย่างสูสี ผลัดกันทำคะแนนได้อย่างสนุกในช่วงต้นถึงกลางเซต สุดท้ายเป็นไทยที่เบียดเอาชนะไป คะแนน 25-22 จบเซตแรก ไทยนำ 1-0 เซต

เซตที่ 2 ไทยพยายามทำแต้มโดยเน้นเล่นบอลเร็ว แต่โดมินิกันก็เล่นได้ดีเร่งเครื่องขึ้นมาสูสีกับไทยและเอาชนะไทยได้ 20-25 คะแนน จบเซต ไทย เสมอ โดมินิกัน 1-1 เซต คะแนน 25-22, 20-25 

เซตที่ 3 หลังเสียเซตที่ 2 ไทยพยายามเร่งเครื่องหวังเอาชนะ โดมินิกันให้ได้ โดยเน้นการรับบอลแรกที่เหนียวแน่น ช่วงต้นเซตไทยยังนำโดมินิกันไม่ห่างนัก แต่ช่วงท้ายเซตไทยใช้เกมรุกที่ดุดันและเกมรับที่เหนียวแน่นเอาชนะไปได้ ไทยขึ้นนำ 2-1 เซต

เซตที่ 4 ไทย และ โดมินิกัน เล่นกันได้อย่างสูสี คะแนนเบียดกันมาชนิดแต้มต่อแต้มต่อมาในช่วงท้ายเกมไทยเหนียวแน่นกว่า จบเกมไทยชนะโดมินิกันไป 3-1 เซต คะแนน 25-22, 20-25, 25-17, 26-24

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันสัปดาห์ที่ 2 ที่มาเก๊า นัดต่อไปไทยจะลงแข่งขันในวันศุกร์ที่ 31 พ.ค. 67 เวลา 11.30 น. ฝรั่งเศส พบ ไทย วันเสาร์ที่ 1 มิ.ย. 67 เวลา 18.00 น. ไทย พบ จีน และวันอาทิตย์ที่ 2 มิ.ย. 67 เวลา 15.30 น. บราซิล พบ ไทย

ไข่ไก่แพงขึ้นแผงละ 6 บาท ตกฟองละ 4 บาท เหตุจากไก่ออกไข่น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ

(28 พ.ค. 67) Business Tomorrow รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ 4 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด ได้ประกาศปรับราคาแนะนำไข่ไก่คละไซซ์หน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 4 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.2 บาท จาก 3.80 บาทในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาแผงไข่ไก่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 67 เป็นต้นไป

สำหรับการปรับขึ้นของราคาไข่ไก่ในครั้งนี้ ไม่ได้ขึ้นจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจประเทศไทยที่กำลังตกต่ำหรือเงินเฟ้อที่ปรับตัวเป็นบวกในช่วงที่ผ่านมา แต่เกิดจากการที่ไก่ออกไข่น้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้อุปทานลดลงอย่างรวดเร็วในขณะที่อุปสงค์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่ไข่ไก่เท่านั้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากไม่นานมานี้พริกขี้หนูสวนก็ได้ทำราคานิวไฮเช่นเดียวกันโดยตกกิโลกรัมละ 800 บาท สูงจากปีที่แล้วถึงเกือบ +200%

ตำรวจอายัดตัว ‘ตะวัน’ คุมตัวพาไป สน.พระราชวัง หลังพบมีหมายจับเป็นผู้สนับสนุนคดีพ่นสีกำแพง

(28 พ.ค.67) หลังจากเมื่อวานนี้ ศาลอาญาให้ประกัน ตะวัน ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ในคดี ม.116 แล้ว หลังถูกคุมขังมาตั้งแต่ชั้นฝากขังจนคดีถูกสั่งฟ้องเป็นระยะเวลานาน 104 วัน พร้อมกับอดอาหารประท้วงก่อนหน้านี้เป็นระยะเวลาหนึ่ง

