Wednesday, 4 June 2025
LITE

23 เมษายน พ.ศ. 2159 ‘วิลเลียม เชกสเปียร์’ เกิดและจากไปในวันเดียวกัน ราวกับบทละคร วันแห่งการระลึกถึงผู้ฝากผลงานอันเป็นนิรันดร์ ‘โรมิโอและจูเลียต’

วันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1616 (พ.ศ. 2159) ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลกวรรณกรรม เนื่องจากเป็นวันที่ วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare) นักเขียนบทละครและกวีผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ ได้เสียชีวิตลง ณ เมืองสแตรตฟอร์ด ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง โดยมีอายุ 52 ปี แม้สาเหตุการเสียชีวิตจะไม่ปรากฏแน่ชัด แต่มีบันทึกระบุว่าเขาถูกฝังในวันที่ 25 เมษายน ณ โบสถ์ โฮลี ทรินิตี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเดียวกัน

ทั้งนี้ วิลเลียม เชกสเปียร์ เกิดเมื่อวันที่ 23 เมษายน ค.ศ. 1564 หมายความว่าเขาเกิดและเสียชีวิตในวันเดียวกัน โดยเชกสเปียร์ในตอนที่ยังมีชีวิตเป็นนักเขียนที่มีผลงานที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงในวงการวรรณกรรมโลก ผลงานสุดยอดของเขาได้แก่การประพันธ์ บทละคร (plays) บทกวี (poems) และ โคลง (sonnets) ที่ได้รับการแปลและแสดงในทั่วโลก ซึ่งผลงานของเชกสเปียร์ยังคงมีอิทธิพลต่อวรรณกรรมสมัยใหม่และมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อวงการละครและการแสดง

สำหรับผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเชกสเปียร์คือ “โรมิโอและจูเลียต” (Romeo and Juliet), “แฮมเลต” (Hamlet), “แม็คเบธ” (Macbeth) และ “มคธ” (Macbeth) ที่มีเนื้อหาที่ลึกซึ้งและการพัฒนาอักขระในผลงานของเขาได้สะท้อนถึงชีวิตและสังคมมนุษย์ในยุคของเขาได้อย่างมีเสน่ห์ ซึ่งยังคงเป็นที่รู้จักและถูกแสดงจนถึงปัจจุบัน 

การจากไปของวิลเลียม เชกสเปียร์ในวันที่ 23 เมษายน สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการวรรณกรรมโลก ถึงแม้ว่าจะมีความไม่แน่ชัดเกี่ยวกับเหตุผลที่แท้จริงของการเสียชีวิต แต่การจากไปของเขาในวันเดียวกับ ‘มิเกล เด เซร์บันเตส’ นักเขียนชาวสเปน นับเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในวงการวรรณกรรมโลก ทั้งสองคนถือเป็นนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีผลกระทบอย่างมากในวงการวรรณกรรมของแต่ละประเทศ

อิ่มเดี่ยวกับพิซซ่าคอมปะนีสุดคุ้ม!!

ไม่มีเพื่อน กินคนเดียวก็ได้ ฟินคนเดียวไม่แบ่งใคร มีให้เลือกถึง 3 รสชาติ ที่ The Pizza Company 1112 ทุกสาขา ทุกช่องทาง

‘เจ โชติกา’ จากธิดาช้าง สู่ตัวแทนโคราชลุ้นมงนางสาวไทย 2568 เปลี่ยนชีวิตจากน้ำหนัก 115 กก. เหลือ 64 กก. เพราะฝันต้องไปให้สุด

(22 เม.ย. 68) ‘เจ’ โชติกา ดอกแก้วกลาง หญิงสาวผู้มีความฝันอันแรงกล้าและหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น นางสาวไทยนครราชสีมา ประจำปี 2568 พร้อมเป็นตัวแทนชาวโคราชเข้าประกวดเวที นางสาวไทยระดับประเทศ ซึ่งจะมีรอบตัดสินในวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ณ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2563 ‘น้องเจ’ เคยคว้าตำแหน่ง “ธิดาช้างเมืองย่าไทยแลนด์ 2020” พร้อมมงกุฎ สายสะพาย ถ้วยรางวัล และเงินรางวัล 10,000 บาท สร้างเสียงปรบมือและแรงบันดาลใจให้กับผู้คนจำนวนมากในวันนั้น

