Monday, 29 April 2024
สหราชอาณาจักร

สหราชอาณาจักร เชื้อโควิดลามไม่หยุด ล่าสุดติดเชื้อทะลุ 4 หมื่นรายต่อเนื่อง 5 วัน

สหราชอาณาจักรรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 45,140 รายเมื่อวานนี้ (17 ต.ค.) ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 8,449,165 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันของอังกฤษสูงเกิน 40,000 ราย ติดต่อกันเป็นวันที่ 5 แล้ว

ขณะเดียวกัน ยังผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มอีก 57 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 138,584 ราย โดยนับเฉพาะผู้เสียชีวิตภายใน 28 วัน หลังผลตรวจโรคเป็นบวกครั้งแรก ส่วนผู้ป่วยที่ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาลรวมอยู่ที่ 7,086 ราย

สำนักงานสถิติแห่งชาติสหราชอาณาจักร (ONS) คาดการณ์ว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะท้อนว่าประชาชนในอังกฤษ 1 ใน 60 คน ป่วยด้วยโรคโควิด-19 ในช่วงสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 9 ต.ค. เทียบกับประชาชนในเวลส์ 1 ใน 45 คน สกอตแลนด์ 1 ใน 80 คน และไอร์แลนด์เหนือ 1 ใน 120 คน

อังกฤษ ปลดทุกประเทศพ้น 'บัญชีสีแดง' เดินทางเข้าไม่ต้องกักตัวในโรงแรม

รัฐบาลสหราชอาณาจักรเตรียมถอดทุกประเทศที่เหลืออยู่ออกจากบัญชี "สีแดง" ด้านการเดินทาง ยกเลิกห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าสู่อังกฤษ จากการเปิดเผยของ แกรนท์ แชปส์ รัฐมนตรีคมนาคมในวันพฤหัสบดี (28 ต.ค.)

รัฐมนตรีรายนี้แถลงว่า 7 ประเทศที่เหลืออยู่ในบัญชีสีแดง ประกอบด้วยโคลอมเบีย สาธารณรัฐโดมินิกัน เอกวาดอร์ เฮติ ปานามา เปรู และเวเนซุเอลา จะถูกปลดพ้นจากบัญชีในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้

ชาวสหราชอาณาจักรที่เดินทางกลับจากประเทศเหล่านี้จะไม่จำเป็นต้องกักโรคในโรงแรมเป็นเวลา 11 คืนอีกต่อไป ส่วนพลเมืองของบรรดาประเทศดังกล่าว เวลานี้ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าอังกฤษได้แล้ว

อย่างไรก็ตามระบบบัญชีแดงจะยังคงมีอยู่ และประเทศใด ๆ ประเทศหนึ่งอาจถูกใส่กลับเข้ามาในบัญชีดังกล่าว ในกรณีที่พบเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในประเทศนั้น ๆ

"เราจะคงหมวดหมู่บัญชีสีแดงเอาไว้ ในมาตรการป้องกันไว้ก่อน เพื่อปกป้องสุขภาพประชาชน และพร้อมใส่ประเทศหรือดินแดนหนึ่ง ๆ กลับเข้าไป ถ้าจำเป็น ในฐานะที่มันเป็นแนวแรกแห่งการป้องกันของสหราชอาณาจักร" แชปส์เผยผ่านทวิตเตอร์

ฉีด SINOVAC เข้า ‘สหราชอาณาจักร’ ได้ ไม่ต้องกักตัว ด้าน 'ศุภชัย' ขอบคุณ SINOVAC หลังถูกด้อยค่ามานาน

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า…

เรื่องราวของ SINOVAC

ขอบคุณกาลเวลา ที่ช่วยลบคำสบประมาท

วันนี้ สหราชอาณาจักร รับรองให้ผู้ที่ฉีด SINOVAC เข้าประเทศได้แล้ว โดยไม่ต้องกักตัว มาตรการข้างต้นจะนับหนึ่งในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้

นี่คือ เครื่องรับรองประสิทธิภาพของวัคซีนสายเลือดมังกร ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกตราหน้าด้วยอคติ ว่าเป็นวัคซีนด้อยคุณภาพ

