Saturday, 21 June 2025
THE STATES TIMES TEAM

กรุงเทพฯ - สวธ. ร่วมกับภาคีเครือข่าย ประชุมหารือแนวทางการประกวดออกแบบลายผ้าไทยสู่สากล

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายชาย นครชัย อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ลงพื้นที่ร่วมประชุมหารือร่วมกับเครือข่ายผ้าไทย  ผู้ประกอบการ และตัวแทนจากสถาบันการศึกษา เกี่ยวกับเรื่องกิจกรรมการประกวดออกแบบลายผ้าไทยสู่สากลเพื่อการต่อยอดและพัฒนา (Cultural Textile Awards 2021) และเป็นประธานในงานเผยแพร่และถ่ายทอดองค์ความรู้จากหนังสือแนวโน้มและทิศทางผ้าไทยและการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทย (Thai Textiles Trend Book Spring/Summer 2022) และการชี้แจงแนวทางประกวดออกแบบลายผ้าไทย ภายใต้โครงการพัฒนามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมผ้าไทยสู่สากล ประจำปี 2564 ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรมดำเนินงานโครงการร่วมกับศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

โอกาสนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มากด้วยประสบการณ์ ความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านผ้าไทยและการใช้สีธรรมชาติ อาทิ คุณธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ คุณวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข คุณศิริชัย ทหรานนท์ คุณสธน ตันตราภรณ์ และ คุณเปรมฤดี กุลสุ  ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงาน โดยมีผู้ประกอบการ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และประชาชนผู้สนใจร่วมรับฟังรายละเอียดและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ จำนวนกว่า 40 คน ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (Covid-19) ด้วยการรักษาระยะห่าง วัดอุณหภูมิผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน และมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือบริการตลอดทั้งงาน ณ ดินคาเฟ่ (Din Cafe) อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่


ภาพ/ข่าว  เจนกิจ นัดไธสง รายงาน

ปทุมธานี – บิ๊กแจ๊สชี้ ฉีดซิโนฟาร์มแม่ค้าตลาดหยุดคลัตเตอร์ใหม่ อบจ.ปทุมเปิดลงทะเบียนวันที่ 22 และฉีดวันที่ 26

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564  เวลา 16:00 น. ที่ห้องประชุมหงส์มังกร ชั้น 12 เทศบาลนครรังสิต ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ประชุมแนวทางการฉีดวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ร่วมกับภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อ โดยมี 20 ผู้ประกอบการตลาดสดหน้าซื้อหรือตลาดประเภท 1 มีโครงสร้างมั่นคง แข็งแรง สะอาด ถูกสุขลักษณะ ภายในจังหวัดปทุมธานี เช่น ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไทย ตลาดรังสิตเป็นต้นเข้าร่วมประชุม

พร้อมมอบชุดปันสุข จำนวน 300 ชุด ส่งแรงใจ เพื่อมอบให้เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี สู้ภัยโควิด-19 และมอบเครื่องผลิตออกซิเจน จำนวน 1 เครื่อง เป็นสาธารณะสงเคราะห์ มี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี , ร.ต.อ.ดร.ตรีลุพธ์ ธูปกระจ่าง นายกเทศมนตรีนครรังสิต และเจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคม เป็นผู้รับมอบสิ่งของจากคณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ขณะนี้การจัดสรรวัคซีนตัวเลือกซิโนฟาร์มอยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยจะเริ่มฉีดเข็มแรกที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ในวันที่ 25 มิถุนายน 2564 จำนวน 6,400 คน ซึ่งทาง อบจ.อยู่ระหว่างการประสานงานคาดว่าน่าจะฉีดให้ประชาชนปทุมในวันที่ 26 นี้ ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต

