Wednesday, 9 July 2025
NewsFeed

โสมใต้สั่งตำรวจ-ทหารระดับสูง ห้ามเดินทางนอกประเทศ ปมพัวพันอัยการศึก

สำนักงานสอบสวนแห่งชาติ (NOI) ของเกาหลีใต้เปิดเผยเมื่อวันที่ 10 ธันวาคมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารระดับสูง 5 นาย รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ท่ามกลางการสืบสวนกรณีประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุน ซุกยอล  

ทีมสืบสวนพิเศษของ NOI ระบุว่า บุคคลที่ถูกห้ามเดินทางออกนอกประเทศ ได้แก่ โจ จีโฮ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, คิม บงซิก ผู้บัญชาการตำรวจนครหลวงกรุงโซล และมก ฮยอนแท หัวหน้ากองกำลังตำรวจประจำรัฐสภา  

คำสั่งดังกล่าวถูกกระทรวงยุติธรรมบังคับใช้เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 9 ธันวาคม ตามเวลาท้องถิ่น โดยทั้งสามคนถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการควบคุมการเข้าสู่รัฐสภาระหว่างการบังคับใช้กฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม  

นอกจากนี้ ลี จินวู ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันเมืองหลวง และควัก จองกึน อดีตผู้บัญชาการกองกำลังปฏิบัติการพิเศษกองทัพบก ก็ถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศด้วย เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสืบสวนในคดีนี้เช่นกัน

ทั้งนี้ นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงในแวดวงตำรวจและทหารแล้ว ก่อนหน้านั้นทางการเกาหลีใต้ได้มีคำสั่งห้ามประธานาธิบดียุนซอกยอลเดินทางออกนอกประเทศเช่นกัน

มุกดาหาร​ -​แม่ทัพภาค 2 ร่วมทหารแขวงสะหวันนะเขตแถลงข่าวจับยาบ้ามูลค่า 450 ล้านบาท

เมื่อวันที่ (9 ธ.ค. 67​) ที่สถานีเรือมุกดาหาร หน่วยเรือรักษาความสงบตามลำน้ำโขง เขตนครพนม อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร พลโท บุญสิน  พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 นายรณรงค์เทพรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พลตรี สุคนธรัตน์ ชาวพงษ์  ผู้บัญชาการกองกำลังสุรศักดิ์มนตรี  พลเรือตรี ณรงค์  เอมดี  ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง นายคณิศร ภาพีรนนท์ ผู้อำนวยการ สำนักงาน ปปส. ภาค 4 และพันโท สีทอง เลียนสะหวัน หัวหน้าแผนกสู้รบ กองทัพประชาชนลาว แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้าล็อตใหญ่ จำนวน 20 กระสอบ ประมาณ 8,000,000 เม็ด มูลค่า 450 ล้านบาทได้ที่บริเวณริมแม่น้ำโขงมุกดาหาร

สืบเนื่องจาก น.ท.เตชธร ฉิมพาลี หัวหน้าสถานีเรือมุกดาหาร ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามแม่น้ำโขงจาก สปป.ลาว เข้ามาในพื้นที่ บ้านหว้านใหญ่ หมู่ที่ 4 ตำบลหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร จึงได้วางแผนและจัดกำลัง ชุดปฏิบัติการออกทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจในพื้นที่ เมื่อไปถึงบริเวณท่าน้ำหมู่ที่ 4 บ้านหว้านใหญ่ ตามที่ได้รับแจ้ง พบเรือเหล็กขนาดใหญ่ติดเครื่องยนต์แล่นเข้ามาจอดบริเวณริมตลิ่ง จากนั้นได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ลงไปช่วยกันลำเลียงกระสอบจากลำเรือขึ้นมาบนฝั่ง เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวและคนขับเรือเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้พากันอาศัยความมืดวิ่งหลบหนีไปได้ การตรวจสอบพบกระสอบขนาดใหญ่รวมจำนวน 20 กระสอบ เมื่อเปิดออกดูพบว่าเป็นยาบ้า ประมาณ 8,000,000 เม็ด รวมมูลค่ากว่า 480,000,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้พร้อมกับพร้อมเรือเหล็กติดเครื่องยนต์ จำนวน 1 ลำ จากนั้นได้นำของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหว้านใหญ่ เพื่อดำเนินการสอบสวนสืบสวนเพื่อขยายผลติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

