Tuesday, 8 July 2025
PoliticsQUIZ

‘ชัยวุฒิ’ เผย รบ.เล็งออก พรก.สกัดบัญชีม้า ช่วยอายัดเงินได้เร็วขึ้น หากพบการโอนผิดปกติ

รัฐบาล จ่อ ออกพรก.แก้ปัญหาฉ้อโกงออนไลน์ ตัดช่องทางเปิดบัญชีม้า-อายัดเงิน ให้ได้รวดเร็ว เตรียมชงเข้าครม. สัปดาห์หน้า

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  แถลงผลการประชุมการแก้ไขปัญหาฉ้อโกงออนไลน์ ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่า ปัญหาฉ้อโกงออนไลน์นั้นมีหลายประเภท ทั้งคอลเซ็นเตอร์ หลอกลงทุนหลอกซื้อของ รวมถึงการพนันออนไลน์ บัญชีม้า ซึ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนกันมาก ซึ่งรัฐบาล โดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งให้ทุกหน่วยงานเร่งแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ในที่ประชุมวันเดียวกันนี้ มีการประชุมโดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือกัน 

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สำหรับเรื่องบัญชีม้านั้นเราต้องหยุดให้ได้ หากพบพฤติกรรมการโอนเงินที่ผิดปกติ ก็ต้องปิดและบล็อกให้ได้ รวมถึงต้องอายัดบัญชีให้ได้รวดเร็ว ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าจะต้องมีการแก้กฎหมายโดยจะออกเป็นพระราชกำหนด เพื่อความรวดเร็ว ซึ่งจะสามารถเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ภายในสัปดาห์หน้า 

ทั้งนี้ต้องสรุปรายละเอียดทั้งหมดเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมครม. โดยจะมีการเขียนกฎหมายให้ชัดเจนว่า การรับจ้างเปิดบัญชีม้าทำไม่ได้ ถือว่ามีความผิดและต้องมีบทลงโทษโดย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)จะเข้ามาดูในเรื่องนี้โดย เพื่อตัดกระบวนการบัญชีมาให้ได้ เพราะถ้าไม่มีบัญชีม้าคนร้ายก็จะไม่มีบัญชีที่จะใช้โอนเงิน ประชาชนก็จะไม่ถูกหลอก 

นอกจากนี้ที่ประชุมมีการพูดถึง ความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานให้มากยิ่งขึ้น เพราะมีข่าวดีจำนวนมากโดย สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานว่า มีคดีแจ้งความเรื่องฉ้อโกงออนไลน์ถึง 1 แสนกว่าคดี มีมูลค่าความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้จะมีการดูแลเรื่องการประชาสัมพันธ์ การให้ความรู้กับประชาชนเพื่อไม่ให้ถูกหลอกลวงได้ง่าย ซึ่งรัฐบาลจะรับไปดูแล แจ้งเตือนผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น อาจจะใช้แอพพลิเคชั่นเป๋าตัง เป็นช่องทางในการให้ข้อมูล ขณะเดียวกันธนาคารทุกแห่งก็ต้องไปปรับปรุงระบบโมบายแบงก์กิ้ง ให้มีการแจ้งเตือนก่อนโอนเงิน ตรวจสอบการโอนเงินผิดปกติ หรือการถูกรีโมทแอพพลิเคชั่นเข้ามาในเครื่องมือถือของเรา เพื่อดูดข้อมูลหรือดูดเงินเราไป ซึ่งตรงนี้ธนาคารจะต้องไปปรับปรุงระบบให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้นประชาชนจะขาดความเชื่อมั่นและไม่กล้าใช้ระบบของธนาคาร ดังนั้นต้องมีระบบป้องกันที่ดี

สำหรับประเด็น การนำซิมมือถือไปใช้ กันในหลายรูปแบบ เช่น บัญชีม้านำไปใช้เพราะยืนยันตัวตนไม่ได้ นั้น ที่ผ่านมามีการนำซิมไปขายต่อกันเป็นพัน ๆ เบอร์ จนเป็นช่องทางนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง จึงมีการหารือให้กสทช. เข้ามาดูเรื่องนี้ โดยเฉพาะการควบคุมซิมที่ใช้ต่อคน ต้องไม่เกิน 5 ซิม

พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าการปราบปรามบัญชีม้าสามารถทำได้โดยกฎหมายปกติฐานรวมกันฉ้อโกงประชาชน เพียงแต่กฎหมายบางอย่างยังไม่ครอบคลุมทุกอย่าง โดยที่ประชุมเสนอให้เป็นพระราชกำหนด เพื่อความรวดเร็วและให้เสร็จทันรัฐบาลนี้ พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ทุกหน่วยร่วมมือกันอย่างเต็มที่ แต่การทำงานเป็นไปได้ยากเนื่องจากตัวการใหญ่อยู่ที่ต่างประเทศ สำหรับในประเทศไทยตนเชื่อว่าจากการทำงานร่วมกันทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด รวมถึงการที่จะออก พรก. จะสามารถทำเรื่องนี้คลี่คลายได้ 

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ กสทช. ระบุว่าต้องเข้มงวดกับคนที่ลงทะเบียนใช้ซิมการ์ดเป็นจำนวนมาก และต้องมาชี้แจงว่านำซิมการ์ดไปใช้ทำอะไรบ้าง และจะส่งข้อมูลให้ สตช. แต่จะไปบังคับว่า 1 คนสามารถมีซิมได้เพียง 5 ซิม ไม่ได้ เพราะเป็นการลิดรอนสิทธิประชาชน  

ส่วนกรณีการส่งเอสเอ็มเอสหลอกลวงประชาชนนั้น เรื่องนี้ได้ให้โอเปอเรเตอร์ ของผู้ประกอบการต่างๆที่ดำเนินการเรื่องเอสเอ็มเอสต่างๆเป็นฝ่ายตรวจสอบ โดยเฉพาะหากจะมีคนมาจดขอส่งเอสเอ็มเอสให้ประชาชนรายใหม่ ต้องมาเช็คชื่อกับ กสทช. ก่อนว่าติดแบล็กลิสต์หรือไม่ ก่อนที่จะเข้าไปประกอบการ  ทั้งนี้ยอมรับว่าจากการตรวจสอบพบว่ามีเอสเอ็มเอสหลอกลวงลดลงไปมากกว่า 7 หมื่นรายการ หลังมีมาตรการออกมา
 

'บิ๊กป๊อก' เสนอ ถอน กม.ต่างชาติซื้อที่ดิน หลังกระแสคัดค้านรุนแรง

(7 พ.ย. 65) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ได้รับหนังสือจากกระทรวงมหาดไทย ซึ่งลงนามโดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 ขอถอนเรื่องร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนโดยการดึงดูดคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย พ.ศ. … ออกจากมติ ครม.ซึ่งได้มีการอนุมัติหลักการไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 หลังมีเสียงค้านจำนวนมากทั้งประชาชนและฝ่ายการเมืองว่าเป็นการขายชาติ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการระทรวงกลาโหม ก็มีความกังวลต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมากเช่นกัน คาดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะยกเลิกร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้

‘บิ๊กป้อม’ ไม่ยื้อ หาก ‘บิ๊กตู่’ ย้ายซบพรรคอื่น ส่วนถ้าส.ส. อยากย้ายตาม บอก “ใครอยากจะไปไหนก็ไป”

‘ประวิตร’ ไม่ยื้อหาก ‘ประยุทธ์’ จะไปอยู่พรรคอื่น ไม่สน ส.ส.พปชร.จะตามไป ลั่นอยากไปก็ไป ปัด 3ป.แตกแยก ชี้หาก ‘ธรรมนัส’ จะหวนซบพปชร. เป็นเรื่องที่พรรคต้องตัดสินร่วมกัน ยันจับมือเพื่อไทย รอคุยหลังเลือกตั้ง ปัดดีล ‘คุณหญิงอ้อ’

วันนี้ (7 พ.ย. 65) เวลา 12.00 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีความชัดเจนของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับพรรคพลังประชารัฐว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องการตัดสินใจของท่าน เมื่อถามว่ามีข่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จะไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ว่าเป็นเรื่องของพลเอกประยุทธ์ ต้องไปถามเจ้าตัว 

