Monday, 2 December 2024
PoliticsQUIZ

ปีหน้า ฟ้าเปิด!! รัฐมั่นใจ ศก.ฟื้น ดันศก.ภายใน - ดึงลงทุนต่างชาติ เต็มสูบ

ส่งสัญญาณในการเดินเครื่องเศรษฐกิจแบบเต็มอัตรา หลัง สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เผย ปีหน้ารัฐบาลจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยอย่างจริงจัง

โดยปีหน้าทางภาครัฐจะมีปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้พึ่งพารายได้จากในประเทศมากขึ้น นอกจากนี้จะสร้างความแข็งแรงของเศรษฐกิจภายในแล้ว จะเพิ่มการลงทุนจากต่างประเทศใน 7 อุตสาหกรรมเป้าหมายให้แล้วเสร็จ

เพื่อให้ทันกับกระแสการย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศจีนมายังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน โดยแก้ไขและปรับปรุงเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุน

"ตอนนี้ได้มีการหารือกับกระทรวงการคลัง คือ แต่เดิมสิทธิประโยชน์ที่ให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จะได้สิทธิเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกิน 17%

ซึ่งในส่วนนี้กำลังจะขอให้กระทรวงการคลังปรับเป็นให้สิทธิไปทุกพื้นที่ทั่วประเทศไม่จำกัดแค่พื้นที่ EEC เพราะนักลงทุน และชาวต่างชาติที่ได้วีซ่าและใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยอาจต้องการทำงานและอยู่อาศัยในพื้นที่อื่น ๆ"

ทั้งนี้หากการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศและดึงการลงทุนจากต่างชาติได้ตามแผน เศรษฐกิจไทยในปีหน้า จะฟื้นตัวกลับมาได้ราว 3 - 4% อย่างแน่นอน

ผิดที่ ถูกเวลา

กรณีศึกษา​ โกยซีนการเมือง​ ผ่านเวที​ Cat Expo7

ต่อให้อุณหภูมิการเมืองบ้านเราจะร้อนแรงเหมือนแดดเผาแค่ไหน แต่คนไทยก็ใช่จะต้องกลัว​ เพราะวิธีดับเรื่องร้อน ๆ​ มันมีอยู่เยอะแยะ

เมื่อไม่กี่วันมานี้​ก็เพิ่งจะมีงานเทศกาลดนตรีที่จัดขึ้นผ่ากลางสมรภูมิการเมืองแบบคู่ขนาน​ ในชื่องาน 'Cat Expo7'​ ที่จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 - วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 ที่สวนสนุกวันเดอร์เวิลด์ (รามอินทรา กม.10) เพื่อที่ดับร้อนของคนที่อยากฉีกหนีจากโลกการเมืองสักพัก

แต่ไหงคนที่เข้าไปงาน​ Cat Expo7 ถึงแอบบ่นว่างานนี้โคตรร้อนกว่าเดิม แต่ร้อนที่ว่านี่คือ​ 'อารมณ์ร้อน'​

ก็จะไม่ให้ร้อนได้ไง!! งานก็ไม่ใช่งานฟรี​ คนอยากไปดูคอนเสิร์ตดีๆ​ เพื่อหนีการเมือง​ ก็ดั๊นนน... มาเจอดราม่าการเมืองบนเวทีดนตรีอีก​ เฮ้ย!! มันผิดที่

เรื่องมีอยู่ว่าช่วงเวลาของศิลปินวง​ T_047 ได้อัญเชิญแกนนำราษฎรขึ้นมาบนเวทีคอนเสิร์ตไม่ว่าจะเป็น รุ้ง, ไผ่ ดาวดิน, แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ พร้อมแกนนำคนอื่นๆ

ทั้งหมดได้มีส่วนร่วมร้องเพลงกับศิลปิน T_047 ซึ่งจริงๆ​ ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไร​ และจบลงด้วยดีไร้ความรุนแรงใดๆ นอกจากการชูสามนิ้ว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคณะราษฎรทิ้งท้าย

แต่เรื่องที่น่าสนใจไม่ได้อยู่ที่การขึ้นมาร่วมร้องเพลงของแกนนำเหล่านี้ แต่มันอยู่ที่ความเหมาะสมของการกระทำที่เกิดขึ้น