#ศูนย์ข่าวมุกดาหาร​ #กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี​ #กองทัพบกroyalthaiarmy​ #กองทัพภาคที่2​
ภาพ​/ข่าว​ เด​วิท​ โชคชัย​ มุกดาหาร​ รายงาน​ 092-5259777​

นราธิวาส-มทภ.4 มอบความห่วงใย ให้กำลังใจส่งตรงถือมือพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ผ่านถุงยังชีพ 650 ชุด

(10 ธ.ค. 67) ที่บ้านปูยู ตำบลเกาะสะท้อน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส พลโท ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 นำถุงยังชีพ พร้อม ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม จำนวน 500 ชุด ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งตรงถึงมือพี่น้องชาวตำบลเกาะสะท้อน เพื่อช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนและเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ โดยมี พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส , นาวาเอก สันติ  เกศศรีพงษ์ศา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ และ คณะผู้บังคับบัญชาร่วมคณะฯ

โอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ยืนยันสนับสนุนกำลังพล พร้อมยุทโธปกรณ์ เข้าช่วยเหลือฟื้นฟูหลังน้ำลดต่อเนื่อง กำชับกำลังพลลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ รวมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ให้บริการตรวจสุขภาพแก่พี่น้องประชาชน ชุมชนต่างๆ ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ พร้อม กล่าวให้กำลังใจและแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนเข้าใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศของโลกและมีอีกหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบประสบภัยธรรมชาติเช่นเดียวกัน 

จากนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 นำถุงยังชีพ พร้อมน้ำดื่ม จำนวน 150 ชุด นำไปมอบให้สมาชิกหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง โครงการฟาร์มตัวอย่างในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง บ้านรอตันบาตู ตำบลกะลุวอ อำเภอเมืองนราธิวาส  จังหวัดนราธิวาส

นอกจากนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 โดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จัดทีมแพทย์ พยาบาล จากศูนย์แพทย์จังหวัดชายแดนภาคใต้ลงพื้นที่ให้บริการด้านสุขภาพแก่พี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในวันที่ 13 ธันวาคม 2567 เวลา 09.00 - 16.00 น. เพื่อตรวจรักษาสุขภาพเบื้องต้น พร้อมมอบยา เวชภัณฑ์ และ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพ สุขอนามัย สภาพจิตใจ เพื่อดูแล เคียงข้างประชาชนอย่างสุดกำลังความสามารถ

ข่าว.แวดาโอ๊ะ หะไร จ.นราธิวาส

ทัพภาค 4 จับมือ GTO Academy อบรมสถาบันการศึกษา มวลชนและประชาชนภาคใต้

(10 ธ.ค. 67) พลโทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 มอบหมายให้พลตรีอนุสรณ์ โออุไร รองแม่ทัพภาคที่ 4 ลงนาม MOU แทน ระหว่างกองทัพภาคที่ 4 และสถาบันศาสตร์แห่งความสุขและความสำเร็จ gto academy โดยดร.ดรัณ เตชะโสภณวณิช ประธานสถาบัน GTO ในวันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม 2567 เวลา 13:00 น. ณ.สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ

โดยมี พลตำรวจโทเผ่าไทย ทองธิว ประธานฯกรรมการบริหารเมืองโบราณ พลเรือเอกเชษฐา ใจเปี่ยม, พลโทองอาจ ชวาลวิวัฒน์ พลเรือตรีไพฑูรย์ ปัญญสิน นางรฏาวัลย์ วงษ์ศรีวงษ์ และคุณนภาพร รุ่งเรือง ร่วมเป็นพยานในพิธี ทั้งนี้ ในการทำบันทึกข้อตกลงนี้ เพื่อสถาบันศาสตร์แห่งความสุขและความสำเร็จ GTO Academy จะส่งเสริมสนับสนุนในการจัดกิจกรรมโครงการหลักสูตรพัฒนาศักยภาพส่วนบุคคล “หลักสูตรศาสตร์แห่งความสุขและความสำเร็จ” และให้บริการทางวิชาการ "จิตตปัญญาศึกษา" ให้กับแกนนำใน 14 จังหวัดภาคใต้

