Friday, 13 December 2024
PoliticsQUIZ

ฟ้องแพ่ง!! "โรงแรม - ร้านค้า" โกง!! หลังผู้ประกอบการหัวใสใส่ "คนละครึ่ง - เราเที่ยวด้วยกัน"

ช่วงสถานการณ์เศรษฐกิจย่ำแย่เพราะโควิด-19 ทางรัฐเองได้ออกมาตราการมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น "เราเที่ยวด้วยกัน" และ "คนละครึ่ง" มาช่วยทั้งฝั่งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ แต่ก็ไม่วายมีผู้ประกอบหัวใสแอบทำเรื่องที่ไม่สมควร

ล่าสุดมีกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม – ร้านค้าหัวใสที่เข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของรัฐ แล้วแอบอัพราคาห้องพักและสินค้า เพื่อหวังกอบโกยรายได้เพิ่มจากโครงการเหล่านี้

งานนี้ ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ออกมากล่าวถึงกรณีโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" ฉวยโอกาสขึ้นราคาห้องพักว่า "เราได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และได้ส่งคนไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ยิ่งกว่านั้นยังมีมาตรการลงโทษด้วยการตัดออกจากโครงการและพิจารณา "ฟ้องทางแพ่ง" โดยก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่าเกิดการขายราคาห้องพักจากปกติ 1,800 บาท แต่อัพราคาสูงขึ้นไปถึง 7,500 บาท"

ทั้งนี้หากพบเจอหลักฐานได้อย่างชัดเจน จะส่งผลกระทบต่อภาพใหญ่ของโครงการรัฐอย่างมาก ยุทธศักดิ์ จึงอยากขอให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา แม้ว่าเงินที่นำมาใช้จะเป็น Co-Pay แต่อย่างไรนั้นส่วนหนึ่งก็เป็นเงินภาษี

ทางด้าน ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ กล่าวว่า "โครงการเราเที่ยวด้วยกัน หรือ คนละครึ่ง เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องการความร่วมมือเพื่อนำพาประเทศไทยทั้งหมด คนไทยทุกคน ทุกภาคส่วนในการช่วยกันนำพาประเทศไทยให้รอดพ้นวิกฤตในครั้งนี้ ถ้าทราบว่ามีการฉวยโอกาสในลักษณะนี้ ขอให้รีบแจ้งเข้ามาให้ทางสภาพัฒน์ และกระทรวงการคลังทราบ และขอความร่วมมือประชาชนทุกคน ถ้าทราบแล้วให้งดใช้บริการผู้ประกอบการและร้านค้าเหล่านั้น"

ศบค.มท. สั่งเข้ม มาตรการควบคุมโควิด-19 ต้องข้น! หน่วยปฏิบัติท้องถิ่นต้อง "สกัด - ติดตาม" ผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างเคร่งครัด

แอบคิดว่าปีใหม่นี้จะได้มีโอกาสออกไปใช้ชีวิตและเฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายก็เกิดปัญหาใหญ่อย่างกลุ่มคนกลับเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่พร้อมพกโรคโควิด - 19 กลับมาด้วย

ทั้งนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย หรือ ศบค.มท. ได้เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มีคำสั่งให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ให้เพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด - 19 จากประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้จังหวัดต่าง ๆ แจ้งหน่วยปฏิบัติ ผู้ปกครองท้องที่ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สกัดกั้นและติดตามผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างเคร่งครัด

เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปตามคำสั่งการของนายกรัฐมนตรี ด้าน ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ให้ดำเนินการตาม 3 มาตรการ ได้แก่

1.) ประสานแจ้งหน่วยปฏิบัติในพื้นที่สกัดและติดตามการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการคัดกรองโรค โดยเฉพาะการลักลอบเข้าตามเส้นทางธรรมชาติ

2.) แจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอาสาสมัครในพื้นที่ เป็นหูเป็นตาและเฝ้าสังเกต นอกจากนั้นยังใช้การวางข่ายข่าว โดยการจัดตั้งแหล่งข่าว และอาจมีการตั้งด่านคัดกรองโรคสำหรับบุคคลที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยถ้ามีการตรวจพบจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

3.) กำชับไม่ให้ข้าราชการ บุคลากร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ละเลยหน้าที่หรือรู้เห็นเป็นใจกับพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง

