Saturday, 4 May 2024
คนจีน

8 ความสำเร็จ สะท้อนพฤติกรรมมุ่งมั่นแบบจีน 'ก่อนเขาจะรวย' ทำตัวกันแบบไหน? 

คนไทยจำนวนมากยังมีค่านิยม “เจ้าคนนายคน” อยากรวยง่าย รวยเร็ว มีชีวิตหรูหรา แต่ไม่ทำชีวิตให้ไปถึงจุดนั้น ต่างกับอุปนิสัย และพฤติกรรมตอน “ก่อนจะรวย” ของคนจีน ข้อความจาก 'นายพงศ์พรหม ยามะรัต' ที่ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก และยังกล่าวต่ออีกว่า... 

เกือบๆ 5 ปีก่อน ผมบอกว่า mi หรือ Xiaomi (เสี่ยวมี่) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีมาก และวันนึงจะมาครองตลาดไทย

มีแต่คนหัวเราะเยาะผม!! 

หลายๆ คนพูดเยาะเย้ยว่า “เสี่ยวเอ้อราคาถูกๆ นั่นหนะเหรอ?”

ผมพูดเสมอว่าจีนเจริญได้เพราะขยัน หมั่นศึกษา หมั่นพัฒนา “ตนเอง”

แต่ไทยเรามักจะติดกับตัวเองในการ “วิจารณ์คนอื่น” ไปเรื่อย แต่ไม่พัฒนาตัวเอง ไม่ลงมือทำ

จนผมได้พบกับรองประธาน Xiaomi ตัวเป็นๆ ตั้งแต่พูดคุย จนถึงทานข้าว ผมพบวัฒนธรรม... 

“ขยันเพื่อทำสินค้าให้ดีที่สุดเพื่อลูกค้า” 

ผมมั่นใจเลยว่าเขาจะครองโลก!! 

คนจีนมีความอยากรวยเหมือนคนไทย

แต่สิ่งที่ต่างกันคืออุปนิสัย และพฤติกรรมตอน “ก่อนจะรวย”

นิสัย “ก่อนจะรวย” นี่แหละครับ ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในไทย

คนจีนไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นเก่า หรือรุ่นใหม่ ก่อนจะรวยนั้นมีนิสัยคล้ายๆ กันหลายอย่าง ดังนี้... 

1.) ประหยัด แต่ไม่ขี้เหนียวในการพัฒนาตัวเอง

2.) จัดการการเงินดี มี 10 บาท ใช้ 2 บาท 

ชื่นชอบของแบรนด์เนม แต่ไม่ซื้อของแบรนด์เนมมาแข่งกัน เพราะมองว่าต้องประสบความสำเร็จซะก่อน 

เด็ก Startup ในจีนที่ผมรู้จักเยอะมาก จะไม่กิน Starbucks ก่อนจะรวยเด็ดขาด พวกเค้าจะเลือกทานกาแฟดีของท้องถิ่นที่ราคาไม่ต้องแพง แล้วเก็บเงินเพื่อลงทุนในการพัฒนาตัวเอง หรือหุ้น หรือลงทุนกิจการในอนาคต

3.) ใครซื้อของแบรนด์เนม เห่อซื้อรถราคาแพง โดยยังไม่ประสบความสำเร็จในการทำกิจการ จะไม่ได้รับการยอมรับ

4.) สังคมจีนให้ความสำคัญกับความสำเร็จที่จับต้องได้ ไม่ใช่เขียนอะไรสวยๆ พูดดูดีๆ ขับรถแพงๆ แต่ต้องเปิดร้านบะหมี่ที่อร่อยจริง มีลูกค้ามาต่อคิว ไปจนถึงทำ Startup คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

5.) สังคมจีนไม่ยึดติด และฝันอยู่กับความสำเร็จในอดีตหรือปัจจุบัน

ภารกิจ 'แก้จน' ของจีน เป็นแบบอย่างแก่โลก พาปชช. หลุดพ้นความจนเกือบ 800 ล้านคน

2 เม.ย. 65 รายงานที่ร่วมเผยแพร่โดยกระทรวงการคลังและศูนย์วิจัยการพัฒนาแห่งคณะรัฐมนตรีจีน ร่วมกับธนาคารโลก เมื่อวันพฤหัสบดี (31 มี.ค.) ระบุว่าความสำเร็จในการบรรเทาความยากจนของจีนถือเป็นแบบอย่างแก่โลก

