Thursday, 12 June 2025
Hard News Team

เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกอง จ.หนองบัวลำภู สร้างกิโยตินตัดคอตัวเองเสียชีวิต เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เพราะเชื่อว่าวิธีนี้จะทำให้ได้เป็นพระปักเจกพระพุทธเจ้าในโลกหน้า

ทางผู้สื่อข่าวได้ทำการเดินทางเข้าพบ 'พระราชธรรมนิเทศ' หรือ 'พระพยอม กัลยาโน' เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว เพื่อทำความเข้าใจถึงกรณีดังกล่าว...

โดยพระพยอม ได้เปิดเผยว่า ไม่มีคำว่าตัดหัวถวายเป็นบารมี ถ้าตัดกิเลสตัดทุกข์ ตัดความเห็นผิด ก็ไม่ใช่ทางที่พระพุทธเจ้าตรัส เเละเรื่องการค่าตัวตายไม่ใช่มีในยุคนี้ ยุคก่อน ๆ ก็มี

พุทธเจ้าสอนให้ละสังขาร ละความยึดมั่นในสังขาร แต่ 'ตัดคอ' ตัดกิเลสตัดทุกข์ คือ คนละเรื่องกัน อย่าเอามาปนกัน ถ้าปนกันแล้วก็เป็นอีกลัทธินึง

ถ้าถามว่า การทำเเบบนี้เป็นพุทธบูชาไหม บูชามี 2 อย่าง 'อมิสบูชา' กับ 'ปฏิบัติบูชา' ถ้าเอาหัวไปบูชาน่าจะเข้าข้อ อมิสบูชา แต่ถ้าปฏิบัติบูชาอย่างหลวงปู่มั่นเอาชีวิตเข้าแรก ปฏิบัติให้ตายแล้วได้เป็นพระอรหันต์ อย่างนี้เรียกว่าเป็นการปฏิบัติบูชา

อย่างนี้เป็นการดูถูกพระพุทธเจ้าหรือไม่ที่นำหัวคนมาถวาย เพราะพระพุทธเจ้าไม่มีทางรับหัวคน ถ้ามีใครตัดคอลูกตัดคอเมียมาถวายพระพยอม ก็รับไม่ได้ เเละไม่รับเด็ดขาด เพราะเป็นหัวคน ชีวิตคนทั้งคน

พระพุทธเจ้าไม่ใช่ไสยเวทไสยศาสตร์ ที่จะนำหัวคนมาปลุกเสก พระพุทธเจ้ารับปัจจัย 4 อาหาร, เครื่องนุ่งห่ม, เสื้อผ้า, กุฏิที่อยู่อาศัย, ยารักษาโรค ไม่เห็นมีว่าเอาหัวคนเป็นปัจจัยที่ 5-6

อยากจะฝากสาวกคนที่เลื่อมใสศรัทธา-ความเชื่อ การเชื่อครูบาอาจารย์ เราจะเชื่อได้ แต่ไม่ใช่การเชื่อทางสอนที่จูงไปในทางผิด ถ้าจะบำเพ็ญบารมี ควรทำบารมี 10 ทรรศ แต่ตัดหัวนี่ไม่ใช่แน่นอน


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000036770

สศช.ชี้โควิด ทำกระทบคน 1.13 ล้านครัวเรือนเสี่ยงตกเป็นคนจน

นางสาวจินางค์กูร โรจนนันต์ รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช. ประเมินว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะกระทบต่อครัวเรือนที่มีความเสี่ยงต่อการตกเป็นคนจน 1.13 ล้านครัวเรือน มากถึง ทั้งกลุ่มครัวเรือนที่พึ่งพิงรายได้จากเงินช่วยเหลือจากบุคคลอื่นภายนอกครัวเรือน ประมาณ 6.37 แสนครัวเรือน, กลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้จากการทำงานลดลงมาก 4.5 แสนครัวเรือน เช่น ทำงานในภาคการท่องเที่ยว และครัวเรือนที่ประกอบอาชีพอิสระ และกลุ่มครัวเรือนเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน หรือมีที่ดินทำกินน้อย ประมาณ 4.9 หมื่นครัวเรือน 

ส่วนตัวเลขความยากจนจากผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และการจ้างงาน ทำให้คนยากจนมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเมื่อใช้เส้นความยากจนในปี 62 ที่ 2,763 บาทต่อคนต่อเดือน ประเมินจำนวนคนจนในไตรมาส 1 - 3 ของปี 2563 พบว่า ไตรมาส 1 ปี 63 คนยากจนจะมีจำนวนทั้งสิ้น 7.8 ล้านคนคิดเป็นสัดส่วนคนจนที่ 12.7% เพิ่มขึ้นจากปี 62 ที่มีจำนวนคนจนเพียง 4.3 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 6.4%  

