Monday, 29 April 2024
ออสเตรเลีย

ชาวออสซี่ แตกตื่นแจ้งเตือนภัย ‘แก๊สรั่ว’ ก่อนพบต้นเหตุแท้จริง แค่กลิ่นทุเรียนงอมจัด

พนักงานดับเพลิงในกรุงแคนเบอร์ราของออสเตรเลียได้รับแจ้งเหตุที่สงสัยว่าเป็นแก๊สรั่วที่ศูนย์สรรพสินค้าดิ๊กสันเมื่อวันศุกร์ ทำให้ต้องเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงบริเวณนั้น แต่หลังตรวจสอบราว 1 ชั่วโมงก็พบว่าต้นตอของกลิ่นมาจากทุเรียนสุกงอม

รายงานเอเอฟพีกล่าวว่า สถานการณ์ที่สร้างความตกใจในย่านการค้าดิกสัน ที่กรุงแคนเบอร์ราของออสเตรเลีย เมื่อช่วงก่อนเที่ยงวันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม มาจากกลิ่นเหม็นประหลาดที่หวั่นเกรงว่าอาจเกิดจากแก๊สรั่ว ทำให้หน่วยดับเพลิงและกู้ภัยในพื้นที่ต้องเร่งรุดเข้าตรวจสอบ และเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงจากบริเวณดังกล่าว

'ออสเตรเลีย'​ ไม่ยกเลิกใช้พลังงานถ่านหิน​ ในเวที COP26 อ้าง!! เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ

เส้นทางสู่โลกสวยไม่ใช่เรื่องง่าย​ 'ออสเตรเลีย'​ ไม่ยอมลงนามข้อตกลงเลิกการใช้พลังงานถ่านหิน หลังอ้างเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ

รัฐบาลออสเตรเลียตัดสินใจไม่ยอมลงนามความร่วมมือในการลดการใช้พลังงานถ่านหิน ที่เป็นหนึ่งในข้อตกลงร่วมในที่ประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาเพื่อปัญหาสภาพอากาศ ครั้งที่ 26 (COP26) ซึ่งถูกตั้งเป้าไว้สูงว่าจะต้องเลิกการใช้พลังงานถ่านหินอย่างถาวรให้ได้ภายในปี 2030 ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และปี 2040 สำหรับกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา

ขณะที่ประเทศผู้ผลิตถ่านหิน​ ก็จะต้องพยายามลด ละ เลิก การผลิตถ่านหินที่เป็นพลังงานไม่สะอาด และเป็นตัวการสำคัญในการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศตั้งแต่วันนี้

สำหรับการลงนามดังกล่าวมีมากกว่า 100 ประเทศที่ได้ลงนามลดการใช้พลังงานถ่านหินตามข้อตกลง COP26 

ทว่า ออสเตรเลีย ถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตถ่านหินเพื่อการส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก​ จึงยังไม่ขอร่วมลงนามด้วย รวมถึงประเทศที่พึ่งพาพลังงานถ่านหินเป็นหลักอย่าง​ จีน, อินเดีย และสหรัฐอเมริกา เช่นกัน จึงทำให้เป้าหมายที่ตั้งไว้ดูริบหรี่ขึ้นมาทันตา

อย่างไรด็ตาม​ ประเด็นร้อนแรง ดูจะตกมาที่​ ออสเตรเลีย เป็นหลัก​ นั่นก็เพราะออสเตรเลีย เคยเป็นประเทศหัวหอกรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด 

ส่วนเหตุผลที่รัฐบาลออสเตรเลียไม่ยอมลงนามข้อตกลงในการยุติการใช้พลังงานถ่านหิน ก็คือ​ ออสเตรเลียต้องการมุ่งเน้นในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน มากกว่าที่จะกวาดล้างอุตสาหกรรมในประเทศ 

สื่อจีน ถามออสซี่พร้อมสละชีพทหารหรือยัง หลังประกาศจะจับมือสหรัฐฯ ปกป้อง ‘ไต้หวัน’

บทบรรณาธิการของโกลบอล ไทม์ส หนังสือพิมพ์ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลจีน เตือนออสเตรเลีย หากตั้งมั่นเข้าแทรกแซงทางทหารในความสัมพันธ์ระหว่างปักกิ่งกับไต้หวัน ก็ต้องพร้อม "เสียสละชีพ" ทหารของตนเองรับมือกับการโจมตีตอบโต้กลับอย่างทันท่วงที

