Wednesday, 22 May 2024
NewsFeed

รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติฯ

พลเรือตรี ดนัย ปานแดง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ พร้อมด้วยกำลังพล เข้าร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และถวายเป็นพระกุศลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ 29 เมษายน 2567 

โดยมี พล.ร.อ.ชาติชาย ทองสะอาด ผบ.กร.เป็นประธานในพิธี ณ อาคารพุทธสถานเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา กองเรือยุทธการ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 เม.ย.67 เวลา 17.00 น. 
นิราช/นันทพล ทิพย์ศรี รายงาน 0909535645

‘อนุทิน’ บินด่วนร้อยเอ็ด รับ!! ‘อวัยวะ’ ชายสมองตาย ช่วยต่อลมหายใจผู้ป่วยอีก 8 ชีวิต ที่รอความหวัง

(30 เม.ย.67) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วย แพทย์ศัลยศาสตร์หัวใจ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ปฏิบัติภารกิจจิตอาสา ‘หัวใจติดปีก’ เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว จากท่าอากาศยานดอนเมือง มายังโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อผ่าตัดรับหัวใจของ นายตรีพบ ประดับศรี อายุ 41 ปี ผู้เสียชีวิตจากภาวะสมองตาย เลือดออกในสมองจากภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งญาติบริจาคอวัยวะ หัวใจ ตับ ไต และดวงตา เพื่อต่อชีวิตต่อลมหายใจให้ผู้ป่วยที่รอความหวัง กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง ถือเป็นทานบารมีที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่สุดแห่งการให้ครั้งสุดท้ายของชีวิต

โดยมีนายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ดร.นพ.สุรเดชช ชวะเดช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดร้อยเอ็ด นายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด พร้อมคณะผู้บริหาร แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

จากนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล เยี่ยมให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมมอบใบประกาศเกียรติคุณ พวงหรีด และมอบเงินส่วนตัวช่วยเหลือแก่ นางสุนีย์ ประดับศรี แม่ของผู้เสียชีวิต

นายอนุทิน กล่าวว่า การช่วยเหลือครั้งนี้ถือว่าเป็นทานบารมีที่ยิ่งใหญ่ และเป็นที่สุดแห่งการให้ครั้งสุดท้ายของชีวิต แม้คนเราจะเสียชีวิตไปแล้ว ก็ยังสามารถทำประโยชน์ให้คนอื่นได้อีก 8 ชีวิต

‘น้องอิน-น้องเอม’ คว้ารางวัลชนะเลิศ ระดับ ม.ปลาย ในงาน ‘GLOBE SRC 2024’ จากผลงาน ‘การสืบค้นความสามารถการกักเก็บคาร์บอนของพืชในบริเวณที่พักฯ’

‘น้องอิน-น้องเอม’ ผู้ริเริ่มโครงการ ‘Below the Tides : Zero Starving Sea Turtles’ (อิ่มท้องน้องเต่า) และหลานปู่ของนายวิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ One Love Foundation คว้ารางวัลชนะเลิศ ระดับ ม.ปลาย ในงาน ‘GLOBE SRC 2024’ จากผลงาน ‘การสืบค้นความสามารถการกักเก็บคาร์บอนของพืชในบริเวณที่พักฯ’

เมื่อไม่นานมานี้ สสวท. หรือ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ประกาศรับสมัครผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ระดับนักเรียน ประจำปี 2567 หรือ ‘GLOBE Student Research Competition (GLOBE SRC) 2024’

โดยโครงการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยน ผลการศึกษาค้นคว้าวิจัยของนักเรียน ร่วมกับครู นักวิทยาศาสตร์ และชุมชน ในการเรียนรู้และเข้าใจความสัมพันธ์ของสิ่งแวดล้อมที่เป็นองค์ประกอบของโลก (ดิน น้ำ บรรยากาศ และสิ่งปกคลุมดิน/สิ่งมีชีวิต) ในลักษณะของวิทยาศาสตร์โลกทั้งระบบ ที่เชื่อมโยงกับชีวิตจริง เกี่ยวกับปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ในท้องถิ่นของตนอย่างเป็นระบบ โดยใช้หลักวิธีดำเนินการตรวจวัดของ GLOBE ในการเก็บข้อมูลและส่งข้อมูล เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสมาชิกในโครงการ GLOBE ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