เพราะถึงแม้แกนนำม็อบจะไม่ได้มาปราศรัยเต็มรูปแบบ​ แต่นี่ก็ไม่ใช่เวที​ 'ฉกฉวย'​ ซีน​ ที่หวังว่าจะมาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้คนที่กำลังเมามันกับสิ่งที่เรียกว่า​ 'ดนตรี'​ เคลิ้มตาม

แน่นอนว่าโดยภาพรวมของงาน​ ก็มีศิลปินหลายท่านที่แสดงสัญลักษณ์ทางการเมืองในแบบของตนผ่านทางเสื้อผ้า คำพูด หรือวัตถุ แบบตรงและอ้อม

แต่นั่นก็ไม่ได้ไร้มารยาทดั่งเช่นศิลปิน T_047 ที่ชวนแกนนำม็อบขึ้นมาร่วมร้องเพลง

นี่ถือเป็นเรื่องของมารยาททางสังคม​ล้วน​ เพราะเชื่อว่าผู้กระทำย่อมรู้อยู่แล้วว่า “ผิดที่” ผิดเวลา​ แต่มันดัน “ถูกเวลา” เป๊ะ ๆ

ต่อให้ทั้งคอนเสิร์ตเป็นแฟนคลีบม็อบทั้งหมด​ ก็เชื่อเถอะว่า​ บางส่วนก็คงมิได้เห็นด้วย​ เพราะงานดนตรีควรเป็นที่ของทุกคนที่มีความชื่นชอบในเสียงเพลง และไม่ควรนำความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นมาเป็นประเด็น​ โดยใช้พื้นที่งานในการแสดงออก แล้วทำให้ผิดไปจากจุดมุ่งหมายที่เจ้าของงานตั้งใจที่จะจัดเทศกาลดนตรีนี้ขึ้น

การแสดงออกทางการเมืองมีมากมายหลายวิธี และก็เถียงไม่ได้ว่า “ดนตรี” นี่แหละก็เป็นอีกทางที่ใช้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ แต่ความสร้างสรรค์นั้น ก็ควรต้องอยู่บนพื้นฐานของ “กาลเทศะ” ด้วย

แยกแยะเรื่องแค่นี้ยังไม่ได้​ แล้วในอนาคตใครจะกล้าให้มาแยกแยะงานใหญ่ยิ่งกว่า​ หากประเทศไทยต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ​ ล่ะ​

วาทะแห่งปี!!! จาก 'ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์'

วาทะแห่งปี!!

จาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำสาขาวิชา Business Analytics and Intelligence และ Actuarial Science and Risk Management คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

"ชุดนักเรียน" เสรีภาพบนตัวหนู ๆ

หลาย ๆ คนที่เรียนในประเทศไทยเรา คงผ่านการใส่ชุดนักเรียนกันมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยไหน และชุดนักเรียนนี่แหละ ที่มักจะถูกบ่งบอกให้เห็นถึงสถานะว่าเขาเหล่านั้นเป็น "นักเรียน" จริง ๆ

แต่พอยุคสมัยเปลี่ยน อะไร ๆ ก็เปลี่ยนเด็กรุ่นใหม่มองว่าการใส่ชุดนักเรียนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรไปกว่าการเรียนรู้ และมองว่าการใส่ชุดนักเรียนดูจะเหมือนเป็นการตีกรอบให้กับพวกเขาเสียมากกว่า

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2563 กลุ่ม "ภาคีนักเรียนKKC" ได้ชักชวนให้นักเรียนแต่งไปรเวทไปโรงเรียน พร้อมทั้งตั้งคำถามเกี่ยวกับเครื่องแบบนักเรียนที่พวกเขาสวมใส่ว่า...

หากใส่ชุดไปรเวทไปแล้ว ครูจะไม่ให้เข้าเรียน เพียงเพราะไม่ได้ใส่เครื่องแบบ? ถ้าหากเป็นเช่นนั้นสุดท้ายแล้วนักเรียนทั้งหลายไปเรียนเพื่ออะไรกันหากสิ่งที่ครูและผู้ใหญ่ให้ความสนใจมากกว่าการเรียนคือเครื่องแบบนักเรียน?

และถ้าหากนักเรียนไม่มีเงินมากพอจะซื้อชุดนักเรียน = ไม่มีสิทธิเข้าเรียนหรอ?

ยิ่งไปกว่านั้นประเด็นที่น่าสนใจมาก ๆ คือ หากใส่ชุดไปรเวทไปโรงเรียนจะเพิ่มความเหลื่อมล้ำจริงหรือไม่?

