Sunday, 8 June 2025
Hard News Team

ชาวเนปาลนับหมื่นลงถนน เรียกร้องฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ หลังไม่พอใจรัฐบาล ทำเศรษฐกิจประเทศตกต่ำ

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.68) ประชาชนหลายหมื่นคนออกมารวมตัวกันในกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล เรียกร้องให้ฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ที่ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี 2008 ท่ามกลางความไม่พอใจต่อสภาพเศรษฐกิจและการทำงานของรัฐบาลปัจจุบัน โดยผู้ชุมนุมยังเรียกร้องให้ศาสนาฮินดูกลับมาเป็นศาสนาประจำชาติ

กลุ่มผู้ชุมนุมได้ตะโกนข้อว่า “จงนำกษัตริย์กลับคืนราชบัลลังก์และช่วยชาติ เรารักกษัตริย์มากกว่าชีวิต” ขณะที่เป้าหมายของการเรียกร้องครั้งนี้คือการให้ กษัตริย์เกียนเอนทรา ชาห์ วัย 77 ปี อดีตกษัตริย์พระองค์สุดท้ายของเนปาล ซึ่งยังพำนักอยู่ในกาฐมาณฑุ กลับคืนสู่บัลลังก์อีกครั้ง

เนปาลกลายเป็นสาธารณรัฐหลังยกเลิกระบอบกษัตริย์ และปัจจุบันมีประธานาธิบดีเป็นประมุข อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนบางส่วนที่ไม่พอใจกับชนชั้นการเมืองและสภาพเศรษฐกิจ ที่ทำให้ชาวเนปาลจำนวนมากต้องเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ เพื่อส่งเงินกลับบ้าน

แม้จะมีเสียงเรียกร้องเพิ่มขึ้น แต่โอกาสในการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ยังคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากพรรคการเมืองหลักทั้งสามพรรคในสภายังคัดค้านแนวคิดดังกล่าว ขณะที่พรรคฝ่ายหนุนกษัตริย์อย่าง Rastriya Prajatantra Party มีเพียง 13 ที่นั่งจากทั้งหมด 275 ที่นั่งในรัฐสภาเท่านั้น

‘ฮุน เซน’ แพร่แถลงการณ์ 4 ข้อ หลังเจรจากับไทย ลั่น ทหารกัมพูชาจะไม่ถอนกำลังจากจุดปะทะ

(30 พ.ค. 68) จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา บิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน โพสต์ภาพแถลงการณ์จากกองบัญชาการทหารสูงสุดกัมพูชา ผ่านเฟซบุ๊ก “Samdech Hun Sen of Cambodia”  ที่มีข้อความระบุว่า หลังจากเกิดเหตุปะทะด้วยอาวุธระหว่างกองทัพกัมพูชาและกองทัพไทย เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 บริเวณหมู่บ้านเตโชมรกต ต.มรกต อ.จอมกระสานต์ จ.พระวิหาร

ในวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เวลา 15:30 น. พล.อ.เมา โซะพัน รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการกองทัพบกกัมพูชา และ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกของไทย ได้เข้าร่วมการหารือ ที่สำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณจุดผ่านแดนช่องจอม-โอเสม็ด ได้ผลสรุปออกมา 4 ข้อดังต่อไปนี้

1.ทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ผ่านกลไกที่มีอยู่ทั้งหมด ได้แก่ คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปกัมพูชา-ไทย (GBC)และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการรังวัดและกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชาปี 2543 (MOU2543) เพื่อให้แนวชายแดนของทั้งสองประเทศเป็นชายแดนแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา

2.ทั้งสองฝ่ายจะควบคุมสถานการณ์ตามสภาพเดิม อดทนอดกลั้น และแก้ไขปัญหาทั้งหมดผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ซึ่งจะมีการประชุมภายใน 2 หรือ 3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ

3.ฝ่ายกัมพูชาขอให้มีการเคารพในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกันและกัน และไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 อีก

4.ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ถอนกำลังหรือวางกำลังโดยไม่ติดอาวุธ ณ จุดที่เกิดการปะทะ เพราะบริเวณดังกล่าวฝ่ายกัมพูชาได้ครอบครองมาตั้งแต่ก่อนมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการรังวัดและกำหนดเขตแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชาปี 2543

