Tuesday, 17 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

พังงา - สุดอเมซิ่ง...พระอาทิตย์ขึ้นที่ทุ่งหญ้าสะวันน่าเกาะพระทอง แอฟริกาไทยแลนด์

ที่เดอะมอแกน อีโค วิลเลจ เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา  ในช่วงเช้าตรู่เจ้าหน้าที่ได้นำกลุ่มนักท่องเที่ยวขึ้นรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ออกเดินทางตลุยไปรอชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ทุ่งหญ้าสะวันนา พร้อมกับส่องสัตว์ป่าระหว่างทางโดยสัตว์ป่าประจำถิ่นที่นี่คือกวางม้า ทิวทัศน์สองข้างทางที่รถพาฝ่าไปนั้น แปลกตาเป็นทุ่งหญ้าสีทองกว้างใหญ่และต้นเสม็ดแคระ ลักษณะคล้ายกับบรรยากาศที่ดูในสารคดีป่าแอฟริกา

จากนั้นรถก็มาจอดที่จุดไฮไลท์ในการรอชมพระอาทิตย์ขึ้นแบบ 360 องศา กลางทุ่งหญ้า เมื่อมองไปทางทิศตะวันออกก็จะเห็นพระอาทิตย์เริ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ตามแนวภูเขาบนแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ห่างออกไป เมื่อพระอาทิตย์โผล่พ้นแนวภูเขาขึ้นมา ก็ส่งแสงสาดลงมาที่ทุ่งหญ้าสีทอง  ซึ่งหากมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ทุ่งหญ้าสีทองจะหนาแน่นไปสุดลูกลูกตา แต่มาในช่วงนี้ก็ยังพอมีให้เห็นบ้าง นักท่องเที่ยวแต่ละคนต่างก็หาจุดหามุมที่ตัวเองชื่นชอบบันทึกภาพไว้ว่าครั้งหนึ่งได้มาเที่ยวทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย ว่ากันว่าหากนำม้าลาย สิงโตและยีราฟ มาปล่อยบนเกาะ บรรยากาศก็จะกลายเป็นทุ่งหญ้าในทวีปแอฟริกาจริง ๆ

คุณปาจรีย์ ศรีฟ้า ผู้ประกอบท่องเที่ยวบนเกาะพระทอง เปิดเผยว่า เกาะพระทอง ตั้งอยู่ในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มีพื้นที่ 102 ตร.กม. เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพังงา มีชุมชน 3 หมู่บ้าน คือ บ้านปากจก บ้านทุ่งดาบ และบ้านแป๊ะโย้ย ได้รับการคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้เป็น “Unseen Thailand” ในปี พ.ศ.2546  

เกาะพระทองเกิดจากซากปะการังทับถมกันมาอย่างยาวนานล้านปี จนกระทั่งกลายเป็นเกาะที่มีสภาพภูมิประเทศที่แปลกตาแบบนี้ คือจะมีลักษณะค่อนข้างแบนราบ ถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของเกาะแห่งนี้ ทิศตะวันออกจะเป็นแนวป่าโกงกาง ทิศตะวันตกเป็นหาดทราย ส่วนบริเวณกลางเกาะเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่มี ต้นเสม็ดแคระ ขึ้นกระจายอย่างสวยงามมาก ปกติทริปเดินทางตามจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวจะมีบริษัทหรือผู้ชำนาญการมาดูแลหรือนำทัวร์ แต่สำหรับที่นี่ทุกอย่างดำเนินการโดยชาวบ้านในพื้นที่


ภาพ/ข่าว  อโนทัย  งานดี

ชลบุรี - วันไหลพัทยา สุดเงียบเหงา กิจกรรมสืบสานประเพณี วัฒนธรรมถูกยกเลิก ขานรับพื้นที่สีแดง

หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เป็นประธาน มีมติเห็นชอบมาตรการยกระดับการควบคุมโรคโควิด-19 และปรับโซนสีของพื้นที่เพื่อให้สอดรับกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นระยะเวลา 14 วัน นับตั้งแต่ข้อกำหนดประกาศในราชกิจจานุเบกษาบังคับใช้ หรือ ตั้งแต่เวลา 00.00 น.ของวันที่ 18 เมษายน 2564 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 ซึ่งแบ่งออกเป็น โซนสีแดง หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุด จำนวน 18 จังหวัด โดย 1 ใน 18 จังหวัดพื้นที่สีแดงมีจังหวัดชลบุรี ด้วยนั้น ส่งผลทำให้หลายกิจกรรมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ของเมืองพัทยา อำบางละมุง ต้องถูกยกเลิกและงดจัด เพื่อให้สอดคล้องมาตรการของศบค.