ซึ่งเป็นการส่งเสริมประสบการณ์ ทักษะชีวิต ความคิดวิเคราะห์และความคิดสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่การรู้เท่าทันสถานการณ์ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม นำประสบการณ์ที่ได้รับไปปรับใช้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และ นำไปสู่การสร้างความยั่งยืนในการรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกันในระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค และระดับโลก

โดยสามารถสมัครได้ถึงวันที่ 15 ก.พ.67 ที่ผ่านมา เงื่อนไขการสมัครดังนี้ (https://drive.google.com/drive/folders/1h0wxqAO452VQ2U7Ap9sINRfZX8JvO9OX) จากนั้นคณะผู้วิจัยที่ผ่านการคัดเลือก (นักเรียนและครูที่ปรึกษา) จะต้องเข้าร่วมการประชุมวิชาการ GLOBE Student Research Competition 2024 เพื่อนำเสนอผลงานวิจัย และเข้าร่วมการสัมภาษณ์จากคณะกรรมการฯ ในวันที่ 29 - 30 เมษายน 2567 ณ โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพมหานคร 

ล่าสุด (30 เม.ย. 67) หนึ่งในผลงานวิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ในงาน ‘GLOBE Student Research Competition (GLOBE SRC) 2024’ ที่ได้รับรางวัลก็คือ ผลงานวิจัยเรื่อง การสืบค้นความสามารถการกักเก็บคาร์บอนของพืชพรรณในบริเวณที่พักอาศัย เพื่อเปรียบเทียบกับคาร์บอนฟุตพรินท์ของคณะวิจัย โดยมี นายอริณชย์ ทองแตง และเด็กหญิงอริสา ทองแตง คณะผู้วิจัย และ นางสาวชมชนก สุทธาภาศ ครูที่ปรึกษางานวิจัย โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี ได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในการประกวด GLOBE Student Research Competition 2024 ระหว่างวันที่ 29-30 เมยายน 2567 ณ โรงแรมแอบบาสซาเตอร์ กรุงเทพมหานคร โดยได้รับประกาศนียบัตร โล่รางวัล และเงินรางวัล 30,000 บาท

ทั้งนี้ นายอริณชย์ ทองแตง (อิน) และเด็กหญิงอริสา ทองแตง (เอม) เป็นผู้ริเริ่มโครงการ ‘Below the Tides : Zero Starving Sea Turtles’ (อิ่มท้องน้องเต่า) ที่มุ่งมั่นตั้งใจสานต่อความรัก สู่การเป็นผู้ให้ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตของ ‘เต่าทะเล’ ให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อปรับสมดุลระบบนิเวศใต้ท้องทะเลไทยให้สมบูรณ์และยั่งยืน นอกจากนี้ยังเป็นหลานปู่ของนายวิชัย ทองแตง ประธานมูลนิธิหนึ่งน้ำใจ One Love Foundation

10 สิ่งที่ควรทำ หลังชีวิตเริ่มเข้าสู่เลข 5 ในวันที่ค่าเฉลี่ยอายุคนอยู่ที่ 72 ปี

(30 เม.ย.67) จากเพจ 'สานต่อเจตนารมณ์ อาจารย์สมเกียรติ โอสถสภา' ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

ปัจจุบัน คนเรามีอายุเฉลี่ยที่ 72 ปี
ถ้าคุณอายุ 50 ปีไปแล้ว จะมีชีวิตได้อีก 22 ปี
ถ้าไม่ตายเพราะเหตุอื่นซะก่อนนะ
เวลาผ่านไปเร็วมาก จงอย่าประมาทและเตรียมตัวให้พร้อม

1. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพราะชีวิตหลังเลข 5 คือขาลงแล้ว สวยหล่อเป็นเรื่องรอง สตรองคือเรื่องหลัก

