Monday, 16 June 2025
NEWS FEED

ผบ.ตร. นำนักเรียนนายร้อยตำรวจ ปลูกต้นไม้จิตอาสา ถวายเป็นพระราชกุศล พร้อมบรรยายปลูกฝังการเป็นตำรวจที่ดีแก่นักเรียนนายร้อยตำรวจทุกชั้นปี ต้องแม่นยำระเบียบกฎหมาย มีจริยธรรมประจำใจ

วันนี้ 24 ม.ค.66 เวลา 09.00 น. ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานโครงการปลูกต้นไม้จิตอาสาเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยมี พล.ต.ท.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ข้าราชการตำรวจ นักเรียนนายร้อยตำรวจ หลักสูตร นรต., นรอ. และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมโครงการกว่า 1,500 คน ร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณ “เราทำความดีด้วยหัวใจ” พร้อมกันอย่างกึกก้อง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ได้ร่วมปลูก 'ต้นเสลา' ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และร่วมทำกิจกรรมจิตอาสากับผู้เข้าร่วมโครงการฯ ต่อจากนั้น เวลา 10.00 น. ผบ.ตร. ได้บรรยายพิเศษ แก่ นักเรียนนายร้อยตำรวจ ชั้นปีที่ 1-4 และ นักเรียนอบรม ณ หอประชุมชุณหะวัณ มุ่งเน้นการเป็นตำรวจมืออาชีพ แม่นยำระเบียบกฎหมาย เชี่ยวชาญยุทธวิธีและเทคโนโลยี มีบุคลิกภาพและทักษะการสื่อสารที่ดี และมีจริยธรรมประจำใจ พร้อมแนะนำ 5 เทคนิคการทำงานให้มีความสุขและประสบความสำเร็จ

ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือเป็นประธานการประชุมพิจารณาการได้รับสิทธิในการบรรจุหรือแต่งตั้งทายาทของกำลังพลกองทัพเรือที่เสียชีวิตกรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง

เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.66) พล.ร.อ.สุวิน  แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือและประธานกรรมการพิจารณาการได้รับสิทธิในการบรรจุหรือแต่งตั้งทายาทของข้าราชการทหารและทหารกองประจำการที่เสียชีวิต เนื่องจากการรบหรือการปฏิบัติหน้าที่ราชการ เป็นประธานการประชุมเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับสิทธิในการบรรจุหรือแต่งตั้งทายาท และกำหนดจำนวนทายาทที่จะได้รับสิทธิ กรณีเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 5 กองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน 

‘ก.แรงงาน’ รับสมัครชายไทยฝึกงานเทคนิคที่ญี่ปุ่น ผ่านองค์กร IM Japan สมัครได้ถึง 31 ม.ค. 66

กระทรวงแรงงาน เปิดรับสมัครผู้ฝึกงานเทคนิคประเทศญี่ปุ่น ประเภทงานอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง ผ่านองค์กร IM Japan ปี 2566 ครั้งที่ 2 สมัครสอบทางออนไลน์ไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่บัดนี้ - 31 มกราคม 2566

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางาน ประกาศรับสมัครคัดเลือกผู้ฝึกงานเทคนิคคนไทยไปฝึกงานในประเทศญี่ปุ่นผ่านองค์กร IM Japan ปี 2566 ครั้งที่ 2 (เพศชาย) ในตำแหน่งผู้ฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิค ประเภทงานอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้าง (อาทิ งานหล่อกลึงโลหะ งานปั๊มขึ้นรูปโลหะ งานเชื่อม งานประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ งานบำรุงรักษาเครื่องจักร งานพ่นสี งานหลอม พลาสติก งานซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ งานแปรรูปอาหาร เป็นต้น) ผู้สมัครสามารถสมัครด้วยตนเองผ่านระบบออนไลน์ที่เว็บไซต์ toea.doe.go.th ตั้งแต่บัดนี้ - 31 มกราคม 2566 และสอบคัดเลือก ณ ศูนย์สอบจังหวัดลำปาง โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเป็นผู้ฝึกปฏิบัติงานเทคนิคฯ จะได้รับเบี้ยเลี้ยงเดือนแรก 80,000 เยน หรือประมาณ 20,510 บาท ค่าที่พัก ค่าน้ำ-ค่าไฟ ฟรี และเดือนที่ 2 ถึงเดือนที่ 36 จะได้ค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายญี่ปุ่นกำหนด เมื่อฝึกครบตามกำหนด จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองการฝึกงาน และเงินสนับสนุนการประกอบอาชีพจำนวน 600,000 เยน หรือประมาณ 153,830 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 มกราคม 2566) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการประกอบอาชีพเมื่อเดินทางกลับประเทศไทย  