ปีเตอร์ ดัตตัน รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน ประกาศสนับสนุนสหรัฐฯ หากว่าสหรัฐฯ เลือกดำเนินการตอบโต้บางอย่าง กรณีที่จีนพยายามใช้กำลังเปลี่ยนแปลงสถานะปัจจุบัน (status quo) ของไต้หวัน

คำพูดดังกล่าวกระตุ้นให้ หู สีจิน บรรณาธิการโกลบอลไทม์ส ใช้สื่อสังคมออนไลน์ตอบโต้กลับในวันอาทิตย์ (14 พ.ย.) โดยระบุว่า "หากทหารออสเตรเลียเข้ามาต่อสู้ในช่องแคบไต้หวัน มันยากที่จินตนาการว่าจีนจะไม่ลงมือโจมตีอย่างหนักหน่วงใส่พวกเขา และที่ตั้งทางทหารของออสเตรเลียที่คอยสนับสนุนพวกเขา"

หอพัก ม.ดัง แคนาดา อ้าง!! แค่สร้างบรรยากาศให้รื่นเริง หลังแจก ‘อั่งเปา’ ใส่ ‘แบงก์กงเต็ก’ ให้ชุมชน นศ.จีน

ดราม่าสนั่นโลกโซเชียลจีน หลังช่วงตรุษจีนที่ผ่านมามีกลุ่มนักศึกษาชาวจีนที่ไปเรียนและอาศัยอยู่ในมหาวิทยาลัยโตรอนโตของแคนาดา ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความลงในโซเชียลมีเดียว่า พวกเขาได้รับ “ซองอั่งเปา” จากทางหอพักของมหาวิทยาลัย แต่เมื่อเปิดซองออกมาแล้วไม่ได้มีเงินจริงๆ อยู่แต่อย่างใด แต่กลับมีแต่ “แบงก์กงเต็ก”

"ธนบัตร" ซึ่งมีคำว่า "HELL BANK NOTE" พิมพ์ด้านหน้าและด้านหลังเป็นภาษาอังกฤษ ได้ถูกแจกจ่ายไปยังลูกหอซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีน สร้างความตกใจให้กับนักศึกษาในชุมชนชาวจีนที่มหาวิทยาลัยโตรอนโตเป็นอย่างมาก

ภาพถ่ายแบงก์กงเต็กในซองอั่งเปา ซึ่งถูกถ่ายโดยผู้อยู่อาศัยในหอพักของทางมหาวิทยาลัยได้แพร่กระจายไปทั่วแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน รวมถึง WeChat และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียภาษาอังกฤษ Reddit และ Instagram

โลกระทึก!! ศักราชใหม่แห่งยุคสงครามเย็นระดับเร็วเหนือเสียง เมื่อ 'สหรัฐฯ-อังกฤษ-ออสซี่' จับมือพัฒนาขีปนาวุธ Hypersonic

สมาชิกพันธมิตร 3 อ. หรือ AUKUS อันประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา-อังกฤษ-ออสเตรเลีย ได้ร่วมแถลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2565 ว่าจะจับมือกันพัฒนาขีปนาวุธ Hypersonic เพื่อติดตั้งในกองทัพเรือดำน้ำราชนาวีของออสเตรเลียภายในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้

โดยผู้นำทั้ง 3 ประเทศได้อ้างว่าที่จำเป็นต้องเดินหน้ายกระดับแสนยานุภาพทางทหารของตนในย่านแปซิฟิก เนื่องจากกรณีรัสเซียบุกยูเครน ซึ่งได้เปิดตัวใช้ขีปนาวุธ Hypersonic โจมตียูเครนไปแล้วก่อนหน้านี้ ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการใช้เทคโนโลยีด้านการทหารไปสู่อีกขั้นหนึ่ง

เมื่อเป็นเช่นนี้ พันธมิตร AUKUS ที่เป็นกลุ่มระดับมหาอำนาจของโลกคงยอมไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมี Hypersonic กับเขาบ้าง เพื่อมาถ่วงดุลกัน

ข้ออ้างในการพัฒนาขีปนาวุธ Hypersonic ของสหรัฐฯ และ อังกฤษ นั้นพอเข้าใจได้ หากยกกรณีข้อพิพาทระหว่างรัสเซีย กับชาติพันธมิตรในตะวันตก

ว่าแต่...ออสเตรเลีย ประเทศในย่าน Down Under มาเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย??