ผมจะขอย้อนความนะครับ

SINOVAC เป็นวัคซีนยี่ห้อแรก ที่ไทยนำเข้ามาใช้เพื่อประคองสถานการณ์ หลังพบการระบาดช่วงปลายปี 2563 การเข้ามาของ SINOVAC มาพร้อมกับคำสบประมาทสารพัด ตั้งแต่เรื่องของคุณภาพ ไปจนถึงเรื่องของความปลอดภัย ทั้งที่นี่คือวัคซีน ที่ใช้ในประเทศที่มีการระบาดต่ำที่สุดประเทศหนึ่งของโลก และนี่ก็เป็นวัคซีนที่มีขั้นตอนการผลิต ซึ่งปลอดภัยที่สุด ด้วยเป็นเทคโนโลยีเชื้อตาย ที่ “มนุษย์” มีความคุ้นเคยมากที่สุด

กระนั้นแล้ว ข่าวลือ ข่าวลวง ที่มีมากมาย ก็ทำให้ SINOVAC กลายเป็นผู้ร้ายไปในที่สุด ทั้งที่ความจริง SINOVAC ได้เข้ามาช่วย SAVE คนไทยเป็นจำนวนมหาศาล ในวันที่การจัดหาวัคซีนเป็นไปด้วยอุปสรรค วันนั้นถ้าไม่มี SINOVAC ผมเองก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

สำหรับ SINOVAC เหมือนผู้ที่ทำงานหนัก ปิดทองหลังพระ แต่ก็ยังโดนด่า และแม้จะทำงานดีแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นต้องถูกวิจารณ์อย่างเสียหาย เสียงก่นด่าลามไปถึงฝ่ายผู้จัดหาตั้งแต่รัฐมนตรี ไปจนถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่พวกเขาทุกคนทุ่มเท พยายามอย่างหนัก กว่าการจัดหาจะประสบความสำเร็จ กระทั่งแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ที่ออกมารณรงค์ให้รับวัคซีน ณ เวลานั้น ก็ยังถูกวิจารณ์สารพัด

UK ไฟเขียวรับคนฉีดซิโนแวค - ซิโนฟาร์ม เข้าปท. เปิดทางต้อนรับนักท่องเที่ยว - นักศึกษาต่างชาติ

วัคซีนโควิด-19 ของจีนและอินเดียได้รับอนุมัติจากสหราชอาณาจักรสำหรับเดินทางเข้าประเทศ เปิดทางสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวและนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งฉีดวัคซีนดังกล่าวครบเข็มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

วัคซีนของซิโนแวค ไบโอเทค บริษัทสัญชาติจีน วัคซีนซิโนฟาร์ม รัฐวิสาหกิจจีน และวัคซีนของภารัต ไบโอเทค อินเตอร์เนชันแนล ลิมิเต็ด เป็นวัคซีนอีก 3 ตัวที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่สหราชอาณาจักรใช้สำหรับอนุญาตเดินทางเข้าประเทศ โดยต้องแสดงข้อพิสูจน์ว่าผ่านการฉีดวัคซีนครบเข็มแล้ว จากประกาศที่ออกโดยกระทรวงคมนาคม และกรมอนามัยและบริการสังคมของสหราชอาณาจักรในวันจันทร์ (22 พ.ย.)

ส่งผลให้เวลานี้วัคซีนทั้ง 7 ตัวที่ได้รับการอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินจากองค์การอนามัยโลก จะเป็นที่ยอมรับโดยสหราชอาณาจักร ในนั้นรวมถึงโควาซินของอินเดีย ซึ่งองค์การอนามัยโลกเพิ่งอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ความเคลื่อนไหวของสหราชอาณาจักรเกิดขึ้นตามหลังออสเตรเลีย ที่เมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งขยายจำนวนวัคซีนที่พวกเขาให้การยอมรับ เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ที่บอกว่าจะยอมรับวัคซีนทุกตัวที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอนามัยโลก ครั้งที่พวกเขาเปิดชายแดนต้อนรับนักเดินทางต่างชาติเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

UK ร้อง!! 'รัสเซีย' หยุดขวางยูเครนส่งออกธัญพืช วอน 'ทำในสิ่งที่ถูกต้อง' ก่อนทั่วโลกอดอยาก

เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักร ในวันพุธ (25 พ.ค.) เรียกร้องมอสโก "ทำในสิ่งที่ถูกต้อง" และยอมปล่อยธัชพืชที่ติดค้างอยู่ตามท่าเรือต่างๆ ของยูเครน สืบเนื่องจากปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย เพื่อแสดงจิตวิญญาณแห่งมนุษยธรรม ท่ามกลางความกังวลว่าโลกอาจต้องเผชิญกับวิกฤตทางอาหาร แต่ขณะเดียวกัน เคียฟวิงวอนตะวันตกยกระดับเล่นงานรัสเซีย โดยเฉพาะภาคการส่งออก ชดใช้ต่อกรณีมอสโกรุกรานยูเครน

มอสโกเคยบอกว่าพวกเขาจะอนุญาตให้จัดตั้งแนวกันชนด้านอาหารในยูเครน เพื่อหลีกเลี่ยงวิกฤตอาหารโลก หากว่านานาชาติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ ที่กำหนดเล่นงานรัสเซียต่อกรณีรุกรานยูเครน

"อย่าพูดถึงมาตรการคว่ำบาตรเลย จงพูดถึงการทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อประเทศต่างๆ ทั่วโลก" วอลเลซบอกกับผู้สื่อข่าวในกรุงมาดริด เมื่อถูกถามถึงจุดยืนของรัสเซีย "ผมเรียกร้องรัสเซียทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วยจิตวิญญาณแห่งมนุษยธรรม และปล่อยธัญพืชยูเครนออกมา" เขากล่าวพร้อมระบุว่า "เป็นไปได้ว่ารัสเซียกำลังทำให้หลายประเทศทั่วโลกอดอยาก"

ก่อนหน้าถูกรัสเซียรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์ ยูเครนถูกมองในฐานะตะกร้าขนมปังของโลก ส่งออกผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรราวๆ 4.5 ล้านตันต่อเดือนผ่านท่าเรือต่างๆ ของพวกเขา ในนั้นรวมถึงข้าวสาลี คิดเป็น 12% ของโลก ข้าวโพดคิดเป็นสัดส่วน 15% และน้ำมันดอกทานตะวัน คิดเป็นสัดส่วนถึง 50%

จับตาธุรกิจรายเล็ก 5 แสนแห่งในอังกฤษ อาจเสี่ยงล้มละลายภายในไม่กี่สัปดาห์

The guardian รายงานว่า มาร์ติน แมคเทก ประธานสหพันธ์ธุรกิจขนาดเล็ก (FSB) เตือนว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นได้สร้างระเบิดเวลาสำหรับเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในสหราชอาณาจักร โดยมีบริษัทเกือบครึ่งล้านแห่งที่เสี่ยงต่อการล้มละลายภายในไม่กี่สัปดาห์โดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล 

แม้แมคเทก จะชื่นชมการสนับสนุนของ ริชี ซูแนค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่เยียวยาผู้บริโภคผ่านแพ็กเกจค่าครองชีพมูลค่า 15,000 ล้านปอนด์ ซึ่งประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่เขามองว่าบรรดาผู้ประกอบรายย่อยกำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับต้นทุนการผลิตของพวกเขา และนี่ถือเป็นระเบิดเวลา

“พวกเขาเหลือเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่เงินสดจะหมด และนั่นจะหมายถึงธุรกิจหลายแสนราย และผู้คนจำนวนมากจะตกงาน” แมคเทกกล่าว
 

แฉ UK มีแผนปิดท่อก๊าซป้อนยุโรป หากเข้าขั้นวิกฤตขาดแคลนในประเทศ

สหราชอาณาจักร จะตัดอุปทานก๊าซที่ป้อนแก่ยุโรป หากว่าพวกเขาเผชิญกับปัญหาขาดแคลนอย่างรุนแรง ตามรายงานของสื่อมวลชนอังกฤษในวันพุธที่ (29 มิ.ย.) ที่ผ่านมา