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมแรงงานไทยให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศมาโดยตลอด เพราะทำให้แรงงานไทยมีรายได้ ได้เปิดโลกทัศน์ ได้รับประสบการณ์ สามารถนำทักษะที่เรียนรู้มาเพิ่มโอกาสความก้าวหน้าในการทำงาน หรืออาจต่อยอดเปิดกิจการของตนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศด้วย” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

'ตรีนุช' ออกประกาศ ยกเลิกระเบียบทรงผมนักเรียน ให้ทุกฝ่ายของสถานศึกษาพิจารณาตามความเหมาะสม

( 24 ม.ค. 66) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีเสียงเรียกร้องให้มีการแก้ไขปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 มาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญการลงโทษเรื่องทรงผมได้ส่งผลถึงร่างกายและจิตใจของนักเรียน ศธ.จึงได้มีหนังสือหารือไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรณีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียน ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 8) ได้ให้ความเห็นว่า รมว.ศธ.ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดอาจอาศัยอำนาจตามมาตรา 12 ประกอบกับมาตรา 39 (1) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2546 กำหนดเป็นนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดนำไปปฏิบัติได้

ดังนั้น เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ตนจึงได้ลงนามในระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการยกเลิกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 และเสนอสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วออกเป็นหนังสือสั่งการหรือหนังสือเวียน กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนหรือนักศึกษาไว้อย่างกว้าง ๆ เพื่อให้หน่วยงานในสังกัดที่เป็นผู้กำกับดูแลสถานศึกษา กำหนดให้สถานศึกษาแต่ละแห่งนำหลักเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าวไปกำหนดเป็นระเบียบ หรือข้อบังคับของสถานศึกษาแต่ละแห่งเอง

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ ศธ.ได้ยกร่างแนวนโยบายเกี่ยวกับการไว้ทรงผมของนักเรียนของสถานศึกษา ไว้ดังนี้

1.) การไว้ทรงผมของนักเรียนของสถานศึกษาในสังกัด ศธ. และสถานศึกษาในกำกับดูแลของ ศธ. จะไว้ผมสั้นหรือผมยาวก็ได้ โดยสถานศึกษาอาจกำหนดลักษณะทรงผมได้ตามพันธกิจ บริบท และความเหมาะสมของแต่ละสถานศึกษา

2.) สถานศึกษาในสังกัด ศธ.และสถานศึกษาในกำกับดูแลของ ศธ.อาจดำเนินการกำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับไว้ทรงผมของนักเรียนได้ โดยการวางระเบียบหรือข้อบังคับของสถานศึกษา และควรระบุบทอาศัยอำนาจของกฎหมายเฉพาะมาตรา 39 (1) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546

จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตามหลักการมีส่วนร่วม เช่น นักเรียน คณะกรรมการสภานักเรียน คณะกรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง หรือ ผู้แทนผู้ปกครอง ชุมชนท้องถิ่น บุคคลหรือกลุ่มบุคคลอื่นใดที่หัวหน้าสถานศึกษาเห็นสมควร เป็นต้น

'พงศพรหม' โพสต์!! 'ต่างชาติ-ต่างด้าว' ไม่ได้มาแย่งงานคนไทย แต่คนยุคใหม่ หนักไม่เอา เอาแต่เงินเดือนเกินความสามารถ

ไม่นานมานี้ นายพงศ์พรหม ยามะรัต รองโฆษกพรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pongprom Yamarat ระบุว่า...