ล่าสุดวันนี้ ( 19 เม.ย. 64 ) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ถนนชายหาดพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งในทุกปีของวันที่ 19 เมษายนจะเป็นวันไหลพัทยา โดยบริเวณดังกล่าวจะมีประชาชนชาวไทยชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยวผู้ประกอบการบาร์เบียร์ ร้านค้าต่าง ๆ ตลอดแนวชายหาด จะร่วมเล่นสาดน้ำในเทศกาลวันไหลพัทยากันอย่างคึกคักสนุกสนาน ทั้งนี้ในช่วงบ่ายและถือเป็นเป็นไฮไลท์ของวันไหลพัทยา จะขบวนรถบุปผชาติแห่อัญเชิญพระพุทธรูปไปตลอดแนวชายหาด ให้นักท่องเที่ยวได้สรงน้ำพระ เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวได้มีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในเทศกาลวันไหลพัทยา

แต่ด้วยในปีนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ระลอกใหม่และมีความรุนแรง มีแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมระลอกใหม่ ในพื้นมี่จังหวัดชลบุรีในวันนี้ (19 เม.ย.64) ถึง 1,283 ราย  ส่งผลทำให้เทสกาลวันไหลพัทยา กิจกรรมสืบสานประเพณีในช่วงเทศกาลวันไหลต้องถูกยกเลิกจัดงาน เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสโควิด-19 โรค ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกัน การสัมผัสใกล้ชิดในรูปแบบต่าง ๆ และให้เป็นไปตามมาตรการของศบค. ทำให้บรรยากาศเทศกาลวันไหลพัทยาเงียบเหงา ร้านค้า บาร์เบียร์ปิด ถนนสายชายหาดที่แน่นไปด้วยประชาชนและนักท่องเที่ยวมาเล่นสาดน้ำไม่มีแม้แต่เงาผู้คน มีเพียงรถที่สัญจรไปมา

นางไรระตี ทรงสุวรรณ อายุ 54 ปี เจ้าร้านขายชุดว่ายน้ำและอุปกรณ์เล่นน้ำ บริเวณชายหาดพัทยา กล่าวว่า หากเปรียบเทียบวันไหลพัทยาในปีนี้กับที่ที่ผ่าน ๆ มา ปีนี้เงียบมากไม่เหมือนเดิม ซึ่งปกติทุกปีที่มีการจัดงานจะขายสินค้าแบบไม่ได้นั่งพักเลยต้องหาคนมาช่วยขาย 3-4 คน ในช่วงวันไหลพัทยา จะมีการนำปืนฉีดน้ำมาแขวนและอุปกรณ์เล่นน้ำต่าง ๆ รวมถึงซองกันน้ำ มาว่างขายเต็มหน้าร้าน อีกทั้งบริเวณหน้าร้านจะมีการนำถังน้ำมาตั้งเลียงกันจำนวนมาก แต่พอมาปีนี้บรรยากาศที่เคยเจอก็เงียบเหงาไปหมด ซึ่งปกติตั้งแต่ในช่วงเทศกลาสงกรานต์ถึงเทศกาลวันไหลทางร้านจะขายสินค้าดีมากแบบไม่มีเวลาพักเลย รายได้ตกวันเกือบ 20,000 -30,000 บาท รายได้ไหลมาเหมือนชื่อวันไหล ผู้คนแน่น แต่มาปีนี้ขายได้ไม่ถึงพันบาทต่อวัน

นายสมศักดิ์ พลเยี่ยม อายุ 40 ปี วินจักรยายนยนต์รับจ้าง ซอย 6 ชายหาด กล่าวว่า บรรยากาศวันไหลพัทยาในปีนี้และปีที่ผ่านมาต่างกันอย่างมากปีนี้เงียบเหงามาก ปกติถ้ามีการจัดงานวันไหลก็จะมีผู้โดยสารมาใช้บริการจำนวนมากสร้างรายได้ในช่วงวันไหลพัทยาหลายพันบาท ทั้งนี้เห็นด้วยที่งดจัดงานวันไหลพัทยาในปีนี้ไปด้วยการแพร่ระบาดโควิด-19 น่ากลัว การงดจัดงานถือเป็นการป้องกันของโรคที่ดีเพื่อไม่ให้มีการรวมกลุ่มของประชาชนและนักท่องเที่ยว


ภาพ/ข่าว อนันต์ สุขวัฒนะ / เอกชัย สุขวัฒนะ  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี

นราธิวาส - แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งกำลังป้องกันชายแดนเตรียมรับคนไทยกลับประเทศ หลังมาเลย์ดีเดย์ผลักดันแรงงานต่างชาติออกนอกประเทศภายใน 21 เมษายนนี้

วันนี้ (19 เมษายน 2564) แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งเตรียมพร้อมรองรับคนไทยกลับเข้าประเทศ หลังมาเลเซียขีดเส้นผลักดันชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองโดยผิดกฎหมาย ต้องเดินทางออกจากประเทศก่อนวันที่ 21 เม.ย.64 หลังจากที่ได้มีการผ่อนผันมาแล้วหลายครั้ง อันเนื่องมาจากผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด 19 ในประเทศมาเลเซีย ย้ำรับคนไทยทุกคนแต่ต้องผ่านกระบวนการคัดกรองโรคอย่างเคร่งครัด ป้องกันนำเชื้อโควิด-19 เข้ามาระบาดในประเทศ

พลโท เกรียงไกร  ศรีรักษ์  แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า ภายหลังมาเลเซียเร่งรัดผลักดันให้ชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองผิดกฎหมาย ต้องเดินทางออกจากประเทศก่อนวันที่ 21 เมษายน 2564 โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยที่อยู่ในมาเลเซียนั้น เราได้มีการเตรียมการรับมือเรื่องนี้ไว้แล้วโดยได้ประสานจังหวัดต่าง ๆ ที่อยู่ติดชายแดนมาเลเซียให้มีมาตรการรับมือทั้งเรื่องของสถานที่สำหรับรองรับกลุ่มดังกล่าว

ทั้งยังได้สั่งการให้หน่วยกำลังทุกหน่วยประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างใกล้ชิด ตลอดจนหน่วยงานสาธารณสุข และหน่วยที่เกี่ยวข้อง โดยนำมาตรการที่เคยใช้ควบคุมโรคโควิด-19 ที่ใช้ได้ผลเป็นอย่างดีมายกระดับเพิ่มเติม ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ป้องกันตามแนวชายแดนก็ได้สั่งให้เข้มงวดมาตรการดูแลสกัดกั้นตามแนวชายแดน ซึ่งได้ดำเนินการมาโดยตลอดตั้งแต่มีนาคมปีที่แล้ว โดยได้มีการตรวจตราตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด เพิ่มเติมกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจตามแนวชายแดน โดยเฉพาะการเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติผิดกฎหมาย ของแรงงานคนไทยที่ไปทำงานยังมาเลเซีย ที่จะต้องนำเข้ากระบวนการ Quarantine ป้องกันโรคโควิด-19 ทุกคน

เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ สำหรับชายแดนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษนั่นคือ ฝั่งจังหวัดนราธิวาสและสงขลา เพราะมีช่องทางธรรมชาติที่หลายช่องทาง ที่สามรถแอบลักลอบเข้ามาได้ ประกอบกับทั้ง 2 จังหวัดนี้ ขณะนี้เป็นพื้นที่สีแดงที่ต้องมีการควบคุมสูงสุด เนื่องจากมีระบาดจำนวนมาก โดยเฉพาะทางจังหวัดนราธิวาส ที่มักมีผู้ลักลอบเข้ามาทางฝั่ง อ.ตากใบ อ.แว้ง และ อ.สุไหงโกลก โดยข้ามแม่น้ำเข้ามา ยิ่งช่วงนี้หน้าแล้ง น้ำแห้งทำให้สามารถข้ามมาได้โดยสะดวก ยิ่งมาเลเซีย​ผลักดันอาจทำให้มีคนแอบลักลอบเข้ามามายิ่งขึ้น โดยเมื่อวานนี้สามารถจับกุมได้กว่า 40 คน ก็ได้นำเข้ากักตัวสังเกตอาการทั้งหมด นอกจากกำลังเจ้าหน้าที่แล้วก็ได้ประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแล ช่วยด้วยอีกทางหนึ่ง สำหรับชายแดนที่ติดทางทะเล จ.สตูล​ ก็ได้ให้กำลังป้องกันชายแดน โดยกองกำลังเทพสตรี เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และเข้มงวดกวดขันยังจุดที่เป็นเกาะแก่งต่าง ๆ ที่คาดว่าอาจมีการลักลอบเข้ามา โดยส่วนใหญ่มาทางเรือ ก็ได้ประสานการทำงานร่วมกับทัพเรือภาค 3 ในการลาดตระเวนทางทะเลเพื่อป้องกันอย่างเต็มที่ 

