Saturday, 7 June 2025
Hard News Team

WFP เผย 'ฝูงชนอดอยาก' ล้อมคลังอาหารในกาซา ดับแล้ว 2 ราย บาดเจ็บอีกเพียบในการแย่งเสบียง

(30 พ.ค. 68) สถานการณ์ความอดอยากในฉนวนกาซาทวีความรุนแรง ขณะที่โครงการอาหารโลก (WFP) เปิดเผยว่า กลุ่มชาวปาเลสไตน์จำนวนมากซึ่งหิวโหย ได้บุกเข้าโกดังเก็บเสบียงในเมืองเดียร์ เอล-บาลาห์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บอีกหลายคน เหตุเกิดท่ามกลางภาวะขาดแคลนอาหารอย่างหนัก 

ในขณะเดียวกัน การโจมตีจากอิสราเอลยังคงดำเนินต่อเนื่อง กระทรวงสาธารณสุขในกาซาระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70 รายทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะในค่ายผู้ลี้ภัยบูเรจในกาซากลาง มีผู้เสียชีวิต 23 ราย จากการโจมตีอาคารที่พักอาศัย ซึ่งเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินต้องใช้เวลานานกว่า 30 นาทีในการกู้ร่างผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการโจมตีบ้านเรือนและโรงเรียนอนุบาลในเขตจาบาเลีย ทางเหนือของกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกอย่างน้อย 7 ราย ขณะที่จุดแจกจ่ายความช่วยเหลือที่ก่อตั้งโดยมูลนิธิ Gaza Humanitarian Foundation (GHF) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ก็เกิดระเบิดต่อเนื่อง โดยยังไม่มีความชัดเจนถึงสาเหตุ

องค์กรสิทธิมนุษยชนและสหประชาชาติแสดงความกังวลต่อบทบาทของ GHF โดยระบุว่าโครงการดังกล่าวขาดความเป็นกลางและละเมิดหลักการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทั้งยังอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางทหารหรือการควบคุมพลเรือนของอิสราเอล

แม้อิสราเอลจะยืนยันว่าอนุญาตให้นำส่งความช่วยเหลือทั้งผ่าน UN และ GHF แต่เจ้าหน้าที่ UN ระบุว่าจำนวนความช่วยเหลือที่เข้าสู่กาซายัง 'น้อยเกินไป' เมื่อเทียบกับความต้องการระดับวิกฤต พร้อมเตือนว่า การแจกจ่ายแบบ 'จับตา-จำกัด' นี้ อาจยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ขาดแคลนอาหารและบั่นทอนหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง

‘อนุชา’ แนะรัฐบาลหยุดใช้งบแบบหว่านแห โฟกัสอุตสาหกรรม New S-Curve ให้ชัดเจน

เมื่อวันที่ (29 พ.ค.68) นายอนุชา บูรพชัยศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า 

การอภิปรายของตนในครั้งนี้จะเน้นไปที่การสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สำหรับภาพรวมของเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้น ในช่วงก่อนการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูงอย่างต่อเนื่อง และในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งมีการเกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และเติบโตแบบลุ่ม ๆ ดอน ๆ เรื่อยมาจนถึงช่วงวิกฤติโควิดที่เศรษฐกิจตกต่ำอีกครั้งหนึ่ง และในปีนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงการเติบโตประมาณร้อยละ 2.1 จากการคาดการณ์ของสำนักเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง แต่สำหรับ World Bank มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของไทยจะเติบโตเพียงแค่ร้อยละ 1.6 เท่านั้น เนื่องจากข้อห่วงใยในเรื่องของหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน และความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า 