เมื่อถามย้ำว่ายังไม่ได้คุยกันอีกใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ยังไม่ได้คุย รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังไม่ได้พูดคุยเช่นกัน เพราะยังไม่ได้เรียกประชุม ต้องไปนัดสมาชิกพรรค กรรมการบริหารพรรคประชุมก่อน 

เมื่อถามว่า ความเป็นพี่น้องระหว่างกัน เหตุใดจึงไม่คุยกันให้ชัดเจนถึงแนวทางที่ดี พลเอกประวิตร กล่าวว่า ก็มาเป็นผมสิ พร้อมกับยิ้ม

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ส.ส.ก็ต้องการความชัดเจน นานเกินไปหรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่เป็นไร การเมืองก็ว่ากันไป

เมื่อถามว่า ตัวพลเอกประวิตรกับพลเอกประยุทธ์ จะไม่แยกทางเดินกันใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร ตอบว่า ผมไม่รู้ ก็อยู่ด้วยกันทุกวัน ไม่เป็นไรแต่ไม่พูดเรื่องนี้ 

เมื่อถามย้ำว่า 3 ป. จะไม่แยกจากกันใช่หรือไม่ พลเอกประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่แยกหรอก จะไปแยกได้อย่างไร สนิทกันมาตั้ง 40-50 ปี

เมื่อถามว่า แต่ดูเหมือนจะมีการแยกพรรคการเมือง พลเอกประวิตรกล่าวว่า จะแยกก็แยกไป ไม่เป็นไร 

เมื่อถามว่า เป็นไปได้ว่าจะแยกกันเดิน รวมกันตี ใช่หรือไม่ พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ผมไม่รู้ 

เมื่อถามต่อว่า สมาชิกพรรคพลังประชารัฐออกมาพูดเองว่า พลเอกประยุทธ์ ขายต่อไม่ได้แล้ว คะแนนนิยมไม่ดีแล้ว พลเอกประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของลูกพรรคเป็นความเห็นส่วนบุคคลไม่ใช่นโยบายพรรค 

เมื่อถามว่า ก่อนจะเสนอแคนดิเดต นายกรัฐมนตรี พรรคจำเป็นต้องประเมินคะแนนนิยมก่อนหรือไม่ พลเอกประวิตร ย้ำว่า เป็นเรื่องของสมาชิกพรรคไม่ใช่เรื่องของผม 

เมื่อถามว่าการออกมาแสดงความเห็นแบบนี้จำเป็นปราบลูกพรรคหรือไม่ เพราะจะทำให้เกิดความแตกแยก พลเอกประวิตรกล่าวว่า จะต้องไปปรามทำไม เป็นความเห็นของใครของมันและไม่จำเป็นต้องเตือนให้ระวัง เพราะเป็นเรื่องของความคิดเห็นส่วนตัว แต่ละคนก็มีความคิดเห็นของตัวเอง จะให้ไปนั่งตามทุกคนก็ไม่ได้ แต่เวลาไปประชุมพรรคทุกคนก็ต้องลงคะแนนก็เท่านั้น ให้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย 

‘ศุภชัย’ งัดเอกสาร กมธ.กัญชา โชว์หารือกันแล้ว ฉะ!! ส.ส.บางคนให้ข่าว ‘บิดเบือน’ ความจริง

โชว์หลักฐาน โต้ฝ่ายการเมือง ! ‘ศุภชัย’ โพสต์เอกสาร กมธ.กัญชา ย้ำ ทุกประเด็นดราม่า มีการหารือแล้ว พร้อมเปิดช่องถกในสภา แต่ถูกคว่ำเสียก่อน

จากกรณที่ฝ่ายการเมืองออกมากล่าวโจมตีการทำงาน กมธ. วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ. …....) ว่าไม่ยอมปรับแก้กฎหมาย ตามข้อเสนอของฝ่ายการเมือง และเป็นเหตุผล ที่ทำให้บางพรรคเดินหน้าคัดค้าน พ.ร.บ. ฉบับดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ. …....)  ได้ยืนยันมาเสมอว่า ทุกข้อห่วงใยนั้น ได้มีการหารือกันใน กมธ.ซึ่งมีตัวแทนจากทุกภาคส่วน โดยมี กมธ.ขอสงวนคำแปรญัตติไว้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องไปปรับแก้เพื่อให้เกิดความซ้ำซ้อน เพราะถึงอย่างไร ก็ต้องมีการถกเถียงกันในสภาอยู่แล้ว  