เนื่องจากปทุมธานีเป็นจังหวัดสุ่มเสี่ยงเป็นพื้นที่สีแดงตลอด คาดว่าพรุ่งนี้จะพี่น้องประชาชนจะสามารถลงทะเบียนได้ที่ลิ้งค์เพจเฟซบุ๊ก “องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี” ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ในวันที่ 22 นี้ รวมถึงวันนี้ต้องขอบคุณเจ้าของตลาดต่าง ๆ ภายในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งผมได้แนะนำในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 รวมถึงขั้นตอนในการดำเนินการฉีดให้กับพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดอย่างไร เนื่องจากคลัสเตอร์การแพร่ระบาดส่วนใหม่มาจากตลาด และประชาชนมีความจำเป็นจะต้องออกมาจับจ่ายซื้อของที่ตลาด หากตลาดใดพ่อค้าแม่ค้าภายในตลาดฉีดวัคซีนครบทุกคนแล้ว ก็สามารถขึ้นป้ายได้เลยว่าพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนี้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ตลาดในปทุมปลอดภัย เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในการดำเนินชีวิตของประชาชน และพ้นข้อครหาว่าจากการที่ตลาดเป็นแหล่งแพร่เชื้อ หากมีการติดเชื้อต้องระวังจากผู้ซื้อ

นางสาวสุดาลักษณ์ พยัตเทพินทร์ ประธานภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อ กล่าวว่า ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทางภาคีเครือข่ายตลาดสดน่าซื้อของจังหวัดปทุมธานีต้องขอขอบคุณ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และทีมงานเป็นอย่างมาก ที่ท่านเห็นความสำคัญของผู้ประกอบการค้าขาย และได้แนะนำให้ผู้บริหารและบุคลากรของตลาดรวมถึงผู้ค้าขายได้ปฏิบัติตัวให้รอด ปลอดภัยจากโควิด-19 สร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภค เราจะพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมถึงสร้างมิติใหม่ในการทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในตลาดเรา


ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ

เชียงราย - กอ.รมน.จังหวัด ช.ร. โครงการการสานเสวนาส่งเสริมการมีส่วนร่วม และปรึกษาหารือ กิจกรรมการเสริมสร้างเครือข่ายผู้นำชุมชนประชาธิปไตย ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงราย

เมื่อ 21 มิ.ย. 64 เวลา 08.30 น. กอ.รมน.จังหวัด ช.ร. โดย พ.อ.กิตติพล ไพรหิรัญ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ช.ร. (ท.) เป็นประธานเปิดการอบรม โครงการการสานเสวนาส่งเสริมการมีส่วนร่วม และปรึกษาหารือ กิจกรรมการเสริมสร้างเครือข่ายผู้นำชุมชนประชาธิปไตย  พร้อมด้วยกำลังพล กอ.รมน.จังหวัด ช.ร.ร่วมกับ ผู้นำชุมชนในพื้นที่ จังหวัดเชียงราย จำนวน 65 คน  ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย 

โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้นำชุมชน มีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ ความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อสร้างการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องให้กับประชาชน รวมทั้งสื่อสารข้อมูลของภาครัฐให้กับประชาชนรับรู้ถึงการดำเนินงานและรับทราบข่าวสารของประชาชน โดยผ่านการมีส่วนร่วมและปรึกษาหารือในชุมชน และเพื่อรับทราบปัญหา และบูรณาการ การแก้ไขปัญหาร่วมกันของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับปัญหาในแต่ละพื้นที่ โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เด่นศักดิ์ สุริยะ ประธานคณะกรรมการศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าจังหวัดเชียงราย เป็นวิทยากร ทั้งนี้จัดให้มีมาตรการเฝ้าระวังป้องกันเชื้อไวรัสไวรัสโคโรนา 2019 ให้กับผู้เข้ารับการอบรม