โดยทั่ว ๆ ไป พัฒนาการของเศรษฐกิจจะมีวัฏจักรคือทุก ๆ 12 ปี จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้น ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานนี้ น่าจะประมาณ 2575 เราจะพบกับวิกฤติเศรษฐกิจอีกครั้ง ดังนั้นในวันนี้เราต้องพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อรองรับวิกฤติเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น และพร้อมที่จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง และโจทย์ที่สำคัญคือการผลักดันให้ประเทศไทยหลุดพ้นออกจากประเทศรายได้ปานกลางที่ประเทศไทยอยู่จุดนี้มาไม่น้อยกว่า 30 ปี 

วันนี้ประเทศไทยโดยรัฐบาลจะต้องดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจทั้งหมด เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ ผ่านการสร้าง New S-Curve ให้กับธุรกิจของประเทศไทย เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics), การเกษตรขั้นสูงและเทคโนโลยีชีวภาพ (Advanced Agriculture and Biotechnology), เศรษฐกิจดิจิทัล, AI และหุ่นยนต์ (Digital Economy, AI, and Robotics) รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ (Medical and Wellness Tourism) นี่คือสิ่งต่าง ๆ ที่รัฐบาลชุดนี้จะต้องสร้างระบบนิเวศเพื่อให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง 

สำหรับงบประมาณที่รัฐบาลได้เสนอมา โดยเฉพาะในส่วนของแผนงานบูรณาการการพัฒนาอุตสาหกรรมและการบริการแห่งอนาคตกลับมีการปรับลดงบประมาณลง จาก 8 พันล้านเหลือเพียงเกือบ 6 พันล้านเท่านั้นเอง รัฐบาลจะต้องจัดสรรงบประมาณให้เหมาะสมเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนที่ตอนนี้ชะลอการตัดสินใจ เพื่อรอจังหวะที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารัฐบาลกำลังจะทำอะไร 

รัฐบาลจะต้องหยุดสะเปะสะปะ หยุดทำทุกอย่าง แต่ต้องโฟกัสว่าอะไรคือสิ่งที่จะทำ อะไรคือ New S-Curve ที่รัฐบาลจะนำเสนอ เพื่อเป็นคำตอบที่ชัดเจนให้กับนักลงทุน และพร้อมจะขับเคลื่อนทุก ๆ องคาพยพทั้งภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายด้วย 

สำหรับการปรับปรุงกฎหมายรัฐบาลจะต้องเร่งนำกฎหมายที่สามารถกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ และสร้างข้อพิพาทในสังคมน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็น กฎหมาย SEC ที่ตนได้เสนอ หรือกฎหมายสนับสนุนการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติได้รวมกันเสนอ ซึ่งหากมีการผลักดันอย่างต่อเนื่องจะสามารถเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม และประเทศไทยจะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ 

และหากประเทศไทยเริ่มพัฒนาเศรษฐกิจตั้งแต่วันนี้และต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เราจะสามารถรับมือกับวิกฤติเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่และได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

‘ทักษิณ’ เลิกกั๊กจ้องฮุบ 'มหาดไทย' ยังทำงานไม่เต็มที่ ควรให้ 'เพื่อไทย' เข้าไปทำบ้าง เชื่อ 'ภูมิใจไทย' ไม่ถอนตัวรัฐบาล

(30 พ.ค.68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทาง 3 บก.เครือเนชั่น โดยนายทักษิณ สวมบทบาทเป็น บก.คนที่ 4 เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะความเป็นพรรคแกนนำรัฐบาลที่มักต้องคุมกระทรวงสำคัญๆ ไว้ในมือ ทางพรรคเพื่อไทยควรมีคนของตัวเองไปเป็น รมว.มหาดไทย หรือไม่

นายทักษิณ ระบุว่า การนำนโยบายไปถึงประชาชน กระทรวงหลักคือกระทรวงมหาดไทย วันนี้มันไม่ค่อยถึง เพราะว่ากระทรวงมหาดไทยยังไม่ค่อยทำเต็มที่ เวลามันเหลือ 2 ปีแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่มหาดไทยต้องทำงานให้เต็มที่

