Thursday, 12 June 2025
Hard News Team

'พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์’ นำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกล ตบเท้าเข้ารับวัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว ด้าน ‘ศิริกัญญา ตันสกุล’ ระบุ การฉีดวัคซีนดีกว่าไม่ฉีด ช่วยรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมย้ำรัฐบาลต้องเร่งจัดหาวัคซีนให้เร็วและหลากหลาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งทางแอปพลิเคชันไลน์ถึง ส.ส. เรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า ส.ส.ที่มีความประสงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถไปรับการฉีดวัคซีนได้ที่ สถาบันบำราศนราดูร ห้องประชุมอัจฉรา วันที่ 16-30 เม.ย. เวลา 09.00-16.00 น.ในวันเวลาราชการ สำหรับ ส.ส. ท่านใดที่อยู่ในระหว่างการกักตัว สามารถรับบริการได้หลังจากที่ครบกำหนดการกักตัวแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ที่ห้องประชุมอัจฉรา สถาบันบำราศนราดูร นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีม ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้แก่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ นายสุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ นายวุฒินันท์ บุญชู นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ นายธีรัจชัย พันธุมาศ และนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ที่ไม่อยู่ในช่วงกักตัวเพื่อสังเกตอาการและไม่มีความเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อเป็นการรณรงค์และป้องกันการเเพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

โดย น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า วันนี้การฉีดวัคซีนไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการป้องกันเฉพาะตนเองเท่านั้น แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมในการร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นในประเทศ เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันและทำมาหากินประกอบอาชีพได้ใกล้เคียงกับสภาพปกติ รวมทั้งการไม่เป็นภาระต่อระบบสาธารณสุขเมื่อเกิดการติดเชื้อด้วย เพราะวัคซีนมีผลทำให้ลดความหนักของอาการจากโรคโควิด

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า รัฐบาลยังคงจำเป็นต้องบริหารความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีนให้เกิดความสมดุล อย่างเร่งด่วน โดยสำรองวัคซีนทางเลือกต่างๆ ให้มีความหลากหลายกว่าที่เป็นอยู่ เพราะหากเกิดอุบัติการณ์จากการฉีดวัคซีนยี่ห้อใดที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน และมีความจำเป็นต้องระงับการฉีดวัคซีนยี่ห้อนั้นไว้ก่อนเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง เช่น กรณีการเชื่อมโยงกับภาวะการเกิดลิ่มเลือด จนทำให้หลายประเทศในยุโรปกำหนดข้อแนะนำเกี่ยวกับอายุของผู้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา หรือประเทศเดนมาร์กที่ยกเลิกการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาทั้งหมด หรือกรณีที่สหภาพยุโรปจะไม่ต่อสัญญากับผู้ผลิตวัคซีนชนิดไวรัล เวกเตอร์ ได้แก่ แอสตราเซเนกา และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง ประเทศจะได้มีวัคซีนทางเลือกอื่นในการฉีดให้กับประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด

“การฉีดวัคซีนในวันนี้มีความจำเป็นอย่างมาก ในเมื่อวัคซีนที่รัฐบาลมีอยู่มีกระจุกอยู่เท่านี้ ประชาชนก็จำเป็นต้องฉีด เพราะในมุมของเราและสังคมโดยรวม การฉีดดีกว่าการไม่ฉีด แต่หากรัฐบาลสามารถกระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีนที่ดีกว่านี้ มีวัคซีนทางเลือกที่หลากหลายในปริมาณที่สมดุลเพียงพอ ความเสี่ยงจากการฉีดวัคซีนที่ประชาชนต้องแบกรับก็จะลดลง ประชาชนก็จะมีโอกาสได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคที่สูงขึ้น ในขณะที่รัฐบาลก็จะสามารถบริหารการฉีดวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรับมือกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างมั่นใจ” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจาก กระทรวงสาธารณสุข ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปเริ่มลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันและไลน์ “หมอพร้อม” ได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป เพื่อลงคิวเข้ารับการฉีดวัคซีน พรรคก้าวไกลจึงขอเชิญชวนให้ทุกคนไปลงทะเบียนและเข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุดเพื่อพลิกฟื้นประเทศกลับสู่ภาวะปกติ

กรมขนส่งงดทำใบขับขี่ใหม่ 6 เดือน หากหมดอายุผ่อนผันใช้ได้ถึง 30 มิ.ย. นี้

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลที่กล่าวถึงประเด็นกรมขนส่ง งดทำใบขับขี่ใหม่ 6 เดือน หากหมดอายุผ่อนผันใช้ได้ถึง 30 มิ.ย. นี้ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

จากสถานการณ์การพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างเกิดขึ้นในหลายจังหวัดของประเทศไทย เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น กรมการขนส่งทางบก จึงจำเป็นต้องงดการอบรมด้านใบอนุญาตขับรถ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง โดยมีกิจกรรมที่งดให้บริการดังนี้

1.) งดการอบรมและทดสอบ ณ สำนักงานขนส่ง สำหรับผู้ขอใหม่ ทั้งสำหรับการขอรับใบอนุญาตขับรถ บัตรประจำตัวคนขับรถ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถใหม่ทุกชนิด ยกเว้น กรณีการผ่านการอบรมและทดสอบของโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก ให้นำผลผ่านการอบรมมาดำเนินการ ณ สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่ออกหนังสือรับรอง

2.) งดการอบรม ณ สำนักงานขนส่ง สำหรับการขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถ บัตรประจำตัวคนขับรถ และใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถทุกชนิด โดยให้เข้าอบรมผ่านระบบ e-Learning ทางเว็บไซต์ www.dlt-elearning.com สามารถนำผลการอบรมออนไลน์มาเป็นหลักฐานเพื่อต่ออายุใบอนุญาตขับรถได้

3.) งดการออกหน่วยเคลื่อนที่ด้านทะเบียนและภาษีรถ และด้านใบอนุญาตขับรถ ณ หน่วยบริการเคลื่อนที่รับชำระภาษีรถประจำปีที่ห้างสรรพสินค้าหรือแหล่งชุมชน (Shop Thru for Tax) และศูนย์บริการร่วม

ทั้งนี้ ได้ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอให้ผ่อนผันการใช้กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง กับผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถที่สิ้นอายุแล้ว ยังสามารถใช้แสดงตนได้ จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2564 และในส่วนของผู้ที่จองคิวผ่านแอปพลิเคชัน DLT Smart Queue ซึ่งตรงกับช่วงที่กรมการขนส่งทางบกงดให้บริการ จะยังคงได้รับสิทธิในการเข้ารับบริการเมื่อมีประกาศเปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ โดยกรมการขนส่งทางบกจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง และสำหรับผู้ที่ใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถสิ้นอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป ในระหว่างวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2564 กรมการขนส่งทางบกมีมาตรการเยียวยารองรับ ดังนี้

ผู้ที่ใบอนุญาตขับรถ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ สิ้นอายุเกิน 1 ปี ได้รับการยกเว้นการทดสอบข้อเขียน กรณีสิ้นอายุเกิน 3 ปี ได้รับการยกเว้นการทดสอบขับรถ หากเป็นใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก สิ้นอายุเกิน 3 ปี ได้รับการยกเว้นการทดสอบขับรถ

