Tuesday, 21 May 2024
NewsFeed

เจ้าของโรงแรม ขึ้นป้ายไว้อาลัย ขบวนการยุติธรรม  ประกาศรับสมัคร ‘ทนายความ’ ฟ้อง ‘ผู้พิพากษาใหญ่’

(1 พ.ค. 67) เจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ใจกลางสี่แยกในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ได้นำป้ายคัตเอาต์ใหญ่ขนาดกว้าง 12 เมตร สูง 11 เมตร ติดบริเวณด้านหน้าอาคารของโรงแรม ระบุข้อความว่า “ไว้อาลัยกระบวนการยุติธรรม รับสมัคร ทนายความใจกล้า มีฝีมือ ฟ้องผู้พิพากษาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังแบบเล่นพรรคเล่นพวก”

โดยอาคารดังกล่าวเป็นโรงแรมเก่าแก่ของอำเภอหล่มสักนานกว่า 50 ปี ภายหลังได้มีการรีโนเวตใหม่ และด้านหน้าได้ทำเป็นร้านกาแฟ ช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น. ช่างได้นำป้ายไวนิลมาติดตั้งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ

บริเวณหน้าร้านมีรถยนต์สายตรวจของ สภ.หล่มสัก 1 คัน และรถจักรยานยนต์สายตรวจจอดอยู่ 3 คัน ภายในบริเวณล็อบบี้ พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หล่มสัก 8 นาย นั่งรอพบเจ้าของโรงแรม คาดว่ามาสอบถามเกี่ยวกับป้ายที่ขึ้นไว้

‘สีจิ้นผิง’ เตรียมเยือน 'ฝรั่งเศส-เซอร์เบีย-ฮังการี' 5-10 พ.ค.นี้ เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ ส่งเสริมสันติภาพ และการพัฒนาของโลก

(1 พ.ค. 67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ฮว่าชุนอิ๋ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ประกาศว่าสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน จะเดินทางเยือนฝรั่งเศส เซอร์เบีย และฮังการีอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 5-10 พ.ค. นี้

ฮว่ากล่าวว่า การเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการครั้งนี้เป็นไปตามคำเชิญของเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส อเล็กซานดาร์ วูซิก ประธานาธิบดีเซอร์เบีย และทามาส ซูลิออค ประธานาธิบดีฮังการี และวิกโตร์ โอร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี

ด้าน หลินเจี้ยน โฆษกกระทรวงฯ อีกคน กล่าวว่านี่เป็นการเดินทางเยือนยุโรปครั้งแรกของผู้นำจีนในรอบเกือบ 5 ปี ซึ่งมีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ของจีนกับฝรั่งเศส เซอร์เบีย ฮังการี และยุโรป รวมถึงส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาของโลก

‘กมธ.แรงงาน’ แจงกรณีมีผู้แอบอ้าง ไปตบทรัพย์ ไซต์งานก่อสร้าง  ย้ำ!! ไม่เคยตั้งหน่วยงานลับเฉพาะกิจ ให้ไปตรวจสอบ 

(1 พ.ค. 67) ที่สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร โดยนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธาน กมธ. ร่วมกับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (อดีต สส.ก้าวไกล) แถลงข่าวกรณีที่มีกลุ่มผู้แอบอ้างเป็นคณะทำงานของ กมธ.การแรงงาน ลงพื้นที่เรียกรับเงินจากโรงงานและไซต์งานในจังหวัดปราจีนบุรี

นายวุฒิพงศ์ กล่าวไล่เรียงเหตุการณ์ว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ได้มีผู้แอบอ้าง กมธ. การแรงงาน ติดต่อเข้ามาที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อลงพื้นที่ก่อสร้างโรงงานของบริษัททุนจีน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ แต่เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องในวันนั้นเกิดความกังวล จึงโทรศัพท์ชวนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด ตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดลงพื้นที่ไปด้วย ซึ่งในวันนั้นผู้ที่แอบอ้างไม่ได้มีเอกสารอะไรมาจาก กมธ.การแรงงาน มีแต่บัตรผ่านเข้าออกอาคารรัฐสภาเท่านั้น ว่าเป็นผู้ติดตาม สส.ท่านหนึ่ง ภายหลังการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ราชการได้เชิญตัวผู้แอบอ้าง ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ สภ.ระเบาะไผ่

นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 26 เม.ย.ได้ไปพบ 5 เสือแรงงานจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากได้รับร้องเรียนว่ากลุ่มผู้แอบอ้าง กมธ.การแรงงาน มีการให้เจ้าหน้าที่ราชการไปยืนเป็นแบล็กกราวน์ให้ ทำให้เกิดความไม่สบายใจกับเจ้าหน้าที่ กลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย จึงร้องเรียนมาที่ตนเอง ปรากฎว่าวันที่ 27 เม.ย. กลุ่มผู้แอบอ้างกลุ่มเดิมเกิดความชะล่าใจ ลงพื้นที่ไซต์งานก่อสร้างทางหลวงชนบท เราจึงซักซ้อมแผนกันคร่าวๆ ว่าจะบุกไปจับ ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าวอ้างชื่อ สส.คนเดิมกับวันที่ 24 เม.ย. โดยทุกคนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ กมธ.การแรงงาน จากนั้นได้ควบคุมตัวกลุ่มคนแอบอ้างทั้งหมด 6 คน ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี แต่ใน 3 คนนั้นขับรถหนี คนกลุ่มนี้มักลงพื้นที่ไซต์งานที่มีขนาดกลางขึ้นไป มีคนงานประมาณ 10 คนขึ้นไป จะตระเวนไปก่อนว่ามีความผิดหรือไม่ โดยความเสียหายที่คนกลุ่มนี้ไปแอบอ้าง ข่มขู่ เรียกทรัพย์นั้น ได้เรียกรับเงินจำนวนนับหมื่นบาท

ขณะที่นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า โชคดีที่มี สส.ที่มีความเอาใจใส่และติดตามรวดเร็ว ไม่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น กมธ.การแรงงานโดนแอบอ้างมาหลายรอบ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภาคตะวันออก พื้นที่สมุทรสงคราม สมุทรสาครก็มี หลายคนไปแอบอ้าง

“ผมเรียนยืนยันว่าคณะ กมธ.การแรงงานไม่เคยมีหนังสือ ไม่เคยในการแต่งตั้งเป็นหน่วยลับ หน่วยเฉพาะกิจให้ไปตรวจสอบที่ไซต์งาน ไม่เคยมีหนังสือสักฉบับเดียว และบุคคลกลุ่มนี้ผมไม่เคยรู้จัก และไม่ได้เป็นคณะ กมธ. ของคณะผม ผมฟังมา เป็นเพียงผู้ติดตามของ สส.ท่านหนึ่ง และอยู่ในคณะ กมธ.ชุดผม แต่ไม่ได้สอบถาม” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว

นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวด้วยว่า ได้เรียนต่อนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เรียบร้อยแล้ว ได้รับแจ้งว่าอะไรที่เป็นการผิดกฎหมาย และไม่ใช่เป็นการกระทำโดยหน้าที่ของคณะ กมธ. ก็ต้องจัดการ เพราะจะทำให้เกิดความเสื่อมเสีย

“ไปไล่บี้ตบทรัพย์ จำนวนที่ได้มาก็หลายหมื่นบาท จึงต้องนำเรียนสื่อมวลชนไปให้บริษัทอื่นๆ และในพื้นที่ที่มีโรงงานแบบนี้ ถ้ามีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นคณะ กมธ.การแรงงาน ก็ขอให้ตรวจสอบและแจ้งมายังคณะ กมธ.การแรงงานด้วย” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่าตั้งคณะกรรมการสอบแล้วหรือยัง นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ตั้งกรรมการสอบ เนื่องจากยังปิดสมัยประชุม

เมื่อถามว่า ชื่อที่ปรากฏเป็นข่าวคือนายสุเทพ อู่อ้น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จะต้องมีการเรียกมาคุยหรือไม่ นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ต้องมีการสอบถาม แต่โดยส่วนตัวยังไม่ได้พูดคุยกัน ทั้งนี้ ยังตอบไม่ได้ว่านายสุเทพมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องฟังหลายฝ่าย โดยก็รับปากแล้วว่าจะไปตรวจสอบโรงงานที่ปราจีนบุรี จะไปพบกับทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้น นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบตัวเลข แต่ได้รับทราบแล้วว่ามีบริษัทจ่ายไปแล้วสองครั้ง ครั้งละ 2 หมื่นบาท แต่มีบริษัทอีกบริษัทหนึ่งที่ใหญ่กว่า ยังไม่ทราบตัวเลขว่าจ่ายไปเท่าไหร่

