Saturday, 21 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

‘ตม.-สตูล’ จับกุมเครือข่ายลักลอบนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทยกระทำความผิดกฎหมายและก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวกับคนไทยหรือต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด    

                

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ, พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.ท.ยศพร มาศรีนวล รอง ผกก.ตม.จว.สตูล พร้อมด้วย ว่าที่ พ.ต.ท.หญิง กุลนิดา ศุภสิทธิกุลชัย สว.ตม.จว.สตูล ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจ ดังนี้...

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้ดูแลโรงแรมแห่งหนึ่งว่า มีบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 6 คน เข้าพักที่โรงแรมฯ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สตูล ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ละงู, หน่วยงานความมั่นคง, เจ้าหน้าที่สาธารณะสุข ควบคุมตัวคนต่างด้าวทั้งหมดไปกักตัว ณ สถานกักตัว Local Quarantine ตามมาตรการการป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ Covid-19

จากนั้นจึงได้สอบปากคำคนต่างด้าว ทราบว่าคนต่างด้าวทั้งหมดเดินทาง เข้ามาในประเทศไทยโดยใช้เส้นทางธรรมชาติ บริเวณเกาะสอง จ.ระนอง ต้องการเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย โดยมีรถกระบะมารับคนต่างด้าวทั้งหมดที่ บริเวณสวนสาธารณะในตัวเมือง จ.ระนอง และเดินทางมาถึง อ.ละงู จ.สตูล โดยมีคนไทยซึ่งเป็นผู้นำพาคนต่างด้าวทั้งหมดเข้าพักที่โรงแรมฯ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดทราบว่า มีรถยนต์สองคันนำพาคนต่างด้าวเข้าพักโดยรถคันแรกขับนำทางเข้ามายังโรงแรม โดยมี นายหมัดยอหนน อายุ 62 ปีเป็นผู้ขับขี่ และเป็นผู้ดำเนินการเปิดห้องพักให้คนต่างด้าวเข้าพัก 

ส่วนคนต่างด้าวทั้งหมดและคนขับรถยนต์คันที่สองอยู่ในรถ และไม่ได้ลงจากรถแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงนำภาพทะเบียนรถที่ได้ไปตรวจสอบหาผู้ครอบครองและทราบว่ารถยนต์คันที่สองเป็นรถของนายหมาดเหยด อายุ 62 ปี มีถิ่นที่อยู่ในพื้น จ.ระนอง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลโดยสอบปากคำนายหมาดเหยดฯ ให้การว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นของตนจริง แต่ได้มอบให้นายสุรศักดิ์ ซึ่งเป็นลูกเขยของตนไว้ใช้งานมาประมาณ 3 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมข้อมูลและนำภาพนายสุรศักดิ์ฯ มาให้คนต่างด้าวทั้งหมดชี้ตัว โดยทั้งหมดยืนยันว่านายสุรศักดิ์ เป็นผู้ขับรถกระบะคนดังกล่าวไปรับตนที่สวนสาธารณะในตัวเมือง จ.ระนอง และนำพาพวกตนเดินทางมายัง อ.ละงู จ.สตูล จริง เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดสตูลอนุมัติออกหมายจับนายสุรศักดิ์ฯ ที่ จ.107/2564 โดยกล่าวหาว่า “กระทำการด้วยประการใด ๆ อันเป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าว เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผ่าฝืนกฎหมาย”

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เรียกตัว นายหมัดยอหนนฯ ให้ปากคำเพิ่มเติมพร้อมทั้งรับทราบข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ แก่คนต่างด้าวซึ่งรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย”