แถลงการณ์กัมพูชาระบุว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องและยอมรับในทั้ง 4 ข้อข้างต้น และการหารือได้สิ้นสุดลงเมื่อเวลา 16.15 น. ของวันเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นฝ่ายไทยได้แถลงข้อสรุปการหารือมีเพียง 3 ข้อ ได้แก่

1.ให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการแก้ไขปัญหาเป็นครั้งนี้ผ่านคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ซึ่งจะจัดขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์

2.ให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ในจุดที่เหมาะสม หรือ 200 เมตรจากจุดปะทะ ลดการเผชิญหน้า

3.ให้รักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ ให้ใช้ความอดทนอดกลั้น

‘เอกนัฏ’ ส่ง 'ทีมสุดซอย' ตามรวบ รง. รีไซเคิลเถื่อน ลอบนำเข้าเศษยางสารภาพสิ้นไส้พร้อมของกลางครบถ้วน

‘เอกนัฏ’ ส่ง 'ทีมสุดซอย' ปราบ โรงงานเถื่อนระยอง ลอบนำเข้าเศษยางกัมพูชา ไหวตัวขนของย้ายหนี ตามรวบได้ถึงเมืองชลฯ กรรมการบริษัท สารภาพสิ้นไส้ โบ้ยแฟนหนุ่มชาวจีน ‘ฐิติภัสร์’ ส่งอีกทีมไปแปดริ้ว เหตุ โรงงานใจดีแจกดินเปื้อนกากอุตสาหกรรม ชาวบ้านรับไปถมที่เหม็นแสบจมูก ร้องแจ้งอุตฯ 

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ (29 พ.ค.68) ได้มอบหมายให้ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และหัวหน้าชุดตรวจการณ์สุดซอย หรือ 'ทีมสุดซอย' กระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบ บริษัท ฟงหงษ์หยวนเฮง รับเบอร์ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการรีไซเคิลยาง ตั้งอยู่ที่ ตำบลพนานิคม อำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง โดยร่วมกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง สืบเนื่องจากได้รับเบาะแสจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว ว่ามีรถบรรทุกลักลอบขนเศษยางนำเข้าจากประเทศกัมพูชา ผ่านทางชายแดน จ.สระแก้ว มายังบริษัทดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขณะเข้าตรวจค้น พบเพียงอาคารลักษณะโกดังโล่ง ไม่มีสิ่งของหรือผู้ใดอยู่ในพื้นที่ โดยประชาชนละแวกนั้นให้ข้อมูลว่า บริษัท ฟงหงษ์หยวนเฮงฯ เพิ่งขนย้ายเครื่องจักรและเศษยางออกไปเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 

“ทีมสุดซอย ได้แกะรอยขยายผลจนได้เบาะแสเพิ่มเติมว่า มีการย้ายเครื่องจักรและเศษยางไปไว้ที่ บริษัท โอรานไลต์ จำกัด จังหวัดชลบุรี เมื่อไปตรวจสอบ ก็พบเครื่องจักรและเศษยางกว่า 5 พันตัน โดยกรรมการบริษัทชาวไทยสารภาพว่าบางส่วนเป็นเศษยางที่ลักลอบนำมาจากประเทศกัมพูชา และอ้างว่าแฟนหนุ่มชาวจีนเป็นผู้ประสานงานจัดการทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบการกระทำความผิดอีกหลายข้อหา เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมกรรมการบริษัทชาวไทยไปแจ้งความดำเนินคดีในทุกข้อหา และหากพบการกระทำความผิดอีกก็จะแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป” นายเอกนัฏ ระบุ 

