Saturday, 21 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

พิธีเปิดโครงการฝึกอบรมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านการอำนวยความสะดวก และให้บริการแก่นักท่องเที่ยว

วันนี้ (16 มิ.ย. 2564) เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวในฐานะโฆษกของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้เปิดเผยว่า กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวได้จัดให้มีการฝึกอบรมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว (แบบออนไลน์) ณ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดยโครงการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้อาสาสมัครเหล่านี้มาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเหลือตำรวจท่องเที่ยวดูแลนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ และในโอกาสนี้ กองบัญชาการตำรวจตำรวจท่องเที่ยวได้รับเกียรติจาก นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา มาเป็นประธานเปิดพิธีด้วย

​โดยก่อนการเปิดฝึกอบรมอย่างเป็นทางการนั้น พล.ต.ท.นิทัศน์ ลิ้มศิริพันธ์ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้กล่าวรายงานว่า เพื่อให้การอำนวยความสะดวก การคุ้มครอง การรักษาชีวิตและความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องต่อนโยบายขององค์การการท่องเที่ยวโลก อันเป็นการเตรียมการในช่วงเวลาแห่งการซ่อมและสร้าง เพื่อรองรับการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวกลับมาในอนาคต จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกำลังพลภาคประชาชนที่มีทัศนคติที่ดีต่อการท่องเที่ยว และมีจิตใจอาสามาช่วยตำรวจท่องเที่ยวดูแลนักท่องเที่ยว ซึ่งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ได้คัดเลือกผู้ที่มีความประพฤติดีและมีจิตอาสาที่จะช่วยเหลือประเทศทั้งชาวไทยและต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทยมากกว่า 2,000 คน ครอบคลุมทั่วทุกจังหวัดของประเทศไทยมาเข้ารับการฝึกอบรมในครั้งนี้

​และหลังจากที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รับคำกล่าวรายงานจากผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแล้ว ได้กล่าวเปิดพิธีการฝึกอบรมอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ และกล่าวขอบคุณกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวและอาสาสมัครทุกคนที่จะเป็นกลไกที่สำคัญยิ่งต่อการเตรียมการและการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเปิดให้นักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วเดินทางเข้ามาเที่ยวจังหวัดภูเก็ตที่จะเริ่มในวันที่ 1 กรกฎาคม จนถึง 30 กันยายน 2564 นี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตำรวจท่องเที่ยวและอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวทุกคนจะร่วมเป็นกำลังใจ และเป็นกำลังสำคัญส่งเสริมสนับสนุนให้การเปิดประเทศที่เริ่มต้นที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ ประสบความสำเร็จ นำร่องการเปิดประเทศของจังหวัดท่องเที่ยวอื่น ๆ ต่อไป

รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬาฯ ยังกล่าวอีกด้วยว่า การท่องเที่ยวเป็นแหล่งผลิตรายได้ที่สำคัญอย่างยิ่งของประเทศ โดยหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไม่สามารถนำการท่องเที่ยวไปสู่ความสำเร็จสูงสุดได้ หากไม่ได้รับความร่วมมืออย่างพร้อมเพรียงกันและไปในทิศทางเดียวกันจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนทุกฝ่ายแบบบูรณาการ และด้วยการทำงานแบบมืออาชีพของตำรวจท่องเที่ยว และอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวทุกคนที่ผ่านการฝึกอบรมในครั้งนี้ เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า จะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการผลักดันให้การท่องเที่ยวไทยกลับมาเป็น Top of Mind ของโลกในที่สุด

​โครงการฝึกอบรมอาสาสมัครครั้งนี้อัดแน่นไปด้วยความรู้ทั่วไปของการท่องเที่ยว กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว การบริการดูแลนักท่องเที่ยวอย่างมืออาชีพและมีประสิทธิภาพ บทบาทและหน้าที่ของอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยว รวมไปถึงการช่วยเหลือรักษาพยาบาลเบื้องต้นให้กับนักท่องเที่ยว โดยวิทยากรที่มีประสบการณ์และความรู้ที่มาบรรยายให้กับอาสาสมัครทุกคน

ผบ.ตร.เข้ม!! สั่งจัดตั้งสถานีส่วนย่อยโค้งดงตาล หาดจอมเทียน หลังนักท่องเที่ยวหนาแน่น และมีชุมชนขนาดใหญ่มาก แต่ห่างไกลจากโรงพักหลัก

ผบ.ตร. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม “สถานีตำรวจสาขาย่อยโค้งดงตาล หาดจอมเทียน” ตามโครงการจัดตั้งสถานีส่วนแยก เพื่อบริการประชาชนอย่างทั่วถึง และลดความแออัด​ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