ส่วนที่ยังไม่ถามนายสุเทพเลยนั้น นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า เพราะเพิ่งทราบเรื่องเมื่อคืนนี้ ยอมรับว่าเป็นเรื่องใหญ่ และจะมีการเรียกประชุมเร็วที่สุดในวันที่ 8 พ.ค.นี้

เมื่อถามว่าหากนายสุเทพผิดจริง จะถึงขั้นขับออกจาก กมธ.หรือไม่ นายสฤษฏ์พงษ์ ระบุว่า เรื่องขับ กมธ.ต้องดูหลายประเด็น เพราะถูกตั้งมาจากสภาใหญ่ แต่ต้องไปดูว่ามีความเกี่ยวพันถึงนายสุเทพหรือไม่ ตามต้องฟังความทั้งสองฝ่าย

‘ภูมิธรรม’ เตรียมตรวจข้าวสุรินทร์ ดึงทุกฝ่ายมีส่วนร่วม คาด!! เปิดประมูล 2 โกดัง ทำรายได้หลายร้อยล้าน

(1 พ.ค. 67) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 พ.ค.67 ตนจะนำคณะผู้บริหาร สื่อมวลชน ผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมประมูลข้าวในโครงการรับจำนำข้าว เพื่อร่วมกันประเมินและตรวจสอบคุณภาพของข้าวใน 2 โกดังของคดีรับจำนำข้าว ที่จ.สุรินทร์ ซึ่งโกดังแรกมีปริมาณ 1 แสนกระสอบ และอีกโกดังมีอยู่ 32,000 กระสอบว่าเสียหายหรือไม่ ซึ่งจะตรวจสอบในส่วนของตรงกลางกองข้าวด้วย จากนั้นคาดว่าจะนำข้าวดังกล่าวมาเปิดประมูลข้าวได้เร็วที่สุดภายในเดือนพ.ค.2567

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ จะเปิดให้ทุกส่วนที่สนใจเข้าร่วมตรวจสอบพร้อมกันกับเซอร์เวเยอร์ด้วย รวมทั้งร่วมกันประเมินราคา เพื่อนำมาพิจารณาในการทำเงื่อนไขในการเปิดประมูล (TOR) ข้าวในล็อตดังกล่าวให้มีความรัดกุม อีกทั้ง ให้เกิดความเป็นธรรมและมีความเหมาะสม หากบุคคลใดเกิดข้อสงสัยก็สามารถแย้งได้

“ประมูลรอบนี้คาดว่าจะได้รายได้จากการประมูลหลาย 100 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้ก็จะนำมาพิจารณาชดเชยให้กับเจ้าของโกดัง ส่วนปริมาณเท่าไร ต้องรอการพิจารณาและคุยกันในรายละเอียด เพื่อให้เป็นธรรมทุกฝ่าย เพราะปริมาณข้าวดังกล่าวเก็บมาเป็นเวลา 10 ปี เป็นภาระและทำให้เจ้าของโกดังเสียโอกาส เนื่องจากภายในโกดังยังมีพื้นที่ว่างบางส่วน”นายภูมิธรรม กล่าว

นายภูมิธรรม ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดี เมื่อพิสูจน์ชัดเจนถึงคุณภาพข้าวแล้วว่า ไม่ใช่ข้าวเน่า ข้าวเสีย ก็สามารถเปิดประมูลข้าวที่คนสามารถทานได้ ไม่ใช่อาหารสัตว์หรือโรงงาน ซึ่งจะพยายามดำเนินการภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ที่ทำได้ รวมไปถึงเรื่องของคดีต่างๆ ในโครงการด้วย

สำหรับคลังสินค้าที่จัดเก็บข้าวในโครงรับจำนำข้าว บจก.พูนผลเทรดดิ้งหลัง 4 อ.เมือง ปัจจุบันมีข้าวคงเหลือ 32,879 กระสอบ และคลังกิตติชัยหลัง 2 อ.ปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันมีข้าวคงเหลือ 112,711 กระสอบ

‘โจ มณฑานี’ โพสต์เฟซ ‘การแต่งรถแบบไทย’ ชี้!! นี่คือกระแสที่กำลังมาแรง เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้

(1 พ.ค. 67) ‘โจ มณฑานี ตันติสุข’ นักจัดรายการวิทยุ พิธีกร สื่อมวลชนชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับ การแต่งรถแบบไทยๆ ที่ชนะใจเพื่อนบ้าน โดยได้ระบุว่า ...

