Foxsemicon ยักษ์ใหญ่ผลิตชิปจากไต้หวัน ตั้งฐานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในนิคมชลบุรี-ระยอง
(11 ธ.ค.67) BOI อนุมัติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนโครงการผลิตอุปกรณ์และโมดูลสำหรับเครื่องจักรผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำของกลุ่ม Foxsemicon Integrated Technology Ic. (FITI) ในเครือของ Foxconn
หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดของโลกจากไต้หวัน และเป็นซัพพลายเออร์สำคัญของบริษัท Applied Materials ผู้ผลิตเครื่องจักรสำหรับผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำระดับโลก
บริษัท Foxsemicon ยื่นขอรับการส่งเสริมในนามบริษัท ยูนิค อินทิเกรตเต็ด เทคโนโลยี จำกัด มีมูลค่าเงินลงทุนเฟสแรก 10,500 ล้านบาท ตั้งโรงงาน 2 แห่งที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง ถือเป็นโรงงานแห่งที่ 4 ของโลกในกลุ่ม Foxsemicon ก่อนหน้านี้มีโรงงานอยู่ที่จีน ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา
โดยบริษัท Foxsemicon เป็นบริษัทไต้หวันที่เป็นผู้นำในการผลิตอุปกรณ์สำหรับเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์แบบครบวงจร มีขีดความสามารถตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การออกแบบ การผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์และโมดูลสำหรับเครื่องจักร โดยใช้จุดแข็งทั้งด้านเทคโนโลยีการผลิตที่มีความแม่นยำสูง การผสมผสานระหว่างระบบเครื่องกล ระบบไฟฟ้า และระบบอัตโนมัติเข้าด้วยกัน
โรงงานในไทยจะมีการจ้างงานบุคลากรไทยกว่า 1,400 คน เพื่อผลิตอุปกรณ์และโมดูลที่มีความแม่นยำสูงสำหรับเครื่องจักรสำคัญที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำ (Water Fabrication) ที่คาดว่าจะสร้างมูลค่าส่งออกกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี และระยะเริ่มต้นจะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศสัดส่วนกว่า 25% ของมูลค่าวัตถุดิบทั้งสิ้น โดยจะเพิ่มมากขึ้นในระยะถัดไป
นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ระบุว่า การตัดสินใจลงทุนของบริษัท Foxsemicon ครั้งนี้ ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ผลิตอุปกรณ์ขั้นสูงสำหรับเครื่องจักรเซมิคอนดักเตอร์ต้นน้ำเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ก่อนหน้านี้มีบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เริ่มเข้ามาลงทุนในไทย ทั้งการออกแบบวงจรรวม (IC Design) การทดสอบ Wafer และ IC
โดยบริษัท Analog Devices และการผลิตชิปตั้นน้ำโดยบริษัท Hana เชื่อมั่นว่าจากนี้ไป จะมีการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่รัฐบาลได้ตั้งบอร์ดเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ ซึ่งจะมีการกำหนดโรดแมปแต่ละระยะ
รวมทั้งพัฒนาบุคลากรและปรับปรุงระบบนิเวศที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับประเทศไทยเป็นฐานรองรับการลงทุนเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมหลักอื่น ๆ ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล โทรคมนาคม ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์หรืออุปกรณ์การแพทย์ในอนาคตด้วย