Saturday, 27 April 2024
เจาะพื้นที่เลือกตั้ง

ส่องความเคลื่อนไหว สมรภูมิเลือกตั้ง ‘ภูเก็ต’ เวทีนี้ไม่มีหน้า ‘เก่า-ใหม่’ วัดใจที่นโยบายล้วนๆ

สมรภูมิแข่งขันทางการเมืองที่ดุเดือดอีกสนามหนึ่งทางภาคใต้ คงหนีไม่พ้นจังหวัดภูเก็ต ที่แต่เดิมมีเขตเลือกตั้ง เพียง 2 เขต และในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 นี้ภูเก็ตจะมี 3 เขต จากการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ของ กกต. ให้แข่งขันกันอย่างดุเดือดในปี พ.ศ. 2566 

ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปดูสถิติของการเลือกตั้งจังหวัดภูเก็ตทั้ง 2 ครั้ง จะพบรายละเอียดดังนี้...

>> จังหวัดภูเก็ต เขต 1 
(3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554)
- นางอัญชลี เทพบุตร พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนไป 52,921 คะแนน
- นายวิสิษฐ์ ใจอาจ พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนไป 16,573 คะแนน
- วีรศักดิ์ วรเนติวงศ์ พรรคแทนคุณแผ่นดิน ได้คะแนนไป 281

(24 มีนาคม พ.ศ. 2562) 
- นายสุทา ประทีป ณ ถลาง พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนไป 32,338 คะแนน
- นายเรวัติ อารีรอบ พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนไป 25,194 คะแนน
- นายวิศิษฐ์ อนันต์ศิริภัณฑ์ พรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนนไป 22,599 คะแนน

(ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. ข้อมูลสถิติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2562 )

>> จังหวัดภูเก็ต เขต 2
(3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554)
- นายเรวัติ อารีรอบ พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนไป 52,585 คะแนน
- นายจิรายุส ทรงยศ พรรคภูมิใจไทย ได้คะแนนไป 28,252 คะแนน
- นายสมาน เก็บทรัพย์ พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนไป 8,206 คะแนน

(24 มีนาคม พ.ศ. 2562)
- นายนัทธี ถิ่นสาคู พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนไป 27,267 คะแนน
- นายชัยยศ ปัญญาไวย พรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนไป 23,958 คะแนน
- นายศุภณัฐ เลื่องลือ พรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนนไป 19,963 คะแนน

(ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง. ข้อมูลสถิติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2562)

จะเห็นว่าเมื่อการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2554 พรรคที่ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แบบแบ่งเขต ทั้งเขต 1 และ เขต 2 เป็นที่นั่งของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีคะแนนทิ้งห่างจากลำดับที่ 2 อยู่หลายหมื่นคะแนน ส่วนการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2562 พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่ง ส.ส.เดิม คือ นายเรวัติ อารีรอบ จากเขต 2 แต่ไปลงชิงคะแนนในเขต 1 ซึ่งก็แพ้คะแนนให้กับ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง จาก พลังประชารัฐ ไปหลายพันคะแนน ส่วนเขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ได้ส่งนายชัยยศ ปัญญาไวย ท้าชิงกับนายนัทธี ถิ่นสาคู จากพลังประชารัฐ คะแนนของนายชัยยศตามหลังห่างกันเพียง 3,000 กว่าคะแนนเท่านั้น ทำให้พลังประชารัฐยึดที่นั่ง ส.ส.ภูเก็ตได้สำเร็จ แต่ที่น่าสังเกตในการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2562 คือ พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคเกิดใหม่ แต่ชูลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรี อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กลุ่มอนุรักษ์นิยมในภูเก็ตเทคะแนนให้แบบหมดหน้าตัก 

ด้านพรรคอนาคตใหม่ในขณะนั้นก็สร้างปรากฎการณ์แลนด์สไลด์ โดยได้รับคะแนนนิยมมาเป็นอันดับที่ 3 ของทั้ง 2 เขต ซึ่งคะแนนห่างจากลำดับที่ 2 ไม่กี่พันคะแนนซึ่งเป็นพรรคเกิดใหม่โดยคนรุ่นใหม่ และถ้ามาพิจารณาคะแนนของผู้ที่ได้ลำดับหนึ่งในการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2554 มีคะแนนสูงถึง 5 หมื่นกว่าคะแนน เนื่องจากมีพรรคที่ลงแข่งไม่มาก ประมาณ 3-4 พรรคที่รับคะแนนเสียงเลือกตั้งเท่านั้น 

ส่วนในปี พ.ศ. 2562 คะแนนของผู้ที่เป็นลำดับหนึ่งลดน้อยลงไป เนื่องจากมีพรรคการเมืองลงแข่งขันจำนวนมากกว่า 26 พรรค ทำให้คะแนนถูกกระจายไปยังพรรคอื่นๆ ซึ่งต้องมาพิจารณากันว่าในปี พ.ศ. 2566 จะมีพรรคการเมืองลงแข่งขันกันมากน้อยขนาดไหนและคะแนนจะเป็นอย่างไร ส่วนการเลือกตั้งปี พ.ศ. 2566 จากข้อมูลสถิติข้างต้น สามารถบอกได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นหน้าใหม่หรือหน้าเก่า ก็สามารถแทรกตัวเป็น ส.ส. อันดับหนึ่งได้ อยู่ที่นโยบายของพรรค แคมเปญที่สามารถครองใจชาวภูเก็ตได้ หรือมีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องจนชาวบ้านไว้วางใจ เรามาดูว่ามีพรรคการเมืองไหนได้เปิดตัวว่าผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส. ภูเก็ต เป็นใครกันบ้าง ดังนี้...

>> พรรคประชาธิปัตย์ 
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2565 จ.สงขลา 
- ภายใต้แนวทางรวมพลัง 30 เลือดใหม่ ทวงปักษ์ใต้คืน (สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ) 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 นายกวี ตันสุคตานนท์, เขต 2 นายชัยยศ ปัญญาไวย, เขต 3 นางสาวพลอยทะเล ลักษมีแสงจันทร์

>> ก้าวไกล 
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2565 จ.ภูเก็ต 
- ภายใต้แนวทางก้าวไกล Next x ปักษ์ใต้ 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 ว่าที่ ร.ต. สมชาติ เตชถาวรเจริญ, เขต 2 นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล, เขต 3 รอการประกาศที่ชัดเจนจาก กกต.