ช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา จีนนำพาประชาชนหลุดพ้นความยากจนเกือบ 800 ล้านคน เมื่ออ้างอิงเส้นแบ่งความยากจน ระดับโลกที่กำหนดไว้ 1.9 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 63.57 บาท) ต่อวัน โดยจำนวนดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 75 ของการบรรเทาความยากจนทั่วโลก

‘ก.ท่องเที่ยว’ ชี้ ‘นทท.จีน’ เข้าไทยมากที่สุด คาด!! ภายในปี 66 ไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน

(10 ม.ค. 66) นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยในโอกาสนักท่องเที่ยวจีนเริ่มเดินทางเข้าไทยหลังจากรัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 ว่า ททท.คาดว่าตลอดปี 66 จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน กลับมาเป็นชาติที่เข้าไทยมากเป็นอันดับ 1 ครองสัดส่วน 20% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปีนี้ ที่คาดไม่น้อยกว่า 25 ล้านคน

ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยยกเลิกตรวจใบรับรองฉีดวัคซีน (Vaccine Certificate) ก่อนเข้าประเทศแล้ว ส่วนนักท่องเที่ยวชาติที่ต้องแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR ก่อนกลับประเทศ เช่น จีน อินเดียนั้น ต้องซื้อประกันสุขภาพวงเงินคุ้มครองไม่น้อยกว่า 10,000 เหรียญสหรัฐฯ เพราะหากผลตรวจเป็นบวกก่อนกลับประเทศ จะได้รักษาในโรงพยาบาลในไทย โดยไม่ต้องเป็นภาระงบประมาณของไทย

‘แจ็คสัน’ บอกรัก ‘ประเทศจีน’ ในคอนเสิร์ตที่ลอนดอน พร้อมตำหนิ ‘สื่อมวลชน’ ที่ใส่ร้ายป้ายสีประเทศจีน

‘แจ็คสัน หวัง’ สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมคอนเสิร์ตในกรุงลอนดอนทุกคน ด้วยการแสดงแบบทุ่มเทสุด ๆ เหมือนเดิม แต่ในช่วงหนึ่งของการแสดง สมาชิกวง GOT7 อาจสร้างความอึดอัดให้กับผู้ชมบางคน ด้วยการพูดประเด็นทางการเมือง ทั้งการประกาศว่าเขา ‘รักประเทศจีน’ และตำหนิสื่อที่พยายาม ‘เล่นเกมโฆษณาชวนเชื่อ ในการสาดโคลนใส่ประเทศจีน’

นอกจากสร้างความประทับใจให้แฟน ๆ ด้วยการแสดงแล้ว แจ็คสัน หวัง ยังคงแสดงออกถึงความเป็น ‘คนจีน’ อย่างเต็มที่เหมือนเดิม

โดยในคอนเสิร์ตกลางกรุงลอนดอนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้ออกโรงตำหนิสื่อต่างประเทศที่ป้ายสีประเทศจีน โดย แจ็คสัน หวัง ที่เกิดในฮ่องกงได้แนะนำตัวเองกับแฟนๆ ในลอนดอนว่า “นี่คือแจ็คสัน หวัง จากประเทศจีน” และโค้งคำนับ 90 องศา

แจ็คสัน ยังด่าทอสื่อตะวันตกว่า "ฟังนะ! ฟัง! มีสื่อมากมายที่พูดแย่ ๆ ...พยายามโฆษณาชวนเชื่อ แต่ที่พวกนั้นพูดถึงไม่ใช่ประเทศจีนที่แท้จริง”

Soft Power ไทยสายบู๊ กู่ก้องในแดนมังกร หลังคนจีนจำนวนไม่น้อย ปลื้มมวยไทย

(19 ม.ค. 66) เพจ ‘ลึกชัดกับผิงผิง’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับความนิยมของมวยไทยในประเทศจีน ว่า…