ทานอาหารร้านคนรู้จัก ตั้งแต่กรุงเทพยันศรีราชา เดี๋ยวนี้เจอแต่คนเสิร์ฟ และผู้จัดการร้านชาวต่างชาติ

ร้านท้องถิ่นหน่อยก็พม่า ร้านแพงหน่อยก็ฟิลิปปินส์, จีน, อินเดีย, ศรีลังกา, อิตาเลียน หรือฝรั่งเศส อังกฤษโน่น

เน้นว่าพนักงานนะครับ ไม่ใช่เจ้าของร้าน!!

มองผิว ๆ ก็อาจมีคนบอกว่าต่างชาติมาแย่งงานคนไทย

แต่เปล่าเลย!!

มวยไทยผงาด!! คณะกรรมการโอลิมปิก รับรอง 'มวยไทย' อย่างเป็นทางการ

ข่าวดีของชาวไทย คณะกรรมการโอลิมปิกและพาราลิมปิกแห่งสหรัฐอเมริกา ได้มีจดหมายแจ้งรับรองมวยไทย โดยข้อความจดหมายระบุดังนี้...

เรียน คุณคอร์ลีย์

ในนามของสภาองค์กรในเครือคณะกรรมการโอลิมปิกและพาราลิมปิกแห่งสหรัฐอเมริกา ขอแสดงความยินดี! สหพันธ์มวยไทยแห่งสหรัฐอเมริกาได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ USOPC ให้เป็นสมาชิกใหม่ของ AOC ในหมวดองค์กรกีฬาที่ได้รับการยอมรับ สถานะใช้งานมีผลทันที

นราธิวาส-มทภ.4 ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ จ.นราธิวาส กำชับหน่วยปฏิบัติการพิเศษฯ สร้างความมั่นคง พื้นที่ปลอดเหตุ ประชาชนปลอดภัย

ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมคณะฝ่ายอำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมประชุมติดตามผลการปฏิบัติงาน และสถานการณ์สำคัญในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา ทั้งนี้เพื่อเน้นย้ำนโยบายสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ยังคงเคลื่อนไหวในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจากเหตุการณ์ความรุนแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานด้านการข่าว พร้อมการลาดตระเวนพิสูจน์ทราบจากชุดปฏิบัติการต่าง ๆ นั้น ยืนยันว่ามีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามาอาศัยในพื้นที่ Support site และมีความพยายามก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายการก่อเหตุคือกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ และเป้าหมายอ่อนแอ เพื่อควบคุมพื้นที่ให้เกิดความปลอดภัย ทุกหน่วยต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน พร้อมสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน ก่อนเดินทางไปให้กำลังใจ มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคแก่ชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา ที่ปฏิบัติการในพื้นที่ 

แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า "เป็นความตั้งใจในการมาให้กำลังใจกำลังพลเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาติดตามการปภูิบัติงานมาอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ในพื้นที่นั้นทุกหน่วยสามารถควบคุมได้ ทำให้เห็นถึงความพร้อม ของทุกส่วนที่บูรณาการความร่วมมือกันให้งานออกมาสำเร็จ ขอชื่นชมในการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ปฏิบัติการด้วยความอดทน จากเบาไปหาหนักตามขั้นตอนโดยได้รับความร่วมมือจากผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้าน และผู้นำศานา สุดท้ายแล้วกำลังพลไม่สูญเสีย และประชาชนมีความปลอดภัย 

