Saturday, 27 April 2024
แคนาดา

ชายชาวแคนาดาหัวร้อน บุกชกหน้าพยาบาลหญิง โมโหฉีดวัคซีนโควิดภรรยา ทั้งที่ไม่ยินยอม

ชายชาวแคนาดาถูกกล่าวหาชกหน้าพยาบาลหญิงรายหนึ่ง หลังบุคลากรทางการแพทย์รายนี้ฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ให้ภรรยา โดยปราศจากการยินยอมของเขา จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

รายงานข่าวระบุว่าชายรายนี้บุกเข้าไปเผชิญหน้ากับพยาบาลหญิงในร้านขายยาแห่งหนึ่งในเมืองเชอร์บรูค ห่างจากเมืองมอนทรีออล ในรัฐควิเบก ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 100 ไมล์ (ประมาณ 160 กิโลเมตร) สถานที่ที่ภรรยาของชายคนดังกล่าวถูกส่งตัวไปฉีดวัคซีน

"ผู้ต้องสงสัยลุยตรงๆ เข้าไปในสำนักงานของร้านขายยาและเริ่มตะโกนใส่พยาบาล" โฆษกตำรวจเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ พร้อมระบุว่าชายคนนี้เริ่มโมโหหนักขึ้นเมื่อได้ทราบว่าภรรยาของเขาฉีดวัคซีนแล้ว โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา และชกพยาบาลหญิงเข้าที่ใบหน้า

อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่แน่ชัดว่าผู้ต้องสงสัยต่อต้านการฉีดวัคซีน หรือไม่เห็นด้วยที่ภรรยาของเขาฉีดวัคซีนที่ร้านขายยาดังกล่าว จากคำกล่าวของโฆษกตำรวจ

'เฉลิมชัย'หารือแคนาดากระชับความร่วมมือด้านการเกษตรขยายส่งออกสินค้าเกษตร 2 หมื่นล้าน

วันที่ 16 ส.ค. 65 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ดร.ซาราห์ เทย์เลอร์ เอกอัครราชทูตแคนาดา ประจำประเทศไทย (H.E. Dr. Sarah Taylor) (Ambassador of Canada to the Kingdom of Thailand) ร่วมหารือการส่งเสริมและขยายความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกัน โดยมี นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ห้องรับรองกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

สำหรับการหารือในครั้งนี้ ไทยและแคนาดาพร้อมร่วมมือในเรื่อง Smart agriculture-Canadian technology ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายการขับเคลื่อนงานด้านเกษตรอัจฉริยะ โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาสนับสนุนกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร ปรับเปลี่ยนรูปแบบการเกษตรในปัจจุบัน ให้มุ่งสู่เกษตร 4.0 มีเป้าหมายสำคัญที่มุ่งเน้นให้เกิดการทำเกษตรแบบทำน้อยได้มาก ใช้ทรัพยากรในการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ลดการสูญเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้มากขึ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยกล่าวขอบคุณฝ่ายแคนาดาสำหรับความร่วมมือในโครงการ Offshore Program ซึ่งเป็นโครงการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการด้านความปลอดภัยอาหาร ระหว่างองค์การตรวจสอบอาหารของแคนาดา (Canadian Food Inspection Agency: CFIA) และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)

เพื่อให้ประเทศคู่ค้าสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยอาหารของแคนาดาได้อย่างถูกต้อง และป้องกันอาหารที่ไม่ปลอดภัยเข้าสู่ตลาด โดยเน้นด้านการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยอาหาร การตรวจสอบสถานประกอบการ และกิจกรรมความช่วยเหลือด้านเทคนิค โดยที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน มกอช. และ CFIA ได้จัดการแลกเปลี่ยนด้านวิชาการด้านความปลอดภัยอาหาร จำนวน 4 ครั้ง และอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อหารือถึงการขยายความร่วมร่วมมือระหว่างกันในการจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอาหารตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งรวมถึงการผลักดันการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การเฝ้าระวังและตรวจติดตาม และการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์ เป็นต้น