จากการตั้งคำถามเหล่านี้ The States Times ก็เลยไปหาคำตอบ จากมุมมองของนักเรียนหลาย ๆ แห่ง ทั้งที่อยู่โรงเรียนที่เปิดโอกาสให้แต่งชุดไปรเวทไปเรียน และไม่ได้ให้ใส่ชุดไปรเวท

ผลปรากฎว่า ส่วนใหญ่มองว่าการใส่ชุดไปรเวทไปเรียนไม่ใช่เรื่องผิด หรือจะทำให้ตั้งใจและเรียนรู้ได้น้อยลง และก็ไม่เห็นด้วยกับการบอยคอตของผู้ใหญ่ที่พยายามมองว่าการไม่ใส่ชุดนักเรียนเป็นเรื่องที่ผิด

แน่นอนว่า ในมุมของผู้ใหญ่อาจจะมีเหตุผลที่ว่า ชุดนักเรียนมีไว้เพื่อความเป็นระเบียบ ทำให้เกิดการแยกแยะได้ และช่วยป้องกันปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ

แต่พวกเขาก็มองว่า ชุดนักเรียนก็เป็นเหรียญที่มีสองด้านด้านหนึ่งอาจจะเหมือนที่ผู้ใหญ่ว่ามา แต่อีกด้านหนึ่งนั้นชุดนักเรียนกลายเป็นเครื่องแบบที่ริดรอนเสรีภาพในการแต่งตัวของเหล่านักเรียนไปซะเฉย ๆ

เมื่อต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตัวเองไม่ว่าจะมุมเด็กหรือมุมผู้ใหญ่ แต่ดูเหมือนหนึ่งในคำตอบของคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ชัด ๆ นั่นก็คือ...ชุดนักเรียนจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำได้หรือไม่? หลายคนก็ยังแอบเกาหัว!!

ชาวนาไทยได้เฮ! นายกฯ ลั่น “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างล่าง” อัดฉีดเงินประกันรายได้อีก 2.87 ล้านบาท

ชาวนาไทยเตรียมเฮอีกรอบ หลังจากคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/2564 รอบที่ 1 เพิ่มเติมอีก 28,711.29 ล้านบาท

จากเดิมก่อนหน้านี้ ทางคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเบื้องต้น เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 จำนวน 18,096.06 ล้านบาท รวมเป็น 46,807.35 ล้านบาท

พร้อมมอบหมายธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกระทรวงพาณิชย์ จัดทำรายละเอียดโครงการฯ และงบประมาณให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561

และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจสอบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปริมาณผลผลิต ประมาณการณ์วงเงินที่ใช้ เพื่อให้การจ่ายเงินถูกต้องครบถ้วน

โดยนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานบอร์ด นบข. ยืนยันรัฐบาลพร้อมดูแลคนทั้งประเทศ โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร กำชับทุกฝ่ายให้ช่วยกันดูแล ให้ดำเนินการอย่างโปร่งใส สุจริต และสามารถตรวจสอบได้ และต้องส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวอย่างเป็นระบบ ให้ไทยมีพันธุ์ข้าวใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ ล่าสุดทาง ธ.ก.ส. เริ่มจ่ายเงินช่วยเหลือโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2563/64 ตามนโยบายรัฐบาล ในอัตราไร่ละ 500 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 10,000 บาทต่อครัวเรือน วงเงินกว่า 28,000 ล้านบาท เข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงแล้ววันนี้ (1 ธันวาคม พ.ศ.2563) จำนวนกว่า 400,000 ครัวเรือน หรือคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 1,600 ล้านบาท

รอรับได้เลย!! ภาคต่อนโยบายดันศก. "คนละครึ่งเฟส 2" & "เติมเงินบัตรคนจน"

ใครพร้อมเตรียมตัวให้ดี เพราะภาคต่อโครงการคนละครึ่งเฟส 2 และเติมเงินบัตรคนจน กำลังถูกเสิร์ฟต่อแบบติด ๆ

ในที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 หรือ ศบศ. ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้มีการประชุมพิจารณาโครงการคนละครึ่งเฟส 2 และโครงการช่วยเหลือเงินค่าครองชีพให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน ผ่านการชงโดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