"จะเห็นได้ว่ายังมีผู้หลงผิดให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงอยู่ และประกอบกับพื้นที่จังหวัดนราธิวาสบริเวณดังกล่าวติดป่าภูเขามีช่องโหว่ในการหลบหนี จำเป็นจะต้องใช้ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เข้ามามีส่วนร่วมและรวมถึงสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายเข้าออกในพื้นที่ ด้านกำลังเจ้าหน้าที่ก็ต้องเพิ่มการลาดตระเวนที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญด้วย ใช้บทเรียนที่ผ่านมาประยุกต์ใช้ในปัจจุบันเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก ปฏิบัติการด้านการข่าว และปฏิบัติการทหารแบบเชิงรุก ลาดตระเวน กดดันกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่เสี่ยง ล่อแหลม เพื่อลดความพยายามในการก่อเหตุ ติดตามบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มผู้ก่อเหตุโดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน สร้างความเชื่อมั่น ปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนให้ได้ 

"ทั้งนี้ให้หน่วยทำความเข้าใจ และขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชน อย่าได้ให้การสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดทั้งการให้ที่พักพิง แหล่งหลบซ่อน จัดหาเสบียง เพราะจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งให้แจ้งเบาะแสมายังเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ ขอเป็นกำลังใจแก่กำลังพลทุกนาย ที่เสียสละมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน ขอให้มีความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ในทุกรูปแบบ ถึงแม้มีความยากลำบากแต่ขอให้คิดคำนึงว่ามันคือหน้าที่ ในการทำงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยึดมั่นในยุทธศาสตร์การเป็นคนดี เข้าใจหน้าที่ มีความรับผิดชอบ ซึ่งนั่นจะทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุข และมีประสิทธิภาพ ขอเป็นขวัญและกำลังใจให้กับพวกเราในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไป"

สปส.พร้อมส่งมอบของขวัญปีใหม่ 2566 เร่งขับเคลื่อนนโยบายปี 66 พัฒนางานประกันสังคมเพื่อผู้ประกันตนได้ประโยชน์สูงสุด

ในงานแถลงข่าวสรุปผลงานเด่น ปี 2565 เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2566 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้กล่าวถึงของขวัญปีใหม่ ที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม พร้อมมอบของขวัญปีใหม่ 2566 เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้พี่น้อง ผู้ประกันตน ลูกจ้าง นายจ้าง มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น จำนวน 4 ชิ้น และได้เริ่มดำเนินการแล้วในขณะนี้ คือ...

ชิ้นที่ 1 ให้ สินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนดอกเบี้ย ไม่เกินรายละ 2 ล้านบาท วงเงิน 30,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือลดค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกันตน ในเรื่องของการมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง โดยสำนักงานประกันสังคม ร่วมมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม มาตรา 33 ที่จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน สามารถใช้สิทธิในการไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด จากสถาบันการเงินอื่น รวมถึงเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในบัญชีเงินกู้ที่กู้อยู่กับ ธอส. “โครงการสินเชื่อ ที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน” วงเงินให้กู้สูงสุดตามจำนวนเงินต้นคงเหลือไม่เกิน 2 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ ปีที่ 1-5 เท่ากับ 1.99% ต่อปี

ชิ้นที่ 2 เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษาของผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมให้เข้าถึงการรักษา 5 โรค ตามโรงพยาบาลที่กำหนด สำนักงานประกันสังคม ได้พัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ เพิ่มประสิทธิภาพ การเข้าถึงการรักษาด้วยการผ่าตัดหรือทำหัตถการนำร่องในกลุ่ม 5 โรค โดยร่วมกับสถานพยาบาลที่บันทึกข้อตกลงร่วมมือการให้บริการ จำนวน 10 แห่ง แบ่งตามกลุ่มบริการ 1. การผ่าตัดมะเร็งเต้านม 2. ผ่าตัดก้อนเนื้อที่มดลูก 3. ผ่าตัดนิ่วในไตและถุงน้ำดี 4. หัตถการโรคหลอดเลือดสมอง 5. หัตถการโรคหัวใจและหลอดเลือด