ก็ได้แต่หวังว่ามาตราการต่าง ๆ ที่รัฐกำชับออกไปจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเจ้าโควิด - 19 ได้ เพราะตอนนี้เชื่อว่าพ่อแม่พี่น้องหลาย ๆ คนก็คงหวั่นใจว่า โควิด - 19 จะมีระลอกสองหรือไม่ เมื่อเป็นแบบนี้ก็คงต้องฝากความหวังไว้กับมาตราการของทางรัฐที่น่าจะช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และคนไทยจะได้กลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติในเร็ววัน

"RT Movement" มุกใหม่ "เยาวชนปลดแอก" ดันทุกคนเป็นแกนนำ ไร้เวที ไร้การ์ด ไร้ชนชั้น พร้อมควง "ค้อน - เคียว" สัญลักษณ์แห่งคอมมิวนิสต์ย้อนแย้งธงประชาธิปไตย

กลายเป็น Talk ชั่วข้ามคืน เมื่อบนเพจเฟซบุ๊ก เยาวชนปลดแอก ได้มีการโพสต์ภาพโลโก้พร้อมข้อความประกาศเปิดตัว "RT MOVEMENT" (ทีมข้อเดียวมูฟเมนท์) โดยระบุว่า...

"นี่คือ MOVEMENT ครั้งใหม่ที่จะไม่มีอะไรเหมือนเดิม ปลุกสำนึกทางชนชั้นของเหล่าแรงงานผู้ถูกกดขี่ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียน พนักงานออฟฟิศ นอกเครื่องแบบ ชาวนา ข้าราชการ 'เราทุกคนล้วนเป็นแรงงานผู้ถูกกดขี่' "

"RT MOVEMENT นี้ ไม่มีแกนนำ ไม่ตั้งเวที ไม่มีการ์ด ไม่มีรถห้องน้ำ ไม่มีการเจรจา ไม่มีการต่อรอง! มาร่วม RESTART THAILAND เพื่อสร้างสังคมที่ 'คนเท่ากัน' โปรดรอติดตามช่องทางที่จะใช้เพื่อทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้"

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าข้อความดังกล่าวที่ชาวเน็ตต่างพุ่งเป้า คือ โลโก้ของ RT MOVEMENT ที่ดู ๆ ไปแล้วช่างละม้ายคล้ายสัญลักษณ์ 'ค้อน - เคียว' ของลัทธิคอมมิวนิสต์เหลือเกิน ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่านี่เป็นความตั้งใจหรือแค่บังเอิญกันแน่แต่

ว่าแต่สัญลักษณ์ 'ค้อน - เคียว' ที่ว่าคืออะไร ? ไหน ๆ ก็พูดถึงสัญลักษณ์ ค้อน - เคียวกันแล้ว The States Times ก็จะพาไปดูกันสักหน่อยว่าสัญลักษณ์เหล่านี้มีความหมายหรือว่าเกี่ยวข้องอย่างไรกับลัทธิคอมมิวนิสต์

จริง ๆ แล้วสัญลักษณ์ ค้อน-เคียว มักนำมาเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของลัทธิคอมมิวนิสต์ พรรคคอมมิวนิสต์ หรือรัฐคอมมิวนิสต์ต่าง ๆ ทั่วโลก

โดยความหมายของค้อน คือ ภาคอุตสาหกรรม ส่วนเคียวก็คงจะพอเดากันได้ก็ คือ ภาคเกษตรกรรมนั่นเอง!!

จะเห็นได้ว่าทั้งสองสัญลักษณ์ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับชนชั้นกรรมาชีพและชนชั้นชาวนา ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคมในระบบ 'คอมมิวนิสต์' โดยส่วนใหญ่จะนำค้อนและเคียวมาใช้ในลักษณะไขว้กัน เมื่อรวมกันแล้วจึงเปรียบเสมือนความเป็นเอกภาพของแรงงานในภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม

ฉะนั้นสัญลักษณ์ค้อนเคียวนี้ จึงได้มาเป็นสัญลักษณ์ให้กับลัทธิคอมมิวนิสต์ในหลาย ๆ ประเทศ เช่น บนธงชาติสหภาพโซเวียต, ธงพรรคคอมมิวนิสต์จีน, ธงพรรคคอมมิวนิสต์เลบานอน และในตอนนี้ก็ดูเหมือนจะกลายมาเป็นสัญลักษณ์หนึ่งในการเมืองของไทยที่ถูกหยิบขึ้นมาใช้ โดย 'เยาวชนปลดแอก'

นั่นเลยกลายเป็นเหตุให้เกิดการตั้งคำถามทั้งจากกลุ่มเยาวชนปลดแอกและบุคคลนอกกลุ่มว่า ถ้าหากนำสัญลักษณ์ดังกล่าวมาเป็นมุกใหม่ของการเคลื่อนตัว จะเป็นการย้อนแย้งหรือไม่?