ไม่นานมานี้​ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบนโยบายให้แก่ คณะทำงานนโยบายการพัฒนางานป้องกันและปราบปราม โดยมี พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน และ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ให้ดำเนินการโครงการจัดตั้งสถานีย่อยส่วนแยก เพื่อกระจายการบริการสู่ประชาชนในพื้นที่ เพื่อลดความแออัดของสถานีตำรวจหลัก ในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่ประชนอย่างทั่วถึง และเมื่อมีเหตุเกิดขึ้นจะเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว

ด้าน​ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 16 มิถุนายน 2564 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปตรวจเยี่ยมและตรวจสอบความพร้อมการเปิดให้บริการ 'สถานีตำรวจภูธรย่อยโค้งดงตาล'​ ถนนเลียบชายหาดจอมเทียน อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นโครงการนำร่องแห่งที่ 2 โดยมี พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2, พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ร่วมรับฟังบรรยายสรุปวัตถุประสงค์ของโครงการ

สำหรับ สถานีตำรวจภูธรย่อยโค้งดงตาล เป็นสถานีตำรวจส่วนแยกของสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา พิจารณาการเลือกพื้นที่ที่มีประชากรและนักท่องเที่ยวหนาแน่น เป็นชุมชนขนาดใหญ่ และห่างไกลจากโรงพักหลักพอสมควร หากมีเหตุฉุกเฉินตำรวจจะใช้เวลานานกว่าจะเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งสถานีตำรวจภูธรย่อยดงตาล เป็นการเพิ่มกำลังการให้บริการประชาชนครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด มีตำรวจให้บริการ แบบครบวงจร ทั้งฝ่ายสอบสวน ฝ่ายป้องกันและปราบปราม ฝ่ายสืบสวน ห้องควบคุมผู้ต้องหา

โดย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังให้คำแนะนำในการติดตั้งอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีระดับสูง เพื่อควบคุมพื้นที่ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดในการป้องกันอาชญากรรม สำหรับประชาชนและนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ยังอยู่ระหว่างหารือกับเมืองพัทยาและทดลองระบบ ในการวางแนวทางจัดทำ Smart City และ Safety Zone เพื่อให้การป้องกันปราบปราม การดูแลนักท่องเที่ยวเกิดประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นใจในการเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวหลักของประเทศมากขึ้นโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ระหว่างตรวจเยี่ยม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังให้คำแนะนำในการสรรหาอาสาสมัครตำรวจที่มีมาตรฐาน เพื่อมาช่วยงานตำรวจ โดยกำหนดมาตรฐานทั้งในเรื่องการทำงานร่วมกับตำรวจ การกำหนดเครื่องแบบ เครื่องอุปกรณ์ ให้มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระงาน และเพิ่มปริมาณบุคลากรที่ช่วยเหลืองานตำรวจที่ได้ทั้งปริมาณ และคุณภาพที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการจัดตั้งสถานีส่วนแยก จะได้ขยายการดำเนินการไปในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อการให้การบริการ และการควบคุมสถานการณ์ด้านอาชญากรรมที่ครอบคลุม เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งในด้านการป้องกันและการปราบปรามอาชญากรรม

 

ร้องผู้ว่าฯ ช่วยเหลือชาวบ้านเดินทางยื่นหนังสือ ถูกฝูงช้างป่าทำลายพืชสวน นับวันจะทวีความรุนแรง

ชาวบ้านตำบลสาริกากว่า 20 คน เดินทางยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เพื่อหาทางช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกฝูงช้างป่าบุกทำลายพืชสวนเสียหาย เกรงว่าจะทำร้ายชาวบ้านที่นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น

ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดนครายก ชาวบ้านจากหมู่ที่ 3 ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก กว่า 20 คน ที่ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากถูกฝูงช้างจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่บุกทำลายพืชสวนที่กำลังให้ผลผลิตเสียหายเป็นจำนวนมาก เกรงว่าในอนาคตอันใกล้นี้นอกจากจะทำลายพืชสวนผลไม้ แล้วจะทำลายชีวิตชาวบ้าน จึงอยากให้ทางจังหวัดนครนายก เร่งดำเนินการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันวางแผนการดำเนินการ และหาทางเยียวยาค่าเสียหายที่เกิดจากกระทำของฝูงช้างดังกล่าว

เนื่องจากชาวบ้านได้รับผลกระทบที่สร้างความเดือดร้อนมาเป็นเวลานาน ยังไม่เคยได้รับความช่วยเหลือใด ๆ ในการยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายกครั้งนี้ ได้มีนายอำนาจ แย้มศิริ ปลัดจังหวัดนครนายก เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว โดยมีนายพชร  ศศิชาชยามร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครนายก นายวิชัย บุญมีนายอำเภอเมืองนครนายก นายบุญชัยอโนดาษ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสาริกาและหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครนายก ได้ร่วมรับทราบปัญหาของชาวบ้าน โดยนายอำนาจ แย้มศิริ ปลัดจังหวัดนครนายก จะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและเร่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาร่วมกันวางแผนร่วมกับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อผ่อนคลายปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมบัติ เนินใหม่ / รัชชานนท์ เนินใหม่ ผู้สื่อข่าวจังหวัดนครนายก