สำหรับการให้บริการด้านใบอนุญาตขับรถที่ไม่มีขั้นตอนการอบรมและทดสอบที่สำนักงานขนส่ง ยังคงเปิดให้บริการตามปกติในวันและเวลาราชการ เช่น การออกใบอนุญาตขับรถให้ผู้ที่มีหนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษาหรือโรงเรียนสอนขับรถมาก่อนแล้ว การออกใบแทนกรณีใบอนุญาตขับรถชำรุดหรือสูญหาย การเปลี่ยนชนิดใบอนุญาตขับรถชั่วคราว 2 ปี เป็นส่วนบุคคล 5 ปี การต่ออายุใบอนุญาตขับรถที่มีผลผ่านการอบรมออนไลน์ผ่านระบบ e-Learning ทาง www.dlt-elearning.com โดยการต่ออายุใบอนุญาตขับรถที่มีผลการอบรมออนไลน์ สามารถนำผลการอบรมติดต่อสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อเข้ารับการทดสอบสมรรถภาพของร่างกายและออกใบอนุญาตขับรถ ประกอบด้วย การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถยนต์, รถยนต์สามล้อ, รถจักรยานยนต์) ระยะเวลาอบรม 1 ชั่วโมง การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถขนส่ง ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง การอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (รถยนต์สาธารณะ หรือ แท็กซี่, รถยนต์สามล้อสาธารณะ, รถจักรยานยนต์สาธารณะ) ระยะเวลาอบรม 3 ชั่วโมง และการอบรมต่ออายุใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคล (รถจักรยานยนต์ รถยนต์สามล้อ รถยนต์) ขาดต่ออายุเกิน 1 ปี ระยะเวลาอบรม 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ ผลการอบรมออนไลน์มีอายุ 6 เดือนนับแต่วันที่ผ่านการอบรม

และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ของกรมการขนส่งทางบก สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.dlt.go.th เฟซบุ๊ก “กรมการขนส่งทางบก PR.DLT.News” หรือโทร. 1584

กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เดินหน้าโครงการ เตรียมความพร้อมผู้ประกอบการด้านการเงิน ผ่านหลักสูตร “SMEs รอบรู้เรื่องบัญชี วางแผนดี ขอสินเชื่อกี่ทีไม่มีพลาด” เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เตรียมความพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์ปัจจุบัน

นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) เปิดเผยว่า ดีพร้อม ได้พัฒนาหลักสูตร “SMEs รอบรู้เรื่องบัญชี วางแผนดี ขอสินเชื่อกี่ทีไม่มีพลาด” หลักสูตรออนไลน์ ภายใต้โครงการ เตรียมความพร้อมสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจใหม่ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) หรือผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจ ให้มีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และมีแผนงานที่ชัดเจนในการสร้างสภาพคล่องทางธุรกิจ ทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบและทราบถึงสุขภาพทางการเงินของกิจการได้ โดยเนื้อหาของหลักสูตร แบ่งออกเป็น 5 บทเรียน

ประกอบด้วย ความรู้บัญชีเบื้องต้น การบริการจัดการเงิน ตัวอย่างการวิเคราะห์ธุรกิจ ภาษีธุรกิจ และการจัดการสินเชื่อ ผ่านการบรรยายให้ความรู้ในรูปแบบออนไลน์จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ โดยผู้ประกอบการสามารถเลือกเรียนได้ทุกที่และทุกเวลากรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาผู้ประกอบการให้มีขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเป็นสื่อกลางให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน

ดังนั้น ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันด้านการเงินเพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งจากผลสำรวจเบื้องต้นพบว่า ผู้ประกอบการรายย่อย และกลุ่มผู้ประกอบขนาดกลางและขนาดย่อมและวิสาหกิจชุมชน ประสบปัญหาด้านการบริหารการเงินของธุรกิจและการขอสินเชื่อเป็นจำนวนมากซึ่งเป็นผลมาจากการขาดทักษะและองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการบัญชีธุรกิจ ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางส่วนมีหลักฐานทางบัญชียังไม่ชัดเจน ไม่สามารถระบุเส้นทางเข้าออกของรายได้ จึงพลาดการพิจารณาให้สินเชื่อ เพื่อนำเงินทุนมาพัฒนาและต่อยอดให้กับธุรกิจของตนได้เพียงพอ

นายณัฐพล กล่าวต่อว่า ดีพร้อม ในฐานะหน่วยงานที่อยู่เคียงข้างผู้ประกอบการและส่งเสริมในทุกมิติ ยังมีข้อแนะนำแนะนำ 6 ข้อที่ผู้ประกอบการต้องพัฒนาสร้างภูมิคุ้มกันด้านการเงินดังนี้

F: Financial Intelligence : ความรู้ความเข้าใจในข้อมูลการเงินที่จำเป็น คือ ต้องมีความรู้ด้านบัญชีพื้นฐาน เพื่อให้ทราบถึงตัวแปรต่าง ๆ ที่มีผลต่อสถานะทางการเงินของธุรกิจ รวมทั้งการบันทึกบัญชีให้เป็นปัจจุบัน เพื่อการวางแผนรับมือ หรือเผชิญวิกฤตการณ์ทางการเงินได้ทันท่วงที

I : Investment : การลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งนี้นอกจากการลงทุนในเครื่องจักรกลเพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตแล้ว ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการลงทุนกับคน หรือ บุคลากรในองค์กร ให้มีทักษะที่สามารถทำงานได้หลายรูปแบบ

N: New Normal Opportunity : โอกาสและความเสี่ยงในสถานการณ์ปกติใหม่ คือ ความเสี่ยงทางธุรกิจ และโอกาสทางธุรกิจ ที่ผู้ประกอบการต้องวิเคราะห์ในแผนการเงิน เนื่องจากภายหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 การดำเนินธุรกิจในรูปแบบเดิมจะเปลี่ยนไป อาจมีทั้งโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มมากขึ้นในบางประเภทของกิจการ อาทิ ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจโลจิสติกส์และความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับกลุ่มธุรกิจที่อยู่นอกเหนือปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพ อาทิ ธุรกิจบริการ ธุรกิจแฟชั่น และธุรกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง

S: Statement for Loan : การเตรียมตัวเพื่อขอสินเชื่อ คือการเตรียมแผนธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ต้องแสดงให้สถาบันการเงินเห็นว่า ธุรกิจสามารถทำกำไร และมีหลักประกันทางธุรกิจที่มั่นคง พร้อมทั้งหลักฐานทางบัญชีที่แสดงถึงเส้นทางการเข้า-ออกของรายได้และรายจ่ายต่าง ๆ รวมทั้งแผนบริหารการเงินที่เหมาะสม