นนทบุรี - สธ.เปิดห้องปฏิบัติการชีวนิรภัย ระดับ 3 ตรวจเชื้อโรคความเสี่ยงสูง

วันนี้ (21 มิถุนายน 2564) ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานรับมอบห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 (Biosafety Level 3 laboratory) จาก Mr.Nashida Kazuya เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ Dr.Daniel  Kertesz ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย โดยมี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้สร้างความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น ในหลายโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการก่อสร้างอาคารสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขแห่งชาติ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.นนทบุรี เพื่อเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงของประเทศด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีหน้าที่ยืนยันสาเหตุและสถานการณ์ของโรคที่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุข และปี พ.ศ.2563 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านองค์การอนามัยโลก จำนวน 38,600,000 บาท สำหรับการพัฒนาห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 2 และระดับ 3 ให้มีความทันสมัย เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านความปลอดภัยและความมั่นคงทางชีวภาพ พร้อมที่จะดำเนินการเต็มขีดความสามารถในการปฏิบัติงานกับเชื้อโรคอันตรายสูงด้วยความปลอดภัยต่อชีวิตนักวิจัยและสิ่งแวดล้อม โดยเป้าหมายที่สำคัญในการพัฒนาห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 ครั้งนี้ เพื่อรองรับสถานการณ์การระบาดของโควิด -9 ในด้านการตรวจชันสูตร การพัฒนาวิธีการตรวจวิเคราะห์ ชุดตรวจ วัคซีนและยารักษาโรค นอกจากนี้ยังเสริมความเข้มแข็งในการเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมด้านปลอดภัยและความมั่นคงด้านชีวภาพทางห้องปฏิบัติการ (Laboratory Biosafety and Biosecurity Training Center) สำหรับภูมิภาคอาเซียนในอนาคต

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นห้องปฏิบัติการที่ออกแบบให้มีลักษณะพิเศษ สามารถป้องกันการหลุดรอดของเชื้อโรค สู่ภายนอก ใช้สำหรับการตรวจวิเคราะห์ วิจัยเชื้อโรคความเสี่ยงสูง เช่น ไข้หวัดนก โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์ส โรคซาร์ส และโรคโควิด-19 เป็นต้น โดยการปฏิบัติงานที่สำคัญได้แก่ การเพาะแยกเชื้อไวรัส การเพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวนเชื้อ การสกัดสารพันธุกรรม และการจัดการกับตัวอย่างติดเชื้ออุบัติใหม่ เพื่อเป็นคลังสายพันธุ์เชื้อแห่งชาติ เพื่อประโยชน์ที่จะได้รับ ดังนี้

 - การชันสูตรโรค

 - การศึกษาวิจัยทางการแพทย์และสาธารณสุข

 - การควบคุมโรค

 - การส่งเสริมพัฒนาคุณภาพห้องปฏิบัติการเครือข่าย

 - การต่อยอดพัฒนายาและวัคซีน เพื่อการรักษาและการป้องกันโรค “ห้องปฏิบัติการชีวนิรภัยระดับ 3 ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นับเป็นหนึ่งในผลงานที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น ซึ่งดำเนินการได้สำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว ด้วยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจริงจังจากองค์การอนามัยโลก ทำให้มีห้องปฏิบัติการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพและความพร้อมในการสนับสนุนนโยบายการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งในการป้องกัน


ภาพ/ข่าว  สมัย นิกูลรัมย์

กรุงเทพฯ - “อนุทิน” ตัดช่อดอกกัญชาพันธุ์ไทยที่กรมวิทย์ฯ ผลิตพันธุ์กัญชาต้นแบบคุณภาพดี

วันนี้ (21 มิถุนายน 2564) จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานในพิธีตัดช่อดอกกัญชาพันธุ์ไทย 4 พันธุ์ โดยมี นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า ช่อดอกกัญชาที่ตัดเป็นช่อดอกกัญชาพันธุ์ไทยที่ปลูกโดยสถาบันวิจัยสมุนไพรกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งได้ขออนุญาตการปลูกกัญชาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นกัญชาพันธุ์ไทย 4 พันธุ์ คือ หางกระรอกภูพานเอสที 1 หางเสือสกลนครทีที 1 ตะนาวศรีก้านขาวดับเบิลยูเอ 1 และตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1 เพื่อการศึกษาวิจัยและใช้เป็นต้นแบบ โดยปลูกในโรงเรือนแบบ Greenhouse มีระบบการจัดการปลูกพืชในวัสดุทดแทนดิน (substrate culture) มีการให้น้ำและธาตุอาหารโดยใช้ระบบน้ำหยด ซึ่งการพัฒนากัญชาพันธุ์ไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จะนำพันธุ์ที่ได้ไปขยายให้กับเครือข่ายที่ทำการวิจัยร่วมกัน ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร เพื่อเป็นแหล่งเมล็ดพันธุ์ให้กับเกษตรกร เพราะแต่ละพันธุ์มีสาร THC และ CBD ที่แตกต่างกัน ทำให้เกษตรกรสามารถเลือกพันธุ์ที่จะนำไปใช้ต่อยอดทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ สามารถพัฒนาส่งเสริมให้เกษตรกร ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพในการพัฒนากัญชาพันธุ์ไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก ลดการขาดดุลการค้ากับต่างประเทศได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอหนังสือรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนของกัญชาพันธุ์ไทยทั้ง 4 พันธุ์กับทางกรมวิชาการเกษตร โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จประมาณเดือนสิงหาคม 2564 นี้