โฆษก ศรชล. ชี้แจงการแก้ปัญหาอวนขนาดใหญ่ คลุมแนวปะการังใต้ทะเลเกิดความเสียหาย

พลเรือตรี ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ชี้แจงกรณีการจัดการแก้ปัญหาการตรวจพบ อวนขนาดใหญ่ ปกคลุมแนวปะการัง บริเวณเกาะโลซิน ดังนี้

1.ตามที่ได้มีนักท่องเที่ยวไปดำน้ำบริเวณแนวปะการัง เกาะโลซิน จว.นราธิวาส ในระหว่าง 11-13 มิ.ย.64 พบเครื่องมือประมง อวนขนาดใหญ่ ปกคลุมแนวปะการัง ทางทิศตะวันตกของเกาะโลซิน ทำให้ปะการังบางส่วนได้รับความเสียหาย ตามที่ปรากฎตามข่าว

2.สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 กองอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แจ้งแผนการดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวโดยร่วมกับนักดำน้ำอาสาสมัครจำนวน 30 คน ปฏิบัติการเก็บกู้เครื่องมือประมง อวนขนาดใหญ่ที่ปกคลุมแนวปะการัง และสำรวจประเมินความเสียหาย ผลกระทบ จากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยใช้เรือ Liveaboard จำนวน 1 ลำ เรือบรรทุกเครื่องมือประมงอวน จำนวน 1 ลำ และเรือทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 2 ลำ

3.พลเรือโท สำเริง จันทร์โส ผอ.ศรชล.ภาค 2 ได้สั่งการให้ เรือหลวงราวี และเรือ ต.991 รวมทั้งจนท.ปฏิบัติงานใต้น้ำ จำนวน 14 คนพร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ ไปปฏิบัติภารกิจในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ร่วมกับทางสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 9 ฯโดยมี นาวาเอกสุวรัฐ รัชยากรณ์ เป็นผู้อำนวยการปฏิบัติการร่วม โดยจะแจ้งผลการปฏิบัติให้ทราบความคืบหน้า ต่อไป


ภาพ/ข่าว สนง.โฆษกกองทัพเรือ / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี ก012

นครพนม - ชาวบ้านตื่น !! พบกรุพระพุทธรูปเก่า 200 ปี ซุกไหโบราณ แห่ส่องเลขเด็ด กว้านซื้อเกลี้ยงแผง

วันที่ 15 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน บ.วังกระแส หมู่ 10 ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม ว่ามีผู้ขุดพบกรุพระพุทธรูปสมัยโบราณ ซุกอยู่ในไหขุดพบในที่นาของชาวบ้าน ขอให้มาตรวจสอบด้วยว่าเป็นพระพุทธรูปชนิดใด หลังข่าวแพร่สะพัดในโลกออนไลน์ มีบรรดาเซียนหวย แห่ไปส่องดูตัวเลขในองค์พระกันเป็นจำนวนมาก

จึงเดินทางไปที่วัดศรีรัตนวราราม พบชาวบ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ และคอหวยจำนวนหนึ่ง กำลังส่องดูพระพุทธรูปที่ขุดพบได้  ทางวัดได้นำใส่ในกล่องกระจกแก้วใสสี่เหลี่ยมกว้าง 40 ซ.ม. ยาว 40 ซ.ม. สูง 30 ซ.ม. ชาวบ้านที่ทยอยแห่มามุงดูส่วนใหญ่ ต่างบอกว่าอยากจะมาส่องดูตัวเลขในองค์พระหรือใต้ก้นพระ หวังไปลุ้นหวยซื้อลอตเตอรี่งวดวันที่ 16 มิ.ย. เผื่อจะได้โชคและลาภลอยตามความเชื่อ

นายธีระพงษ์  จันทร อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้าน บ.วังกระแส กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา เวลา 16.00 น. ขณะที่นายเศียร วารี วัย 53 ปี ได้ไปไถนาเนื้อที่ 5 ไร่ ห่างจากวัดราว 1 กิโลเมตร ขณะนำจอบไปขุดซ่อมแซมคูคันนา ได้ไปกระทบกับวัตถุสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นไหแตกร้าวกระจาย พบพระพุทธรูปขนาดต่าง ๆ อยู่ภายในไหที่แตกเป็นเสี่ยง 

ด้วยความตื่นกลัวว่าจะเป็นวัตถุโบราณล้ำค่าหรือไม่ นายเศียร เจ้าของที่นา จึงรีบมาแจ้งให้ตนไปตรวจสอบดูว่าเป็นพระพุทธรูปชนิดใดกันแน่ พบว่ามีพระพุทธรูปขนาดสูง 10 ซ.ม. 7 องค์ สูง 7 ซ.ม.ราว 11 องค์ เป็นเนื้อเงินบริสุทธิ์ ใต้ฐานเป็นดินสมัยเก่าอุดแน่นอยู่  และยังพระเนื้อชินองค์เล็กอีก 2 องค์ รวมเป็น 21 องค์ บางส่วนเศียรขาดแตกหัก สภาพเปื้อนโคลนตม เบื้องต้นจึงนำน้ำมาฉีดชะล้าง