เจ้าหน้าที่สภ.ราชกรูด จ.ระนอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ สภ.ละงู จับกุมตัวนาย สุรศักดิ์ฯ พร้อมนำรถยนต์ของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุ นำส่ง พงส.สภ.ละงู จากการสอบสวนนายสุรศักดิ์เพิ่มเติม นายสุรศักดิ์ฯ ให้การซักทอด น.ส.ไซด้า หรือดา สัญชาติเมียนมา ว่าเป็นผู้จ้างวานตน โดยคิดค่าจ้างเป็นเงิน 5,000 บาทต่อคน และจ่ายเงินมัดจำ 10,000 บาทก่อน ส่วนอีก 10,000 บาท ที่เหลือจะให้เมื่องานสำเร็จ เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดสตูลอนุมัติออกหมายจับ น.ส.ไซด้าฯ จาก ที่ จ.109/2564 โดยกล่าวหาว่า “กระทำการด้วยประการใดๆ อันเป็นการอุปการหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผ่าฝืนกฎหมาย” ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างสืบสวนติดตามจับกุมตัว น.ส.ไซด้า หรือดา มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สรุปผลการปฏิบัติในการบูรณาการทลายในเครือข่ายนี้ สามารถออกหมายจับผู้นำพาบุคคลต่างด้าวผิดกฎหมายหลบหนีเข้าเมืองได้ จับกุมได้จำนวน 1 คน และแจ้งข้อกล่าวหา จำนวน 1 คน อยู่ในระหว่างติดตามตัวเพื่อมาดำเนินคดี จำนวน 1 คน และสามารถจับกุมบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองสัญชาติเมียนมา ได้ จำนวน 6 คน

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับและมีเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ปทุมธานี - สวรรค์มีตา !! เขาทราย-น้องหนึ่ง ได้โชค หลังจิตอาสาแชมป์โลก ครบหนึ่งเดือนพอดี

เขาทราย แกแล็คซี่ พร้อม "น้องหนึ่ง" วรรณภา ขำบุญศรี ภรรยาคู่ใจ หลังร่วมอุทิศตนจิตอาสา นำทีม ชมรมวีรบุรุษแชมป์โลกไทย ตระเวณมอบอาหาร น้ำดื่ม มอบคณะแพทย์โรงพยาบาลสนาม ครบหนึ่งเดือนเต็ม แถมต่อซีซั่นสองอีกหนึ่งเดือน ล่าสุดยังได้โชคถูกเลขท้ายสองตัว เป็นขวัญกำลังใจ

กิจกรรม โครงการมอบข้าวกล่อง น้ำดื่ม ให้ทีมแพทย์ เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลสนาม ดูแลผู้ป่วยโควิด ผ่านวิกฤติไปด้วยกัน ภายใต้การสนับสนุนหลักของ นายนริส สิงหวังชา เจ้าของไอเดีย โดยมี เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมเปียนโลกขวัญใจชาวไทยตลอดกาล รวมทั้ง "น้องหนึ่ง" นางวรรณภา ขำบุญศรี ภรรยาคู่ใจ ตลอดจนอดีตแชมป์โลก ในนามชมรมวีรบุรุษแชมป์โลกไทย ดำเนินกิจกรรมครบหนึ่งเดือนเต็ม ตามเป้าหมายแรกเริ่ม

ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 64 มีการต่อยอดโครงการออกไปอีกหนึ่งเดือน เริ่มวันนี้เป็นวันแรก โดยเขาทราย พร้อมทีมงาน และ ศิริมงคล สิงห์วังชา อดีตแชมป์โลก กับ "ป๋าไฝ" นายมานพ เอี่ยมท้วม บิดา ,และ คุณสุกานดา มิตรศาสตร์ ช่วยดูแลเป็นธุระเรื่องการจัดส่งอาหารในซีซั่น 2 นำเสบียงไปมอบที่ โรงพยาบาลธัญบุรี (คลอง 6) จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนาม ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด มีข้าวไก่ผัดพริกแกง 100 กล่อง น้ำดื่ม 20 แพ็ค