นายแพทย์ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการศึกษาวิจัยกัญชาพันธุ์ไทยที่ครอบคลุมทั้งลักษณะทางพฤกษศาสตร์ (phenotype)  ทางด้านเคมี (chemical profile) และข้อมูลของสารพันธุกรรม (genetic profile) พบว่า กัญชาพันธุ์ไทยมีลักษณะเด่นถึง 3 แบบ 

- แบบที่ 1 กัญชาที่ให้สาร THC สูง  ได้แก่ กัญชาพันธุ์หางเสือสกลนครทีที 1 และกัญชาพันธุ์ตะนาวศรี ก้านขาวดับเบิลยูเอ 1 
- แบบที่ 2 กัญชาที่ให้สาร THC และ CBD (THC : CBD = 1 : 1) ในสัดส่วนที่เท่ากัน ได้แก่ กัญชาพันธุ์ หางกระรอกภูพานเอสที 1 
- แบบที่ 3 กัญชาที่ให้สาร CBD สูง ได้แก่ กัญชาพันธุ์ตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1

“กัญชาไทยแต่ละพันธุ์มีลักษณะของต้น ใบ ช่อดอก และกลิ่นมีความแตกต่างกัน นอกจากนี้จากการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของพันธุ์กัญชาแต่ละพันธุ์ พบว่า กัญชาไทยทั้ง 4 พันธุ์ เป็นพันธุ์ที่พบได้เฉพาะถิ่นเท่านั้นไม่ได้พบได้ทั่วไป เป็นพันธุ์ที่หายาก ซึ่งกัญชาแต่ละพันธุ์ของไทยมีสารสำคัญ ในสัดส่วนที่ต่างกัน จึงมีประโยชน์ต่อการบ่งใช้ในการรักษาโรคที่ต่างกัน รวมถึงการได้สาระสำคัญคงที่ในการปลูก ทำให้ง่ายต่อการนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ต่อไป”นายแพทย์ศุภกิจ กล่าว


ภาพ/ข่าว  สมัย นิกูลรัมย์

ศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.ว่าการกระทรวงแรงงาน ส่งต่อซิมการ์ดออนไลน์ หนุนทักษะคนพิการและกลุ่มเปราะบาง

ณ ห้องบริเวณห้องโถง ชั้น 10 อาคารกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน "ศาสตราจารย์  ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานแถลงข่าวการรับมอบวัสดุฝึกอบรมซิมการ์ดพัฒนาฝีมือแรงงานออนไลน์เพื่อช่วยเหลือแรงงานคนพิการ และกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์

โควิด-19 จาก นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อนำไปมอบให้แก่แรงงานกลุ่มคนพิการ และกลุ่มเปราะบางในการสนับสนุนการพัฒนาทักษะออนไลน์ โดยมี นายชูศักดิ์  จันทยานนท์ประธานสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย เป็นผู้แทนรับมอบ

ศาสตราจารย์ ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยหลังจากเป็นประธานว่า กระทรวงแรงงาน ภายใต้การนำของรัฐบาล "พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ผ่านมา ผู้ใช้แรงงานจำนวนมากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องปรับตัวให้ทันกับความปกติใหม่ (New Normal) และมีทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต โดยแรงงานคนพิการและกลุ่มเปราะบางถือได้ว่าเป็นกลุ่มประชากรที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวไม่น้อยไปกว่าแรงงานกลุ่มอื่นๆ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด จึงให้การสนับสนุนจัดซื้อซิมการ์ด จำนวน 500 ชุด ที่ผลิตโดยบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เพื่อให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมกับ "สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย" นำไปแจกจ่ายให้แก่แรงงานคนพิการและกลุ่มเปราะบาง นำไปใช้ในการฝึกอบรมต่อไป

นายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า มอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน (สพร.) สำนักงานพัฒนาฝีมือแรงงาน (สนพ.) จัดหลักสูตรฝึกอบรมออนไลน์ฟรีผ่านแอปพลิเคชัน Zoom Meeting โดยเน้นหลักสูตรด้านการพัฒนาทักษะดิจิทัล โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อการประยุกต์ใช้งาน และการประกอบอาชีพอิสระ กว่า 50 หลักสูตร ให้แก่แรงงานทั่วไป ได้แก่ Microsoft Excel Advanced เทคนิคการสร้างร้านค้าและขายสินค้าออนไลน์ การใช้สมาร์ทโฟนขายสินค้าออนไลน์ การซ่อมเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน เป็นต้น ซึ่งคนพิการและแรงงานกลุ่มเปราะบาง สามารถร่วมการฝึกอบรมได้ทุกหลักสูตรตามความสนใจและความเหมาะสม นอกจากภารกิจด้านการฝึกอบรมแล้ว กพร.ยังมีภารกิจส่งเสริมมาตรฐานฝีมือแรงงาน การรับรองความรู้ความสามารถ การส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานในสถานประกอบกิจการ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมการสร้างเครือข่ายการพัฒนาฝีมือแรงงาน หากท่านใดต้องการสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับภารกิจดังกล่าว สามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4 หรือ ดูข้อมูลทางเว็บไซต์ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน www.dsd.go.th

นางประภาพร สู่สุข  อายุ  62 ปี ตัวแทนแรงงานกลุ่มคนเปราะบาง เล่าว่า เดิมตนประกอบอาชีพนวดแผนไทย แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดทำให้ร้านนวดต้องปิดชั่วคราวซึ่งตนไม่มีอาชีพเสริม ว่างงานไม่มีรายได้แต่เมื่อได้รับ ซิมการ์ดจาก กพร.มีความตั้งใจอยากจะเรียนออนไลน์ในหลักสูตรขายสินค้าออนไลน์เพราะตนมีฝีมือในการประกอบอาหารหลากหลายเมนู จึงคิดว่าจะทำอาหารกล่องประกาศขายทางสื่อโซเชียลหารายได้ช่วงระหว่างรอการคลายล็อคสถานการณ์โควิด

นายสายัณฑ์  ดีเลิศ อายุ 40 ปี เจ้าหน้าที่ดูแลสิทธิประโยชน์และบำรุงรักษาซ่อมแซมอุปกรณ์ให้คนพิการของสมาคมคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ตัวแทนคนพิการซึ่งมีความพิการทางการเคลื่อนไหว เล่าว่า ตนรู้สึกยินดีที่ได้รับซิมการ์ด และขอขอบคุณภาครัฐที่เล็งเห็นคุณค่าคนพิการ ทำให้ไม่รู้สึกเดียวดายในสังคม ทั้งนี้ ซิมการ์ดที่ได้รับจะช่วยเปิดโลกทัศน์ของคนพิการให้กว้างไกล นอกจากใช้ในการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆที่ทาง กพร.จัดให้แล้วยังช่วยต่อยอดในการประกอบอาชีพ ซึ่งตนมีความรู้เกี่ยวกับการซ่อมแซมอุปกรณ์ของคนพิการ จะใช้สิ่งนี้ให้เป็นโอกาสในการเปิดรับงานซ่อม และรับงานวิทยากรให้ความรู้แก่คนพิการและแรงงานทั่วไปที่สนใจ ช่วยให้มีรายได้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้ และตั้งใจจะใช้ซิมการ์ดนี้ให้คุ้มค่ามากที่สุดสมกับที่ กพร.มอบให้มา

สมุทรปราการ - “แพรกษาปันสุข” ครั้งที่ 3 สส.พลังประชารัฐ จับมือ ทุกภาคส่วนลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน สู้วิกฤติโควิด ครั้งที่ 3