2. ทำงานและเก็บเงินให้ได้ หากตอนแก่ไม่มีเงิน ถ้าป่วยแล้ว หนังเหนียว เป็นโรคเรื้อรัง จะตายก็ไม่ตาย แล้วจะเอาเงินที่ไหนมารักษา

3. ปลดหนี้เก่า และไม่สร้างหนี้ใหม่

4. มีที่อยู่เป็นของตัวเอง (ห้อง หรือบ้าน มีโลกส่วนตัว)

5. เรียนรู้เทคโนโลยี และรับรู้ข่าวสารใหม่ ๆ เสมอ จะทำให้เราไม่บื้อ รู้เท่าทันโลกในปัจจุบัน

6. พูดคุยกับลูกหลาน ฟังเขาด้วย ไม่ใช่ให้เขาฟังแต่เรื่องของเรา ต้องแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่เสมอ

7. เพื่อนดี ไม่ต้องมีเยอะ เพื่อนเรื่องเยอะ ไม่ต้องมี

8. ฝึกคิดบวก เลิกอารมณ์ร้อน ปากร้าย ขาเม้าท์นินทา อาจจะหมดวัยที่คนอื่นจะอภัยให้เราแล้ว เพราะคุณจะไม่น่าเอ็นดูเหมือนตอนที่เป็นหนุ่มสาว

9. ยิ้มให้มาก โกรธให้น้อย หัวเราะให้มาก ๆ

10. อภัยให้กันในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เพราะอีกไม่ช้า ก็ต้องแยกย้ายลาโลกกันไปแล้ว

ทั้งนี้ หากยังแข็งแรง จงรีบออกไปใช้ชีวิตซะ ไปหาเพื่อน ไปเที่ยว เพราะประสบการณ์จะติดตัวติดตาคุณไปจนวันสุดท้าย ใครก็ขโมยตัวตนของคุณไปไม่ได้

‘สมอ.’ คุมเข้มมาตรฐานสินค้ายอดฮิต ‘ลาบูบู้’ ต้องใช้วัสดุไม่ลามไฟ-ค่าโลหะหนักไม่เกินเกณฑ์

(30 เม.ย. 67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จะยังคงดำเนินการกวาดล้างสินค้าด้อยคุณภาพภายใต้ภารกิจ Quick win ของ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด และต่อเนื่องในทุกช่องทาง รวมถึงการตรวจสอบแพลตฟอร์มการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ต่าง ๆ เช่น อาร์ตทอย ลาบูบู้ ที่มีกระแสความนิยมและมีประเด็นของมิจฉาชีพหลอกผู้บริโภคให้จ่ายเงินแล้วไม่ส่งสินค้าให้นั้น

“กรณีนี้จริง ๆ เป็นความรับผิดชอบของหลายส่วนงาน ทั้งนี้ ในภารกิจของ สมอ.นั้น จะเป็นด้านการกำกับมาตรฐาน ซึ่งครอบคลุมการดูแลมาตรฐานของเล่นสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี ฉะนั้น หากสินค้า เช่น ลาบูบู้ตัวไหนระบุอายุผู้เล่นว่าเป็นของสำหรับเด็ก จะต้องอยู่ภายใต้มาตรฐานตามที่ สมอ. กำกับ” นางรัดเกล้ากล่าว

นางรัดเกล้ากล่าวว่า ให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของวัสดุของสินค้าเป็นหลัก ได้แก่ วัสดุที่ใช้ ไม่ลามไฟ และไม่มีค่าโลหะหนักเกินเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้ รมว.อุตสาหกรรมได้ กำชับตรวจตรามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนมั่นใจ

นางรัดเกล้า ยังเปิดข้อมูลว่า สมอ. ที่มีนายวันชัย พนมชัย เลขาธิการ สมอ. ดูแลนั้นได้แถลงผลการทำงานรอบ 6 เดือน ประจำปีงบประมาณ 2567 ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยได้ดำเนินการตรวจควบคุมการจำหน่ายสินค้าที่อยู่ในข่ายการควบคุมของ สมอ. จำนวน 144 รายการ อย่างเข้มข้นและต่อเนื่องในทุกช่องทาง ทั้งการลงพื้นที่ตรวจสอบ การเฝ้าระวังผ่านระบบ NSW และตรวจติดตามการจําหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม 66 - มีนาคม 67) ได้ตรวจจับผู้ประกอบการที่ทำผิดกฎหมาย ลักลอบผลิต และนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน จำนวน 191 ราย ยึดอายัดสินค้าเป็นมูลค่ากว่า 220 ล้านบาท โดย 3 อันดับแรก ได้แก่