E: Earning / Cash Flow : ความเข้าใจด้านกำไรและกระแสเงินสด คือ ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ทางการเงินของธุรกิจในทุกด้านให้มีความพร้อม ซึ่งกระแสเงินสดถือเป็นปัจจัยหลัก เพราะหากมีกระแสเงินสดเพียงพอ ผู้ประกอบการสามารถใช้กลยุทธ์เพื่อสร้างกำไรให้กับสินค้าและบริการ แต่หากไม่เพียงพอ อาจจำเป็นต้องจัดโปรโมชั่นเพื่อให้มีเงินสดเข้าสู่บัญชีเพิ่มขึ้น แต่มีผลกำไรที่ลดลง

R: Re-Check : การตรวจสอบแผนการเงิน เพื่อให้ทราบถึงจุดแข็ง-จุดอ่อน และทราบถึงปัจจัยเสี่ยง ของแผนการเงิน รวมทั้งการวางแผนสำรองเพื่อรองรับสถานการณ์ต่าง ๆ อันแสดงถึงความรอบครอบและความพร้อมของผู้ประกอบการ

“นอกจากความรู้ด้านการเงินผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องหาแนวทางเพื่อเพิ่มรายได้ของธุรกิจลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น และปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงการคาดการณ์อนาคตให้รอบคอบ เพื่อที่จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจได้อีกทางหนึ่ง” นายณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ประกอบการที่ต้องการพัฒนาทักษะด้านการเงินสามารถลงทะเบียนหลักสูตร “SMEsรอบรู้เรื่องบัญชี วางแผนดี ขอสินเชื่อกี่ทีไม่มีพลาด” ผ่านเว็บไซต์ https://www.dip-sme-academy.com/ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และข่าวดีสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่อยู่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงสามารถสมัครเข้าอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการด้านการเงิน (วันที่ 29-30 เมษายน พ.ศ.2564) โดยเนื้อหาในหลักสูตรจะสอนตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนการขอสินเชื่อธุรกิจ ตลอดจนการเขียนแผนธุรกิจเพื่อใช้ประกอบการขอสินเชื่อ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อธุรกิจสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2564 ผ่านเว็บไซต์ https://i.industry.go.th/ ระบบลงทะเบียนลูกค้ากระทรวงอุตสาหกรรม เลือกลงทะเบียนกิจกรรม A664 กิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการด้านการเงิน (จ.เชียงใหม่) สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มสนับสนุนการจัดตั้งธุรกิจ กองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ โทรศัพท์ 0 2202 4564 หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/dipindustry และ www.dip.go.th

“เชาว์” ซัด “อานนท์” ถูกหลอกใช้ เป็น "เบี้ย" คนคด หวังกลับมายึด ปชป. ใส่ร้าย "อภิสิทธิ์" หวังตีกัน ไม่ให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ชี้ ไม่ควรค่ากับการเป็นครู เต็มไปด้วยมิจฉาทิฐิ สร้าง hate speech เกลื่อนโลกออนไลน์  ลั่น พระแม่ธรณีไม่เคยให้อภัยคนทรยศพรรค

เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ เฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่อง จม.เปิดผนึก ถึงนายอานนท์ ผู้ไม่ควรค่าแก่การเป็นครูบาอาจารย์ มีเนื้อหาระบุว่า หลายวันติดต่อกันที่นายอานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)ออกมาขย่มพรรคประชาธิปัตย์และลามปามไปถึงอดีตนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและอดีตนายกชวน หลีกภัย สองบุคคลเสาหลักสำคัญของพรรคให้เสียหาย ซึ่งก็มีผู้ที่มีหน้าที่ของพรรคตอบโต้ไปบ้างแล้ว ที่จริงผมไม่ยากพูดเรื่องนี้ แต่เห็นว่าการเคลื่อนไหวของนายอานนท์ สอดรับกับข่าวกรองที่ผมได้ยินมาอย่างมีนัยยะสำคัญว่า

มีผู้คิดแผนการชั่วร้ายจะกลับมายึดพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง ลำพังนายอานนท์เป็นเพียงเบี้ยที่ถูกวางให้เดิน โดยอาศัยหวังจะที่ไปโด่งดังจาการที่ไปดีเบทชนะนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุลหรือรุ้ง แกนนำม็อบราษฎรในรายการทีวีช่องหนึ่ง ทำให้นายอานนท์หลงคิดว่าตัวเองเก่ง แต่หารู้ไม่ว่าการเอาสติปัญญาตัวเอง ซึ่งเป็นถึงครูบาอาจารย์ไปเปรียบเทียบกับเด็กนักศึกษาปี 1 และยังเยาะเย้ยถากถางซ้ำ แทนที่จะให้ความรู้ให้สมกับวุฒิภาวะของอาจารย์ คนที่คิดได้เช่นนี้ถ้าสติปัญญาและวุฒิภาวะไม่บอบบางจริงคงทำไม่ได้   หนำซ้ำการโพสต์ข้อความส่วนใหญ่ผ่านโลกออนไลน์ ล้วนแต่เป็น hate speech สร้างความเกลียดชังในสังคม แทนที่จะให้ข้อมูล ความรู้ ประเทืองปัญญาให้กับผู้คน 

นายเชาว์ ระบุด้วยว่า คนเป็นครูบาอาจารย์ ไม่ใช่แค่มีใบปริญญามาการันตีความรู้ แต่ต้องเป็นผู้อุดมด้วยศีล สมาธิ และปัญญาด้วย แต่พฤติกรรมของนายอานนท์ ขาดทั้งศีล สมาธิ และปัญญา ขาดศีลคือมากด้วยมิจฉาทิฐิ จึงใส่ร้ายพรรคประชาธิปัตย์ด้วยข้อความที่ผิดไปจากความจริง ไร้ซึ่งสมาธิ ที่จะทำให้มีสติรู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง ทำให้เอียงกะเท่เร่ จนส่งผลต่อการให้ความเห็นในทางสาธารณะแบบขาดวุฒิภาวะ เหมือนที่เคยให้ความเห็น แนะเด็กแก้ผ้าไปเรียน หลังออกมาเรียกร้องขอใส่ชุดไปรเวท ซึ่งไม่ใช่วิสัยของบัณฑิตพึงกระทำ ขาดปัญญา คือไม่รู้จักไตร่ตรองข้อมูลที่ได้รับมาว่ามีความเป็นจริงหรือไม่ จึงนำมาขยายผลแบบผิด ๆ และตกเป็นเครื่องมือของผู้อื่นอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะถูกหลอกหรือเต็มใจให้หลอกก็ตาม  

การโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ โดยใช้นายอานนท์เป็นเครื่องมือพุ่งเป้ามาที่อดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นการเอาภาพขณะจับมือกับนายธนาธรที่ลานโพธิ์ธรรมศาสตร์เมื่อการเลือกตั้งปี 62 ซึ่งนายบรรจง ชีวมงคลการ พิธีกรบนเวทีก็ออกมาแก้ให้แล้วว่า เขาเป็นคนบอกให้จับมือกันเองไม่มีอะไร ตลอดไปถึงประเด็นการเจรจากับพรรคเพื่อไทย เพื่อกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยโยงไปถึงนายพริษฐ์ วัชรสินธุ หลานชายว่ากำลังจะไปเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้เห็นว่าเป็นพวกที่ล้มเจ้า ซึ่งผมคิดว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง อีกทั้งยังสะท้อนชัดว่านายอานนท์ ขาดสติปัญญาจะแยกแยะระหว่างคำว่า "ปฏิรูป" กับ"ปฏิปักษ์" งมงายอยู่กับมายาคติของตัวเอง จนพุ่งเป้าทำลายทางเลือกอื่นที่ไม่ตรงกับความคิดตัวเองไปเสียทั้งหมด โดยไม่ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ

“ผมขอให้สติเป็นทานกับนายอานนท์ ไปไตร่ตรองให้ดี ว่ากำลังถูกหลอกใช้จากใครหรือไม่ เพราะเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มองเป็นอ่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นแผนตีกันอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ไม่ให้กลับมาสู่ถนนการเมืองในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้ง เสี้ยมให้คนในพรรคทะเลาะแตกแยกกันเอง สร้างความเกลียดชังให้คนทั่วไปเข้าใจว่าอดีตนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์กำลังจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยและพวกล้มเจ้า  นี่คือเกมที่แยบยลของคนเก่าที่เคยคิดจะยึดพรรคประชาธิปัตย์แต่ไม่สำเร็จ ต้องออกจากพรรคไปตั้งพรรคใหม่ สุดท้ายถูกหักหลังลอยเท้งเต้งหมดหนทางไป จึงคิดการใหญ่อาศัยช่วงที่พรรคกำลังอ่อนแอ จะกลับมายึดพรรคอีกครั้งเพื่อใช้พรรคเป็นฐานต่อรองกับกลุ่มอำนาจ โดยลืมไปว่าประวัติศาสตร์ 76 ปี ของพรรคประชาธิปัตย์พระแม่ธรณีไม่เคยให้อภัยคนคิดคดทรยศทิ้งพรรคไปแล้ว ได้กลับมายิ่งใหญ่หรือรุ่งเรืองในพรรคอีก นี้คือความศักดิ์สิทธิ์ของพรรคประชาธิปัตย์ครับ” นายเชาว์ กล่าว

“บิ๊กตู่” ถก ศบค.ชุดใหญ่ รับห่วงหลายเรื่อง จำเป็นต้องปรับมาตรการตามความจำเป็น

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 16 เมษายน 2564 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 5/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงต้นการประชุมว่า 

ขอขอบคุณทุกภาคส่วนในการบริหารสถานการณ์โควิดด้วยดีเสมอมา ถึงแม้จะมีการแพร่ระบาดในช่วงที่สามที่มีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนทำให้ประชาชนตื่นตระหนก ซึ่งเราก็ต้องปรับมาตรการตามความจำเป็น ตนเองก็มีข้อห่วงใยหลายเรื่องด้วยกัน ทั้งเรื่องการจัดหาวัคซีน การฉีดวัคซีน การบริหารจัดการโควิดไม่ให้มีการแพร่ระบาด ในการตรวจสอบการคัดกรอง การใช้โรงพยาบาลสนาม และการเตรียมจัดหาวัคซีนทางเลือกให้กับภาคเอกชน เราไม่เคยหยุดยั้งการทำงาน ต้องขอขอบคุณคณะทำงาน ศบค. คณะทำงานกระทรวงสาธารณสุข ที่ได้มีการประชุมหารือกันทุกวันในช่วงที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณในความเสียสละของท่านด้วย

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งทางแอปพลิเคชันไลน์ ถึง ส.ส. สามารถไปรับการฉีดวัคซีนได้ที่สถาบันบำราศนราดูร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งทางแอปพลิเคชันไลน์ ถึง ส.ส. ในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า ส.ส.ที่มีความประสงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถไปรับการฉีดวัคซีนได้ที่ สถาบันบำราศนราดูร ห้องประชุมอัจฉรา วันที่ 16-30 เม.ย. เวลา 09.00-16.00 น. ในวันเวลาราชการ สำหรับส.ส. ท่านใดที่อยู่ในระหว่างการกักตัว สามารถรับบริการได้หลังจากที่ครบกำหนดการกักตัวแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมอัจฉรา สถาบันบำราศนราดูร ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ได้มี ส.ส. ทยอยไปรับการฉีดวัคซีน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข มาดูแลความเรียบร้อยด้วยตัวเอง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าของกระทรวงสาธารณสุข โดย ส.ส.ที่อายุมากกว่า 60 ปีจะฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ส่วน ส.ส.ที่อายุต่ำว่า 60 ปี จะฉีดวัคซีนซิโนแวค

โดย ส.ส. ที่เดินทางไปฉีดวัคซีนในช่วงเช้า อาทิ นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นต้น

ด้าน น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยภายหลังการฉีดวัคซีนว่า ตนได้ฉีดวัคซีนซิโนแวคเพราะอายุไม่ถึง 60 ปี ซึ่งหลังจากฉีดวัคซีนแล้วนั่งรอดูอาการ 30 นาที ก็ไม่มีอาการแพ้วัคซีนแต่อย่างใด ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคเป็นความหวังและหนทางสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยลดการติดเชื้อและความสูญเสียในระดับชาติ เกิดเป็นแนวคิด "ฉีดวัคซีนช่วยชาติ" คือ หากประชาชน 60-70% ในประเทศฉีดวัคซีนก็จะเกิดภูมิคุ้มกัน ไวรัสก็จะหายไป สำหรับผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีน สามารถลงทะเบียนจองได้ทางไลน์ออฟฟิเชียล "หมอพร้อม" ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“เสกสกล” จวก “อมรัตน์” สมองกะโหลกกะลา ไร้แก่นสาร จ้องคิดลบกับรัฐบาล เหน็บ ทำได้คิดแค่เกาะหลังม็อบสามนิ้ว

เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “รำคาญทุกจำนวน นับทุกแถลงการณ์ และทุกสถิติของรัฐกะลา ไม่ตื่นเต้นและไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น” ว่า หากนางอมรัตน์ ไม่อยากฟัง ไม่เชื่อในความสามารถของนายกรัฐมนตรีในการแก้โควิด-19 ก็ไม่เป็นไร เพราะคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศฟัง แต่อย่าเป็นตัวถ่วง และที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำส.ส. พรรค ไปรับการฉีดวัคซีน ที่สถาบันบำราศนราดูร เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักที่จะรับวัคซีนในวันที่ 1 พ.ค.นี้ เรียกว่าทำตามนโยบายของรัฐหรือไม่ และแสดงว่าหัวหน้าพรรคก้าวไกล และส.ส.เห็นความสำคัญ

“คงมีแค่นางอมรัตน์ ที่สมองกะโหลกกะลา ชอบกล่าวหานายกฯและรัฐบาล คนประเภทนี้สมองกลวง ชอบมองโลกในแง่ร้าย คิดลบตลอดเวลา คิดแต่เรื่องโจมตีใส่ร้ายแบบไร้สาระ และมีนิสัยที่คนไทยทั้งประเทศรู้ดีว่า ชอบไปร่วมชุมนุมกับม็อบสามนิ้วที่ก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบัน และชอบโชว์เอาตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวให้แกนนำคนที่คิดล้มล้างสถาบัน ให้การสนับสนุนแกนนำสามนิ้วทุกรูปแบบ จนคนไทยส่วนใหญ่ที่ปกป้องสถาบัน รู้ถึงนิสัยสันดานจนเอือมระอา และตั้งฉายาให้ว่า เตี้ยหลังม็อบ เพราะชอบแอบเข้าไปร่วมชุมนุมกับม็อบสามนิ้วทุกครั้ง นี่คือพฤติกรรมของคนที่มีหัวกะโหลกกะลา หาอะไรที่เป็นแก่นสารกับชีวิตไม่ได้เลยสักเรื่อง” นายเสกสกล กล่าว