‘Air Canada’ บินตรง ‘แวนคูเวอร์ - สุวรรณภูมิ’ ด้าน ‘ททท.’ ต้อนรับอย่างอบอุ่น - คึกคัก

(3 พ.ย. 65) นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ เที่ยวบิน AC065 ถือเป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของสายการบิน Air Canada ในเส้นทางบินตรงจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ถึงกรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ซึ่งเที่ยวบินตรงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีนัยสำคัญต่อการพลิกฟื้นความสำเร็จด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว (Ease of Travelling) จากภูมิภาคอเมริกาเหนือ 

ทำให้เห็นว่าการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยสะดวกและง่ายกว่าที่เคย โดยเส้นทางบินดังกล่าวเป็นการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศ เปิดเส้นทางบินตรงจากทวีปอเมริกาเหนือสู่ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรก ซึ่งจะให้บริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 787 ความจุโดยสาร 298 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติแวนคูเวอร์ ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทุกวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ 

'แคนาดา' อ้าแขนรับต่างชาติ 1.5 ล้านคน ภายใน 3 ปีข้างหน้า เสริมตลาดแรงงาน หลังเด็กเกิดใหม่ต่ำ สังคมกำลังเข้าสู่ยุคสูงวัย

รัฐบาลแคนาดาตัดสินใจฝากอนาคตเศรษฐกิจ ไว้กับแรงงานต่างชาติ เมื่อประเทศกำลังเกิดปัญหาแรงงานขาดแคลน และกลุ่มชาว Baby Boomer ถึงเวลาต้องเกษียณ ด้วยการประกาศรับชาวต่างชาติย้ายถิ่นฐานถึง 5 แสนคนต่อปีต่อเนื่องไปจนถึงปี 2025 เท่ากับว่า แคนาดาตั้งเป้าที่จะรับชาวต่างชาติเข้าประเทศถึง 1.5 ล้านคนภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งมากกว่าอัตราการให้สิทธิ์วีซ่าพำนักถาวรของอังกฤษต่อปีถึง 8 เท่า และยังมากกว่าของสหรัฐอเมริกาถึง 4 เท่า

แม้จะเป็นการเปิดโอกาสในการรับแรงงานต่างชาติที่ขาดแคลนเข้าประเทศ แต่จะผลสำรวจความเห็นของชาวแคนาดา ก็ยังมีความกังวลอยู่ไม่น้อยในนโยบายนี้ของรัฐบาล

แคนาดา เป็นอีกหนึ่งประเทศที่พยายามจูงใจชาวต่างชาติที่มีทักษะ เข้ามาพำนักถาวรในประเทศมานานหลายปี จนล่าสุดในปีที่ผ่านมาได้รับชาวต่างด้าวสูงกว่า 4 แสนคน มากที่สุดเท่าที่เปิดรับมา และวันนี้รัฐบาลแคนาดาตั้งเป้าหมายใหม่ในการรับแรงงานต่างชาติให้สูงกว่านั้นอีก

สาเหตุที่แคนาดาเร่งรับชาวต่างชาติเข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ เข้าใจได้ไม่ยาก เนื่องจากแคนาดามีอัตราเด็กเกิดใหม่น้อย และ ย่างเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ปัญหาขาดแคลนแรงงานจึงมีสูงมาก อีกทั้งแคนาดามีประชากรเพียง 38 ล้านคน น้อยกว่าประชากรของอังกฤษเป็นเท่าตัว แต่มีพื้นที่กว้างขวางกว่ามาก จึงทำให้แคนาดามีข้อได้เปรียบในการรับชาวต่างชาติย้ายถิ่น 