และส่วนกองทัพภาคที่ 4 จะอำนวยความสะดวกในการจัดอบรมหลักสูตรพัฒนาศักยภาพให้กับสถาบันฯ และจัดชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน เป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือการจัดการอบรมฯ และติดตามประเมินผล เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายตามที่ได้รับทราบข้อมูล ร่วมทั้งประสานส่วนราชการ และภาคส่วนต่างๆ ให้เข้ามาร่วมกันแก้ปัญหาให้กับครู และนักเรียนฯ ตามบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ และวางแผนอำนวยการ และขยายผลการจัดอบรมหลักสูตร ไปยังสถาบันการศึกษาทุกระดับหน่วยงาน กลุ่มมวลชน และประชาชนทั่วไปผู้สนใจโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางให้ครอบคลุมทั่วภาคใต้ ต่อไป

นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

อาลัย ‘สันติ ลุนเผ่’ นักร้องเสียงทรงพลัง ศิลปินแห่งชาติ ถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยวัย 88 ปี

มีรายงานข่าวเศร้า การสูญเสียครั้งสำคัญของวงการเพลงและศิลปินไทย ข่าวการจากไปของ ร.ต.สันติ ลุนเผ่ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล - ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2558 ถึงแก่กรรมอย่างสงบด้วยวัย 88 ปี

ประวัติ สันติ ลุนเผ่
เรือตรี สันติ ลุนเผ่ เกิดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2479 ชื่อเดิมว่า ไพศาล ลุนเผ่ เป็นนักร้องชายชาวไทย เกิดที่บ้านในย่านวัดราชบพิธ กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของหม่องลุนเผ่ หม่องลุนเผ่นั้นเป็นนักร้องละครชาวพม่า อพยพมาอยู่ ณ จังหวัดลำปาง แล้วนำชื่อ ลุนเผ่ มาใช้เป็นชื่อสกุล ก่อนย้ายรกรากมายังกรุงเทพมหานคร

มีชื่อเสียงในฐานะเป็นนักร้องประจำคณะดุริยางค์แห่งกองทัพไทย และมีน้ำเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในผลงานด้านเพลงปลุกใจ, เพลงคลาสสิก และเพลงประกอบภาพยนตร์ โดยเฉพาะ เพลง ‘หนักแผ่นดิน’, ‘ความฝันอันสูงสุด’, ‘ทหารพระนเรศวร’, ‘ดุจบิดามารดร’, ‘เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย’, ‘แด่ทหารหาญในสมรภูมิ’ และ ‘มาร์ชทหารไทย’ สันติได้บันทึกแผ่นเสียงเพลงแรกโดยวงดนตรีวายุบุตรคือเพลง ‘คมแสนคม’ ผลงานของ เชาว์ แคล่วคล่อง เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ไทยเรื่อง ‘คมแสนคม’ ในปี พ.ศ. 2507

สันติ ลุนเผ่ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติจากสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม เป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล - ขับร้อง) ประจำปี พ.ศ. 2558

ไพศาล หรือ สันติ ได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนอัสสัมชัญ จนสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาในปี 2496 และศึกษาต่อที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สันติ ลุนเผ่ มีชื่อเสียงจากการขับร้องเพลงพระราชนิพนธ์ และเพลงรักชาติ เป็นจำนวนมากเช่น ความฝันอันสูงสุด ทหารพระนเรศวร ดุจบิดามารดร เกิดเป็นไทยตายเพื่อไทย แด่ทหารหาญในสมรภูมิ มาร์ชทหารไทย หนักแผ่นดิน ถามคนไทย ได้เข้ารับราชการทหารเรือ ประจำวงดุริยางค์ทหารเรือ มีหน้าที่สอนขับร้อง และเรียบเรียงเสียงประสาน จนกระทั่งนาวาเอกสำเร็จ นิยมเดช อดีตผู้บังคับกองดุริยางค์ทหารเรือ เสียชีวิต จึงลาออกจากราชการ

ก่อนเสียชีวิต สันติ ลุนเผ่ ประกอบอาชีพร้องเพลง สอนขับร้องดนตรีคลาสสิก และเป็นที่ปรึกษาคณบดี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล

‘ธนกร’ สวน ‘ปิยบุตร’ หยุดเสี้ยมปม กม.จัดระเบียบกลาโหม ย้ำชัด กองทัพเป็นความมั่นคงของชาติ นักการเมืองไม่ควรแทรกแซง