จากรายนามผู้สนับสนุน ได้แก่ นายนริส สิงห์วังชา มอบทุนทรัพย์ 30,000 บาท เพื่อต่อยอดโครงการ ข้าวกล่องแชมป์โลกซีซั่น 2 ,สนับสนุนเสื้อของชมรมวีรบุรุษแชมป์โลก โดยคุณสุภชัย ฉัตรทัน กรรมการผู้จัดการ บ.ออก้า สปอร์ต ,ยอดสนั่น ศิษย์ยอดธง พร้อมด้วย นายโอเล็กซ์ กาบาลีนอฟ และ นาย อันตน ซาฟคอฟ เป็นตัวแทนจากสหพันธ์แฮนด์ทูแฮนด์ หรือ(ศิลปะการต่อสู้แบบประชิดตัวจากประเทศรัสเซีย) ร่วมสนับสนุนทุนทรัพย์ รวม 6,000 บาท เพื่อต่อยอดโครงการข้าวกล่องแชมป์โลกซีซั่น 2 (โครงการข้าวกล่องที่จะเดินหน้าต่อไปตั้งแต่ วันที่ 16 มิถุนายน 2564 - 15 กรกฎาคม 2564 )  และบริจาคน้ำดื่มอีก 50 แพ็ค , น้ำดื่ม แบบแพ็ครวมทั้งหมด 600 แพ็ค จากพรสวรรค์ ป ประมุข และศูนย์การเรียนรู้มวยไทยต้านภัยยาเสพติดหมู่บ้านพระปิ่น 3 และชาวตลาดนัดแสงจันทร์ถาวร และคุณศิวาพร เตชะวัฒนา และ นายอนุศักดิ์  พัววรานุเคราะห์ รองประธาน ศูนย์การเรียนรู้มวยไทยต้านภัยยาเสพติด หมู่บ้านพระปิ่น 3 ร่วมสมทบน้ำดื่ม 1,000 บาท

ในวันนี้มี คุณศศิภา อริสริยวงศ์ และ คุณศรีประไพ เต่งภาวะดี นางพยาบาล เป็นตัวแทนรับมอบในนาม โรงพยาบาลธัญบุรี (คลอง 6) เป็นตัวแทนรับมอบ

นอกจากนี้ในช่วงเย็น ยังมีข่าวว่า เขาทราย และ น้องหนึ่ง ภรรยา ถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล 17 เป็นรางวัล เลขท้ายสองตัว จำนวนหนึ่งอีกด้วย ยังความปลาบปลื้มให้กับสองสามีภรรยา ซึ่งเชื่อว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะจิตกุศลผลบุญที่ตนทั้งสองร่วมอุทิศแรงกาย แรงใจให้กับกิจกรรมจิตอาสาของ ชมรมวีรบุรุษแชมป์โลกไทย ในการช่วยเหลือสังคมนั่นเอง

น้องหนึ่ง เผยอีกว่า เงินรางวัลที่ได้จากโชคนี้ เราทั้งสองได้นำไปขึ้นเงินและสมทบซื้อกล่อง อุปกรณ์ เพื่อเตรียมไว้นำไปใส่อาหารมอบให้ทีมแพทย์ทั้งหมดอีกด้วย

นครพนม - อบจ.นครพนม ร่วมกับ ร.3 พัน.3 ส่งมอบบ้านให้กับผู้ยากไร้ ยากจน และด้อยโอกาส ในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ตำบลบ้านเอื้อง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ,ร้อยเอก วันดี สีนวล นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 ผู้แทน พันโท ศรณณัฐ นวลมณี ผบ.ร.3 พัน 3 และส่วนราชการในพื้นที่ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

ส่งมอบบ้านเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ให้กับนายทองสูรย์ ภักดี บ้านเลขที่ 83 หมู่ที่ 12 บ้านดอนถ่อน ตำบลบ้านเอื้อง อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม

การดำเนินโครงการก่อสร้างบ้านเฉลิมพระเกียรติ ฯ เป็นการบูรณาการจากทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันแสดงความจงรักภักดี โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม ร่วมกับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 และองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเอื้อง อำเภอศรีสงครามฯพร้อม เป็น 3 หน่วยงานหลัก ในการขับเคลื่อนและดำเนินการก่อสร้างบ้านสำหรับประชาชนผู้ยากไร้ ยากจน และด้อยโอกาส เป็นผู้คัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมและจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือ

กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง และองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้าง ซึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ได้กำหนดการก่อสร้างบ้านเฉลิมพระเกียรติฯ จำนวน 10 หลัง และในการส่งมอบบ้านให้กับบ้านหลังนี้เป็นหลังที่ 7 ที่ได้รับมอบบ้านให้อยู่อาศัย เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ให้คงอยู่สืบไปชั่วลูก ชั่วหลานต่อไป


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

โรนัลโด้ เอฟเฟ็กต์! หุ้น ‘โค้ก’ ร่วง 3 วันติด มูลค่าวูบกว่า 2 แสนลบ.