และทำให้วันนี้แคนาดากลายเป็นประเทศที่รับชาวต่างชาติมากที่สุดในกลุ่มประเทศ G7 25% ของประชากรแคนาดาเป็นชาวต่างชาติ เป็นอัตราที่สูงกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนที่หล่อรวมคนหลากหลายเชื้อชาติมากที่สุด ยังมีอัตราส่วนชาวต่างชาติต่อประชากรในประเทศเพียง 14% 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ แมดเดอไลน์ ซัมพ์ตัน ผู้อำนวยการสำนักสังเกตการณ์การย้ายถิ่นแห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด มองว่า แม้ประเทศแคนาดาจะมีศักยภาพรองรับประชากรเข้าใหม่มากแค่ไหนก็ตาม แต่อัตราการรับคนต่างด้าวเข้าประเทศในตอนนี้ถือว่ามากเกินไปจนผิดปกติ 

ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ เจฟฟรีย์ คาเมรอน นักรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ มองว่า ถึงแคนาดาจะประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน แต่การรับชาวต่างชาติเข้าเมืองในจำนวนขนาดนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนด้วย  

และต้องยอมรับว่าในแต่ละรัฐของแคนาดามีความพร้อมที่จะรับชาวต่างด้าวไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ในรัฐควิเบก ต้องการรับชาวต่างด้าวได้ไม่เกิน 10% ด้วยเหตุผลว่ารัฐนี้ อนุรักษ์การใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ และเกรงว่าการรับชาวต่างชาติมากเกินไป อาจส่งผลเสียต่ออัตตาลักษณ์การใช้ภาษาของรัฐนี้ได้ 

นอกจากนี้ เมืองใหญ่อย่างแวนคูเวอร์ และ โตรอนโต ก็ต้องการรับชาวต่างชาติเข้าเมืองไม่เกินปีละ 10% เช่นกัน เพราะปัญหาราคาที่พักอาศัยที่พุ่งขึ้นสูง จนแม้แต่ชาวเมืองในพื้นที่หลายคนยังไม่สามารถหาซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้

‘แคนาดา’ อ้าแขน!! เปิดรับต่างชาติ 1.5 ล้านคนเข้าประเทศ ข้อแม้!! ต้องเป็นบุคลากรคุณภาพสูงเท่านั้น | Summary Reporter EP.25

แคนาดาเปิดรับคนเก่งเข้าอยู่อาศัยในประเทศ

.

#THESTATESTIMES
#ReporterJourney
#SummaryReporter
#แคนาดา
#ย้ายประเทศ
#อพยพ

สาวเมืองเมเปิ้ล สุดจะทน! ทำสิ่งที่หลายคน ไม่กล้าทำ บล็อกเบอร์หัวหน้า หลังโทรตามในวันลาป่วย

เธอมันแน่! เรื่องราวของสาวชาวแคนาดา ที่ได้รับคำชื่นชมมากมายจากชาวโซลเชียล หลังจากที่เธอได้บล็อกเบอร์โทรของหัวหน้า หลังจากที่โดนโทรตามงานในวันหยุด

เรื่องราวสุดจี๊ดของพนักงานสาวนามว่า ‘วาเนสซ่า’ เมื่อไม่นานมานี้เธอกลายเป็นไวรัล หลังจากที่เธอออกมาแชร์ประสบการณ์การแก้ปัญหาเวลาบอสโทรตามงานนอกเวลาทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนอยากทำแต่ไม่กล้าทำสักที

เรื่องราวมีอยู่ว่า ในวันนั้นวาเนสซ่าขอลาป่วยนอนอยู่ที่บ้าน แต่ถึงอย่างนั้นบอสของเธอก็ยังส่งข้อความตามงานเธอผ่านทางเบอร์โทรส่วนตัว วาเนสซ่ามีโทรศัพท์ 2 เครื่องค่ะ โดยเครื่องหนึ่งเอาไว้ใช้ส่วนตัว อีกเครื่องเอาไว้ใช้ทำงาน

นักวอลเลย์บอลหญิงแคนาดา สุดซึ้ง!! หลังได้ยาดมจากแฟนลูกยางชาวไทย

(3 ก.ค.66) ควันหลงศึกวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ลีก 2023 สัปดาห์ที่ 3 'วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติแคนาดา' จบการแข่งขันด้วยผลงาน แข่ง 12 นัด ชนะ 6 แพ้ 6 มี 18 แต้ม จบที่ 10