นางสาวฐิติภัสร์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบ บริษัท โอรานไลด์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี ซึ่งประกอบกิจการหั่น ตัด บด รียางแผ่นเพื่อส่งออกต่างประเทศ มีนางสาวเบญจมาศ ลีสม เป็นกรรมการบริษัท และพบว่าเพิ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ตรวจค้นภายในโรงงานพบเครื่องจักรที่คาดว่าขนย้ายมาจากจังหวัดระยอง และพบเศษยางกว่า 5 พันตัน เบื้องต้นบริษัทฯ แจ้งว่าเศษยางบางส่วนนำเข้าผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง แต่เมื่อสอบถาม นางสาวเบญจมาศ ยอมรับว่าเป็นเศษยางที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศกัมพูชา โดยแฟนหนุ่มชาวจีนเป็นผู้ติดต่อประสานซื้อขายทั้งหมด นอกจากนี้ ยังพบใบขนสินค้าขาเข้าที่สำแดงพิกัดสินค้าเป็นเศษยางจากประเทศเบลเยียม ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะนำเศษยางรถยนต์และยางรถยนต์ที่ใช้แล้วมาเข้ากระบวนการตัด บดย่อย รีดเป็นแผ่นแปรรูปยาง ซึ่งเป็นการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงยึดอายัด และประทับตรายางเครื่องจักรทั้งหมด พร้อมจับกุมตัว นางสาวเบญจมาศ ไปดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรเกาะจันทร์ ด้วยข้อหาตั้งและประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติโรงงาน และเป็นนายจ้างรับบุคคลต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต 

นางสาวฐิติภัสร์ เปิดเผยอีกว่า ได้มอบหมายให้ ทีมสุดซอยอีกชุด ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด (สอจ.) ฉะเชิงเทรา ปลัดอำเภอพนมสารคาม เจ้าหน้าที่เทศบาลเขาหินซ้อน  บก.ปทส. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทสจ.) ภาค 13 ลงพื้นที่ บริษัท ภัชชาภิวัฒน์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีการแจกดินปนเปื้อนเศษพลาสติก ซึ่งนับว่าเป็นวัตถุอันตรายให้กับประชาชนในพื้นที่นำไปถมที่ดิน จนเกิดผลกระทบมีกลิ่นเหม็นแสบจมูกหลังจากถมที่ดินแล้ว 

จากการเข้าตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวประกอบกิจการคัดแยกของเสียประเภทเศษเปลือกสายไฟ เศษพลาสติก เศษยาง ชิ้นส่วนอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนรถยนต์ ซึ่งมีความผิดในข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และเดิมมีการปล่อยเช่าที่ดินให้ชาวจีนเพื่อลักลอบเก็บกากอุตสาหกรรมเพื่อจำหน่าย เมื่อกักตุนไว้จำนวนมาก จึงต้องการระบายออกโดยการแจกจ่ายให้ชาวบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงทำการยึดเครื่องจักร วัตถุดิบ และกากของเสีย พร้อมดำเนินคดีกับบริษัทในข้อหาตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีความผิดฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต 

"ผู้ประกอบการที่ครอบครองวัตถุอันตรายถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และอาจสร้างผลกระทบต่อประชาชน กระทรวงอุตสาหกรรมจึงต้องเร่งมือผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการตรวจ จับ และดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด หากท่านใดมีเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งผ่านแพลตฟอร์ม 'แจ้งอุต' ในระบบ ทราฟฟี่ฟองดูว์ (Traffy Fondue) ได้ทันที หลังรับแจ้งจะมีการตรวจสอบข้อมูลและสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น ก่อนส่ง ทีมสุดซอย ลงจัดการปัญหาเพื่อปราบปรามและกวาดล้างขบวนการเหล่านี้ให้หมดไปจากอุตสาหกรรมไทยโดยเร็ว" นางสาวฐิติภัสร์กล่าว

CHARLES & KEITH SALE ALERT

สินค้าราคาพิเศษลดแรงสูงสุด 50% และสินค้าราคาปกติลดทันที 10 %
แถมสมาชิกยังได้ลดเพิ่มอีกสูงสุด 10% 💥

📅 ตั้งแต่ 29 พ.ค. – 1 มิ.ย. 68 เท่านั้น!
ใครรอของเข้าตู้ ต้องรีบแล้วว 💼👠👜

'รมว.สุดาวรรณ' แถลงข่าวการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

 

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.68) เวลา 13.30 น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในงานแถลงข่าวการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี นายกมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ นางสาวพลอย ธนิกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางยุถิกา อิศรางกูร ณ อยุธยา รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม) นางสาววราพรรณ ชัยชนะศิริ รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกรมส่งเสริมวัฒนธรรม คณะศิลปินพื้นบ้าน และเครือข่ายทางวัฒนธรรม เข้าร่วมงาน