โดยปัจจุบันตะวันถูกควบคุมตัวอยู่ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ พร้อมกับ แฟรงค์ ณัฐนนท์ เพื่อนร่วมคดีเดียวกัน โดยศาลให้ประกันตัวตะวัน ด้วยเงื่อนไขให้ใส่กำไล EM

สำหรับการปล่อยตัวตะวัน ทนายความกำลังตรวจสอบว่านอกจากนี้คดีนี้ ตะวันยังมีหมายขังในคดีอื่นอยู่อีกหรือไม่ หากมีจะยื่นคำร้องขอประกันตัวต่อไป หรือหากไม่มีคดีใดเหลืออยู่แล้วตะวันก็จะได้รับการปล่อยตัววันนี้ทันที

ล่าสุด ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ว่า ด่วน! 12.24 น. มีรายงานว่า จนท.ราชทัณฑ์ได้นำตัว ‘ตะวัน’ ออกจากรพ.ธรรมศาสตร์ ไปติดกำไล EM ที่ศาลอาญา หลังได้ประกันตัวในคดี #ม116 วานนี้

นอกจากนั้น ตำรวจ สน.พระราชวัง เตรียมจะอายัดตัวตะวันต่อ หลังพบว่ามีหมายจับของศาลอาญาในอีกคดีหนึ่งอยู่ ชวนจับตาสถานการณ์

ต่อมาเวลา 15.00 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน อัปเดตว่า หลังการพูดคุย ทางตำรวจ สน.พระราชวัง จะไม่อายัดตัวตะวันจากศาลอาญาในวันนี้ แต่จะให้เดินทางเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.พระราชวัง ในวันศุกร์ที่ 31 พ.ค. 67 แทน

ทั้งนี้ คดีใหม่นี้ ทราบว่าเป็นกรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุน ‘บังเอิญ’ พ่นสีกำแพงวัง ซึ่งตำรวจมีการจับกุมผู้สื่อข่าว-ช่างภาพ รวมทั้งสายน้ำไปเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา

ต่อมาเวลา 15.22 น. ตะวันถูกนำตัวออกจากศาลอาญา หลังจากการติดกำไล EM โดยเจ้าหน้าที่จะนำตัวไปปล่อยออกจากทัณฑสถานหญิงกลาง

ต่อมาเวลา 16.40 น. ทางตำรวจ สน.พระราชวัง เปลี่ยนแนวทาง เตรียมจะเข้าอายัดตัวตะวัน หลังได้รับการปล่อยตัวจากทัณฑสถานหญิงกลาง โดยมีการนำรถตำรวจเข้าเตรียมควบคุมตัว และนำตัวไปยัง สน.พระราชวัง

ต่อมาเวลา 16.56 น. ตำรวจ สน.พระราชวัง เข้าอายัดตัวตะวันแล้ว ขณะนี้กำลังพาตัวไปยัง สน. โดยมีทนายความกำลังติดตามไป

'พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ' เปิดการแข่งขัน พร้อมร่วมชมร่วมเชียร์กีฬาตำรวจ Cops Combat ที่จัดขึ้นปีนี้เป็นปีแรก ได้รับความสนใจจากตำรวจและประชาชนจำนวนมาก

วันนี้ (28 พฤษภาคม 2567) เวลา 14.00 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) เดินทางไปเป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬา Cops Combat พร้อมร่วมชมการแข่งขันและร่วมมอบรางวัล ณ สนามมวยราชดำเนิน โดยมี พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) , พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์ รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.จิรเดช พระสว่าง ผบก.อก.บช.ก. และ พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ปคบ. ร่วมต้อนรับ

