Tuesday, 8 July 2025
PoliticsQUIZ

‘จิรายุ’ เผย เตรียมร้อง ‘ป.ป.ช.-ปปท.’ เอาผิด ‘รัฐมนตรี’ ออกนโยบายผิดพลาด

(10 พ.ย. 65) เมื่อเวลา 12.50 น. ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในเดือนธ.ค. จะมีการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 แม้จะไม่มีการลงมติ ฝ่ายค้านก็จะทำงานอย่างเต็มที่ โดยหลังการอภิปรายจะนำรวบรวมข้อมูลทำเป็นสำนวนร้องไปที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) โดยในวันจันทร์ ที่ 14 พฤศจิกายนนี้ ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ต้องเข้าชี้แจงต่อป.ป.ช. ในกรณีเขียนคำร้องไปยังรัฐมนตรีหลายคน ในขณะเดียวกัน ดีเอสไอ ได้แจ้งเป็นเอกสารกลับมาหลังจากกมธ.ฯ ได้ส่งสำนวน พยานหลักฐาน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษของผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงต่างๆ ซึ่งดีเอสไอได้บรรจุเป็นวาระพิจารณาแล้ว

ดึงสติแกนนำ 3 นิ้ว ก่อนปลุกม็อบป่วน APEC ระวังคอตกเข้าคุก เหมือน ‘เสื้อแดง’ ปี 52

ยังเจ็บไม่พอ จะขออีกสักทีหรือไง..ย้อนรอย 10 ปีล้มการประชุมอาเซียน 
ในขณะที่คนไทยทุกคนต่างตื่นเต้นกับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC 2022) ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่คนกลุ่มหนึ่งกลับวางแผนการและระดมพล เพื่อขัดขวางไม่ให้การประชุมในครั้งนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น  

การเคลื่อนไหวของกลุ่มสามนิ้ว เพื่อขัดขวางการประชุมปรากฎในเพจสำนักข่าวราษฎร กลุ่มราษฎรหยุด APEC2022 นำโดยสมบูรณ์ กำแหง, ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล และจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ว่าจะจัดการชุมนุมคู่ขนานการประชุม APEC 2022 โดยอ้างว่านายกรัฐมนตรีไร้ความชอบธรรม ไม่คู่ควรเป็นประธานเอเปค หยุดอ้างเอเปคเพื่อผลักดันนโยบายสร้างหายนะแก่ประชาชน และมีข้อกล่าวหาตามมาอีกมากมาย แต่สรุปคือกลุ่มนี้จะก่อม็อบในช่วงที่มีการประชุมเอเปกนั่นเอง 

การแถลงข่าวของแกนนำสามนิ้วกลุ่มนี้จัดที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ โดยมีแนวร่วมอย่าง Amnesty International Thailand เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือระดมพลเรียกให้ชาวเมียนมาในไทยออกมาประท้วงในการประชุมเอเปกหนนี้ มีการพ่วงโยงเข้ากับสถานการณ์ในพม่า และร่วมลงชื่อ เพื่อนำรายชื่อไปยื่นให้กับรัฐบาลไทย โดยเรียกร้องให้รัฐบาลไทยหาแนวทาง “หยุดการนองเลือดในเมียนมา” 

รัฐบาลเมียนมาถึงกับออกประกาศเตือนชาวเมียนมาในไทยห้ามเคลื่อนไหวในช่วงการประชุม APEC 2022 นับเป็นการแตะเบรกเรื่องนี้ทันทีทันควัน  

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงต้องมีการโยงเรื่องเมียนมาด้วย อเมริกานั้นหนุนหลังม็อบพม่าผ่านเอ็นจีโอที่เคลื่อนไหวในไทย การเคลื่อนไหวของ NGO สายพันธุ์เมียนมา ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศไทย ที่มักรายงานความเคลื่อนไหวและกิจกรรมในเมียนมาต่อผู้สื่อข่าวตะวันตก โดยใช้ประเทศไทยเป็นสถานที่จัดแถลงข่าว  

เงินบริจาคจากบางองค์กรตะวันตกไหลเข้ามาทางประเทศไทย เพื่อใช้ในกิจกรรมที่จัดขึ้นในเมืองไทยหรือไหลไปชายแดน ขั้นตอนที่งบประมาณผ่านทางเมืองไทยนี่แหละ ที่ NGO สายพันธุ์ไทยเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเป็นผู้ร่วมจัดกิจกรรม หรือประสานงานให้กิจกรรมเกิดขึ้นมา พอมองเห็นภาพแล้วใช่ไหมล่ะ