>> ไทยสร้างไทย 
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2565 จ.ภูเก็ต 
- ภายใต้แนวทางคนใต้ต้องกินดีอยู่ดี สร้างรายได้ ปลดหนี้ มีบำนาญ 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 ยังไม่ส่งผู้สมัครในขณะนี้, เขต 2 มณีรัตน์ วิชัยดิษฐ-สุขยิรัญ, เขต 3 ยังไม่ส่งผู้สมัครในขณะนี้

>> ชาติพัฒนากล้า 
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2565 จ.ภูเก็ต 
- ภายใต้แนวทางคนรุ่นใหม่ รู้ลึกพื้นที่ รู้จริงปัญหาภูเก็ต 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 ยังไม่ส่งผู้สมัครในขณะนี้, เขต 2 นางสาวอรทัย เกิดทรัพย์, เขต 3 นายเทมส์ ไกรทัศน์

>> พลังประชารัฐ 
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 65 กรุงเทพมหานคร 
- ภายใต้แนวทางเราคือพลังประชารัฐ เคียงข้างชาวใต้ 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 นายจิรายุส ทรงยศ, เขต 2 นายนัทธี ถิ่นสาคู, เขต 3 นายสุธา ประทีป ณ ถลาง

>> ภูมิใจไทย
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 65 จ.ภูเก็ต 
- ภายใต้แนวทางภูเก็ตต้องผลัดใบ ภูมิใจไทย พูดแล้วทำ 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 นายนิพนธ์ เอกวานิช, เขต 2 นายวิวัฒน์ จินดาพล, เขต 3 นายวงศกร ชนะกิจ

>> เพื่อไทย 
- เปิดตัวเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 65 จ.นครศรีธรรมราช 
- ภายใต้แนวทางครอบครัวเพื่อไทย แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง 
- โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ดังนี้ เขต 1 นายวัชรพงษ์ อนันตกูล, เขต 2 นายสนธยา หลาวหล้าง, เขต 3 นายอาวุธ หนูเซต

(ข้อมูล ณ วันที่ 8 ม.ค.2566 ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภูเก็ต)

ในส่วนของยุทธศาสตร์ของแต่ละพรรคมีความแตกต่างกัน เริ่มที่พรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ภาคใต้ภายใต้แคมเปญ รวมพลัง 30 เลือดใหม่ ทวงปักษ์ใต้คืน โดยจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ น้ำตาซึมอ้อนชาวใต้บอกว่าเป็นพรรคของคนใต้อย่างแท้จริง เชื่อว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงชาวใต้คงให้โอกาสผู้สมัครของพรรคให้ได้มากกว่า 35 ที่นั่ง ส่วนเลขาธิการพรรค เฉลิมชัย ศรีอ่อน ประกาศว่าถ้าได้ ส.ส. น้อยกว่าครั้งก่อนคือ 52 ที่นั่ง จะขอเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต ส่วนยุทธศาสตร์สำคัญของพรรค คือ สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ ทุกจังหวัดในภาคใต้ต้องรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย

เปิดม่านเมืองกาญจน์ สังเวียนวัดพลัง ‘พท-ภท.’ ชิงชัย 5 เขต 'อุ๊งอิ๊ง' เตรียมพาเหรดเรียกเรตติ้ง

แม้สัญญาณลั่นระฆังเลือกตั้งจะยังคงแผ่วเบา แต่คาดว่าอีกไม่นานก็คงดังกังวาล หลังวาระ 4 ปีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะเวียนบรรจบมาในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ซึ่งเราจะได้เห็นท่าทีของ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาก่อนครบวาระ 4 ปีหรือไม่ ก็คงต้องตามดูกัน

ทว่าในกรณีที่มีการประกาศยุบสภาก่อนวาระจริง ก็คงจะต้องมีการจัดให้มีการเลือกตั้งขึ้นภายใน 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน หลังจากวันที่พระราชกฤษฎีกายุบสภามีผลบังคับใช้นั้น และนั่นก็ทำให้บรรดาพรรคการเมืองเปิดยุทธศาสตร์ชิงพื้นที่กันอย่างไวว่อง

อย่างไรก็ตาม แม้สัญญาณจะยังไม่ชัด แต่หลายพรรคการเมืองก็เริ่มออกมาอัดนโยบายและเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ในหลาย ๆ พื้นที่จังหวัดกันบ้างแล้ว 

หนึ่งในสนามที่ตอนนี้เริ่มมีความชัดเจนในการปูตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่น่าจับตาไม่น้อยนั้น ก็คือ จังหวัด กาญจนบุรี โดยการเมืองในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีทั้ง 5 เขตนั้น เริ่มมีการเคลื่อนพลสมาชิกและว่าที่ผู้สมัครฯ ออกมาแล้วหลายพรรค แต่ก็มีอีกหลายพรรคการเมืองยังคงเงียบเหงา เพราะยังไม่มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเลยแม้แต่เขตเดียว เช่น พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พรรคก้าวไกล (กก.) พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.)หรือแม้กระทั่งพรรค ประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นต้น

สำหรับพรรคการเมืองที่มีการเปิดตัวสมาชิกและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี ที่ชัดเจน แต่ยังไม่ครบทั้ง 5 เขต ที่ฮือฮาที่สุดคือ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เนื่องจากว่าที่ผู้สมัครส่วนใหญ่ล้วน เป็น ส.ส.ที่ย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่สำคัญเป็นนักการเมืองรุ่นเก๋าที่มีประสบการทางด้านการเมืองที่สุดที่ชาวกาญจนบุรีต่างก็รู้จัก เช่น พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ อดีต ส.ส.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ เขต 1 ครั้งนี้ลงในนามพรรคภูมิใจไทย แต่พื้นที่เขต 1 (อ.เมือง อ.ศรีสวัสดิ์) ยังมีว่าที่ผู้สมัครที่พรรคภูมิใจไทยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ คือ ดร.วรสุดา สุขารมณ์ หรือ ดร.จุ๊บ ลูกสาวสุดที่รักของ นาวาโท นพ.เดชา สุขารมณ์ หรือหมอเดชา อดีต ส.ส.กาญจนบุรี หลายสมัยที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งเขตนี้ขึ้นอยู่กับผลโพลว่าใครจะได้รับความนิยมมากกว่า พรรคภูมิใจไทย ก็จะส่งคนนั้นลงสมัคร