เมื่อถามว่านายทักษิณ ผ่านการเมืองมาเยอะ และรู้จักพรรคเพื่อไทยดี วิเคราะห์ในฐานะ บก.คนที่4 รอบนี้ พรรคเพื่อไทยจะกล้ายึดหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ผมยังไม่ได้ถามหัวหน้าพรรค ถ้าให้วิเคราะห์ก็เป็นเรื่องที่คงต้องพูดกันว่าให้พรรคเพื่อไทยเข้าไปทำบ้าง จะได้ทำนโยบายถึงเพื่อประชาชนได้สักที เพราะเวลาเหลือน้อยแล้ว อีก 2 ปีจะเลือกตั้งแล้ว

เมื่อถามว่า แล้วพรรคร่วมรัฐบาลที่มี 69 เสียง เขาจะยอมหรือไม่ ในเมื่อกระทรวงนั้นคือหัวใจหลักคุมอำนาจบริหารและเอาชนะทางการเมือง นายทักษิณ กล่าวว่า คือมันเป็นเรื่องการทำงานเพื่อประชาชน ถ้าอยากทำงานให้ได้ผล พรรคเพื่อไทยต้องตัดสินใจเพื่อให้นโยบายถึงประชาชนจริงๆ ก็ต้องให้กระทรวงมหาดไทยอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย นี่คือหลักการ

เมื่อถามว่านอกจากกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังต้องมีกระทรวงไหนอีกที่สามารถทำให้รัฐบาลทำงานกระฉับกระเฉง และสามารถชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป นายทักษิณ กล่าวว่า ก็กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ , กระทรวงพาณิชย์ , กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม ก็เป็นหัวใจ คมนาคมก็เรื่องของรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย พูดไปแล้วต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องมีเหตุผลบอกกับประชาชน มันเสียนิสัย เพราะมันเคยเป็นพรรคใหญ่มาก่อน

เมื่อถามว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยเอากระทรวงมหาดไทยมาได้ คิดในฐานะนักวิเคราะห์ซึ่งมีประสบการณ์ทางการเมือง พรรคภูมิใจไทยเขาจะกล้าถอนตัวจากรัฐบาลหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “คิดว่าน่าจะคุยกันรู้เรื่อง คงไม่ถอนมั้ง เราไม่อยากให้เขาถอนอ่ะ ก็อยู่ด้วยกันมา”

เมื่อถามว่า แต่ถ้าเขาอยู่ไม่ได้ นายทักษิณ กล่าวว่า อันนั้นก็เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมการตัดสินใจของแต่ละพรรคได้

‘ยูเครน’ กุมขมับวิกฤต ‘หนีทหาร’ ปีนี้พุ่งไม่หยุด คาดยอดจะทะลุ 61,000 ราย สูงสุดเป็นประวัติการณ์

(30 พ.ค. 68) กองทัพยูเครนกำลังเผชิญปัญหาทหารหลบหนีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจำนวนผู้ละทิ้งหน้าที่โดยไม่ได้รับอนุญาตในปี 2025 จะทะลุ 61,000 ราย เกือบเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อน ตามการวิเคราะห์ของผู้สื่อข่าว Sputnik โดยอ้างอิงจากบันทึกคดีในศาลยูเครน

กรณีการหลบหนีส่วนใหญ่เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 407 วรรค 5 ของประมวลกฎหมายอาญายูเครน ซึ่งระบุถึงการ “ละทิ้งหน่วยหรือสถานที่ปฏิบัติหน้าที่เกิน 3 วัน ภายใต้กฎหมายกฎอัยการศึกหรือสถานการณ์การรบ”

ข้อมูลจากทะเบียนคดีของศาลยูเครนระบุว่า เดือนเมษายน 2025 มีคดีหนีทหารสูงสุดที่ 6,245 คดี ส่งผลให้ยอดสะสม 5 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 25,508 คดี หากแนวโน้มยังดำเนินต่อไป จำนวนรวมทั้งปีอาจสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