ล่าสุด 7 พฤศจิกายน 2565 นายศุภชัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อตอกย้ำข้อเท็จจริงดังกล่าวอีกครั้ง โดยระบุว่า

ตามที่คณะกรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติกัญชากัญชงได้พิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติตามที่สภาผู้แทนราษฏรได้ลงมติตามข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย และมีมติว่าไม่จำต้องแก้ไขเนื่องจากข้อเสนอดังกล่าวของทั้งสองพรรคได้บัญญัติในร่างพระราชบัญญัติที่เสนอต่อสภาผู้แทนราษฏรหรือมิฉะนั้นก็มีกรรมาธิการได้สงวนความเห็นไว้และสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรได้เสนอแปรญัตติตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฏรตั้งแต่แรกแล้วและได้มีการแถลงเรื่องดังกล่าวข้างต้นให้ทราบโดยละเอียดและกรรมาธิการได้ส่งรายงานฉบับปรับปรุงไปยังสภาผู้แทนราษฏรซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฏรได้บรรจุเป็นระเบียบวาระเรื่องที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วเรื่องที่ 4

แต่ดูเหมือนว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากพรรคการเมืองที่เคยทักท้วงเรื่องนี้กลับออกมาเสนอข่าวว่ากรรมาธิการไม่ได้แก้ไขตามที่มีการเสนอ (ซึ่งการเสนอดังกล่าวเป็นการไม่ชอบด้วยข้อบังคับการประชุม) ซึ่งเป็นการบิดเบือนจากข้อเท็จจริง

ผมในฐานะประธานคณะกรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติกัญชากัญชงจึงจำเป็นต้องออกมาอีกครั้งเพื่อปกป้องกรรมาธิการทุกท่านที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักเพื่อออกกฎหมายมาที่เป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างถี่ถ้วนครอบคลุมในทุกมิติจากการกล่าวหาในเรื่องนี้ โดยจะขอนำข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยเปรียบเทียบกับร่างพระราชบัญญัติกัญชากัญชงที่กรรมาธิการได้ร่วมกันพิจารณาผ่านช่องทางนี้

การจะลงมติต่อร่างพระราชบัญญัติเป็นเอกสิทธิของสมาชิก แต่การกล่าวหาดูหมิ่นดูแคลนว่ากรรมาธิการทำหน้าที่บกพร่องไม่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสิ่งที่สมาชิกไม่พึงกระทำ

ผมจะยุติการตอบโต้เรื่องนี้ แต่ขอนำเสนอความจริงซึ่งมีเพียงหนึ่งมาเพื่อประชาชนได้โปรดร่วมกันพิจารณา

โดยได้มีการแนบเอกสาร ระบุรายละเอียด การประชุม กมธ. โดยเฉพาะประเด็นกฎหมายที่มีข้อห่วงใย และสงสัย จาก กมธ.ของแต่ละพรรคการเมือง พร้อมคำตอบโดย กมธ.เสียงเสียงใหญ่ ไปจนถึงรายชื่อ กมธ.ที่ต้องการสงวนความเห็น อาทิ 

‘เพื่อไทย’ อัดรัฐใช้เอเปก 2022 โปรโมต 'ประยุทธ์' แซะ!! ขอเอเปกเปิดประตูศก.ได้จริง ก่อนไทยตกเวทีโลก

‘จักรพล’ อัดรัฐใช้เอเปก 2022 โปรโมต ‘ประยุทธ์’ เดิมพันอนาคตทางการเมือง จี้ใช้เอเปกเปิดประตูศก.ก่อนไทยตกเวทีโลก 

วันนี้ (8 พ.ย. 65) นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก หรือเอเปก 2022 APEC 2022 ถือเป็นเรื่องดี เพราะประเทศไทยมีความคาดหวังว่าจะใช้โอกาสนี้ โชว์ศักยภาพของประเทศไทยในทุก ๆ ด้าน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ควรใช้โอกาสนี้สร้างประโยชน์ให้กับคนไทยและประเทศไทย