-เหล็กและวัสดุก่อสร้าง 87.70 ล้านบาท
-ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 73.23 ล้านบาท
-ยานยนต์ 54.09 ล้านบาท

นอกจากนี้ สมอ.ตั้งเป้ากำหนดมาตรฐานในปีนี้ 1,000 เรื่อง โดยครึ่งปีแรกกำหนดมาตรฐานไปแล้ว 469 เรื่อง

นางรัดเกล้ากล่าวว่า นอกจากนี้ สมอ. ได้นำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในกระบวนการออกใบอนุญาต โดยผลงานครึ่งปีงบประมาณแรกได้ออกใบอนุญาต มอก. จำนวน 7,454 ฉบับ ใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน จำนวน 1,597 ฉบับ ใบรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส จำนวน 132 ฉบับ และใบรับรองระบบงาน จำนวน 212 ฉบับ รวมทั้งสิ้น 9,395 ฉบับ

ขณะที่ด้านการมาตรฐานระหว่างประเทศ สมอ. ได้เข้าร่วมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) และเจรจาจัดทำข้อตกลงยอมรับร่วม (MRA) ด้านการมาตรฐานกับประเทศต่าง ๆ เพื่อขยายโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการของไทย รวมถึงปกป้องผลประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการไทยในเวทีการค้าโลก

“สมอ. ยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานด้านการมาตรฐานอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ และคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความปลอดภัย ขณะเดียวกันวันนี้ 30 เมษายนของทุกปีถูกกำหนดให้เป็น วันคุ้มครองผู้บริโภคไทย ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภคในปี 2522 ดังนั้นขอให้ประชาชนในฐานะผู้บริโภค มั่นใจว่า สมอ. ได้ดูแลและจะดูแลคุณภาพสินค้า ก่อนออกใบอนุญาต เพื่อผู้บริโภคจะได้รับการคุ้มครองสิทธิ ให้ได้รับความเป็นธรรม ไม่ถูกหลอก หรือถูกชักจูงด้วยการโฆษณาเกินจริงอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง” นางรัดเกล้ากล่าว

ทำไม? น้ำมันในไทยถึง ‘แพง’

เคยสงสัยไหม ทำไมราคา ‘น้ำมัน’ ในไทยถึง ‘แพง’ วันนี้ THE STATES TIMES มีคำตอบ!!

เหตุที่ทำให้น้ำมันในไทยมีราคาแพง มี 4 ปัจจัย ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ค่าขนส่ง ภาษีต่าง ๆ ที่แต่ละประเทศเรียกเก็บ และ ค่าการกลั่น นั่นเอง

ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่ ‘ไทย’ ที่เจอปัญหาน้ำมันแพง แต่หลาย ๆ ประเทศทั่วโลกก็เจอปัญหานี้เช่นกัน อีกทั้งประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตน้ำมัน จึงไม่อาจเลี่ยงความผันผวนในตลาดโลก ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ยากจะควบคุม

เฉลย!! 3 เหตุผลที่ต้องพ่นสีเครื่องบิน ไม่ใช่แค่เพื่อความสวย แต่เพื่อลดความร้อนภายในตัวเครื่อง ยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน

ทำไมต้องพ่นสีเครื่องบิน ? หรือแค่เพราะว่าทำให้ตัวเครื่องบินสวย

(30 เม.ย. 67) TNN Tech รายงานว่า กลุ่มพันธมิตรการบินสตาร์อัลไลแอนซ์ (Star Alliance) เปิดเผยภาพเบื้องหลังการพ่นสีและตกแต่งลายพิเศษของกลุ่มพันธมิตร กับเครื่องบินแอร์บัส เอ 350-900 (Airbus A350-900) ของการบินไทย พร้อมเฉลยหนึ่งในคำถามพื้นฐานที่หลายคนมักสงสัยว่า ทำไมถึงต้องพ่นสีเครื่องบินและใช้สีขาวเป็นสีหลักของเครื่องบินด้วย