เมื่อเทียบกับปีก่อน แนวโน้มดังกล่าวน่ากังวลอย่างยิ่ง โดยในปี 2024 มีรายงานการหลบหนีถึง 35,750 คดี เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปี 2023 ที่มีเพียง 12,563 คดี สะท้อนภาวะขาดเสถียรภาพในกำลังพลอย่างต่อเนื่อง

กองทัพน้อยที่ 3 ร่วม MOU โครงการผลิตปุ๋ยหมักจากเศษหญ้า ใบไม้ และกิ่งไม้

กองทัพน้อยที่ 3 ร่วมกับ บริษัท โสรยา โมเดิร์น ไลฟ์ จำกัด อำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือการจัดทำโครงการทางการเกษตรร่วมกัน ที่เป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการเศษหญ้า ใบไม้ และกิ่งไม้ ในค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถแบบครบวงจร อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการเผาที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) อันส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม กองบัญชาการกองทัพน้อยที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยมี พลโท กิตติพงศ์ ชื่นใจชน แม่ทัพน้อยที่ 3 และ ดร. พิศลยา บัวแก้ว CEO บริษัท โสรยา โมเดิร์น ไลฟ์ จำกัด เป็นผู้ลงนามข้อตกลง         

ทั้งนี้ ผลที่คาดว่าจะได้รับ คือ 1) เพื่อนำใบไม้ กิ่งไม้ และเศษหญ้าที่มีอยู่เป็นจำนวนมากมาทำปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยหมักชีวภาพ) 2) เพื่อให้ได้ปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยหมักชีวภาพ) นำมาใส่พืชผักและดอกไม้ภายในหน่วย ส่วนที่เหลือจำหน่ายเพื่อเป็นสวัสดิการของกำลังพลภายในหน่วย 3) เพื่อเป็นการลดการสะสมของใบไม้ กิ่งไม้ และเศษหญ้า เพื่อให้ภูมิทัศน์ของหน่วยเป็นระเบียบ สวยงาม และ 4) เพื่อลดการเผาใบไม้ กิ่งไม้ และเศษหญ้า อันเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5)      

จึงขอเรียนให้พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่า กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 3 มีความพร้อมที่จะสนับสนุนกำลังพล และยุทโธปกรณ์ทางทหาร รวมทั้งบูรณาการศักยภาพทางการทหารในทุกๆ ด้านของกองทัพบก เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้เกิดความมั่นคง และยั่งยืน ตลอดไป ปรีชา นุตจรัส รายงานข่าว

นครพนม-นบ.ยส.24 ต้อนรับที่ปรึกษาสำนักงาน ปปส. (อดีต เลขาธิการ ปปส.) พร้อมคณะ ในการศึกษาดูงานโครงการสัมมนาด้านการข่าว 

ที่ กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 ค่ายพระยอดเมืองขวาง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24) มอบหมายให้ พลตรี ฉัฐชัย มีชั้นช่วง รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้การต้อนรับ นายเพิ่มพงษ์ เชาวลิต ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (อดีต เลขาธิการ ปปส.) พร้อมคณะ ในการศึกษาดูงานโครงการสัมมนาด้านการข่าว การลักลอบลำเลียงยาเสพติดที่มีความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ชายแดนภาคตะวันออกฉียงเหนือตอนบนและในพื้นที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 1 (ปปส.ภาค 1) ในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดนครพนม และตรวจเยี่ยมหน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของส่วนราชการต่างๆที่เกี่ยวข้องในการป้องกันยาเสพติด การสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด การแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ สรุปสถิติและการปฏิบัติที่สำคัญแต่ละมาตรการตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567 จนถึงปัจจุบัน ในพื้นที่ 25 อำเภอชายแดน ของ 7 จังหวัดรับผิดชอบ ตัวชี้วัดประสิทธิภาพการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่เป้าหมาย แนวโน้มสถานการณ์ยาเสพติด กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตาม 6 มาตรการหลัก ได้แก่ มาตรการสกัดกั้น มาตรการปราบปราม มาตรการป้องกัน มาตรการบำบัดรักษา มาตรการบูรณาการ มาตรการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน  