เมื่อ THAI CULTURE แผ่อิทธิพลสู่ประเทศเพื่อนบ้าน อย่างฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ถึงขั้นตั้งกลุ่มไทยคัลเจอร์ และพากันตกแต่งของรักด้วยธงชาติไทย วิถีไทย และที่สำคัญที่สุด-รูปแรกเลยค่ะ #ทรงพระเจริญ 

มันคืออะไรกันนะ ไปดูกันเลยค่ะ!

พี่โจชอบช่องยูทูบ #ส่องโลกคอมเมนต์ มากเพราะแอดไม่นำเสนอคอมเมนต์ด่าเพื่อนบ้านแต่เลือกนำเสนอข้อมูลเจ๋งๆของไทยที่เพื่อนบ้านชื่นชม พร้อมหาข้อมูลเสริมมาให้ด้วย
คลิปแบบเค้ายอดวิวจะไม่เยอะเท่าคลิปด่ากันไปกัน แต่มันมีคุณค่ามากเลยค่ะ

และคลิปนี้คือการนำเสนออิทธิพลการแต่งรถแบบไทยๆที่ชนะใจเพื่อนบ้าน มากถึงขนาดตั้งกลุ่มรักวัฒนธรรมไทย แต่งรถแบบไทย และเรียกชื่อรถกระบะไฮลักซ์แต่งแบบไทยว่า THAI LUX-ไทยลักซ์ และสร้างความสำเร็จทางธุรกิจให้กับกิจการแต่งรถแบบไทยจนได้ไปตั้งธุรกิจที่ประเทศเหล่านั้นด้วย 

ชาวโซเชียลชื่นชม ‘หนุ่มฝรั่งใจดี’ แจก ‘หมวกกันน็อค’ ฟรี เผย!! เคยมีปมประสบอุบัติเหตุ ‘ห่วงใยเด็ก-อยากทำเพื่อสังคม’ 

(1 พ.ค. 67) นับเป็นอีกหนึ่งไวรัลที่หลายคนพากันเข้าไปคอมเมนต์ ชื่นชมอย่างล้นหลามเลยก็ว่าได้ กับคลิปภาพ ที่ชายต่างชาติยื่นรอ รถจักรยานยนต์ที่ขับผ่านมาและมีเด็กนั่ง เมื่อเห็นก็จะโบกเรียก มอบหมวกกันน็อคอย่างดีให้กับเด็ก สร้างความประทับใจให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองรวมถึงผู้ที่เข้ามารับชมคลิปดังกล่าวเป็นอย่างมาก 

โดยสมาชิกติ๊กต๊อก ชื่อ @savvyrickbrown มีผู้ติดตามกว่า 35,600 คน ได้โพสต์คลิปวีดีโอ พร้อมเขียนข้อความแปลไทยว่า หมวกกันน็อคหนึ่งใบปกป้องอนาคต #savvyrickbrown #แสดงความรัก #หมวกกันน็อค #พัทยา #ประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ภายหลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีชาวเน็ตจำนวนมาก เข้ามาแสดงความคิดเห็น

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังที่บริเวณชายหาดจอมเทียนพบกับ Mr. Savvy Rick Brown สัญชาติอเมริกา วัย 57 ปี เจ้าของแอคเคาท์ติ้กต้อก ได้มีการพูดคุยถึงแรงบันดาลใจในการจัดทำการแจกหมวกกันน็อคให้กับเด็กๆ ในพื้นที่ พัทยา โดยเปิดเผยว่า ได้อยู่ในประเทศไทย มา 1 ปี 6 เดือน ใช้ชีวิตช่วงวัยเกษียณ ได้มีการแจกหมวกกันน็อคให้กับเด็กๆเป็นประจำ เพราะอยากให้เด็กได้รับความปลอดภัยจากการสัญจร ที่นั่งรถมากับผู้ปกครอง ที่ผ่านมามักจะเห็นเด็กไทย ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ไม่ค่อยสวมหมวกกันน็อค บางรายอาจจะขาดแคลนทุนทรัพย์ และความตั้งใจที่อยากจะทำเพื่อสังคม 