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ กล่าวว่า การทดสอบและเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายของข้าราชการตำรวจ เป็นโครงการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการเป็นประจำทุกปี และในปีนี้เป็นปีแรกที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติบรรจุกีฬา Cops Combat เข้าเป็นกีฬาชนิดใหม่ของการแข่งขันกีฬาตำรวจ ปี 2567 โดยการเสนอของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งถือว่าเป็นมากกว่ากีฬา เพราะได้นำเอาทั้งกีฬามวย ยิวยิตสู และเทคนิคการต่อสู้ป้องกันตัวของตำรวจ มาประยุกต์ร่วมกันด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้มีการทบทวนการต่อสู้ป้องกันตัว การต่อสู้ระยะประชิด รวมทั้งเป็นการทดสอบสมรรถภาพร่างกายข้าราชการตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษ ภาคสนาม สายตรวจ ซึ่งต้องมีความแข็งแกร่ง มีทักษะ เป็นศิลปะป้องกันตัวที่ใช้สำหรับป้องกันตัวในการเผชิญเหตุเฉพาะหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปปรับใช้ในการทำงานเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน

กีฬา Cops Combat มีการแข่งขันขึ้นเป็นครั้งแรกในวันนี้ ภายใต้สโลแกน “วางยศ ลดอัตตา เกมกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย” มีข้าราชการตำรวจจากสังกัดกองบัญชาการต่างๆ เข้าร่วมการแข่งขัน เช่น กองบัญชาการตำรวจนครบาล ,ตำรวจภูธรภาค 1 - 9 , กองบัญชาการตำรวจสันติบาล , กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นต้น แบ่งการแข่งขันเป็นรุ่นน้ำหนัก ไม่จำกัดอายุ และชั้นยศ โดยมีทั้งประเภทชาย และหญิง รวม 14 รุ่น ซึ่งคู่แข่งขันที่ชนะจะได้รับเหรียญรางวัลแบ่งตามรุ่น พร้อมเปิดให้ข้าราชการตำรวจและพี่น้องประชาชนได้เข้าร่วมชมร่วมเชียร์ ณ สนามมวยราชดำเนิน ฟรี พร้อมมีการถ่ายทอดสดทางเพจ Cops Combat ซึ่งพบว่ามีประชาชนให้ความสนใจร่วมชมเป็นจำนวนมาก

ในวันนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐฯ ได้ร่วมชมร่วมเชียร์นักกีฬาที่เข้าแข่งขัน และมอบเหรียญรางวัลให้กับผู้ชนะใน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 62 กิโลกรัมชาย ผู้ชนะได้แก่ จ.ส.ต.ณัฐกร รัตนโชติ ตัวแทนจาก บช.ปส. และ สตม. และรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 48 กิโลกรัมหญิง ผู้ชนะได้แก่ ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ คงสมของ ตัวแทนจาก บช.ก. และ บช.ทท. จากนั้นได้มอบโล่ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนการแข่งขันกีฬา Cops Combat ในครั้งนี้ด้วย

ตำรวจภาค 4 ทลายขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยึดเฮโรอีน 139 กก. ก่อนส่งออกต่างประเทศ เร่งขยายผลจับกุมผู้สั่งการ

