Wednesday, 1 May 2024
NewsFeed

สัญญาณบวก!! จาก ‘โจ ไบเดน’

เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ได้นายโจ ไบเดน แห่งพรรคเดโมแครต มาเป็นผู้นำมะกัน ด้วยผลคะแนนโหวตท่วมท้นเหนือ ทรัมป์ 290 ต่อ 214

.

คำถามต่อมาที่หลายๆ คนรอลุ้น คือ โจ ไบเดน จะทำให้อุณหภูมิโลกร้อนระอุขึ้นกว่าเดิม หรือเบาบางลง โดยเฉพาะกับประเทศไทย

.

พรายพล คุ้มทรัพย์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ เชื่อว่า โจ ไบเดน จะทำให้การค้าโลกและเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น จากการดำเนินนโยบายที่เป็นระบบ

.

โดยไบเดนจะดำเนินการให้การค้าระหว่างประเทศกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง และนั่นจะเป็นผลดีต่อ ‘ประเทศไทย’ ในด้าน ‘การค้าการส่งออก’ ที่เป็นหนึ่งในคู่ค้าสำคัญกับสหรัฐฯ

.

สอดคล้องกับ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก ที่มองว่า ไบเดนจะทำให้ความสงบเรียบร้อยของโลกดีขึ้น

.

เพราะไบเดนมีแนวโน้มในการดึงบรรยากาศการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการค้าของเอเชียในตลาดอเมริกาให้ค่อยๆ กลับมาดี เหมือนสมัยที่ นายบารัก โอบาม่า ได้ทำไว้

 

ยิ่งไปกว่านั้น ไบเดนน่าจะหลีกเลี่ยงการทำสงครามการค้ากับจีน และหันมาผูกมิตรกับจีนและประเทศใกล้เคียง ซึ่งก็รวมถึงไทยด้วย ให้กลายเป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกามากยิ่งขึ้น

.

แต่นายศุภชัย ทิ้งมุมมองที่น่าสนใจไว้ว่า ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัวในเรื่องสิ่งแวดล้อมให้มาก เพราะพรรคเดโมแครต จะเน้นย้ำนโยบายด้านนี้เป็นหลัก โดยไม่คิดกีดกันทางการค้าในเชิงของภาษีอากร

.

พูดง่าย ๆ ก็คือ เดโมแครตจะให้ความสนใจกับทุกประเทศที่มีการลงทุนเกี่ยวข้องกับความเป็นธรรมชาติที่สะท้อนไปถึงความปลอดภัยในชีวิตคนอเมริกันมากขึ้น

.

ตรงนี้จึงเป็นสัญญาณบวกต่อภาคส่งออกไทย เช่น ภาคการผลิตอาหารที่มีมาตรฐานความปลอดภัยที่จะสร้างโอกาสในตลาดส่งออกไทย-สหรัฐฯ ได้ชัดกว่ายุคทรัมป์ บนแต้มต่อจากการรับมือได้ดีกับโควิด-19 มาก่อนหน้านี้