โดยในการแข่งขันสนาม 3 ไทยเป็นเจ้าภาพได้รับการต้อนรับจากแฟนลูกยางชาวไทยนำของไปมอบให้นักกีฬา และหนึ่งในนั้นมีแฟนคลับชาวไทยนำยาดมไปให้กับ 'คาโรลีน ลีฟวิงสตัน' ซึ่งปฏิกิริยาของเธอทันทีที่เห็นว่าเป็นยาดมถึงกับแสดงซึ้งออกมา

‘บิว อรจิรา’ ทายาทหมื่นล้านธุรกิจอสังหาฯ สุดรันทด เล่าประสบการณ์อยู่ต่างประเทศ ไม่ต่างผู้ลี้ภัย

เมื่อไม่นานนี้ ไฮโซสาวตระกูลดัง ‘บิว อรจิรา บัณฑูรจินดา’ ทายาทนักธุรกิจหมื่นล้าน ลูกสาว ‘คุณจรูญศักดิ์ บัณฑูรจินดา’ หุ้นส่วนใหญ่เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ในเครือ AP สุดรันทด เล่าประสบการณ์ใช้ชีวิตในประเทศแคนาดา ผ่าน tiktok ‘บิวจินดา Beaujonda35’ ขนาดเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนผ่านการคัดเลือกจากรัฐบาล ยังถูกบูลลี่เหมือนเราไม่ใช่คน โดยเฉพาะคนไทย และประเทศเพื่อนบ้าน โดยระบุว่า…

“เรื่องของบิว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นประมาณ 10 ปีที่แล้ว บิวไปอยู่แคนาดาในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน มีการสอบชิงทุนผ่านโดยกระทรวงและผ่านรัฐบาลของประเทศแคนาดาอย่างถูกต้อง ต้องบอกว่าตอนนั้นบิวสอบข้อเขียน พูด อ่านเขียนผ่าน แต่เราไม่สามารถสื่อสารเป็นประโยคภาษาอังกฤษกับต่างชาติได้

แน่นอนว่า การไปครั้งนั้นเราจะมีปัญหาเรื่องภาษากับเขา ตอนที่เราสอบชิงทุนได้ตอนนั่นเรียน ม.ปลาย ก่อนไป เราดีใจมาก ได้ไปเรียนต่างประเทศ ชีวิตคงสวยหรู คงได้ไปเที่ยวในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน แต่พอไปถึงเราต้องไปอาศัยอยู่กับโฮสแฟมิลี่ ไปอาศัยอยู่กับครอบครัวที่ทางรัฐบาลเขาจัดให้เรา ต้องบอกก่อนว่า การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เราจะไปอยู่อาศัย 2 แบบ คือแบบ ‘โฮสแฟมิลี่’ และแบบ ‘พักอาศัยกับองค์กร’

ตัวบิวเองอยู่กับโฮสแฟมิลี่ คิดว่าจะเป็นอิสระ เขาคงใจดีกับเรา แต่เปล่าเลย เราไปอยู่ในฐานะคนรับใช้ แม่บ้าน ง่ายๆ นางทาสนั่นแหละ ทำงานบ้านทุกอย่างแม้แต่เลี้ยงลูกให้เขา พอเรากลับจากโรงเรียน เราก็ต้องทำความสะอาดบ้านทุกอย่าง ทำอาหาร เรียกง่ายๆ ว่าเป็นแม่บ้านแหละ หากเราทำไม่ถูกใจ เขาก็ใช้ความรุนแรง ถ้าเราพูดกับเขาไม่รู้เรื่อง เขาก็จะตบหน้าเรา ตบคือตบนะคะ ไม่ใช่ตบแบบสั่งสอน ตบแบบใช้อารมณ์ แล้วก็ด่าเรา