เพื่อร่วมประชุมบูรณาการขับเคลื่อนนโยบายการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด “Seal Stop Safe” ในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน ตามนโยบายของทางรัฐบาลที่กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นวาระที่ให้ความสำคัญเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้ดียิ่งขึ้น ชื่นชมในความทุ่มเท เสียสละ และความมุ่งมั่นของทุกหน่วยงานในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยของประชาชนโดยเฉพาะในภารกิจด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสังคมไทยในปัจจุบันซึ่งมี ผลการตรวจยึดจับกุมตามมาตรการสกัดกั้นและปราบปราม จนถึงปัจจุบัน มีการจับกุม จำนวน 785 ครั้ง, ผู้ต้องหา 1,078 ราย ของกลาง ยาบ้า 116,960,665 เม็ด,ไอซ์ 5,793 กิโลกรัม เฮโรอีน 142 กก.,เคตามีน 796 กิโลกรัมและอื่นๆ รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นมากถึง แปดพันล้านบาทเศษ (8,271,696,850 บาท)

อดีตอธิการบดี มธ. อวยยศ 'อานนท์ นำภา' ควรเป็นคนไทยคนแรกถูกเสนอชื่อรับรางวัลโนเบล

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.68) ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อานนท์ นำภา ติดคุก มาแล้วกว่า 600 วัน เขาถูกจารีตนครบาล ตีตรวน เดินตีนเปล่า

เขาได้รางวัลความกล้าหาญด้านสิทธิมนุษยชนหลายรางวัล

เขาควรจะเป็นคนไทยคนแรกที่ถูกเสนอให้ได้รับรางวัลโนเบลไหม ครับ

(สุรินทร์) แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยัน การเจรจาไทย-กัมพูชา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ย้ำขอให้ประชาชนมั่นใจ จะไม่มีการใช้กำลังซึ่งกันและกัน

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.68) แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยัน การเจรจาไทย-กัมพูชา เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ย้ำขอให้ประชาชนมั่นใจ จะไม่มีการใช้กำลังซึ่งกันและกัน อันทำให้เดือดร้อนและส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างแน่นอน พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับทหารฝ่ายกัมพูชา ณ หน่วยประสานงานประจำพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 สำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่สอง จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ช่วงค่ำวันนี้ว่า 

จากการเจรจาระหว่างทหารฝ่ายไทย นำโดย พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก กับ พลเอก เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา ได้ข้อสรุปร่วมกัน คือ ให้ทั้งสองฝ่ายถอนกำลังไปอยู่ในจุดที่เหมาะสมอย่างน้อยฝ่ายละ 200 เมตร เพื่อรอคณะกรรมการปักปันเขตแดนโดยกระทรวงการต่างประเทศจะมีการประชุม JBC ร่วมกัน ภายในไม่เกิน 2 สัปดาห์ เร่งแก้ปัญหาการถือแผนที่ไม่ตรงกัน สรุปว่าในปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย มีความเข้าใจกันดี และทั้ง 2 ประเทศจะต้องหาเวลาพูดคุยกัน เพื่อยุติข้อขัดแย้งที่จะนำมาซึ่งการใช้อาวุธต่อกัน ขอให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศมั่นใจว่าจะไม่มีการนำไปสู่การใช้กำลังที่จะทำให้เดือดร้อนและส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศอย่างแน่นอน

 

เชียงใหม่-เปิดเส้นทางท่องเที่ยว 'มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา' แสงเทียนแสงธรรม : จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวานนี้ (29 พ.ค.68) ที่ บริเวณหน้าหอพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่นล้านนา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดเส้นทางท่องเที่ยวย่านเมืองเก่า 'มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา' แสงเทียนแสงธรรม : จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ผู้มีเกียรติ สื่อมวลชน และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างคึกคัก