งานงอก!! เจ้าหนี้หน้าเลือด

สารพัดวิกฤติกำลังทำให้คนไทยขาดสภาพคล่อง ทางออกเร่งด่วนที่คิดออกไวๆ เลยไม่พ้น ‘แหล่งเงินกู้’ ที่ส่วนใหญ่มักมาเงินกู้นอกระบบ
.
หนี้นอกระบบ เป็นปัญหาที่ยิ่งทำให้คนจน ยิ่งจนหนักกว่าเดิมจากดอกเบี้ยมหาโหด และตามมาสู่ปัญหาสังคมมากมาย
.
เมื่อเป็นปัญหามากกว่าทางออก นายกรัฐมนตรี ‘บิ๊กตู่’ เลยสั่งให้มีการเอาผิดเจ้าหนี้นอกระบบกฎหมายอย่างจริงจัง
.
โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ.2559 จนถึงสิ้นเดือนกันยายน พ.ศ.2563 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จับเงินกู้ผิดกฎหมายสะสม 7,476 ราย
.
เมื่อปิดกั้นเงินผิดกฎหมาย ก็ต้องหาทางออกเงินถูกกฎหมายให้ประชาชน ซึ่ง ‘บิ๊กตู่’ ได้เข็นเงินกู้ที่เรียกว่า ‘พิโกไฟแนนซ์’ (PICO Finance) ออกมา
.
‘พิโกไฟแนนซ์’ นี้เป็นสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงการคลัง ถูกออกแบบมาเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ
.
สำหรับผู้ประกอบการที่จะดำเนินธุรกิจ ‘พิโกไฟแนนซ์’ ถูกกำหนดให้ปล่อยกู้เรียกเก็บดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมใดๆ ได้ไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี ส่วนผู้กู้จะกู้เงินในระบบได้ง่ายกว่าเดิม รายละไม่เกิน 50,000 บาท
.
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อดีของ ‘พิโกไฟแนนซ์’ คือ ผู้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันและไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันสามารถเข้าถึงได้หมด แถมเงินต้นและดอกเบี้ยลดลงเรื่อยๆ
.
นับแต่ปี พ.ศ.2559 ที่เริ่มเปิดให้มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ ก็มีผู้สนใจจำนวนมาก มีการประกอบธุรกิจสินเชื่อนี้รวม 858 ราย ใน 72 จังหวัด
.
ส่วนคนที่สนใจและได้รับอนุมัติสินเชื่อก็มีจำนวนทั้งสิ้น 328,300 บัญชี คิดเป็นวงเงิน 8,250.38 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 25,130 บาทต่อบัญชี

คมนาคมชงงบ 6 แสนล้าน (จะพอใช้เหรอ?)

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้เปิดเผยผลการประชุมจัดทำคำของบประมาณรายจ่าย ประจำปี พ.ศ.2565 จ่อของบทะลุ 6.15 แสนล้านบาท

.

โดยมอบให้แต่ละหน่วยงานจัดลำดับความสำคัญให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีโดยกรมทางหลวง (ทล.) นำโด่งของบกว่า 3.6 แสนล้านบาท โดยกว่า 8 หมื่นล้านทุ่มโครงการแบริเออร์ยางพารา

.

นายศักดิ์สยามได้กล่าวว่า “เป็นเรื่องปกติที่แต่ละหน่วยจะตั้งคำของบประมาณไว้สูงเพื่อสำนักงานประมาณพิจารณาปรับลดอีกครั้ง”

จับตาสภาฮ่องกง ใต้เงาปักกิ่ง

สถานการณ์การเมืองในสภาฮ่องกงวันนี้ กลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อมีคำสั่งจากรัฐบาลกลางปักกิ่ง ปลด สส. ฝ่ายค้าน จำนวน 4 คน เนื่องจากหมดคุณสมบัติการเป็นผู้แทน ตามระเบียบของกฏหมายความมั่นคงใหม่ของฮ่องกง ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา

สมาชิกฝ่ายค้านทั้ง 4 คน ที่โดนคำสั่งเด้งฟ้าผ่าได้แก่

1.) Alvin Yeung หัวหน้าพรรค Civic Party ฝ่ายค้านดาวรุ่ง ที่ยอมยกเลิกสิทธิ์การได้เป็นพลเมืองแคนาดา เพื่อมาลุยงานสภาที่ฮ่องกงโดยเฉพาะ และเพิ่งได้รับเลือกตั้งเข้าสภามาเมื่อปี ค.ศ.2016 นี้เอง นับเป็นสมัยแรกของเขา

2.) Dennis Kwok หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรค Civic Party และเป็น สส. ที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ตัวแทนจากรัฐบาลจีนอย่างเผ็ดร้อน