#ครูสอนมวยไทยในจีน #ไทย #จีน

ที่ค่ายมวยหรงซี เมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน หรือฮกเกี้ยน ‘ครูลู’ (库鲁 ชื่อเล่นในจีน) กำลังสอนมวยไทยให้กับคนจีนด้วยเสียงดัง เพื่อกระตุ้นความกล้าหาญของนักเรียน ดูแล้วคึกคักมาก 

ครูลูมาจากเมืองไทย อายุ 42 ปี ได้รับใบอนุญาตสอนมวยไทยระดับ A ในปี 2016 สอนมวยไทยมา 14 ปีแล้ว เคยเปิดค่ายมวยในไทย และยังเคยสอนมวยไทยที่บราซิล ออสเตรเลียและสิงคโปร์ 

ครูลูบอกว่า เมื่อ 6 ปีก่อนได้เข้าเมืองจีนเป็นครั้งแรก มีประสบการณ์สอนมวยไทยที่เมืองซีอานมณฑลส่านซี เมืองหลานโจวมณฑลกานซู่ มณฑลจี๋หลินภาคเหนือของจีนและมณฑลกุ้ยโจวภาคใต้ของจีน เมื่อเข้ามาเมืองจีนรู้สึกตกใจที่คนจีนจำนวนมากชอบมวยไทย

ไม่เข็ด!! ‘ตม.ปทุมฯ’ รวบ 3 คนไทย ช่วย ‘ชาวจีน’ ลักลอบเข้าเมือง 1 ใน 3 สารภาพ เพิ่งถูกจับข้อหาเดียวกันเมื่อเดือนที่แล้ว

(6 มี.ค. 66) ตามนโยบายของ ผบ.ตร., ผบช.สตม.และ ผบก.ตม.3 ในการกวาดล้างอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคนต่างด้าว โดยเฉพาะในความผิดและผู้ช่วยเหลือสนับสนุนการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2566 พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จังหวัดปทุมธานี สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนปราบปราม ตม.จังหวัดปทุมธานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.บช.ปส.และ สภ.คลองหลวง ร่วมตรวจสอบคนต่างด้าวสัญชาติจีน 1 ราย พร้อมด้วยคนไทย ซึ่งให้การช่วยเหลือให้คนต่างด้าวดังกล่าว ซึ่งเข้าเมืองมาผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม

ผู้ถูกจับรับว่า ได้เดินทางมาจากพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อนำคนต่างด้าวไปส่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้รับค่าจ้าง 20,000 บาท โดยใช้รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์เป็นยานพาหนะ และรถยนต์เก๋งเป็นรถนำทาง ซึ่งมีการให้สัญญานระหว่างรถทั้งสองคันตลอดการเดินทาง เพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ แต่ต่อมาเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับแจ้งพฤติการณ์ต้องสงสัยรถคันดังกล่าว จึงได้ติดตามอย่างกระชั้นชิด และเข้าตรวจค้นยานพาหนะทั้งสองคัน พบการกระทำความผิด จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

‘สาวไทย’ โพสต์ติ๊กต๊อก โต้!! ข่าวเที่ยวเมืองไทยแพง หลังโลกออนไลน์ของจีนวิจารณ์ค่าครองชีพในไทยสนั่น

(2 เม.ย. 66) เมื่อไม่นานมานี้ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศจีน เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการมาเที่ยวที่ประเทศไทย ซึ่งกำลังเป็นประเด็นร้อนในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีนอยู่ ณ ขณะนี้ โดยชาวเน็ตจีนได้ออกาแสดงความคิดเห็นเชิงลบเป็นส่วนใหญ่ เกี่ยวกับค่าครองชีพในไทยที่สูงขึ้น ทำให้มีผู้ใช้ติ๊กต็อก ชื่อ ‘chinbebe’ ได้โพสต์วิดีโอพูดความในใจเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า…

“ประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีค่าครองชีพสูง ซึ่งช่วงนี้ทางอินฟลูเอนเซอร์จีนหลายคน ได้ออกมาพูดว่า “ไทยไม่ใช่ไทยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ในตอนนี้เงิน 100 หยวน ไม่สามารถกินได้แบบตามใจอย่างเมื่อก่อน” ซึ่งตัวฉันเอง ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง จึงขอพูดทวงความยุติธรรมให้กับเมืองไทย ขอฝากถึงชาวจีนที่คิดว่าประเทศไทยที่คุณมาเที่ยวนั้น เที่ยวไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่คุณต้องเสีย ฉันคิดว่าถ้าอย่างนั้น คุณก็ไม่ต้องไปเที่ยวที่อื่นแล้วค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะต้องหนักใจแน่นอน”

 

นอกจากนี้ ผู้ใช้งานติ๊กต็อกรายนี้ยังกล่าวถึงเรื่องของการใช้เงินซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่มในร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยอีกว่า…

“ที่ประเทศไทยคุณสามารถใช้เงินไม่ถึง 100 หยวน เพื่อซื้อของในร้านสะดวกซื้อ คุณจะสามารถได้ของกินอร่อย ๆ เต็มถุงใหญ่ ๆ เลยทีเดียว ซึ่งถือว่าได้ของเยอะกว่า แถมเสียเงินน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับการที่คุณไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น หรือประเทศเกาหลี ไม่ต้องพูดถึงยุโรปเลย”

‘สืบสวนนครบาล’ ทลาย ‘แก๊งคนจีน’ หลอกขายทองเก๊ให้คนรวย สารภาพได้แรงบันดาลใจต้มตุ๋นจากซีรีส์ดัง เสียหายกว่า 10 ล้าน

(25 เม.ย. 66) พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ หัวหน้า PCT ชุดที่ 5 นำทีมเจ้าหน้าที่ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น.แถลงผลการสืบสวนติดตามจับกุมชาวจีน 6 ราย ได้แก่ Mr.Zhong Xiaocong อายุ 44 ปี, Mr.Li Xiaoyuan อายุ 45 ปี Mr.Zeng NanJing อายุ 54 ปี, Mr.Yang Cuiyuan อายุ 51 ปี, Mr.Zhu Zhihua อายุ 48 ปี และ Mr.Guo Xianyu อายุ 49 ปี ในข้อหา “ร่วมกันพยายามลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย และซ่องโจร” ที่หน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

พร้อมตรวจยึดของกลางกว่า 7 รายการ อาทิ ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นก้อน 179 ก้อน, ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นรูปปั้นเทวรูป 10 ชิ้น, ทองคำ (แท้) ลักษณะเป็นแผ่นบาง 2x1 ซม. 8 แผ่น สมุดสมาคมคนจีนในประเทศไทย 46 เล่ม บัตร ATM 24 ใบ โทรศัพท์มือถือ12 เครื่อง อุปกรณ์เลื่อยตัดทอง 1 ชุด

คดีนี้ ชุดลาดตระเวนออนไลน์ของ บก.สส.บช.น.ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายชาวจีน สัญชาติไทย รายหนึ่ง ได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพชาวจีน ต้มตุ๋น หลอกขายทองคำ ซึ่งกลุ่มมิจฉาชีพทำทีว่า มีทองคำแท้จำนวนมาก ขุดเจอที่พระนครศรีอยุธยา นำมาขายให้กับผู้เสียหายในราคาถูก ซึ่งผู้เสียหายรายนี้หลงเชื่อ และเสียเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพรายนี้ไปกว่า 500,000 บาท หลังจากกลุ่มมิจฉาชีพได้เงินแล้ว ก็ได้หายเข้ากลีบเมฆ ไม่สามารถติดต่อได้

ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ได้ตระเวนเปิดแฟ้มคดี ที่กลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้เคยตระเวนหลอกลวงเหล่าผู้เสียหาย พบว่าลักษณะการก่อเหตุมีความแยบยลอย่างมืออาชีพ และมีลักษณะการทำงานเรียกได้ว่าเป็นระดับ ‘องค์กร’ ซึ่งเริ่มต้นจากกลุ่มคนร้ายจะหาลายแทงของเหยื่อโดยการ ‘กางโพย’ คือสมุดรายชื่อตระกูลคนจีนในประเทศไทย ตั้งแต่เจ้าสัวตระกูลดัง จากนั้นจะไล่สืบประวัติและติดตามบุคคลเหล่านั้นกระทั่งได้ข้อมูลเบื้องต้น แล้วเริ่มเข้าสู่กระบวนการต้มตุ๋นด้วยการโทรศัพท์ไปพูดคุย โดยอ้างข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้จากการไล่สืบประวัติมา จึงทำให้เหยื่อติดกับดัก หลงเชื่อ

ต่อมาเข้าสู่กระบวนการ ‘นัดพบ’ ซึ่งเมื่อสามารถนัดพบกับเหยื่อได้แล้ว จะมีการใช้จิตวิทยาด้วย ‘การแสดง’ โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะนำทองคำ (ปลอม) ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนจำนวนมากมาโชว์ให้เหยื่อดู และแสร้งนำเลื่อยมาหั่นให้เป็นชิ้นเล็ก เพื่อนำให้เหยื่อเอาไปตรวจสอบ ซึ่งแท้จริงแล้วมีเพียงชิ้นเล็กเท่านั้นที่เป็นทองแท้ ซึ่งเมื่อเหยื่อนำทองชิ้นเล็กเหล่านั้นไปตรวจสอบกับร้านทอง ก็จะพบว่าเป็นทองคำแท้ ทำให้หลงเชื่อกลุ่มมิจฉาชีพอย่างสนิทใจ ทำให้เหยื่อยอมนำเงินมามอบให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ จากนั้นมิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็จะหายเข้ากลีบเมฆทันที

เมื่อประมวลเรื่องราวการก่อคดีแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช รายงานให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ทราบพร้อมสั่งการให้นำกำลังเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ลงพื้นที่สืบสวนด้วยวิธีการดักหน้า โดยได้พบกับเหยื่ออีกรายหนึ่ง ซึ่งกำลังจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้หลอกลวง ได้นำกำลังเข้าไปวางแผนและเปิดปฏิบัติการซ้อนแผน ‘ขอดเกล็ด’ โดยจัดฉากทำทีให้เหยื่อหลงเชื่อและนัดพบกับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้

ต่อมาวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มมิจฉาชีพ 2 คน ได้ปรากฏตัว ณ จุดนัดพบ บริเวณหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพง พล.ต.ต.ธีรเดชฯ จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมตัวคนร้ายทั้งสองรายคือ Mr.Zhong Xiaocong อายุ 44 ปี และ Mr.Li Xiaoyuan อายุ 45 ปี และจากการตรวจค้นพบ ทองคำ (ปลอม) ลักษณะเป็นก้อน จำนวน 17 ก้อน, ใบเลื่อย 1 ปื้น

ซึ่งจากการซักถามและตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ายังมีผู้ร่วมขบวนการอีก 4 ราย ซึ่งอยู่ ณ เซฟลับ ซึ่งเป็นห้องพักที่โรงแรมหรูย่านรัชดากว่า 4 ห้อง จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น โดยจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการได้อีก 4 ราย พร้อมตรวจค้นห้องพักทั้ง 4 ห้องพบ ทองคำปลอมอีกกว่า 172 ชิ้น และหลักฐานอย่างอื่นที่ใช้ก่อเหตุอีก

เมื่อสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย ให้การปฏิเสธ โดยให้การว่า กลุ่มตนนั้นมาจากมณฑลเจียงซี ประเทศจีน เคยทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ประเทศอินโดนีเซีย ก่อนที่จะมาตระเวนหลอกลวงในประเทศไทย โดยยอมรับอีกว่าการสั่งซื้อทองปลอมนั้น นำเข้ามาจากมณฑลเจียงซี  ประเทศจีน สั่งมาทางพัสดุเข้ามาในประเทศไทย โดยยอมรับว่ากลุ่มของตนชื่นชอบการต้มตุ๋น ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากซีรีส์ดังในต่างประเทศ ส่วนเรื่องคดีนั้น ขอไปต่อสู้ในชั้นศาล