ทั้งนี้ เมื่อดำเนินโครงการแล้ว สำนักงานประกันสังคมจะต้องมีการติดตามและประเมินผลเพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดการบริการอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อผู้ประกันตนต่อไป

ชิ้นที่ 3 ฟรี ค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและโรคหัวใจในสถานประกอบการนำร่องใน 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรปราการ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี ระยอง พระนครศรีอยุธยา และสมุทรสาคร ซึ่งได้มีการ Kickoff โครงการดูแลสุขภาพผู้ประกันตนในสถานประกอบการ ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์ ในการส่งเสริมและดูแลสุขภาพของผู้ประกันตนเชิงรุก โดยร่วมมือกับสถานประกอบการที่ผู้ประกันตนทำงานอยู่ และสถานพยาบาลในพื้นที่เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับการตรวจสุขภาพ โดยใช้โมเดลเชิงรุก ดังนี้ 1.เน้นการค้นหาความเสี่ยงโรคหลอดเลือดและหัวใจ 2.แบ่งกลุ่มตามความเสี่ยง เสี่ยงสูง ปานกลาง และน้อย 3.โรงพยาบาลนัดหมายประเมิน เรื่องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมรายบุคคลระยะเวลา 6 เดือน 4.ติดตามผลระบบ Telemedicine และดำเนินการปรับพฤติกรรม

เป้าหมาย ผู้ประกันตน 300,000 คน ได้รับการตรวจสุขภาพเพื่อค้นหาความเสี่ยงด้านสุขภาวะนำไปสู่ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมป้องกันการเจ็บป่วย

ชิ้นที่ 4 ลดเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนตามค่าประสบการณ์ของนายจ้าง สำนักงานประกันสังคม ได้แก้ไขประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณอัตราส่วนการสูญเสีย ลงวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2562 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้มีเพดานขั้นสูงของอัตราส่วนการสูญเสียอยู่ที่ 200 ส่งผลให้นายจ้างที่ถูกเรียกเก็บเงินสมทบตามอัตราค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จากอัตราเงินสมทบ ในปีที่ผ่านมา จ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นเป็นระยะเวลาเพียงไม่เกิน 3 ปี จากเดิมที่ไม่มีการกำหนดเพดานขั้นสูงของอัตราส่วนการสูญเสีย และการเรียกเก็บเงินสมทบตามค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 50 ดังกล่าวมีระยะเวลาสูงสุดถึง 22 ปี เพื่อเป็นการช่วยเหลือนายจ้างที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว (การแก้ไขหลักเกณฑ์ส่งผลให้นายจ้างจ่ายเงินสมทบลดลง และทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ จำนวน 229.22 ล้านบาท)

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้กล่าวถึงนโยบายในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของสำนักงานประกันสังคมที่จะเกิดขึ้นในปี 2566

***การพัฒนางานประกันสังคมเพื่อผู้ประกันตน 

สร้างการรับรู้ โดยการประชาสัมพันธ์เชิงรุก โดยดำเนินการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวสาร สาระความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันสังคมและสิทธิประโยชน์เพื่อเข้าถึงนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ประกันตน ซึ่งปัจจุบันสำนักงานประกันสังคมได้นำ Social Media เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร เพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับสำนักงานประกันสังคมได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย การพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อผู้รับบริการ เน้นการปรับเปลี่ยนราชการสู่ความเป็นดิจิทัล โดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนและผู้ใช้แรงงาน อย่างโปร่งใส เข้าถึงง่าย รวดเร็ว แม่นยำ ลดความซ้ำซ้อน และสามารถเชื่อมโยงการบริการของหน่วยงานรัฐได้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อพี่น้องประชาชน การเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรให้มีความทันสมัย คล่องตัว โปร่งใส มีธรรมาภิบาล ซึ่งในปี 2565 สำนักงานประกันสังคมได้ผ่านผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ หรือ ITA ได้คะแนน 90.24 อยู่ในระดับ A สร้างองค์กรที่เป็นสุขต้องสร้างความสมดุลให้ชีวิตทั้งการงาน ครอบครัว และสุขภาพ โดยการรักษาสมดุลในการบริหารงานและชีวิต Work Life Balance เปลี่ยนจากการทำงานหนัก บริหารชีวิตให้เหมาะสม รวมทั้งการปรับภาพลักษณ์องค์กรให้มีความทันสมัย และรักษามาตรฐานการให้บริการตามมาตรฐานการให้บริการ ของศูนย์ราชการสะดวก (GECC) และให้บริการกับนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน และประชาชน ให้ได้รับความสะดวกสูงสุด โดยยึดหลักพี่น้องประชาชน และผู้ใช้แรงงานเป็นศูนย์กลาง