“อนุทิน” ชง ศบค.ชุดใหญ่ “คุมเข้มจ.สีแดง ปิดสถานบันเทิง ยาวสิ้นเม.ย.-ห้ามสังสรรค์ในครอบครัว-ให้อำนาจผู้ว่าฯตัดสิน ห้ามออกนอกเคหะสถานหรือไม่ -ไม่ห้ามข้ามจังหวัด แนะปชช.ให้ดูข้อกำหนดแต่ละพื้นที่ ย้ำ เตียงรพ.ยังเพียงพอ ริงรับสถานการณ์

วันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)หรือ ศบค.ว่า ทางสาธารณสุข จะเสนอที่ประชุมพิจารณามติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 เมษายน ที่เสนอปรับโซนสีพื้นที่จังหวัดทั่วประเทศ ส่วนการเดินทางของประชาชนยังคงเดินทางไปมาได้ แต่ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละจังหวัดจะออกมาตรการรองรับอย่างไร รวมถึงให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจตัดสินใจเรื่องการออกนอกเคหะสถาน เช่น จังหวัดสมุทรสาคร เคยประกาศก่อนหน้านี้เพราะเขาทราบถึงสถานการณ์ในจังหวัดดี 

โดยมาตรการในภาพรวมของทั้งประเทศ พยายามจะให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด แต่จะเข้มข้นขึ้นบางเรื่อง โดยจะเสนอห้ามการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและสถานประกอบการต่าง ๆ และให้ปิด ผับ บาร์ คาราโอเกะ ไปจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ เพราะหวังว่าถ้าประชาชนรวมกลุ่มกันน้อยลง จะลดการแพร่ระบาดได้ ส่วนการจำหน่ายสุราในร้านค้าทั่วไป จะขอความร่วมมือให้ซื้อกลับไปกินที่บ้านแต่ไม่ใช่ว่าห้ามขายในร้านอาหารแล้วไปนัดกันที่บ้าน ดังนั้นจะเสนอศบค.ไม่ให้มีการเลี้ยงสังสรรค์กันสำหรับคนในครอบครัวเพิ่มเติม เพราะจะเป็นการรวมตัวของคนจำนวนมาก 

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการรวมกลุ่มเล่นการพนันในโรงพยาบาลสนาม นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงาน คงไม่มีถึงขนาดนั้น ซึ่งผู้ป่วยในโรงพยาบาลสนามทุกคนถือเป็นผู้ป่วยจะไม่มีการแพร่เชื้อกันเพิ่มขึ้น แต่ถ้ามีการตั้งวงเล่นการพนันกันก็คงต้องออกจากโรงพยาบาลสนามไปเข้าคุก เรื่องนี้ผู้รับผิดชอบในโรงพยาบาลสนามคงต้องไปดูแล หากเป็นการเล่นเพื่อผ่อนคลายไม่ใช่การพนัน คลายเครียดเล่นดีดนิ้ว ไม่ได้แพร่กระจายเชื้อก็โอเค ทั้งนี้วงรอบของการแพร่เชื้อจะอยู่ที่ 2 สัปดาห์ ขอให้เราอึดกันอีก 2 สัปดาห์จะต้องดีขึ้น แม้ตัวเลขอาจจะไม่เป็นศูนย์ แต่เมื่อมีมาตรการออกมา 2 สัปดาห์นี้ตัวเลขจะลดลง หากเราหย่อนมาตรการวงรอบจะไม่ตัดวงจรการระบาด ดังนั้น 2 สัปดาห์หลังจากนี้เราคิดว่าน่าจะตัดวงจรได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าเข้มสุด ๆ ก็กังวลว่าประชาชนจะเดือดร้อน เราพยายามทำในระดับที่ระบบสาธารณสุขยอมรับได้ และได้รับความร่วมมือจากประชาชน ก็จะสามารถประดับประคองสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติได้

เมื่อถามถึงความพร้อมเตียงสำหรับคนไข้ นายอนุทิน กล่าวว่า ยืนยันว่ามีเพียงพอ แต่บุคคลากรทางการแพทย์เรามีเท่านี้ ดังนั้นเมื่อเราใช้มาตรการที่เข้มข้นอยู่ในช่วงนี้ก็หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากประชาชนมนการป้องกันตัวเองด้วย เพราะจำนวนผู้ป่วยแต่ละวัน ในช่วงสัปดาห์หลังจากนี้จะค่อย ๆ ลดลงไป ขณะที่กทม.ก็เตรียมโรงพยาบาลสนามไว้แล้ว ถ้าไม่ถึงขั้นจำเป็นมากเราก็อยู่ในระบบสาธารณสุข ในโรงพยาบาลจะดีกว่า แต่ถ้าเราไม่มีมาตรการอะไรเลยแบบนั้นจะไม่พอ จำเป็นต้องใช้โรงพยาบาลสนาม และต้องเน้นการรักษาที่บ้าน ซึ่งเราไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น ยืนยันตอนนี้ยังดูแลไหวอยู่ ก็อยากให้ทุกคนได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างเต็มที่ แต่ก็ยอมรับว่าการเข้ารักษาตัวของประชาชนตอนนี้ยากกว่าเดิม เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงกว่าก่อนหน้านี้ 

ตอนนี้ถ้าใครเป็นก็ขอว่าให้กักตัวอยู่ในบ้านและเว้นระยะห่างกันที่สุด หน้ากากอนามัยต้องไม่หลุด แต่ระบบก็จะไล่ส่งรถไปรับให้ทุกคนมารักษาพยาบาล และตอนนี้ก็เริ่มมีการให้ผู้ป่วยที่มีรถส่วนตัวให้เข้ามาที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา เป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สำหรับแผนการกระจายวัคซีนที่เพิ่งได้รับมา 1 ล้านโดสเมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา จะเน้นกระจายไปที่บุคลากรทางการแพทย์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ยืนยันเราไม่ปิดกั้นการจัดหาวัคซีนและพร้อมให้ทุกฝ่ายร่วมดำเนินการ

กลายข่าวสะเทือนสายการบินสัญชาติสิงคโปร์วันนี้ เมื่อทางการฮ่องกงมีคำสั่งระงับเที่ยวบินของ Scoot สายการบินราคาประหยัดในเครือของสิงคโปร์แอร์ไลน์เป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์

กลายข่าวสะเทือนสายการบินสัญชาติสิงคโปร์วันนี้ เมื่อทางการฮ่องกงมีคำสั่งระงับเที่ยวบินของ Scoot สายการบินราคาประหยัดในเครือของสิงคโปร์แอร์ไลน์ เส้นทางสิงคโปร์ ไปฮ่องกงเป็นเวลานานถึง 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 16-29 เมษายน ค.ศ.2021 นี้ เนื่องจากตรวจพบผู้โดยสาร 2 คน ติดเชื้อ Covid-19 บนเที่ยวบินที่ขาไปฮ่องกง