เหมือนตามข่าวที่เราเห็นชาวพม่า ลาว เขมร มาทำงานเป็นแม่บ้านในบ้านเรา บางคนถูกทำร้ายร่างกาย ถูกกดขี่ บางคนถูกข่มขืน ไม่ต่างจากบ้านเราเลย พวกฝรั่ง พอรู้ว่าเราเป็นคนไทย เขาจะมองว่าเรายากจน เป็นพวกลี้ภัย มาอาศัยบ้านเขากิน เป็นตัวถ่วงความเจริญ เมืองไทยขี่ช้างออกจากป่า ส่วนนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยกันที่มาจากทวีปยุโรป เขาก็มองว่าผู้หญิงไทยส่วนใหญ่ขายตัว

บอกตามตรงโคตรเจ็บใจ มาดูถูกกันแบบนี้ คนไทยจะไม่ได้รับการยอมรับที่นั่น เขาจะมองว่าคนเอเชียยากจน มองเราเหมือนไม่ใช่คน เวลาไปเรียนก็จะไม่มีเพื่อน ไม่มีใครคบ คนเอเซียต้องคบกันเอง เพราะแต่ละคนจะโดนทำร้ายเหมือนๆ กัน แต่บิวโดนหนักสุด ถูกทำร้ายร่างกายตลอดระยะเวลา 1 ปีเต็ม ไม่กล้าบอกใคร ไม่กล้าบอกพ่อแม่ ไม่กล้าฟ้องครู เพราะสุดท้ายเราก็ต้องอยู่ที่นั่นจนครบสัญญา 1 ปี

บิวอาจเป็นคนที่อดทนเก่ง แต่เพื่อนเอเชียบางคนร้องไห้ทุกวัน โดนใช้แรงงานเยี่ยงทาสเหมือนกัน จะบอกว่าฝรั่งส่วนมากที่มีเมียคนไทย ก็เพราะเขาต้องการหาคนดูแลยามแก่ยามเฒ่า เห็นหญิงไทยหน้าเงิน ซื้อได้ด้วยเงิน เขาจะไม่ค่อยมองหญิงไทยเป็นเมียหรอก มองเป็นนางทาสมากกว่า

และนี่คือประสบการณ์ในการใช้ชีวิตเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่แคนาดา พอจบ 1 ปีกลับบ้าน สัญญากับตัวเองไม่ขอกลับไปอยู่ต่างแดนอีกเลย อยู่เมืองไทยนี่แหละสบายที่สุดแล้ว แต่ก็ต้องบอกว่า นี่คือประสบการณ์ส่วนตัวที่บิวเจอ บางคนอาจจะโชคดีหรือโชคร้ายกว่าบิวก็ได้นะคะ”

‘อินเดีย’ ตึง!! ระงับออกวีซ่าพลเมืองชาวแคนาดา หลังถูกกล่าวหาเอี่ยวสังหารนักเคลื่อนไหวชาวซิกข์

‘อินเดีย’ ระงับการออกวีซ่าให้กับพลเมืองชาวแคนาดา โดยอ้างเหตุผลเรื่องภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อเจ้าหน้าที่ในแคนาดา ในจังหวะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติดิ่งหนัก จากประเด็นการสังหารนักเคลื่อนไหวชาวซิกข์

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 66 บริษัทผู้ให้บริการออกวีซ่าในแคนาดา บีแอลเอส อินเตอร์เนชันแนล ประกาศระงับการออกวีซ่าในแคนาดา ‘อย่างไม่มีกำหนด’ เนื่องจาก ‘ปัญหาด้านการปฏิบัติการ’ ตามการเปิดเผยของกระทรวงการต่างประเทศอินเดียเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา

อินเดียประกาศแผนระงับออกวีซ่าให้แคนาดา ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสถานทูตแคนาดาในอินเดียประกาศปรับจำนวนเจ้าหน้าที่ในอินเดีย เนื่องจากเจ้าหน้าที่การทูตแคนาดาบางรายได้รับคำข่มขู่คุกคามบนสื่อสังคมออนไลน์