อีกทั้ง ยังได้เล่าย้อนไปในวัยเด็กว่า เคยผ่านการประสบอุบัติเหตุจากการใช้รถจักรยานยนต์ เพราะถูกกลั่นแกล้งและไม่ได้สวมใส่หมวกกันน็อค ทำให้ป่วยเป็นโรค PTSD (Post-traumatic Stress Disorder) หรือ ความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจ ซึ่งก็เป็นภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังพบเหตุการณ์ความรุนแรงที่ประสบด้วยตนเอง ซึ่งตัวเองก็ได้ต่อสู้กับโรคนี้ในช่วงวัยเด็กค่อนข้างที่จะหลายปี จนกลับมามีชีวิตที่ปกติอีกครั้ง กรณีที่เคยประสบกับเรื่องร้ายมาแล้วก็เรียกได้ว่าตัวเองค่อนข้างเข้าอกเข้าใจและห่วงใยเด็กๆ เป็นอย่างมาก จึงอยากจะทำเพื่อเด็กๆ และสังคม

ส่วนในการแจกหมวกกันน็อค และนำภาพมาลงโพสที่บัญชีแอปพลิเคชั่น Tik tok นั้น ตัวเองได้ลงมือทำสิ่งนี้ไปแล้วเป็นเวลากว่า 6 เดือน ด้วยการลงทุนเอง ส่วนคุณภาพของหมวกกันน็อคก็เป็นสินค้าที่ได้มาตรฐาน ผ่านการทดสอบความปลอดภัยมาแล้ว ซึ่งก็ได้รับการตอบรับ และสนับสนุนอย่างดี จากชาวโซเชียลมีเดีย และจากบ้านเกิดที่สหรัฐฯ รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ที่เข้ามาร่วมบริจาคหมวกกันน็อคสนับสนุนด้วยเช่นกัน ซึ่งตั้งเป้าหมาย อยากจะเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ในประเทศไทย เพื่อแจกจ่ายหมวกกันน็อคให้ถึงกว่าล้านใบ ตนเองยินดีที่จะทำเพื่อสังคมไทย เพราะรัก และชื่นชอบประเทศไทย เพราะคนไทยมีปฏิสัมพันธ์ นิสัยที่ดีต่อกัน

ศรชล.ภาค 1 นำกำลังพลฯ เข้าร่วมกิจกรรม Big Cleaning Day เฉลิมพระเกียรติฯ

1 พร้อมกำลังพลฯ เข้าร่วมกิจกรรม Big Cleaning Day จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฏาคม 2567 ณ ลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หน้าศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม (หลังเก่า), ลานหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม และสวนสุขภาพเทศบาลเมืองสมุทรสงคราม

โดยมี นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ผอ.ศรชล.จังหวัดสมุทรสงคราม/ผวจ.สมุทรสงคราม เป็นประธานมนพิธี

‘แม่บ้านไทย’ รับ!! 100 ล้าน จากเจ้านายฝรั่งเศสที่ลาโลก ตอบแทนความดี-ความซื่อสัตย์ หลังทำงานมากว่า 17 ปี

(2 พ.ค. 67) จากกรณี นางแคทเทอร์รีน อายุ 59 ปี แหม่มสาวนักธุรกิจชาวฝรั่งเศส เจ้าของวิลล่าให้เช่าบนเกาะสมุย ใช้ปืนจบชีวิตริมสระน้ำในวิลล่าหรู ก่อนตายทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินทั้งหมด 100 ล้าน ให้แม่บ้านคนสนิท หลังทราบป่วยเป็นมะเร็ง เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานจบชีวิตเองเครียดจากโรคร้าย แต่ยังคงเป็นปริศนา เนื่องจากก่อนเธอจะยิงตัวตาย วงจรปิดมุมสระน้ำจุดที่เธอยิงตัวตายมุมกล้องได้ถูกกดลงทำให้ไม่เห็นนาทียิง รวมถึงก่อนหน้านี้วิลล่าของเธอเคยถูกคนร้ายบุกมาขโมยทรัพย์สินมาแล้ว

ล่าสุด รายการลุยชนข่าว ได้ไปพบ ป้าติ๋ม ชาว อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร แม่บ้านคนสนิทของผู้ตายแล้ว เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ได้รู้จักกับนางแคทเทอร์รีน มากว่า 17 ปีแล้ว โดยเพื่อนของนางแคทเทอร์รีนได้แนะนำให้ตนเองไปสมัครทำงานเป็นแม่บ้านที่ห้องเช่าของคุณแคทเทอร์รินก่อน จากนั้นนางแคทเทอร์รีนก็ได้ขยายธุรกิจจากห้องพักให้เช่า มาสร้างรีสอร์ต สร้างวิลล่า ธุรกิจเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตนเองก็ได้เป็นแม่บ้านคอยช่วยนางแคทเทอร์รีนมาตลอด