ที่ตำรวจภูธรภาค 4 จ.ขอนแก่น : เมื่อวันที่ 28 พ.ค.67 เวลาประมาณ 10.00 น. พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4, พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.สส.ภ.4 ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยึดเฮโรอีน 139 กก. ภายใต้แผนปฏิบัติการไล่ล่า(เด็ดปีก)นักค้า อีสานเหนือ 252  “No Place for Drug : NPD.P4” ตำรวจ บก.สส.ภ.4 และ ภ.จว.บึงกาฬ ได้สืบสวนขยายผลเครือข่ายยาเสพติด ทราบว่า จะมีการลักลอบขนยาเสพติดล็อตใหญ่ จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาในประเทศไทยและจะลำเลียงเข้าไปพื้นที่ตอนใน ปลายทางท่าเรือแห่งหนึ่ง จึงวางกำลังตามแนวชายแดน ในพื้นที่ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ  ต่อเนื่อง  อ.บ้านแพง จ.นครพนม  ซึ่งคาดว่าจะมีการลำเลียง ยาเสพติดผ่าน กระทั่งช่วงสายของวันที่ 25 พ.ค.67 ตำรวจชุดจับกุมได้ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย ซึ่งเป็นรถกระบะ ยี่ห้อเชฟโรเลต สีขาว หมายเลขทะเบียน ขอ-90xx ชลบุรี ตรงตามข้อมูลที่ได้จากการสืบสวน ขับขี่อยู่บนถนนสาย 212 อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ และเลี้ยวเข้าถนนสาย 2026 จึงเข้าสกัดจับกุมไว้ได้ บริเวณถนนสาย 2026 บ้านดงชมพู ต.โพธิ์หมากแข้ง อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ทราบภายหลังว่าผู้ขับขี่คือนายณัฐพล ตรวจค้นรถพบกระสอบห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ 3 กระสอบ ถูกวางอยู่ภายในห้องโดยสาร ตรวจสอบเป็นเฮโรอีนจำนวน 380 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณ 139 กก. จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาสอบสวนขยายผลต่อที่ สภ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ ซึ่งผู้ต้องหา รับสารภาพว่า เพิ่งพ้นโทษจำคุกในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และมีนายทุนติดต่อมาจ้างให้ลำเลียงยาเสพติดจำนวนดังกล่าวจริง เพื่อไปส่งมอบในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ โดยจะได้ค่าจ้าง 100,000 บาท ทั้งนี้หากเฮโรอีนจำนวนดังกล่าวหลุดลอดออกไปยังประเทศที่สาม จะมีมูลค่าถึง 280 ล้านบาท จากนี้จะทำการขยายผลถึงเครือข่ายและนายทุนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวว่า ตำรวจภาค 4 ได้ปราบปรามยาเสพติดเชิงรุกตามนโยบายรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดยเปิดปฏิบัติการไล่ล่านักค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง และสืบสวนขยายผลการจับกุมเพื่อดำเนินคดีและยึดทรัพย์ผู้สั่งการ รวมทั้งผู้ร่วมขบวนการทุกคดี นอกจากนี้ยังได้จัดฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพของตำรวจที่ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด โดยได้จัดฝึกอบรม“นักสืบ 5 G P4+1 รุ่นการสืบสวนเฉพาะทางด้านยาเสพติด” ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างเขี้ยวเล็บให้นักสืบยาเสพติดของภาค 4 พร้อมรับมือกับสถานการณ์ยาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพ  พล.ต.ท.สรายุทธ กล่าวในที่สุด

คณะนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ..)เดินทางดูกิจการและศึกษาภูมิประเทศที่จังหวัดสุโขทัย

นักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) รุ่นที่ 1 นำโดย พลโท ศักดิ์สิทธิ์ แสงชนินทร์ ผู้อำนวยการหลักสูตร การป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ รองประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพจิตเวชแห่งชาติ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางดูกิจการและศึกษาภูมิประเทศ ณ จังหวัดสุโขทัย เมื่อเดินทางถึงหอประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย นางสาวสรินรัตน์ เกิดสกุลรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย  ดร.มนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ

โอกาสนี้ ดร.มนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย กล่าวต้อนรับคณะนักศึกษา วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 จากนั้นนายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัยแนะนำภาพรวมของจังหวัดสุโขทัย ต่อด้วยการบรรยายสรุปจากหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย เรื่อง "การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ปัญหา อุปสรรค และโอกาส"
หลังจากนั้น คณะได้เยี่ยมชมนิทรรศการ ชมการสาธิตการทำผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น พบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกิจกรรม "Connect to the Futre" (Moving Forward Together) กิจกรรมพิมพ์พระ , เครื่องสังคโลกลายปลา , เครื่องเงิน/ทอง ผ้าทอ ณ อาคารอเนกประสงค์องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย และเดินทางไปสักการะพระพุทธรัตนสิริสุโขทัย ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