ยังคงส่งผลอย่างต่อเนื่อง กรณีที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงตัวเก่งกัปตันทีมชาติโปรตุเกส ที่สร้างปรากฎการณ์ ขยับขวด โคคา-โคล่า ออกระหว่างการแถลงข่าว จนกลายเป็นไวรัลไปทั่วโลก

ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวทำให้ส่งผลเสียเชิงลบต่อแบรนด์ โคคา-โคล่า ทันที จากการรายงานของ มาร์ก้า สื่อยักษ์ใหญ่แดนสเปน โดยสื่อเจ้าดังอ้างว่าหลังคลิปดังกล่าว ได้มีการนำเสนอไปทั่วโลกเพียงแค่ 30 นาที ราคาหุ้นของ โคคา-โคล่า ก็ตกฮวบอย่างน่าใจหาย

โดยมาร์ก้า ระบุว่า ทันทีที่ตลาดหุ้นในยุโรปเปิดตัวในเวลา 15.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) หุ้นของบริษัท โคคา-โคล่า ในตลาด ลดลงมากถึง 1.6% จากราคาปิดตลาดวันก่อน ทำให้ส่งผลให้มูลค่าบริษัท (มาร์เก็ตแคป) จาก 242,000 ล้านเหรียญ ลดลงเหลือ 238,000 ล้านเหรียญ มูลค่าหายไปถึง 4 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 1.25 แสนล้านบาท)

แม้ว่าในระหว่างวันซื้อขายราคาหุ้นจะขยับขึ้นมาปิดตลาดได้ติดลบน้อยลง แต่ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 14-16 มิถุนายน ที่ผ่านมาหุ้นของบริษัท โคคา-โคล่า ยังร่วงต่อเนื่องรวมแล้วกว่า 2.65% เหลือมูลค่า 235.7 พันล้านเหรียญ ( 7.37 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นมูลค่าที่หายไปถึง 6.4 พันล้านเหรียญ คิดเป็นเงินไทยกว่า 2 แสนล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ตลาดเงินตลาดทุน ตั้งแต่ต้นปีนี้ หุ้นของบริษัท โคคา-โคลา ขยับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จาก 48 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ขึ้นมาเป็น 56.48 เหรียญต่อหุ้น ทำจุดสูงสุดในรอบปี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนที่ราคาหุ้นจะค่อยๆ ย่อลงมา เนื่องจากความกังวลของตลาดหุ้น เกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะมาเร็วกว่าที่คาดไว้ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงติดต่อกันหลายวัน ประจวบเหมาะกับซุปเปอร์สตาร์ชาวโปรตุกีส กระทำดังกล่าวยิ่งทำให้ราคาหุ้นร่วงเร็วขึ้น

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา โรนัลโด้ เคยออกมาพูดถึงการไม่ชอบเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาล โดยเผยว่ามักมีปัญหากับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของเขา "บางครั้งผมก็มีปัญหากับเขา เพราะเขาชอบดื่มน้ำอัดลม ผมทะเลาะกับเขาตอนที่กินมันฝรั่งทอด ซึ่งเขารู้ว่าผมไม่ชอบมัน"ด้าน โคคา-โคล่า แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของโลก ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับท่าทางของ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของตัวสินค้า แต่เชื่อว่าพวกเขาไม่น่าจะมีความสุขกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยพวกเขาถือเป็นสปอนเซอร์หลักในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปมาตั้งแต่ปี 1988 เลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อย ที่ตั้งแง่กับ โรนัลโด้ เป็นพวกปากว่าตาขยิบ เพราะเขา เคยเป็นพรีเซนเตอร์ ให้กับเครื่องดื่มและอาหารที่เขามองว่า ‘ไม่ดีต่อสุขภาพ’ ทั้ง โคคา-โคลา และไก่ทอดเคเอฟซี แต่พอได้ดีก็ลืมเพื่อนเก่าซะอย่างงั้น