ด้านเขต 2 (อ.ท่าม่วง อ.ด่านมะขามเตี้ย) ขณะนี้ยังไม่ปรากฏชื่อผู้สมัคร แต่คาดว่าพรรคภูมิใจไทยน่าจะอยู่ระหว่างการพิจารณาตัวว่าที่ผู้สมัครที่เหมาะสม 

ส่วนเขต 3 (อ.ท่ามะกา อ.พนมทวน) นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน หรือ ส.ส.กุ๊ก แชมป์เก่า ที่เป็นดาวเด่นในสภา ได้ลงสมัครพื้นที่เดิม 100% 

เขต 4 (อ.ห้วยกระเจา อ.เลาขวัญ อ.หนองปรือ และ อ.บ่อพลอย) นายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ หรือผู้ใหญ่แหลม อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ไม่พลาดที่จะได้เป็นว่าที่ผู้สมัครในนามพรรคภูมิใจไทยอย่างแน่นอน 

ขณะที่ เขต 5 (อ.ไทรโยค อ.ทองผาภูมิ อ.สังขละบุรี) นายอัฏฐพล โพธิพิพิธ หรือพี่เมศ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จะได้ลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย 100% เช่นกัน

ถัดจากพรรคภูมิใจไทย ก็มีอีก 1 พรรคสำคัญที่จะต้องเอ่ยถึง คือ พรรคเพื่อไทย (พท.) โดยครั้งนี้พรรคเพื่อไทย ประกาศส่งชื่อว่าที่ผู้สมัครครบแล้วทั้ง 5 เขต ซึ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 5 เขต ล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถทั้งสิ้น ไล่มาตั้งแต่เขต 1 (อ.เมือง อ.ศรีสวัสดิ์) นายอัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ หรือ กอล์ฟ นักธุรกิจอาหารเสริมที่ประสบความสำเร็จ และอยากกลับมาพัฒนาบ้านเกิด โดยได้รับการชักชวนให้เข้าสู่วงการการเมืองจาก มดดำ คชาภา ตันเจริญ พิธีกรชื่อดังของเมืองไทย

เขต 2 (อ.ท่าม่วง อ.ด่านมะขามเตี้ย) นายชูเกียรติ จีนาภักดิ์ อดีต สมาชิกสภา อบจ.กาญจนบุรี คนนี้ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงเช่นกัน

แต่ว่าที่ผู้สมัครที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวแล้วสร้างความฮือฮาให้กับคอการเมืองในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีมากที่สุดคือ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 3 (อ.ท่ามะกา อ.พนมทวน) น.ส.พลอย ธนิกุล หรือน้องพลอย ทายาท แคล้ว ธนิกุล อดีตเจ้าพ่อนครบาล และ เขมพร ต่างใจเย็น หรือเจ๊เขม เจ้าแม่ธุรกิจก่อสร้าง โดยที่ผ่านมา น.ส.พลอย หรือ น้องพลอย ลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่ในนามพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาโดยตลอด แต่ในที่สุดกลับกลายเป็นพรรคเพื่อไทยที่คว้าตัวไปครอง หลังจากเปิดตัว น.ส.พลอย ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากชาว อ.พนมทวน อ.ท่ามะกา กันอย่างล้นหลาม มีผู้เข้าไปแสดงความยินดีและต้อนรับกันเป็นจำนวนมากเลยทีเดียว

'ภูมิใจไทย' เปิดฉาก!! ขอ ส.ส.เมืองหลวงไว้เป็นฐานเสียง เปลี่ยนภาพลักษณ์พรรค ไม่ถูกมองว่าเป็นพรรคภูธร

ขณะที่ระหว่างกำลังรอการโปรดเกล้าฯ ร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ฯ และร่าง พ.ร.บ.พรรคการเมืองฯ ประกาศใช้เป็นกฎหมาย ในส่วนของการเตรียมการเลือกตั้ง พบว่าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่รับผิดชอบภารกิจควบคุมดูแลการเลือกตั้ง ได้มีการเตรียมพร้อมเพื่อเตรียมรับกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นตลอดเวลา

อย่างเรื่องของ การแบ่งเขตเลือกตั้ง พบว่า หลังสำนักงาน กกต.ได้รับข้อมูลฐานจำนวนประชากรประเทศไทย ที่เป็นข้อมูลล่าสุดสิ้นสุดเมื่อ 31 ธ.ค. 2565 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จากกระทรวงมหาดไทย ทำให้ขณะนี้ฝ่าย กกต.เริ่มขยับเตรียมพร้อมสำหรับการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 400 เขต ที่จะต้องมีเขตเลือกตั้งเพิ่มขึ้นจากตอนเลือกตั้งปี 2562 ขึ้นมา 50 เขต โดย กกต.ได้นำฐานข้อมูลดังกล่าวมาเตรียมแบ่งเขตเลือกตั้งและประกาศการแบ่งเขตอย่างเป็นทางการออกมา ซึ่งกระบวนการดังกล่าว กกต.จะทำได้ต้องรอให้มีการประกาศใช้กฎหมายทั้งสองฉบับข้างต้นเสียก่อน

อย่างไรก็ตาม สำหรับ กรุงเทพมหานคร ที่จะมี ส.ส.เขตเพิ่มขึ้นจากตอนเลือกตั้งปี 2562 เพิ่มมา 3 เก้าอี้ รวมเป็น 33 เก้าอี้ จากเดิม 30 ที่นั่ง ก็เป็นเรื่องน่าสนใจว่าจะทำให้การแบ่งเขตของ กกต.จะออกมาอย่างไร จะส่งผลต่อการได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในสนามเลือกตั้งเมืองหลวงนี้หรือไม่?