และจากวันนั้นถึงวันนี้ น้องเจได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการลดน้ำหนักจาก 115 กิโลกรัม เหลือเพียง 64 กิโลกรัม โดยมีเป้าหมายสุดท้ายอยู่ที่ 58 กิโลกรัม เพื่อสุขภาพที่ดีและชีวิตใหม่ที่สดใสยิ่งขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้มาพร้อมการผ่าตัดกระเพาะที่ทำภายใต้การดูแลของแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรักษาโรคเรื้อรังทั้งเบาหวาน ความดัน หัวใจ และไขมันในเลือด

“น้องเจคือภาพแทนของความไม่สมบูรณ์แบบ ที่ยืนอยู่ตรงนี้เพื่อบอกกับทุกคนว่า ความไม่สมบูรณ์แบบไม่เคยพรากคุณค่าจากตัวเราไปได้เลย และความฝันมีไว้ลงมือทำ” เจ โชติกา นางสาวไทยนครราชสีมา 2568 กล่าว 

จากตำแหน่ง "ธิดาช้าง" สู่นางสาวไทยเวทีระดับชาติ เรื่องราวของเธอเป็นเครื่องยืนยันว่า ความสวยไม่ได้วัดที่รูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ใจ ความกล้า และความพยายามไม่หยุดยั้ง

22 เมษายน พ.ศ. 2485 มิตรภาพทางเศรษฐกิจในยามสงคราม วันที่เงินบาทผูกพันกับเงินเยนญี่ปุ่น ข้อตกลงค่าเงินที่เปลี่ยนทิศเศรษฐกิจไทยกลางพายุ ‘สงครามโลกครั้งที่ 2’

​เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) ประเทศไทยได้ลงนามในข้อตกลงทางการเงินกับจักรวรรดิญี่ปุ่นว่าด้วยเรื่อง “ข้อตกลงค่าเงินเยน-บาท” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง 

ข้อตกลงนี้มีผลต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเงินระหว่างสองประเทศในขณะนั้น และสะท้อนถึงบทบาทของไทยในสงครามโลกครั้งที่สองและพัฒนาการของระบบการเงินระหว่างประเทศของไทยในศตวรรษที่ 20​

สาระสำคัญของข้อตกลง ได้แก่

1. การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเยนกับเงินบาท: กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเยนกับเงินบาทให้คงที่ตามข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับ ซึ่งเป็นการปรับค่าเงินบาทให้มีมูลค่าน้อยลงจากอัตราเดิมที่ 155.7 เยน ต่อ 100 บาท เป็น 100 เยน ต่อ 100 บาท

2. การใช้เงินเยนเป็นสื่อกลางในบางธุรกรรม: ข้อตกลงนี้อนุญาตให้ใช้เงินเยนเป็นสื่อกลางในบางธุรกรรมในเขตที่ญี่ปุ่นมีอิทธิพลหรือควบคุมอยู่ ซึ่งช่วยให้การค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในช่วงสงครามเป็นไปได้อย่างสะดวก​

3. การสนับสนุนให้เกิดความสะดวกในการค้าและการขนส่งสินค้า: ช่วยสนับสนุนให้เกิดความสะดวกในการค้าและการขนส่งสินค้าระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในช่วงสงคราม ซึ่งเป็นการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศในขณะนั้น

การผูกเงินบาทกับเงินเยนจึงไม่ใช่เพียงมาตรการทางเทคนิคด้านการเงิน หากแต่สะท้อนถึงการเลือกเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลไทยในการปรับตัวเข้ากับโครงสร้างอำนาจใหม่ที่ญี่ปุ่นได้กลายเป็นผู้นำของ “ระเบียบใหม่ในเอเชีย” หรือ Greater East Asia Co-Prosperity Sphere

อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวก่อให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ในภายหลังเกี่ยวกับความเป็นกลางของไทยในสงคราม ตลอดจนสร้างข้อผูกพันที่ส่งผลต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการเงินในลักษณะพึ่งพิงคู่ค้าเพียงฝ่ายเดียว ทั้งนี้ เมื่อสงครามสิ้นสุดลงและข้อตกลงดังกล่าวถูกยกเลิก ความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟูความน่าเชื่อถือของระบบการเงินไทยในเวทีระหว่างประเทศจึงกลายเป็นวาระสำคัญของภาครัฐในช่วงหลังสงคราม

ประสบการณ์จากการลงนามในข้อตกลงค่าเงินเยน–บาทในครั้งนั้น กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่หล่อหลอมทิศทางของนโยบายการเงินระหว่างประเทศของไทยในยุคสงคราม และมีอิทธิพลต่อวิธีคิดของหน่วยงานด้านเศรษฐกิจการคลังไทยในเรื่องของ “ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ” ซึ่งไม่ใช่เพียงเรื่องของตัวเลข แต่เป็นการวางยุทธศาสตร์ในฐานะประเทศขนาดกลางที่ต้องดำรงอยู่ท่ามกลางแรงดึงจากมหาอำนาจโลก

21 เมษายน พ.ศ. 2325 ครบรอบ 243 ปี แห่งการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ รำลึกพระมหากรุณาธิคุณรัชกาลที่ 1 ผู้ทรงวางรากฐานพระนครใหม่ สู่มหานครแห่งความรุ่งเรืองของแผ่นดินไทย

วันที่ 21 เมษายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย เพราะเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) แห่งราชวงศ์จักรี ได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธียกเสาหลักเมือง ณ พื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสถาปนา 'กรุงรัตนโกสินทร์' หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ 'กรุงเทพมหานคร' อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พุทธศักราช 2325

การย้ายราชธานีจากฝั่งธนบุรีมายังฝั่งพระนครมีเหตุผลสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์ ความมั่นคง และการบริหารราชการ โดยพระองค์ทรงเล็งเห็นว่าพื้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยามีความเหมาะสมต่อการพัฒนากรุงใหม่ให้มั่นคงและรุ่งเรือง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การปกครอง และวัฒนธรรม

พิธียกเสาหลักเมือง หรือ 'พิธีฝังหลักเมือง' เป็นพิธีกรรมสำคัญในวัฒนธรรมไทยและอินโดจีน ซึ่งสื่อถึงการกำหนดศูนย์กลางของเมืองใหม่ โดยมีความเชื่อว่าหลักเมืองเป็นที่สถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะปกปักรักษาบ้านเมือง

เสาหลักเมืองกรุงเทพฯ ที่ฝังเมื่อปี พ.ศ. 2325 ถูกบรรจุไว้ในศาลหลักเมืองซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามพระบรมมหาราชวังในปัจจุบัน ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวไทยและนักท่องเที่ยวให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง

นับตั้งแต่การสถาปนา กรุงรัตนโกสินทร์ได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งอำนาจ วัฒนธรรม ศิลปะ และศาสนาของประเทศ โดยผ่านการพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน กรุงรัตนโกสินทร์ไม่เพียงเป็นเมืองหลวงทางกายภาพ แต่ยังเป็นหัวใจของความเป็นไทยในหลากหลายมิติ ทั้งประวัติศาสตร์ ราชประเพณี และความรุ่งเรืองของราชอาณาจักรไทย

ทั้งนี้ ในทุกปี วันที่ 21 เมษายน จะมีการจัดกิจกรรมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของรัชกาลที่ 1 และราชวงศ์จักรี รวมถึงการสืบสานวัฒนธรรมไทย เช่น พิธีบวงสรวงที่ศาลหลักเมือง ขบวนแห่ เครื่องสักการะ และกิจกรรมทางศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ร่วมเฉลิมฉลองและเรียนรู้รากเหง้าทางประวัติศาสตร์ของชาติ