ผู้ใหญ่บ้านวัย 53 ปี กล่าวต่อว่า จึงได้ประสานไปที่สำนักงานวัฒนธรรม จ.นครพนม เพื่อให้ส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบว่าเป็นพระกรุ หรือพระพุทธรูปชนิดใด สร้างในสมัยใด และประเมินมูลค่าได้หรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานดังกล่าวได้ประสานไปยังสำนักศิลปกรที่ 9 อุบลราชธานี  มาตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยล้านช้าง ปางมารวิชัย คาดว่ามีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี จึงได้เก็บกู้ไปเก็บรักษาไว้ที่วัดศรีรัตวนารามชั่วคราว

พระฉลอง ทินวโร อายุ 53 ปี เจ้าอาวาสวัด กล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่เก็บกู้จากที่นาของนายเศียร จึงได้นำตู้กระจกคล้ายตู้บริจาคเก็บรักษาไว้ เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑสถานร้อยเอ็ดมาตรวจสอบอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป พระพุทธรูปที่ขุดพบนี้คาดว่าน่าจะเป็นโบราณวัตถุ  ที่จะต้องนำไปเก็บรักษาไว้ในสถานที่อย่างดี หากเก็บไว้ที่วัดคงไม่มีกล้องวงจรปิด และอาจจะมีหัวขโมยมาโจรกรรมไปได้

ด้านนายธนิตศักดิ์ อุ่นตา วัฒนธรรม จ.นครพนม กล่าวว่า ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญจากสำนักศิลปากรที่ 9 แล้ว พบว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยเก่า มีพุทธลักษณะใกล้เคียงกับพระพุทธรูปทองคำที่ขุดพบในพื้นที่ บ.ศรีเวินชัย ต.สามผง อ.ศรีสงคราม คาดว่าสมัยก่อนเกิดศึกสงคราม ก่อนมีผู้นำมาซ่อนไว้ในไหและฝังไว้ ที่ชาวบ้านเรียกว่ากรุเงินกรุคำในสมัยโบราณ ที่มักถูกขุดพบบ่อยครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางวัดได้นำพระพุทธรูปที่ขุดพบ 21 องค์ และชิ้นส่วนไหที่แตกมาตั้งไว้หน้ากุฏิเพื่อให้กราบไว้เป็นสิริมงคล โดยชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างทยอยแห่มาดู บางรายนำโทรศัพท์มือถือมาถ่ายซูมส่องดูตัวเลขในองค์พระ บางราย ตรวจนับเศษไหที่แตกได้ 53 ชิ้น นำตัวเลข 53 ซึ่งตรงกับอายุเจ้าอาวาสและผู้ใหญ่บ้านโดยบังเอิญ กว้านหาซื้อลอตเตอรี่ที่มีแม่ค้ามาขายในวัด หวังลุ้นโชควันหวยออกวันที่ 16 มิ.ย. จนเกลี้ยงแผงไปแล้ว  


ภาพ/ข่าว  สุเทพ หันจรัส ผสข.นครพนม

สทป.มอบหุ่นยนต์ "D–EMPIR CARE" ให้ สธ.เพื่อสนับสนุนทีมแพทย์​ รพ.บุษราคัม

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เป็นวงกว้างทำให้บุคลากรทางการแพทย์มีความจำเป็นต้องมีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่จะสนับสนุนการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และลดความเสี่ยงในการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย

สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.)​ จึงเล็งเห็นขีดความสามารถหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD Robot) ของ สทป. ที่ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ติดตั้งบนตัวหุ่นยนต์ (payload) เพื่อรองรับการปฏิบัติงานตามความเหมาะสมในภารกิจต่างๆ สทป. จึงดัดแปลงหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD Robot) รุ่น D-EMPIR มาเป็นหุ่นยนต์สำหรับใช้ปฏิบัติงานในภารกิจโรงพยาบาลสนาม เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์สามารถควบคุมแบบไร้สายระยะไกล บรรทุกยา อาหาร หรือสิ่งของเพื่อส่งให้ผู้ป่วย พร้อมติดกล้อง และไมโครโฟน รวมถึงจอมอนิเตอร์เพื่อสื่อสารระหว่างผู้ป่วยและบุคลากรทางแพทย์ และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ 

ทางกระทรวงกลาโหม โดยสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ จึงจัดพิธีส่งมอบหุ่นยนต์ให้บริการทางการแพทย์ (D-EMPIR CARE)

โดยพล.อ.พอพล มณีรินทร์ ประธานกรรมการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ พล.อ.อ.ดร.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ร่วมเป็นประธานส่งมอบหุ่นยนต์ รุ่น D-EMPIR CARE ให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทนรับมอบในการสนับสนุนภารกิจของทีมแพทย์โรงพยาบาลสนาม ที่โรงพยาบาลบุษราคัม อาคารอิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี

พล.อ.อ.ดร.ปรีชา กล่าวว่า สถาน​การณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้บุคลากรทางการแพทย์มีความจำเป็นต้องมีอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่จะสนับสนุนการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความปลอดภัย และลดความเสี่ยงในการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของหุ่นยนต์ รุ่น “D-EMPIR CARE” ซึ่งได้พัฒนาต่อยอดมาจากหุ่นยนต์ รุ่น “D-EMPIR” ภายใต้โครงการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิด นำมาพัฒนาต่อยอดเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของบุคลากรทางการแพทย์

พล.อ.พอพล กล่าวว่า สทป. ได้พัฒนาต่อยอดจากหุ่นยนต์ทางการทหารไปสู่หุ่นยนต์เพื่องานทางสาธารณสุข​ ถือได้ว่าเป็นการนำงานวิจัยทางการทหารมาสร้างประโยชน์เป็นเทคโนโลยีสองทาง (Dual use) ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับภาคพลเรือน หุ่นยนต์ รุ่น “D-EMPIR CARE” สามารถสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก ปลอดภัย และลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ที่จะต้องสัมผัสและรักษาผู้ป่วยได้ 

ดังนั้น กระทรวงกลาโหม โดย สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ จึงขอมอบหุ่นยนต์ รุ่น D-EMPIR CARE จำนวน 3 ระบบ แก่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้งานในภารกิจโรงพยาบาลสนาม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหุ่นยนต์ รุ่น D-EMPIR CARE นี้จะเป็นประโยชน์และช่วยลดความเสี่ยง รวมถึงสร้างความปลอดภัยให้กับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และบุคลากรได้อย่างสูงสุด ความมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาของ สทป. ในการดัดแปลงจากหุ่นยนต์เก็บกู้วัตถุระเบิด รุ่น D-EMPIR มาเป็นหุ่นยนต์ รุ่น D-EMPIR CARE ให้เป็นไปตามมาตรฐานการออกแบบ วิจัยและพัฒนา ผลิตและทดสอบที่เป็นสากลในครั้งนี้ เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพความพร้อมในการสร้างความมั่นคงให้กับประเทศและสร้างความปลอดภัยให้กับสังคมโดยรวม เพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม (Value-Based Economy) สู่อุตสาหกรรมป้องกันประเทศสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย

สำหรับหุ่นยนต์ที่ออกแบบใหม่ ตั้งชื่อว่า “D-EMPIR CARE” เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานและความรู้สึกเป็นมิตรต่อการใช้งาน “user friendly” โดยหุ่นยนต์ D-EMPIR CARE สามารถสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความสะดวก ความปลอดภัย ลดความเสี่ยงของบุคลากรทางการแพทย์ที่จะต้องสัมผัสกับผู้ป่วย

“หุ่นยนต์ D-EMPIR CARE” มีระบบควบคุมแบบไร้สายระยะไกล รองรับการเชื่อมต่อระบบ WIFI หรือ เครือข่ายมือถือ (Cellular Network)
รองรับการสนทนาระหว่างแพทย์และผู้ป่วยด้วยระบบ VDO Call นานต่อเนื่อง 2 ชั่วโมง สามารถข้ามเครื่องกีดขวางบนพื้นราบได้​ ขับเคลื่อนด้วยสายพาน​ทำงานทุกสภาพภูมิประเทศ

ยะลา - ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แก่บุคลากรด่านหน้า ทั้ง AstraZeneca และ Sinovac ไร้อาการข้างเคียง

ฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ บุคลากรทางการแพทย์ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า อสม. ผู้นำชุมชน ที่มีความเสี่ยงมีทั้ง AstraZeneca และ Sinovac ไร้อาการข้างเคียง

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ที่ ห้องประชุมภู่พัฒน์ โรงพยาบาลเบตง  จังหวัดยะลา นายแพทย์สวรรค์ กาญจนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเบตง มาคอยให้บริการแก่บุคลากรด่านหน้า ทั้ง บุคลากรทางการแพทย์  ข้าราชการตำรวจ ทหาร  เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด่านหน้า อสม. ผู้นำชุมชน ที่มีความเสี่ยงในการให้บริการแก่ประชาชนมารับวัคซีนซิโนแวค เข็มที่ 2

บรรยากาศเป็นไปด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย มีป้ายบอกจุดให้บริการอย่างชัดเจน มีเก้าอี้เว้นระยะห่าง มีน้ำดื่มให้บริการ และมีเจ้าหน้าที่มาคอยให้คำแนะนำทุกจุด ทำให้การฉีดวัคซีนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมี นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง มาเยี่ยมให้กำลังใจบุลากรและผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 2 ด้วย