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ดำเนินโครงการเทิดพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงวิริยะอุตสาหะ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ โดยการดำเนินกิจกรรมทางวัฒนธรรมและศิลปวัฒนธรรม ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ จำนวนหลายรายการ ในวาระสำคัญต่าง ๆ จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน อาทิ ศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้าน เครือข่ายทางวัฒนธรรม ในการขับเคลื่อน ถ่ายทอด และสร้างสรรค์งานวัฒนธรรมแขนงต่าง ๆ ตลอดจนองค์ความรู้มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย เป็นการนำทุนทางวัฒนธรรมมาสืบสาน รักษา และต่อยอด เพื่อเป็นการสร้างคุณค่าและเพิ่มมูลค่าต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในองค์รวม สอดรับกับแนวทางการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ตามนโยบายรัฐบาล

นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล กล่าวต่อว่า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568 เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติในฐานะทรงเป็น “วิศิษฏศิลปิน” และ “เอกอัครราชูปถัมภกมรดกวัฒนธรรมไทย” ที่ทรงมีคุณูปการต่อเหล่าศิลปิน และศิลปวัฒนธรรมของชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ ขึ้น เพื่อเผยแพร่พระปรีชาสามารถและพระอัจฉริยภาพ รวมถึงเปิดโอกาสให้หน่วยงานทุกภาคส่วนและประชาชนทุกหมู่เหล่า มีส่วนร่วมเฉลิมพระเกียรติในวโรกาสมหามงคลนี้ รวมถึงเพื่อเป็นการเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ให้เป็นที่รับรู้แก่ประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ

ด้าน นางสาวลิปิการ์ กำลังชัย รองอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวเสริมว่า การจัดงานเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จะรวบรวมพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ พระอัจฉริยภาพ และการทรงงานด้านวรรณศิลป์ ด้านทัศนศิลป์ และด้านศิลปะการแสดง โดยนำเสนอในรูปแบบนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การเสวนาและการประชุมเชิงปฏิบัติการ รวมถึงการแสดงดนตรีและการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม โดยบูรณาการความร่วมมือจากศิลปินแห่งชาติ ศิลปินพื้นบ้าน และเครือข่ายทางวัฒนธรรม เพื่อเป็นการเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ให้เป็นที่รับรู้แก่ประชาชนชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีรายละเอียดดังนี้

1) พิธีเปิดงานเฉลิมพระเกียรติ 70 พรรษาฯ ในวันพุธที่ 4 มิถุนายน 2568 เวลา 13.30 น. ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยนางสาวสุดาวรรณ  หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน

2) การจัดกิจกรรม อาทิ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ การเสวนา การแสดงดนตรีและการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม ในวันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ณ หอประชุมใหญ่ และอาคารอเนกประสงค์ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย และในวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.30 น. ณ Avenue A ชั้น G ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ขอเชิญชวนประชาชนและผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานดังกล่าว โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับการแสดงดนตรีและการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม สามารถสำรองที่นั่งได้ ตามรายละเอียดเฟสบุ๊ค กรมส่งเสริมวัฒนธรรม เฟสบุ๊ค ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย หรือสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 247 0013 ต่อ 4113 หรือ 4115

ทั้งนี้ ภายในงานแถลงข่าว ได้รับเกียรติจากศิลปินแห่งชาติและศิลปินต่าง ๆ ร่วมแถลงข่าว อาทิ นายกมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรมและสื่อผสม) พุทธศักราช 2540 กล่าวถึง ศิลปินแห่งชาติสร้างสรรค์งานศิลป์เทิดพระเกียรติวิศิษฏศิลปิน รองศาสตราจารย์บัวผัน สุพรรณยศ อุปนายกสมาคมศิลปินเพลงพื้นบ้านภาคกลางประเทศไทย กล่าวถึงการแสดงดนตรีและศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านเทิดพระเกียรติวิศิษฏศิลปิน คุณสุนารี ราชสีมา ศิลปิน กล่าวถึงการแสดงเพลงพระราชนิพนธ์ “ส้มตำ” ในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี นายเอกพันธุ์ มาบรรดิษฐ จาก คณะคชมุข สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กล่าวถึงการแสดงดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน 4 ภาค ที่ได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดงาน ปลุกพลังชาวภาคกลาง ลุกขึ้น 'แค่ขยับ โลกก็เปลี่ยน' ป้องกันโรค NCDs 