สุสานคนเป็น รับชมพร้อมกันที่ SF cinema

รสสุคนธ์และชีพต้องอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วยเงื่อนไขบางอย่าง เงื่อนไขที่เริ่มมาจากความรักแบบผิดๆ นำมาซึ่งการแก้แค้นอันน่าสยดสยอง รับชมพร้อมกันวันที่ 24 เม.ย.นี้ ที่ SF cinema 

Until Dawn ต้องรอดก่อนย่ำรุ่ง รับชมพร้อมกัน ที่ SF cinema

โคลเวอร์และเพื่อนจะเอาชีวิตรอดได้ไหม รับชมพร้อมกันวันที่ 8 พ.ค. นี้ ที่ SF cinema 

รวมยี่ห้อรองเท้าเสริมส้นในตำนาน!! แต่ละแบรนด์เด็ดมีดีต่างกัน เดินแล้วมั่นใจ เสริมได้แต่ไม่โป๊ะ

ยี่ห้อรองเท้าในตำนาน รุ่นเสริมส้น แต่ละยี่ห้อมีเอกลักษณ์ ใช้ดีทุกแบรนด์

20 เมษายน พ.ศ. 2535 50,000 เสียงตะโกนต้านอำนาจนอกระบบ ประชาชนรวมพลังค้านผู้นำเผด็จการ จุดไฟปะทุสู่การเปลี่ยนแปลง ปฐมบทชุมนุมใหญ่ก่อน ‘พฤษภาทมิฬ’ ที่ไทยไม่มีวันลืม

หลังจากการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2534 โดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ซึ่งนำโดยกลุ่มนายทหารระดับสูง ได้มีการแต่งตั้งรัฐบาลชั่วคราวเพื่อบริหารประเทศ และในเวลาต่อมา มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2535

อย่างไรก็ตาม แม้พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งจะได้เสียงข้างมาก แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกลับตกเป็นของ พล.อ. สุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งและเคยให้สัญญากับประชาชนก่อนหน้านี้ว่าจะไม่รับตำแหน่ง

การแต่งตั้งเช่นนี้จุดกระแสความไม่พอใจในหมู่ประชาชน นักวิชาการ นักศึกษา และภาคประชาสังคม โดยมองว่าเป็นการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร และขัดต่อหลักการประชาธิปไตย

ในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2535 มีประชาชนประมาณ 50,000 คน รวมตัวกันที่ ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านการแต่งตั้ง พล.อ. สุจินดา เป็นนายกรัฐมนตรี การชุมนุมครั้งนี้นำโดยหลายภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน นักศึกษา และกลุ่มการเมือง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้มีนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

แม้การชุมนุมจะเป็นไปอย่างสงบ แต่ก็เป็นการแสดงพลังครั้งใหญ่ที่สะท้อนถึงความไม่พอใจอย่างรุนแรงของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลในขณะนั้น และถือเป็นจุดเริ่มต้นของความเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งใหญ่ ที่ลุกลามกลายเป็น เหตุการณ์ 'พฤษภาทมิฬ' ในเดือนถัดมา ซึ่งรัฐบาลใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่การลาออกของ พล.อ. สุจินดา ในที่สุด และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้สังคมไทยตระหนักถึงความสำคัญของการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน

แม้เวลาจะผ่านมาหลายทศวรรษ แต่บทเรียนจากเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นที่กล่าวถึงในฐานะจุดเปลี่ยนที่ฝากร่องรอยไว้ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย และเป็นเครื่องเตือนใจว่าพลังของประชาชนสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เมื่อเสียงแห่งความหวังถูกเปล่งออกอย่างพร้อมเพรียง

บาร์บีคิวพลาซ่าปล่อยหมัดเด็ด!! เปิดตัว ‘หมูปุ้งจิ่มเปิดใจ’ จิ้มจุ่มสไตล์ใหม่ เริ่มต้นแค่ 159 บาท