>> 3 เหตุผลในการพ่นสีเครื่องบิน...
- เหตุผลแรกว่าทำไมถึงต้องพ่นสีกับเครื่องบิน คือเรื่องของภาพลักษณ์และแบรนด์ ยกตัวอย่างเครื่องบิน Airbus A350-900 ของการบินไทย ที่ต้องการสร้างภาพจำให้กับ Star Alliance ที่เป็นพันธมิตรการบินแรกของโลกในปี 1997 ซึ่งการบินไทยเองก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพันธมิตรนี้ด้วยเช่นกัน

- เหตุผลที่สอง ที่สำคัญไปกว่านั้น เป้าหมายที่แท้จริงของการพ่นสีเครื่องบินคือ การลดความร้อนภายในตัวเครื่อง เนื่องจากตัวเครื่องบินจะต้องทำการบินที่ระดับความสูง 30,000 ฟุต หรือประมาณ 9 กิโลเมตร เหนือพื้นดิน ในระดับความสูงนี้จะได้รับแสงแดด และรังสี UV (Ultra Violet) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  

ดังนั้น ถ้าไม่มีการพ่นสีที่ได้รับการออกแบบมาพิเศษเพื่อเคลือบป้องกันเครื่องบิน จะทำให้ผู้โดยสารบนเครื่องบินได้รับความร้อนและส่งผลต่อความสะดวกสบายในการโดยสารด้วย

และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ทำให้เครื่องบินส่วนใหญ่จึงพ่นสีขาวเป็นพื้นฐาน แม้ว่าจะมีการตกแต่งลายตามสัญลักษณ์สายการบิน รวมไปสัญลักษณ์ของกลุ่มพันธมิตรสายการบินที่แพนหางเครื่องบิน แต่ก็ยังคงให้สีขาวเป็นสีหลักบนเครื่องบิน เพราะสีขาวเป็นสีที่มีความสามารถในการสะท้อนแดดและรังสี UV ได้ดีที่สุด

- เหตุผลสุดท้าย คือ การสร้างชั้นเคลือบป้องกันลำตัวเครื่องบิน (Fuselarge) เนื่องจากทั้งฝุ่น ความชื้น และสภาพอากาศ ต่างเป็นปัจจัยที่จะกัดกร่อนตัวเครื่องบินให้เสื่อมสภาพและพังก่อนอายุการใช้การงานอันควร 

ทั้งนี้ โดยปกติเครื่องบินพาณิชย์ขนาดใหญ่จากทั้ง Airbus, Boeing สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องประมาณ 30 ปี และมีราคาที่สูงถึง 100 - 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,700 - 11,000 ล้านบาท ตามขนาดและรุ่น ดังนั้น สายการบินจึงต้องคอยพ่นสีเครื่องบิน เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานและคุ้มค่าที่สุด

'อัษฎางค์' ฟาด!! 'สลิ่มสามกีบ' ปั้นข่าวดิสเครดิต-แทงข้างหลัง 'พีระพันธุ์' แค้นประโยชน์ที่ตนสูญเสียในยุค รทสช. ด้าน 'ลุงตุ๋ย' โนแคร์แค่ผู้ไม่หวังดี

(1 พ.ค.67) เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค โพสต์ข้อความเฟซบุ๊ก ระบุว่า...