แม้ในแถลงการณ์ร่วมของพันธมิตร 3 อ. ไม่ได้กล่าวออกมาตรงๆ แต่ทุกคนก็น่าจะรู้ว่าการที่ออสเตรเลียจำเป็นต้องติดขีปนาวุธ Hypersonic ไว้ลาดตระเวนแถวน่านน้ำแปซิฟิก ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแถวทะเลบอลติกแม้แต่น้อยนั้น ก็เพื่อข่มแสนยานุภาพ

ของกองทัพจีนในน่านน้ำทะเลจีนใต้!!

เนื่องจากทางจีนเอง ก็เริ่มมีการทดสอบขีปนาวุธ Hypersonic ของตัวเองไปแล้วตั้งแต่ช่วงกลางปี 2021 ที่อ้างว่ามีความเร็วสูงถึง 5 มัค และตอนนี้ประกาศว่าได้พัฒนารุ่นที่ 2 เรียบร้อยแล้ว ซ้ำยังคุยข่มด้วยว่าใช้เทคโนโลยีล้ำหน้ากว่าใครใน 7 ย่านน้ำ แม้แต่กองทัพสหรัฐฯ อาจต้องใช้เวลาถึงปี 2025 ถึงจะตามได้ทัน

ทั้งนี้ฟากฝ่ายความมั่นคงสหรัฐฯ ได้เผยว่า จีนกำลังเพิ่มปริมาณหัวรบนิวเคลียร์ของตัวเองให้ได้ถึง 1,000 ลูกในระยะเวลาไม่เกิน 10 ปีบวกกับเทคโนโลยี Hypersonic เข้าไปด้วย ซึ่งจะทำให้จีนเป็นประเทศมหาอำนาจด้านการทหารเบอร์ 1 ในย่านเอเชีย แม้ปริมาณหัวรบนิวเคลียร์จะน้อยกว่าที่สหรัฐฯ มีถึง 3 เท่า แต่ก็ถือเป็นภัยคุกคามที่สหรัฐฯ จะยอมปล่อยให้ขยายอิทธิพลมากไปกว่านี้ไม่ได้

แต่ใช่ว่าสหรัฐฯ จะไม่รู้ว่า จีน หรือ แม้แต่รัสเซีย ว่ามีความก้าวหน้าในเทคโนโลยีขีปนาวุธระดับไหน ดังจะเห็นได้ว่าทันทีที่มีข่าวรัสเซียยิงขีปนาวุธ Hypersonic รุ่น Kinzhal Missile ใส่คลังแสงของกองทัพยูเครนปุ๊บ ทางรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐก็ออกมาให้สัมภาษณ์ออกสื่อทันทีว่า ทางสหรัฐฯ ก็มีการทดสอบขีปนาวุธ Hypersonic ไปเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาแล้ว ที่มีความเร็วมากกว่า 5 มัค

แถมยังเกทับอีกว่า ขีปนาวุธรัสเซียนั้น 'กระจอก' เป็นแค่จรวดพิสัยใกล้ ไหนเลยจะเทียบรุ่นกับของเราได้ สเปกแน่น จัดเต็ม ความแม่นยำสูง แค่เราทดสอบเงียบๆ แบบไม่อยากบอกใครเท่านั้นเอง

และอันที่จริงแล้ว ฟากออสเตรเลีย หนึ่งในสมาชิก 5 Eyes ก็มีโครงการพัฒนาเทคโนโลยี Hypersonic ร่วมกับสหรัฐอเมริกามาตั้งนานแล้ว ก่อนจะจับมือตั้งเป็นพันธมิตร AUKUS ร่วมกันเสียอีก โดยใช้ชื่อโครงการว่า SCIFIRE (the Southern Cross Integrated Flight Research Experiment) มีเป้าหมายในการพัฒนาเครื่องยนต์ หัวยิง และขีปนาวุธ Hypersonic ให้ได้ความเร็วตั้งแต่ 5-8 มัค