3.) Kenneth Leung อดีตที่ปรึกษาด้านภาษีอาวุโส หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Pro-Democracy ที่ได้รับคัดเลือกจากสภาวิชาชีพ และเป็น สส. มาตั้งแต่ปี ค.ศ.2012

4.) Kwok Ka-ki แพทย์เฉพาะทาง ที่เคยได้รับเลือกเข้าสภาจากกลุ่มแวดวงวิชาชีพ ปัจจุบันสังกัดพรรค Civic Party เช่นเดียวกัน และกลายเป็นหนึ่งใน สส. ที่ถูกขับออกจากสภาจากกฏหมายความมั่นคงใหม่

พอมีประกาศออกมาจากสภานิติบัญญัติฮ่องกง โดยที่ไม่มีรายละเอียดใด ๆ ว่า ทั้ง 4 สส. มีคุณสมบัติข้อใดที่ขัดกับกฏหมายความมั่นคง แต่สื่อฮ่องกงก็คาดเดาว่า น่าจะเป็นเรื่องที่ ทั้ง 4 คนเป็นสมาชิกคนสำคัญของกลุ่ม Pro-Democracy หรืออีกนัยยะหนึ่งคือ ฝ่ายที่ต่อต้านนโยบายจากรัฐบาลจีนที่เป็นหนึ่งในแกนนำ

เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจกับสมาชิกฝ่ายค้าน จึงได้ประกาศตบเท้า ลาออกจากสภาฮ่องกงตามเพื่อนไปอีก 15 คน เป็นการประท้วงคำสั่งจากรัฐบาลจีน

เลยทำให้บรรยากาศการเมืองระหว่างจีน และ ฮ่องกงเริ่มกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง

สภานิติบัญญัติฮ่องกง หรือ ที่เรียกชื่อย่อว่า สภา LegCo จะมีผู้แทนทั้งหมด 70 คน ส่วนในสภาชุดปัจจุบันนี้ มีสมาชิกฝ่ายค้านมีอยู่ทั้งหมด 21 เสียง จากจำนวน 70 ที่นั่ง หลังจากที่โดนปลดไป 4 และลาออกไป 15 ก็จะเหลือฝ่ายค้านเหลือเพียง 2 เสียง ซึ่งก็เหมือนไม่มีอยู่แล้ว

และสภาชุดนี้ มาจากการเลือกตั้งทั่วไปตั้งแต่ปี 2016 ที่เสียงส่วนใหญ่เป็นฝ่ายที่สนับสนุนจีนมากกว่าฝ่ายเสรีนิยม ที่มักถูกเรียกกว่ากลุ่ม Pro-Democracy

แต่หลังจากเกิดกระแสการประท้วงกฎหมายผู้ร้ายข้ามแดน ครั้งใหญ่ในฮ่องกงเมื่อปี ค.ศ.2019 จนบานปลายกลายเป็นการต่อต้านรัฐบาลจีน และเรียกร้องขอปลดแอกเป็นอิสระจากการปกครองของจีน ที่ทำให้กลุ่ม Pro-Democracy ได้รับการสนับสนุนจากชาวฮ่องกงเป็นจำนวนมาก

ภาพสะท้อนที่ชัดที่สุด ที่ส่งเสียงดังสนั่นถึงปักกิ่งนั้นมาจากผลการเลือกตั้งสภาท้องถิ่นในปี ค.ศ.2019 ที่ฝ่ายเสรีนิยมได้รับคะแนนเสียงถล่มทลายที่สุดในประวัติศาสตร์ฮ่องกง

โดยสามารถชนะการเลือกตั้งใน 17 เขต จากทั้งหมด 18 เขตเลือกตั้ง กวาดที่นั่งในสภาท้องถิ่นไปถึง 388 นั่ง เหลือที่นั่งให้กับฝ่ายสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ไปเพียง 62 ที่นั่ง