การเคลื่อนไหวของแคนาดาและอินเดีย ยิ่งสะท้อนถึงสัมพันธ์ร้าวลึกระหว่างสองชาติ ซึ่งมีต้นตอมาจากการที่รัฐบาลแคนาดาเดินหน้าสืบสวนข้อกล่าวหาที่ว่าอินเดียมีส่วนเชื่อมโยงกับการลอบสังหาร ‘ฮาร์ดีป ซิงห์ นิจจาร์’ นักเคลื่อนไหวชาวซิกข์วัย 45 ปี ที่มณฑลบริติชโคลัมเบีย เมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งรัฐบาลอินเดียออกมาปฏิเสธ

ประเด็นดังกล่าวได้นำไปสู่ความตึงเครียดด้านการทูตและเศรษฐกิจระหว่างกัน ตั้งแต่การขับทูตของอีกฝ่ายออกนอกประเทศ การแจ้งเตือนพลเมืองให้ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยในการพำนักอาศัยในประเทศคู่กรณี ไปจนถึงการระงับการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างกัน

‘สภาแคนาดา’ ปรบมืออวยทหารผ่านศึกยูเครนวัย 98 แต่หน้าแตก!! เพราะเขาดันเป็นทหารนาซีมาก่อน

ความผิดพลาด จากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ สามารถเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ในโลก แต่ถ้าเกิดขึ้นกลางสภาผู้ทรงเกียรติ ต่อหน้าผู้นำประเทศ แขกบ้าน แขกเมือง และสื่อมวลชนที่กำลังนำเสนอข่าวไปทั่วโลก นั่นอาจไม่ใช่แค่ความผิดพลาด แต่เป็นความหายนะ ที่ไม่มีโอกาสแก้ตัวได้เลย

ดังเช่นเหตุการณ์กลางรัฐสภาแคนาดา เมื่อวันศุกร์ (22 กันยายน 66) ที่ผ่านมา เมื่อคณะรัฐบาลของนาย จัสติน ทรูโดว์ นายกรัฐมนตรีแคนาดาได้เชิญ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนมากล่าวปราศรัยในสภาสามัญ เพื่อขอเสียงสนับสนุนและทุนช่วยเหลือให้แก่กองทัพยูเครนในการต่อสู้กับรัสเซีย 

หลังจากที่เซเลนสกีกล่าวจบ นายแอนโธนี โรตา ประธานสภาก็ได้กล่าวแนะนำให้รู้จักกับ ยาโรสลาฟ ฮันกา อดีตทหารผ่านศึกชาวยูเครน ที่วันนี้มีอายุถึง 98 ปีแล้ว และเคยสังกัด The First Ukrainian Division แห่งกองทัพยูเครนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อน 

โดยประธานสภาแคนาดาได้สรรเสริญ ยาโรสลาฟ ฮันกา ว่าเขาเป็นดังฮีโร่ของชาวยูเครน และ ฮีโร่ของชาวแคนาดาเช่นกัน และขอให้ชาวสภาขอบคุณในการอุทิศตนอย่างกล้าหาญเพื่อชาติของเขาด้วย 

หลังกล่าวจบ บรรดาสมาชิกสภาทั้งหมด ลุกขึ้นยืน ปรบมือเป็นเกียรติให้แก่ ทหารเฒ่า ยาโรสลาฟ ฮันกา อยู่นาน กว่าจะมีการตรวจเช็คข้อมูล และพบความจริงอีกด้านว่า กองทหารที่นายฮันกาสังกัดนั้น เป็นหน่วยรบของฝ่ายอักษะ นาซีเยอรมันต่างหาก ไม่ใช่ทหารของฝ่ายสัมพันธมิตร 

จากข้อมูลในประวัติศาสตร์ แม้ชาวยูเครนนับล้านคนจะถูกเกณฑ์เข้าร่วมรบกับกองทัพแดงของสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็จริง แต่กลับมีเขตพื้นที่เมืองหนึ่งที่ชื่อว่า ‘กาลิเซีย’ ปัจจุบันคือดินแดนคาบเกี่ยวระหว่างประเทศโปแลนด์ และ ยูเครน ซึ่งชาวยูเครนในเมืองนี้นับหมื่นคนตั้งกองกำลังทหารอาสา เข้าร่วมรบให้กับฝ่ายนาซีเยอรมัน และรู้จักภายใต้ชื่อหน่วย 14th Waffen-SS Grenadier Division  หรือเรียกสั้นๆว่า กองทหารกาลิเซีย 