ซึ่งเรื่องนี้น่าจะมีความเป็นไปได้อย่างมาก ถึงขนาดที่ออสเตรเลียยอมหักหน้า ทิ้งสัญญาเรือดำน้ำของฝรั่งเศสจนเป็นเหตุให้เคืองใจกันอย่างแรงระหว่าง เอมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส กับ สก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียอยู่พักใหญ่

ดังนั้นแผนการยกระดับการครอบครองขีปนาวุธ Hypersonic จึงน่าจะอยู่ในแผนระหว่างสหรัฐฯ กับ ออสเตรเลีย อยู่ก่อนแล้ว แม้จะไม่มีกรณีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ก็ตาม เพียงแต่ช่วงนี้ประเด็นรัสเซียกำลังร้อนๆ ออสเตรเลียก็เลยโบ้ยตามน้ำว่าเพราะรัสเซียเป็นเหตุ สังเกตได้ เท่านั้นเลยจริงๆ

'โฆษกจีน' ย้อน 'ออสซี่' ทำข้อตกลง AUKUS กันแบบลับๆ แต่กลับป้ายสีข้อตกลง 'จีน-โซโลมอน' ไม่โปร่งใส

หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนตำหนิ นายสก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรี และนายปีเตอร์ ดัตตัน รัฐมนตรีกลาโหมของออสเตรเลียว่า มีเจตนาบิดเบือน และใส่ร้ายป้ายสีซ้ำซาก กรณีรัฐบาลปักกิ่งลงนามข้อตกลงความมั่นคงกับหมู่เกาะโซโลมอนไปเมื่อสัปดาห์ก่อน

โดยนายกรัฐมนตรีออสซี่พูดอยู่เสมอว่า จีนกำลังสร้างฐานทัพบนหมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งตั้งอยู่แถบมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ และยังบอกอีกว่า สำหรับออสเตรเลีย และสหรัฐฯ แล้ว นี่ถือเป็นการก้าวข้าม “เส้นสีแดง” ซึ่งมีความหมายว่า ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ จะไม่ยอมทนอีกต่อไป

ในการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันจันทร์ที่ 25 เม.ย. 65 โฆษกหวัง ได้ชี้แจง โดยกล่าวเน้นย้ำว่า การก่อสร้างฐานทัพอย่างที่นายกรัฐมนตรีออสซี่ว่านั้น เป็นเฟกนิวส์ทั้งเพ

โฆษกหวัง ยังกล่าวต่อไปว่า "สหรัฐฯ กับออสเตรเลียเอาแต่ก่นด่าข้อตกลงฉบับนี้ว่า ขาดความโปร่งใส ก็แล้วทีสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ทำข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคง “ออกัส” (AUKUS) เล่า ก็วางแผนกันใต้โต๊ะมิใช่หรือ โดยซุ่มกันทำปราศจากการเปิดเผย และไร้ความโปร่งใส!!"

"เมื่อใดกันเล่าที่สหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย จะส่งข้อตกลง “ออกัส” ให้บรรดาชาติในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ได้พิจารณาไตร่ตรองเนื้อหา และเมื่อใดกันเล่าที่สหรัฐฯ จะปิดฐานทัพของตัวเองที่มีอยู่ 800 แห่งในกว่า 80 ประเทศ และภูมิภาคทั่วโลก ซึ่งได้ก่อความวิตกกังวลในหมู่นานาชาติ" โฆษกหวังย้อนถาม

'โซโลมอน' หวั่น!! ออสเตรเลีย 'ข่มขู่-รุกราน' หลังไปทำข้อตกลงความมั่นคงกับจีน

นายกรัฐมนตรีประเทศหมู่เกาะโซโลมอน กล่าวหาเป็นนัยว่า ออสเตรเลียข่มขู่จะ “รุกราน” และดูหมิ่นหมู่เกาะโซโลมอน สืบเนื่องจากการทำข้อตกลงความมั่นคงกับจีน ด้านผู้นำออสเตรเลียยืนยันการจัดการความสัมพันธ์กับหมู่เกาะโซโลมอนจะใช้วิถีทางการทูตต่อไป