ในขณะที่บรรดาประเทศต่าง ๆ ในยุโรปกำลังเผชิญแนวโน้มถูกรัสเซียตัดการส่งออกก๊าซ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่าสหราชอาณาจักรมีแผนปิดท่อลำเลียงที่ป้อนแก่เนเธอร์แลนด์และเบลเยียม แม้มันเสี่ยงบ่อนทำลายความพยายามผลักดันให้เกิดความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านพลังงานก็ตาม

การปิดท่อลำเลียงเชื่อมต่อ จะเป็นหนึ่งในมาตรการเบื้องต้นภายใต้แผนฉุกเฉินด้านก๊าซของสหราชอาณาจักร ซึ่งอาจบังคับใช้โดยโครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติ(National Grid) หากว่าอุปทานขาดแคลนในช่วงหลายเดือนข้างหน้าที่กำลังมาถึง

บรรดาบริษัทก๊าซทั้งหลายในยุโรป วิงวอนสหราชอาณาจักรให้ร่วมมือกับอียู และเตือนว่าการปิดท่อลำเลียงเชื่อมต่ออาจก่อไฟย้อนศรเล่นงานสหราชอาณาจักรเอง หากว่าเกิดปัญหาขาดแคลนยาวนาน ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากยุโรปในปริมาณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงพีคสุดของฤดูหนาว

"ผมอยากแนะนำให้สหราชอาณาจักรพิจารณาทบทวนการหยุดเชื่อมต่อ (ในกรณีที่เกิดวิกฤต) เสียใหม่" ความเห็นของ บาร์ท ยาน โฮเวอร์ส ประธานเครือข่ายผู้ให้บริการระบบขนส่งก๊าซในยุโรป (European Network of Transmission System Operators for Gas) กลุ่มทรงพลังที่สมาชิกมีทั้งบริษัท Snam ของอิตาลีและบริษัท Fluxys ของเบลเยียม

"เพราะว่าในขณะที่มันประโยชน์สำหรับทวีปยุโรปในฤดูร้อน มันก็จะเป็นประโยชน์สำหรับสหราชอาณาจักรในฤดูหนาวเช่นกัน" เขากล่าว

สหราชอาณาจักรจะทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) แผนฉุกเฉินรับมือปัญหาขาดแคลนก๊าซในเดือนกันยายน โดยแม้โครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติระบุว่ามันเป็นการทดสอบประจำปี แต่ระบุการทดสอบล่าสุดนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงกรณีแวดล้อมต่างๆนานา ในขณะที่รัสเซียได้เริ่มจำกัดการส่งออกก๊าซสู่ยุโรปแล้ว

Starbucks เล็งถอนตัวจากสหราชอาณาจักร หลังเจอพิษเงินเฟ้อ - การแข่งขันรุนแรง

Starbucks เล็งถอนตัวจากตลาดสหราชอาณาจักร หลังเจอพิษเศรษฐกิจจากภาวะเงินเฟ้อ อีกทั้งยังเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์เจ้าถิ่น

มีรายงานข่าวจากบีบีซี ระบุว่า Starbucks เชนร้านกาแฟยักษ์ใหญ่จากสหรัฐ อเมริกา อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้กับธุรกิจในกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักร (United Kingdom) เหตุเพราะเศรษฐกิจของ UK กำลังเผชิญวิกฤตอย่างหนัก

จากปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งภาวะเงินเฟ้อรุนแรงและปัญหาข้าวยากหมากแพง รวมไปถึงการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจนี้ หากพิจารณาแล้วเห็นว่าสู้ต่อไม่ไหว อาจนำไปสู่การขายกิจการ เหมือนกับที่เคยขายธุรกิจสิทธิ์การบริหารในประเทศไทยให้กับบริษัทในกลุ่มไทยเบฟไปแล้วก่อนหน้านี้ 

อย่างที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจของ UK ไม่ต่างจากคนไข้ที่แพทย์ต้องจับตาดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมาตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 9.1% สูงสุดในรอบ 40 ปี นับเป็นตัวเลขที่สูงสุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) อีกด้วย และหากสถานการณ์ยังเลวร้ายต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าปีนี้ตัวเลขเงินเฟ้ออาจพุ่งเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 11%