คนเหล่านี้ไม่เคยคิดถึงผลเสียต่อประเทศชาติ เหมือนไม่เคยเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ม็อบเสื้อแดงบุกล้มการประชุมนานาชาติอาเซียนที่พัทยา แม้จะผ่านมากว่า 10 ปีแล้ว แต่เชื่อว่าคนไทยทุกคนยังไม่ลืมเลือน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลานั้นทำลายภาพลักษณ์ของชาติอย่างย่อยยับ 

‘บิ๊กป้อม’ ตรวจความพร้อมรับ APEC 2022 กำชับทุกหน่วยไม่ประมาท ยึดหลักปฏิบัติสากล

‘บิ๊กป้อม’ ลงตรวจความพร้อมการดูแลความปลอดภัยประชุม APEC ย้ำตระหนักตื่นตัวไม่ประมาท เข้มปฏิบัติยึดหลักสากลและมีส่วนร่วม

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มช.กห.และคณะ ลงตรวจความพร้อมการดูแลความปลอดภัยในการจัดประชุม APEC ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยดูการเตรียมความพร้อมและแผนเผชิญเหตุของการรักษาความปลอดภัย ทั้งบุคคล สถานที่ เส้นทางการจราจร ไซเบอร์ รวมทั้งการป้องกันการก่อการร้ายสากล และการสนับสนุนทางการแพทย์และสาธารณสุข  โดยมี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, ปลัดกระทรวงมหาดไทย, ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ,ปลัดกระทรวงกลาโหม, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้แทน ผบ.เหล่าทัพ ให้การต้อนรับ

รองโฆษกพท.จี้นายกฯ แสดงภาวะผู้นำ สั่ง 'อนุทิน' เพิกถอนประกาศสธ.กัญชาเสรี

รองโฆษกสาวเพื่อไทย โหน สมาคมแพทย์นิติเวชฯ จี้นายกฯ แสดงภาวะผู้นำสั่ง 'อนุทิน' เพิกถอนประกาศสธ.กัญชาเสรี ที่นำมาใช้เกินเลยจากการแพทย์ หวั่นเด็ก-เยาวชนพลัดหลงเข้าสู่วงจรยาเสพติด

(11 พ.ย. 65) น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทย พรรคร่วมฝ่ายค้านและประชาชน ขอแสดงความขอบคุณ ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ที่ร่วมกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ขอให้ศาลฯ มีคำสั่งเพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 ให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีการออกประกาศฉบับดังกล่าว และให้กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ตามประกาศ สธ.ลงวันที่ 8 ธันวาคม 2563 ดังเดิม การที่นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย จับมือกับพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น ๆ ต่อสู้ เพื่อต่อต้านคัดค้านกัญชาเสรีที่มีการนำมาใช้เกินเลยไปจากทางการแพทย์ เป็นสิ่งที่สร้างความถูกต้องให้กับผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดกัญชาเสรีของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

‘บิ๊กป้อม’ ร่วมงานสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ฝาก ‘ส.ส. - ว่าที่ผู้สมัครฯ’ จับมือกันสู้ศึกเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ (11 พ.ย. 65) ที่รร.รามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดกิจกรรมสัมมนาส.ส. และว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภายใต้ชื่องาน พลังประชารัฐ พลังคนสร้างชาติ ‘เพราะมีคุณ จึงมีพรรค’ โดยมีแกนนำ ส.ส. 80 คน และว่าที่ผู้สมัครส.ส. ร่วมงาน อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นางนฤมลภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ ประธานวิปรัฐบาล ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าแกนนำระดับรัฐมนตรีพรรค ร่วมงานบางตา ขณะที่นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมสังเกตการณ์

โดยกิจกรรมช่วงเช้า ได้บรรยายเรื่องการสร้างภาพลักษณ์และพัฒนาบุคลิกภาพ และฝึกพัฒนาบุคลิกภาพ จากวิทยากรด้านการสื่อสารที่มีประสบการณ์ 