นพ.สวรรค์ กาญจนะ ผอ.รพ.เบตง เปิดเผยว่า วันนี้ตั้งแต่เช้าประชาชนทยอยมาฉีดกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มฉีดวัคซีนมาภายในอาทิตย์นี้ คาดว่าจะฉีดวัคซีนได้ 1,997 คน เป็น AstraZeneca  1,523 คน  Sinovac 475 คน สำหรับวันนี้ เป้าหมายตั้งไว้ 413 คน โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่ม และกลุ่มผู้สูงอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 นอนักรักษาตัวอยู่ใน รพ.อยู่ 36 คน ซึ่งทั้งหมด มีอาหารดีขึ้นตามลำดับ และปลอดภัยดี ขณะเดียวกันได้ลงพื้นที่หาผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงใน หมู่บ้านอัยเยอร์เวงไปแล้วทั้งหมด 751 คน ทั้งผู้ป่วยเสี่ยงสูงและความเสี่ยงต่ำ พบทั้งสิ้น 34 รายและได้นำมารักษาพยาบาลที่ รพ เบตงทุกราย เพื่อชาวเบตงปลอดภัยมีภูมิคุ้มกันหมู่ นพ.สวรรค์ กาญจนะ ผอ.รพ.เบตง กล่าว

สำหรับวันนี้ฉีดวัคซีน AstraZeneca และ Sinovac แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ อสม. ผู้นำชุมชน ที่ปฏิบัติงานด่านหน้าในพื้นที่ อำเภอเบตง เข็มที่ 2 จำนวน 413 คน และกลุ่มบุคคล อายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 โรคเรื้อรัง สำหรับผู้ที่จองลงทะเบียนผ่าน Line และ App หมอพร้อม และมีการลงนัดเรียบร้อยแล้วจะได้รับการฉีดวัคซีนเป็นชุดแรกตามนโยบายของรัฐบาล และตามคิวการจอง เพื่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนเร็วขึ้น

ส่วนผู้ที่จองลงทะเบียนผ่านช่องทางอื่น ๆ จะได้รับนัดกำหนดฉีดวัคซีนเป็นลำดับถัดไป ซึ่งทางทีมสาธารณสุขฯ จะติดต่อแจ้งให้ทราบเป็นลำดับต่อไป หากผู้ที่จองลงทะเบียนผ่าน Line และ App หมอพร้อม แล้วระบบแจ้งยกเลิกนั้น ไม่ต้องไปจองลงทะเบียนใหม่ เพราะข้อมูลของท่านอยู่ที่ทีมสาธารณสุขฯ แล้ว ขอให้รอการรับแจ้งนัดจากทีมสาธารณสุขฯ เพื่อเข้ารับการฉีดวัดซีนในรอบต่อไป


ภาพ/ข่าว  ธานินทร์  โพธิทัพพะ / ปื๊ด เบตง

แม่ฮ่องสอน - นพค.36 ส่งมอบโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบนำหลักทฤษฎีใหม่ มาประยุกต์สู่ “ โคก หนอง นา โมเดล” เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนในชุมชน

นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ,นายปฐมพงษ์ จันทร์สว่าง พัฒนาการจังหวัดแม่ฮ่องสอน รับมอบบ่อกักเก็บน้ำโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ "โคก หนอง นา โมเดล" ของนายประเสริฐ จันทร์โอภาส บ้านกลาง หมู่ 7 ต.ห้วยโป่ง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน จากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการปรับพื้นที่และขุดบ่อกักเก็บน้ำ สำหรับแปลงพื้นที่ของนายประเสริฐ จันทร์โอภาส เป็นแปลง CLM พื้นที่ขนาด 15 ไร่ ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบฯ กับกรมการพัฒนาชุมชน ดำเนินการปรับพื้นที่โดยหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 และขุดบ่อกักเก็บน้ำจำนวน 5 บ่อ และขุดคลองไส้ไก่เพื่อนำน้ำไปใช้ในพื้นที่ ซึ่งเมื่อได้ดำเนินการปรับพื้นที่แล้วจะได้มีการเอามื้อสามัคคีในการพัฒนาพื้นที่ต่อไป

นายปฐมพงษ์ จันทร์สว่าง พัฒนาการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า โครงการโคก หนอง นา โมเดล โดยพัฒนาชุมชนจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล เข้าดำเนินการในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทั้ง 7 อำเภอ  25 ตำบล 103 หมู่บ้าน แบ่งเป็นขนาดพื้นที่ 1 ไร่ 3 ไร่ จำนวน 99 แปลง และพื้นที่ 10 ไร่ขึ้นไป จำนวน 4 แปลง ซึ่งพื้นที่ของหมู่บ้านกลาง ต.ห้วยโป่ง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ที่รับมอบจาก นพค.36 ดังกล่าว เป็นของนายประเสริฐฯ มีพื้นที่จำนวน 15 ไร่ และขุดบ่อเก็บน้ำ 5 บ่อ สำหรับแปลงนี้อยู่ในขั้นตอนที่ 2 คือการปรับพื้นที่ หลังจากปรับพื้นที่เสร็จก็จะจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ 9 ฐาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และจังหวัดใกล้เคียงในการศึกษาเรียนรู้โครงการ “ โคก หนองนา โมเดล”