หลังพบว่า หลายพรรคการเมืองต่างก็หมายมั่นปั้นมือจะคว้าชัยชนะในสนามเลือกตั้ง กทม.ให้ได้ ทั้งพรรคปีกฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้าน และพรรคตั้งใหม่

อย่างหนึ่งในพรรคที่ก็ต้องการมี ส.ส.เขต กทม.ในการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ได้ นั่นก็คือ พรรคภูมิใจไทย ที่ชูสโลแกนการหาเสียงในพื้นที่ กทม.ไว้ว่า ภูมิใจกรุงเทพฯ 24/7

ที่หมายถึงการสื่อกับคน กทม.ว่า ภูมิใจไทยขออาสาทำงานเพื่อคน กทม. 24 ชั่วโมง 7 วัน สำหรับคน กทม.ทุกกลุ่ม

ส่วนว่าแคมเปญดังกล่าวจะซื้อใจคน กทม.จนทำให้ภูมิใจไทยสามารถปักธง มี ส.ส.เขต กทม.ที่มาจากการเลือกตั้งได้หรือไม่ ต้องดูกระแสตอบรับจากคน กทม.ว่าคิดอย่างไรกับนโยบายที่ภูมิใจไทยนำมาเสนอ รวมถึงต้องดูตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต กทม.ของภูมิใจไทยทั้ง 33 เขตว่า สู้กับพรรคการเมืองอื่นมีลุ้นหรือไม่ อีกทั้งต้องดูกระแสพรรคใน กทม.เมื่อเข้าสู่การหาเสียงเลือกตั้งเต็มตัวว่า กระแสภูมิใจไทยใน กทม.เป็นอย่างไร ทั้งหมดคือองค์ประกอบสำคัญที่จะมีผลอย่างมากแน่นอน สำหรับภูมิใจไทย ในการหวังปักธง ส.ส.เขต กทม.ให้ได้

หลังก่อนหน้านี้ ภูมิใจไทย ในตอนเลือกตั้งเมื่อปี 2554 และตอน 2562 กระแสพรรค-ตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต เป็นรอง หลายพรรคการเมืองที่ขับเคี่ยวสู้กันดุเดือดใน กทม.อยู่หลายขุม จนทำให้พรรคภูมิใจไทยไม่มีลุ้นในการเลือกตั้งสองครั้งข้างต้นตั้งแต่ลงสนามเลยด้วยซ้ำ แต่เลือกตั้งที่จะมีขึ้น แกนนำภูมิใจไทย ทั้งอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ครูใหญ่ เนวิน ชิดชอบ หมายมั่นปั้นมืออย่างมากว่ารอบนี้พรรคต้องปักธงใน กทม.ให้ได้

หลังได้ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดีอีเอส อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. และอดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่รับผิดชอบพื้นที่กทม. ให้พลังประชารัฐรอบที่แล้ว มาเป็นกัปตันทีม พาภูมิใจไทยเข้าสู่สนามเลือกตั้ง กทม. ที่รู้กันดีว่าเป็น สนามปราบเซียน คาดเดาได้ยากว่าผลเลือกตั้งจะออกมาแบบไหน อีกทั้งเป็นสนามเลือกตั้ง ที่ กระแส ทั้งกระแสพรรค กระแสผู้สมัคร มีส่วนสำคัญอย่างมาก ต่อการชี้ขาดผล แพ้-ชนะ  

กระนั้น แม้จะเป็นงานยาก แต่ทั้งอนุทินและเนวินรู้ดีว่า ในเป้าหมายการเมืองของภูมิใจไทยที่ต้องการดีดตัวขึ้นไปจากพรรคขนาดกลาง พรรคร่วมรัฐบาล ขึ้นมาเป็นพรรคขนาดใหญ่ พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ หลังภูมิใจไทยเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ มันจำเป็นมาก ที่ ภูมิใจไทยต้องมี ส.ส.เมืองหลวง ของพรรคที่มาจากการเลือกตั้งให้ได้

เพราะแม้ตอนนี้ ภูมิใจไทย จะมี ส.ส.เขต กทม.อยู่สองคนคือ โชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี กับมณฑล โพธิ์คาย แต่ทั้งสองคนเป็นส.ส.เขต กทม.อนาคตใหม่ ที่เข้ามาภูมิใจไทยหลังอนาคตใหม่โดนยุบพรรค ทำให้ยังไม่ถือว่า ภูมิใจไทยมี ส.ส.เขต กทม.ของตัวเองแต่อย่างใด

มันจึงเป็นเป้าหมายสำคัญที่ภูมิใจไทยต้องการให้พรรคมี ส.ส.กรุงเทพมหานคร ยิ่ง กทม.มี ส.ส.มากถึง 33 คน ถือเป็นเค้กก้อนใหญ่ทางการเมือง ที่หากพรรคไหนมี ส.ส.กทม. ก็จะเป็นผลดีในระยะยาว ถ้ามี ส.ส.เมืองหลวงไว้เป็นฐานเสียง และทำให้ภาพลักษณ์พรรคไม่ถูกมองว่าเป็นพรรคภูธร

ทั้งหมดจึงทำให้ภูมิใจไทยพร้อมสู้เต็มที่ เพื่อทำให้พรรคมี ส.ส.กทม.รอบนี้

ยิ่งเมื่อภูมิใจไทยได้อดีต ส.ส.กทม. จากทั้งพลังประชารัฐและเพื่อไทยหลายคนเข้ามา เสริมทีม อาทิ จากพลังประชารัฐ จักรพันธ์ พรนิมิตร - กษิดิ์เดช ชุติมันต์ - พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ - ภาดา วรกานนท์ - กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา และจากเพื่อไทยคือ ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ซึ่งทางการเมือง อดีต ส.ส.รอบล่าสุด ย่อมถือว่าเป็นระดับเกรดเอ มันก็ยิ่งทำให้พรรคมั่นใจมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายนี้ของภูมิใจไทยก็ไม่ง่าย เพราะ 33 เก้าอี้ในสนาม กทม. มันทำให้หลายพรรคใส่กันเต็มที่ ทำให้การแข่งขันจึงมีสูง สู้กันดุเดือดเลือดพล่าน

'ประชาธิปัตย์' เล็งกวาด 3 ที่นั่งในพื้นที่สกลนคร หลังอดีต 'ส.ส.สาคร' มั่น!! นโยบายพรรคโดนใจปชช.