และในช่วงเวลา 18.50 น. ของวันที่ (27 พค.) คณะนักศึกษาฯเดินทางไปอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เพื่อสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ดำเนินกิจกรรม CSR ทำ บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการของจังหวัดสุโขทัย ไปสู่เวทีโลกภายใต้แนวคิด Connect to the future:Moving forward togetherโดยผู้ร่วมลงนามประกอบด้วย นายสุชาติ ทีคะสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ดร.มนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย นายศักดิ์เกษม ตันติยวรงค์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสุโขทัยและประธานบริษัทสุโขทัยพัฒนาเมือง นายชัชชัย ชุ่มชื่น นายกสมาคมท่องเที่ยวโดยชุมชนสุโขทัย นางสาวธนนนท์ นิรามิษ ประธานคณะกรรมการฝ่ายพัฒนาสังคม CSR นักศึกษาหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต รุ่นที่ 1 โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษานักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต รุ่นที่ 1 และพันเอก เอกรักษ์ สิงหพงษ์ ประธานคณะกรรมการนักศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักรสำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต รุ่นที่ 1  ร่วมเป็นพยาน ในการนี้ มีหน่วยงานความร่วมมืออื่นๆร่วมเป็นพยานสำหรับการทำ MOU ในครั้งนี้ด้วย

'แม่น้องไนซ์' วิ่งวุ่น!! ตามหาทนายดังๆ มาสู้คดี หลังหลากคู่กรณี เข้าแจ้งความเอาผิด ‘สำนักเชื่อมจิต’

(28 พ.ค.67) ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง สำหรับดรามาน้องไนซ์ ที่อ้างตัวเป็นลูกของพระพุทธเจ้า สอนธรรมะด้วยวิธีการเชื่อมจิต ซึ่งทางสำนักพระพุทธศาสนาเอง ก็ออกมาคอนเฟิร์มแล้วว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้มีระบุไว้ในพระไตรปิฎก

ขณะเดียวกัน ประเด็นที่สืบเนื่องมาจากข้อกังขาในลัทธิเชื่อมจิต ก็เรียกว่ามีสตอรี่ใหม่ ๆ ผุดขึ้นมาไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งทางครอบครัวของน้องไนซ์เอง ก็ไม่ยอมลดลาวาศอกเลยแม้แต่น้อย ทั้งออกมาตอบโต้เองทางโซเชียลมีเดีย แถมยังให้ทนายธรรมราช ดำเนินคดีทางกฎหมาย กับคนที่เกี่ยวข้องควบคู่กันไปอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เหล่าตัวแทนองค์กรต่าง ๆ นำโดยทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ในฐานะประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ก็ได้บุกแจ้งความจับแบบกราวรูดทั้งสำนัก เนื่องจากเห็นว่าลัทธิดังกล่าว บ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ขณะที่หนุ่ม กรรชัย พิธีกรชื่อดัง ได้ประกาศด้วยว่า ส่งทนายไปแจ้งความกับลัทธิเชื่อมจิตแล้ว พร้อมยืนยันว่า พ่อแม่กับน้องไนซ์มีความผิดตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก

ไม่เพียงเท่านั้น ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็เดินเครื่องถล่มเชื่อมจิตแล้วเช่นกัน โดยนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักพุทธฯ ได้มอบหมายให้ทางผู้อำนวยการนิติกร ของสำนักพุทธฯ รวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งก็ได้รับรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีหลักฐาน ที่ส่อว่าการกระทำของกลุ่มบุคคลดังกล่าว เข้าข่ายนำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยคณะทำงานได้เร่งถอดเทปย้อนหลัง รวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนแจ้งความดำเนินคดี ต่อ สภ.พุทธมณฑล ฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ภายในสัปดาห์หน้า นอกจากแจ้งดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการลัทธิเชื่อมจิตแล้ว ยังเตรียมแจ้งเบาะแสประเด็นเดียวกันนี้ ไปยังตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้ดำเนินการเอาผิดอีกช่องทางหนึ่งด้วย