และ ผู้แทนจากสภาท้องถิ่น ก็จะมีผลต่อการเลือก ผู้บริหารสูงสุดแห่งเกาะฮ่องกงในอนาคตด้วย เนื่องจากจะมีการคัดเลือก สมาชิกจากสภาท้องถิ่นบางส่วนเข้าไปนั่งเป็นคณะกรรมการคัดเลือกหัวหน้าผู้บริหารเกาะฮ่องกงในลำดับต่อไป

ด้วยเหตุนี้ ชาวฮ่องกงจำนวนมากจึงใจจดใจจ่อรอที่การเลือกตั้งใหญ่ในสภา LegCo เป็นอย่างมากที่มีกำหนดจะต้องจัดการเลือกตั้งไปแล้วตั้งแต่กลางปี ค.ศ.2020 แต่ทว่า นางแครี่ ลัม ผู้บริหารสูงสุดของเกาะฮ่องกงคนปัจจุบัน ได้เลื่อนการเลือกตั้งทั่วไปออกไปจนกว่าจะถึงปีหน้า เพราะผลพวงจากการระบาดของ Covid-19

จึงทำให้หลายคนไม่พอใจ เพราะเชื่อว่าหากทางการฮ่องกงได้จัดเลือกตั้งตามกำหนด หรืออย่างน้อย ก่อนการมาถึงของกฎหมายความมั่นคงใหม่ของจีน ฝ่ายเสรีนิยมจะสามารถกวาดที่นั่งในสภา LegCo ได้อย่างถล่มทลายแน่นอน อย่างน้อยที่สุดก็ครึ่งสภา

ว่าแต่ทำไมถึงมีโอกาสแค่ครึ่งสภา?

เนื่องจากที่นั่ง สส. ในสภา LegCo จำนวน 70 ที่นั่งมีที่มาจาก 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่มาจากการเลือกตั้งทั่วไปที่ชาวฮ่องกงสามารถลงคะแนนเลือกผู้แทนได้โดยตรงจำนวน 35 ที่นั่ง

ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง เป็นการเลือกผู้แทนพิเศษตามกลุ่มสายอาชีพ 27 สาย โดยมีคณะกรรมการในสาขาวิชาชีพนั้น ๆ เลือกผู้แทนมาสายละ 1 คน ยกเว้นภาคแรงงานที่จะได้ผู้แทน 3 คน

ถึงแม้ว่าการเลือกผู้แทนครึ่งสภามาจากคณะกรรมการในแต่ละสาขาอาชีพ ที่ส่วนมากมักได้รับอิทธิพลจากรัฐบาลปักกิ่ง จะมีชาวฮ่องกงหลายคนไม่เห็นด้วยกับระบบนี้

แต่อย่างน้อย สมาชิกอีกครึ่งสภาก็มาจากเสียงของชาวฮ่องกง ที่คาดว่าในสมัยหน้า หากวัดจากผลการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา ก็น่าจะมีฝ่ายที่สนับสนุนการเรียกร้องประชาธิปไตยเข้ามาได้ท่วมท้นเต็มสภาแน่นอน

เพียงแต่ตอนนี้ ต้องรอไปจนถึง 5 กันยายน ค.ศ.2021

และด้วยกฎหมายความมั่นคงใหม่ของจีน ที่ระบุข้อห้ามชัดเจน 3 ข้อว่า ห้ามปลุกระดม ห้ามสมคบคิดกับต่างชาติ และห้ามล้มล้างการปกครองเพื่อแยกประเทศ

หากใครที่เคยกระทำการที่เกี่ยวโยงกับความผิดใน 3 ข้อนี้ ก็อาจจะโดนดำเนินคดี ซึ่งรวมถึงการถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง

ดังนั้น คำสั่งเขย่าสภาฮ่องกงด้วยการปลด 4 สส. ฝ่ายค้าน เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการสกัดดาวรุ่ง กลุ่มแกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจีน ที่คาดว่าน่าจะโดนอีกหลายคนก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า