ลองกันยัง? บาร์บีคิวพลาซ่าเขามีจิ้มจุ่มละนะ ชุดหมูปุ้งจิ่มเปิดใจ เริ่มต้นชุดละ 159.- ในเซตประกอบไปด้วย หมูซอสแจ่ว ชุดผัก เครื่องสมุนไพร น้ำจิ้มแจ่ว 2 ถ้วย (น้ำจิ้มเติมได้ไม่อั้น)

19 เมษายน พ.ศ. 2318 เสียงปืน 1 นัด ปลุกเปลวเพลิงแห่งเสรีภาพ จุดเริ่มต้น ‘สงครามปฏิวัติอเมริกา’ ณ เมืองเล็กซิงตันและคองคอร์ด

สงครามปฏิวัติอเมริกา (American Revolutionary War) ถือเป็นเหตุการณ์พลิกประวัติศาสตร์ที่นำไปสู่การถือกำเนิดของประเทศสหรัฐอเมริกาในฐานะรัฐเอกราชจากอาณานิคมอังกฤษ การปะทะกันระหว่างกองกำลังอาณานิคมและกองทหารอังกฤษที่เมืองเล็กซิงตันและคองคอร์ด รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2318 (ค.ศ. 1775) เป็นเหตุการณ์จุดไฟแห่งความไม่พอใจที่สะสมมายาวนาน จนกลายเป็นเปลวไฟแห่งการปฏิวัติ

ในช่วงศตวรรษที่ 18 ดินแดนอาณานิคมอเมริกาอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิอังกฤษ อาณานิคมเหล่านี้มีความเจริญทางเศรษฐกิจ แต่ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดโดยรัฐบาลอังกฤษ โดยเฉพาะในเรื่องการจัดเก็บภาษีและการจำกัดการค้าขาย อาทิ กฎหมายแสตมป์ (Stamp Act) และ กฎหมายชาน้ำชา (Tea Act) ซึ่งทำให้ชาวอาณานิคมรู้สึกว่าพวกเขาถูกเอาเปรียบโดยไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการออกกฎหมาย จนเกิดคำกล่าวว่า “No taxation without representation” หรือ “ไม่ยอมเสียภาษีหากไม่มีสิทธิ์ออกเสียง”

การเผชิญหน้า ณ เล็กซิงตัน (Lexington) เกิดขึ้นช่วงเช้ามืดของวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1775 กองทหารอังกฤษประมาณ 700 นายได้รับคำสั่งให้เดินทางจากเมืองบอสตันไปยังคองคอร์ด เพื่อยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ที่กองกำลังอาณานิคม (เรียกว่า Minutemen) ซุกซ่อนไว้ อย่างไรก็ตาม ข่าวการเคลื่อนไหวของทหารอังกฤษรั่วไหล ทำให้ผู้นำฝ่ายอาณานิคมเช่น พอล รีเวียร์ (Paul Revere) และ วิลเลียม ดาวส์ (William Dawes) ออกเดินทางกลางดึกเพื่อเตือนชาวเมืองว่า ทหารอังกฤษกำลังมา! "The British are coming!"

เมื่อกองกำลังอังกฤษมาถึงเล็กซิงตัน พบว่ามี กองกำลังติดอาวุธอาสาสมัคร ของอาณานิคมอเมริกา ประมาณ 70 นาย ตั้งแนวรออยู่ในลานกว้างกลางเมือง แม้จะไม่ได้ตั้งใจเปิดฉากยิง แต่กระสุนปืนลึกลับหนึ่งนัด ได้จุดชนวนให้เกิดการยิงกันขึ้น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 8 คน และถือเป็นการนองเลือดครั้งแรกของสงคราม

หลังจากนั้น ทหารอังกฤษได้เคลื่อนไปยังคองคอร์ดและเริ่มค้นหาอาวุธ และเมื่อกองทหารพยายามเผาสิ่งปลูกสร้าง ก็จุดความไม่พอใจในหมู่ชาวอาณานิคม ฝ่ายอาณานิคมซึ่งมีกำลังเสริมจากเมืองใกล้เคียงเริ่มตั้งแนวรบตอบโต้ การรบแบบกองโจร (Guerrilla Warfare) ถูกนำมาใช้ ขณะที่ทหารอังกฤษต้องล่าถอยกลับบอสตันภายใต้การลอบโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกว่า 250 คน