ทั้งนี้นายกฯ จะพิจารณาความเหมาะสมทั้งจำนวนที่จะเปิดเพิ่ม ระยะเวลาใช้จ่ายและเพิ่มเงินให้กับผู้ลงทะเบียนเก่าและใหม่โดยจะเปิดการลงทะเบียนรับสิทธิอีก 5 ล้านคน โดยโครงการคนละครึ่งรอบแรกจะมีการเติมเงินเพิ่มขึ้นอีก 500 บาท เป็นวงเงินอยู่ที่ 3,500 บาท และผู้ที่ถูกตัดสิทธิจากเฟสแรกเนื่องจากไม่ได้ใช้จ่ายภายใต้โครงการในวันที่กำหนด สามารถลงทะเบียนรอบที่ 2 นี้ได้ รวมถึงยังเตรียมพิจารณาปรับปรุงมาตรการ "เราเที่ยวด้วยกัน" และ "มาตรการท่องเที่ยวของผู้สูงอายุ" อีกด้วย

สำหรับเบื้องต้นโครงการคนละครึ่งเฟส 2 จะเปิดให้ลงทะเบียนช่วงเดือนธันวาคมนี้ เพื่อให้ใช้สิทธิ์ทันวันที่  1 ธันวาคม พ.ศ.2564 ระยะเวลาการใช้สิทธิประมาณ 2-3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 มีนาคม พ.ศ.2564 และบัตรคนจนจะมีการเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเพิ่มอีก 500 บาท ต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลาทั้งสิ้น  3 เดือน
 

มติศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด ‘ลุงตู่’ รอดคดีบ้านพักทหาร นั่งนายกฯ ต่อ

เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ.2563 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดี ใช้บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 หลังเกษียนอายุราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่า ‘ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ’ ส่งผลให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีเหตุที่จะสิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี และศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้มีสิทธิพักอาศัยในบ้านรับรอง .

เหตุผลเพราะเคยเป็นอดีตผู้นำสูงสุดของกองทัพบกมาก่อน อีกทั้งยังไม่มีพฤติกรรมฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงแต่อย่างใด ความเป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่สิ้นสุดลง

ทัพภาค 4 ระดมพล!! เร่งรุดช่วยน้ำท่วมใต้ 7 จังหวัด

จากกรณีฝนตกติดต่อกันจนถึงวันนี้ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันใน 7 จังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส

ผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ประสบปัญหาอย่างหนัก ทาง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จึงได้กำชับกองทัพภาคที่ 4 จัดหน่วยช่วยดูแลประชาชนให้ปลอดภัย

และคลี่คลายสถานการณ์ตามแผนการช่วยเหลือ ร่วมกับส่วนราชการประจำจังหวัด ตามที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งการ โดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่มีระดับน้ำท่วมสูงเกือบทุกอำเภอ

ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 4 ได้สำรวจเส้นทางและช่วยเหลือประชาชน โดยพลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้บินสำรวจสภาพน้ำและสั่งการให้หน่วยทหารในพื้นที่ 8 ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย เข้าช่วยประชาชนเร่งด่วนให้ทันน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง และถนนเส้นทางหลักในจังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกตัดขาด 7 สาย

โดยตั้งแต่ช่วงเมื่อวาน จนถึงวันนี้ได้ทำการเร่งอพยพประชาชนจากพื้นที่ต่าง ๆ ไปยังสถานที่ที่ทางจังหวัดเตรียมไว้ พร้อมช่วยขนย้ายสิ่งของตามบ้านเรือนโรงเรียนขึ้นที่สูง เคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงไปยังโรงพยาบาล รับส่งประชาชนที่ติดค้างที่ท่าอากาศยาน โดยงานเร่งด่วนคือการจัดรถครัวสนามและเร่งอพยพผู้คนที่ยังติดค้างมายังศูนย์อพยพโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายใน7วัน

นอกจากนี้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันมอบอาหารเครื่องดื่มสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้กับผู้อพยพที่เดินทางมาอาศัยพักพิง ณ ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนเทศบาลวัดท่าโพธิ์ อ.เมือง ประมาณ 60 ครัวเรือน จำนวน 230 คน และคาดว่าจะมีผู้อพยพเข้ามาอีก 160 ครัวเรือนประมาณ 700 คนในเขตเทศบาล ขณะเดียวกันที่ อ.ทุ่งสง ซึ่งมีน้ำป่าไหลหลากเป็นวงกว้าง ทางกองบัญชาการช่วยรบที่ 4 ก็ได้เข้าช่วยประชาชนแล้วเช่นกัน