‘ผบ.ตร.’ ส่งหน่วยงานฯ ประชุมที่จีน ถกปัญหา-พร้อมหาแนวทาง กวาดล้าง ‘คนจีน’ เข้ามาสร้างเรื่อง โดยใช้ไทยเป็นแหล่งก่อเหตุ

(10 พ.ค 66) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการผ่าน พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์   สัจจพันธ์ุ ผบช.สตม. ให้หาแนวทางมาตรการในการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์ปัจจุบัน มีเหตุชาวจีนเข้ามากระทำความผิด ต่อชาวจีนด้วยกันในประเทศไทย แล้วหลบหนีออกนอกประเทศ รวมถึงมีบางส่วนเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อหลบหนีการกระทำความผิดมาจากประเทศจีน รวมถึงประเทศต่างๆ เข้ามาในประเทศไทย อีกทั้งบางส่วนมีพฤติกรรมเข้ามาก่อตั้งรกรากและประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย

มอบหมายให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. และคณะ เดินทางไปประชุมหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน ระหว่างวันที่ 5-11 พฤษภาคม 2566 เพื่อประชุม แสวงหาความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูล กับเจ้าหน้าที่ตำรวจมณฑลต่างๆที่สำคัญในประเทศจีน เพื่อหาแนวทางในการสกัดกั้น และป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีประวัติในการกระทำความผิด หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยผ่านตามช่องทางสนามบินและช่องทางด่านต่างๆทั่วประเทศ รวมถึงติดตามจับกุมผู้ที่มีหมายจับของประเทศจีน

ผลการประชุมหารือได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตามมณฑลต่างๆ เป็นอย่างดี โดยทางตำรวจจีนได้ส่งข้อมูลผู้ต้องหาที่มีหมายจับที่สำคัญและมีข้อมูลว่าหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยให้ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทยช่วยติดตามจับกุมให้ จำนวนหลายเป้าหมายและมีการประสานงานร่วมกันผ่าน contact person เพื่อส่งข้อมูลผู้ต้องหาที่มีหมายจับในจีนเพื่อให้ทางสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไทยลงข้อมูลในระบบเพื่อแจ้งเตือน เมื่อพบว่าผู้ต้องหาเหล่านี้เข้ามายังพรมแดนประเทศไทย ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ในการสกัดกั้นไม่ให้คนจีนเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย ในลักษณะดังกล่าวได้

นอกจากนี้ทาง ตำรวจจีนได้ขอบคุณในความร่วมมือเป็นอย่างดีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย รวมถึงสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ในอดีตที่ผ่านมาที่ได้ช่วยจับกุมผู้ต้องหาที่มีหมายจับคดีสำคัญสำคัญในจีนมาดำเนินคดีได้เป็นจำนวนมาก 

‘ตำรวจญี่ปุ่น’ บุกจับกุมเจ้าของ ‘ร้านอาบอบนวด’ พบ ‘สาวไทย-จีน’ ใช้วีซ่าระยะสั้นแอบทำงาน

(5 ก.ค. 66) ข่าวร้อนในญี่ปุ่น!! ล่าสุดตำรวจญี่ปุ่น บุกทลาย ‘ร้านอาบอบนวด’ เข้าจับกุมหญิงวัย 59 ปี ถูกจับในข้อหาให้นักเรียนต่างชาติทำงานอย่างผิดกฎหมายในร้าน

นาง อากิโกะ ซัตสึมะ วัย 59 ปี เจ้าของอาบอบนวด ‘Milk’ ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ให้นักศึกษาหญิงชาวไทยและจีน 5 คน เดินทางมาญี่ปุ่นด้วยวีซ่าระยะสั้นจนถึงเดือนมิถุนายนแอบมาทำงานที่ร้าน

ซึ่งตามรายงานของตำรวจ ภายในร้านอาบอบนวดจะมีห้องส่วนตัว โดยมีพนักงานให้บริการทางเพศเป็นคอร์สพิเศษ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top