ขณะที่ในไตรมาส 2 ปี 63 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิดกระทบต่อไทยสูงสุด ส่งผลให้จำนวนคนยากจนเพิ่มขึ้นเป็น 9.1 ล้านคน หรือ 14.9% อย่างไรก็ตามภายหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น จำนวนคนยากจนในไตรมาส 3 จึงปรับตัวลดลงมาที่ 7.2 ล้นคน หรือคิดเป็นสัดส่วนคนจนที่ 11.7% จากแนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์ความยากจนในปี 63 จะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่จะไม่สูงมากนัก

รมว.สุชาติ รับมอบผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์นำไปทำความสะอาดฆ่าเชื้อป้องกันโควิด-19

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รับมอบผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์สำหรับฆ่าเชื้อ จากบริษัท พรวิไล อินเตอร์เนชั่นแนล กรุพ เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท วิจิตรสมพรพาณิชย์ อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด เพื่อนำไปส่งมอบให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานนำไปใช้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในการป้องกันโควิด-19

เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รับมอบแอลกอฮอล์สำหรับฆ่าเชื้อสำหรับหน่วยงานจาก นายอภิชาติ พัชรภิญโญพงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท พรวิไล อินเตอร์เนชั่นแนล กรุพ เทรดดิ้ง จำกัด เป็นโรงงานผลิตเอทิล แอลกอฮอล์ชนิด 95 % มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 กว่า 29 ปี เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ได้เห็นถึงการขาดแคลนผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมือของคนไทยในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และบริษัท วิจิตรสมพรพาณิชย์ อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด โดยมี นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร รองปลัดกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน 

นายสุชาติ กล่าวว่า ในวันนี้ผมได้รับมอบผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์สำหรับทำความสะอาดฆ่าเชื้อสำหรับหน่วยงานจากกรรมการผู้จัดการบริษัท พรวิไล อินเตอร์เนชั่นแนล กรุพ เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัท วิจิตรสมพรพาณิชย์ อินเตอร์เทรดดิ้ง จำกัด โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัดนครปฐมเป็นผู้ประสานงานนำมามอบให้กับกระทรวงแรงงานเพื่อนำไปส่งมอบให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานนำไปใช้ทำความสะอาดฆ่าเชื้อในการป้องกันโควิด-19 ซึ่งประกอบด้วย 1) แอลกอฮอล์ชนิดน้ำ 78 % ขนาด 5 ลิตร จำนวน 200 แกลลอน (ปริมาณ 1000 ลิตร) 2) แอลกอฮอล์ชนิดน้ำ 78 % ขนาด 50 ml จำนวน 300 ขวด (ปริมาณ 15 ลิตร) และ 3) แอลกอฮอล์ชนิดน้ำ 78 % ขนาด 20 ml จำนวน 200 ตลับ (ปริมาณ 4 ลิตร)

"ศรีสุวรรณ" ร้อง กกต.สอบเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่ หลับพบการซื้อสิทธิ์ - ขายเสียงอย่างโจ๋งครึ่ม

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้สอบสวนการทุจริตหรือการณซื้อสิทธิ์ขายเสียงในการแข่งขันเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลนครเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา

โดยนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ในเขตเลือกตั้งเทศบาลนครเชียงใหม่นั้น มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันอย่างมโหฬารและโจ๋งครึ่ม เพราะมีการซื้อสิทธิ์ขายเสียงกันบริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้ง ทั้ง ๆ ที่มีเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นดูแลอยู่ แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการหรือบริหารจัดการอย่างไร 

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังมีผู้นำชุมชน หรือประธานชุมชนทำหน้าที่ซื้อสิทธิ์ของลูกบ้านของตัวเองอย่างชัดเจน โดยมีหลักฐาน คือ มีการบันทึกเสียงขณะเจรจาจ่ายเงินให้กับผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งทุกคนหัวละ 1,000 บาท แต่เมื่อถึงเวลาเลือกตั้งไปแล้ว เช่น ใกล้จะปิดหีบเลือกตั้ง แต่ผู้ที่อยู่ในรายชื่อที่มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่ไปลงคะแนน ประธานชุมชนก็จะโทรศัพท์เรียกให้ไปลงคะแนนพร้อมเสนอจ่ายค่าเลือกตั้งอีก 2,000 บาท ซึ่งในโซเชียลมีเดียมีการพูดถึงเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง แต่ปรากฏว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่กลับไม่ได้ดำเนินการใดๆ ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดการเลือกตั้งที่เป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ขัดต่อกฎหมายของ กกต. และพระราชบัญญัติว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นปี 62 อย่างชัดเจน 