นายอิทธิรัฐ สินารักษ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ในนามของสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ และท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา กิจกรรมในวันนี้เป็นกิจกรรมสร้างประสบการณ์เส้นทางท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าและ กิจกรรมสาธิต/กิจกรรมตามประเพณีพื้นถิ่น 'มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา' (เชียงราย พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน และจังหวัดเชียงใหม่) ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองเก่าอารยธรรมล้านนา 'มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา' 

โดยการสนับสนุนงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 แผนงาน : บูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว มีแนวคิดในการบูรณาการจัดกิจกรรมร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าของเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา โดยการนำเอาต้นทุนทางวัฒนธรรมในพื้นที่ย่านเมืองเก่า กิจกรรมท่องเที่ยวตามประเพณี วิถีชีวิตชุมชน และอาหารพื้นถิ่น มาร้อยเรียงเรื่องราวและสร้างสรรค์เป็นเส้นทางท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ เน้นการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยว ผ่านกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและแสดงให้เห็นถึงความสวยงามของโบราณสถานวัด สถานที่ ในยามค่ำคืน ในพื้นที่เขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา โดยมีวัตถุประสงค์ของกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่เปิดมุมมองและประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว 

โดยหวังว่าจะสามารถเพิ่มกิจกรรมในยามค่ำคืน (ยามแลง) เพื่อให้เกิดการพักค้าง เกิดการ บอกต่อกิจกรรม และเกิดการเดินทางซ้ำของนักท่องเที่ยว โดยการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยว ให้น่าจดจำ มีการกระจายรายได้ด้านการท่องเที่ยวสู่ชุมชนท้องถิ่น และบูรณาการการทำงาน ด้านการท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานภายในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา                             

จัดขึ้นภายใต้กิจกรรมสร้างประสบการณ์เส้นทางท่องเที่ยวย่านเมืองเก่า จำนวนทั้งหมด 6 เส้นทาง ภายใต้แนวคิด 6 แสง มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา ดังนี้ เส้นทางที่ 1 : มนต์เสน่ห์ยามแลง “แสงเทียน แสงธรรม”(จังหวัดเชียงใหม่) ซึ่งดำเนินในวันนี้ โดยกิจกรรมเริ่มต้น ณ ลานกิจกรรมหน้าหอพิพิธภัณฑ์พื้นถิ่น นั่งรถรางใส่ขันดอกอินทขิล การจุดเทียนเสริมสิริมงคล ณ วันศรีสุพรรณ ลอดซุ้มประตูโขงตะแหลว 7 ชั้นกราบพระประธาน วันโลกโมฬี และนั่งรถชมเมืองเชียงใหม่ยามเย็น โดยมีเข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 100 คน 

สำหรับเส้นทางที่ 2 : มนต์เสน่ห์ยามแลง “แสงเวียงเขลางค์”(จังหวัดลำปาง) เส้นทางที่ 3 : มนต์เสน่ห์ยามแลง “แสงสี...ปายยามเย็น” (จังหวัดแม่ฮ่องสอน) เส้นทางที่ 4 : มนต์เสน่ห์ยามแลง “แสงเวียง” (จังหวัดเชียงราย)เส้นทางที่ 5 : มนต์เสน่ห์ยามแลง “แสงศรัทธา” (จังหวัดพะเยา)และ เส้นทางที่ 6 : มนต์เสน่ห์ยามแลง “แสงแห่งวิถี” (จังหวัดลำพูน) กิจกรรมสร้างประสบการณ์เส้นทางท่องเที่ยวย่านเมืองเก่าและ  กิจกรรมสาธิต กิจกรรมตามประเพณีพื้นถิ่น “มนต์เสน่ห์ยามแลง แสงล้านนา” ในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา เส้นทางการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่เปิดมุมมองและประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยว กระจายรายได้ด้านการท่องเที่ยวสู่ชุมชนท้องถิ่น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top