เพียงแต่ว่าประเทศที่จะเข้าร่วมการประชุมมองการประชุมนี้อย่างไร มีหลายประเทศยืนยันว่าจะมาร่วมประชุม แต่ที่มานั้นเป็นผู้นำที่มีอำนาจตัดสินใจ หรือส่งผู้นำระดับรอง ๆ มาแทน กรณีที่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่มาด้วยเหตุผลใดกันแน่ รวมทั้งวาระการประชุมที่จะมีการหารือกันในระหว่างประชุมมีอะไรที่เป็นประโยชน์บ้าง 

ทั้งนี้ คาดว่าในที่ประชุมจะมีการหารือปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยไปสู่รูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า BCG Economy Model จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตแบบก้าวกระโดด นำพาประเทศไทยก้าวข้ามกับดักประเทศ และมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน สามารถที่จะต่อยอดและการพัฒนาได้หรือไม่

‘ตรีชฎา’ เย้ย ‘ประยุทธ์’ กำลังถูกโดดเดี่ยว หลัง ‘2 ป.’ จับมือถอน กม.ต่างชาติซื้อที่ดิน

เมื่อวันที่ (8 พ.ย. 65) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ลงนามถอนร่างกฎกระทรวงขายที่ดินให้คนต่างชาติออกตามที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทยเสนอมาว่า หวังว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ มีเพียงคำตอบเดียวที่ ครม.จะให้กับประชาชน คือยกเลิกแนวคิดนี้ไปเสีย จะถือว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ได้ทำประโยชน์กับประเทศบ้างแล้ว แต่ทั้งหมดก็ได้สะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลเร่งรีบดำเนินการ ไม่ผ่านกระบวนการศึกษารายละเอียดถึงผลดี ผลเสียอย่างดีพอ จนอาจเดินเข้าสู่ตัดสินใจบกพร่องผิดพลาดอย่างร้ายแรง จนทำให้สังคมปรามาสว่าเป็นแนวคิดขายชาติ 

น.ส.ตรีชฎา กล่าวต่อว่า อยากเตือนสติบรรดากองเชียร์ลิ่วล้อที่หลับหูหลับตาเชียร์แบบไม่รู้เรื่อง กลุ่มคนเหล่านี้ควรเปิดหู เปิดตา เปิดใจ รับฟังข้อมูลจากผู้อื่นบ้างจะได้ไม่พลาดอีก โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งในรัฐบาลที่เคยออกมาเชียร์กฎกระทรวงนี้ ว่าช่วยกระตุ้นการลงทุน และยังโจมตีว่ากฎกระทรวงการขายที่ดินต่างชาติปี 2545 เข้มงวดเกินไป ทั้งที่ในช่วงนั้นรัฐบาลภายใต้การนำโดยพรรคไทยรักไทย คิดอย่างรอบคอบละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว โดยมีเป้าหมายว่าต้องยังคงไว้ซึ่งการรักษาชาติ รักษาแผ่นดินไทยเอาไว้ 

‘ส.ส.เพื่อไทย’ ซัด!! ‘รบ.ประยุทธ์’ เอื้อนายทุนผลิตสุรา ยก ‘รบ.ทักษิณ’ เทียบ ดันสุราพื้นบ้าน ทำเศรษฐกิจโต

วันนี้ (8 พ.ย. 65) ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.กิตติศักดิ์ คณาสวัสดิ์ ส.ส.มหาสารคาม คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การกระตุ้นและการพัฒนาเศรษฐกิจให้ประเทศมีความมั่นคง คือการพัฒนาฐานรากของประเทศให้มีความแข็งแรง การพัฒนาส่งเสริมสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่รัฐบาลไทยรักไทยทำไว้แต่เดิมนั้น เป็นการกระตุ้นด้านเศรษฐกิจจากรากหญ้าสู่ยอดไผ่ ประชาชนแข็งแรง เศรษฐกิจดี ประเทศชาติก็แข็งแรง อย่างเช่น พ.ร.บ.สุรา รัฐบาลควรส่งเสริมสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นในด้านนี้ มากกว่าผูกขาดเพื่อเอื้อกลุ่มทุนใหญ่เท่านั้น เมื่อปี 2544 รัฐบาลนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มีนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน หนึ่งในนั้นคือการส่งเสริมให้มีการผลิตสุราแช่ชนิดสุราผลไม้ สุราแช่พื้นเมืองและสุรากลั่น ล้วนแต่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของไทยที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ จำหน่ายสุราพื้นเมือง ส่งผลให้มีโรงงานสุราเกิดขึ้นจำนวนมากในชุมชนต่างๆ 

