Tuesday, 17 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

ลำปาง - มทบ.32 ร่วมแถลงข่าวรวบ 7 ผตห.ขนไอซ์ 600 กก. มูลค่ากว่า 600 ล้านบาท

ตำรวจภูธรภาค 5 บูรณาการร่วมปกครอง ทหาร แถลงผลการปฏิบัติงานการจับกุมเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง

วันนี้ 21 เมษายน 2564 พลตรี อโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ร่วมการแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ สภ.แม่พริก จับกุมผู้ต้องหา 7 คน ของกลาง ไอซ์ จำนวน 600 กิโลกรัม รถยนต์ 3 คัน ตามนโยบายรัฐบาลโดย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือแบบเบ็ดเสร็จ พ. ศ. 2562 - 2565 ให้เป็นผลอย่างเป็นรูปประธรรมนั้น

เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 เวลา 03.30 น. โดยการอำนวยการและสั่งการของ พล.ต.ต.นันทวิทย์  เทียมบุญธง ผบก.ภ.จว.ลำปาง ,พ.ต.อ.ชูวิทย์  กองแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.แพร่ ปฏิบัติราชการ ภ.จว.ลำปาง (ปส.) พ.ต.อ.นพดล ใบเรือ ผกก.สภ.แม่พริก พร้อมตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติดอำเภอแม่พริก จ.ลำปาง ร่วมกันจับกุมตัว นายอภิวัฒน์ สุขอำภร อายุ 24 ปี นายภาคิน  เหลี่ยมกำแหง อายุ 24 ปี น.ส.น้ำฝน ธัญญเจริญ  อายุ 23  ปี นายธนากร  มะขันทอง อายุ  37  ปี น.ส.ปิยะวรรณ  ก่วยสกุล อายุ 30 ปี น.ส.ดารารัตน์  สมจิตร์  อายุ 21 ปี ทั้งหมดเป็นชาว ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองสุพรรณบุรี และ นายศักดา งามขำ อายุ 25  ปี ชาว ต.ปลายนา อ.ศรีประจันต์  จ.สุพรรณบุรี รวม 7 คน พร้อมของกลางยาไอซ์ ลักษณะเป็นเกล็ดสีขาว บรรจุในถุงกระสอบฟางสายรุ้ง ภายในซองชาสีเขียวน้ำหนักประมาณ 600 กิโลกรัม รถยนต์  3 คัน ในข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”นำตัวส่งตำรวจ สภ.แม่พริก จ.ลำปาง ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป


ภาพ/ข่าว  ภาวินันท์ บุตรหล้า รายงาน

นราธิวาส – โจรใต้ป่วนไม่เลิก ขว้างไปป์บอมบ์ใส่ฐาน 2 จุด 2 อำเภอ ทำเกิดความเสียหาย

เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 21 เม.ย. 64 ร.ต.อ.พัลลภ ทองสลับล้วน รองสารวัตรสอบสวน สภ.บาเจาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดใส่ฐานหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ 13 อ.บาเจาะ ซึ่งตั้งอยู่ ม.2 ต.บาเจาะ ส่งผลทำให้เรือนนอนของเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา ผกก.สภ.บาเจาะ เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาส พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ

พบที่บริเวณเรือนนอนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งอยู่ข้างกำแพงด้านซ้ายมือของฐาน ถูกอนุภาพของระเบิดได้รับความเสียหายที่บริเวณหลังคา ช่วงกันสาดของห้องพัก โดยมีกระเบื้องหลังคาแตกเสียหาย 2 แผ่น จนตกลงมาในกองที่หน้าเรือนนอน และมีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีเทาดำ ทะเบียน งข 343 สงขลา ของเจ้าหน้าที่ซึ่งจอดอยู่บริเวณหน้าเรือนนอนถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายเล็กน้อยที่บริเวณฝากระโปรงหน้า เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุ

จากการสอบสวนทราบว่า ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังแยกย้ายกันอาศัยอยู่ภายในฐาน ได้มีคนร้าย จำนวน 1 คน แฝงตัวเดินย่องมาตามถนนข้างกำแพงด้านซ้ายมือของฐาน แล้วใช้ระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ขว้างข้ามตาข่ายข้างกำแพงไปตกที่บริเวณหลังคาซึ่งเป็นกันสาดด้านหน้าของเรือนนอน จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เจ้าหน้าที่ที่เดินอยู่บริเวณใกล้ข้างกำแพงใกล้เรือนนอน จึงใช้อาวุธปืนประจำกายยิงขู่ขึ้นฟ้า เนื่องจากเกรงจะถูกบ้านของชาวบ้าน แล้วคนร้ายได้รีบวิ่งหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันที่อ.จะแนะ โดย ร.ต.อ.อดิพงศ์ พรหมหนู รองสารวัตรสอบสวน สภ.จะแนะ รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลจะแนะ ซึ่งตั้งอยู่บ้านละหาร ม.11 ต.จะแนะ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.อดุลย์ เง๊าะ ผกก.สภ.จะแนะ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจำนวนหนึ่ง รุดเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบจุดเกิดเหตุเป็นคูน้ำบริเวณหน้าฐาน มีร่องรอยระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ที่คนร้ายขว้างใส่ตก จนผิวดินกระเด็นขึ้นมากองริมถนน โดยมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดตกกระจายเกลื่อน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ อส.ทพ.อัสมิน การียา สังกัดเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 49 ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณขาซ้าย เพื่อนทหารกำลังปฐมพยาบาลบอยู่ภายในฐาน

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้าย จำนวน 2 คน ขี่และซ้อนท้ายรถ จยย.เป็นพาหนะ เมื่อผ่านบริเวณหน้าฐานคนขับได้ชะลอความเร็ว ให้คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่ฐาน แต่โชคดีระเบิดไปติดตาข่ายที่เจ้าหน้าที่ได้ขึงไว้บริเวณหน้าฐาน ทำให้ระเบิดได้ตกลงไปในคูน้ำจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้สะเก็ดระเบิดกระเด็นไปถูกขาของ อส.ทพ.อัสมิน ที่กำลังเดินอยู่ในฐานใกล้จุดเกิดเหตุ จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว แล้วคนร้ายได้รีบขี่รถ จยย.หลบหนีไป โดยที่ อส.ทพ.อัสมิน ไม่กล้าใช้อาวุธปืนประจำกายยิงใส่ เนื่องจากเวลาดังกล่าวชาวบ้านได้ขี่รถ จยย.และรถยนต์ผ่านไปมา

ด้าน พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กล่าวว่า ทั้ง 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่ได้มีการนัดแนะเวลาก่อเหตุในช่วงไล่เลี่ยกัน เพื่อสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในพื้นที่


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ชลบุรี - ธารน้ำใจ กาชาดชลบุรี มอบสิ่งของช่วยผู้ป่วยโควิด สำหรับโรงพยาบาลสนามกองทัพเรือ

วันที่ 21 เม.ย.64 นางสุภาพร เทียนไชย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย เหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี นายวันชาติ วรรณหรม ปลัดอำเภอสัตหีบรักษาราชการแทนนายอำเภอสัตหีบ และคณะกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ นำคณะเดินทาง ร่วมบรรจุและมอบสิ่งของประกอบด้วย ผ้าเช็ดตัว ยาสีฟัน เเปรงสีฟัน สบู่ เเชมพูสระผม เจลเเอลกอฮอล์ล้างมือ หน้ากากอนามัย (เเมส ) รวม 7 รายการ เพื่อบรรจุเป็นถุงยังชีพ จำนวนกว่า 500 ชุด มอบให้กับผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบ จากโรคโควิด-19 โดยมี นาวาเอก ณัฐพงศ์ ปานโสภณ รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ เป็นผู้แทน ร่วมกับทีมแพทย์ โรงพยาบาลชลบุรี และเจ้าหน้าที่ทหารเรือ ที่ดูแลรักษาผู้ป่วย รพ.สนามกองทัพเรือ ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (เกล็ดแก้ว) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นผู้รับสิ่งของไปมอบให้กับผู้ป่วย 