จากนั้นในช่วงบ่ายจะมีการบรรยายเกี่ยวกับกฎหมายการเลือกตั้ง หัวข้อ ‘ได้ใจชาวบ้านโดยไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง’ และ ‘หาเสียงอย่างไรให้ถูกกฎหมาย’ โดยสำนักงานคณะกรรมการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และทำแบบทดสอบ และกิจกรรมระดมความคิดเห็น และกิจกรรม TikTok ในการสื่อสารประเด็นข่าวในสังคมออนไลน์ จะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไรโดยไม่ผิดกฎหมาย และปิดท้ายด้วยกิจกรรมสันทนาการจับกลุ่ม สานสัมพันธ์ผู้สมัคร ส.ส.ขณะที่วันที่ 12 พ.ย. 65 จะมีการบรรยายการใช้สื่อสังคมออนไลน์และสรุปการสัมมนาปิดท้ายกิจกรรม

จากนั้นเวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร เดินทางมาพบปะกับส.ส.และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นโดยพล.อ.ประวิตร กล่าวแนะนำนายสัญญา สถิรบุตร ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ให้สมาชิกพรรครับทราบ โดยระบุว่าเป็นบุคคลสำคัญ ที่จะมาช่วยเหลือพรรค โดยไม่ได้หวังตำแหน่งอะไร จากนั้นพล.อ.ประวิตร กล่าวกับส.ส.ว่า ก่อนที่จะให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พูดขอเวลาพูดกับสมาชิกทุกคนทั้งใหม่และเก่าที่มาเยอะแยะ ที่จะเสวนาเรื่องต่าง ๆ ของพรรค และรับฟังกกต. 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เห็นมาร่วมงานอย่างนี้แล้วดีใจที่พรรคจะเข้มแข็งต่อไปในอนาคต การที่พรรคจะเข้มแข็งเพราะเราทุกคนช่วยกัน ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งจะนำพาพรรคไปได้คนเดียวเป็นไปไม่ได้ ทุกคนต้องร่วมมือกันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ข้ามความขัดแย้งทั้งหมด และขอต้อนรับสมาชิกพรรคที่อยู่กับเราเพื่อจะรับการเลือกตั้งในต้นปีหน้า ที่ผ่านมาพรรคพปชร.ร่วมมือร่วมใจกันทำให้เป็นสถาบันการเมืองที่มั่งคง มั่งคั่ง สร้างประโยชน์ให้ประชาชน ตลอดเวลาที่ผ่านมา พรรคพปชร.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมาผ่านวิกฤตและอุปสรรคไปได้ด้วยดี ด้วยความสามารถของรัฐมนตรี และพรรคการเมืองทั้ง 3-4 พรรคที่ช่วยจัดตั้งรัฐบาล ก็ผ่านไปได้ และจะสร้างพรรคพปชร.ให้แข็งแรงยิ่งขึ้นต่อไป โดยตนได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค จากสมาชิก ไม่ว่าจะสมัครใจหรือไม่สมัครใจก็ตาม มาถึงช่วงนี้สมาชิกพากันปรบมือชอบใจ ทำให้พล.อ.ประวิตร เอ่ยแซวว่า ปรบมือนี่อาจจะไม่เห็นด้วยก็ได้ตนได้รับเลือกและตระหนักอยู่เสมอว่าเมื่อส.ส.วางใจ ตนก็วางใจส.ส.ว่าจะไปด้วยกันด้วยความเป็นหนึ่งเดียวของพรรค จึงตั้งใจมุ่งมั่นทำงานเสริมสร้างความเข้มแข็งให้พรรคเต็มที่เท่าที่ทำได้ ย้ำว่าทุกคนต้องร่วมมือกัน เพราะพรรคไม่ได้อยู่คนเดียวโดดเดี่ยว แต่เราร่วมกันและข้ามความขัดแย้งทั้งหมด

'บิ๊กตู่' เสนอ 2 แนวทางอาเซียนเดินหน้า ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญ

พลังของอาเซียน ดึงฝ่ายต่าง ๆ ให้มาพบปะ
สัปดาห์นี้ มีการประชุมสุดยอดอาเซียน / G20 
ไทยเองก็จะเป็นเจ้าภาพประชุมเอเปค 
เราควรใช้โอกาสนี้เป็นเวที
สร้างปฏิสัมพันธ์ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา 
นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม
กล่าวในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 41
เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 65

นายกรัฐมนตรีร่วมประชุมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 41 อย่างไม่เป็นทางการ เสนอแนวทางเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่กลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ พร้อมกระชับความสัมพันธ์กับคู่เจรจาและหุ้นส่วนภายนอกให้แน่นแฟ้น เพื่อดำเนินความสัมพันธ์อย่างสมดุล