ขณะที่ ก่อนหน้านี้ องค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ได้ประเมินเศรษฐกิจของ UK กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย และปี 2023 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) อาจไม่ขยายตัวเลย

ข้อมูลเชิงลบดังกล่าว ทำให้ผู้บริโภคต้องคิดให้รอบคอบว่าจะกินจะดื่มอะไร เพราะอาหารทุกจานและเครื่องดื่มทุกแก้วย่อมส่งผลต่อจำนวนเงินในกระเป๋า ในภาวะข้าวยากหมากแพงเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม ทาง Starbucks ยังคงจับตาสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจใน UK อย่างใกล้ชิดด้วยความกังวล แม้ว่าปัจจุบันยอดขายกำลังกระเตื้องกลับขึ้นมา หลังคนวัยทำงานต่าง ๆ ถูกเรียกตัวกลับบริษัท ทั้งแบบเต็ม 5 วันทำงานหรือสลับกับการทำงานอยู่บ้านก็ตาม

ขณะที่ The Times หนังสือพิมพ์เก่าแก่ของอังกฤษรายงานว่า Starbucks กังวลต่อสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจของ UK อย่างมาก และกำลังคิดหาทางว่าจะทำอย่างไร

จนต้องไปหารือกับ Houlihan Lokey บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินของสหรัฐฯ ที่เชี่ยวชาญการปรับโครงสร้าง ควบรวมและขายกิจการ โดยทางออกต่าง ๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณานี้มีการขายกิจการรวมอยู่ด้วย

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงเสด็จสวรรคตอย่างสงบ

สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ ๒ แห่งราชวงศ์อังกฤษ เสด็จสวรรคตอย่างสงบที่ปราสาทบัลมอรัลในสก๊อตแลนด์ เมื่อตอนบ่ายของวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๕ พระชนม์พรรษา ๙๖ ปี ทรงครองราชย์สมบัตินานที่สุดของราชวงศ์อังกฤษ

บีบีซีได้ประกาศข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ ๒ ตามเวลาในประเทศไทยเมื่อ หนึ่งนาฬิกา ๑๘ นาที ในคำแถลงของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ ที่ตรัสว่า...

"การสวรรคตของสมเด็จพระมารดาอันเป็นที่รักยิ่งของข้าพเจ้าเป็นเวลาที่เศร้าโศกที่สุดสำหรับข้าพเจ้าและพระราชวงศ์ทุกพระองค์ เราไว้อาลัยกับการจากไปของพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เทิดทูนและพระมารดาอันเป็นที่รักยิ่ง ข้าพเจ้ารู้ดีว่าการสวรรคตของพระองค์คงเป็นความรู้สึกของคนทั้งประเทศ ตลอดจนประเทศในเครือจักรภพและคนทั่วโลก"

ในคำแถลงของสำนักพระราชวังบัคกิ้งแฮมกล่าวว่าพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ และพระราชินีจะประทับที่ปราสาทบัลมอรัลในตอนเย็นวันที่ ๘ กันยายนและจะเสด็จกลับกรุงลอนดอนในวันรุ่งขึ้น

ก่อนที่จะมีการแถลงข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ ๒ นั้น ได้มีรายงานข่าวของบีบีซีภาคภาษาอังกฤษออกมาตามเวลาในอังกฤษประมาณบ่าย ห้าโมงเย็นของวันที่ ๘ กันยายน โดยคำแถลงของสำนักพระราชวังบัคกิ่งแฮมได้อ้างถึงความกังวลของคณะแพทย์ในพระพลานามัยของสมเด็จพระราชินีหลังจากการประเมินผลการตรวจในตอนเช้า จึงขอพระราชทานให้อยู่ภายใต้การดูแลของคณะแพทย์

อย่างไรก็ดีในคำแถลงของสำนักพระราชวังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า The Queen is “confortable”. หรือสมเด็จพระราชินีทรงสบายดี

แม้ว่าในคำแถลงเพิ่มเติมอาจจะทำให้เห็นว่าสมเด็จพระราชินีไม่ได้ประชวรหนัก แต่ปรากฏการที่พระโอรสและพระราชธิดาทุกพระองค์เสด็จไปเฝ้าที่ปราสาทบัลมอรัลในสก๊อตแลนด์เมื่อเย็นวานนี้ก็ทำให้เกิดความห่วงใยในพระพลานามัยของประมุขของประเทศอังกฤษเช่นกัน