เพราะว่าสิ่งที่ทางเยาวชนปลดแอกและคณะราษฎรเรียกร้องมาตลอด คือ 'ประชาธิปไตย' แต่เหตุไฉนถึงเอาสัญลักษณ์ของ 'ลัทธิคอมมิวนิสต์' มาใช้ในการต่อสู้รูปแบบใหม่กันล่ะเนี่ย?

ห้ามลืม!! "ปุ่มเพิ่มเงิน" New Click คนละครึ่งเฟส 2 ย้ำกลุ่มสิทธิ์เดิมเฟสแรก "คลิกเพิ่ม" ได้เติมคนละ 500 บาท ส่วนสิทธิ์ใหม่หมดห่วง...เงินเข้าอัตโนมัติ

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ โดยอนุมัติให้กระทรวงการคลังดำเนินโครงการซึ่งประกอบไปด้วย

1.) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มี บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2

2.) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2

โดยเฉพาะกับโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 หรือเฟส 2 นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานรากต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องต่อไปในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 ซึ่งทางรัฐเองจะช่วยอุ้มเรื่องค่าใช้จ่ายด้านอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป ในสัดส่วน 50% ของราคาสินค้าแต่ไม่เกินคนละ 150 บาทต่อวันเหมือนเดิม

สำหรับในส่วนของเฟส 2 นั้น แบ่งกลุ่มผู้สามารถใช้สิทธิ์ได้ ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสิทธิ์เดิม ไม่เกิน 10 ล้านคน ซึ่งจะได้รับเงินเพิ่มอีกคนละ 500 บาท จากเดิม 3,000บาท ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2564 และผู้ลงทะเบียนใหม่ไม่เกิน 5 ล้านคน จะได้รับเงิน 3,500 บาททันที ซึ่งทั้งสองกลุ่มสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2564 จนถึงวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2564

แต่เรื่องนี้มีข้อแม้นิดหน่อย ตรงกลุ่มผู้ที่มีสิทธิ์เดิม 10 ล้านคน ที่อยากเข้าร่วมโครงการระยะ 2 หากต้องการ 500 บาทเพิ่มจะต้องกดปุ่มเพิ่มเงินที่จะเตรียมไว้ในแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" เพื่อให้ยืนยันเข้าโครงการเฟส 2 ต่อ ถึงจะได้เงินเพิ่มเข้าไปอีก 500 บาท เป็น 3,500 บาท (เติมเงินเข้าไปเลยง่ายกว่าไหมเนี่ย?) ขณะที่กลุ่มผู้ลงทะเบียนใหม่ 5 ล้านคนจะได้ 3,500 บาทอัตโนมัติ

ส่วนใครโดนตัดสิทธิ์ในระยะแรกก็ไม่ต้องเสียใจไป เฟส 2 นี้เขาก็เปิดโอกาสให้ได้ลงทะเบียนกัน แต่ข้อย้ำกันสักหน่อยถ้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งแล้วจะใช้โครงการช้อปดีมีคืนไม่ได้แล้วนะจะบอกให้

เปิดแฟ้ม 20 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

ทุกวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกวันหนึ่งของประเทศไทย นั่นก็คือ วันรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นวันที่ระลึกคล้ายวันที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยามฉบับถาวร เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย

.

ส่งผลให้เกิดการยกเลิก พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตย โดยคณะราษฎร

.

อย่างไรก็ตามจากวันนั้นถึงวันนี้ ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนรัฐธรรมนูญมาตามกาลสมัย โดยหากนับถึงปัจจุบันแล้ว ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญมาแล้วรวม 20 ฉบับ

.

รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

1.) พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว พุทธศักราช 2475 (27 มิถุยายน – 10 ธันวาคม พ.ศ.2475)

2.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม (ไทย) พุทธศักราช 2475 (10 ธันวาคม พ.ศ.2475 – 9 พฤษภาคม พ.ศ.2489) ถูกยกเลิกเพราะล้าสมัย

3.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489 (9 พฤษภาคม พ.ศ.2489 – 8 พฤศจิกายน พ.ศ.2490) ถูกยกเลิกโดยคณะรัฐประหาร

4.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 รัฐธรรมนูญตุ่มแดง หรือ รัฐธรรมนูญใต้ตุ่ม (9 พฤศจิกายน พ.ศ.2490 – 23 มีนาคม พ.ศ.2492)

5.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2492 (23 มีนาคม พ.ศ.2492 – 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2494) ถูกยกเลิกโดยคณะรัฐประหาร

6.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2475 แก้ไขเพิ่มเติม พุทธศักราช 2495 (8 มีนาคม พ.ศ.2495 – 20 ตุลาคม พ.ศ.2501) ถูกยกเลิกโดยคณะปฏิวัติ

7.) ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2502 (28 มกราคม พ.ศ.2502 – 20 มิถุนายน พ.ศ.2511)

8.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2511 (20 มิถุนายน พ.ศ.2511 – 17 พฤศจิกายน พ.ศ.2514) ถูกยกเลิกโดยคณะปฏิวัติ

9.) ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515 (25 ธันวาคม พ.ศ.2515 – 7 ตุลาคม พ.ศ.2517)

10.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 (7 ตุลาคม พ.ศ.2517 – 6 ตุลาคม พ.ศ.2519) ถูกยกเลิกโดยคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน

11.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2519 (22 ตุลาคม พ.ศ.2519 – 20 ตุลาคม พ.ศ.2520)

12.) ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2520 (9 พฤศจิกายน พ.ศ.2520 – 22 ธันวาคม พ.ศ.2521)

13.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2521 (22 ธันวาคม พ.ศ.2521 – 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2534) ถูกยกเลิกโดยคณะ รสช.

14.) ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2534 (1 มีนาคม – 9 ตุลาคม พ.ศ.2534)

15.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 (9 ธันวาคม พ.ศ.2534 – 11 ตุลาคม พ.ศ.2540) ถูกยกเลิกหลังตรารัฐธรรมนูญฉบับประชาชน

16.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ฉบับประชาชน (11 ตุลาคม พ.ศ.2540 – 19 กันยายน พ.ศ.2549) ถูกยกเลิกโดยคณะ คปค.

17.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 (1 ตุลาคม พ.ศ.2549 – 24 สิงหาคม พ.ศ.2550)

18.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 (24 สิงหาคม พ.ศ.2550 – 22 กรกฎาคม พ.ศ.2557)

19.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 (22 กรกฎาคม พ.ศ.2557 – 6 เมษายน พ.ศ.2560)

20.) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 (6 เมษายน พ.ศ.2560 – ปัจจุบัน)

.

รู้หรือไม่?

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ถูกร่างขึ้นโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญในระหว่าง พ.ศ. 2557 - 2560 ภายหลังการรัฐประหารในประเทศโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงลงพระปรมาภิไธย ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร และมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ

กลุ่มราษฎรเปิดตัว ‘หวยราษฎร’ เรียกแขก 3 รางวัลสุดแสบสะท้าน ‘สลิ่ม’ ดีเดย์แจกฟรี 2475 ฉบับ ในวันรัฐธรรมนูญ

ไอเดียบรรเจิดมักเกิดขึ้นในกลุ่มม็อบได้ตลอด หลังก่อนหน้าเพิ่งจะออกแบงก์เป็ดกันไปได้ไม่นาน มางวดนี้กลุ่มราษฎรมาพร้อมไอเดียสุดแสบอีกครั้งกับ "หวยราษฎร" ที่เตรียมไว้ต้อนรับวันรัฐธรรมนูญกันเลยทีเดียว

โดยสลากกินแบ่งราษฎรหรือว่าหวยราษฎรนี้ มีหน้าตาคล้ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ต่างกันก็ตรงที่ขึ้นเงินไม่ได้และรางวัลที่จะได้ก็ไม่ใช่ "เงิน"

แต่รางวัลที่ระบุไว้หลังสลาก ก็มาสไตล์จิกกัด ที่มีมาให้ทั้งหมด 3 รางวัล ได้แก่

  • รางวัลที่ 1 ประชาธิปไตย
  • รางวัลที่ 2 สถาบันกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง
  • รางวัลปลอบใจ ประยุทธ์ จันโอชา ลาออก