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ตนจึงนำความมาร้องต่อ กกต. ให้ดำเนินการสอบสวน โดยคลิปเสียงต่างๆที่นำมานั้นเป็นประจักษ์พยานที่สำคัญที่จะนำไปสู่การสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ หรืออาจจะมีการให้ใบส้มหรือใบแดงต่อผู้สมัครรับเลือกตั้งที่มีพฤติการณ์เช่นนี้ และคิดว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ที่เดียว หลาย ๆ พื้นที่ก็มีคนมาร้องเรียนและส่งพยานหลักฐานมาให้ ซึ่งตนจะทยอยมาแจ้งร้องเรียนต่อ กกต. ให้ได้รับทราบเพื่อนำไปสู่การจัดการกับผู้ที่มีพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ใช้อำนาจและอิทธิพลทางการเงินไปดำเนินการให้ได้มาซึ่งตำแหน่งหน้าที่ของตนเอง ฉะนั้น ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งต้องช่วยกันไม่ให้นักเลือกตั้งมีพฤติการณ์เช่นนี้

ปชป.เข้มคุมโควิด - จนท.สลับ WFH เปิดทำการปกติ

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์และการปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโควิด19 ในส่วนของพรรค ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้กำชับให้บุคลากรของพรรคปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเคร่งครัด ขณะนี้ได้มีการให้เจ้าหน้าที่พรรคได้สลับกันทำงานที่บ้าน “Work From Home”เพื่อร่วมป้องกันและควบคุม ส่วนที่สำนักงานใหญ่ของพรรคฯ ก็จะมีการคัดกรองก่อนเข้าอาคาร ล้างมือ ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ประชาชนผู้มาติดต่อก็มีการคัดกรองและต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา 

ขณะเดียวกัน นายราเมศ กล่าวต่อว่า ทุกคนทุกองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมมือร่วมใจกัน บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง และรัฐบาลได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในการแพร่ระบาดรอบแรกสามารถแก้ปัญหาได้อย่างดีเยี่ยม ทุกคนจึงต้องมีวินัย ใส่ใจส่วนรวม ร่วมมือกัน เชื่อว่าเราทุกคนจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยดี พรรคและสมาชิกพรรคทุกคนขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่ทุ่มเททำงานกันด้วยความเหน็ดเหนื่อย ขอบพระคุณที่เสียสละเพื่อประชาชนและประเทศ

เบิกตัว “เพนกวิน” ขึ้นศาลคดี ม.112 ปราศรัยม็อบเฟส “ทนาย-แม่” ยังห่วงอดอาหารประท้วงจนอาการหนัก

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.286/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ป.อาญา ม.112 กรณีจำเลยร่วมชุมนุมปราศรัยกลุ่มม็อบเฟส เมื่อวันที่ 14 - 15 พ.ย. 2563 ที่แยกคอกวัว และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง โดยศาลเบิกตัวนายพริษฐ์ จำเลย ซึ่งอดอาหารประท้วง ไม่ได้รับการประกันตัวคดีชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563 และถูกแจ้งข้อหาตาม ม.112 จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาล

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยก่อนการพิจารณาคดีว่า คดีนี้คนละคดีกับที่มีการถอนทนายความ (คดีชุมนุม 19 - 20 ก.ย. 2563 ที่จำเลยยื่นถอนทนายความ) คดีนี้ตนเป็นทนายจำเลยเพียงคนเดียว กังวลว่าราชทัณฑ์จะไม่ให้พบปะกับเพนกวิน มีหลายเรื่องที่ต้องคุยกับเพนกวิน เรื่องสู้คดี จะคิดแบบเดียวกับคดีนั้นหรือไม่ จะถอนทนายความหรือไม่ ส่วนไม่ได้เจอกับเพนกวินนานแค่ไหนนั้น ตนมีทนายไปเยี่ยมเพนกวินอยู่บ้าง แต่ติดวันหยุดยาว เพนกวินเจ็บป่วยอยู่ที่สถานพยาบาลราชทัณฑ์ ที่ทราบมาปัจจุบันอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีคนมากมายติดต่อมาให้ตนคุยกับเพนกวินเลิกการอดอาหาร 