‘ศุภชัย’ มั่นใจ!! ส.ว. ไฟเขียว ‘พ.ร.บ.กัญชา’ ขู่!! หากไม่ผ่าน อาจถึงขั้น ‘ยุบสภาฯ’

เมื่อวันที่ (8 พ.ย. 65) นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ. … สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปมความขัดแย้งเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.กัญชา ระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองแล้ว เพราะว่าร่าง พ.ร.บ.เป็นร่างของสภาผู้แทนราษฎร ที่ตั้งกมธ. มาจากทุกพรรค ในสัดส่วนของภูมิใจไทยมีอยู่ 2 คนเท่านั้นที่เข้าไปทำงาน นอกจากนั้น ก็มีทั้งตัวแทนจากพรรคฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ภาคประชาชน เรียกว่าเป็นร่างฯ ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งข้อเป็นห่วงที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์เสนอมา มีอยู่ในร่างฯ แล้ว สัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้าก็น่าจะได้พิจารณา ส่วนจะโหวตแบบไหน เป็นสิทธิ์ของท่าน 

นายศุภชัย กล่าวว่า ส่วนที่มีความพยายามบอกว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ไม่ใช่ของรัฐบาลนั้น ตนจะทวนให้ฟังว่าหลังจากที่ ส.ส. ส.ว. ปลดล็อกกัญชา เอาออกมาจากยาเสพติด ตามกฎหมายยาเสพติด มีผลบังคับใช้ ปลายปี 2564 คณะกรรมการ ป.ป.ส. มีความเห็นว่าจะต้องออกกฎหมายเฉพาะเรื่องกัญชา เพื่อใช้ประโยชน์ให้เกิดความปลอดภัยกับสังคม มอบให้ภูมิใจไทยเสนอ เพราะเรามีร่างฯ อยู่แล้ว เนื่องจาก ถ้ารอร่างฯ อื่นจะช้า อันนั้นก็ต้องบอกว่านี่คือ ‘ร่างของรัฐบาล’ ก็เห็นตรงกัน เมื่อเข้ามาในขั้นกมธ.แล้ว ก็ปรับเพิ่ม มีกมธ. คอยพิจารณา เป็น 95 มาตรา เรื่องสังคม เยาวชน ทุกคนเป็นห่วง จำได้ไหม ตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ยังเสนอให้ใช้เพื่อนันทนาการในบางพื้นที่เลย แต่ทาง กมธ.ไม่เอาด้วย แต่ความจริงตรงนี้ ถูกบิดเบือนไป

“ต้องเรียนว่ากฎหมายฉบับนี้ มีความครอบคลุม ครบถ้วนทุกประการ ถ้าพิจารณาแล้วเสร็จสภาฯ ไม่รับแล้วปล่อยให้ร่างฯ ตกไป ก็เป็นสิทธิของท่าน ต่อให้วิปรัฐบาลมีมติแล้วท่านไม่ปฏิบัติตามก็ตามแต่ใจท่าน แต่วันนี้มันมีความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายตัวนี้มาควบคุม เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการบังคับใช้ กฎหมายนี้เป็นร่างกฎหมายที่สำคัญมาก เพราะอย่าลืมว่า เราปลดล็อกกันมาตั้งแต่ ธ.ค.64 ในประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งจะสมบูรณ์ได้เมื่อมีกฎหมายตัวนี้มารองรับ 

ดังนั้น ท่านต้องตอบสังคมให้ได้ว่า ทำไมไม่รับเพราะถ้าท่านไม่รับ มันก็เสี่ยงจะเกิดปัญหาเรื่องการใช้กัญชา เนื่องจากการตัดสินใจของพวกท่าน แล้วนี่มันกฎหมายสำคัญอย่างที่กล่าว ถ้าไม่ผ่าน มันก็อาจต้องยุบสภา หรือต้องลาออก” นายศุภชัย กล่าว 