หลังจากจัดทำศูนย์เรียนรู้เสร็จ จะนำหลักทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นำศาสตร์พระราชา มาประยุกต์สู่ “โคก หนองนา โมเดล” ในการดำเนินชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนบ่อกักเก็บน้ำที่ขุด จำนวน 5 บ่อ นอกจากจะเลี้ยงปลาแล้ว น้ำในบ่อก็จะใช้ในการทำการเกษตรของโครงการและเกิดความชุ่มชื้นในพื้นที่ มีแปลงนา มีการปลูกป่า 5 ระดับ ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ไปจนถึงการปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ เป็น สุกร อย่างเป็นรูปธรรมและสร้างรายได้ให้ประชาชนในชุมชนอย่างยั้งยืน


ภาพ/ข่าว  สุกัลยา / ถาวร อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

กาฬสินธุ์ – ผู้ปกครองและกลุ่มประชาชนทั่วไปในจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวค และแอสตราเซเนกาเข็มแรก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และสร้างความมั่นใจปลอดภัยจากโรคโควิด-19

เมื่อเวลา 10.30 น.ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา หน้าศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า) นายแพทย์ประมวล ไทยงามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ เข้าให้กำลังใจผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป ทั้งในส่วนข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ พ่อค้า ประชาชน ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนซิโนแวคและแอสตราเซเนกา โดยมีบุคลากร แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข คอยอำนวยความสะดวก ทั้งนี้ ทุกคนต่างสวมหน้ากาก 100%  มีการตรวจคัดกรอง วัดอุณหภูมิร่างกาย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ รักษาระยะห่าง ตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

นายแพทย์ประมวล ไทยงามศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในส่วนของการให้บริการฉีดวัคซีนในวันนี้ เป็นในรอบของกลุ่มประชาชนทั่วไป ซึ่งรวมไปถึงข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ พ่อค้า ประชาชน โดยเฉพาะผู้ปกครองนักเรียน ที่เริ่มเปิดภาคเรียน ที่ได้ลงทะเบียนขอจองฉีดวัคซีน ตามช่องทางแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม และลงทะเบียนกับโรงพยาบาล สำหรับการฉีดวัคซีนในรอบวันนี้ ได้ให้บริการฉีดวัคซีนทั้งซิโนแวคสำหรับกลุ่มประชาชนทั่วไป  และแอสตราเซเนกา ในกลุ่มผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว 7 โรค จำนวน 500 ราย ซึ่งเป็นเข็มแรกของรอบนี้ อย่างไรก็ตาม นอกจากวันนี้ให้บริการฉีดในภาคเช้าและภาคบ่ายแล้ว ในวันพรุ่งนี้ยังจะจัดให้มีการฉีดวัคซีนอีกกลุ่มเป้าหมายจำนวน 600 คน

นายแพทย์ประมวลกล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนที่ลงทะเบียนไว้ และยังรอการรับการฉีดวัคซีน ขอให้ใจเย็น ๆ รอไปสักระยะ หากได้รับการจัดสรรวัคซีนมาอีก ก็จะแจ้งให้มารับบริการฉีดวัคซีนทันที เพราะวัคซีนยังจะมีมาเรื่อยๆ และผู้ที่ลงทะเบียนไว้ก็จะได้รับการฉีดวัคซีนครบทุกคน ดังนั้น หากได้รับการแจ้งกำหนดนัดหมาย ขอความร่วมมือมาฉีดโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ป้องกันโควิด-19 ทั้งนี้ ขอให้ความมั่นใจว่าหลังจากการฉีดวัคซีนแล้ว ไม่มีผลข้างเคียงหรือเกิดอาการไม่พึงประสงค์รุนแรงแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามผู้เข้ารับการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ปกครองที่บุตรหลานเพิ่งเปิดเทอมใหม่ ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีความกังวลอยู่มาก เนื่องจากประชาชนทั่วไป รวมทั้งบุคลากรครู นักเรียน ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนกันเลย  ทำให้รู้สึกว่าอยู่ในภาวะเสี่ยงตลอด แม้ว่าจะปฏิบัติตนตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด แต่การดำเนินชีวิตก็เต็มไปด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากมีผู้ป่วยได้รับเชื้อเป็นรายวัน ซึ่งหลังจากเข้ารับการฉีดวัคซีน จึงรู้สึกอบอุ่นและมั่นใจมากขึ้น