อดีต ส.ส.สกลนคร 'สาคร พรหมภักดี' มั่นใจ ผู้สมัคร ส.ส.ประชาธิปัตย์ จะปักธงได้ถึง 3 คน หลังพรรคประกาศ 8 นโยบายโดนใจประชาชน

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 66) นายสาคร พรหมภักดี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ เขต 3 จังหวัดสกลนคร กล่าวเปิดใจถึงการสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ และประสงค์ลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคฯ ว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ พบปะ พูดคุยกับประชาชน ได้เห็นถึงการตื่นตัว และพึงพอใจในนโยบายประกันรายได้ของพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทย เพื่อมาลงสมัครสมาชิกผู้แทนราษฎรในนามพรรคประชาธิปัตย์

“ตลอดระยะเวลากว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา กับการเดินสายพบปะประชาชนพื้นที่จังหวัดสกลนคร ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อพรรคประกาศนโยบาย 8 ด้านออกมานั้น โดยเฉพาะนโยบายชาวนารับ 30,000 บาทต่อครัวเรือน การออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี และการออกกรรมสิทธิ์ทำกิน ให้ผู้ทำกินในที่ดินของรัฐ รวมทั้งธนาคารหมู่บ้าน - ชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาท ที่มีความชัดเจนขึ้นนั้น เป็นที่พึงพอใจของประชาชนอย่างมาก และเชื่อว่าผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คน จะสามารถปักธงในพื้นที่จังหวัดสกลนครได้อย่างแน่นอน หลังพรรคประกาศนโยบายที่โดนใจประชาชน” นายสาครฯ กล่าว

คนเสื้อแดงนครพนม จวก 'หมอชลน่าน' ปมวางตัวผู้สมัคร ส.ส. ไม่ถามชาวบ้าน

บรรยากาศความเคลื่อนไหวทางการเมืองในพื้นที่จังหวัดนครพนม เริ่มมีแนวโน้มการแข่งขันมากขึ้น ทั้งที่ยังไม่มีการยุบสภาหรือครบวาระ 4 ปี โดยพรรคการเมืองใหญ่ต่างทยอยพากันเปิดตัวว่าที่สมัคร ส.ส. ทั้ง 4 เขต ส่วนใหญ่เป็นการแข่งขันระหว่าง 3 พรรคใหญ่ คือ พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย

โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ถือเป็นพรรคที่มีฐานที่มั่น เคยเป็นแชมป์ชนะการเลือกตั้งทั้ง 4 เขตมาหลายครั้ง แต่การเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2562 ที่ผ่านมา ได้เสียที่นั่ง ส.ส.ในเขตเลือกตั้งที่ 1 โดยนายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ที่พรรคภูมิใจไทยส่งเข้าประกวด ชนะเลือกตั้งสามารถล้ม นายยุทธจักร เรืองวรบูรณ์ อดีต ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคเพื่อไทย ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เพียง 3 เขตเท่านั้น

แม้เขตเลือกตั้งที่ 4 ครอบคลุมพื้นที่ อ.นาแก อ.วังยาง อ.ปลาปาก และ ต.บ้านผึ้ง,ต.กุรุคุ อ.เมืองนครพนม จะถูกพลังดูดจากพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ นายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส.นครพนม เขต 4 พรรคเพื่อไทย เปลี่ยนใจไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่พ่ายแพ้ให้กับนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ที่หันมาลงสมัคร ส.ส.เขตฯ ชนะการเลือกตั้ง คะแนนนำโด่งเกินคาดหมาย แสดงถึงกระแสความนิยมพรรคเพื่อไทย สูงกว่าคะแนนนิยมตัวบุคคล

ทั้งนี้ การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2566 นี้ เป็นที่น่าจับตามองตั้งแต่ปี 2565 ทั้งที่เจ้าของพื้นที่นายชวลิต วิชยสุทธิ์ มีข่าวลือว่าจะย้ายไปซบพรรคไทยสร้างไทย มีคุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เป็นหัวหน้าพรรค เพื่อตอบแทนบุญคุณทางการเมือง ส่วนทางด้านพรรคภูมิใจไทยนายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม เขต 1 ได้ย้ายลงสมัครเขตเลือกตั้งที่ 2 ชนกับ ดร.มนพร เจริญศรี ส.ส.ฯ พรรคเพื่อไทย โดยพรรคภูมิใจไทยหวังให้ครูแก้วโค่นแชมป์เก่า และล้มแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทย พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม เขต 1 หน้าใหม่คือนางพูนสุข โพธิ์สุ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นภรรยาของครูแก้วนั่นเอง 

จนกระทั่งช่วงต้นสัปดาห์ พรรคเพื่อไทยในพื้นที่จังหวัดนครพนม กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองขึ้นมาทันที เมื่อนายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาแถลงการณ์เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครพนม ทั้ง 4 เขต ประกอบด้วย เขตเลือกตั้งที่ 1 คือ ดร.ภูมิพัฒน์ พชรทรัพย์ มีดีกรีเป็นอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย, เขตเลือกตั้งที่ 2 แชมป์เก่า ดร.มนพร เจริญศรี, เขตเลือกตั้งที่ 3 ได้แก่แชมป์ตลอดกาล 12 สมัยคือ ดร.ไพจิต ศรีวรขาน ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 4 ถือเป็นการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร เกินความคาดหมาย หลังพรรคประกาศรายชื่อนายณพจน์ศกร ทรัพยสิทธิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย, พรรคเพื่อคนไทย และ อดีตผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม ที่ล่าสุดหันมาซบพรรคเพื่อไทย และมีชื่อเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 4 นครพนม ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีชื่อ ดร.สมชอบ นิติพจน์ อดีตนายก อบจ.นครพนม รวมถึง นายชาญชัย คำจำปา นายกเทศมนตรีตำบลพระซอง อ.นาแก จ.นครพนม ที่มีฐานสร้างครอบครัวเพื่อไทยได้มากเป็นอันดับต้น ๆ ของภาคอีสาน