ผลโพลชี้ชัด ‘คนใต้’ ยังเทใจให้ ‘ลุงตู่’ ส่วนพรรคในใจ ยังให้ ‘ประชาธิปัตย์’ ยืนหนึ่ง

ผลสำรวจของนิด้าโพล หัวข้อ ‘คนที่ใช่ พรรคที่ชอบ ของคนใต้น่าสนใจยิ่งเกี่ยวกับพฤติกรรม และการตัดสินใจเลือกตั้งของคนปักษ์ใต้’ พบว่า ‘ลุงตู่-ประชาธิปัตย์’ ยังยืนเป็นหนึ่งอยู่ในใจของคนใต้ ด้วยเหตุเพราะทำให้บ้านเมืองสงบ

‘นิด้าโพล’ ของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ทําการสํารวจระหว่างวันที่ 17-20 ตุลาคม 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคใต้กระจายทุกระดับ การศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จํานวน 2,001 ตัวอย่าง เกี่ยวกับคนที่ใช่ พรรคที่ชอบของคนใต้การสํารวจ อาศัยการสุ่มตัวอย่าง โดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (  Master Sample) ของ ‘นิด้าโพล’ สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย ๆ  (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์โดยกำหนดค่าความเชื่อมันมั่น ร้อยละ 97.0 การกำหนดค่าความเชื่อมั่นไว้ที่ 97 % อันเป็นการสะท้อนความน่าเชื่อถือของผลโพลที่ออกมา

ผลจากการสํารวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนใต้จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในวันนี้พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 23.94 ระบุว่าเป็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เพราะ ซื่อสัตย์สุจริต มีความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ ทําให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และต้องการให้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง

คะแนนอันดับ 2 ร้อยละ 13.24 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อ ไทย) เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ ชื่นชอบพรรคเพื่อไทย นโยบายพรรคเพื่อไทยสามารถแก้ไขปัญหาราคาสินค้าทางการเกษตรได้ขณะที่บางส่วนระบุว่า ชื่นชอบผลงานของตระกูลชินวัตรอันดับ 3 ร้อยละ12.79 ระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้

อันดับ 4 ร้อยละ 11.24 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ ต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศเป็น คนมีวิสัยทัศน์ ชื่นชอบนโยบายและอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคกาวไกลอันดับ 5 ร้อยละ 6.14 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทํางาน มีความซื่อสัตย์สุจริต และชื่นชอบวิธีการทํางาน อันดับ 6 ร้อยละ 5.95 ระบุว่าเป็น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) เพราะ ชื่นชอบ ผลงานที่ผ่านมาและชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์อันดับ 7 ร้อยละ 5.30 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคชาติพัฒนากล้า) เพราะ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ และเป็นคนสุขุมรอบคอบ อันดับ 8 ร้อยละ 5.10 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธ์ (พรรคไทยสร้างไทย) เพราะ มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทํางาน มีประสบการณ์ด้านการบริหาร ชื่นชอบนโยบายของพรรค ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต้องการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้ามาบริหารประเทศ อันดับ 9 ร้อยละ 4.00 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ ชื่นชอบนโยบาย ของพรรคภูมิใจไทย เป็นคนพูดจริงทําจริงและลงพื้นที่ดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่องอันดับ 10 ร้อยละ 2.90 ระบุว่าเป็น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) เพราะ เป็นคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง

‘ลูกชายบุญทรง’ ขอท้าชน ‘ตระกูลชินวัตร’เข้าสังกัด พปชร. ชิงเก้าอี้ ส.ส. เชียงใหม่

ย้อนปูมยิ่งลักษณ์ - บุญทรง..กับการโกหกคำโต ปล่อยลูกน้องติดคุกเดียวดายไร้การเหลียวแล สุดท้ายกลายเป็นรอยแค้น ส่งผ่านถึงทายาทบุญทรง เตรียมลงชิงเก้าอี้ ส.ส. เชียงใหม่ เขต 5 หรือลูกจะชำระแค้นแทนพ่อ