ผู้โดยสารทั้ง 2 คนเดินทางไปกับสายการบิน Scoot เที่ยวบิน TR980 จากท่าอากาศยานสิงคโปร์ไปฮ่องกงเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งปัญหาคือ ผู้โดยสารทั้ง 2 คน มีผลตรวจเชื้อเป็นลบก่อนเดินทางออกจากสิงคโปร์ แต่กลับพบผลตรวจเป็นบวกเมื่อไปถึงที่ท่าอากาศยานฮ่องกง

และยังพบว่ามีผู้โดยสารบางคนมีเอกสารประกอบการเดินทางไม่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านการควบคุมโรคระบาดของทางการฮ่องกง จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลฮ่องกงตัดสินใจระงับเที่ยวบินจากสิงคโปร์สู่ฮ่องกงของสายการบิน Scoot เป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่คำสั่งนี้ไม่มีผลกับเที่ยวบินขากลับ ฮ่องกง สู่สิงคโปร์ ผู้โดยสารยังสามารถเดินทางได้ตามปกติ

ก่อนหน้านี้ ทางฮ่องกงเคยสั่งระงับเที่ยวบินของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์มาแล้ว เมื่อพบผู้โดยสาร 1 คนบนเครื่องติดเชื้อ Covid-19 และมีผู้โดยสารอีก 3 คนที่ไม่ทำตามระเบียบเรื่องการควบคุมโรคของสายการบิน จึงทำให้สิงคโปร์แอร์ไลน์ถูกระงับเที่ยวบินจากสิงคโปร์เข้าสู่ฮ่องกงเป็นเวลา 2 สัปดาห์เช่นกัน และเพิ่งพ้นโทษแบนในวันนี้ 16 เมษายน ก็มาเกิดเหตุกรณีเดียวกันกับสายการบิน Scoot ต่อทันที

ตอนนี้ รัฐบาลฮ่องกง และ สิงคโปร์กำลังเข้าสู่การสรุปรายละเอียดในการทำข้อตกลง "ระเบียงท่องเที่ยว" หรือ Travel Bubble ร่วมกัน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ที่จะทำให้พลเมืองทั้ง 2 แห่งสามารถเดินทางเข้า-ออก ประเทศได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน โดยมีเงื่อนไขว่า ทั้งสิงคโปร์ และ ฮ่องกง จะต้องไม่มีเคสการติดเชื้อที่ไม่ทราบที่มาเกินกว่า 5 เคสในรอบ 7 วัน และผู้เดินทางต้องได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว

แต่หากยังตรวจพบผู้โดยสารที่ติดเชื้อ Covid-19 บนเที่ยวบินระหว่างเดินทาง อาจทำให้โครงการ Travel Bubble ระหว่าง ฮ่องกง-สิงคโปร์ อาจต้องเลื่อนไปก่อนอย่างไม่มีกำหนดก็เป็นได้


อ้างอิง:

https://www.straitstimes.com/singapore/transport/scoot-flights-from-spore-barred-from-landing-in-hong-kong-for-2-weeks-after-2

https://www.channelnewsasia.com/news/singapore/covid-19-scoot-hong-kong-bars-passenger-flights-singapore-14627588

https://thethaiger.com/hong-kong/hong-kong-slaps-singapore-airlines-with-2-week-ban-over-covid-infractions

https://www.straitstimes.com/singapore/transport/spore-and-hk-finalising-details-of-air-travel-bubble-hope-to-announce-plans-soon

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว. โพสต์ความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัวเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ในขณะนี้มีรายละเอียดว่า...

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว. โพสต์ความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัวเกี่ยวกับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ในขณะนี้มีรายละเอียดว่า... คนไทยไม่ใช่หนูทดลองวัคซีน-รู้ให้เท่าทันการล่าอาณานิคมวัคซีน เชื้อโควิด-19 เป็นไวรัสที่มีหนามจึงมีชื่อว่า โคโรน่าไวรัส แปลว่าไวรัสที่มีมงกุฎหนาม ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายเร็ว มีความรุนแรงและแพร่ระบาดไปในระดับโลก โดยอัตราการเสียชีวิตในระยะแรกจะสูงมาก

อย่างไรก็ตาม ไวรัสเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวเก่ง ในยามเริ่มแรกไวรัสโควิด-19 ยังเป็นพวกป่าเถื่อนอยู่ที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตเลย เปรียบเทียบกับโรคโคโรนาไวรัสซาร์สตัวแรกเมื่อ 18 ปีก่อน ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่มีมงกุฏหนามเช่นกันแต่เมื่อผู้ป่วยเสียชีวิต เชื้อไวรัสก็ตายด้วย ทำให้ซาร์ส-1 สูญหายไปเองอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้ยาฆ่าเชื้อหรือฉีดวัคซีนสารพัดยี่ห้อเหมือนเดี๋ยวนี้ ที่เรากำลังเผชิญหน้ากับโควิด-19 หรือ ซาร์ส-2 แม้จะรุนแรงน้อยกว่าซาร์ส-1 แต่ก็สิงสถิตอยู่กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ยาวนานกว่ามาก และยังไม่มีใครตอบได้ว่าเจ้าโคโรนาไวรัสซาร์ส-2 หรือโควิด-19 จะอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน

ถ้าเราลองนึกย้อนกลับไปในระยะใกล้ ๆ นี้ ยังไม่เคยมีการค้นพบวัคซีนป้องกันโรคไวรัสอุบัติใหม่ใดใดได้สำเร็จเลย จนกระทั่งโรคระบาดเหล่านั้นสูญหายไปเองในปีเดียว โดยไม่ต้องใช้วัคซีนเลย เช่น ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่2009 โรคซาร์ส โรคเมอร์ส เป็นต้น

ในขณะที่ไข้หวัดใหญ่ที่ผลิตวัคซีนออกมา กลับมีการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสใหม่ทุกปี แม้แต่โรคไวรัสเอดส์ ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ร้ายแรงในอเมริกามาตั้งแต่ปี 2524 และเชื้อไวรัสเอดส์ยังอยู่กับเรามาจนบัดนี้ มีตัวเลขเมื่อปี 2563 นี้เองว่ามีผู้ติดเชื้อ HIV ทั่วโลกราว 37 ล้านคน กล่าวเฉพาะในกรุงเทพฯ ของเราจังหวัดเดียว ยกตัวอย่างในปี 2562 มีผู้ติดเชื้อ HIV ราว 77,558 คน และมีผู้เสียชีวิตที่รายงานว่าตายเพราะเอดส์ในปีเดียวกันจำนวน 1,877 คน ในปัจจุบันเรามีแต่ยาต้านเชื้อเอดส์ แต่ไม่มีวัคซีนป้องกันเอดส์แม้แต่เข็มเดียว ทั้งที่พวกบริษัทผลิตวัคซีนยักษ์ใหญ่มีเวลายาวนานถึง 40 ปี แต่ทำไมไม่มีความสามารถในการผลิตวัคซีนเอดส์