สำหรับ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 รวมวัคซีนทั้งหมด 45,160 โดส ฉีดให้บุคลากรการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และผู้ประกอบอาชีพเสี่ยงไปแล้ว 32,785 โด๊ส คิดเป็นร้อยละ 72.59 ของวัคซีนที่ได้รับจัดสรร ส่วนวัคซีนที่เหลืออยู่ระหว่างการนัดหมายและจัดฉีดเพิ่มเติมต่อไป อย่างไรก็ตามประชาชนชาวกาฬสินธุ์ ผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป สามารถลงทะเบียนขอรับสิทธิ์การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในวาระแห่งชาติ "ฉีดวัคซีน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" ผ่านอสม./รพ.สต./โรงพยาบาลใกล้บ้าน หรือผ่าน Platform “กาฬสินธุ์พร้อม” และตรวจสอบคิวนัดหมายและประวัติการได้รับวัคซีนผ่าน Application “หมอพร้อม”

ขณะที่สถานการณ์โรคโควิด-19 ล่าสุดวันนี้ยังไม่พบผู้ป่วยเพิ่ม โดยมีผู้ติดเชื้อสะสม 136 ราย  รักษาหายป่วยแล้วสะสม 109 ราย ยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 23 ราย และเสียชีวิตสะสม 4 ราย


ภาพ/ข่าว  ณัฐพงษ์  ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

ดีอีเอส ร่วม ตร โชว์ผลจับกุมพนันยูโร 2020 พร้อมรับเรื่องร้องทุกข์กลุ่มผู้เสียหาย ถูกหลอกเล่นเว็บไซต์พนัน

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 มิ.ย. 64 ที่ห้องประชุม กระทรวง ดีอีเอส ชั้น 9 อาคารบี ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อม พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. - รองโฆษก ตร. ร่วมรับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มผู้เสียหายจากการถูกชักชวนร่วมลงทุนพนันออนไลน์เบื้องต้นมีผู้เสียหาย 39 ราย ทั้งสูญเงิน ถูกหลอกถ่ายคลิป และโพสต์ทวิตเตอร์ประจาน พร้อมแถลงผลการปฏิบัติการปราบปรามเว็บพนันออนไลน์ฟุตบอลยูโร 2020 โดยกระทรวงดิจิทัลฯ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้ประสานการปฏิบัติในการปราบปราม เว็บไซต์การพนันออนไลน์ทุกรูปแบบ ภายใต้นโยบายของรัฐบาลที่ให้มุ่งเน้นการปราบปรามการกระทำความผิดเว็บไซต์การพนันออนไลน์โดยเฉพาะในช่วงมีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2020 ที่ต้องเฝ้าระวังและเข้มงวดตรวจสอบการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลผ่านระบบออนไลน์

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ฯ กล่าวว่า ผู้เสียหายกลุ่มนี้ถูกคนร้ายแอดเป็นเฟรนด์กับเหยื่อก่อนจะชักชวนร่วมลงทุนพนันออนไลน์ โดยคนร้ายจะเล่นให้เมื่อได้กำไรก็จะคืนเงินให้ แต่เมื่อเล่นไปถึงจุดหนึ่งผู้เสียหายต้องการถอนเงินคืน คนร้ายบอกต้องเพิ่มเงินเข้าไปตามจำนวนก่อน แต่เหยื่อรายหนึ่งมีเงินไม่พอ คนร้ายจึงขอให้ถอดเสื้อผ้าถ่ายรูป-คลิปเป็นประกัน ก่อนเอามาแบล็คเมลล์ สุดท้ายเอาคลิปไปปล่อยในทวิตเตอร์ประจานผู้เสียหายอีกเบื้องต้นมีผู้เสียหาย 39 ราย ทั้งสูญเงิน มูลค่าความเสียหายกว่า 5 ล้านบาท

กรณีนี้จึงมีความผิด 2 ส่วน คือ เรื่องหลอกลวงลงทุน กับเรื่อง พ.ร.บ.คอมพ์ ม.14(4) ปล่อยภาพลามกอนาจาร และ ป.อาญา ม.309 บังคับขู่เข็ญให้หรือไม่กระทำการใด ๆ (แบล็คเมลล์) ซึ่งผู้เสียหายได้มีการแจ้งความทั้งที่สถานีตำรวจ และ บก.ปอท. โดยรมว.กระทรวง ดีอีเอส ได้กำชับให้ บก.ปอท.ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีโดยเร็วเพื่อไม่ให้เป็นภัยสังคมหลอกเหยื่อต่อไปอีก

อย่างไรก็ตาม ภายใต้นโยบายรัฐบาล ในเรื่องการลักเล่นการพนันทายผลฟุตบอลผ่านระบบออนไลน์นั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ได้กำชับให้ทุกหน่วยในสังกัดเพิ่มความเข้มในการสืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการพนัน และบ่อนการพนัน ทุกรูปแบบทุกช่องทางอย่างเคร่งครัด และพร้อมบูรณาการประสานการปฏิบัติกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์มายังพี่น้องประชาชน หากพบเห็นการกระทำความผิดหรือพบเบาะแสเกี่ยวกับการพนันออนไลน์ สามารถแจ้งไปยังสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top