นางสุภาพร เทียนไชย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ตามที่สภากาชาดไทยได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทย รวมทั้งเหล่ากาชาดจังหวัดต่าง ๆ ได้ออกช่วยเหลือประชาชนที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 เพื่อสนับสนุนภาครัฐและเอกชนที่กำลังร่วมกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งถือว่าเป็นภาวะวิกฤตของประเทศ ที่เกิดจากสาธารณภัยประเภทหนึ่ง  จึงร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือทั้งผู้ป่วยโควิดและกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และพยาบาลที่กำลังปฎิบัติงานช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับกระทบจากโรคโควิด-19 ในครั้งนี้ จนกว่าจะปิดทำการโรงพยาบาลสนาม เมื่อสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ

นาวาเอก ณัฐพงศ์ ปานโสภณ รองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้เป็นผู้แทน กองทัพเรือโดย พลเรือตรี อุทัย ชีวะสุทธิ ผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ กล่าวขอบคุณนายกเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี พร้อมคณะที่นำสิ่งของมามอบให้ในครั้งนี้ พร้อมกับจะได้นำสิ่งของดังกล่าว ไปดำเนินการตามวัตถุประสงค์ต่อไป

สำหรับ โรงพยาบาลสนามกองทัพเรือ ที่จัดตั้งขึ้นตามคำสั่งของ พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ที่ ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (ศฝ.สอ.รฝ.) เกล็ดแก้ว จำนวน 320 เตียง ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 291 คงเหลือ 29 เตียง ที่กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า 174 เตียง ใช้แล้ว 142 เตียง คงเหลือ 32 เตียง และที่บ้านจันทเขลม จังหวัดจันทบุรี จำนวน 232 เตียง ยังไม่เปิดใช้ รวมเตียงสนามกองทัพเรือ 726 เตียง ขณะนี้ใช้ไปแล้ว 433 เตียง คงเหลือ 293 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยง จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ระลอกที่ 3 โดยมี สสจ.ชลบุรี สสจ.ระยอง และ สสจ.จันทบุรี กำกับดูแลและควบคุมผู้ป่วยในพื้นที่ภาคตะวันออก จะเป็นผู้ประสานและพิจารณาใช้โรงพยาบาลสนามของกองทัพเรือ ทั้ง 3 แห่งนี้ต่อไป


ภาพ/ข่าว  นิราช ทิพย์ศรี / นันทพล ทิพย์ศรี  อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 

สมุทรปราการ - “สมเด็จพระมหาวีรวงศ์” ประธานเปิดอาคารเรียน หลังที่ 18 ณ โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง

ที่บริเวณลานโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิตรสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เมตตาเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดป้ายอาคารเรียน”พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ” โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง เนื่องในโอกาสฉลองอายุวัฒนมงคล 59 ปี ของท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ประธานดำเนินการจัดสร้างอาคารเรียนหลังที่ 18 เพื่อมอบให้กับทางโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง โดยอาคารหลังดังกล่าวมีชื่ออาคารว่า”พระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ”

โดยในพิธีเปิดป้ายอาคารเรียนครั้งนี้ ยังได้รับความเมตตาจากพระพรหมเสนาบดี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา เดินทางมาร่วมในพิธี พร้อมคณะสงฆ์ผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดต่าง ๆ ตลอดจนพระราชาคณะเข้าร่วมในพิธี และร่วมเจริญพระพุทธมนต์ คณะสงฆ์วัดบางพลีใหญ่กลาง โดยพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ให้การต้อนรับ มีนายชัยพจน์ จรูญพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายอำเภอบางพลีข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าส่วนราชการ ผอ.โรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง และแขกผู้มีเกียรติร่วมให้การต้อนรับและร่วมในพิธี

สำหรับการจัดสร้างอาคารเรียนหลังใหม่นี้ เป็นอาคารเรียนหลังที่ 18 ที่ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ที่ได้เมตตาจัดสร้างขึ้นเพื่อมอบให้กับทางโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง อีกทั้งยังมีความเมตตาต่อนักเรียนโรงเรียนวัดบางพลีใหญ่กลาง จึงได้จัดสร้างอาคารหลังดังกล่าวขึ้น และท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ ยังได้ให้การอุปถัมภ์ทางโรงเรียนมาโดยตลอด