นายกฤษฎางค์ กล่าวด้วยว่า เราเคยขอต่อศาลให้นำเพนกวินไปจองจำไว้ที่โรงพยาบาลก็ไม่ให้ เราขอให้เอาหมอมาตรวจที่ห้องพิจารณาคดี ศาลก็ไม่ให้ กังวลนาทีต่อนาที ตนรับผิดชอบคดีก็พยายามคุยกับผู้เกี่ยวข้องให้เพนกวินออกไปรักษาตัว เขาไม่สบายใจ เชื่อเรื่องการประทุษร้ายในเรือนจำ ตอนนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร มีผู้ใหญ่เสนอผ่านตนให้คุยกับเพนกวินตนก็จะบอกให้ แต่ทั้งหมดก็อยู่ที่ใจเขา การอดอาหารเขายืนยันว่าเขาไม่ได้ทำร้ายใคร เขาทำร้ายตัวเอง สิ่งที่กระบวนการยุติธรรมทำเป็นการทำร้ายคนอื่นด้วย เขาคิดถึงเพื่อนที่ไม่ได้รับการปล่อยชั่วคราวทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ด้าน นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของเพนกวิน เปิดเผยว่า วันนี้ถ้าได้พูดคุยกับเพนกวิน ไม่ถูกกีดกัน ก็จะถามไถ่ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง เราอยากฟังจากปากลูกเราเอง อยากรู้จริง ๆ สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง เป็นห่วงมาก 30 กว่าวันแล้ว ที่ได้ยินมาเขามีอาการวูบ เป็นลม น้ำตาลตกหลายครั้งแล้วในช่วงไม่กี่วัน สายน้ำเกลือมีเลือด เป็นห่วงว่าจะมีภาวะอะไรไหม จะคุยกันหลายเรื่อง พยายามจะทำทุกวิถีทางให้ดีที่สุด หลังจากวันนี้เพนกวินไม่น่าจะมีคิวขึ้นศาล อีกครั้งประมาณปลาย พ.ค. ช้าเกินไป อยากขอความเป็นส่วนตัวในการพูดคุย

“สิระ” ซัด “จตุพร” โหนกระแสเด็ก หลังโดนเสื้อแดงเท เย้ย หวังจะเป็นหัวหน้าสุดท้ายตกม้าตาย ไม่มีใครเชื่อลมปาก เชื่อ ทุกวันนี้ไม่กล้าส่องกระจก เพราะเจอแต่คำว่าตกอับขึ้นเต็มหน้า

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2564 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาเรียกร้องให้ มีการอนุญาตให้แกนนำราษฎรที่ถูกคุมขังได้รับสิทธิ์การประกันตัวว่า ประชาชนดูก็รู้ว่านายจตุพรไปไม่รอด ไม่เหลือภาวะผู้นำทางความคิดอีกแล้ว การชุมนุม 2 - 3 วันที่ผ่านไป ภายใต้แกนนำหลักอย่างนายจตุพร ปลุกระดมมวลชนไม่ขึ้น มีคนมาร่วมหรอมแหรมหลัก 10 เพราะไม่มีใครเชื่อคำพูดที่ไร้สัจจะวาจาของนายจตุพรอีกแล้ว สุดท้ายนายจตุพรก็ต้องมาโหนกระแสพึ่งบรรดาเด็กที่ติดคุกทั้งหลายให้มาเรียกมวลชนให้ จากที่เคยประกาศตัวขึงขัง หวังจะสถาปนาตัวเองเป็นหัวหน้า แต่กลับต้องมาเดินตามตูดเด็ก ตนอยากถามนายจตุพรว่า หน้าฉาบปูนซีเมนต์กี่ชั้น ถึงได้หนาขนาดนี้ ไม่อายตัวเองก็น่าจะอายหมาบ้าง ทำร้ายประเทศชาติให้ย่อยยับมานานเท่าไหร่แล้ว 

“นายจตุพรเคยพูดไว้ว่า เป้าหมายที่สำคัญคือการไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง โดยที่จะไม่ก้าวล่วงสถาบัน แต่วันนี้กลับกลืนน้ำลาย ออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้กระทำความผิดในคดี 112 พฤติกรรมของนายจตุพรแสดงให้เห็นว่าไม่มีจุดยืนใด ๆ ทั้งสิ้น ยอมทำทุกอย่าง ไม่สนถูกผิด เพียงเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ผมอยากถามนายจตุพรว่า ที่คนเสื้อแดงเขาไม่ออกมาร่วมชุมนุม เป็นเพราะอะไร นายจตุพรต้องไปหาคำตอบให้ตัวเอง ว่าเคยไปก่อกรรมทำชั่วอะไรกับพวกเขาไว้บ้างหรือไม่ วันนี้ถ้าตนเป็นนายจตุพร คงไม่กล้าส่องกระจกมองหน้าตัวเองด้วยซ้ำ เพราะส่องไปก็จะเห็นแต่คำว่า ตกอับ อยู่เต็มหน้าไปหมด” นายสิระ กล่าว 