พี่ตุ๋ย ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็โดนแทงข้างหลัง

ตอนนี้มีความพยายามทำให้เป็นข่าว ในทำนองว่า พี่ตุ๋ย ไม่ได้รับการยอมรับในพรรค จากความเป็นคุณชาย เป็นคุณหนู ทำให้คุยกับคนในพรรคไม่รู้เรื่อง หรือไม่ใยดีกับบางคนบางกลุ่มในพรรค ซึ่งมันคือความพยายามดิสเครดิตหรือสร้างมลทินให้กับท่าน 

อันเกิดมาจากเรื่องผลประโยชน์ที่ตนเองสูญเสีย

บางคนบางกลุ่ม พูดกันตรงๆ เลยว่า เคยวิ่งไปของบจากลุงตู่มาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ รทสช. ไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาล งบนั้นก็ถูกตัด ก็เลยพาลไม่เอาพี่ตุ๋ย ด้วยการสร้างข่าวดังกล่าวขึ้นมา

ก็ไอ้พวกสลิ่มสามกีบกลุ่มที่สามนั่นแหละ รับเงินเขาแล้วก็เสียบเขาข้างหลัง สันดานของมันเลยละ สร้างความแตกแยก เห็นแก่ตัว ไอ้คนแบบนี้น่ารังเกียจมาก

ด้าน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ได้โพสต์ข้อความตอบกลับ ระบุว่า...

"ขอบคุณสำหรับกำลังใจครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ ผู้ไม่หวังดีโดยเฉพาะสื่อปั้นข่าวกันไปเองครับ"

'พีระพันธุ์' เดือด!! ประชาชนถูกเอาเปรียบ เติมน้ำมันแล้วกลายเป็นน้ำ จ่อถอนใบอนุญาตปั๊มแสบ หากปิดไม่ได้ ต้องแก้ กม.อุดช่องโหว่ 

(1 พ.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ได้กล่าวว่า จากกรณีปัญหาการเติมน้ำมันแล้วกลายเป็นน้ำที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2567 นั้น ผมและเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยกระทรวงพลังงานได้รับทราบเรื่องผ่านทางพลังงานจังหวัดกาญจนบุรีว่าผู้เสียหายได้มาร้องเรียนเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 ซึ่งพลังงานจังหวัดและกรมธุรกิจพลังงานได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่มาเป็นลำดับ 

ล่าสุดเมื่อวานนี้ (30 เมษายน 2567) ท่านปลัดกระทรวงพลังงานได้แจ้งให้ผมทราบว่าเจ้าหน้าที่พลังงานจังหวัดกาญจนบุรีได้แจ้งความดำเนินคดีกับทางปั๊มน้ำมันต้นเหตุแล้ว เพราะเป็นการกระทำความผิดตาม พรบ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง และมีคลิปวีดีโอเป็นหลักฐานชัดเจน ส่วนประชาชนที่ได้รับความเสียหายทั้งที่เป็นข่าวและที่ไม่เป็นข่าวก็มีสิทธิแจ้งความดำเนินคดีฐานฉ้อโกงประชาชนได้ด้วย เพราะเป็นการกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง 

ทั้งนี้ ผมได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงานตรวจสอบว่าจะสามารถเพิกถอนใบอนุญาตเปิดปั๊มน้ำมันแห่งนี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็คงต้องแก้ไขกฎหมายกันต่อไป เพราะมีการกระทำความผิดของปั๊มน้ำมันในลักษณะที่เป็นการเอาเปรียบหรือฉ้อโกงประชาชนมาหลายครั้งแล้ว 

ขอให้มั่นใจว่าผมและกระทรวงพลังงานจะไม่ยอมให้ประชาชนถูกเอาเปรียบหรือถูกโกงแบบนี้อย่างเด็ดขาดครับ 

 

ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงาน ชี้ ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ต้องดูที่ปากท้องของลูกจ้าง ย้ำ!! ไม่ใช่ยึดตามกำลังจ่ายของนายจ้าง มิเช่นนั้น จะไม่ใช่ค่าจ้างขั้นต่ำ 

(1 พ.ค. 67) ศาสตราภิชาน แล ดิลกวิทยรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์แรงงาน และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์ เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคมของทุกปี กรณีกระทรวงแรงงานประกาศขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นครั้งที่ 3 ว่า 