ซึ่งกองทหารกาลิเซียนี้ รบภายใต้แผนยุทธศาสตร์ของกองทัพนาซี ที่นอกจากจะต่อสู้กับกองทัพของสหภาพโซเวียตแล้ว ยังสังหารหมู่ประชาชนชาวโปแลนด์ และ ชาวยิวมากมายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 

จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามหลังความพ่ายแพ้ของฝ่ายนาซี กองทหารกาลิเซียจึงยอมจำนนต่อกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรในปี 1945 และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น The First Ukrainian Division ในภายหลัง ซึ่ง ยาโรสลาฟ ฮันกา คืออดีตทหารยูเครนที่สังกัดในหน่วยนี้นั่นเอง 

เมื่อความจริงปรากฏเช่นนี้ จึงเกิดคำถามขึ้นว่า ทำไมประธานสภาแคนาดา ถึงได้แนะนำ ยาโรสลาฟ ฮันกา ต่อหน้ารัฐสภาให้ได้รับเกียรติในฐานะ ‘วีรบุรุษสงคราม’

แม้สื่อแคนาดาจะวิเคราะห์และมองในแง่ดีว่า นาย แอนโธนี โรตา อาจมองในแง่ที่ว่า ยาโรสลาฟ ฮันกา คือ ตัวแทนของทหารยูเครนที่เคยต่อสู้กับกองทัพของสหภาพโซเวียต หรือก็คือ รัสเซียในปัจจุบันมาก่อน และต้องการยกให้เขาเป็นฮีโร่สงครามที่เป็นตำนานในประวัติศาสตร์

แต่ทว่า ปิแอร์ พอยลิเยฟร์ ผู้นำฝ่ายค้าน และ ชุมชนชาวยิวในแคนาดา กลับไม่คิดอย่างนั้น เพราะถึงแม้กองทหารกาลิเซีย จะเคยต่อต้านกองทัพโซเวียตก็จริง แต่ไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ว่า The First Ukrainian Division คือหน่วยหนึ่งในสังกัดของกองทัพนาซีเยอรมัน ที่มีส่วนร่วมในการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิว และ ชาวโปแลนด์ อย่างโหดเหี้ยมในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เปรียบเสมือนจุดด่างพร้อยที่ไม่สามารถลบออกได้ในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

นั่นจึงทำให้วันนี้ เกิดกระแสด้านลบตีกลับมายังรัฐบาลแคนาดา จน แอนโธนี โรตา ประธานสภา ต้องออกมากล่าวขอโทษอย่างสุดซึ้งต่อชาวยิวในความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเขา และขอรับผิดชอบความผิดพลาดครั้งนี้แต่เพียงผู้เดียว 

แต่เรื่องคงไม่จบลงง่ายๆ เพราะทีมฝ่ายค้านแคนาดา ได้ตั้งประเด็น โจมตี จัสติน ทรูโดว์ ผู้นำรัฐบาลชุดนี้ เพราะไม่อาจปัดความรับผิดชอบให้ลูกน้องรับแทน โดยอ้างว่า ไม่รู้ ไม่เห็น เรื่องการเชิญอดีตทหารยูเครนเข้าสภาได้ และกดดันให้ผู้นำแคนาดาต้องออกมากล่าวขอโทษประชาชนในการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตน จนทำให้ประเทศชาติต้องอับอายชาวโลกในวันนี้ 

จากจุดเริ่มต้นจากความหวังดีของรัฐบาลแคนาดา ที่ต้องการให้พื้นที่สื่อแก่ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน แต่ทว่า ปรากฏการณ์ฮีโร่ผิดคิวกลางสภาแคนาดา ทำให้วันนี้ ชาวสภาเมืองเมเปิลต้องมานั่งระทมในสถานการณ์ที่ว่า เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รอง แต่ดันเอากระดูกคนอื่นมาแขวนคอตัวเองซะนี่ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top