โดยวันที่ 12 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลาง ได้ทำพิธีตอกเสาเข็ม และในวันที่ 9 กันยายน 2563 ถือฤกษ์ดีวันที่ 9 เดือน 9 ประกอบพิธียกเสาเอก เสาโท และด้วยความอุตสาหะ ความมุ่งมั่นตั้งใจ ความเมตตาที่มีต่อนักเรียน กระทั่งดำเนินการแล้วเสร็จ เป็นอาคาร 3 ชั้น ประดับตกแต่งอย่างสวยงาม ชั้นที่ 1 ประกอบไปด้วยห้องประชุมขนาดใหญ่ ชื่อว่า”ห้องประชุมศีลคุณ” มีบันไดซ้าย ขวา ส่วนชั้นที่2 และชั้นที่ 3 มีห้องเรียนจำนวน 6 ห้อง พร้อมด้วยโต๊ะหนังสือและเก้าอี้ สำหรับนักเรียน ไว้สำหรับจัดการเรียนการสอน ซึ่งอาคารหลังใหม่นี้ที่มีการจัดสร้าง นับเป็นอาคารหลังที่ 18 ที่ท่านพระครูปลัดสุวัฒนศีลคุณ เมตตาจัดสร้างขึ้น พร้อมทั้งกำกับ ดูแล ควบคุมการก่อสร้างมาโดยตลอด ดั่งคำปณิธานของท่านคือ”ชีวิตนี้เพื่อการศึกษา”


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ

ปทุมธานี – ผู้ว่าฯปทุมธานี รับมอบเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า อัตโนมัติ (AED) จำนวน 11 เครื่อง

เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2564 เวลา 10.00 น. ที่ สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี นายชัยวัฒน์  ชื่นโกสุม  ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ประธานพิธีรับมอบเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้า อัตโนมัติ (AED)  โดยมี นางจินดา สิงหเดช รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานีนายสุรินทร์  สืบซึ้ง  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี  นายดรณ์ สมิตะเกษตริน ปลัดจังหวัดปทุมธานี นางพรอัปสร นิลจินดา ประชาสัมพันธ์จังหวัดปทุมธานี หัวหน้าส่วนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม สภากาชาดไทย กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข ได้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการบริจาคเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ระหว่าง สภากาชาดไทย กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563  และได้พิจารณาเลือกสถานที่ติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED) ใน 76 จังหวัดเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งจังหวัดปทุมธานี พิจารณาจัดสถานที่ติดตั้งเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED) จำนวน 11 เครื่อง ครอบคลุม ทั้ง 7 อำเภอ  สถานที่ที่คัดเลือกพิจารณาจากพื้นที่ที่มีประชาชนมาใช้บริการสาธารณะเป็นจำนวนมาก เป็นสถานที่ที่ติดตั้งหยิบใช้ได้สะดวก และมีโรงพยาบาลในพื้นที่เป็นผู้รับผิดชอบบำรุงรักษา โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี จัดกิจกรรมเตรียมการรับมอบเครื่อง AED รับมอบอุปกรณ์การสอน Basic Life Support พร้อมกับทบทวนกระบวนการจัดการฝึกอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน สำหรับประชาชนในโครงการจิตอาสา CPR เฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ทั้งนี้ นายดรณ์ สมิตะเกษตริน ปลัดจังหวัดปทุมธานี นายสุรินทร์  สืบซึ้ง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นางสมลักษณ์  ลาภเจริญ กรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี  ได้ร่วมลงนามเป็นพยานในเอกสารเครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) กับ บริษัท อินโนเวชั่นส์ จำกัด โดยกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วย การให้ความรู้ในเรื่องกระบวนการช่วยฟื้นคืนชีพ และความรู้ในการใช้เครื่อง กระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED) พร้อมการสอนสาธิต และแบ่งกลุ่มฝึกปฏิบัติ การช่วยฟื้นคืนชีพ เพื่อเป็นประโยชน์และนำกลับไปใช้ได้ในชีวิตจริงสำหรับทุกคน  หากเกิดเหตุการณ์สามารถทราบจุดที่เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ(AED)ติดตั้งและช่วยผู้เกิดเหตุได้ทันเวลา