อย่างไรก็ดี ขอฝากถึงประชาชนในพื้นที่ได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันสร้างความตระหนักรู้ในมาตรการและความจำเป็นในการเฝ้าระวังป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะผู้ที่กำลังจะเข้ากลับมายังประเทศไทยขอให้แจ้งผ่านเข้ามายังเจ้าหน้าที่ เพื่อจะได้อำนวยความสะดวก ช่วยเหลือ และนำเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโรคตามที่ สบค. กำหนด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน ยืนยันไม่ว่าจะเดินทางเข้ามาผ่านช่องทางใดเจ้าหน้าที่พร้อมรับและดูแล แต่ต้องมีการคัดกรองโรคอย่างเข้มข้น และหากพี่น้องประชาชนพบเห็นผู้ที่แอบลักลอบเข้ามายังหมู่บ้าน ชุมชนของตนโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรค ก็ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่โดยทันที เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเชื้อจากต่างประเทศเข้ามาในพื้นที่ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวย้ำทิ้งท้าย


ภาพ/ข่าว  ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าวนราธิวาสรายงาน

อุดรธานี - ผบช.ภ.4 สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีคลิปตำรวจในสังกัด ภ.จว.อุดรธานี พาภรรยาขึ้นเฮลิคอปเตอร์

เบื้องต้นได้รับรายงานชี้แจงว่าเป็นภาพเก่าเมื่อปี 2562 แต่ไม่ทราบเหตุผลว่าภรรยาของตำรวจรายนี้โพสต์ลงในโซเชียลตอนนี้เพื่อจุดประสงค์อะไร

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 19 เม.ย.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกโซเชียลมีเดียและเพจต่าง ๆ ทั่วทั้ง จ.ขอนแก่น ได้มีการเผยแพร่ภาพจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน” โพสต์ภาพของหญิงรายหนึ่ง ยืนอยู่ข้าง ฮ.ตำรวจ โดยระบุข้อความว่า  “สวัสดิการดีมี ฮ.หลวงให้ใช้ อ้างพาเมียบินร่วมงานแม่บ้านก็ได้ด้วย ปีนี้ตำรวจท็อปฟอร์มจริง ๆ ” หลังเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวมีการเผยแพร่ออกมาทำให้มีชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นพร้อมกับแชร์ออกไปจำนวนมาก

ในเวลาต่อมา ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ 4 ทราบว่า กรณีดังกล่าวนั้น ทางตำรวจภูธรภาค 4 ได้รับคำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้มีการตรวจสอบคลิปดังกล่าวและรายงานมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยด่วน ซึ่งเบื้องต้นนั้น ตรวจสอบทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี และยังปฏิบัติราชการอยู่ในตำแหน่งสารวัตรสืบสวน ซึ่งทางตำรวจภูธรภาค 4 เองได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมาและต้องทราบผลภายใน 3 วัน ในเบื้องต้นนั้นจากการตรวจสอบทราบว่า

"คลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่ภรรยาและนายตำรวจรายนี้ถ่ายเอาไว้เมื่อปี พ.ศ.2552 ขณะที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 คนเก่าบินไปตรวจราชการ โดยมีสารวัตรสืบสวนรายนี้พร้อมภรรยาติดตามไปด้วย โดยในรายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวนของทางคณะกรรมการ ว่าเพราะเหตุใดจึงนำคลิปดังกล่าวมาโพสต์ในโลกโซเชียลจนเป็นประเด็นขึ้นมา และในเรื่องของการที่ตำรวจพาภรรยาติดตามไปด้วยนั้น หากมีการขออนุญาตผู้บังคับบัญชาและผู้บังคับบัญชาอนุญาตก็สามารถพาขึ้นได้ไม่ผิด"

ขอนแก่น - ว่าที่มิสแกรนด์ แถลงข่าวประกวดมิสแกรนด์ขอนแก่น 2021 ก้าวสู่เวทีอันดับ 1 แห่งภาคอีสาน กองประกวดมิสแกรนด์ขอนแก่น 2021 เปิดตัวผู้เข้าประกวดทั้ง 26 คน ตัวแทนจาก 26 อำเภอ

เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 18 เมษายน 2564 ที่ ห้องบอลรูมพรสราญ โรงแรมเฮือนต้นนุ่น ขอนแก่น  ได้มีถ่ายทอดสดแถลงข่าว มิสแกรนด์ขอนแก่น 2021 พร้อมเปิดตัวผู้เข้าประกวดทั้ง 26 คน ตัวแทนจาก 26 อำเภอ อีกทั้ง เปิดตัวมงกุฎประจำตำแหน่งมิสแกรนด์ขอนแก่น 2021 พร้อมผู้เข้ารอบชุดประจำชาติ 10 ผลงานสุดท้าย และเซอร์ไพร์สอีกมากมาย โดยมีนายณัทธภัทร มูลเหลา ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ขอนแก่น พร้อมด้วยนายสิทธา  สมควรดี กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ้านาง (ไทยแลนด์) จำกัด คุณ ปพิชญา  ศรีประวัติกุล  กรรมการผู้จัดการโรงแรมเฮือนต้นนุ่น ร่วมแถลงการจัดงานการประกวดมิสแกรนด์ขอนแก่น 2021 โดยมี สาวงามผู้เข้าร่วมประกวด ทั้ง 26 อำเภอ ร่วมงาน

นายณัทธภัทร  มูลเหลา ผู้อำนวยการกองประกวดมิสแกรนด์ขอนแก่น กล่าวว่า ในฐานะของผู้จัดงานมีความมุ่งมั่น และมีความมั่นใจที่จะให้เวทีการประกวดนางงาม ของจังหวัดขอนแก่นได้เป็นที่รู้จักยกมาตรฐานยกระดับ ในการทำงานในเวทีนางงามมากขึ้น ซึ่งส่วนตัวผมคนเดียวไม่อาจทำงานได้ ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ได้ ต้องขอขอบพระคุณทุกฝ่ายที่ร่วมกัน หรือแม้แต่ผู้สนับสนุนทุกๆท่าน เช่นแบรนด์เครื่องสำอางค์เจ้านาง รวมไปถึงสถานที่ที่จัดงาน ในการเก็บตัวผู้เข้าประกวด เช่นโรงแรมเฮือนต้นนุ่น ขอกราบขอบพระคุณครับ ส่วนน้องๆทุกคน ตอนสมัครมาประกวดก็จะต้องมีใบรับรองแพทย์ หรือผลการตรวจเลือดทุกคน ส่วนสาวงามก็จะมีอำเภอละ 1 คน รวม 26 คน 26 อำเภอผ่านทาง Facebook : Miss Grand Thailand เวลา 16.00 น. เป็นต้นไปจะคว้ามงกุฏโดยในวันนี้เป็นการเปิดตัวสาวงามผู้เข้าประกวดจาก 26 อำเภอ และจะเก็บตัวทำกิจกรรม 6-9 พฤษภาคม 64 การคัดเลือกว่าใครจะได้เป็นมิสแกรนด์ขอนแก่นก็ต้องเป็นวันที่ 9 พ.ค.2564

ด้าน นายสิทธา  สมควรดี กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ้านาง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทเจ้าของแบรนด์เจ้านางได้เล็งเห็นศักยภาพของคนขอนแก่น ได้ทำความสวยความงามในด้าน ของตัวเองว่าตัวเองชอบความสวยความงามด้านไหน เราจึงได้สร้างโปรเจคขึ้นมา คือให้น้องๆที่เข้าประกวดได้ทำ การนวดไทยผ่านแอป tiktok และได้ทำ Present ว่าตัวเองได้ทำพรีเซนต์สินค้าตัวไหน ของแบรนด์เจ้านางแล้วเราก็จะจับพิเศษตัวนี้แหละ ใช้ในการแข่งขัน ซึ่งถ้าใครทำพรีเซนต์ แล้วมีคนเข้าไปดู คุณชอบคนชื่นชม และกดไลค์ กดแชร์ เป็นจำนวนมาก ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการตัดสิน ผ่านและก็จะ Contact ส่งไปให้น้อง เพื่อที่จะเข้าไปในรอบตัดสินได้เลย

ส่วน คุณปพิชญา ศรีประวัติกุล  กรรมการผู้จัดการโรงแรมเฮือนต้นนุ่น  กล่าวว่า ทางโรงแรมเรือนต้นนุ่นก็รู้สึกยินดีที่ได้ ต้อนรับคณะกองประกวดมิสแกรนด์ขอนแก่น 2021 ในครั้งนี้ ในการป้องกันมาตรการ covid ทางโรงแรมเราก็ได้ เว้นระยะที่นั่งสำหรับทุกท่าน และก็ได้มีการตรวจสอบและติดตามข่าวของสาธารณสุขอยู่เป็นประจำ ก่อนที่เราจะมีการจัดงานขึ้น ส่วนงานในวันนี้เราก็มีการเซฟตี้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยศักยภาพของทางโรงแรมเราก็สามารถต้อนรับคณะจัดประชุมฯ หรือจัดงานต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับ เมืองไมซ์ซิตี้ ของขอนแก่นเรา. Cr.ถ่ายทอดสดแถลงข่าว มิสแกรนด์ขอนแก่น 2021 https://www.facebook.com/watch/?v=488233545858141