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.68) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานเปิดงาน แค่ขยับ โลกก็เปลี่ยน ภายใต้โครงการส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพสำหรับประชาชนทุกกลุ่มวัย ภาคกลาง โดยมี นายศุภมิตร ชิณศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ชั้น 6 ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 

โดยทางด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขยังคงมุ่งมั่นในการส่งเสริมและป้องกันโรค NCDs ให้กับประชาชน เพื่อลดอัตราป่วย อัตราการเสียชีวิต ลำดับแรกของประชากรไทย คิดเป็นร้อยละ 75 หรือ 320,000 คนต่อปี รวมทั้ง ลดการสูญเสียทรัพยากรของประเทศ ทั้งค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข ค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการเดินทางมาโรงพยาบาล โรค NCDs เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมถึงสุขภาพจิต เป็นโรคที่สามารถป้องกันแก้ไขได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และลดปัจจัยเสี่ยง เช่น การกินอาหารไม่เหมาะสม การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า มลพิษทางอากาศ และขาดการออกกำลังกาย จากการเปิดตัวกิจกรรม “มหกรรมสุขภาพดี ที่พิษณุโลก” (Good Health @Phitsanulok) ภายใต้โครงการ LONG LIFE…THAI FIT ฟิตกาย ฟิตใจ 

เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอครั้งแรก ที่ภาคเหนือ สำหรับวันนี้ กระทรวงสาธารณสุข มาปลุกพลังประชาชนภาคกลาง ให้มีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้น ในงาน “แค่ขยับ...โลกก็เปลี่ยน : Just Move The World Changes” เพื่อช่วยสร้างการรับรู้ถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยมีกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอและเหมาะสม ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ห่างไกลโรค NCDs และขอเชิญชวนท่านคน มาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการกินอาหารที่เหมาะสม ลดหวาน มัน เค็ม รู้จักนับคาร์บ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง สวย หล่อ อายุยืน 

ด้านแพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากพฤติกรรมสุขภาพของประชาชนภาคกลาง พบว่า ภาคกลางเป็นภูมิภาคที่มีประชากรหนาแน่น มีความเป็นเมืองสูง และมีสถานประกอบการจำนวนมาก ส่งผลให้ประชาชนมีพื้นที่และเวลาในการออกกำลังกาย หรือมีกิจกรรมทางกายน้อย มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนลงพุง และโรค NCDs จากข้อมูลการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย ครั้งที่ 6 ปี 2562 – 2563 พบว่า ความชุกของภาวะอ้วนสูงที่สุดในภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร รองลงมาคือ ภาคใต้ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเหนือมีความใกล้เคียงกัน ประกอบกับสถานการณ์โรค NCDs ในปี 2562 

พบว่า ประชาชนที่อาศัยอยู่ในภาคกลาง มีการบริโภค อาหารที่มีไขมันสูง กินขนมทานเล่น หรือขนมกรุบกรอบ อาหารจานด่วน เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหารสำเร็จรูป มากกว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในภาคอื่น สำหรับประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการ พบว่า สาเหตุการตาย 5 ลำดับแรก ในปี 2564 ได้แก่ โรคมะเร็ง รองลงมา คือ ปอดอักเสบและโรคปอดอื่นๆ ความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือดในสมอง โรคหัวใจ โรคไต 

ดังนั้น กิจกรรม "แค่ขยับ...โลกก็เปลี่ยน : Just Move The World Changes” จึงเป็นโครงการส่งเสริมการมีกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพสำหรับประชาชนทุกกลุ่มวัยภาคกลาง  เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยมีกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอและเหมาะสม กระตุ้นให้ประชาชนมีกิจกรรมทางกายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันการเกิดโรค NCD  แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขจัดกิจกรรม “แค่ขยับ...โลกก็เปลี่ยน : Just Move The World Changes” ครั้งที่ 2 ที่จังหวัดสมุทรปราการ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่ ประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการและพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ จากหน่วยงานสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักเรียน และนักศึกษา รวมทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน และมีการนำเสนอนิทรรศการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย จาก 12 หน่วยงาน 