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ห้อง Ballroom III ชั้น Lobby (L) โรงแรมสกคา พนมเปญ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 41 อย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) มีผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน 9 ประเทศ (เมียนมาไม่เข้าร่วม) และเลขาธิการอาเซียน เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับภาคีภายนอก และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อสถานการณ์และพัฒนาการที่สำคัญในภูมิภาคและระหว่างประเทศ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวเสนอ 2 แนวทางที่อาเซียนควรดำเนินการไปพร้อมๆ กัน ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญ ดังนี้

หนึ่ง เสริมสร้างความเข้มแข็งแก่กลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ โดยดึงศักยภาพของแต่ละกรอบมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และการดำเนินการของแต่ละกรอบมีการสอดประสานกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเป็นแกนกลางของอาเซียน และสามารถรักษาคุณค่าทางยุทธศาสตร์ของโครงสร้างสถาปัตยกรรมภูมิภาคที่มีอาเซียนเป็นแกนกลาง  
สอง กระชับความสัมพันธ์กับคู่เจรจาและหุ้นส่วนภายนอกอื่น ๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของความไว้วางใจระหว่างกัน ความเคารพซึ่งกันและกัน และผลประโยชน์ร่วมกัน โดยอาเซียนดำเนินความสัมพันธ์อย่างสมดุล เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค 

‘ม็อบสิงคโปร์’ ประท้วงไม่ขออนุญาต = โดนคดี ‘ม็อบไทย’ ชุมนุมได้เสรี - แหกทุกกฎเกณฑ์

จะว่าไปไทยนี่แหละที่ประท้วงได้อย่างเสรีทุกที่ทุกเวลา ใครอยากประท้วงก็ปลุกระดมออกไปปิดถนน ทั้งที่มีกฎหมายกำหนดและมีขอบเขตข้อบังคับ แต่ดูเหมือนว่าการประท้วงที่ผ่านมาของคนบางกลุ่มจะไม่แยแสใด ๆ ต่อกฎหมายที่มีเลยแม้แต่น้อย

คนไทยบางกลุ่มชอบเปรียบเทียบไทยกับบางประเทศที่พัฒนาแล้วในซีกโลกตะวันตก รวมทั้งบางประเทศในเอเชีย อย่างญี่ปุ่นและสิงคโปร์ งั้นลองมาดูกฎและข้อห้ามในการประท้วงก่อม็อบในสิงคโปร์กันบ้างว่ากำหนดไว้อย่างไร 

หากดูระเบียบการประท้วงในสิงคโปร์แล้ว จะเห็นว่าเข้มงวดกว่าบ้านเรามาก เพราะไม่สามารถแบกป้ายด่าทอลงถนนแบบเรา หากต้องไปจัดในบริเวณที่ทางรัฐบาลกำหนดไว้เท่านั้น นั่นคือ สปีกเกอร์ คอนเนอร์ ที่ตั้งอยู่ภายในสวน Hong Lim Park

ที่นี่คือสถานที่เดียวที่อนุญาตให้คนสิงคโปร์และผู้ที่ถือบัตรพำนักถาวร ใช้เป็นสถานที่รณรงค์ จัดแสดงนิทรรศกาล รวมถึงการประท้วงได้อย่างถูกกฏหมาย เปิดให้ใช้พื้นที่ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ปี ค.ศ. 2000 โดยไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาตจากรัฐบาล แต่ต้องลงทะเบียนแจ้งวัตถุประสงค์ของกิจกรรมที่สถานีตำรวจ Kreta Ayer Neighbourhood Police Post  ล่วงหน้า  30 วัน 

แต่กระนั้นยังมีกฎระเบียบหยุมหยิมอีกมากมาย เช่น ต้องจัดกิจกรรมระหว่าง 07.00น.-19.00น. ห้ามใช้เครื่องขยายเสียงทุกชนิด ห้ามคนต่างชาติเข้าร่วม คนที่ประท้วงได้ต้องเป็นพลเมืองสิงคโปร์เท่านั้น ห้ามติดป้ายหรือข้อความที่สื่อถึงความรุนแรง ส่อเสียด และลามกอนาจาร ที่สำคัญอีกข้อคือต้องใช้ภาษาสี่ภาษา นั่นคือ อังกฤษ, มาเลย์, จีน และทมิฬ 

สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ขนาดประท้วงคนเดียวยังโดนจับได้ เคยมีกรณีหนึ่งเกิดขึ้น นักเคลื่อนไหวชาวสิงคโปร์คนหนึ่งประท้วงโดยไม่ขออนุญาต ด้วยการยืนอยู่นอกสถานีตำรวจ ถือป้ายที่มีใบหน้ายิ้มคนเดียว ทางการตั้งข้อหาว่ามีส่วนร่วมในการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หากถูกตัดสินว่ามีความผิด จะถูกปรับสูงถึง 5,000 เหรียญสิงคโปร์ ราว 112,880 บาท

หันมาดูบ้านเราบ้าง การประท้วงทุกครั้งไม่เคยอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ลากยาวไปเป็นวันๆ หรือหลายเดือนอย่างที่เห็นอยู่เสมอ ส่วนเรื่องห้ามใช้เครื่องขยายเสียง ก็ดูเหมือนไม่มีใครทำตามในไทย เรื่องห้ามคนต่างชาติเข้าร่วม บางทีเราได้เห็นคนเขมรหรือเมียนมาเนียนมาร่วมบ่อยๆ โดยเฉพาะการประท้วงของกลุ่มสามนิ้ว ข้อห้ามใช้ถ้อยคำลามกหรือส่อเสียด แต่การประท้วงในไทยเกลื่อนไปด้วยถ้อยคำด่าทอหยามหมิ่นสถาบันอันเป็นเสาหลักในประเทศอย่างลามกหยาบคายจนขนลุก เรื่องภาษานั้นก็เห็นแสดงออกทุกภาษา เวลามีการประท้วงก็มีคนโบกธงต่างชาติหรือถือป้ายภาษาต่างๆ ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับจุดประสงค์ในการประท้วงเลย

รวมของดีทุกภาค ขึ้นโต๊ะอาหารค่ำ ‘APEC 2022’ ทุกเมนูเป็นตามแนวคิด ‘Open. - Connect. -Balance.’

โฆษกรัฐบาลเผยเมนูในงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (Gala Dinner) นำเสนอสุดยอดอาหารไทยของดีทุกภูมิภาค

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเมนูอาหารที่จะนำเสนอต่อผู้นำเขตเศรษฐกิจในงานเลี้ยงอาหารค่ำผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (Gala Dinner) วันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 ณ หอประชุมกองทัพเรือ 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าเมนูอาหารทุกจานเป็นไปตามแนวคิดหลักของการประชุม Open. Connect. Balance. ดังนี้ 

Open. เปิดประสบการณ์สู่อาหารไทยอาหารทุกจานเป็นอาหารเมนูฟิวชั่นที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันผ่านความหลากหลายของ สี กลิ่น และสัมผัส ซึ่งมั่นใจว่า อาหารที่นําเสนออย่างประณีตเหล่านี้จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้นําเอเปคคู่สมรส และผู้เข้าร่วม

Connect. เชื่อมต่อท้องถิ่นไทยกับทั่วโลก การทําอาหารนี้สร้างขึ้นโดยการจัดหาสิ่งที่ดีที่สุด ส่วนผสมที่มีคุณภาพ จากภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกฉียงเหนือ และไปจนถึงภาคใต้ ประเทศไทยเป็นหนึ่งในดินแดนที่มีอาหารมีชื่อเสียงที่สุดในโลก ความอุดมสมบูรณ์และเอกลักษณ์ของผลิตผลและวัตถุดิบไทย ไทยซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นําทางเศรษฐกิจการส่งออกอาหาร และเป็นที่รู้จักในนามครัวของโลก

Balance. สร้างสมดุลระหว่างโลกและผู้คน ผ่านการนำวัตถุดิบมาจาก โครงการหลวง วิสาหกิจชุมชน และฟาร์มในท้องถิ่นส่งเสริมให้ผู้คนและชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ เป็นการยกระดับความเป็นอยู่ของคนไทยและครอบครัว พร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 

โดยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงเมนู ดังนี้ 

- Amuse-Bouche (ของว่าง) กระทงทองไส้ครีมซอสและไข่ปลาสเตอร์เจียนโครงการหลวงดอยอินทนนท์

นิพนธ์ มั่นใจ ประชาธิปัตย์ 4 จ.ชายแดนใต้ ได้ส.ส.เพิ่มแน่นอน หลังกระแสตอบรับดี ชี้อย่าตกใจคนเดินออกให้ดูอดีตที่มีคนเดินออกจากพรรคไม่มีใครได้กลับมาแม้แต่คนเดียว