‘ก้าวไกล’ ปักธง 4 เขตครบ จ.สระบุรี ชู!! ล้วงกระเป๋าตังค์ไปไม่ว่างเปล่า

‘ก้าวไกล’ ลุยสระบุรี แนะนำว่าที่ผู้สมัครครบ 4 เขต ‘แป๊ะ บางสนาน’ เอาด้วย ด้าน ‘เพชร กรุณพล’ เผย ประชาชนถูกใจนโยบายรัฐสวัสดิการ หวังได้เห็นก้าวไกลเป็นพรรครัฐบาลนำการเปลี่ยนแปลงใหญ่  

(1 ก.พ. 66) กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ทั้ง 4 เขตของจังหวัดสระบุรี และประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคก้าวไกล ที่ตลาดเช้าหนองแค, ตลาดนัดสามแยกหนองแค, ตลาดล้ง, บขส. และตลาดเสาไห้ 

กรุณพล ระบุว่าจากการพูดคุยกับประชาชน นโยบายที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือนโยบายด้านรัฐสวัสดิการ โดยเฉพาะนโยบายการปรับเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 เป็น 3,000 บาท และเงินเด็กเล็ก 0-6 ขวบ เดือนละ 1,200 บาท

กรุณพล มองว่า นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะประชาชนเคยมีชีวิตที่ดีกว่านี้ มีหนี้ที่น้อยกว่านี้ การลงพื้นที่ทำให้ตนได้เห็นผู้สูงอายุหลายคนที่ยังต้องดิ้นรนหาเงินเลี้ยงชีพ ทั้งที่ควรได้พักผ่อนจากการทำงานมาทั้งชีวิต เพราะรายได้ที่ผ่านมาจากการทำงานไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพอย่างมีคุณภาพ และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเงินเก็บไว้ใช้ในชีวิตบั้นปลาย นี่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่คนไทยต้องเผชิญร่วมกัน และมีแต่จะรุนแรงขึ้นในอนาคต จากการที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาแล้วหลายปี

8 ปีที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลทหารจำแลง วันนี้หลายคนล้วงกระเป๋าเจอแต่ความว่างเปล่า ลูกค้าหายไป กำลังซื้อลดลง เยาวชนจบใหม่ไม่มีงานทำ ค้าขายลำบาก ค่าครองชีพแพงขึ้น ประชาชนตระหนักว่าการเมืองเป็นเรื่องของคนทุกคน ประเทศชาติจะดีหรือร้ายล้วนเป็นเรื่องของการเมืองทั้งสิ้น

อดีต ส.ส.11 สมัย ซบ ‘รทสช.’ ปักธง 4 เขต ฟาก ‘เพื่อไทย-พปชร.’ เตรียมพร้อมท้าชน

‘เลย’ แข่งเดือด!! อดีต ส.ส. 11 สมัยโผซบ ‘รทสช.’ ลั่นปักธงแน่ ฟาก ‘พท.-พปชร.’ พร้อมท้าชน

(21 ก.พ.66) นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต ส.ส.เลย 11สมัย อดีต รมช.มหาดไทย และอดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ตนได้ตั้งพรรคเพื่อประชาชนขึ้น แต่ปัจจุบันโครงสร้างของรัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงไป หันมาใช้สูตรหาร 100 ตนมองว่าพรรคเล็กเดินต่อไม่ได้ จึงหันเข้ามาสมัครเข้าสังกัดพรรคพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และจะเป็นแกนนำพรรคปักธงส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทั้ง 4 เขตของ จ.เลย โดยได้ฟอร์มทีมครบแล้วทุกเขต พร้อมมั่นใจว่า จ.เลย มี ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ตนจะลงเขตเลือกตั้งที่ 1 เพื่อจะกลับมาทวงพื้นที่คืน ส่วนพื้นที่เลือกตั้งเขต 2 ได้แก่ ดร.เปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข อดีตวุฒิสมาชิกเลย และอดีต ส.ส.เลย 3 สมัย ขณะที่เขตเลือกตั้งที่ 3 ได้ นายอุดร แสวงผล อดีต พัฒนาการอำเภอ อดีต ผอ.ส่วนสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค5 ซึ่งเป็นหลานเจ้าพ่อกวนด่านซ้ายคนปัจจุบันมาร่วมทัพ ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 4 เป็น น.ส.นภาพร ยาบุษดี

สำหรับการหาเสียงตนจะเน้นนโยบายพรรคเปลี่ยน สปก.4-01 เป็นโฉนด 3 ล้านครอบครัว 30 ล้านไร่ เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม รวมทั้งการแก้ไขปัญหาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมไม่มีเอกสารสิทธิ์ จะเร่งรัดออกเป็นโฉนดชุมชน จำนวน19 ล้านไร่ทั่วประเทศ และยกฐานะทุกหมู่บ้านเป็นนิติบุคคล จัดสรรงบประมาณให้ทุกปีตามขนาดของหมู่บ้านเล็ก 500,000 บาท หมู่บ้านขนาดกลาง 700,000 บาท และหมู่บ้านขนาดใหญ่ 1ล้านบาททั่วประเทศ

เปิดเบื้องลึก 'ส.ส.เป้า สิงห์โตทอง' จับมือ 'รทสช.' สู้กลุ่ม 'สนธยา' เพราะคำพูดแมนๆ จากผู้ชายแมนๆ ที่ชื่อ 'สุชาติ ชมกลิ่น'

ดุเดือดแน่นอนกับสนามเลือกตั้งเมืองชลหนนี้ เมื่อ 'ส.ส.เป้า' นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง อดีตส.ส.ชลบุรี ได้แต่งองค์ทรงเครื่องมาเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ เขตพื้นที่ อ.บ้านบึง อ.บ่อทอง อ.หนองใหญ่ ตามคำชวนของนายสุชาติ ชมกลิ่น

การร่วมกับ รทสช. ของ ส.ส.เป้า นั้นมีความน่าสนใจ โดยเจ้าตัวได้เปิดใจถึงเบื้องลึกในการย้ายออกจากพรรคเพื่อไทย, พรรคก้าวไกล ไปทำงานการเมืองร่วมกับ 'กลุ่มบ้านใหม่' ของ 'รมต.เฮ้ง' นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ลงสู้ศึกเลือกตั้งสนามส.ส.ชลบุรี ว่า...