จากนั้นสงครามปะทุอย่างเต็มรูปแบบ ฝ่ายอาณานิคมเริ่มจัดตั้งกองทัพทวีป (Continental Army) โดยมี จอร์จ วอชิงตัน (George Washington) เป็นผู้บัญชาการ และการประกาศเจตจำนงแยกตัวจากอังกฤษก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ 

วอชิงตันมีความสามารถในการนำทัพอย่างยอดเยี่ยมในการวางแผนการรบ แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับการขาดแคลนทรัพยากรและอุปกรณ์การรบมากมาย แต่เขาก็สามารถรักษากำลังใจและสร้างความมุ่งมั่นให้กับทหารของเขาได้ พร้อมทั้งไดรับการสนับสนุนจากต่างประเทศ จนนำไปสู่การประกาศอิสรภาพในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 

เหตุการณ์สู้รบกันในครั้งนั้นกินระยะเวลาสงครามปฏิวัติที่ยาวนานถึง 8 ปี จากปี 1775 และสิ้นสุดในปี 1783 เมื่ออังกฤษยอมรับความเป็นอิสระของสหรัฐอเมริกาภายใต้ สนธิสัญญาปารีส (Treaty of Paris 1783) ส่งผลให้เกิดการตั้งประเทศสหรัฐอเมริกาในฐานะรัฐประชาธิปไตยแห่งแรกๆ ของโลก และเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดขบวนการปฏิวัติในฝรั่งเศส (French Revolution), ละตินอเมริกา และภูมิภาคอื่นๆ ที่ต้องการเสรีภาพและประชาธิปไตย

‘ณิชา’ สวยสะกดทุกสายตา!! ควงกระเป๋า Tote Bag จาก Fundaoera ลุคหรูดูแพงสุดปัง

กระเป๋า Tote Bag  ที่รังสรรค์จากวัสดุหนังเเท้ โดดเด่นด้วยโลโก้สีทอง 𝘛𝘩𝘦 𝘐𝘯𝘧𝘪𝘯𝘪𝘵𝘺 𝘋𝘰𝘶𝘣𝘭𝘦 𝘊𝘳𝘰𝘴𝘴 อันเป็นเอกลักษณ์ ช้อปได้ที่ FUNDAO Store ทุกสาขา

SOS FLAGSHIP STORE ลดจัดเต็ม!! 70% ลดหนักจัดเต็มทั้งร้าน ตั้งแต่วันที่ 14-30 เม.ย. 68

เซลล์ส่งท้ายร้าน SOS FLAGSHIP STORE ก่อนประกาศปิดให้บริการ ลดจัดเต็มทั้ง 4 ชั้น สูงสุด 70% สาขา Flagship store วันที่ 30 เม.ย. จะเปิดให้บริการวันสุดท้าย โปรปังแบบนี้มีเฉพาะสาขาสยามสแควร์เท่านั้นนะ

18 เมษายน พ.ศ. 2398 ‘รัชกาลที่ 4’ ลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริงกับอังกฤษ เปิดประตูการค้าสู่โลกตะวันตก จุดเริ่มต้นเศรษฐกิจยุคใหม่ของสยาม

ในประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรสยาม หนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลอย่างลึกซึ้งต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและการทูตระหว่างประเทศ คือการลงนามใน “สนธิสัญญาเบาว์ริง” (Bowring Treaty) กับสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 (ค.ศ. 1855) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4)

ก่อนการลงนามในสนธิสัญญา สยามยังมีระบบการค้าแบบผูกขาดภายใต้การควบคุมของพระคลังสินค้า โดยการค้าระหว่างประเทศถูกจำกัดอยู่เฉพาะกับบางชาติ และถูกควบคุมอย่างเข้มงวดทั้งด้านภาษีและระเบียบราชการ

ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 อังกฤษซึ่งเป็นมหาอำนาจทางทะเลของโลกในขณะนั้น ได้เร่งขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการค้าไปทั่วภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะหลังจากที่อังกฤษประสบความสำเร็จในการเปิดประเทศจีนให้ทำการค้ากับชาติตะวันตกผ่าน “สงครามฝิ่น” ซึ่งนำไปสู่การลงนามใน “สนธิสัญญานานกิง” กับจีน ทำให้อังกฤษมองเห็นโอกาสในการขยายเครือข่ายการค้าไปยังภูมิภาคอื่น ๆ

สยามในขณะนั้นถือเป็นประเทศที่มีความมั่นคงและเป็นอิสระจากการตกเป็นอาณานิคม แตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้านหลายแห่ง อีกทั้งยังตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นจุดเชื่อมต่อทางการค้าระหว่างอินเดีย จีน และกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก ด้วยเหตุนี้ อังกฤษจึงมีความสนใจที่จะสานสัมพันธ์กับสยามในเชิงเศรษฐกิจและการทูต เพื่อให้สามารถเข้าถึงทรัพยากร ท่าเรือ และตลาดการค้าในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยบริบทของการล่าอาณานิคมและการแข่งขันระหว่างชาติมหาอำนาจในยุคนั้น การทำสนธิสัญญาทางการค้ากับสยามจึงเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งของอังกฤษในการสร้างอิทธิพลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยไม่ต้องใช้กำลังทหาร

สนธิสัญญาเบาว์ริง มีชื่อเรียกตาม เซอร์จอห์น เบาว์ริง (Sir John Bowring) ข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำฮ่องกง ซึ่งเป็นผู้แทนของอังกฤษในการเจรจา มีสาระสำคัญหลายประการ ได้แ

1.  ยกเลิกการผูกขาดการค้า โดยพระคลังสินค้า เปิดโอกาสให้พ่อค้าต่างชาติสามารถค้าขายกับเอกชนในสยามโดยตรง
2. กำหนดอัตราภาษีนำเข้า-ส่งออกแบบคงที่ ช่วยให้การค้าระหว่างประเทศมีความแน่นอนและโปร่งใส
3. อนุญาตให้พ่อค้าอังกฤษตั้งถิ่นฐานและมีสถานกงสุลในกรุงเทพฯ
4. กำหนดสิทธิ “เอกสิทธิ์ทางกฎหมาย” (extraterritoriality) ที่ให้อังกฤษมีอำนาจพิจารณาคดีความของชาวอังกฤษในสยามด้วยตนเอง

การรลงนามในสนธิสัญญาครั้งนั้น ช่วยให้สยามเติบโตอย่างรวดเร็วในด้านเศรษฐกิจ สามารถส่งออกสินค้า เช่น ข้าว น้ำตาล และไม้สัก ไปยังตลาดโลก รวมถึงการปฏิรูประบบราชการและเศรษฐกิจ รัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 มีการปรับปรุงโครงสร้างการจัดเก็บภาษี การศึกษา และระบบเงินตราให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และเป็นการเปิดประตูสู่โลกตะวันตก สนธิสัญญานี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดประเทศ และการมีปฏิสัมพันธ์กับชาติตะวันตกในระดับที่ลึกซึ้งขึ้น

ทั้งนี้ สนธิสัญญาเบาว์ริงไม่เพียงแต่เป็นข้อตกลงทางการค้าที่สำคัญ แต่ยังเป็นหมุดหมายแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลระยะยาวต่อการพัฒนาและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของสยาม แม้ว่าสนธิสัญญานี้จะถูกวิจารณ์ในภายหลังว่าเอื้อประโยชน์ต่อชาติตะวันตกมากกว่าสยาม แต่ในบริบทของยุคสมัย ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกของการปรับตัวเพื่อธำรงเอกราชและเข้าสู่ยุคสมัยใหม่อย่างสง่างาม


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top