***การขับเคลื่อนงานตามภารกิจสำคัญ

การขยายความคุ้มครองให้กับผู้ประกันตนในทุกมาตรา โดยเฉพาะผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น ออกหน่วยเคลื่อนที่บริการเบ็ดเสร็จ (Service Delivery Unit) การรักษาอัตราการจ่ายเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง สร้างการรับรู้ และประชาสัมพันธ์ผ่านกลไกเครือข่าย บวร และ “ครอบครัวประกันสังคม” ทั่วประเทศให้ตระหนักถึงความสำคัญ และความจำเป็นในการเข้าสู่ระบบประกันสังคม และจ่ายเงินสมทบอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มสิทธิประโยชน์ เพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยแต่ไม่ได้นอนโรงพยาบาล (ไป-กลับ) เพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีทุพพลภาพสำหรับผู้ประกันตนมาตรา 40 จ่ายประโยชน์ทดแทนเป็นเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีติดเชื้อโควิด 19 แก่ผู้ประกันตนมาตรา 40 ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ กรณีบำนาญชราภาพของผู้ประกันตน ขยายอายุการรับสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรของผู้ประกันตน การติดตามเร่งรัดหนี้ เช่น เร่งรัดหนี้เงินสมทบ (ติดตามนายจ้าง) ปรับปรุงแนวปฏิบัติ และกระบวนการติดตามเร่งรัดหนี้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ การจ่ายประโยชน์ทดแทนเกินสิทธิ (ติดตามผู้ประกันตน) กำหนดตัวชี้วัดรายจังหวัด การพัฒนาระบบสารสนเทศ ติดตั้งระบบเบิกจ่ายประโยชน์ทดแทนด้วยตนเอง พัฒนาระบบการจัดการข้อมูลให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 พัฒนาระบบบริการ ทางการแพทย์ พร้อมการประชาสัมพันธ์เชิงรุก พัฒนาการสื่อสาร สร้างการรับรู้ เรื่องการประกันสังคม และภาพลักษณ์องค์กรที่ตรงใจ กระชับ ฉับไว เป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งภายในและภายนอกองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ

ผลงานเด่น สปส.กับภารกิจดูแลคุณภาพชีวิตของลูกจ้าง ผู้ประกันตน

เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2566 นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) แถลงข่าว สรุปผลงานเด่น ปี 2565 ที่ผ่านมาของสำนักงานประกันสังคมกับภารกิจสำคัญในการดูแลคุณภาพชีวิตของลูกจ้าง ผู้ประกันตน โดยมีผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม พร้อมสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน ณ ห้องนายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานประกันสังคม ถนนติวานนท์ ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี

นายบุญสงค์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า สำนักงานประกันสังคม ได้ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และนโยบายรัฐบาลภายใต้การนำของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ให้ความสำคัญกับ “การสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมโดยสร้างหลักประกันทางสังคมที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับคนทุกช่วงวัยทุกเพศภาวะและทุกกลุ่ม” ในปี 2565 ที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคมได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วน นายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตน และภาคีเครือข่าย "ครอบครัวประกันสังคม" เพื่อแก้ปัญหาภายใต้แนวทาง “แรงงาน...เราสู้ด้วยกัน” ร่วมกันสู้เพื่อก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกัน โดยดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือ เยียวยา ลดภาระค่าใช้จ่าย และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับนายจ้าง ผู้ประกันตน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 รวมถึงพัฒนาสิทธิประโยชน์ พัฒนาบริการทางการแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ เพื่อขับเคลื่อนงานประกันสังคม ให้เป็นที่ยอมรับเชื่อมั่น ไว้วางใจจากทุกภาคส่วน ในสังคม ภายใต้แนวความคิดในการขับเคลื่อน“SSO TRUST” โดยในปี 2565 ที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคมมีผลการดำเนินงานสำคัญ ดังนี้...

1. มาตรการให้ความช่วยเหลือนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด จากของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 จัดตั้งศูนย์ตรวจคัดกรองโควิด 19 เพื่อให้บริการผู้ประกันตน นอกสถานพยาบาล จำนวน 13 แห่ง (สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น – ดินแดง ปทุมธานี สมุทรปราการ นนทบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ สมุทรสาคร ภูเก็ต ระยอง อยุธยา ฉะเชิงเทรา สงขลา และสระบุรี) มีจำนวนผู้ประกันตนที่เข้ารับการตรวจคัดกรอง จำนวน 526,657 ราย พบผู้ติดเชื้อ จำนวน 23,705 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 640 ล้านบาท จัดหาโรงพยาบาล Hospitel ในเครือข่ายประกันสังคม รองรับผู้ประกันตนที่ป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 จำนวน 24 จังหวัด จัดหาโรงพยาบาล Hospitel จำนวน 175 แห่ง รองรับผู้ประกันตน จำนวน 61,046 ราย การให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนที่ป่วยเป็นโรคโควิด 19 สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ในสถานพยาบาลทุกแห่งทั้งภาครัฐและเอกชน โดยไม่ต้องสำรองจ่าย มีผู้ประกันตน ใช้สิทธิประโยชน์ จำนวน 4,550,115 ราย จัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 และสายด่วน 1506 กด 1 กด 6 และกด 7 เพื่อให้บริการสอบถามข้อมูลประสานและจัดหาสถานพยาบาลในการดูแลรักษา และการให้บริการฉีดวัคซีนโควิด 19 แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33, 39, 40 มีผู้ใช้บริการ 2,5000,075 ราย ให้บริการฉีดวัคซีนโควิด 19 แก่ผู้ประกันตนฉีดวัคซีน เข็ม 1 เข็ม 2 และเข็ม 3 แก่ผู้ประกันตน รวมทั้งหมด 3,3962,206 ราย แยกเป็นผู้ประกันตนที่เป็นชาวต่างชาติ 593,815 ราย และคนไทย 3,368,391 ราย โครงการ Factory Sandbox (ตรวจรักษา ควบคุม ดูแล) ครอบคลุมในพื้นที่ 12 จังหวัด มีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการจำนวน 730 แห่ง ผู้ประกันตนได้รับการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด 19 จำนวน 407,770 ราย และได้รับวัคซีนจำนวน 112,746 โดส