ส่วนกรณีที่ นายจตุพร ระบุถึงกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งดำเนินคดีจากการจัดให้มีการชุมนุมที่บริเวณ อนุสรณ์สถานพฤษภา 35 สวนสันติพร เมื่อวันที่ 4 , 5 และ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ในข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯว่า น่ากลัวจังเลยนั้น นายสิระ กล่าวว่า นายจตุพรอย่าดีแต่ปาก กล้าพูดก็ขอให้กล้าเดินไปรับกรรมตามกฎหมายด้วย อย่าทำตัวเป็นคนประเภทที่มีปากเหมือนมีตูด คำพูดไม่ใช่เสียงตด ลูกผู้ชายพูดแล้วต้องแอ่นอกรับด้วย เพราะที่ผ่านมา เห็นชัดว่า นายจตุพรไม่เคยทิ้งพฤติกรรมเดิมๆตั้งแต่ปี 53 ที่ก่อเหตุเผาบ้านเผาเมือง ลั่นวาจาบนเวทีว่าจะรับผิดชอบจากการก่อการร้าย แต่สุดท้ายกลับชิงหาย ปล่อยคนเสื้อแดงบาดเจ็บ ล้มตาย ตัวเองเสวยสุข และตนอยากถามว่า นายจตุพรกับพวก ได้ไปชดใช้ค่าเสียหายจากการสั่งเผาตึกย่านราชปรารภตามคำสั่งของศาลเเพ่งหรือยัง

หนุ่มส่งของเดลิเวอรี่เซ็ง ถูกพิตบูลลูกค้ากัดระหว่างไปส่งอาหาร ด้านเจ้าของชดใช้แค่ 100 บาท พร้อมบอกจะติดต่อมาใหม่ แต่สุดท้ายหายเงียบ

เป็นอีกปัญหาซ้ำซากในสังคมไทย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ที่เป็นพนักงานส่งของได้โพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเองระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เมื่อทำการส่งอาหารที่บ้านหลังหนึ่ง แต่กลับถูกสุนัขพิตบูลของลูกค้ากัดเข้าที่บริเวณข้อเท้าซ้ายเป็นแผล 2 จุด ซึ่งเจ้าของสุนัข ชดใช้ให้เบื้องต้นเพียง 100 บาท และบอกว่าจะติดต่อกลับมาใหม่ แต่สุดท้ายยังไม่มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีดังกล่าว เข้าข่ายความผิดฐานผู้ใดควบคุมสัตว์ดุร้าย ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นอยู่ลำพัง ในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์

โดยจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม ป.อาญา ม.377 และอาจต้องชดใช้ในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของสุนัข ไม่ว่าจะเป็นค่าสินไหมทดแทน ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์จากการทำงาน หรือ ขาดรายได้ ตาม ป.แพ่งและพาณิชย์ ม.443


ที่มา: https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000036751

https://www.facebook.com/groups/862974280826865/permalink/1222445311546425/

เพจ Street Hero Project ไขข้อข้องใจ ทำไมอิสราเอลฉีดวัคซีนได้ครอบคลุม 70% ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนที่มีการฉีดให้ประชากรสูงที่สุดในโลก โดยระบุว่า...

ทำไมอิสราเอลถึงฉีดวัคซีนได้ถึง 70% เป็นประเทศแรกของโลก เอาข้อมูลมาให้วิเคราะห์กัน

1.) อิสราเอลยอมจ่ายค่าวัคซีนล่วงหน้าให้บริษัทผู้ผลิตในราคาที่แพงกว่าที่สหรัฐฯ และยุโรปซื้อมากกว่า 35%

เฉลี่ย 1 คน ใช้เงิน 47 us แต่ยุโรปใช้เงิน 35 us (วัคซีนของ Pfizer และ Moderna)

2.) พื้นที่ประเทศขนาด 2 หมื่น ตร.กม. (เล็กกว่าโคราชเล็กน้อย) ประชากร 8.66 ล้านคน ทำให้ใช้งบประมาณและจำนวนวัคซีนไม่เยอะ ใช้เวลาฉีดวัคซีนรวมกว่า 100 วัน

3.) ปัจจุบันอิสราเอลมีผู้ติดเชื้อสะสม 8 แสนกว่าคน เสียชีวิต 6 พันกว่าคน และผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ 2 ร้อยกว่าคน