ได้แก่ ศูนย์อนามัย ที่ 6 ชลบุรี ศูนย์อนามัยที่ 4 สระบุรี สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กองกิจกรรมทางกายเพื่อสุขภาพ กรมอนามัย โรงพยาบาลสมุทรปราการ : อาหารเติมพลังก่อน-หลังออกกำลังกาย โรงพยาบาลบางพลี : คลินิกเวชศาสตร์วิถีชีวิต (Lifestyle Medicine Clinic) โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ : การออกกำลังกายผู้สูงอายุ (สูงวัยแข็งแรง) โรงพยาบาลพริ้นซ์สุวรรณภูมิ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 โรงพยาบาลสำโรง ชมรมไม้พลอง ชุมชนเฟื่องฟ้า (รำไม้พลองเพิ่มความแข็งแรงทุกกลุ่มวัย) ชมรมรักษ์สุขภาพ อำเภอบางบ่อ และโรงเรียนราชประชาสมาสัย ฝ่ายมัธยม รัชดาภิเษก ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งนี้ กรมอนามัย ขอให้ประชาชนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมความพร้อมขยับร่างกาย ในกิจกรรมครั้งที่ 3 ที่จังหวัดขอนแก่นต่อไป  

โซเชียลกัมพูชาผุดแคมเปญ ‘หยุดใช้สินค้าไทย’ เชิญชวนกลับมาสนับสนุนสินค้าชาติให้เติบโต

(30 พ.ค. 68) จากกรณีเหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา ในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี จนทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 ราย และกลายเป็นประเด็นร้อนระหว่างประเทศ

ล่าสุด บนโลกโซเชียลมีเดียฝั่งกัมพูชากำลังเกิดกระแส เผยแพร่ข้อความเชิญชวนให้ “หยุดใช้สินค้าไทย” โดยระบุว่าเป็นการแสดงจุดยืนทางความเชื่อและทัศนคติทางการเมือง พร้อมย้ำว่าจะเลิกใช้สินค้าจากประเทศไทยทันที โดยข้อความต้นทางระบุว่า 

“นี่คือโอกาสสำคัญที่เราทุกคนจะหันกลับมาสนับสนุนสินค้าในประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพ พัฒนาอุตสาหกรรมและหัตถกรรมของชาติ รวมถึงส่งเสริมการเคลื่อนไหวทางชาตินิยมให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น”

แม้ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดถึงกลุ่มผู้ริเริ่มแคมเปญดังกล่าว แต่ข้อความนี้ได้ถูกแชร์ต่อในหลายแพลตฟอร์มอย่างรวดเร็ว โดยมีทั้งผู้สนับสนุนที่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และผู้คัดค้านที่มองว่าเป็นการกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

เติมความรู้จากผู้มีประสบการณ์จริง!!

ฟรี!! เชิญเข้าร่วมฟัง Special Talk โดย นายวิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ 
ที่จะมาเผย 'แนวทางการปรับตัวของเอสเอ็มอีท่ามกลางวิกฤตโลก' 

ภายในงาน 'มหกรรม SME BEYOND เติมทุนปลุกพลังเติบโตยั่งยืน'  
📌วันที่ 30 พฤษภาคม 2568 นี้  
📍ณ สำนักงานใหญ่ SME D Bank อาคาร SME Bank Tower
📌ลงทะเบียนร่วมงานได้ตั้งแต่เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป 

นอกจากนั้น ในงานนี้ พบไฮไลต์อีกมากมาย จบครบเพื่อเอสเอ็มอีไทย 
📌 บริการเติมทุน: สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3% ต่อปี เน้นสนับสนุนลงทุนติดตั้งโซลาร์เซลล์ ช่วยลดต้นทุนพลังงาน และเติมเสริมสภาพคล่อง ยื่นกู้ได้ทันที 
📌 เวทีเสวนาอัปเดตสถานการณ์เศรษฐกิจจากกูรูระดับประเทศ 
📌 บริการเสริมแกร่งธุรกิจครบวงจร 
📌 การออกบูธจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เปิดโอกาสเชื่อมโยงขยายเครือข่ายธุรกิจ