 


โปรเด็ด! เทหมดตัว มาสด้า 2 และ นิสสันอัลเมร่า ทักเลย! ตอบไว! แอดเลย @TheShopsTimes

คลิก????https://lin.ee/vfTXud9

‘สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์ฯ’ ร่วม ‘กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์’ และมูลนิธิมิราเคิลฯ จัดโครงการ น้ำพระทัยพระราชทาน ทำอาหารเลี้ยงประชาชน ที่เดือดร้อน

สมาคมสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  และมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ จัดแถลงข่าวพิธีเปิดครัวโครงการน้ำพระทัยพระราชทาน จัดเลี้ยงอาหารให้แก่ประชาชน เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนทั่วประเทศในสถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม - 30 มิถุนายน 2564

โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการสลากการกุศล เพื่อนำไปมอบให้แก่ประชาชนในพื้นที่และชุมชนต่างๆ ที่กำลังเดือดร้อน ในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งมี แพทย์หญิงสุวณี รักธรรม รองประธานสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์ฯ กล่าวถึงโครงการน้ำพระทัยพระราชทานและความร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขณะที่ นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ร่วมกล่าวขอบคุณ

ทั้งนี้ภายในงาน นำโดยแพทย์หญิงสุวณี รักธรรม รองประธานสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์ฯ, นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ร้อยตำรวจโท ดร. มนัส โนนุช ประธานมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์, นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะกรรมการอำนวยการสมาคมสภาสังคมสงเคราะห์ฯ และผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยตัวแทนจาก Idol Exchange และศิลปินวงWisdomได้ร่วมพิธีเปิดและประกอบอาหารเมื่อวันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2564 เวลา 13.00 น. ณ  บริเวณกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

โดยในส่วนของตัวแทนจาก Idol Exchange นั้นประกอบไปด้วย…

- กุ้ง-ศรุดา นิ่มพิทักษ์พงศ์

- เหม่เหม-จุฑาภัส จำปาวัน

- เนย-ส.ท.หญิงอาธิติยา แก้วเงิน

- โดนัท-เบญจรัตน์ ไตรยวงศ์

และศิลปินวง Wisdom ประกอบไปด้วย

- นิธินันท์ บัณฑูรประยุกต์

- โชติกา เพียรพัฒนาวิทย์

- พิยดา จังสิริมงคล

- จิราวรรณ แสงจันทร์

- กิตติกา ชละเอม

คุมตัวมือจี้ธนาคารเชียงของทำแผน หลังมอบตัวเช้ามืดและออกหมายจับวันเดียว

ตำรวจเชียงของ นำตัวผู้จัดการฝ่ายชายรถยนต์ มือจี้ชิงทรัพย์ ธนาคาร ในห้าง อ.เชียงของ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังทนแรงกดันไม่ไหวมอบตัวแล้วหลังถูกออกหมายจับเพียง 1 วัน

เวลา 09.45 น.วันที่ 17 มิ.ย. 64 ที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส สาขาเชียงของ จ.เชียงราย  พ.ต.อ.ชัยยุทธ ฉิมพลี ผกก.สภ.เชียงของ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงของ นำตัว นายอุทิศ เสกสันติสกุล อายุ 32 ปี ชาว ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพการจี้ชิงเงินสดที่ธนาคารกรุงเทพฯ สาขาโลตัสเชียงของ  หลังจากเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อเวลาประมาณ 05.30 น.ที่ผ่านมา  โดยมีประชาชนพากันมามุงดูดเป็นจำนวนมาก

โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.ชัยยุทธ ฉิมพลี ผกก.สภ.เชียงของ ได้รับการประสานจากผู้ใหญ่บ้านเวียงหมอก หมู่ 10 ต.ห้วยซ้อ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เพื่อนำนายอุทิศ เสกสันติสกุล อายุ 32 ปี เข้ามอบตัว ซึ่งนายอุทิศ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเทิง ที่ 84/2564 ในข้อหาชิงทรัพย์ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส อ.เชียงของ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมเงินสดประมาณ 100,000 บาทโดยนายอุทิศ ได้นำเสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ในวันก่อเหตุ และของกลางต่าง ๆ ที่ใช้ มามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ เพื่อเปรียบเทียบกับภาพจากกล้องวงจรปิดและการชี้ตัวของพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ 

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายอุทิศ เป็นผู้จัดการขายรถยนต์อยู่ใน จ.เชียงใหม่ แต่ประสบปัญหาทางการเงินจึงได้ลงมือก่อเหตุ หลังจากนั้นได้ได้หลบหนีไปอยู่ที่บ้านญาติภายในชุมชนห้วยปลากั้ง อ.เมืองเชียงราย แต่ทางญาติทราบข่าวการออกหมายจับ จึงได้เดินทางมาที่บ้านเวียงหมอกตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมาเพื่อไปหา ภรรยาและผู้ใหญ่บ้านเพื่อให้พาไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่


ภาพ/ข่าว  ณัฐวัตร ลาพิงค์ / เชียงราย

นราธิวาส – รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ มอบรถเข็นวีลแชร์ ให้แก่ผู้ป่วยและผู้พิการในพื้นที่

พันเอกนายแพทย์ โชคชัย ขวัญพิชิต รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ อำเภอสุไหงปาดีและอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจ พร้อมมอบรถเข็นวีลแชร์ ให้แก่ผู้ป่วยและผู้พิการในพื้นที่ จำนวน 6 ราย ได้แก่

1. นางเอียด ปิ่นพรม อยู่บ้านเลขที่ 63 ม.6 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส 2 น.ส.สาลีนา เจะอับดุลเลาะ อยู่บ้านเลขที่ 171 ม.5 ต.กาวะ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส 3 นางเจ๊ะเต๊าะ เจ๊ะโซะ อยู่บ้านเลขที่ 36/2 ม.1 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส 4 นายมะอาสมี มือลี อยู่บ้านเลขที่ 75 ม.1 ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส 5 นายไหล คงรังษี อยู่บ้านเลขที่ 32 ม.2 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส 6 นางนุ้ย คงแสง อยู่บ้านเลขที่ 23 ม.2 ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เป็นผู้ป่วยโรคพาร์กินสันซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากโฆษกชาวบ้าน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านและพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี

พันเอกนายแพทย์ โชคชัย ขวัญพิชิต รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นภารกิจของศูนย์อำนวยการแพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำงานและประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในพื้นที่ ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่มีความยากลำบากในการใช้ชีวิต เป็นผู้ป่วยผู้พิการที่ต้องการกายอุปกรณ์เพื่อให้การดำเนินชีวิตมีคุณภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการสำรวจความต้องการ ความลำบากของผู้ป่วยผู้พิการในแต่ละชุมชน เพื่อมาเยี่ยมเยียนรวมถึงมอบอุปกรณ์ที่จำเป็นให้

ซึ่งผู้ป่วยและผู้พิการที่ได้รับมอบรถเข็นวีลแชร์ในวันนี้ต่างรู้สึกดีใจและซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากที่ทางหน่วยงานภาครัฐไม่ทอดทิ้งประชาชน