#ข้อมูลเสริม

อันดับ 2-3 ของโลก คือ อังกฤษที่ 48% และสหรัฐฯ ที่ 40% ทั้งสองคือประเทศที่วิจัยและผลิตวัคซีนได้เอง

ในเอเชีย สิงคโปร์เป็นชาติแรกที่ได้วัคซีนโดยจ่ายเงินล่วงหน้าในราคาที่แพงกว่าประเทศในเอเชียด้วยกัน

ปัจจุบันสิงคโปร์ฉีดวัคซีนได้ที่ 20% เกาหลีใต้ 3% ญี่ปุ่น 0.9% ไทย 0.7% เวียดนาม 0.1%

พอจะได้คำตอบไหมครับ

https://www.timesofisrael.com/liveblog_entry/israel-said-to-be-a-leader-in-number-of-covid-related-fines/


ที่มา : https://www.facebook.com/838203756283643/posts/3525020537601938/

เฟซบุ๊ก Brian B. - News Atlas โดยไบรอัน เบอร์เลติก ได้โพสต์ข้อความชวนคิดในหัวข้อ “พันธมิตรชานม: ทวิตเตอร์สร้างอิโมจิสำหรับนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย” ว่า...

เฟซบุ๊ก Brian B. - News Atlas โดยไบรอัน เบอร์เลติก ฝรั่งอเมริกันที่เคยออกมาแฉว่าเฟซบุ๊กเป็นเครื่องมือหนึ่งของอเมริกาในการแทรกแซงประเทศต่าง ๆ จนถูกปิดเพจไปก่อนหน้า ได้โพสต์ข้อความชวนคิด โดยอิงจากบทความของสำนักข่าวบีบีซี (BBC) ในหัวข้อ “พันธมิตรชานม: ทวิตเตอร์สร้างอิโมจิสำหรับนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย” ว่า...

'ทวิตเตอร์' ได้เปิดตัวอีโมจิใหม่ สำหรับกลุ่มพันธมิตรชานม (Milk Tea Alliance) ที่เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของชาวเอเชียเข้าไว้ด้วยกัน โดยกลุ่มพันธมิตรนี้ ได้รวบรวมเอากลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านปักกิ่ง (anti-Beijing) ในเกาะฮ่องกง และประเทศไต้หวัน พร้อมกับกลุ่มรณรงค์เพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทย และประเทศเมียนมาไว้ด้วยกัน

ในเนื้อหายังบอกอีกว่า สิ่งที่สำนักข่าวบีบีซี (BBC) ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งจริง ๆ แล้วมันมีอยู่ 2 อย่างที่เหมือนกัน คือ

1.) กลุ่มนักเคลื่อนไหวเหล่านี้เกลียดประเทศจีน

2.) พวกเขาทั้งหมดได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านทาง กองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Endowment for Democracy – NED)

ทุกคนสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับเงินทุนสนับสนุนนี้ได้ง่าย ๆ เพียงแค่ทุกคนเข้าไปที่เว็บไซต์ของกองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ ของสหรัฐฯ (National Endowment for Democracy – NED) แล้วเข้าไปดูที่ข้อมูลภายใต้รายชื่อของแต่ละประเทศเหล่านี้ เช่น ประเทศไทย , ประเทศเมียนมา ที่พวกเขายังคงเขียนชื่อเดิม ประเทศพม่า และ เกาะฮ่องกง ครับ

ทวิตเตอร์ กล่าวว่า “ในเวลาที่เกิดการก่อความไม่สงบหรือการปราบปรามอย่างรุนแรงขึ้น สิ่งที่สำคัญมากกว่าคือการให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการใช้งานอินเตอร์เน็ตอย่างอิสระ (Open Internet) สำหรับการอัพเดต ณ เวลาที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว, เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ และการให้บริการที่จำเป็นต่างๆ”

จากส่วนหนึ่งของบทความนี้ ที่ทางทวิตเตอร์ได้กล่าวไว้คือ “เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้” หมายความว่า ทางทวิตเตอร์กำลังบอกทุกคนว่า ทางทวิตเตอร์กำลังเซ็นเซอร์ข้อมูลบางส่วนออกจากระบบเครือข่ายของพวกเขา ทวิตเตอร์กำลังไล่ระงับผู้ใช้งานที่ต่อต้านเรื่องเล่าของประเทศสหรัฐฯ ที่ผมได้เคยยกตัวอย่างมามากมายกับข้อมูลเหล่านี้ผ่านคลิปที่ผมได้เคยเผยแพร่ทางช่องยูทูป: แลนด์ เดสทรอยเยอร์ (YouTube: Land Destroyer) ของผม