‘ธนกร’ สวน ‘ปิยบุตร’ หยุดเสี้ยมปม กม.จัดระเบียบกลาโหม ยัน สส.ฟังเสียงประชาชน ปัดมีใบสั่งจากชนชั้นนำ ย้ำชัด กองทัพเป็นความมั่นคงของชาติทุกมิติ ลั่น นักการเมืองไม่ควรล้วงลูกทหาร ยกเทียบตร.ไม่อยู่ใต้ครม. ชี้ หากทำผิดก็อยู่ยาก ป้องกันรัฐประหารไม่ได้ 

วันที่ (11 ธ.ค. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ  อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รองหัวหน้าพรรคและสส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์โจมตีนักการเมืองที่ออกมาประกาศไม่เอาร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมว่าไม่ให้ความสำคัญกับเสียงของประชาชน ฟังแต่ชนชั้นนำนั้น ว่า ตนมองถึงเจตนาเบื้องลึกของนายปิยบุตร พยายามใช้วาทกรรมสร้างความแตกแยกให้ประชาชนเข้าใจผิดๆ ต่อนักการเมือง ผู้แทนราษฎรและเชื่อมโยงให้ถึงชนชั้นนำที่คนไทยทุกคนต่างทราบดี ว่าหมายถึงบุคคลระดับสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่นายปิยบุตรมักแสดงออกลักษณะนี้มาโดยตลอด มองว่าเป็นเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ จึงเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรมยุแยงสร้างความแตกแยกในสังคมเสียที โดยยืนยันว่า ผู้แทนราษฎรต้องรับฟังเสียงของประชาชนเป็นใหญ่ พิจารณากฎหมายที่เกิดประโยชน์ต่อภาพรวมประเทศและยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งใบอนุญาตจากชนชั้นนำตามที่นายปิยบุตรออกมากล่าว อ้างนั้น ล้วนแต่ไม่เป็นความจริง

ทั้งนี้ นายธนกร ระบุว่า ร่างพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่…) พ.ศ… เป็นกฎหมายที่มีความสำคัญ เพราะกองทัพถือเป็นสถาบันหลักของชาติที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทุกมิติ หากจะแก้ไขเพื่อสามารถให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงการเปลี่ยน แปลงองค์ประกอบของสภากลาโหมที่มีอำนาจในการแต่งตั้งตำแหน่งหลักในกองทัพได้นั้น เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ควรพิจารณาด้วยความรอบคอบ เปรียบเทียบกับคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ให้อำนาจพิจารณาแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญโดยไม่ต้องนำรายชื่อเข้าขอเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เช่นเดียวกับสภากลาโหม 

“มติรทสช. มีจุดยืนชัดเจน ไม่เห็นด้วยที่จะให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงกระทรวงกลาโหม เพราะหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจ ควรปราศจากการเมืองเข้าไปล้วงลูกทุกกระบวนการ ซึ่งเหตุผลที่จะแก้ไขเพื่อป้องกันรัฐประหารนั้นตนมองว่า หากรัฐบาลหรือใครก็ตามทั้งทหาร ตำรวจ กระทำความผิดก็ไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งได้ การแก้กฎหมายจึงป้องกันการรัฐประหารไม่ได้  ส่วนการที่นายปิยะบุตรออกมาพูดให้ประชาชนเกิดความสับสนเข้าใจผิด เชื่อมโยงไปถึงชนชั้นนำ เป็นการเบี่ยงประเด็นเพื่อโจมตีทุกฝ่ายให้เกิดความแตกแยก เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ขอพี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อวาทกรรม” นายธนกร ย้ำ

Foxsemicon ยักษ์ใหญ่ผลิตชิปจากไต้หวัน ตั้งฐานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในนิคมชลบุรี-ระยอง

(11 ธ.ค.67) BOI อนุมัติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนโครงการผลิตอุปกรณ์และโมดูลสำหรับเครื่องจักรผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำของกลุ่ม Foxsemicon Integrated Technology Ic. (FITI) ในเครือของ Foxconn

หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลกจากไต้หวัน และเป็นซัพพลายเออร์สำคัญของบริษัท Applied Materials ผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำระดับโลก

บริษัท Foxsemicon ยื่นขอรับการส่งเสริมในนามบริษัท ยูนิค อินทิเกรตเต็ด เทคโนโลยี จำกัด มีมูลค่าเงินลงทุนเฟสแรก 10,500 ล้านบาท ตั้งโรงงาน 2 แห่งที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ถือเป็นโรงงานแห่งที่ 4 ของโลกในกลุ่ม Foxsemicon ก่อนหน้านี้มีโรงงานอยู่ที่จีน ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา

โดยบริษัท Foxsemicon เป็นบริษัทไต้หวันที่เป็นผู้นำในการผลิตอุปกรณ์สำหรับเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์แบบครบวงจร มีขีดความสามารถตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การออกแบบ การผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์และโมดูลสำหรับเครื่องจักร โดยใช้จุดแข็งทั้งด้านเทคโนโลยีการผลิตที่มีความแม่นยำสูง การผสมผสานระหว่างระบบเครื่องกล ระบบไฟฟ้า และระบบอัตโนมัติเข้าด้วยกัน

โรงงานในไทยจะมีการจ้างงานบุคลากรไทยกว่า 1,400 คน เพื่อผลิตอุปกรณ์และโมดูลที่มีความแม่นยำสูงสำหรับเครื่องจักรสำคัญที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำ (Water Fabrication) ที่คาดว่าจะสร้างมูลค่าส่งออกกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี และระยะเริ่มต้นจะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศสัดส่วนกว่า 25% ของมูลค่าวัตถุดิบทั้งสิ้น โดยจะเพิ่มมากขึ้นในระยะถัดไป

นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ระบุว่า การตัดสินใจลงทุนของบริษัท Foxsemicon ครั้งนี้ ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ผลิตอุปกรณ์ขั้นสูงสำหรับเครื่องจักรเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ก่อนหน้านี้มีบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เริ่มเข้ามาลงทุนในไทย ทั้งการออกแบบวงจรรวม (IC Design) การทดสอบ Wafer และ IC

โดยบริษัท Analog Devices และการผลิตชิปตั้นน้ำโดยบริษัท Hana เชื่อมั่นว่าจากนี้ไป จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่รัฐบาลได้ตั้งบอร์ดเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ ซึ่งจะมีการกำหนดโรดแมปแต่ละระยะ

รวมทั้งพัฒนาบุคลากรและปรับปรุงระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับประเทศไทยเป็นฐานรองรับการลงทุนเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมหลักอื่น ๆ ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล โทรคมนาคม ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์การแพทย์ในอนาคตด้วย

‘รองเอ็ด คนพันธุ์ตาก’ เบอร์ 2 ฝ่ากระแส ‘บ้านใหญ่’ มาแรงโค้งสุดท้าย ‘ชาวตาก’ รอฟังปราศรัยหาเสียงแน่นทุกเวที

(11 ธ.ค.67) โค้งสุดท้ายการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก เกิดความน่าสนใจ ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนการเลือกตั้งนายกอบจ.นครศรีธรรมราช ได้หรือไม่ ภายหลังจากที่ เปิดกลยุทธ์หาเสียง “ตากต้องเปลี่ยน คนตากอยากเปลี่ยน คนพันธุ์ตาก” โดยฝั่งผู้ท้าชิง เบอร์ 2 ‘รองเอ็ด - พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร’ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สมัยรัฐบาลลุงตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ช่วงแรกดูเป็นรองหลายขุม เพราะด้วยเจ้าเดิมคือคนที่เรียกตัวเองว่าบ้านใหญ่ เเห่งตระกูล ทวีเกื้อกูลกิจ ซึ่ง นายณัฐวุฒิ ทวีเกื้อกูลกิจ นั่งเป็นนายกอบจ.คุมเมืองตากมาเป็น10 ปี และวันนี้ ได้ส่งคุณนายจอย อัจฉรา ทวีเกื้อกูลกิจ ลูกสะใภ้ ผู้สมัคร หมายเลข1 อดีตเป็นรองนายกอบจ.ตาก ลงชิงเก้าอี้นายกอบจ.เมืองตาก เเทนตนเอง   