และต้องบอกว่า งานงอกอย่างต่อเนื่อง เมื่อนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ เปิดเผยว่า ทางกระทรวง พม. โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ขออุทธรณ์กรณีที่เกิดขึ้น อยากให้ทางศาลรับเคสน้องไนซ์เป็นกรณีเร่งด่วน ซึ่งหากการอุทธรณ์ของกระทรวง พม.ได้ผล ศาลก็จะนัดไต่สวนทันที

ที่ผ่านมาแม้คณะสหวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. จะเจอตัวน้องไนซ์ แต่การที่จะพูดคุยเพื่อประเมินสภาพจิตใจของตัวน้อง ยังไม่สามารถทำได้ ซึ่งหากศาลไต่สวนฉุกเฉิน เราจะดำเนินการคุ้มครองได้สองกรณี คือ 

1.ขอให้ผู้ปกครองของน้องไนซ์ หยุดหาประโยชน์จากตัวน้องไนซ์ 

และ 2.ให้ผู้ปกครองเข้าร่วมวางแผนกับทีมงาน และเจ้าหน้าที่ในการเลี้ยงดูน้องไนซ์ 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตอนนี้ ศาลจะไม่ได้รับเรื่องไว้เป็นกรณีฉุกเฉิน แต่ภายในสัปดาห์นี้ทาง จะมีการยื่นคำร้องไต่สวนฉุกเฉินอีกครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของกระทรวง พม. ที่อยากจะให้มีการไต่สวนเป็นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน

งานนี้บอกเลยว่าหนักมากสำหรับคนที่เป็นทนายความให้ฝั่งเชื่อมจิต เพราะยิ่งกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ซึ่ง ‘เพจอีซ้อขยี้ข่าว’ ได้โพสต์แชตหลุด 2 หน้า อ้างว่าเป็นแชตของทางกลุ่มเชื่อมจิตทักหาทนายความคนหนึ่ง โดยเป็นการติดต่อไปหาเพื่ออยากให้ว่าความให้ พร้อมบอกด้วยว่า พวกเราอยากมีทนายเก่ง ๆ ขณะที่ทางเพจเขียนแคปชันประกอบว่า “แชทหลุด…ลัทธิเชื่อมจิตติดต่อหาทนายชื่อดังระดับประเทศมาดูแลแทนทนายคนเดิมเพราะกลัวจะแพ้คดีเหมือนที่ผ่านๆ มา” / “แฉต่อ วิ่งวุ่นเปลี่ยนทนาย แต่คนเดิมก็เก่งนะโดยเฉพาะปาก”

นอกจากนี้ทางเพจยังได้โพสต์ข้อความในคอมเมนต์ด้วยว่า…

-ทนายคนนี้ดังนะคะ เอ่ยชื่อมาทุกคนรู้จัก สื่อทุกสำนักเอาไปตีข่าวได้ค่ะ ของแทร่

-ไม่ต้องมาสตอ ว่าเป็นแชทปลอมนะคะ เพราะมีแชทฉบับเต็ม 10 หน้าจ้า

-ลืมบอกค่ะ พี่ทนายเค้าไม่เอาด้วยค่ะ ไม่ต้องมาจีบ ไม่ต้องมาถาม ถึงคิวว่างก็บอกไม่ว่าง เค้าไม่เอาค่ะ

-ประเด็นคือ สังเกตนะคะว่าแชทมาจากทางไหน ฉันอ่ะวงในของแทร่ ปล.แอดมินเทอมีหนอนค่ะ ไปเสาะเอาเอง รู้หน้าไม่รู้ใจ ต่อหน้าดีลับหลังส่งข้อมูลให้เพจ น้องบอกเรื่องนี้ป่ะคะแม่

งานนี้ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่าทางเชื่อมจิตต้องออกมาเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top