ในส่วนของจังหวัดสงขลา ได้มีการช่วยขนย้ายคนและสิ่งของ ทั้งนำกระสอบทรายไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบในเขต อ.เมือง ขณะที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มวลน้ำหนุนเข้าท่วมในพื้นที่ ฝนยังคงตกหนักส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขัง 30 - 120 ซม. ทางกองทัพจึงได้จัดกำลังพล ยุทโธปกรณ์ ยานพาหนะ ช่วยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และขนย้ายปศุสัตว์ ในพื้นที่ ต.ทุ่งเตา อ.บ้านนาสาร คู่ขนานไปกับ ร.25 พัน.3 ที่ได้จัดกำลังพล ยานพาหนะ ช่วยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เเละอพยพประชาชนที่ ต.ท่าเคย อ.ท่าฉาง ซึ่งมวลน้ำได้เพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ฝนยังคงตกหนักและได้รับอิทธิพลน้ำหนุนมาจากพื้นที่ใกล้เคียง โดยคาดว่าภายใน 2 วันนี้ น้ำยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามภาพรวมในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม ภาคใต้จะเกิดมรสุมประจำทุกปี โดยที่ผ่านมาทางกองทัพภาคที่ 4 ได้เตรียมความพร้อมบรรเทาอุทกภัย ช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นระบบไว้ก่อนหน้า โดยมีการแบ่งมอบพื้นที่อย่างชัดเจน รวมถึงประสานการปฏิบัติกับทางจังหวัด ทางอำเภอ ติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลใกล้ชิด เชื่อว่า จนท.ทุกส่วนมีความพร้อมเข้าดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้สามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 หมายเลขโทรศัพท์ 075 - 383405 ตลอด 24 ชั่วโมง

เสี่ยหนู ของขึ้น! ติงผู้ติดเชื้อใหม่ ไร้ความรับผิดชอบ

ดูท่าว่า เสี่ยหนู - อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จะของขึ้นหนัก!!

หลังคนไทยบางกลุ่ม กำลังจะเป็นชนวนการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ในไทยอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง (Super Spread) ทั้ง ๆ ที่สถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดในไทยก่อนหน้านี้กำลังไปได้สวย และภาคเศรษฐกิจก็พร้อมขยับเดินหน้าเต็มตัว

การแฉกลับของ "ดร.นิว" เมื่อ 80% IO ม็อบ...ขั้วสำเนา เฝ้าอยู่นอก

ต้องยอมรับ โซเชียลมีเดีย เป็นช่องทางสำคัญในการหาแนวร่วมทางการเมือง เพราะสามารถส่งข้อมูลถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็วและตรงตามจุดมุ่งหมายที่อยากนำเสนอ ทั้งการปลุกระดม และการแชร์ข้อมูล ทั้งที่เป็นประโยชน์ต่อฝั่งตัวเอง และให้ร้ายกับฝ่ายตรงข้าม

ก่อนหน้านี้ เรามักจะได้ยินข่าวว่า ทางฝั่งทหารใช้ปฏิบัติการไอโอ "IO" (Information Operation) เพื่อสร้างข้อมูลข่าวสารที่น่าเชื่อถือให้กับฝั่งรัฐบาล และคอยตอบโต้ฝั่งตรงข้าม

คนที่ออกมาให้ข่าวเรื่อง IO อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูอย่างต่อเนื่อง ก็คือ "ช่อ" (พรรณิการ์ วานิช) กรรมการบริหารคณะก้าวหน้าที่พยายามขยี้เรื่องนี้แบบถี่ว่าฝั่งรัฐบาลใช้วิชามาร ทำลายความน่าเชื่อถือกลุ่มคณะราษฎร หรือม็อบ 3 นิ้ว และผู้เห็นต่างจากรัฐบาล

แต่ในขณะ "ช่อ" ออกมาเขย่าเรื่องนี้ ก็เหมือนจะถูกสังคมรื้อประวัติทางฝั่งตนที่เคยใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดีย และ IO ปั่นกระแสช่วงเลือกตั้งปี 2562 จนได้เสียงสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่อย่างถล่มทลาย

กระทั่งมาถึงม็อบ 3 นิ้ว ก็ยังคงมีเคลื่อนไหวของรูปแบบ IO ผ่านแอคเคาน์ทวิทเตอร์เยาวชนปลดแอก (@FreeYOUTHth) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากสังเกตให้ดีช่วงที่ผ่านมา จะเห็นวิธีการสร้างแแฮชแท็กให้ติดเทรนด์เป็นกระแสบนทวิตเตอร์อย่างรวดเร็ว ผ่านการแชร์หรือรีทวิตของผู้ใช้งานจำนวนมาก ๆ เพื่อให้คนส่วนใหญ่คล้อยตามและเห็นด้วย