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

สระแก้ว – แห่ฉีดวัคซีน " ป้องกันโควิด เข็ม 2 " จำนวน 7,840 โด๊ส หลังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย

ผู้สื่อข่าวรายงาน นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยว่า จังหวัดสระแก้วมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 ราย ยืนยัน มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาลและการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน เป็นชาย 3 ราย หญิง 4 ราย อายุระหว่าง 10-57 ปี สัญชาติไทย ทำให้การระบาดระลอกใหม่เมษายน 2564 ตั้งแต่วันที่ 1–20  เมษายน 2564 จังหวัดสระแก้ว มีผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 197 ราย เป็นอันดับที่ 17 ของประเทศ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการและ เข้ารักษาตัวอยู่ในสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน รวมทั้งโรงพยาบาลสนาม รวมทั้งสิ้น 178 ราย รักษาหายแล้ว 19 ราย

แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ตอนนี้ทุกฝ่ายได้บูรณาการทำงาน ร่วมกันเร่งค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในทุกพื้นที่ ทั้งติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้เข้ามาตรวจให้ได้มากที่สุดและตามคำสั่งจังหวัด ฉบับที่ 33 จะต้องนำมากักตัว ที่ศูนย์ยับยั้งโรคประจำ อำเภอ หรือ Local Quarantine (LQ) ซึ่งตอนนี้มีกระจายตามอำเภอ จำนวน 28 ศูนย์ 465 เตียง และกลุ่มเสี่ยงสูงที่เข้ากักตัว 20 ราย สะสม 116 ราย ที่อำเภอวัฒนานคร อำเภอคลองหาด และอำเภออรัญประเทศ รวมทั้งที่โรงแรมสเตชั่น วัน อรัญประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากฝ่ายปกครองและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

นายเกียรติศักดิ์จันทราผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าววันนี้ จังหวัดสระแก้ว ได้รับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 รอบ 2 จำนวน 7,840 โด๊ส สำหรับฉีดได้ 3,920 คน กลุ่มเป้าหมายจะเป็นบุคลาการการแพทย์ เจ้าหน้าที่ Local Quarantine ,โรงพยาบาลสนาม (ที่ไม่ใช่บุคลากรสาธารณสุข) และเจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยง อื่น ๆ โดยได้กระจายไปยังโรงพยาบาลทุกแห่งแล้ว สำหรับที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว กำหนดฉีดบุคลาการการแพทย์ของโรงพยาบาลวันนี้. "ท่านผู้ว่า" ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลจนเกินเหตุ. ทางหมอและกลุ่มจทน. สาธารณสุขของจังหวัดสระแก้ว สามารถที่จะเอาอยู่ แต่ทุกคนก็ต้องร่วมมือกัน เว้นระยะห่าง อย่าไปในพื้นที่ ที่เสี่ยงหรือกลุ่มคนที่แออัดเพื่อช่วยกันยับยั้งเชื้อโควิด ไม่ให้กระจายไปมากกว่านี้


ภาพ/ข่าว นายยุทธนา จัด กุ่มประสิทธิ์ ผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว รายงาน

นราธิวาส – ทหารพราน 48 มอบอินทผาลัมแทนความรักและความห่วงใยในห้วงรอมฏอน ให้กับประชาชนที่เดินทางสัญจรไปมา

หน่วยเฉพาะกิจกรมข่าวทหารพรานที่48 โดย พ.อ.เอกพล เลขนอก ผบ.ฉก.ทพ.48 มอบหมายให้ ฝ่ายกิจการพลเรือน พร้อมด้วย ชป.กร.  ชป.กร.หญิง และ ร้อย ทพ.4803 จัดกิจกรรมมอบอินทผาลัมแทนความรักความห่วงใย ในห้วงเดือนรอมฏอน เดือนแห่งการถือศีลอดตามหลักศาสนาอิสลาม ให้กับประชาชนที่เดินทางสัญจรไปมา ณ ด่านตรวจถาวรบ้านยานิง ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เพื่อให้ประชาชนที่ผ่านด่านได้นำอินทผาลัมไปรับประทานในช่วงการละศีลอด ซึ่งอินทผลัมนั้น ชาวมุสลิมถือว่าเป็นผลไม้ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ ชาวมุสลิมนิยมรับประทานอินทผลัมในช่วงเดือนถือศีลอด หรือ เดือนรอมฎอน เนื่องจากในคัมภีร์อัลกุรอานได้บัญญัติไว้ว่าสามารถละศีลอดด้วยการกินอินทผลัมแทนการดื่มน้ำได้เพื่อช่วยลดอาการอ่อนเพลียในช่วงอดอาหาร

นอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID 19 ตามมาตรการควบคุมโรคของจังหวัดนราธิวาส โดยให้มีการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่าง รวมไปถึงการไม่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง และพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด ซึ่งตลอดทั้งกิจกรรมประชาชนต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID 19 อีกทั้งได้รับคำขอบคุณ รอยยิ้ม และมิตรภาพที่ดีจากประชาชน

ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

สงขลา - นักวิจัย ม.สงขลานครินทร์ ค้นพบ แมลงสาบทะเล สกุลไซโรลานา ชนิดใหม่ 2 ชนิด

นักวิจัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ค้นพบไอโซพอดทะเล (marine isopod) หรือแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ ในสกุลไซโรลานา (genus Cirolana) 2 ชนิด บริเวณชายฝั่งทะเล อ.เทพา จ.สงขลา และชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน ชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพ และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลอ่าวไทย

​ดร.เอกนรินทร์ รอดเจริญ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวาริชศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า จากการศึกษาวิจัยความหลากหลายของแมลงสาบทะเลในประเทศไทย ทั้งชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยและอันดามัน ได้ค้นพบไอโซพอดทะเลหรือแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ สกุลไซโรลานา 2 ชนิด ในแนวปะการังบริเวณชายฝั่งทะเล อ.เทพา จ.สงขลา และชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน ซึ่งได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่อย่างเป็นทางการในวารสารวิชาการ Zootaxa ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564

โดยไอโซพอดชนิดแรกมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cirolana parawongat sp. nov. (ตั้งชื่อตามลักษณะสัณฐานวิทยาที่คล้ายกับ C. wongat Bruce, 1994 ซึ่งพบที่ปาปัวนิวกินี) มีการแพร่กระจายตั้งแต่ชายฝั่งทะเลทะเลอ่าวไทยตอนบน ตั้งแต่จังหวัดชลบุรีลงมาถึง เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และอีกหนึ่งชนิดมีชื่อว่า Cirolana khamensis sp. nov. (ตั้งชื่อตามสถานที่ค้นพบ) ซึ่งมีการแพร่กระจายอยู่แห่งเดียว คือ บริเวณเกาะขาม อ.เทพา จ.สงขลา เท่านั้น

ดร.เอกนรินทร์ กล่าวอีกว่า ไอโซพอดหรือแมลงสาบทะเลเป็นสัตว์กลุ่มเดียวกับพวกกุ้งปู (crustacean) แต่มีขนาดเล็กกว่า ความยาวของลำตัวส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 0.5-2 ซม. มีบทบาทสำคัญในแง่ของการเป็นอาหารให้แก่สัตว์น้ำชนิดอื่น เป็นตัวย่อยสลายในระบบนิเวศ และเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพของแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งการค้นพบแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ 2 ชนิดในอ่าวไทยครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพทะเล และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลในบริเวณอ่าวไทยได้เป็นอย่างดี

ลพบุรี – หนุ่มผู้โชคดีเล่านาทีระทึก พายุหมุนกระหน่ำพังพินาศ ต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับทุกเส้นทางเข้าพื้นที่เกิดเหตุ