ในช่วงหลังจะพบว่าไวรัสโควิด-19 มีการปรับตัวมากขึ้นเพื่อจะได้ดำรงอยู่กับผู้ติดเชื้อได้ จึงมีการกลายพันธุ์ ที่พบขณะนี้อย่างน้อย 3 สายพันธุ์ คือ (1) สายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 (2) สายพันธุ์แอฟริกาใต้ B.1.351 และ (3) สายพันธุ์บราซิล P.1 ยังไม่มีหลักฐานว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ 3 สายพันธุ์นั้น ชนิดใดที่ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยรุนแรงมากกว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์เดิม โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดคือผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ไวรัสทั้ง 3 สายพันธุ์นี้มีการเปลี่ยนแปลงที่ปุ่มโปรตีน ซึ่งเป็นส่วนที่ไวรัสใช้ในการยึดเกาะกับเซลล์ในร่างกายมนุษย์ ทำให้สามารถที่จะเข้าสู่เซลล์และแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น

โชคดีของคนไทยที่โควิด-19 ในระลอก 2 และ 3 ในประเทศเรานี้ มีอัตราความรุนแรงต่ำลงจากปีที่แล้ว โดยจากเดิมเมื่อปี 2563 ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิต 2.95% แต่ปัจจุบันแม้มีผู้ติดเชื้อมาก แต่อัตราการเสียชีวิตต่ำกว่า 0.34% แปลว่าความรุนแรงของโรคลดลงมาก แม้ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เชื้อโควิด ระยะหลัง ผู้ป่วยส่วนใหญ่ “ไม่มีไข้” แปลว่า ที่ผ่านมาการคัดกรองไข้ตามสถานที่ต่างๆ อาจจะหลงทางมานาน การคัดกรองด้วยการวัดไข้ 37.5 องศาเซสเซียส อาจกลายเป็นตัวชี้วัดที่ได้ผลน้อยหรืออาจไม่ได้ผลเลย จึงยากแก่การป้องกันควบคุมโรคระบาดระลอกใหม่นี้ได้

วัคซีนในปัจจุบันที่ประเทศไทยนำมาใช้มีอยู่ 2 ยี่ห้อคือ ซีโนแวคจากจีน และแอสตร้าเซเนก้าจากเกาหลีใต้ ซีโนแวคมีประสิทธิศักดิ์ต่ำแต่ปลอดภัยกว่าเพราะมาจากเชื้อโควิดที่ตายแล้ว แต่กลับห้ามฉีดในผู้สูงวัย ทั้ง ๆ ที่กลุ่มผู้สูงวัยเสี่ยงที่จะมีความรุนแรงของโรคมาก และอัตราการเสียชีวิตสูง แปลว่าเรากำลังฉีดวัคซีนลดความรุนแรงในกลุ่มที่มีความรุนแรงของโรคต่ำมากอยู่แล้ว ทำให้ดูเหมือนว่าวัคซีนเป็นตัวช่วยเรื่องนี้ ซึ่งแท้จริงอาจไม่ใช่มาจากวัคซีนก็เป็นได้ใช่หรือไม่

ในขณะที่แอสตร้าเซเนก้า เป็นวัคซีนที่ใช้เชื้อไวรัสหวัดชนิดหนึ่งจากลิงชิมแปนซี มาดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้มีโปรตีนโคโรนาไวรัสเลียนแบบ ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายมนุษย์สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต้านเชื้อโควิด-19 ได้ ในทางทฤษฎี (ขอให้ขีดเส้นใต้ตรงคำว่า”ในทางทฤษฎี”) วัคซีนแอสตราเซเนก้าจึงอยู่ในระหว่างการพัฒนาให้ดีขึ้น และปลอดภัยขึ้น โดยทั้งนี้พบว่ายังเป็นวัคซีนที่มีค่าประสิทธิศักดิ์ต่ำกว่าวัคซีนอีกหลายตัวในยุโรป และเป็นวัคซีนที่ยังมีข้อถกเถียงเรื่องความปลอดภัย จึงยังไม่ใช่วัคซีนที่จะใช้ป้องกันโรค หรือใช้วงกว้างมากที่สุดเช่นกันในเวลานี้ ใช่หรือไม่

ข้อเสนอของหลายฝ่ายในการใช้วัคซีนให้มากทั่วถึงและรวดเร็วในเวลานี้ดูไม่เป็นเหตุเป็นผลที่ชาวบ้านธรรมดาอย่างเรา ๆ จะเข้าใจได้เลย เพราะข้อเท็จจริงขัดกับความเชื่อที่ว่าวัคซีนจะเป็นเครื่องช่วยชีวิต ป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดได้ ซึ่งผูกติดกับความเชื่อดั้งเดิมว่าฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดเชื้อซ้ำอีก แต่วัคซีนโควิดในปัจจุบันยังไม่ตอบโจทย์ประเด็นข้างต้น จริงอยู่วัคซีนโควิดอาจช่วยได้คือลดความรุนแรงและไม่เสียชีวิตเมื่อติดเชื้อโควิด แต่ถ้าอัตราการตายจากโควิดในปีนี้ ลดลงมากจาก 2.75% ของปี 2563 เหลือเพียง 0.34% ในปี 2564 แน่นอนว่าไม่ได้เป็นผลมาจากวัคซีนแต่อย่างใด เพราะคนไทยเพิ่งได้รับวัคซีนไปราว 5 แสนคน ยังไม่ถึง 1% ของประชากรด้วยซ้ำไป ทั้งที่ ข้อมูลทางวิชาการระบุว่าวัคซีนที่จะหยุดการแพร่ระบาดได้ ต้องฉีดให้ได้อย่างต่ำ 25-60% ของประชากรจึงอาจจะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นได้

ณ ขณะนี้ ประสิทธิศักดิ์ประสิทธิผล และความปลอดภัยของวัคซีนโควิดทุกยี่ห้อที่ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ยังเป็นประเด็นถกเถียงกันในหมู่นักไวรัสวิทยาและนักอิมมูโนวิทยาทั่วโลก แม้องค์การอนามัยโลกจะไฟเขียวให้ใช้ได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วก็ตาม แต่องค์การอนามัยโลกก็ยังไม่สามารถตอบคำถามได้ว่าจะต้องฉีดวัคซีนมากเท่าใด จึงจะเริ่มเกิดภูมิคุ้มกันได้จริงและอยู่ได้ยาวนานเพียงไร

สิ่งที่น่าปะหลาดใจอีกอย่างจากกรณีการตรวจเชิงรุกที่กลุ่มประชากรที่สมุทรสาคร ช่วงระบาดระลอก 2 พบข้อมูลสำคัญว่าผู้ที่เข้าตรวจนั้นมีภูมิคุ้มกันโควิด-19 อยู่แล้วถึง 73% โดยไม่ต้องฉีดวัคซีนใดๆ เลย (ดูตารางประกอบ) ยิ่งทำให้เห็นว่ารัฐควรทุ่มสรรพกำลังในการศึกษาวิจัยว่าคนในจังหวัดที่พบการระบาดมาก ว่ามีภูมิคุ้มกันแล้วเท่าใด หากพบมากก็จะไม่ต้องไปฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นภูมิซ้ำซ้อนสิ้นเปลืองไปอีก