เจ๊แดง บอกว่าถ้าจะลงเล่นการเมืองในนามพรรคเพื่อไทย จ.ชลบุรี เป้า ต้องไปขอกับท่านสนธยา ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะเรา (กลุ่มก้าวหน้า) เพิ่งแข่งกับเขาในสนาม อบจ.ชลบุรี และสนามเมืองพัทยา และคนอย่างผมต้องไปขอสนธยา เพื่อจะมาลง ส.ส.ชลบุรี เขต 3 ผมคิดว่าแล้วว่ามันเสียศักดิ์ศรี ก็กลับมานั่งคุยกันอยู่ที่สมาคมกลุ่มชาวไร่อ้อยเกษตรชลบุรี บอกกับคนในสมาคมฟังว่าตระกูล 'สิงห์โตทอง' คงจะไม่มีการได้ลงเลือกตั้งแล้ว เราอยู่สายประชาธิปไตยมานาน สายก้าวไกล ก็ปฏิเสธ สายเพื่อไทยก็ปฏิเสธ

ก็เลยมาคุยกันว่าการเลือกตั้งชลบุรีคงไม่มีตระกูล 'สิงห์โตทอง' ลงแข่งขัน แต่พอดีคนในกลุ่มที่คุยกัน เขาเป็นเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับ รมต.เฮ้ง นายสุชาติ ชมกลิ่น สมัยเรียนชลชาย เขาก็เลยโทรศัพท์ไปหา รมต.เฮ้ง บอกว่างวดนี้พี่เป้าเขาไม่ลงเลือกตั้ง พรรคก้าวไกล ก็ไม่เอา พรรคเพื่อไทยก็ไม่เอา แต่ที่ไม่เอา เพราะเขาต้องให้ผมไปขอ ผมก็ไม่ขอ เพราะผมถือว่าต้องลดตระกูล ลดตัวเองไปขอ ผมก็ไม่เอา หลังจากนั้น รมต.เฮ้ง เขาก็ส่งญาติผม ซึ่งเป็นอดีตนายพลตำรวจในชลบุรี ก็ได้คุยกันหลังจากนั้นเขาก็ให้ผมคุยกับ รมต.เฮ้ง ก็คุยกัน รมต.เฮ้งบอกว่า “พี่เป้า ลุงซุ้ย (ดร.ดรงค์ สิงห์โตทอง พ่อผม) เป็น ส.ส.ชลบุรี มา 4 สมัย ทำการเมืองให้กับชลบุรี ในเรื่องสายเกษตร ทุกครั้งที่มีการอภิปรายในสภาฯ คำพูดเรื่องแรกก็จะพูดเรื่องอ้อยเรื่องมันอย่างเดียว ลุงซุ้ย ก็ทำเรื่องนี้มาตลอด ไม่อยากจะให้เสียเรื่องตรงนี้ไปเพราะมันกระทบต่ออาชีพเกษตรกรที่ปลูกอ้อย ปลูกมัน ปลูกปาล์ม

‘สกลนคร’ ส่อเดือด หลังแบ่งเขตใหม่เป็น 7 ที่นั่ง ‘เพื่อไทย’ ไม่น่าพลาด!! จ่อกวาดยกจังหวัดตามเคย

สนามเลือกตั้ง จ.สกลนคร ที่มีเก้าอี้ ส.ส.เพิ่มจาก 6 เป็น 7 ที่นั่ง ทำให้บรรยากาศการเลือกตั้งส่อเค้าดุเดือด แต่ละพรรคการเมืองต้องปรับแผนการลงพื้นที่กันใหม่หลายจุด โดยเฉพาะแชมป์เก่าอย่างพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่กวาด ส.ส.ยกจังหวัด

เขตที่ 1 อ.เมือง (ยกเว้น ต.หนองลาด ต.โคกก่อง ต.ม่วงลาย ต.ดงชน และ ต.โนนหอม) อภิชาติ ตีรสวัสดิชัย แชมป์เก่าหลายสมัยจากพรรค พท. ที่คอยผลักดันงบประมาณลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ลงป้องกันพื้นที่ตนเอง เจอคู่ต่อสู้อย่าง ตวงสิทธิ์ พงษ์พิศ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นักธุรกิจหนุ่ม ชูนโยบายพรรค เน้นนิวโหวตเตอร์จากสถานศึกษา ขณะที่ บ่าวนิก สิรภพ สมผล พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) คนรุ่นใหม่ไฟแรง ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น สานต่อการเมืองจากพ่อแม่เป็น ส.อบจ. รอบนี้ขอสู้สนามใหญ่ และ ‘ณปภัช เสโนฤทธิ์’ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) คนรุ่นใหม่พกความรู้มาแน่นเอี้ยดลุยขอคะแนนเสียงแอบลุ้นไกล ๆ

เขตที่ 2 อ.กุสุมาลย์ อ.โพนนาแก้ว อ.โคกศรีสุพรรณ อ.เต่างอย และ อ.เมือง (เฉพาะ ต.โคกก่อง ต.ม่วงลาย ต.ดงชน และ ต.โนนหอม) ‘มหานิยม’ นิยม เวชกามา แชมป์เก่าหลายสมัยอีกคนพรรค พท. มีผลงานอภิปรายในสภาแก้ปัญหาช่วยชาวบ้าน ส่งเสริมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาขวัญใจชาวบ้าน จะลงป้องกันตำแหน่ง เจอคู่แข่งอย่าง ‘ชาญชัย งอยผาลา’ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อดีตนักการเมืองท้องถิ่น รอบที่แล้วลงสังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พ่ายแพ้ราว 1 หมื่นเสียง คราวนี้หวังล้างตาอีกครั้ง