เวลา 16.55  น. วันที่ 20 เม.ย.2564 มูลนิธิสว่างอริโยธรรมสถาน รุดเดินทางไปยังโกดังเก็บน้ำมันเพื่อการเกษตร  ของบริษัทอิทธิพระพรเทรดดิ้ง หมู่ที่ 5 ต.หนองเต่า หลังจากพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง หลังคาบริษัทปลิวไปตามลมไกกว่า 400 เมตร และมีผู้ที่ถูกหลังคาทับภายในรถยังไม่สามารถนำตัวออกมาได้ จึงได้รุดเดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ แต่ต้องพบกับอุปสรรค ที่ต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับทุกเส้นทางเข้าพื้นที่เกิดเหตุ ต้องระดมพลช่วยกันตัดต้นไม้ออกนอกเส้นทางก่อนเดินทางเข้าพื้นที่เกิดเหตุได้

ที่เกิดเหตุพบมีโครงหลังคาหลุดหาย พื้นที่เกิดเหตุพบถังน้ำมันเครื่อง ที่ตกกระจายเกลื่อน สอบถามนางมณีรัตน์ ปัญญา อาย 56 ปี ผู้ดูแลเล่าว่า ก่อนที่ฝนจะตกพายุหมุนได้พัดมาอย่างรุนแรง อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ต่างวิ่งหนีเข้าไปภายในบ้านเพื่อเอาชีวิตรอด แต่ก็ยังมีผู้ติดอยู่ใต้ซากโครงหลังคาอีก 2 คน เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันรื้อซาก เร่งเข้าช่วยเหลือพบนอนหลบอยู่ภายในรถกระบะ ออกมาได้อย่างปลอดภัย

นายคุณากร แจ่มโพกุล อายุ 34 ปี คนงานที่ติดอยู่ในซากเล่าว่าช่วงเกิดเหตุพายุหมุน เสียงลั่นของโครงหลังคาดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ตกใจมากตนเองไม่รู้ว่าจะวิ่งไปหลบที่ไหนดี เพราะมีแต่เศษสิ่งของปลิวกระจายเกลื่อน ก่อนที่จะถูกหลังคาทับเพื่อนคนงานได้ตะโกนเรียกให้เข้าไปหลบในรถยนต์กระบะ ก่อนที่โครงหลังคาหล่นโครมลงมาใส่รถจนมองไม่เห็นอะไร โชคดีที่ไม่ได้รับอันตราย แต่ยอมรับว่าตกใจสุดขีด ไม่เคยเห็นพายุพัดรุนแรงขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ทั้งนี้จากการประเมินความเสียหายในเบื้องต้นคาดไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท  


ภาพ/ข่าว  กฤษณ์ สนใจ ลพบุรี  

ระยอง - ศรชล.ฝึกอบรมยุวชนประมงมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงในท้องถิ่น

วันที่ 20 เม.ย.64 นาวาเอก อนุพงค์  จันทร์พฤกษ์ รอง ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จังหวัดระยอง (รอง ผอ.ศรชล.จังหวัดระยอง)  และ นาวาเอก พิศาล หาญภักดี หัวหน้าศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดระยอง (ศคท.จว.รย.) ร่วมกับศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงจังหวัดระยอง จัดกิจกรรมโครงการฝึกอบรมยุวชนประมงรุ่นที่ 9 ประจำปี 2564 ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5-6 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 ซึ่งมีภูมิลำเนาในพื้นที่เขตทะเลชายฝั่งจังหวัดระยอง จำนวน 30 คน

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชน ได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงในท้องถิ่นของตนเอง ให้มีความอุดมสมบูรณ์เข้มแข็งและยั่งยืน ตลอดจนนำความรู้และประสบการณ์ไปประชาสัมพันธ์เผยแพร่ ในสถานศึกษาและในชุมชนของตนเอง พร้อมทั้งสร้างจิตสำนึกให้กับเยาวชน ได้ตระหนักถึงแนวความคิดในการเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

ในการนี้ น.ท.อัครพล  เหมนาค จนท.ศูนย์ประสานความมั่นคงจังหวัดระยอง (ศคท.จว.รย.) เป็นผู้บรรยายในหัวข้อ “ความสำคัญและบทบาทหน้าที่ของชุมชนประมงกับการรักษาผลประโยชน์ของชาติในทะเล” ให้กับ “ยุวประมง” รุ่นที่ 9 ณ ห้องประชุมศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลระยอง ตำบลเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ในโอกาสเดียวกันนี้ด้วย


ภาพ/ข่าว ศรชล.ภาค 1 / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top