แจ้งความประสงค์เข้าร่วม 📌แจ้งความประสงค์เข้าร่วม https://shorturl.asia/ZWvIp
📍สถานที่ อาคาร 310 SME Bank Tower สำนักงานใหญ่ SME D Bank ถ.พหลโยธิน สามเสนใน พญาไท กทม. 10400
https://g.co/kgs/vSyfB2L

สมุทรปราการ-ลพบุรี ส่งเสริมการตลาดเปิดงาน 'ลพบุรี MARKET FEST เทศกาลของดี ของเด็ดจังหวัดลพบุรี'  

                    

เมื่อวันที่ (29 พ.ค.68) นายประยูร ศิริวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ภายใต้โครงการส่งเสริมการตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัย และการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ กิจกรรม ส่งเสริมการตลาดและเชื่อมโยงการจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ และอาหารปลอดภัยนอกพื้นที่จังหวัดลพบุรี โครงการตามแผนปฏิบัติราชการของจังหวัดลพบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 

ภายใต้ชื่องาน 'ลพบุรี MARKET FEST เทศกาลของดี ของเด็ดจังหวัดลพบุรี' โดยมี นางสาวกษมา สุทธวิชัย พาณิชย์จังหวัดลพบุรี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ คุณโอฬาร กิจเลิศไพโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน ณ Big Zone ชั้น 1 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ โดยจังหวัดลพบุรี โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริม ด้านการตลาด ขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าของจังหวัด 

กำหนดจัดกิจกรรมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าและการเจรจาธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจการค้าของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ วิสาหกิจชุมชน เกษตรกรผู้ผลิตสินค้าเกษตร เกษตรปลอดภัย สินค้า OTOP/SMEs ตลอดจนผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องของจังหวัดลพบุรี ได้รับการ สนับสนุนส่งเสริมด้านการตลาดในการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง การจัดงาน 'ลพบุรี MARKET FEST : เทศกาลของดี ของเด็ดจังหวัดลพบุรี' จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2568 ณ Big Zone ชั้น 1 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เพื่อให้ผู้ผลิตผู้ประกอบการสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์และอาหารปลอดภัยของจังหวัดลพบุรี มีช่องทางการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้สินค้าดี สินค้าเด่นของจังหวัดลพบุรี ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ภายในงานได้มีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าเกษตร ผลิตภัณฑ์และอาหารปลอดภัย สินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สินค้า OTOP/SMEs ของผู้ประกอบการ กลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชม กลุ่มสมาชิก MOC BIZ CLUB เข้าร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้า รวมทั้งสิ้น 50 คูหา
​นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมเจรจาธุรกิจ เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมถึงกิจกรรมพิเศษอื่นๆ เช่น กิจกรรมนาทีทองที่ทุกท่านจะสามารถซื้อสินค้าภายในงานได้ในราคาถูก , กิจกรรมจับสลากลุ้นรางวัลทุกวัน รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท ตลอดการจัดงาน และในทุกวัน เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ยังมีการแสดงมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง อาทิ ​29 พฤษภาคม 2568 พบกับ ก้านตอง ทุ่งเงิน​​ 30 พฤษภาคม 2568 พบกับ ก๊อต สุทธิรักษ์ 31 พฤษภาคม 2568 พบกับ ดอกแค ท็อปไลน์ 1 มิถุนายน 2568 พบกับ ญาณิ ท็อปไลน์ 2 มิถุนายน 2568 พบกับ ไอฟ์ ไหทองคำ

และนอกจากนี้ วันที่ 29 และ 31 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.45 น. จะได้พบกับการรังสรรค์เมนูใหม่ จากของดีเมืองลพบุรี โดย chef owner @chunk’s เชฟบูม กันต์ยรัตน์ เพียรพอดีตน ให้ทุกท่านได้ลิ้มรสความอร่อยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชมงานได้ฟรี ระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2568 ณ Big Zone ชั้น 1 ศูนย์การค้าอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top