เรียกได้ว่านับ 10 ปี ที่บ้าน ใหญ่ คุมจังหวัดตาก มันจึงเป็นที่มาของการตั้ง ยุทธศาสตร์ การหาเสียงของ คู่แข่งผู้ท้าชิง ว่าคนพันธุ์ตาก มาเพื่อ คนตากอยากเปลี่ยน ? หรือ อยากให้ จังหวัดตาก เป็นจังหวัดที่ถูกลืม โดนจัดให้เป็นเมืองรอง ทั้งที่เป็นเมืองชายแดนมีการค้าขายกับเพื่อนบ้านแต่ผู้คนก็ยังลำบาก พื้นที่ไม่พัฒนา แถมยังมีกลุ่มชาติพันธุ์ ที่รอการเข้าถึงสวัสดิการภาครัฐหลายด้าน ภาพรวมแล้ว เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว จังหวัดตากย่ำเท้าอยู่กับที่มาหลายปี เพียงเพราะ คนติดใจบ้านใหญ่ ติดใจนามสกุล ที่พ่อเป็นนายกอบจ.และลูกชาย คือ นาย ธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ  สามี ของผู้สมัครหมายเลข 1 นางอัจฉา ทวีเกื้อกูลกิจ ก็เป็นอดีตสส. จังหวัดตาก ด้วย 

ซึ่งวันนี้ ถึงคราวส่งลูกสะใภ้ลง มาสู้ศึกอบจ.ตากแล้ว เเต้มต่อ ของเบอร์ 1 คือเป็นบ้านใหญ่ เก่าเเก่ แห่งค่ายรัฐบาล พรรคภูมิใจไทย คุมอำนาจ มหาดไทย พร้อมทุกขุมกำลัง เรียกได้ว่าเป็นต่อ หลายขุม การเมืองยุคใหม่หรือจะสู่ยุคเก่า เรียกได้ว่า เบอร์2 รองเอ็ด พตท. อนุรักษ์ จิรจิตร ไปยาก อย่างไรเมืองตากก็จะอยู่แค่ตระกูลนี้เท่านั้น สปอตไลท์ จึงไปส่อง ที่ คุณนายจอย เบอร์ 1 อัจฉรา บ้านใหญ่ ด้วยเหตุนี้ เบอร์ 2 รองเอ็ด จึงเดินหน้าปลุกตาก ให้ตื่น ด้วยยุทธศาสตร์อยากเปลี่ยน จึงกลายเป็น การรวมพลคนอยากเปลี่ยนมาสู้เพื่อจังหวัดตาก จะเห็นได้จาก การรวมพลคนฝ่ายค้าน มาสู้ ทั้งพรรคพลังประชารัฐ  พรรคประชาชน หรืออดีตแกนนำแดง อย่าง อี็ด เมืองตาก มาช่วยผู้ท้าชิง รองเอ็ด เบอร์ 2 พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สมัยรัฐบาลลุงตู่ เเละยังเป็นเพื่อนสนิท กับขุนพลข้างกาย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี คือ เสธ.นิว พลเอก นิธิ จึงเจริญ และเสธ.นุ้ย พล.ท. ฐิตวัชร์ เสถียรทิพย์ เพราะเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 29 รุ่นเดียวกัน

มาจนถึงขณะนี้ รองเอ็ด เบอร์ 2 พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร ได้เดินสายปลุก เมืองตากให้ตื่น ตั้งแต่เช้าจนค่ำเปิดเวที ปราศรัย แทบทุกตำบล แสงสว่างจากแสงไฟ ยามค่ำคืน คนเดินเท้า หาเช้ากินค่ำ คนบนดอย ยังต้องมาฟัง จนเกิดปรากฏการณ์ใหม่ ชาวบ้านแห่ฟัง 'รองเอ็ด' เบอร์ 2 ปราศรัย ไปทุกท้องที่ ของจังหวัด ตาก ตั้งแต่คนเมือง ถึงคนบนดอย ชูนโยบาย ยกระดับการแพทย์ฉุกเฉิน- กู้ภัยทันที - ปั้นทีมฟุตบอลตาก โรงเรียน กีฬา ส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่วนแยก อบจ. ที่แม่สอด เครื่องจักรฟรี -ตลาดชนเผ่า ฟื้นฟูประเพณี ท้องถิ่น "พิสูจน์ ให้ชาวตาก รู้ว่า สู้จริง พูดจริง ทำจริง "พ.ต.ท.อนุรักษ์ จิรจิตร 'รองเอ็ด' อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ตาก เบอร์ 2 ผู้ท้าชิง แคนดิเดต นายก.อบจ.ตาก หมายเลข 2   