ภาพ/ข่าว ศูนย์ข่าวขอนแก่น

ฉะเชิงเทรา - นายกไก่ นำทีมบริหาร อบจ.ช่วยชาวบ้าน ณ ธรณีประตูส่งน้ำ คลองสัมปทวน-โพรงอากาศ -ตกระทุ่ม

วันที่ 19 เม.ย. 2564 นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนายไพศาล ช้างพลายแก้ว เลขานุการนายก อบจ.ฉะเชิงเทรา นายสุนทร พานแก้ว นายสุเทพ ศิริจำรัส สมาชิกสภา อบจ.ฉะเชิงเทรา นายธนภัทร ศรีอุไร กำนันตำบลโพรงอากาศ และผู้นำท้องถิ่น ร่วมลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ณ ธรณีประตูส่งน้ำ คลองสัมปทวน-โพรงอากาศ -ตกระทุ่ม ต.โพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา

ซึ่งการตรวจสอบพบว่า ไม่สามารถส่งน้ำให้ไหลผ่านได้ จึงส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ หมู่ 7 ,8 ,9 ,10 ,11 ,12 ,13 และหมู่ 14 ตำบลโพรงอากาศ อ.บางน้ำเปรี้ยว เชื่อมตำบลบางแก้ว และตำบลบางขวัญ อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเดือดร้อน รวม 11,415.5 ไร่

นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายก อบจ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า กรณีปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว อยู่ในความรับผิดชอบของชลประทาน หลังจากลงพื้นที่รับทราบปัญหาความเดือดร้อนแล้ว ตนและคณะได้เดินทางเข้าพบนายสมศักดิ์ ธิมา ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต ต.ท่าไข่ อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อปรึกษาหารือ และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในครั้งนี้

นายสมศักดิ์ ธิมา ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาพระองค์ไชยานุชิต และนายสรยุทธ์ กสินธุ์มานะวาท หน.จัดสรรน้ำโครงการพระองค์ไชยานุชิต ได้ชี้แจงแนวทางแก้ไขปัญหา โดยในเบื้องต้นจะเข้าดำเนินการแก้ไขระดับธรณีประตูส่งน้ำ และจะนำเครื่องสูบน้ำไปดำเนินการสูบน้ำทันที เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่ต้องการใช้น้ำทำการเกษตรต่อไป


ภาพ/ข่าว  สัมฤทธิ์ ล้ำเลิศ / ฉะเชิงเทรา

นราธิวาส - ผู้ว่าฯนราธิวาส พร้อมนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส รับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์สู้ภัย COVID 19 จากภาคเอกชน

วันนี้ (19 เม.ย. 64) ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนางดาเรศ จิตรัตน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส นายชินวุฒิ ขาวสำลี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส หัวหน้าส่วนราชการ และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาสร่วมรับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์จากนายเอกนรินทร์ ศรเรือง นักวิชาการศึกษา สำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดนราธิวาส ตัวแทนกลุ่มไม้จิ้มฟันกู้โลก ซึ่งเป็นกลุ่มนักธุรกิจที่ได้รวบรวมเงินเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ประกอบด้วย ชุดป้องกันเชื้อ PPE จำนวน 40 ชุด และหน้ากาก N95 จำนวน 50 ชิ้น มอบให้แก่จังหวัดนราธิวาสเพื่อสู้ภัย COVID19

นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ขอขอบคุณภาคเอกชนและทุกภาคส่วนที่ร่วมใจนำอุปกรณ์ทางการแพทย์มามอบให้ศูนย์นรารวมใจต้านภัยโควิด-19 ซึ่งยินดีรับความช่วยเหลือจากผู้ที่ต้องการบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์หรือสิ่งของต่าง ๆ สามารถนำมามอบได้ที่สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส หรือที่ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ทางสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาสจะได้รวบรวมและส่งมอบให้กับโรงพยาบาล หน่วยงานสาธารณสุข หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่ต้องการต่อไป นอกจากนี้ยังสามารถบริจาคเงินสมทบทุนผ่านบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขานราธิวาส ชื่อบัญชี : COVID19 คนนราไม่ทิ้งกัน เลขที่บัญชี : 905-3-29568-2 ได้อีกด้วย

ด้านนายเอกนรินทร์ ศรเรือง กล่าวว่า ได้เป็นสื่อกลางของกลุ่มไม้จิ้มฟันกู้โลกส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้จังหวัดนราธิวาส ซึ่งทางกลุ่มมีความห่วงใยผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID19 จึงได้รวบรวมเงินจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งมอบให้จังหวัดนราธิวาสเพื่อส่งต่อไปยังโรงพยาบาล หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีความต้องการ โดยอุปกรณ์เหล่านี้มีความจำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประโยชน์ในการรักษาและระงับยับยั้งโรค COVID19