วิกฤตการณ์โควิดในเวลานี้ไม่ต่างจากสงครามโลกในอดีต แต่คราวนี้เป็นสงครามกับเชื้อโรค ในยามสงครามผู้จะร่ำรวยจากสงครามคือพ่อค้าอาวุธ แต่สงครามกับเชื้อโรค ผู้ที่จะร่ำรวยก็คือพ่อค้ายาและวัคซีน ใช่หรือไม่ ข้อนี้เป็นสิ่งที่คนทั่วไปอดสงสัยไม่ได้ ยิ่งคนแตกตื่นและหวังพึ่งวัคซีนที่ยังพัฒนาไม่เต็มร้อยเพียงอย่างเดียว จนไม่สนใจทางเลือกอื่นๆ ก็มีแต่ทำให้บริษัทยาร่ำรวยโดยไม่ต้องรับผิดชอบ

รัฐบาลควรพิจารณาทางเลือกจากภูมิปัญญาสมุนไพรของนักวิจัยไทยและนานาชาติในการใช้ฟ้าทะลายโจรกับผู้ป่วยโควิดโดยการทำวิจัยอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการใช้ฟ้าทะลายโจรในการรักษา ซึ่งไม่ต่างจากการติดตามรายงานผลอาการ และผลข้างเคียงของคนรับวัคซีน เฟส 4 (post marketing) ของบริษัทยา โดยที่ฟ้าทะลายโจรเป็นยาในบัญชียาหลัก จึงมีความปลอดภัยสูง การพบว่าฟ้าทะลายโจรสามารถฆ่าเชื้อโควิด-19 ในหลอดทดลอง และการใช้ทางคลินิกพบว่า ผู้ติดเชื้อโควิด 270 คน สามารถหายได้ภายใน 5 วัน ที่รับรองผลการทดลองโดยกรมแพทย์แผนไทยแล้วอีกด้วย

ไม่ใช่แค่การทดลองในประเทศไทยเท่านั้น ยังมีงานวิจัยของจีนเกี่ยวกับฟ้าทะลายโจรกับโควิด-19 เมื่อ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 โดยนักวิจัยจีนใช้เทคนิคการจับของโครงสร้างยากับเชื้อโรค (molecular docking) ในคอมพิวเตอร์ พบว่าสารแอนโดรกราโฟไลด์ และอนุพันธุ์ของฟ้าทะลายโจร จับตัวกับเชื้อโควิดหลายตำแหน่งโดยเป็นตำแหน่งที่สำคัญในการยับยั้งการเข้าสู่เซลล์ของไวรัสโควิด และยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส นอกจากนี้จีนยังเคยจดสิทธิบัตรสารแอนโดรกราโฟไลด์และอนุพันธ์ของฟ้าทะลายโจรในการป้องกันและรักษาโรคซาร์ส-1 ซึ่งเป็นโคโรนาไวรัสตระกูลเดียวกับโควิด-19

นอกจากนี้มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ สาขาสาธารณสุขศาสตร์ ตีพิมพ์แนวการรักษาโรคติดเชื้อโควิด-19 ที่มีภาวะปอดเสียหายเฉียบพลัน พบว่าอนุพันธุ์ของฟ้าทะลายโจร ชื่อ Dehydrographolide Succinate ซึ่งขึ้นทะเบียนที่จีนใช้เป็นยาฉีดรักษาปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งอาจจะนำมาใช้ในการรักษาปอดเสียหายจากโควิดในรูปยาพ่นละออง

กลไกสำคัญของฟ้าทะลายโจรที่พบ 4 ประการคือ

1.) กลไกป้องกันไวรัสเข้าเซลล์

2.) ลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส

3.) ลดการอักเสบ โดยเฉพาะที่ปอด

4.) เพิ่มภูมิคุ้มกัน

อย่างไรก็ดีวัคซีนป้องกันที่ดีที่สุดคือการเว้นระยะห่างทางกายภาพ การสวมใส่มาสก์ การล้างมือบ่อย ๆ การรักษาสุขภาพเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน ซึ่งแนวทางนี้ ประเทศไทยเคยทำมาแล้วสมัยเกิดอหิวาตกโรคเมื่อ 200 ปีก่อน (พ.ศ.2363) สมัยรัชกาลที่ 2 คนไทยในพระนครตายไป 30,000 คน ในเวลานั้น มีประชากรในกรุงเทพฯ แค่แสนเศษ เท่ากับเสียชีวิตถึง 30% แต่เมื่อล้นเกล้ารัชกาลที่ 2 ทรงรับสั่งให้ประชาชนอยู่กับบ้าน (lock-down) ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายหน้า ฝ่ายใน ก็โปรดมิให้เข้าเฝ้า ให้งดกิจราชการเสียทั้งหมด ปล่อยไพร่ทาสและนักโทษทั้งหมดให้กลับไปอยู่บ้านเรือนของตน ถนนหนทางไม่มีคนเดิน ตลาดหยุดค้าขาย เว้นไป 15 วัน โรคระบาดภายในกรุงเทพฯสมัยนั้นก็ทุเลาลง

การต่อสู้กับโควิด-19 ในเวลานี้ ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ และความพยายามในการพึ่งตนเองโดยอาศัยภูมิปัญญาการรักษาของสังคม และลดการระบาดด้วยสุขอนามัยคือการใส่มาสก์ ล้างมือ ไม่อยู่ในที่แออัดอย่างที่บรรพบุรุษไทยเคยใช้กันอย่างได้ผลมาแล้ว ในขณะที่หลายคนกำลังคิดว่าทำไมประเทศไทยจึงฉีดช้ากว่าประเทศอื่นๆ ทำไมเราไม่ตั้งคำถามว่า เราจะเสี่ยงกับวัคซีนที่ยังไม่วิจัยอย่างชัดเจนเพื่ออะไร ในขณะที่ประเทศไทยมีอัตราความรุนแรงของโรคต่ำมาก อัตราการเสียชีวิตก็ต่ำมาก และวัคซีนก็ยังไม่ถึงระดับป้องกันการติดเชื้อได้ อีกทั้งเราสามารถใช้สมุนไพรของเราเองรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิผลดีอยู่แล้ว

ในสถานการณ์เช่นนี้ ที่โควิดยังกลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ จนอาจต้องฉีดวัคซีนกันไม่สิ้นสุด คนไทยควรจะเป็นหนูทดลองพร้อมชาติอื่น หรือจะให้คนชาติอื่นใช้วัคซีนไปก่อนสักพักเพื่อดูผลกระทบโดยรวม อะไรที่จะเป็นวิธีที่ดีกว่ากัน

รสนา โตสิตระกูล

11 เมษายน 2564

#คนไทยไม่ใช่หนูทดลองวัคซีน #วัคซีนไม่ใช่ทางออกเดียว #โควิดรักษาได้ #พึ่งตนเองไม่ต้องรอวัคซีน #รสนาโตสิตระกูลว่าที่ผู้สมัครผู้ว่ากทม #รสนา #ฟ้าทะลายโจร #ผู้ว่ากทม. #วัคซีน #Covid-19


ที่มา https://www.facebook.com/%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B9%E0%B8%A5-236945323048705


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top