จนล่าสุดเมื่อ 12 ปีก่อน นางแคทเทอร์รีนได้มาซื้อที่ดินบนเกาะสมุย โดยจดทะเบียนเป็นบริษัท เพื่อสร้างวิลล่า จำนวน 5 หลัง และสร้างบ้านวิลล่าหลังนี้ไว้พักอาศัยเอง ตอนนั้นมีนางแคทเทอร์รีน คุณวินเซ่น (สามีเก่า) และตนเอง ซึ่งเป็นแม่บ้าน มีกันเพียง 3 คน มาช่วยกันดูแลในการสร้างวิลล่าหลังนี้ และทำพิธียกเสาเอกด้วยกัน

ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้าของวันที่ 28 เมษายน ตนเองยังได้ เดินทางมาทำความสะอาดบ้านให้กับนางแคทเทอร์รีน ตามปกติถึงแม้เป็นวันหยุดก็ตาม หลังจากนั้นช่วงบ่ายตนเองได้ขอไปทำบุญที่วัดใกล้วิลล่า เนื่องจากเป็นวันเกิดตนเองพอดี นางแคทเทอร์รีนยังอวยพร ‘แฮปปี้เบิร์ธเดย์’ บอกตนเองมีความสุขมาก ๆ นะ อวยพรให้กับตนเองอยู่เลย

กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 29 เมษายน คนงานทำความสะอาดสระน้ำ ซึ่งเดินทางไปที่วิลล่า ได้โทรศัพท์มาหาและบอกว่านางแคทเทอร์รีนนอนเลือดไหลอยู่บนวิลล่าใกล้สระน้ำ ตนเองตกใจมากและรีบขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปดูด้วยความเป็นห่วง

แต่เมื่อไปถึงก็พบว่า นางแคทเทอร์รีน เจ้านายที่ตนเองรักได้เสียชีวิตแล้ว โดยมีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณขมับ ส่วนกล้องวงจรปิดถูกกดลงให้มองไม่เห็นในที่เกิดเหตุ จากนั้นเพื่อนคนงานอีกคนซึ่งเป็นคนสวนได้เดินทางมาด้วย จึงเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่า มีปืนวางอยู่ข้างตัวของคุณแคทเทอร์ริน

ก่อนรีบแจ้งตำรวจทันที เปิดดูไลน์ปรากฏว่า ก่อนจะเกิดเหตุนางแคทเทอร์รีน ยังได้ส่งข้อความทางไลน์มาให้ตนเองเพื่อสั่งเสียไว้ทั้งหมด คล้ายกับทำพินัยกรรมไว้

โดยในข้อความเท่าที่ตนเองและเพื่อนของนางแคทเทอร์รีน ที่มาเปิดเซฟพร้อมกันได้อ่าน ระบุประมาณว่า นางแคทเทอร์รีน ได้ยกบ้านวิลล่าหลังนี้พร้อมที่ดิน รวมถึงที่ดินเปล่าข้างวิลล่า จำนวน 2 ไร่ , รถยนต์หรู เครื่องประดับ แหวน เพชร ซึ่งอยู่ในตู้เซฟ และเงินสดที่อยู่ในธนาคารอีก ไม่รู้จำนวน โดยยกให้ตนเองทั้งหมด

ซึ่งคาดว่า ทรัพย์สินทั้งหมดมีมูลค่าเกือบ 50 ล้านบาท ที่คุณแคทเทอร์รินยกให้กับตนเอง และอีกส่วน คือ วิลล่าจำนวน 2 หลัง ได้มอบให้กับ คุณวินเซ่น สามีเก่าของนางแคทเทอร์รีน

นอกจากนี้ นางแคทเทอร์รีนยังได้สั่งเสียให้ช่วยดูแลแมวอีก 3 ตัวที่เธอรักมาก ๆ ให้ตนเองดูแลต่ออีกด้วย ตอนนั้นตนเองตกใจมากที่ได้อ่านพินัยกรรมที่ระบุไว้ และไม่คิดว่านางแคทเทอร์รีนจะทำแบบนี้

ป้าติ๋มยังบอกอีกว่า นางแคทเทอร์รีน ยังได้โอนเงินค่าจ้าง ค่าอินเทอร์เน็ตจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟทั้งหมดแล้ว รวมถึงโอนเงินจำนวน 5 แสนบาท ให้กับตนเองเพื่อเป็นค่าทำศพด้วยซึ่งตนสัญญาจะจัดงานให้ดีที่สุด และจะไม่ลืมพระคุณของคุณแคทเทอร์รินเลย