สิ่งหลายคนกำลังจับตานับจากนี้ อาจจะไม่ใช่แค่การเลือกตั้งครั้งต่อไปในฮ่องกง แต่เป็นกระแสแรงต้านที่อาจทำให้ชาวฮ่องกงต้องออกมาส่งเสียงดังถึงปักกิ่งอีกครั้งบนท้องถนนใจกลางเมืองฮ่องกงอย่างเมื่อปีที่ผ่านมา

รวมถึงบทบาทของสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ ว่าจะกระโดดเข้ามากดดันจีนแบบไหนในสมรภูมิที่เกาะฮ่องกงแห่งนี้

.

ข้อมูลอ้างอิง

BBC

https://www.bbc.com/news/world-asia-china-54900174

Channel News Asia

https://www.channelnewsasia.com/news/asia/hong-kong-pro-democracy-lawmakers-to-resign-en-masse-13516730#cxrecs_s

The Standard Hong Kong

https://www.thestandard.com.hk/breaking-news/section/4/158916/Empty-seats-left-behind

Wikipedia

https://en.wikipedia.org/wiki/Legislative_Council_of_Hong_Kong

https://en.wikipedia.org/wiki/2019_Hong_Kong_local_elections

PS5 ฮอตเว่อร์! ขายดีเหมือนเชื้อไวรัสระบาด!!

ขึ้นต้นหัวข่าวอย่างนี้ ฟังดูเวอร์จริงไรจริง แต่นี่เรื่องจริง ขนาด BBC.com ยังใช้คำอ้างอิงว่า Pandemic Launch

สืบเนื่องจากเมื่อวานนี้ (12 พฤศจิกายน พ.ศ.2563) เป็นวันแรกที่มีการวางจำหน่ายเครื่องเพลย์สเตชั่น 5 (PS5) ในประเทศสหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, แคนาดา, เม็กซิโก, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ ผลปรากฎว่า กระแสการตอบรับดีชนิดที่ต้องเปรียบด้วยคำว่า Pandemic Launch อารมณ์คล้ายๆ การแพร่ระบาดยังไงยังงั้น

จากการรายงานบอกว่า PS5 เครื่องใหม่นี้ ปรู๊ดปร๊าดรวดเร็วกว่าเดิม แถมกราฟิกก็สวยงามกว่าเดิม และมีรายละเอียดที่ตอบสนองนักเล่นเกมมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ จะมาเพิ่มประสบการณ์ของนักเล่มเกมได้ดีกว่าเดิมชัวร์ๆ

ราคาเปิดตัว PS5 อยู่ที่ประมาณ 450 ปอนด์ (ราว 18,000 บาท) แต่สำหรับที่เมืองไทยในเวลานี้ แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าจะมีการเปิดตัวจำหน่ายกันวันไหน แต่ตอนนี้ก็มีประเภท "เครื่องหิ้ว" เข้ามาขายกันแล้ว สนนราคาจะอยู่ที่ 35,000-40,000 บาท (เอื้อก!)

ส่วนเรื่องเกมที่มีคนแอบสงสัยว่า PS5 จะเป็นยังไง ทางต้นสังกัดโซนี่แจ้งว่า นอกจากเกมใหม่เจ๋งๆ ที่เตรียมเปิดตัวแล้ว ยังมีเกมยอดนิยมมากมายจาก PS4 ที่จะมาต่อยอดในเครื่อง PS5 ได้สบาย

ก่อนจะได้สัมผัส PS5 กันจริงจัง ย้อนกลับไปในเครื่องเวอร์ชั่นก่อนๆ อย่างเครื่อง PS4 รุ่นก่อนหน้านี้ ก็ทำยอดขายไปได้ทั่วโลก มากกว่า 112 ล้านเครื่อง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องสืบเลยว่า เครื่อง PS5 ตัวล่าสุดนี้ จะ "โกย" ไปเท่าไร

ช่วงนี้ถ้าคนใกล้ตัวเราจะเพ้อลอยๆ ออกมาว่า "เพลย์ห้า เพลย์ห้า" ก็โปรดเข้าใจเขาหน่อยแล้วกันนะ

.