จากเว็บบล็อกของทางทวิตเตอร์ กับบทความเมื่อเดือนตุลาคม ปีค.ศ. 2020 ซึ่งเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย ทางทวิตเตอร์ได้พบบัญชีมากกว่า 900 บัญชี ที่ได้ถูกระงับลบออกจากระบบเครือข่ายของทางทวิตเตอร์ เนื่องจากสามารถ “เชื่อถือได้ว่ามีความเชื่อมโยง (reliably link)" กับกองทัพบกได้

เวลาที่ใครใช้คำอย่าง “เชื่อถือได้ว่ามีความเชื่อมโยง" นั้น หมายความว่าคนๆ นั้นไม่มีหลักฐาน และไม่สามารถนำหลักฐานมาแสดงให้ดูได้ เพราะถ้ามีหลักฐานจริง ทางทวิตเตอร์คงนำมาแสดงให้เห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าบัญชีเหล่านั้นมันเชื่อมโยงกับกองทัพบกจริง พวกเขาจึงใช้คำนี้เพราะพวกเขาไม่มีหลักฐานครับ กองทัพบก คือ กลุ่มคนที่ยืนหยัดเพื่อประเทศของเขาและต่อต้านคนที่มาก่อการจลาจลและปลุกปั่นที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศสหรัฐฯ และรวมถึงพวกม็อบหัวรุนแรง แต่ทางทวิตเตอร์กลับระงับและลบบัญชีของพวกเขาทิ้ง

บทความในเว็บไซต์ของสำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) เป็นอีกหนึ่งตัว อย่างที่ผมอยากจะกล่าวถึงนะครับ “ทวิตเตอร์ระงับบัญชีของไทยรอยัลลิสต์ ที่เชื่อมโยงถึงการมีอิทธิพลเพื่อจูงใจในการรณรงค์” และเช่นเคย ทวิตเตอร์ใช้วิธีเดิมๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ทวิตเตอร์ก็แค่ระงับบัญชีของผู้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศสหรัฐฯ เพื่อให้มีข้อมูลเพียงด้านเดียวเท่านั้นบนทวิตเตอร์ และนี่คือเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Networks) ของประเทศสหรัฐฯ ครับ

ผมได้เคยชี้ถึงประเด็นที่ผมกำลังกล่าวถึงอยู่หลายครั้ง ว่าเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ของประเทศสหรัฐฯ นั้น ได้ร่วมงานโดยตรงกับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งทุกคนจะสามารถเห็นผลงานนั้นได้จากบทความในเว็บ ไซต์ของ สำนักข่าวรอยเตอร์ส (Reuters) ที่ทางประเทศสหรัฐฯ ร่วมมือกับทางทวิตเตอร์ กับบทความหัวข้อที่ว่า ”กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเจรจากับทวิตเตอร์เรื่องอิหร่าน” ”กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวไว้เมื่อวันอังคารว่า พวกเขาได้ติดต่อไปยังทวิตเตอร์ผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์เพื่อขอให้พวกเขาชะลอการอัพเกรดที่จะลดเวลาการให้บริการในช่วงเวลากลางวันกับชาวอิหร่านที่กำลังถกกันเรื่องการเลือกตั้ง”

ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ประเทศสหรัฐฯ กำลังดำเนินการการปฏิวัติสี (Colour Revolution) อย่างรุนแรง อยู่ในประเทศอิหร่าน พวกเขาได้ใช้ทวิตเตอร์ในการประสานและวางแผนงาน และไม่ต้องการให้เกิดการสะดุดหรือหยุดชะงักการใช้งานระหว่างที่พวกเขากำลังปฏิบัติการกันอยู่

ผมอยากจะขอยกบทความจากเว็บไซต์ของนิวยอร์ค ไทมส์ (New York Times) เมื่อปีค.ศ. 2011 นี้ขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากมันเป็นบทความที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะมันมีการยอมรับอยู่หลายประเด็นด้วยกัน ภายใต้หัวข้อ ”กลุ่มองค์กรต่างๆของสหรัฐฯ ช่วยสนับสนุนการการลุกฮือของชาวอาหรับ” พวกเขาออกมายอมรับว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ให้เงินทุนสนับสนุนกลุ่มต่อต้านเหล่านั้นทั้งหมด การลุกฮือในครั้งนั้นไม่ได้เป็นการเกิดขึ้นแบบอย่างฉับพลัน กระทันหัน หรือที่ไม่ได้เกิดจากการรวมตัวกันเองของกลุ่มชาวอาหรับ แต่กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับการถูกฝึกอบรมมาก่อนหน้านั้นนานหลายปีแล้วครับ และจากบทความเดิม ยังมีการยอมรับเกี่ยวกับการฝึกอบรมดังกล่าว ที่ระบุว่า ”ผู้นำเยาวชนของชาวอียิปต์บางคนได้เข้าร่วมการประชุมเทคโนโลยีในปี ค.ศ. 2008...”