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้อาจจะไม่ได้มีใครออกมาแฉกันจะ ๆ แต่เมื่อยุทธการปั่นประสาทคนในเชื่อว่ารัฐใช้ IO ไม่เลิกยังมีภาคต่อ ก็เลยเกิดการแฉพฤติกรรม IO ของขั้วตรงข้ามรัฐบาลอย่างกลุ่มม็อบ 3 นิ้วให้หนาว ๆ ร้อน ๆ

โดยล่าสุดเฟซบุ๊ก "Suphanat Aphinyan" ของ "ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ" หรือ "ดร.นิว" นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas สหรัฐอเมริกา ได้ออกมาโพสต์ข้อความที่น่าสนใจระบุว่า การรีทวิต ของ "เยาวชนปลดแอก" พบว่า เกือบ 80% มาจากนอกประเทศ

ดร.นิว ให้ลองสังเกตแบบผิวเผิน คือ ในทุกๆ ครั้งที่ @FreeYOUTHth ใช้งานทวิตเตอร์จะมีการรีทวิต ภายใต้แฮชแท็กเดียวกันซ้ำ ๆ เพื่อให้แฮชแท็กที่ต้องการสามารถติดเทรนด์ขึ้นเป็นกระแสบนทวิตเตอร์ในปริมาณมากอย่างรวดเร็ว

แต่ถ้าสังเกตแบบเชิงลึกจะพบว่า @FreeYOUTHth มีขบวนการ Retweet ที่ไม่ได้เกิดจากฝีมือของมนุษย์โดยตรง แต่เป็นการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือ "บอท" มาทำ IO แทน ซึ่งเกิดจากการเขียนโปรแกรม ให้มีอัลกอริทึมสั่งการให้ระบบคลาวด์ หรือ ระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ทำการรีทวิตแทนมนุษย์ เพื่อปั่นกระแสและชี้นำทางความคิดเชิงปริมาณ ผ่านยอดของการปั่นแฮชแท็กในทวิตเตอร์ ที่สร้างขึ้นอย่างบิดเบือน

คนไทยที่รู้ไม่เท่าทันจำนวนหนึ่ง จึงหลงเชื่อตกเหยื่อของการหลอกใช้ทางการเมืองได้ง่าย โดย ดร.นิว เผยว่า 76.69% ของการรีทวิตเกิดขึ้นภายนอกประเทศ ในขณะที่เพียง 23.31% เท่านั้นที่เกิดขึ้นจากการปั่นกระแสภายในประเทศ

ประชาชนอย่างเรา ๆ เฝ้ามองดูเรื่องราวเหล่านี้ ก็อย่าไปอินมันมาก เพราะมันก็เป็นเพียงแค่กลยุทธ์การแข่งขันทางการเมือง ที่ไม่ว่าจะกลุ่มใด ต่างก็พยายามช่วงชิงพื้นที่กลุ่มเป้าหมายมาสู่ฟากตนเท่านั้น

ฉะนั้นประชาชนแบบเรา ๆ ต้องสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิดด้วยตัวเอง รู้ต้องรู้ให้หมด ฟังต้องฟังให้รอบ ถ้ากระแดะยึดเรื่องที่ติดหัว แล้วร้องปาว ๆ ว่าฉันฉลาด ฉันรู้ คุณก็แค่เหยื่อโง่ ๆ ที่ตกเป็นทาสกลยุทธ์ให้ชักใยไปเพลิน

ผลสุดท้าย คนคุมเกม จะชนะหรือแพ้ ก็แค่จากไปเมื่อเกมจบ ส่วนคนลงไปเล่น หรือถูกบังคับให้ลงไปเล่น ก็ได้มายาคติฝังหัว แบบยากจะแงะออก เชื่อแล้ว เชื่อเลย ใครคิดต่างก็เป็นไอ้โง่ สังคมเกิดความแตกแยกจนต่อไม่ติด แหม่ ๆ จะว่าไปแล้วเทคนิคเหล่านี้ (IO) มันก็เข้าหลักทางการตลาดแบบไวรัลมาร์เก็ตติ้งพอดีเป๊ะ

...เล่ห์การเมืองสมัยนี้ #ช่างร้ายกาจนักนะ

 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top