อ้างอิง: https://www.bbc.com/news/newsbeat-54889795

ข้าราชการการเมืองคนใหม่ ทำไมหน้าคุ้น ๆ

เมื่อวันที่ 11 พฤษจิกายน พ.ศ. 2563 เวลา 09.40 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล "นายวิษณุ เครืองาม" รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ในกรณีคณะรัฐมนตรี แต่งตั้ง นางสาวธนพร ศรีวิราช ภรรยา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นข้าราชการการเมืองในตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สามารถทำได้หรือไม่

นายวิษณุ ได้กล่าวว่า "ทำไมจะทำไม่ได้ การแต่งตั้งข้าราชการการเมืองเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีในการเสนอแต่งตั้ง และนำเข้าครม.ไม่ใช่อำนาจของ ร.อ.ธรรมนัส

โดยตนไม่ทราบว่าใครเป็นผู้เสนอขึ้นมา ในส่วนที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ในการแต่งตั้งภรรยาหรือญาติเข้ามาทำงาน"

นายวิษณุได้ให้เหตุผลว่า "ไม่ได้ผิดอะไร เพราะไม่ได้เข้าไปทำงานที่กระทรวงเกษตรฯและในด้านกฎหมายก็ไม่ได้ห้าม หากฎหมายห้ามหรือผิดคุณสมบัติก็ต้องแจ้งหรือตัดออกไป"

นายวิษณุยังทิ้งท้ายด้วยว่า "ส่วนตัวไม่รู้จัก นางสาวธนพร แล้วทำไมถึงมาถามตน มาทราบข่าวจากสื่อด้วยซ้ำไปว่าเกี่ยวดองอะไรกัน"

ประวิตรยิ้มอรุ่ม! ม็อบบางตา

เมื่อวันที่ 11 พฤษจิกายน พ.ศ.2563 ณ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รายงานในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เรื่องความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร ที่มวลชนกลุ่มราษฎรนั้นมีความอ่อนแรงลงไปมาก

จึงมีการสอบถามเพิ่มเติมว่ามีการส่งคนไปเจรจากับทางผู้ชุมนุมหรือไม่ แต่ไร้วี่แววคำตอบจาก พล.อ.ประวิตร นอกจากการส่ายหน้าแทนคำตอบเท่านั้น เมื่อถามถึงความเห็นต่อจำนวนผู้ชุมนุมที่น้อยลง จึงได้คำตอบว่า "ก็ดี ดี"

เมื่อถามถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม มอบหมายให้ไปพูดคุยกับ ส.ส. พรรคพปชร. เพื่อถอนชื่อญัตติรัฐสภา มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210(2) พล.อ.ประวิตร จึงตอบเพียงว่า "ใครให้ถอน ไม่ได้บอกผม"

อีกทั้งเมื่อถามถึงเรืองที่นายกฯ ขอให้พูดคุยกับส.ส.พรรคพปชร. ที่แสดงท่าทีไม่เหมาะสมต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และอดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "บอกไปแล้ว" เมื่อถามย้ำว่าจะถึงขั้นตัดเงินสนับสนุนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม

มนต์พ่อมดยังแร๊งง! รูเพิร์ต กรินต์ เปิดไอจีวันเดียว..คนตามเป็นล้าน!