ภาพ/ข่าว  แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

16 พม่าเถื่อน มุดลวดหนามช่องทางธรรมชาติ หลบหนีเข้าประจวบฯ

วันที่ 16 มิถุนายน นายภิรมย์ เรืองโรจน์ ผู้ใหญ่บ้านหนองเป็ดหงส์ หมู่ 11 ตำบลอ่าวน้อย อำเภอเมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ รับแจ้งจากชาวบ้านที่ไปหาปลา บริเวณอ่างเก็บน้ำพบต่างด้าวชาวพม่าชาย-หญิง 16 คนพร้อมกระเป๋าสัมภาระ หลบซ่อนตัวห่างจากแนวเทือกเขาตะนาวศรี ชายแดนไทยพม่าประมาณ 10 กิโลเมตร หลังรับแจ้งจึงสนธิกำลังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ ชรบ.พื้นที่หมู่บ้านชายแดน ร่วมกันตรวจสอบ พร้อมรายงานให้ฝ่ายปกครองอำเภอรับทราบ จากนั้นร่วมกันจับกุมแรงงานเถื่อน ควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สภ.อ่าวน้อย โดยประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจหาเชื้อโควิด-19 มีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ติดตามข้อมูลการจับกุมที่โรงพัก ก่อนส่งชาวพม่าทั้งหมดไปกักตัว 14 วันที่กองร้อย ตชด.146 ด่านสิงขร ต.คลองวาฬ อ.เมืองฯ

ตรวจสอบชาวพม่าหลบหนีเข้าเมือง มีชาย 9 ราย หญิง 7 ราย อายุระหว่าง 20-40 ปี ส่วนผู้นำพาเป็นชาวพม่า 2 ราย วิ่งหลบหนีไปได้พร้อมกับแรงงานเถื่อนอีกกว่า 20 คน สำหรับผู้ถูกจับกุมทั้งหมดสารภาพว่าเดินทางมาจากประเทศพม่า ทั้งเมืองย่างกุ้ง เมืองตะแว เมาะลำไย เมียวดี และ มะริด อาศัยจังหวะหลบหนีเข้าไทยในวันหวยออก เนื่องจากเชื่อว่าการป้องกันพื้นที่ชายแดนหละหลวม ไม่มีเจ้าหน้าที่ทหาร ตชด. เดินลาดตระเวน โดยก่อนหน้านี้ไปพักรวมพลที่บริเวณโรงน้ำแข็ง บ้านมูด่อง ก่อนเดินเท้าฝ่ารั้วลวดหนาม 3 ชั้น ข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติมาฝั่งไทย เพื่อไปทำงานที่แพกุ้ง โรงงานปลากระป๋อง จ้างทำงานก่อสร้างที่ จ.สมุทรสาคร เสียค่าเดินทางให้กับนายหน้าค้าแรงงานเถื่อนตามระยะทางถึงชายแดน ตั้งแต่ 15,000 - 20,000 บาท บางรายจ่ายค่าเดินทางให้นายหน้าพม่าที่ด่านสิงขร หรือจ่ายส่วยเมื่อไปถึงโรงงานปลายทาง ขณะที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการจับกุมแรงงานด่างด้าวเถื่อนในรอบ 3 เดือน ไม่มีการขยายผลเพื่อจับกุมนายหน้าคนไทยและชาวพม่าแม้แต่รายเดียว


ภาพ/ข่าว  นิพล ทองเก่า ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวสยามโฟกัสไทม์ / 4เหล่าทัพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

ชลบุรี - ฐานทัพเรือสัตหีบ นำกำลังพลพร้อมอุปกรณ์ ขุดลอกคูคลองเปิดทางระบายน้ำ แก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังบริเวณโรงสิงห์สมุทร

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.64 พลเรือโท อนุชาติ อินทรเสน ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ การปฎิบัติงานของกำลังพล ซึ่งได้ร่วมกันนำอุปกรณ์ ขุดลอกคูคลองบริเวณโรงเรียนสิงห์สมุทร หลังปั้มน้ำมันบางจากแยกสัตหีบ เนื่องจากมีเศษกิ่งไม้ ใบหญ้า และวัชพืชขึ้นรกทำให้ทางระบายน้ำไม่สะดวก เกิดน้ำท่วมขังบริเวณทางเข้าโรงเรียนสิงห์สมทุร หลังกิจการสถานีบริการยานยนต์ (ปั๊มน้ำมันบางจาก)