ล่าสุดมีประชาชนชาวบ้าน สนใจ มานั่งฟังนโยบายท้องถิ่น เป็นจำนวนมาก จนเกิดกระแสเบอร์ 2 ฟีเว่อร์ เรียกได้ว่าโค้งสุดท้าย คำว่ากระแสจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งท้องถิ่นได้หรือไม่ เมื่อเบอร์ 2 ไม่ใช่เบอร์รองอีกต่อไป จับตาการเลือกตั้ง ว่าคนตาก จะอยากเปลี่ยนจริงหรือไม่ ในวันที่15 ธันวาคมนี้ 

'ทรัมป์' เล็งเพิ่มขุดเจาะน้ำมัน-ก๊าซธรรมชาติ หนุนส่งออกพลังงาน ไม่แคร์สิ่งแวดล้อม

(11 ธ.ค.67) โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมกรุยทางให้บริษัทและนักลงทุนขนาดใหญ่สามารถขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ และส่งออกก๊าซธรรมชาติได้ โดยประกาศว่าจะเร่งอนุมัติการผ่อนปรนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้ที่ลงทุนเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 33,730 ล้านบาท) ในประเทศ

ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียผ่าน Truth Social โดยระบุว่าจะเร่งอนุมัติใบอนุญาตให้แก่บุคคลหรือนิติบุคคลที่ลงทุนในสหรัฐฯ จำนวน 1,000 ล้านดอลลาร์หรือมากกว่า รวมถึงการอนุมัติด้านสิ่งแวดล้อมที่จำเป็น

"บุคคลหรือบริษัทที่ลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์หรือมากกว่านั้นในสหรัฐฯ จะได้รับการอนุมัติใบอนุญาตอย่างเร่งด่วนเต็มรูปแบบ รวมถึงการอนุมัติด้านสิ่งแวดล้อมที่จำเป็น ซึ่งโดยปกติแล้วต้องใช้เวลานาน เตรียมตัวให้พร้อม!!!"

แหล่งข่าวใกล้ชิดกล่าวกับรอยเตอร์ว่า ทรัมป์ต้องการผลักดันการอนุมัติการส่งออกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันทั้งในดินแดนและนอกชายฝั่งสหรัฐฯ เพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะการส่งออกพลังงาน

แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าทรัมป์จะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการอิสระ เช่น คณะกรรมการกำกับกิจกรรมพลังงานส่วนกลาง (FERC) ที่ต้องการทบทวนด้านสิ่งแวดล้อมในโครงการก๊าซ LNG

นอกจากนี้ ทรัมป์และพรรครีพับลิกันยังมีแผนที่จะเพิกถอนข้อจำกัดและกฎหมายสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมบางประการของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เช่น เครดิตภาษีรถยนต์ไฟฟ้า และมาตรฐานโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่มุ่งยกเลิกการใช้ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” มอบห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ มาตรฐาน ISO7 มูลค่ากว่า 4.1 ล้านบาท แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม มอบโอกาสการรักษา ช่วยเหลือชาวนครพนมอย่างยั่งยืน

(9 ธ.ค. 67) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ และคณะกรรมการมูลนิธิ ร่วมในพิธีมอบห้องผ่าตัดปลอดเชื้อ มาตรฐาน ISO7 มูลค่า 4,180,000 บาท (สี่ล้านหนึ่งแสนแปดหมื่นบาทถ้วน) แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม จังหวัดนครพนม  โดยมี ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กล่าวขอบคุณ และคณะกรรมการฯ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ร่วมรับมอบ ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ

การสนับสนุนเครื่องมือทางการแพทย์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ริเริ่มสนับสนุนครั้งใหญ่เนื่องในโอกาสครบรอบ 110 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เมื่อปีพ.ศ.2563 รวมทั้งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  โดยได้มีการสนับสนุนเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นการมอบครุภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ มอบรถพยาบาลติดตั้งอุปกรณ์ มอบรถ X-Ray เคลื่อนที่ระบบดิจิทัล เป็นต้น รวมมูลค่าการสนับสนุนทางการแพทย์ไม่ต่ำกว่า 197 ล้านบาท

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และเฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วน ป่อเต็กตึ๊ง1418
#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top