ยังจำเขาได้ไหม หนึ่งในสมาชิกโรงเรียนพ่อมดแห่งฮอกวอตส์เมื่อ 19 ปีก่อน "รอน วิสลีย์" ที่สวมบทโดย รูเพิร์ต กรินต์ ไม่น่าเชื่อว่า เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก เผลอแปร๊บเดียว เจ้าหนูผมทอง เพื่อนเลิฟของ "แฮร์รี่ พอตเตอร์" เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่เรียบร้อย

แถมไม่ได้โตเปล่า รูเพิร์ตยังชิงมีภรรยา นามว่า "จอร์เจีย กรูม" และเพิ่งคลอดลูกสาวไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา โดยล่าสุด อดีตนักแสดงแห่งหนังมหากาพย์พ่อมดชื่อดัง ได้โพสต์ภาพลูกน้อยลงในอินสตาแกรม

ความพิเศษอยู่ตรงที่ นี่เป็นการเล่นอินสตาแกรมครั้งแรกของเจ้าตัว โดยเขาได้เขียนข้อความขำ ๆ เหมือนแซวตัวเองด้วยว่า "เฮ๊! อินสตาแกรม นี่ผมกรินต์นะ ผมแค่ช้าไป 10 ปีเอ๊งง!"

รูเพิร์ตยังใช้ภาพตัวเองอุ้มลูกสาวตัวน้อยลงเป็นภาพในอินสตาแกรมแรกของตัวเองอีกด้วย ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า เพียงแค่ภาพเดียว วันเดียว แต่ตอนนี้มี Follower เข้าไปกดติดตามอินสตาแกรมเขาแล้วกว่า 2.7 ล้านคน

ของเขายังแร๊ง! ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี มนต์เสน่ห์ของพ่อมดก็ยังอยู่เจงๆ

.

ภาพจาก: Instagram RupertGrint

Netflix คลิกอินเดีย เคลียร์ทาง "ตลาดใหม่"

เห็นได้ชัดว่า ตอนนี้ Netflix สตรีมมิ่งคอนเท้นท์รายใหญ่จากอเมริกา กำลังให้ความสนใจกับการทำตลาดในพื้นที่เอเชียมากขึ้น

หลังใช้เงินลงทุนจำนวนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ ไล่ซื้อลิขสิทธิ์ พร้อมสร้าง Original Content เฉพาะขึ้นมา เพื่อไปไล่ออกอากาศภายในประเทศกลุ่มเอเชียอย่างต่อเนื่อง

ถ้าดูจากรายงานของ Netflix ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จะพบว่าตัวเลขผู้ใช้งานที่เติบโตขึ้น "เกือบครึ่ง" มาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เรียกว่าเป็นสัดส่วนการเติบโตของผู้ใช้งานที่มากที่สุด นับจากที่ Netflix ขยายฐานผู้ใช้ไปตลาดนอกอเมริกาตั้งแต่ปี 2016

นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Netflix หันมาเคลียร์ทางสู่ตลาดนี้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตามประเทศในเอเชียที่ Netflix กำลังสนใจอย่างมากดูจะเป็น "อินเดีย"

เพราะหากมองในเชิงสถิติแล้ว อินเดียมีจำนวนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตบนมือถือถึง 570 ล้านราย อีกทั้งยังมีอัตราการเติบโตของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตปีละ 13%

ทว่ากำลังซื้อของคนอินเดีย อาจจะยังมีไม่มากนัก Netflix จึงออกแพ็คเกจบนมือถือในราคาต่ำกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 152 บาท) (ไทย 99 บาท) ถูกกว่าที่อเมริกา ซึ่งมีราคาเริ่มต้น 14 ดอลลาร์สหรัฐ (426 บาท)

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนสร้างคอนเท้นท์เพื่อคนอินเดียเฉพาะราว 40 เรื่อง และซื้อลิขสิทธิ์ต่างๆ ด้วยมูลค่าการลงทุน 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.21 หมื่นล้านบาท) ตลอดช่วงปี 2019 - 2020 มานี้

แต่ก็ไม่ใช่แค่อินเดียเท่านั้น ในประเทศเอเชียอื่นๆ ก็มีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เช่น...