โดยทางฐานทัพเรือสัตหีบ จัดกำลังพลพร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ ได้แก่ รถแบ็คโฮ รถบรรทุก ดำเนินการขุดลอกคูคลอง ทางระบายน้ำ กำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเป็นการเปิดทางระบายน้ำให้ไหลออกจากพื้นที่บริเวณโรงเรียนสิงห์สมุทรซึ่งเป็นเขตต่อเนื่องระหว่าง ฐานทัพเรือสัตหีบ และหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ได้สะดวกยิ่งขึ้น เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังซึ่งเกิดจากการระบายน้ำไม่ทันในช่วงฤดูฝน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการคมนาคมของประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนข้าราชการ นักเรียนโรงเรียนสิงห์สมุทร บริเวณพื้นที่แยกสัตหีบ ถนนสุขุมวิท และเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ฤดูฝน และการเปิดภาคเรียนของโรงเรียนสิงห์สมุทร

ในการนี้ นาย คงเดช โชติจำลอง ผู้อำนวยการโรงเรียนสิงห์สมุทร ซึ่งได้เดินทางมาให้การต้อนรับพร้อมคณะครูโรงเรียนสิงห์สมุทร กล่าวว่า เนื่องจากพื้นที่ตรงบริเวณนี้มีขยะ เศษไม้ และวัชพืชทับถมมาเป็นเวลานานหลายปี จึงทำให้เกิดการอุดตัน กีดขวาง ทางระบายน้ำ น้ำระบายไม่ทัน เวลาฝนตกจึงทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง จึงขอขอบคุณฐานทัพเรือสัตหีบ โดย พลเรือโท อนุชาติ อินทรเสน ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ ที่จัดกำลังพลพร้อมด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ มาร่วมพัฒนา ขุดลอกคูคลอง เปิดทางระบายน้ำ จะทำให้แก้ปัญหาน้ำท่วมได้ต่อไป


ภาพ/ข่าว สมนึก เชื้อสนุก

ยังมีเวลา! คนละครึ่ง เฟส 3 ลงทะเบียนรับสิทธ์แล้วกว่า 24 ล้านคน

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของการลงทะเบียนรับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ของประชาชน ว่า จากการเปิดลงทะเบียน 2 วันแรก มีประชาชนลงทะเบียนแล้วจำนวน 24.14 ล้านคน โดยประชาชนยังสามารถลงทะเบียนได้อย่างต่อเนื่องทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. จนกว่าจะครบ 31 ล้านคน โดยผู้ที่เคยรับสิทธิโครงการของรัฐสามารถลงทะเบียนได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง หรือจะลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง.com และสำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการของรัฐเลยสามารถลงทะเบียนผ่าน www.คนละครึ่ง .com

สำหรับการลงทะเบียนร้านค้าคนละครึ่ง ระยะที่ 3 มีผู้ประกอบการร้านค้าใหม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วจำนวน 51,221 ราย และร้านค้าเดิมที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 1 และ 2 ที่คาดว่าจะยืนยันเข้าร่วมโครงการครั้งนี้จำนวน 1.2 ล้านราย 

ทั้งนี้รัฐบาลได้เปิดให้ร้านค้าที่คุณสมบัติเป็นไปตามที่โครงการกำหนด ได้แก่ ร้านค้าทั่วไป ผู้ประกอบการบริการนวด สปา ทำผม ทำเล็บ ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะ ที่มีสัญชาติไทยไม่เป็นนิติบุคคลและไม่เป็นธุรกิจแฟรนไชส์ ผู้ประกอบการของกองทุนหมู่บ้านหรือชุมชนเมืองหรือวิสาหกิจชุมชน ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น และผู้ให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะ สนใจเข้าร่วมลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป เวลา 06.00 น.-22.00 น. โดยผู้ที่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นของรัฐที่มีแอปพลิเคชัน ถุงเงินแล้ว สามารถกดปุ่มเข้าร่วมโครงการได้ผ่านแอปฯ ถุงเงิน ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการ/โครงการอื่นให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com หรือลงทะเบียนผ่านทางสาขา หรือจุดรับลงทะเบียนของธนาคารกรุงไทย 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top