นอกจากนี้ ศูนย์นรารวมใจต้านภัยโควิด-19 ยังได้มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย สเปรย์แอลกอฮอล์ ชุดถุงผ้า COVID19 และสิ่งของที่ได้รับการบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธามามอบให้เหล่ากาชาดจังหวัดนราธิวาส เพื่อส่งมอบให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีความต้องการต่อไป


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ​ หะไร​ จ.นราธิวาส

ปทุมธานี - มรภ.วไลยอลงกรณ์ เปิดครัว ส่งข้าวกล่องแทนความห่วงใย บุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย รพ.สนาม มธ. 400 กล่องต่อวัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดทำอาหารส่งโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุพจน์ ทรายแก้ว อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ (มรวอ.) กล่าวว่า เนื่องด้วยสถานการณ์ การแพร่ระบาดของไวรัส “โควิด-19 เข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลจึงไม่เพียงพอ ทำให้ต้องมีโรงพยาบาลสนามเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งบริเวณที่ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยก็คือ โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

ซึ่งตอนนี้มีจำนวนผู้ป่วย เต็มพื้นที่ ทำให้ขาดแคลน สิ่งของอุปโภค บริโภคหลายอย่าง ซึ่ง มรภ.วไลยอลงกรณ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้รีบจัดตั้งโรงครัวขึ้น ภายในชื่อ “ด้วยความห่วงใยจากใจวไลยอลงกรณ์ เราจะสู่ covid19 ไปด้วยกัน”  โดยได้จัดทำข้าวกล่อง วันละ 400 กล่อง จัดส่งถึง 30 เมษายน (เบื้องต้น) ส่งมอบให้ที่ รพ. สนามธรรมศาสตร์ เพื่อให้เพียงพอกับจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ และ ผู้ป่วยที่มาพักรักษาอาการ ทั้งนี้หากท่านใดมีความประสงค์ จะร่วมบริจาค น้ำดื่ม นม น้ำผลไม้ ขนมขบเคี้ยว ทิชชู หรือของอุปโภคอื่น ๆ สามารถนำมามอบได้ที่อาคารศูนย์ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ (โรงแรมของมหาวิทยาลัย) ได้ โดยทางมหาวิทยาลัยจะได้รวบรวมและส่งมอบไปยัง รพ.สนามธรรมศาสตร์ ต่อไป อธิการบดีกล่าว


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ  ขาวขำ รายงาน

ชลบุรี - ตำรวจพัทยาติดโควิด 1 นาย กักตัว 10 นาย หลังตรวจเชิงรุก

รองผู้กำกับพัทยาฯ เผย มีตำรวจในสังกัด ติดโควิด 1 นาย ส่วนอีก 10 นาย เป็นกลุ่มเสี่ยงสูง ต้องกักตัว แจงพี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนกยังเปิดให้บริการตามปกติ ภายใต้มาตรการควบคุมเชื้อไวรัสโควิด-19

วันที่ 19 เมษายน 2564ตามที่ เมื่อวันที่ 18 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทาง สภ.เมืองพัทยา นำโดย พ.ต.ท.สมพล นาคขำพันธุ์ รอง ผกก.ส.รรท.ผกก.สภ.เมืองพัทยา ได้ทำหนังสือชี้แจง กรณีข้าราชการตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยได้รับผลตรวจยืนยันจาก โรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ซึ่งขณะนี้เป็นผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมสำรวจข้าราชการตำรวจที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะได้รับเชื้อจากผู้ป่วย เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อ เบื้องต้นพบว่า มีผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยประมาณ 40 ราย โดยสั่งการให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงกักตัว และไปตรวจหาเชื้อไวรัส พร้อมเฝ้าดูอาการตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด จากการสัมภาษณ์ พ.ต.ท.สุรเดช นามโยธา รอง ผกก.ป.สภ.เมืองพัทยา ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ โดยเปิดเผยว่า เบื้องต้นให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูงจำนวน 10 นาย ไปตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมรายงานผลให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่และกักตัว เฝ้าดูอาการที่บ้านพักของตนเอง หรือบ้านพักของทางราชการ เว้นระยะห่างใส่หน้าการอนามัย สังเกตอาการ 14 วัน โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเคร่งครัด ให้สามารถติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ ทางไลน์ หรือช่องทางอื่น ๆ ได้ตลอดเวลา หากจะต้องสอบถามงานที่ตนเองปฏิบัติหน้าที่ประจำ ทั้งนี้หากตรวจพบข้าราชการตำรวจกลุ่มเสี่ยงสูงทั้ง 10 นาย ที่ต้องกักตัว ไม่ปฏิบัติตามมาตรการการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 จะพิจารณาโทษทางวินัยต่อไป