เจ้าชายชาร์ลส์และพระชายาและเจ้าหญิงแอนน์ได้ประทับอยู่ที่บัลมอรัลอยู่แล้ว แต่การเสด็จของเจ้าชายแอนดรูและเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดพระราชโอรสอีกสองพระองค์รวมทั้งพระนัดดาอีกสองพระองค์คือเจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮรี่ ทำให้เห็นว่าการที่คณะแพทย์ขอให้สมเด็จพระราชินีอยู่ภายใต้การถวายการรักษานั้นอาจหมายถึงการเฝ้าระวังพระพลานามัยอย่างใกล้ชิด

รายงานข่าวของบีบีซีได้ตั้งข้อสังเกตในคำแถลงของสำนักพระราชวังบัคกิ้งแฮมครั้งนี้ว่า ค่อนข้างจะผิดแผกแตกต่างกับที่ผ่านมาเพราะมักจะเลี่ยงการพูดถึงพระสุขภาพของสมเด็จพระราชินีด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นเรื่องส่วนพระองค์ 

แด่แฟนตัวยง ชัยชนะแด่แฟนบอลอาร์เซนอลผู้จากไป ขอพระเจ้าโปรดคุ้มครององค์ราชินีสู่สวรรค์

จากเฟซบุ๊กเพจ Arsenal in Thailand อาร์เซนอลไทย ได้โพสต์ถึงชัยชนะของทีมปืนใหญ่ 'อาร์เซนอล' เหนือ 'เอฟซี ซูริค' ด้วยสกอร์ 2-1 แด่แฟนบอลอาร์เซนอลผู้หนึ่งที่ต้องจากไป ระบุว่า...

เป็นหนึ่งเกมที่นอกเหนือจากสามคะแนนที่ได้รับแล้ว วันนี้คงจะเป็นหนึ่งวันที่แฟนบอลหลายคนจดจำได้ไม่ลืม เมื่อ อาร์เซนอล เป็นหนึ่งในสโมสรที่ลงเล่นในช่วงเวลาแห่งการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สอง แห่งสหราชอาณาจักรผู้ซึ่งเป็นที่รักของประชาชนชาวอังกฤษ และใครหลายคนในโลกด้วยพระชนมพรรษา 96 พรรษาและช่วงครึ่งหลังของเกมก่อนที่เกมจะเริ่มต้นขึ้น นักเตะและทีมงานอาร์เซนอลทุกคนมีการสวมปลอกแขนสีดำ และทั้งสองสโมร รวมถึงแฟนบอลในสนามต่างยืนไว้อาลัย (Minute’s Silence) ให้กับความสูญเสียครั้งนี้

หลังจบเกมนี้ อาร์เซนอล ยกเลิกการสัมภาษณ์ใด ๆ หลังเกมการแข่งขัน ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเพื่อเป็นการให้ไว้อาลัย และพรีเมียร์ ลีก กำลังอยู่ในช่วงของการประชุมว่าเกมฟุตบอลอังกฤษในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะมีการยกเลิกเกมการแข่งขันหรือไม่ ต้องรอติดตามกันต่อไป

วงการฟุตบอล กับราชวงศ์อังกฤษ มีความใกล้ชิดผูกพันกันระดับหนึ่ง แต่ก็เป็นความผูกพันที่ยาวนาน ขณะที่สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สองต่างทรงชื่นชอบฟุตบอลไม่น้อย ในวันที่อังกฤษคว้าแชมป์โลกในปี 1966 พระองค์คือผู้มอบถ้วย จูลล์ ริเมส์ ให้กับ บ๊อบบี้ มัวร์ กัปตันทีมชูขึ้นฟ้าในฐานะของแชมป์โลก สมัยแรกและยังคงเป็นสมัยเดียวของประเทศ

สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่สอง มีข่าวลือออกมาว่าพระองค์ทรงเป็นแฟนบอลของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด หรือมิลล์วอลล์ แต่ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด คือ 'อาร์เซนอล'


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top