นายกรัฐมนตรี มานาสเซห์ โซกาแวร์ ของหมู่เกาะโซโลมอน ประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิก กล่าวต่อรัฐสภาหมู่เกาะโซโลมอนเมื่อ 4 พ.ค. 65 กล่าวหาว่า มีประเทศอื่นๆ ที่ข่มขู่จะ “รุกราน” หมู่เกาะโซโลมอน หลังจากที่โซโลมอนทำข้อตกลงความมั่นคงกับจีน 

และเขารู้สึกถูก “ดูหมิ่น” และหมู่เกาะโซโลมอนถูกปฏิบัติราวกับเป็น “นักเรียนอนุบาล” ที่ถือปืนเดินไปมา และจำเป็นต้องถูกควบคุมดูแล 

อย่างไรก็ตาม ผู้นำหมู่เกาะโซโลมอนไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศ แต่มีนัยถึงออสเตรเลีย สืบเนื่องจากก่อนหน้าที่ผู้นำโซโลมอนเพิ่งแสดงความไม่พอใจ ที่ออสเตรเลียไม่แจ้งให้โซโลมอนทราบ เกี่ยวกับการก่อตั้งพันธมิตรความมั่นคงใหม่ “ออคัส” (AUKUS) ที่ออสเตรเลียร่วมก่อตั้งขึ้นกับสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว แต่โซกาแวร์ระบุว่า เขาเพิ่งรู้เรื่องข้อตกลงออคัสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี้เอง ทั้งๆ ที่ข้อตกลงนี้ จะทำให้มีเรือดำน้ำนิวเคลียร์ในน่านน้ำแปซิฟิก

ด้านนายกรัฐมนตรี สก็อต มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย กล่าวในวันนี้ (5 พฤษภาคม) ยืนยันว่า จะยังคงจัดการความตึงเครียดกับหมู่เกาะโซโลมอนด้วยวิถีทางการทูต และความสัมพันธ์จะยังคงเป็นการที่ออสเตรเลียคอยสนับสนุนหมู่เกาะโซโลมอน รับฟังปัญหา และให้ความมั่นใจต่อหมู่เกาะโซโลมอนว่า ออสเตรเลียพร้อมจะสนับสนุนประชาชนในโซโลมอนเสมอมาเหมือนที่ผ่านมาและต่อไปในอนาคตด้วย แม้ว่าออสเตรเลียจะถูกกดดันและรู้สึกกังวล แต่จะจัดการปัญหาในแปซิฟิกอย่างรับผิดชอบ

‘เจสัน ยัง’ สอบติดกรมตำรวจรัฐควีนส์เเลนด์ งดรับงานแสดงพักใหญ่ เพื่อสานฝันวัยเด็ก

'เจสัน ยัง' ดาราและนักร้องรุ่นใหญ่ สานฝันตัวเองสำเร็จด้วยการสอบบรรจุเป็นตำรวจที่ออสเตรเลียได้ งานนี้เจ้าตัวร่ายยาวความรู้สึกผ่านไอจี ทำเอาชาวเน็ตร่วมแสดงความยินดีอย่างมากมาย

จัดเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ของคนในวงการบันเทิง หลังล่าสุดดาราและนักร้องดังหนุ่ม เจสัน ยัง ได้สอบบรรจุเป็นตำรวจที่ออสเตรเลียได้แล้วตามความฝันของตนเอง โดยหนุ่มเจสันอัปเดตรูปของตนเองกับเพื่อนๆ พร้อมข้อความร่ายยาวเล่าว่า

“วันนี้ผมได้สำเร็จการศึกษาเเละผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตร Protective Services เเละได้กล่าวคำปฏิญาณตนในการปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่ Protective Services Officer สังกัด กรมตำรวจเเห่งรัฐควีนส์เเลนด์ (Queensland Police Service) บนเเผ่นดินของพ่อผมที่ประเทศออสเตรเลีย

○Integrity
○Professionalism
○Community
○Respect&Fairness

ถ้าพ่อกับเเม่ผมยังมีชีวิตอยู่ ท่านทั้งสองคงดีใจมาก เพราะการสอบเข้าหน่วยงานราชการไม่ใช่เรื่องง่าย เเละเมื่อเข้ามาเเล้วจะเรียนจบไหมก็อีกเรื่องหนึ่ง เเต่วันนี้ผมทำสำเร็จเเล้วครับ #ฝันที่เป็นจริง #ชีวิตคือการเดินทาง #ชีวิตคือการเรียนรู้ #ชีวิตคือการทำความดี #เเด่พ่อกับเเม่

ขอขอบคุณคณะครูอาจารย์ เเละผู้มีพระคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุดท้ายนี้ขอขอบคุณเเฟนๆ ทุกท่านที่ติดตามผลงานของผมมาโดยตลอด ผมขอลาพักงานเเสดงไปก่อนนะครับ ขอไปทำงานที่ผมใฝ่ฝันมาตั้งเเต่เด็กเเละหาประสบการณ์ชีวิตก่อนนะครับ Until we meet again.”