โดยหลังจากนี้ ตนเองยังไม่ได้คิดว่า จะเอาวิลล่าหลังนี้ไปทำอะไรต่อ แต่คงไม่ขายแน่นอน เช่นเดียวกับรถหรูที่คุณแคทเทอร์รินยกให้ ถึงแม้ตนเองจะขับไม่เป็นก็ตาม

ส่วนสาเหตุที่นางแคทเทอร์รีนตัดสินใจฆ่าตัวตายคิดว่าน่าจะเกิดจากความเครียด เนื่องจากที่ผ่านมา เธอจะตัดพ้อกับตนเองอยู่ตลอดว่าตัวเองเจ็บป่วยและทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งที่เป็นอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้นางแคทเทอร์รีนป่วยเป็นโรคริดสีดวง ก่อนจะกลายเป็นมะเร็ง ซึ่งตนเองยังเชื่อมั่นว่า ที่เธอทำนั้นคงอยากไปอย่างสงบ

ล่าสุดทีมข่าวยังได้ข้อความที่นางแคทเทอร์รีน ได้พิมพ์สั่งเสียไว้ ซึ่งถือเป็นพินัยกรรมสุดท้ายก่อนที่เธอจะตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง โดยในข้อความ ซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส ได้ระบุมีใจความสำคัญประมาณว่า ถึงติ๋ม (แม่บ้าน)

“ถนนของฉันสิ้นสุดแล้วที่นี่ ฉันคิดอย่างจริงใจว่าคุณเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเลือกคุณให้เป็นผู้ดำเนินการของฉัน ไม่มีอะไรซับซ้อน สำเนาพินัยกรรมของฉันจะอยู่ในตู้นิรภัยของฉัน ฉันอยากจะเผาศพและเอาขี้เถ้าของฉันไปไว้บนเกาะ”

ส่วน บริษัท จี.วี.เอ็น.อี จำกัด (มะพร้าว) ซึ่งเป็นวิลล่าที่มีทั้งหมดของฉัน เหลืออีก 2 หลัง ขอคืนให้แฟนเก่าของฉันและบัญชีธนาคารอีกบางส่วน ขอให้คุณส่งมอบแมว ทั้ง 3 ตัวที่ฉันรัก

ฉันขอมอบโทรศัพท์เครื่องนี้ ซึ่งไม่มีรหัสผ่านให้คุณด้วย ฉันชำระค่าสมัครสมาชิกไว้แล้ว เป็นเวลาหลายเดือน และโปรดแจ้งบุคคลต่อไปนี้ในฝรั่งเศส ว่าฉันตายแล้ว ได้แก่ Valerie Miton เพื่อนของฉันในฝรั่งเศส , Martine Valnet เพื่อนของแม่อุปถัมภ์ของฉัน , Stephane Nemarq อดีตสามีของฉัน , Chantal Magnan ลูกพี่ลูกน้องของแม่ และ Marie Christine Loup ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ฝั่งแม่

พร้อมทั้งยังมีการเล่าถึงความทุกข์ทรมานของอาการป่วย ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิด ภายในวิลล่า ก่อนเกิดเหตุวันที่ 28 เมษายน เวลาประมาณ 11 โมง ผู้ตายนั่งหน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กพิมพ์ข้อความบางอย่าง คาดว่าเป็นการพิมพ์พินัยกรรมเพื่อเป็นการสั่งเสีย

จากนั้นเดินเข้าไปภายในบ้าน และได้ใช้ไม้ถูพื้นกดกล้องวงจรปิดที่อยู่ในที่เกิดเหตุก้มลง เพื่อไม่ให้เห็นภาพ ก่อนที่จะพบเสียชีวิต

ยังไม่จบ!! ดรามาค่าข้าวไข่ดาว 2 ฟอง 70 บาท ลุกลาม คนกินโพสต์เดือด 'ไม่ได้กินฟรี' ตีราคาให้ 50 บาท อีก 20 เป็นส่วนต่าง

(2 พ.ค.67) กลายเป็นประเด็นขึ้นมาจากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ 'Sakda Dismanopnarong' ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านกลุ่ม 'พัทยา' ระบุว่า...