ขณะที่ 'กัญญาภัค ศิลปะรายะ' พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นักการเมืองท้องถิ่น อดีตนายก อบต.โพธิไพศาล สาวมาดมั่นขอท้าชิงแชมป์เก่า ส่วน 'กฤษณะ พุฒซ้อน' พรรค พปชร. นักธุรกิจในพื้นที่ อ.เต่างอย ยังมี 'ชาตรี หล้าพรหม' พรรค ปชป. นักการเมืองท้องถิ่น และ 'ภูเบศวร์ เห็นหลอด' พรรค ก.ก.นักเคลื่อนไหวประชาธิปไตยที่หวังลุ้นแต้มด้วย

เขต 3 อ.อากาศอำนวย อ.พรรณานิคม อ.เมืองสกลนคร (เฉพาะ ต.หนองลาด) อ.วานรนิวาส (เฉพาะ ต.นาซอ) 'จิรัชยา สัพโส' พรรค พท. ลูกสาว 'พัฒนา สัพโส' ส.ส.เขต 3 ที่ส่งลูกสาวลงป้องกันตำแหน่งแทนพ่อ ต้องเจอคู่ต่อสู้คือ 'สาคร พรหมภักดี' จากพรรค ปชป. ที่คร่ำหวอดการเมืองมานาน อดีต ส.ส.หลายสมัย แม่ทัพนำทีมพรรค ปชป.สู้ศึกเลือกตั้ง จ.สกลนคร ที่หวังขอพลิกคว้าเก้าอี้ และ 'ภิญโญ ขันติยู' พรรค ก.ก.

เขตที่ 4 อ.กุดบาก อ.วาริชภูมิ อ.ภูพาน อ.นิคมน้ำอูน อ.ส่องดาว (ยกเว้น ต.ท่าศิลา) 'พัฒนา สัพโส' ที่ย้ายจากเขต 3 มาลงเขต 4 มั่นใจไม่น่าพลาด ต้องเจอคู่แข่งอย่าง 'พงษ์ศักดิ์ สุทธิคีรี' สวมเสื้อพรรค ปชป. นักการเมืองท้องถิ่นและนักกฎหมาย และ 'ขจรศักดิ์ เบ็ญชัย' พรรค ก.ก. นักกฎหมาย อดีตนักการเมืองท้องถิ่น

‘ธนาธร’ ปราศรัยอุบลฯ ขอแรงกา ‘ก้าวไกล’ ลั่น ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงประเทศ - ปฏิรูปกองทัพ

‘ธนาธร’ ปราศรัยอุบลฯ ชวนประชาชน เลือกตั้งทั้งที กาให้ดีไม่เสียของ กาก้าวไกลไปเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

(27 มี.ค.66) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่หลายอำเภอในจังหวัดอุบลราชธานี เริ่มต้นที่อำเภอม่วงสามสิบ อำเภอเขมราฐ อำเภอนาตาล อำเภอตระการพืชผล อำเภอพิบูลมังสาหาร และอำเภอเมืองอุบลราชธานีเป็นจุดสุดท้าย ระหว่างการลงพื้นที่ ได้ร่วมกิจกรรมหลากหลายเพื่อพบปะพี่น้องประชาชน และช่วยหาเสียงให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคก้าวไกล

ช่วงเช้า ธนาธร พร้อมด้วย ชิราวุธ แก้วชิณ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี เขต 6 พรรคก้าวไกล ร่วมเสวนากับพี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการ บริเวณร้านนาตาลแคมป์ปิ้ง อำเภอนาตาล จังหวัดอุบลฯ โดยระบุว่า อุบลราชธานีเป็นเมืองที่มีศักยภาพ หากสามารถเชื่อมโยงการขนส่งภายในจังหวัด และผลักดันให้เกิดเส้นทางการท่องเที่ยวระหว่างอำเภอได้ จะช่วยสร้างเม็ดเงินและกระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบการรายย่อย ยกตัวอย่างเช่นเส้นทางท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ทั้งหาดชมดาว สามพันโบก ผาแต้ม ช่องเม็ก จนถึงอุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแต่ยังขาดการสนับสนุน หากพัฒนาการท่องเที่ยวของอุบลฯ ได้ จะสามารถสร้างงานสร้างอาชีพให้คนในพื้นที่

จากนั้น ธนาธร พร้อมด้วย เพทาย ศรีสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี เขต 5 เดินทางต่อไปยังเวทีปราศรัยย่อยอำเภอตระการพืชผล พูดถึงนโยบายแก้ปัญหาปากท้องและปฏิรูปที่ดินทำกิน ต่อด้วยเวทีปราศรัยย่อยที่วัดสระแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้เดินทางมาฟังการปราศรัยทั้งจากตัวอำเภอและจากอำเภอข้างเคียง โดยธนาธร กล่าวว่า อุบลราชธานีเป็นโรงเรียนทางการเมืองของตน  เมื่อครั้งเป็นนักศึกษาได้ร่วมรับฟังปัญหาการก่อสร้างเขื่อนปากมูล ทำให้เกิดความสนใจปัญหาการเมืองและโครงสร้างสังคม ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน

ต่อมา ธนาธร พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ได้ขึ้นรถซาเล้ง แห่หาเสียงไปรอบเมืองพิบูลมังสาหาร เพื่อเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมรับฟังการปราศรัยใหญ่ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 11 เขต ที่อำเภอเมืองอุบลราชธานี ก่อนเริ่มต้นการปราศรัยใหญ่ ธนาธรยังได้ร่วมเสวนากับศิลปิน เยาวชนคนรุ่นใหม่ ณ ร้านส่งสาร อำเภอเมืองอุบลราชธานี โดยย้ำว่านโยบายของพรรคก้าวไกลที่ประกาศออกมา จะมีการสนับสนุนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยให้เข้มแข็ง แข่งขันกับทุนใหญ่ได้


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top