2. มาตรการช่วยเหลือเยียวยา ลดอัตราเงินสมทบ มาตรา 33 และ 39 ระหว่างปี 2563 - 2565 รวม 7 ครั้ง (21 เดือน) ลดภาระผู้ประกันตนกว่า 13.36 ล้านคน นายจ้าง 502,693 ราย มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 160,250 ล้านบาท มาตรา 40 ระหว่างปี 2564 - 2565 รวม 2 ครั้ง (12 เดือน) ลดภาระผู้ประกันตนกว่า 10.80 ล้านคน มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 3,242 ล้านบาท จ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากเหตุสุดวิสัย นายจ้างหยุดกิจการชั่วคราวจากคำสั่งปิดสถานที่ของรัฐ กรณีลูกจ้างไม่ได้ทำงานเนื่องจากต้องกักตัวเฝ้าระวังการระบาดของโรค โดยให้สิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัย ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างที่ส่งเงินสมทบ จ่ายให้เป็นเวลาไม่เกิน 90 วัน มีผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์รวม 2.73 ล้านคน เป็นเงิน 55,599.09 ล้านบาท เยียวยาแรงงาน กรณีปิดแคมป์คนงาน กรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างที่ส่งเงินสมทบ มีผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์ รวม 81,136 คน เป็นเงิน 412.65 ล้านบาท โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน สำนักงานประกันสังคม ร่วมกับสถาบันการเงินสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 30,000 ล้านบาท ให้กับสถานประกอบการมีธนาคารที่ลงนามในบันทึกข้อตกลง 5 ธนาคาร คือ ธนาคาร UOB ธนาคารเพื่อการส่งออก และนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทย จำนวนเงินสินเชื่อ ให้แก่สถานประกอบการที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานประกันสังคม จำนวน 1,623 ราย วงเงิน 9,635.33 ล้านบาท สามารถรักษาการจ้างงานลูกจ้างในระบบไว้ได้ จำนวน 112,456 คน โครงการเยียวยาภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา ฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 เช่น โครงการมาตรการชดเชยรายได้แก่ลูกจ้างในสถานประกอบการ ผู้ประกันตนมาตรา 33 รัฐบาลจ่ายเงินเยียวยาจาก พ.รก.เงินกู้คนละ 5,000 บาท, โครงการ ม.33 เรารักกัน ให้ผู้ประกันตนจ่ายซื้อสินค้าและบริการ 8.067 ล้านคน วงเงิน 6,000 บาท เป็นเงิน 48,185,85 ล้านบาท, โครงการเยียวยาผู้ประกันตนกิจการสถานบันเทิง ให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 จำนวน 148,409 ราย ฯลฯ

นักวิ่งกว่า 1,500 คน ร่วมวิ่งการกุศล Walk and Run ไปด้วยกันไปได้ไกล ใจได้บุญ ครั้งที่ 2

นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคนแรก และนายกสมาคมกีฬาจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธี เปิดการแข่งขัน วิ่งการกุศล Walk and Run ไปด้วยกันไปได้ไกล ใจได้บุญ ครั้งที่ 2 ระยะทาง 11 กม. และ 5 กม. ณ บริเวณถนนหน้าวิหารเซียน หรือ อเนกกุศลศาลา อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี สถานที่รวบรวมวัตถุโบราณของงานศิลปะของไทยและจีน อยู่ใกล้กับเขาชีจรรย์ และไร่องุ่นซิลเวอร์เลค อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี            

โดยมีนักวิ่งเข้าร่วมกิจกรรมในวันนี้กว่า 1,500 คน โดยได้รับเกียรติจาก นาย วิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ตลอดจนสมาชิกกลุ่มไปด้วยกันไปได้ไกล และแขกผู้มีเกียรติมาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

โดย นายอมตะ ใคร่ครวญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพลูตาหลวง ในนามคณะกรรมการกลุ่มไปด้วยกันไปได้ไกล กล่าวว่า กลุ่มไปด้วยกันไปได้ไกล เป็นกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นมาจากการรวมตัวของบุคคลหลากหลายอาชีพ ในเขตพื้นที่อำเภอสัตหีบ การจัดกิจกรรม Walk and Run ไปด้วยกันไปได้ไกลในใจได้บุญ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อที่จะนำเงินทั้งหมดหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว นำมอบให้กับองค์กรสาธารณกุศลต่างๆ ในพื้นที่ อำเภอสัตหีบ นอกจากนี้แล้วยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่สัตหีบ และเป็นการส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้ที่รักการออกกำลังกายอีกด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top