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) และผอ.เลือกตั้งพรรคฯ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (13 พ.ย. 65) ตนได้ประชุมกับผู้สมัคร ส.ส. 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล ทั้งหมดมี 14 เขตเลือกตั้ง วันนี้ถือว่าทั้ง14 เขต พรรคฯมีสมัครครบทั้งหมดแล้ว และในวันที่ 20 พ.ย.นี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ จะไปเปิดตัวผู้สมัครส.ส.ทั้ง 14 เขตที่จ.ยะลา อย่างไรก็ตามผู้สมัครทุกคนที่มาร่วมประชุม มีความมั่นใจเต็มที่ เพราะจากที่เดินในพื้นที่มา 3-4 เดือน พบว่ากระแสตอบรับดีตามลำดับจึงมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งผู้สมัครส่วนหนึ่งเป็นเลือดเก่า ที่กลับมาช่วยพรรค เช่นนายเจะอามิง โตะตาหยง และมีคนรุ่นใหม่ เช่นนายเมธี อรุณ หรือเมธีลาบานูน บางคนจบดอกเตอร์ก็มี หรือที่จ.สตูล มีผู้สมัครเป็นปลัดอำเภอ แต่มีความมุ่งมั่นอยากลงสมัครรับเลือกตั้ง ส่วนรายชื่อทั้งหมดขอให้หัวหน้าพรรคฯเป็นคนเปิดในวันที่ 20 พ.ย. จึงมั่นใจว่าจะสามารถเอาที่นั่งกลับมาและเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน

นายนิพนธ์ ยังกล่าวถึงข่าวสมาชิกบางส่วนลาออกนั้น อาจทำให้ภายในพรรคฯว่า ได้พยายามชี้แจงไปหลายครั้งแล้วถึงการมีคนเดินออกไปจากปชป. ที่จริงกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) และผู้ใหญ่ในพรรคฯรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว ถ้าพูดไปก็เหมือนขับไสไล่ส่งก็พูดไม่ได้ ต้องรอให้แต่ละคนแสดงตัวและตัดสินใจอนาคตของตัวเอง เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกในอดีตก็มีคนออกจากปชป.โดยเฉพาะภาคใต้ ซึ่งเราไม่เคยเห็นใครได้กลับมาในสภาได้เลยสักคน ดังนั้นบทเรียนเหล่านี้หวังว่าจะได้ไตร่ตรองกัน

‘เผ่าภูมิ’ จวก!! รัฐชู ‘โมเดล BCG’ ผิดเวลา ซัด!! ทำโอกาสทองของคนไทยหลุดมือในเวทีเอเปก

วันนี้ (14 พ.ย. 65) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) และผอ.ศูนย์นโยบายพรรคเพื่อไทยกล่าวกรณีไทยชูโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นวาระหลักในการประชุม APEC ว่า โมเดลเศรษฐกิจ BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว: Bio-Circular-Green Economy) ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ถูกผลักดันให้เป็นวาระหลักของการประชุม APEC ซึ่งในเวทีการประชุมสำคัญระดับนี้ เป็น โอกาสทอง ที่เจ้าภาพสามารถผลักดันวาระการหารือเพื่อประโยชน์ต่อสมาชิกและต่อชาติของตน คำถาม คือการใช้โอกาสทองในการผลักดันโมเดล BCG นี้ โดยไทยได้ประโยชน์ ได้เปรียบและมีแต้มต่อหรือไม่ 

1.) พรรคเพื่อไทยสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม โดยโมเดลการพัฒนาคู่ขนานนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสมดุล แต่รายละเอียดรวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนในโมเดล BCG ของรัฐบาลนั้นล้มเหลว ขาดความพร้อมในการเป็นวาระหลักในการประชุมระดับ APEC

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า 2.) โมเดลเศรษฐกิจ BCG ยังกลวง ล่องลอย ย้อนแย้งและมีช่องโหว่สูง ข้อกล่าวหาเรื่องการเพิกเฉยต่ออุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล สนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากขยะ รวมถึงการเอื้อกลุ่มทุนใหญ่ และการฟอกเขียวของโมเดล BCG ยังถูกตั้งคำถามอย่างหนักในสังคม แต่รัฐบาลยังไร้ซึ่งคำตอบ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top