"เราก็ลำบากลูกหิวข้าว จะประหยัด เจอร้านริมทาง สั่งข้าวไข่ดาว 2 ฟองจานนี้ 70 บาท (เฉพาะค่าข้าวไข่ดาวไม่รวมน้ำ) ร้านข้าวต้ม ลุงดอนใจดี"

หลังเรื่องนี้ถูกสื่อในสังคมออนไลน์นำไปเสนอ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปสัมภาษณ์เจ้าตัวก็ได้รับคำตอบว่าที่ตนโพสต์เพราะรู้สึกว่าราคาดังกล่าวแพงเกินจริง อยากให้ทางร้านขอโทษและขอเงินคืนจากค่าข้าวไข่ดาว 70 บาท

ขณะที่นายถาวร อายุ 60 ปี เจ้าของร้านที่ถูกระบุก็ได้รับคำชี้แจงว่า ข้าวไข่ดาว 2 ฟองทางร้านคิดในราคาเดียวกับข้าวราดอาหารตามสั่งทั่วไป คือราคา 70 บาท แต่หากเป็นกับข้าวจะคิดราคาที่จานละ 100 บาท พร้อมยืนยันเป็นราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีลูกค้าคนไหนแสดงความไม่พอใจ และไม่เข้าใจว่าประเด็นดรามาที่เกิดขึ้นผู้โพสต์ไปต้องการอะไร

ล่าสุดทางด้านของผู้ใช้เฟซบุ๊ก 'Sakda Dismanopnarong' ก็ได้มีการโพสต์ข้อความอีกครั้งระบุว่า ขอจบเรื่องไข่ดาวเพียงแค่นี้ และไม่ขอรับคำขอโทษจากเจ้าของร้านแล้ว ส่วนเรื่องเงินก็ไม่ต้องโอนมาโดยบอกว่าขอมอบให้เป็นค่าทำศพของเจ้าของร้านแทน โดยข้อความที่เจ้าตัวโพสต์ระบุว่า... 

"กรณีเรื่องข้าวไข่ดาว ผมขอให้จบแค่นี้นะครับ เครียดมาพอสมควร คำขอโทษจากดอนผมก็ไม่ขอรับแล้ว

ส่วนเรื่องค่าไข่ที่ผมอยากได้คืน ผมตีราคาไข่สองใบนั้น เป็น 50 บาท ดอนไม่ต้องโอนคืนให้ ผมขอมอบเงินส่วนต่าง 20 บาทนี้ เป็นค่าใช้จ่ายล่วงหน้าในงานฌาปนกิจของดอน แล้วแต่ว่าจะนำไปใช้วันไหนก็ตามใจ ผมขอร่วมทำบุญเป็นคนแรก

ปล.ขออภัยที่ร่วมทำบุญแค่ 20 ตอนนี้มีไม่มาก 
ปล.2 ขอฝากถึงดอนอีกเรื่องที่ดอนให้สัมภาษณ์ว่า "เห็นหิวมาอุตส่าห์ทำให้กิน" ขอตอบดอนว่ากูจ่ายตังค์ ไม่ได้ขอแดกฟรี

ส่วนเรื่องหางาน ผมขอหางานทำด้วยตัวเอง จะไม่รับโอกาสหรือความช่วยเหลือจากใครทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้เกิดดรามาว่าฉวยโอกาสจากเหตุการณ์นี้ ขอบคุณทุกคนที่อยากจะช่วยมากครับ แขนขา มือเท้าผมยังมีครบ ไม่อยากรบกวนใคร" 

‘ปตท.’ ผนึก ‘กฟผ.’ ร่วมทุนโครงการ LNG Map Ta Phut Terminal 2 หนุนนโยบายรัฐ ‘เสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติ’ สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน

เมื่อไม่นานมานี้ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.), นายวุฒิกร สติฐิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. ในฐานะประธานกรรมการ PTTLNG, นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), นายรัตติกูล ปิยะวงค์วาณิชย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด และนายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)) ประกาศความสำเร็จการร่วมทุนใน บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จำกัด (PE LNG) เพื่อดำเนินโครงการ LNG Map Ta Phut Terminal 2 (LMPT2) ระหว่าง บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว กรุงเทพฯ 

โดย PTTLNG และ กฟผ. จะถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากัน (50:50) พร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติ เสริมความมั่นคงทางพลังงานแก่ประเทศ รวมทั้งแสวงหาโอกาสความร่วมมือและการลงทุนร่วมกันต่อไป


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top