“...และบรรดาผู้ให้การสนับสนุนการประชุมนี้ ได้แก่ เฟสบุ๊ค (Facebook) , กูเกิล (Google) , เอ็มทีวี (MTV - Music Television) , โรงเรียนกฏหมายโคลัมเบีย (Columbia Law School) และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ” บรรดาผู้ให้การสนับสนุนเหล่านี้ได้ร่วมงานกันมาเป็นเวลาสิบปีแล้วและยังคงร่วมงานกันอยู่ การที่ทวิตเตอร์ได้ทำอีโมจิเพื่อกลุ่มพันธมิตรชานมนั้น เพราะกลุ่มพันธมิตรชานมเป็นโครงการของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐครับ

ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เต็มไปด้วยรัฐบาลของแต่ละประเทศที่สร้างความสัมพันธ์กับประเทศจีนมาเนิ่นนานและจะไม่มีวันที่จะตัดความสัมพันธ์ที่ว่านั้น เพราะเพียงแค่ประเทศสหรัฐฯ สั่งให้ทำ ดังนั้น ประเทศสหรัฐฯ จึงต้องสร้างกลุ่มต่อต้านเหล่านี้ เพื่อใช้ในการโค่นรัฐบาลเหล่านั้น แล้วเปลี่ยน แปลงระบอบการปกครองโดยตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดขึ้นมาแทนที่เพื่อให้ตัดความ สัมพันธ์กับประเทศจีนลงครับ

และจากข้อความของทวิตเตอร์ที่ได้ออกมาประกาศเกี่ยวกับการทำอีโมจิ เพื่อกลุ่มพันธมิตรชานม ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับนายเนติวิทย์ ที่ทุกคนคงจำเขาได้ เขาเป็นนักเคลื่อนไหวชาวไทยคนหนึ่งที่ได้ไปพูดบรรยายในงานเวทีเสรีภาพออสโล (Oslo Freedom Forum) ซึ่งสำนักข่าวบีบีซี (BBC) ได้ไปร่วมทำข่าวและยอมรับเองผ่านการรายงานว่า

“นี่อาจไม่ได้เกิดขึ้นจากการปลุกจิตวิญญาณในตัวของนักเคลื่อนไหว แต่ถ้าหากการเรียนการสอนจากที่นี่ไปจะประสบความสำเร็จในการโค่นล้มรัฐบาลให้ได้อย่างถาวรนั้น คนที่มาที่นี่จะต้องมีระเบียบ ต้องทุ่มเทกับการวางแผนอย่างพิถีพิถัน นักเคลื่อนไหวที่นี่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือกับการจัดการประท้วงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในฮ่องกง ณ ปัจจุบัน แผนการของพวกเขาคือการนำผู้คนนับพันออกมาลงถนน ที่จริงแล้วมันได้เกิดขึ้นจากที่นี่เมื่อเกือบสองปีก่อน”

นี่คือทุกแง่มุมที่นักข่าวบีบีซีได้พยายามบอกกับทุกคน เกี่ยวกับนักเคลื่อน ไหวเหล่านี้ รวมไปถึงที่ทางทวิตเตอร์ให้การสนับสนุนพวกเขา พวกเขาพยายามทำให้เหมือนว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเองทั้งหมด นักเคลื่อนไหวทุกคนได้มารวมตัวกันเอง แต่มันไม่ใช่เลยครับ พวกเขาทั้งหมดได้รับเงินทุนและได้รับการสนับสนุนและกำกับโดยกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันในวอชิงตันดีซี

นี่คือความอันตรายของการปล่อยให้แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของประเทศสหรัฐฯ ครอบครองพื้นที่ทางข้อมูลในประเทศของทุกคน ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ค่อนข้างที่จะติดหรือพึ่งกับการใช้งานบนเฟสบุ๊ค และทวิตเตอร์มากเกินไป พวกเขาจำเป็นจะต้องสร้างและพัฒนาแพลต ฟอร์มของตัวเองและผลักดันให้เครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ ของประเทศสหรัฐฯ ออกไปจากพื้นที่ข้อมูลของทุกคนครับ

ไบรอัน เบอร์เลติก ฝรั่งอเมริกันที่เคยออกมาแฉเฟซบุ๊ก


ที่มา: https://www.facebook.com/105777441608823/posts/119955130191054/

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top