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลแพรกษา บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน ลงพื้นที่ 4 ชุมชน มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในชุมชนและประชาชนผู้ขาดรายได้ มีประชาชนจำนวนมาก ร่วม 2,000 คน เดินทางมารอรับมอบสิ่งของช่วยเหลือ

ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร  นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นายรัชชานนท์ ทองอร่าม เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ  เป็นตัวแทนนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ และเป็นตัวแทนนางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นายชนะ หงวนงามศรี รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ 

นางนงนุช แพหมอ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นายเมธากุล สุวรรณบุตร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ นำคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา หัวหน้าส่วนราชการ พนักงานและผู้ประกอบการ ร่วมลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนรวมถึงประชาชนที่ขาดรายได้ในชุมชนต่าง ๆ รวม 4 ชุมชน เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โดย ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สส.สมุทรปราการ กล่าวว่า การลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในวันนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ได้มีการลงพื้นที่มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชน  ภายใต้ชื่อ ”แพรกษาปันสุข”  โดยเป็นความห่วงใยจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ และความห่วงใยจากนางอรัญญา สุวรรณบุตร  นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา นายเมธากุล สุวรรณบุตร สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ  ที่มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนในเขตพื้นที่แพรกษา ที่ได้รับผลกระทบและได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

อีกทั้งการลงพื้นที่จัดกิจกรรมในครั้งนี้  ยังได้รับการสนับสนุนจากนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ นางสาวนันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ และทางฝ่ายผู้ประกอบการ ที่ได้ให้การสนับสนุนกิจกรรม “แพรกษาปันสุข” มาโดยตลอด

การจัดกิจกรรมขึ้นในครั้งนี้เป็นการบูรณาการประสานความร่วมมือของทุกภาคส่วน ที่ให้การสนับสนุนนำสิ่งของต่าง ๆ มาร่วมมอบให้กับพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน  โดยสิ่งของที่นำมามอบในวันนี้ ได้แก่ เงินสดคนละ 200 บาท ข้าวสาร  5 กิโลกรัม มาม่า ปลากระป๋อง สบู่ เจลแอลกอฮอร์  น้ำยาซักผ้า ขันน้ำ และอื่น ๆ อีกหลายรายการเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน

อย่างไรก็ตาม หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งของต่าง ๆ ที่นำมามอบให้กับพี่น้องประชาชนในวันนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ และขอให้ประชาชนทุกคนดูแลสุขภาพตัวเอง  สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง เพื่อที่เราทุกคนจะก้าวผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  คิว-ข่าวสมุทรปราการ  รายงาน

ปทุมธานี - นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นำชุด ตรวจเชิงรุก (RaPid Test) ให้กับประชาชนชาวตำบลสามโคก

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 เวลา 09.00  น. ณ ศาลพลายแก้ว วัดสะแกตำบลสามโคก อำเภอสามโคกจังหวัดปทุมธานี พลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นายเสวก ประเสริฐสุข รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยนายนิรันดร์ ใจป้ำ

นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสามโคก นายธนภาค ตรีรัตนนุกูล ที่ปรึกษาพิเศษนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีและเจ้าหน้าที่นำชุดตรวจเชิงรุก(RaPid Test)มาตรวจให้พี่น้องชาวตำบลสามโคกและใกล้เคียง ด้านนายนิรันดร์ ใจป้ำ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสามโคกได้เพิ่มเติมกับผู้สื่อข่าวว่า

ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณท่านพลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่างนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านที่ได้นำเจ้าหน้าที่ พร้อมชุดตรวจ (RaPid Test) มาตรวจให้พี่น้องประชาชนชาวตำบลสามโคกและใกล้เคียง และสืบเนื่องตามที่จังหวัดปทุมธานี ปรากฏการณ์สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 เกิดขึ้นในพื้นที่โดยพบผู้ป่วยยืนยันเป็นจำนวนมากนั้นดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและควบคุม เชื้อไวรัส โควิด 19 ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์ ทางเทศบาลสามโคกจึงได้ขออนุเคราะห์ชุดตรวจ (RaPid Test)พร้อมเจ้าหน้าที่มาบริการประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลสามโคกและใกล้เคียง ขณะนี้ได้มีประชาชนในพื้นที่ ทยอยเข้ามาตรวจ วิเคราะห์หาเชื้อไวรัส covid-19 อย่างต่อเนื่อง และขอขอบพระคุณพระอธิการเริงชัย ฐานุตฺตโร เจ้าอาวาสวัดสะแกที่เอื้อเฟื้อสถานที่ไว้เพื่อรองรับประชาชน ที่เข้ามาตรวจหาเชื้อไวรัส covid-19 สุดท้ายนี้กระผมในฐานะนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสามโคก ขอให้พี่น้องชาวตำบลสามโคก จงดูแลรักษาความสะอาดหมั่นล้างมือ เว้นระยะห่างสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา และเราจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน


ภาพ/ข่าว  ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน

ครูขอนแก่น บุกศาลากลาง ทวงวัคซีนโควิด-19 จากผู้ว่าฯ ทั้งน้ำตา หลังไม่ได้รับการจัดสรรตามที่กำหนด ทำให้ไม่มั่นใจในความปลอดภัยเนื่องจากสัปดาห์หน้าต้องเปิดเรียนทุกระดับชั้น

วอนทุกฝ่ายชัดเจนว่าต้องทำอย่างไรเพราะลงทะเบียนในนามองค์กรเรื่องก็เงียบ หากต้องไปลงทะเบียนหมอพร้อม-หรือกับ อสม. ก็พร้อมที่จะทำ

เมื่อเวลา 11. 30 น.วันที่ 21 มิ.ย.2564 ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลาง จ.ขอนแก่น ได้มีคณะครูจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนรวมตัวกันเพื่อขอพบ นายสมศักดิ์  จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ขอนแก่นเพื่อทวงถามความชัดเจนจากการที่โรงเรียนได้รับการจัดสรรวัคซีนให้กับกลุ่มคณะครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่ถึงร้อยละ 10  ในขระที่นโยบายของรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการระบุว่าบุคลากรทางการศึกษาต้องได้รับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ร้อยละ 70 แต่ด้วย ผวจ.ขอนแก่น ติดภารกิจ คณะครูทั้งหมดจึงเข้าพบ นายจารึก เหล่าประเสริฐ รอง ผวจ.ขอนแก่น ในฐานะคณะทำงานด้านการบริหารวัคซีนและควบคุมโรคติดต่อจังหวัด เข้าร่วมพูดคุยและรับเรื่องแทน

นางธนิดา  ท้าวนาง แกนนำครูโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน กล่าวว่า คณะครูทั้งโรงเรียนรวมกว่า 200 คนได้ลงทะเบียนในนามขององค์กรเพื่อขอรับการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาล นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการและนโยบายของจังหวัดกำหนด แต่เรื่องก็เงียบหายไปจนกระทั่งเปิดภาคเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่มีใครได้รับการฉีดวัคซีนเลย แต่ละคนก็ต้องขวนขวายหาทางออกกันเองด้วยการลงทะเบียนต่างๆเพ่อให้ได้รับการฉีดวัคซีนแต่ก็มีน้อยมากที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว จนกะทั่งเปิดภาคเรียนมาแล้ว 1 สัปดาห์ซึ่งก็ยอมรับว่ามาตรการควบคุมและป้องกันของทางโรงเรียนเป็นไปอย่างเข้มงวด มีการสลับวันกันเรียนและจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ ทำให้ขณะนี้แต่ละวันมีนักเรียนและบุคลากรทางการศึกษามาที่โรงเรียนตามแผนการเรียนการสอนวันละประมาณ 3,000 คน