'นายกฯ ออสเตรเลีย' ปลื้ม!! ไทยมุ่งแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ชม!! เอเปคไทย ช่วยดันความร่วมมือต่างๆ ให้เป็นรูปธรรมขึ้น

'บิ๊กตู่-นายกฯ ออสเตรเลีย' หารือแบบพบหน้าเป็นครั้งแรก ชื่นชม ความสัมพันธ์ระหว่างกัน พร้อมขยายความร่วมมือให้แน่นแฟ้นครอบคลุม แก้ปัญหาความท้าทายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม 

(19 พ.ย.65) ที่ห้อง 111 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบหารือกับ นายแอนโทนี แอลบาเนซี (The Honourable Anthony Albanese MP) นายกรัฐมนตรีเครือรัฐออสเตรเลีย ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญจากการหารือ ดังนี้...

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้หารือแบบพบหน้า หลังจากที่ได้หารือทางโทรศัพท์กันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ปีนี้เป็นปีที่ ไทยและออสเตรเลียได้ร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 70 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและพิเศษจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประทับและทรงศึกษาในออสเตรเลียอยู่เป็นระยะเวลานานหลายปี ซึ่งรวมถึงความร่วมมือระหว่างกัน ที่มีพลวัตสูง ครอบคลุม ทุกมิติและเป็นรูปธรรม อยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ร่วมกัน 

'เสี่ยเฮ้ง' เดินหน้า!! หารือ รัฐมนตรีออสเตรเลีย เจรจาเร่งขยายตลาดแรงงานในออสเตรเลีย

(7 ธ.ค. 65) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และคณะ หารือทวิภาคีกับ ฯพณฯ เบรนดัน โอคอนเนอร์ (H.E.The Hon Brendan O’ Connor MP) รัฐมนตรีด้านทักษะและการฝึกอบรม กระทรวงการจ้างงานและแรงงานสัมพันธ์ ประเทศออสเตรเลีย ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศสิงคโปร์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Asia - Pacific Regional Meeting : APRM) ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ครั้งที่ 17 และหารือความร่วมมือเปิดตลาดแรงงานในออสเตรเลีย โดยมี นายชุตินทร คงศักดิ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำสิงคโปร์ ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม Ord Meeting Room, Stamford Meeting Rooms ชั้น 4 Raffles City Convention Centre สาธารณรัฐสิงคโปร์

นายสุชาติ กล่าวว่า ท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้คนไทยได้ไปทำงานในต่างประเทศ รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนเพื่อให้คนไทยมีงานทำ มีทักษะฝีมือเพิ่มขึ้น และนำรายได้กลับมาพัฒนาประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีสถานศึกษาที่มีศักยภาพ ในส่วนของกระทรวงแรงงาน มีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่มีความพร้อมในการฝึกทักษะให้คนไทยก่อนที่จะไปทำงานในต่างประเทศ ดังนั้น การหารือทวิภาคีระหว่างไทยกับออสเตรเลียในวันนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีในการกระชับความร่วมมือด้านแรงงานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ รวมทั้งฟื้นความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถจัดส่งแรงงานในสาขาภาคเกษตร ช่างฝีมือ และธุรกิจบริการ ตามที่ออสเตรเลียต้องการได้ 

จากการหารือในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในความร่วมมือของทั้งสองฝ่ายในโอกาสต่อ ๆ ไป ซึ่งกระทรวงแรงงานจะนำคณะไปพบกับสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมของออสเตรเลีย เพื่อหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันถึงรายละเอียดความต้องการแรงงานไทยในสาขาที่ขาดแคลน รวมทั้งการลงนามความร่วมมือในการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในออสเตรเลียในโอกาสต่อไปด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top