กลายเป็นประโยคอมตะทางการเมืองไปแล้ว สำหรับประโยคบอกเล่า แต่เป็นการเล่าความเท็จหรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า ‘โกหกหน้าด้าน ๆ’ ประโยคนั้นคือ “พี่คะ..รอหนูแป๊บ.. ใกล้ถึงแล้วค่ะ” แล้วคนพูดก็หายตัวไปโผล่อีกทีที่ต่างแดน ทิ้งให้คนรอเดินคอตกเข้าคุกยาว จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ออกมา

คำว่า ‘หิริโอตัปปะ’ หรือความละอายต่อบาปคงใช้กับสองพี่น้องตระกูลชินวัตรไม่ได้ พี่ชายหักหลัง ‘สมัคร สุนทรเวช’ หลอกให้แต่งชุดขาวเต็มยศมารอเก้อ ส่วนคนน้องก็หลอกลูกน้องมารอหน้าศาล แล้วล่องหน

ส่วนคำโกหกอีกครั้ง ของพี่น้องตระกูลชินวัตร เกิดขึ้นภายหลังจากพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ซึ่งในครั้งนั้นพรรคเพื่อไทยได้จำนวน ส.ส. 265 คน  

การเลือกตั้งครั้งดังกล่าวส่งผลให้ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย โดยมีนโยบายสำคัญที่โดนใจชาวบ้าน อย่าง โครงการรับจำนำข้าว และโครงการรถคันแรก

อย่างไรก็ดี จากผลพวงนโยบายรับจำนำข้าวที่ผิดพลาด ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่กลายเป็นโครงการที่มีการทุจริตคอร์รัปชันมากที่สุด สร้างความเสียหายให้รัฐนับแสนล้านบาท และมีผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเดินคอตกเข้าคุกกันเป็นแถว

หลายคนอาจจำไม่ได้ว่าเรื่องนี้มีความเป็นมาอย่างไร ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดี ‘ทุจริตจำนำข้าว’ อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ‘น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลย ฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 

เช้าวันนั้นชาวเสื้อแดงแห่มาให้กำลังใจนายหญิงเนืองแน่น  แต่นายหญิงไม่โผล่มาตามนัดหมาย ศาลฯ อ่านคำพิพากษาคดี ‘บุญทรง เตริยาภิรมย์’ อดีต รมว.พาณิชย์ ติดคุกแทน ถึง 42 ปี ในคดีทุจริตระบายแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี  และชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 16,000 ล้านบาท ทำให้บุญทรงตรงเข้าคุกทันที 

ตอนหลังมีการเปิดเผยว่า นายหญิงชินวัตรโทรหาบุญทรงแล้วหลอกว่า พี่คะ.. รอหนูแป๊บ..ใกล้ถึงแล้วค่ะ แต่สุดท้ายก็ให้บุญทรงรอเก้อ ทิ้งทุกคนให้ติดคุก ไอ้คำว่า “ใกล้ถึงแล้วค่ะ” นี่น่าจะหมายถึงใกล้ถึงชายแดนเขมรที่มีตำรวจนายหนึ่งพานายหญิงหนีนั่นแหละ หักหลังซึ่งหน้า ทั้งที่บุญทรงทำงานรับใช้ใกล้ชิดครอบครัวทักษิณ ชินวัตรมาตลอด 

ต่อมามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 เพิ่มโทษบุญทรง อีก 6 ปี จากเดิมในชั้นศาลอุทธรณ์ ถูกจำคุก 42 ปี เพิ่มเป็น 48 ปี  เมื่อไม่นานมานี้ บุญทรงขออนุญาตออกจากคุกเพื่อมางานศพแม่ 

ภาพ บุญทรง  เตริยะภิรมย์ ที่เคยหล่อเหลาแข็งแรงคือภาพชายร่างผอมซูบซีดผมหงอกขาว ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้มาร่วมงาน กลับไม่ปรากฎเงาของสมาชิกตระกูลชินวัตรเลยแม้แต่คนเดียว จนถึงทุกวันนี้  บุญทรงยังเก็บงำความลับตระกูลชินวัตรไว้อย่างเหนียวแน่น เช่นเดียวกับตอนที่บอกเพื่อนรักอย่างสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เกี่ยวกับคดีจีทูจีเก๊โครงการรับจำนำข้าว ว่า ‘กูพูดไม่ได้’


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top