“เมื่อเปิดภาคเรียนมาแล้วและโรงเรียนได้ทวงถามถึงการฉีดวัคซีน ซึ่งคณะครูโรงเรียนของเราทุกคนน่ารัก ทำตามที่รัฐบาลและหน่วยงานกำหนดทุกอย่าง จนกระทั่งเรื่องเงียบไปก็มีการทวงถามและสอบถามโดยผู้บริหารโรงเรียนได้ติดตามเรื่องมาตลอด จนกระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมา ( 20 มิ.ย.) ได้รับแจ้งว่า ครู 20 คนให้ไปฉีดวัคซีนได้ที่ รพ.ศรีนครินทร์ จึงตั้งข้อสังเกตว่า หากไม่ทวงถาม หรือเรื่องก็คงเงียบ และการจัดสรรก็ได้เพียงไม่ถึงร้อยละ 10 และก็ยังคงไม่มีท่าทีที่ชัดเจนว่าครูท่านอื่น ๆจะได้ฉีดวัคซีนเมื่อใด โรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง วันนี้มีเด็กๆมาเรียนรวมทั้งบุคลากรทาการศึกษาที่จะตอมาทำงานที่โรงเรียนอยู่วันละประมาณเกือบ 3,000 คน แต่ตั้งแต่สัปดาห์หน้าที่จะต้องเปิดเรียนทั้งระบบ ก็จะมีคนไม่น้อยกว่า 5,000 คน มารวมตัวกันอยู่ที่โรงเรียนของเรา ซึ่งคณะครูก็มีความกังวลว่าจะเกิดคัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น”

นางธนิดา กล่าวต่ออีกว่า ยอมรับว่าทุกคนทำงานกันอย่างหนัก แต่ข้อกังวลและความกลัวที่จะเกิดขึ้นกับบุคลากรทางการศึกษา ขณะนี้เกิดขึ้นอย่างมาก ประกอกับคามชัดเจนของหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ยังไม่มี ซึ่งหากจะให้คณะครู ซึ่งลงทะเบียนมนนามองค์กรที่รอรับการจัดสรรวัคซีนไปดำเนินการในทางอื่น ทั้งการลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม ผ่านขอนแก่นพร้อม หรือผ่าน อสม. ก็ขอให้แจ้งมาอย่างชัดเจนเพราะทุกคนปฎิบัติตามนโยบายของหน่วยงานอยู่อย่างเคร่งครัด ดังนั้นการออกมาทวงถามให้กับกลุ่มข้าราชการครู ที่ไม่ใช่เฉพาะโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนเพียงอย่างเดียว แต่นับรวมไปถึงสถาบันการศึกษาทุกแห่ง ที่บุคลากรทางการศึกษาจะต้องได้รับวัคซีนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 จึงขอความชัดเจนและให้จังหวัดรวมไปถึงผู้ที่รับผิดชอบวัคซีนได้ให้ความสำคัญกับคณะครู และบุคลากร่างการศึกษาที่จะต้องอยู่กับบุตร-หลานของทุกท่านวันละหลายพันคนให้เพิ่มมากขึ้นด้วย

ญาติผู้เสียชีวิตจากทหารเรือ ช่วยชายหัวใจหยุดเต้นริมถนน เดินทางเข้าขอบคุณ พันจ่าเอก ธนาวุฒิ อย่างเป็นทางการ

วันนี้ (21 มิถุนายน 2564) พลเรือเอก เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า วันนี้ภรรยาและญาติของ นาย ปิยะ ยังทรัพย์ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ที่พันจ่าเอก ธนาวุฒิ ยมหา สังกัด กองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ให้การช่วยเหลือชายนอนหมดสติอยู่ริมถนน และส่งตัวให้โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ และเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา ได้เดินทางเข้ามาพบ พันจ่าเอก ธนาวุฒิ ยมหา เพื่อกล่าวขอบคุณอย่างเป็นทางการ ที่ได้ลงมาช่วยชีวิตสามีในเบื้องต้น

เมื่อประสบเหตุในครั้งนั้น ณ กองบังคับการ กองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยมี นาวาโท จีรศักดิ์ หวังวรวัฒนากุล ผู้บังคับกองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พร้อมคณะนายทหารฝ่ายอำนวยการฯ ให้การต้อนรับ ณ ห้องรับรองกองบังคับการ กองพันทหารช่าง กองพลนาวิกโยธิน หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี


ภาพ/ข่าว สนง.โฆษกกองทัพเรือ / นิราช / นันทพล ทิพย์ศรี   


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top