ในส่วนของโรงพักพัทยา ได้ทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ไปแล้ว 2 รอบ ทุกซอกทุกมุม ทุกพื้นที่ที่ให้บริการประชาชน จึงฝากถึงพี่น้องประชาชนอย่าตื่นตระหนก โรงพักพัทยายังเปิดให้บริการตามปกติ เพราะได้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันของโควิด-19 อย่างดีอยู่แล้ว สามารถเชื่อมั่นและมาใช้บริการได้ตามปกติ


ภาพ/ข่าว  อนันต์ สุขวัฒนะ เอกชัย สุขวัฒนะ  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค พัทยา จ.ชลบุรี

ยะลา – แรงงานไทยติดค้างในมาเลเซียที่อยู่แบบผิดกฎหมายทยอยเดินทางกลับประเทศ ก่อนทางการขีดเส้นตายวันที่21 เม.ย.นี้

แรงงานไทยและคนไทยที่ติดค้างในประเทศมาเลเซียที่วีซ่าขาดหรืออยู่แบบผิดกฎหมายจำนวน30 คนทยอยเดินทางกลับประเทศทางด่านพรมแดนเบตง อ.เบตง จ.ยะลา โดยจะเปิดรับคนไทย 2 กลุ่มนี้  2 วันตั้งแต่วันที่19เม.ย.และวันที่ 21เม.ย.64 โดยจะมีการคัดกรองโควิดชั้นสูงสุดและผู้ที่เดินทางเข้ามาจะต้องกักตัว14วัน หลังจากที่มาเลเซียขีดเส้นตายให้ชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศเกินระยะเวลาที่กำหนดต้องเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียให้หมดภายในวันที่ 21 เมษายนนี้จากมาตรการป้องกันโควิด-19 ของประเทศมาเลเซีย

เมื่อเวลา 08.00น.วันที่ 19 เม.ย.64 ที่ด่านพรมแดนเบตง  อ.เบตง จ.ยะลา  ภายหลังเจ้าหน้าที่ทั้งสองประเทศเปิดประตูด่านพรมแดนเพื่อเปิดรับกลุ่มคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียและวีซ่าขาดหรืออยู่เกินระยะเวลาที่กำหนดรวมถึงกรณีอาศัยแบบผิดกฏหมาย ทยอยเดินทางกลับประเทศไทยอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นวันแรกที่คนไทยกลุ่มนี้จำนวน 30 คน

โดยทางการทั้งสองประเทศจะเปิดให้เดินทางกลับประเทศ 2 วันคือ วันที่ 19 และวันที่ 21 เมษายน โดยเฉพาะวันนี้มีคนไทยเดินทางกลับจำนวน30 คน ผ่านพรมแดนเบตง ซึ่งมาจากที่ประเทศมาเลเซียจะทำการประกาศขีดเส้นตายให้ชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศที่มีอายุเกินระยะเวลาที่กำหนดต้องเดินทางออกจากประเทศมาเลเซียให้หมดภายในวันที่ 21 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นมาตรการที่มีผลพวงมาจากการระบาดของโควิด-19 ในมาเลเซีย อย่างต่อเนื่องและก่อนหน้านี้ได้มีการผ่อนผันมาหลายครั้งและให้คนแจ้งความจำนงค์เดินทางกลับประเทศไทยก่อนที่จะทำการผลักดันคนไทยกลับประเทศภายในวันที่ 21 เมษายนนี้

สำหรับกลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซียทุกคนจะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองโควิด-19 จากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่มาเลเซีย ส่วนกรณีกลุ่มเสี่ยงเป็นไข้จะถูกคัดแยกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลทันทีซึ่งมีรถพยาบาลฉุกเฉินมาเตรียมพร้อมที่ด่าน  ส่วนอาการปกติก็จะส่งไปกักตัวที่ศูนย์กักกัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่รัฐจัดให้

สำหรับคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซียอย่างถูกต้อง  นอกเหนือจากกลุ่ม 2 นี้ ยังคงสามารถลงทะเบียนเดินทางกลับประเทศทางด่านพรมแดนเบตงได้สัปดาห์ละ3 วัน คือ วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง  


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top