เรียกว่าแต่ละรางวัลเอา Like กลุ่มราษฎรไปเลย

สำหรับภาพของ "หวยราษฎร" นั้น บนสลากจะเป็นรูปอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่มีข้อความระบุไว้ว่า "โดยราษฎรเจ้าของอำนาจอธิปไตยสูงสุด" และมีแถบข้างระบุว่า "สลากสร้างสรรค์เพื่อประชาธิปไตย" แต่ที่แสบสันคือข้อความทิ้งท้ายที่ว่า "ไม่ขาย ไม่ซื้อให้ "สลิ่ม" ทุกรูปแบบ"

เมื่อถามถึงราคาหวยว่า ราคาเท่าไร และซื้อขายกันยังไง งานนี้บอกเลยไม่มีขายแต่อย่างใด อยากได้ก็ต้องไปรับเอาเองที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันนี้ (10 ธันวาคม พ.ศ.2563) ซึ่งหวยราษฎรได้ผลิตมาจำกัดมีทั้งหมด 2475 ใบเท่านั้น (0001-2475)

ส่วนเวลาแจกนั้นยังไม่มีการอัพเดทใด ๆ ใคร Want ก็ไปคอยเสียตั้งแต่หัววันโลด...

สถานการณ์ COVID-19 ประเทศไทยและอาเซียน (11 ธันวาคม พ.ศ.2563)

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน โดยประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 11 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 4,180 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม รวมยอดผู้เสียชีวิต 60 ราย รักษาหายเพิ่ม 15 ราย รวมผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 3,903 ราย ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 217 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายใหม่ 11 ราย เป็นสวีเดน 1ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย โปรตุเกส 1 ราย เกาหลีใต้ 1ราย บาห์เรน 2 ราย ซาอุดีอาระเบีย 2ราย เมียนมา 3 ราย

ขณะเดียวกันสถานการณ์ COVID-19 ของประเทศในกลุ่มอาเซียนมีการอัพเดทดังนี้

ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 152 ราย รักษาหายแล้ว 147 ราย เสียชีวิต 3 ราย

ประเทศกัมพูชา ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 356 ราย รักษาหายแล้ว 307 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศอินโดนีเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 5.93 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.87 แสน เสียชีวิต 18,171 ราย

ประเทศลาว ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 41 ราย รักษาหายแล้ว 28 ราย ไม่มียอดผู้เสียชีวิต

ประเทศมาเลเซีย ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 76,265 ราย รักษาหายแล้ว 65,124 ราย เสียชีวิต 393 ราย

ประเทศพม่า ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1.03 แสน ราย รักษาหายแล้ว 81,715 ราย เสียชีวิต 2,174 ราย

ประเทศฟิลิปปินส์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 4.46 แสน ราย รักษาหายแล้ว 4.09 แสน ราย เสียชีวิต 8,701 ราย

ประเทศสิงคโปร์ ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 58,297 ราย รักษาหายแล้ว 58,188 ราย เสียชีวิต 29 ราย

ประเทศเวียดนาม ยอดรวมผู้ติดเชื้อ 1,385 ราย รักษาหายแล้ว1,225 ราย เสียชีวิต 35 ราย

กาพรรคไหนดี!! หากวันนี้ต้องเลือกตั้ง

ซุปเปอร์โพลชี้ชัด กระแสรัฐบาลกระเตื้อง หลังผู้ชุมนุมหยาบคายและข้อเรียกร้องต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทำดรอป

จากผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ‘การเมืองใหม่ หรือ เก่า สาดสี’ กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ จำนวน 5,260 ตัวอย่าง ที่ดำเนินโครงการระหว่าง 1 มิถุนายน  – 10 ตุลาคม พ.ศ.2563 ชี้ค่อนข้างชัดว่า

พฤติกรรมของผู้ชุมนุมที่หยาบคายและข้อเรียกร้องต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ผ่านมาทำให้คะแนนนิยมที่มีต่อพรรคพลังประชารัฐเพิ่มสูงขึ้นโดยไม่ต้องทำอะไรเลย ในขณะที่พรรคเพื่อไทยซึ่งตัดสินใจกลับลำ "กราบ" และถอนตัวจากการขบวนการดังกล่าวได้ทันก็คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นทันทีเช่นกัน ส่วนพรรคก้าวไกลคะแนนนิยมลดลงต่ำที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มา

อย่างไรก็ตามหากโพลดังกล่าวมีความถูกต้องและแม่นยำจริง แสดงว่าข้อเรียกร้องทางยุทธศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์และยุทธวิธีก้าวร้าวหยาบคายของคณะราษฎร 2563 ไม่น่าจะนำไปสู่ชัยชนะในยุคนี้ได้เลย

ทั้ง ๆ ที่โพลระบุก่อนหน้านี้ว่าฝ่ายต่อต้านรัฐบาลคือเสียงข้างมากของคนในประเทศ แต่ตอนนี้เสียงของคนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ต้องการพรรคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลแล้ว

แต่ต้องการทางเลือกใหม่...พรรคการเมืองใหม่!!

นายกเตรียมเปิดบริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว พร้อมทดลองนั่งรถไฟฟ้าไร้คนขับสายสีทอง เที่ยวแรก 16 ธ.ค. 63 นี้

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการเปิดบริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง สายสีทอง 

โดยนายกรัฐมนตรีและสื่อมวลชน จะได้ร่วมโดยสารรถไฟฟ้าสายสีทองที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวจากสถานีกรุงธนบุรี ไปยังสถานีคลองสาน เพื่อเป็นการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีทอง เที่ยวปฐมฤกษ์ ในวันพุธ ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2563 นี้ 

ด้วยการพัฒนาระบบรถขนส่งมวลชนแบบไร้รอยต่อระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทองนี้ ทำให้สามารถเชื่อมการเดินทางของประชาชนถึง 3 จังหวัด คือ ปทุมธานี กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ เพิ่มทางเลือกในการเดินทางสำหรับประชาชน รวมทั้งรถไฟฟ้าสายสีทองยังเป็นระบบรถไฟฟ้าล้อยางไร้คนขับสายแรกของประเทศไทย ช่วยลดมลพิษและประหยัดพลังงานอีกด้วย

ทั้งนี้ การเปิดให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต เพิ่มจำนวน 7 สถานี (สถานีพหลโยธิน59 สถานีสายหยุด สถานีสะพานใหม่ สถานีโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช สถานีพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ สถานีแยกคปอ. และสถานีคูคต)

ซึ่งเป็นส่วนสุดท้าย เป็นผลให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ประสบความสำเร็จ ในการเปิดให้บริการครบทุกสถานี  ตลอดเส้นทาง ทั้ง 59 สถานี รวมระยะทางกว่า 68 กิโลเมตร คาดว่าเมื่อรวมกับเส้นทางที่เปิดสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 1,500,000 เที่ยว/คนต่อวัน  

ขณะที่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีทองเป็นโครงการขนส่งมวลชนขนาดรอง ระยะที่ 1 มีระยะทาง 1.8 กิโลเมตร ประกอบด้วย 3 สถานี คือ กรุงธน - เจริญนคร - คลองสาน  เป็นระบบขนส่งมวลชนแบบนำทางอัตโนมัติ Automated Guideway Transit (AGT) หรือรถไฟฟ้าระบบ Automated People Mover (APM)  คาดการณ์ผู้โดยสาร 42,000 เที่ยวคน/วัน ซึ่งสามารถเชื่อมโยงการเดินทางด้วยระบบล้อ ราง รวมทั้งการเดินทางด้วยเรือโดยสารในแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วย

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลทั้ง 14 สาย ระยะทางกว่า 553.41 กิโลเมตร ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 9 เส้นทาง และตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปจะมีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าในทุกๆ ปี เช่น พ.ศ.2564 ได้แก่ สีแดงเข้ม (บางซื่อ-รังสิต) สีแดงอ่อน (บางซื่อ–ตลิ่งชัน) ปี พ.ศ.2565 สีชมพู (แคราย-มีนบุรี)  สีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และ ปี พ.ศ.2566  สีแดงเข้ม (รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต)  สีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) - สีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศิริราช) เป็นต้น  

"ทั้งนี้ รัฐบาลยังมีการลงทุนพัฒนาระบบราง ทั้งรถไฟฟ้า​  รถไฟ​ทาง​คู่ รถไฟ​ทางสาย​ใหม่​ และ​รถ​ไฟความเร็ว​สูง​ที่อยู่รหว่างการดำเนินสูงถึง 1.5 ล้านล้านบาท เพื่อเป็นแกนหลักการเดินทางและขนส่งของประเทศ ยกระดับการเดินทางของประชาชนในกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ ให้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน" โฆษกรัฐบาลกล่าวย้ำ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top