- การสร้าง Original Content เฉพาะจำนวน 200 เรื่อง เพื่อเจาะเอเชีย

- 70 จาก 200 เรื่อง จะเป็นคอนเทนท์แบบ Live Action และ Anime จากประเทศเกาหลีใต้

- ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่น่าสนใจเช่นกัน ก็กำลังทยอยเพิ่มภาพยนตร์เสริมเข้าไปอีกกว่า 500 เรื่อง

"Tony Zameczkowski" ผู้บริหารด้านการพัฒนาธุรกิจของ Netflix เล่าว่า "Netflix จะทำคอนเท้นท์ให้เหมาะสมกับแต่ละภูมิภาคและให้ความสำคัญกับการทำเมนู คำบรรยาย และพากษ์เสียงในแต่ละภาษา เช่น ภาษาฮินดี มาเลย์ เกาหลี ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย และไทย อีกด้วย"

.

ที่มา: https://www.cnbc.com/2020/11/09/netflix-nflx-its-strategy-in-asian-markets-like-india-indonesia.html

.

ที่มาภาพ: https://officechai.com/startups/netflix-spend-rs-3000-crore-create-content-india-roughly-100-bollywood-movies/

วัคซีนมา พา ZOOM เซ็ง

หลังข่าวสะพัดเกี่ยวกับผลทดสอบวัคซีนต้านโควิด19 ของ Pfizer (บริษัท ยา ไฟเซอร์) ในเฟส 3 ได้ประสบผลสำเร็จมากกว่า 90%

ก็ทำให้วิกฤติของประเทศที่กำลังเจอพายุโควิด-19 แบบหาทางหยุดไม่อยู่ เริ่มดูมีหวังขึ้น

และทันทีที่ข่าวนี้เล็ดหลุดออกมา ก็ส่งแรงดีดให้ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ รวมถึงอีกหลาย ๆ ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งตัวสูงขึ้น

แม้จะเป็นข่าวดีของมนุษยชาติ แต่กลับกันข่าวนี้กำลังกลายเป็นวิกฤติและไม่ส่งผลดีต่อต่อหุ้นของบริการวิดีโอประชุมออนไลน์ที่มาแรงแห่งยุคโควิดอย่าง "ZOOM" สักเท่าไรนัก

เพราะหลังจากข่าวความคืบหน้าของ Pfizer ออกมา ก็ทำให้มูลค่าหุ้นของ Zoom ดิ่งลดลงถึง 20%

เนื่องจากนักลงทุนมองว่า วัคซีนต้านโควิด-19 จะทำให้ผู้คนจะกลับไปทำงานในออฟฟิศได้แบบเดิมเสมือนก่อนหน้ายุคโควิด-19 ระบาดหนัก

และนั่นก็หมายความว่า Zoom จะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปในโลกของการทำงาน

อย่างไรก็ตาม ZOOM ก็กอบโกยโอกาสจากสงครามเชื้อไวรัสสยองในครั้งนี้ไปได้มาก เพราะราคาหุ้นจนถึงวันนี้ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 650% ไปแล้ว

พร้อมทั้งดันมูลค่าตลาด (Market Cap) ของ ZOOM ที่มีการประเมินกันก่อนโควิด-19 ระบาดจาก 9.2 พันล้านดอลลาร์ พุ่งมาอยู่ที่ 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้

ฉะนั้น หาก 20% ที่หายไป ถูกประคองไว้ได้ด้วยกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ๆ ก็อาจจะไม่ก่อให้เกิดความเลวร้ายต่อผู้ก่อตั้งอย่าง Eric Yuan (อีริค หยวน) กระมัง...

.

ที่มา – Business Insider

https://markets.businessinsider.com/news/stocks/zoom-video-stock-price-pfizer-coronavirus-vaccine-success-telework-zm-2020-11-1029781479


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top