ในความเห็นส่วนตัว มองว่าประกาศกี่ครั้งไม่สำคัญ เพียงแต่การประกาศในครั้งที่ผ่านมา ที่มีผลบังคับเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2567 เกณฑ์การปรับค่าจ้างขั้นต่ำนั้นได้ทำลายหลักการของค่าจ้างขั้นต่ำ คือ 1.การปรับค่าจ้างขึ้นในบางพื้นที่ บางอำเภอ ทั้งๆ ที่ในแต่ละพื้นที่ของจังหวัดนั้นๆ ต่างก็มีค่าครองชีพไม่ต่างกัน และ 2.การปรับขึ้นเฉพาะกิจการที่ทำเงินได้

“ทั้งสองอย่างนี้เป็นการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำโดยอาศัยความพร้อมของเจ้าของกิจการ แต่ตามหลักการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ จะต้องดูจากความจำเป็นของลูกจ้างเป็นตัวตั้ง ถ้าหากเขาเดือดร้อน เจ้าของกิจการก็ต้องจ่ายเงินให้เพียงพอต่อปากท้องของลูกจ้าง อย่างในครอบครัวเดียวกัน คนหนึ่งทำงานในกิจการที่มีการเติบโต อีกคนอยู่ในกิจการที่ไม่เติบโต แต่ทั้งหมดก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน แต่ค่าจ้างกลับไม่เท่ากัน เพราะเอาความพร้อมของนายจ้างเป็นตัวกำหนด แบบนี้ไม่ใช่ค่าจ้างขั้นต่ำ ถ้าจ่ายตามกำลังของนายจ้าง แบบนี้เรียกว่า การขึ้นเงินเดือนตามปกติของนายจ้าง ไม่ใช่ค่าจ้างขั้นต่ำ” ศาสตราภิชาน แล กล่าว

ศาสตราภิชาน แล กล่าวอีกว่า วันนี้กระบวนการแรงงานควรใส่ใจประเด็นนี้ให้มาก เพราะไม่เช่นนั้นการขึ้นค่าจ้างจะกลายเป็นการยึดตามกำลังจ่ายของนายจ้างเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่ปากท้องของลูกจ้างเป็นตัวตั้งอีกต่อไป นอกจากนั้น นายจ้างหลายคนยังเอาค่าจ้างขั้นต่ำมาเป็นค่าจ้างขั้นสูงของแรงงาน จะเห็นได้ว่า แรงงานหลายคนทำงานหลายปี แต่เงินค่าจ้างก็ยังได้เท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำ

“ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วการกำหนดค่าจ้างขั้นต่ำ เพื่อให้มีตัวเลขในการกำหนดค่าจ้างที่ต่ำที่สุดที่นายจ้างต้องจ่าย หากจ่ายต่ำกว่านั้น จะผิดกฎหมาย แต่กลับกลายเป็นนายจ้างหลายคนเอาตัวเลขนั้นมาเป็นค่าจ้างขั้นสูงของแรงงาน ดังนั้น ค่าจ้างขั้นต่ำก็ยังมีความสำคัญอยู่ แต่หลักการถูกบิดเบือนไปมาก โดยเฉพาะหลักเกณฑ์คำนวณค่าจ้างขั้นต่ำที่เอาตัวเลขทางเศรษฐกิจมาเป็นตัวกำหนด แต่หากดูในรายละเอียด พบว่าคนที่มีกำลังซื้อมาก ก็จะได้สินค้าในราคาที่ต่ำลง เช่น แรงงานที่รายได้น้อย มีเงินซื้อข้าวสารได้ทีละลิตร ในขณะที่คนมีรายได้สูง สามารถซื้อข้าวได้เป็นกระสอบ ซึ่งราคากระสอบก็ถูกกว่าราคาลิตร สิ่งเหล่านี้ต้องนำมาคิด เพราะถ้าดูค่าการเติบโตของจีดีพีประเทศที่สูงขึ้นจากรายได้ของนายทุน แต่ขณะที่จีดีพีของชาวบ้านไม่ได้ขึ้นตาม ดังนั้น เราต้องคุยกันในรายละเอียดมากขึ้น เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำก็ต้องมี แต่ไม่ใช่ยึดเป็นค่าจ้างขั้นสูง ฉะนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จำเป็นต้องเปิดโอกาสให้มีการเรียกร้องของลูกจ้าง” ศาสตราภิชานแลกล่าว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top