Thursday, 2 May 2024
ElectionTimes

เลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 ทางสองแพร่งแห่งการเมืองไทย

จนปัจจุบันนี้ยังมีคนก่นด่าว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 คือการถอยหลังเข้าคลองทางการเมืองไทย โดยเฉพาะบรรดาคนเสื้อแดงและเสื้อส้มทั้งหลาย จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลา 8 ปีแล้ว มาย้อนรอยประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น และเป็นการถอยหลังเข้าคลองอย่างที่หลายคนกล่าวหาหรือไม่

ก่อนจะมาถึงวันเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ 2557 มีสาเหตุที่นำไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหญ่ทางการเมือง นั่นคือการนิรโทษกรรมสุดซอยและลักหลับ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2556 อันมีจุดใหญ่ใจความคือต้องการล้างผิดให้อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ การต่อต้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรมนำไปสู่การต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะเธอคือหุ่นเชิดของพี่ชายเท่านั้น ความไม่พอใจนำไปสู่การชุมนุมของกปปส.เริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2556 โดยมีสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำ ได้รับการสนับสนุนจากผู้คนทำให้มีการมาชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงหลักล้านคน

วันที่ 1 ธันวาคม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภาฯ ตามข้อเรียกร้อง เพื่อลดแรงกดดัน เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 สิ่งที่กลุ่มกปปส.ต้องการคือการ 'ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง' กลุ่ม '40 ส.ว.' เสนอให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออก อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคในเวลานั้นประกาศไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส. ทุกเขต เพื่อคว่ำบาตรการเลือกตั้ง

กลุ่มกปปส. มีความคิดว่าถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 โดยยึดตามตัวบทกฎหมาย และการตีความเข้าข้างตัวเองแบบที่รัฐบาลรักษาการแถลงการณ์เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง จะเกิดความวุ่นวายทางการเมืองแน่นอน อีกทั้งยังสูญเสียงบประมาณ ในการจัดการเลือกตั้งอันไร้ประโยชน์ครั้งนี้ วันเลือกตั้งมีการปะทะกันระหว่างกลุ่มไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งกับกลุ่มผู้ต้องการใช้สิทธิ์หลายพื้นที่

หลังวันเลือกตั้ง วันที่ 21 มีนาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 6 ต่อ 3 ให้การเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์เป็นโมฆะ ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 108 วรรค 2 เนื่องด้วยไม่สามารถกระทำการเลือกตั้งในวันเดียวกันได้ทั้งราชอาณาจักร มี 28 เขตเลือกตั้งไม่มีการจัดและเปิดรับสมัครเลือกตั้งมาก่อนเลย ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม และ กกต. ดำเนินการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งขัดต่อหลักการลงคะแนนลับ หากมีการจัดการเลือกตั้งหลัง

พลิกปมการเมือง ครั้ง 'ทักษิณ' หักหลัง 'สมัคร สุนทรเวช' จุดจบทางการเมืองที่น่าเวทนาของชายร่างใหญ่วัย 73

จะว่าไป 'ทักษิณ ชินวัตร' นี่ เป็นคนที่ใช้นอมินีเปลืองที่สุดเลยก็ว่าได้ 

แล้วก็ต้องบอกเลยว่า เมื่อพลิกย้อนประวัติศาสตร์การเมืองไทย สภาพนอมินีแต่ละคนของทักษิณ มีจุดจบที่ไม่สวยเลยแม้แต่คนเดียว แม้แต่คนสุดท้ายอย่าง 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' ด้วย

ล่าสุดส่งอุ๊งอิ๊งมาเป็นนอมินีพ่อ ก็รอดูต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร จะแลนสไลด์อย่างที่ฝันไว้หรือไม่?

พูดถึงเรื่องนอมินีแล้ว ก็อดยกกรณีที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนอมินีทักษิณ ชินวัตรกรณีหนึ่ง อย่างกรณีสมัคร สุนทรเวช ไม่ได้ หลังจากกลายมาเป็นนอมินีทักษิณ แล้วถูกหักหลังจนจบชีวิตทางการเมืองอย่างน่าเวทนา

ภาพจำที่บรรดาคอการเมืองจดจำขึ้นใจคือ ผู้ชายร่างสูงใหญ่ วัย 73 ปี เดินเดียวดายสีหน้าเศร้าสร้อยขึ้นรถกลับบ้าน ซึ่งเป็นภาพสุดท้ายที่คนไทยได้เห็นสมัครปรากฎตัวต่อที่สาธารณะ ก่อนจะล้มป่วยลงด้วยโรคมะเร็งตับ 

นั่นคือวันที่สมัคร สุนทรเวช คงสุดชอกช้ำ หลังถูกคนที่ตนเคยอวยยศ ว่าเหมือน 'นมตราหมี เพราะดีที่สุด'  อย่างทักษิณหักหลังหลอกให้แต่งชุดเต็มยศไปรอเก้อ แต่สุดท้ายก็ต้องเดียวดายกลับบ้าน!! 

ย้อนรอยปูมประวัติศาสตร์การเมืองยุคนั้น : วันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไปครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 และเป็นครั้งแรกภายหลังการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 โดยครั้งนั้นกำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 480 คน เป็นส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน และปาร์ตี้ลิสต์ 80 คน

ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคพลังประชาชน ซึ่งมี สมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรค ได้จำนวนส.ส.มาเป็นอันดับ 1 รวม 256 คน ตามมาด้วยพรรคประชาธิปัตย์ 162 คน และ พรรคชาติไทย 29 คน

จากนั้นเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2551 สภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ ให้สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมียงยุทธ ติยะไพรัช เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ต่อมาถูกกล่าวหาจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถึงการดำรงตำแหน่งของสมัครว่าเป็นนอมินี ของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

แต่ในปีเดียวกันนั้นเอง เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2551 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของสมัคร สุนทรเวชสิ้นสุดลง เนื่องจากรับเป็นพิธีกรกิตติมศักดิ์ ของรายการ 'ชิมไปบ่นไป' และ 'ยกโขยง 6 โมงเช้า'

โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง เห็นว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 267 เรื่องคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี จึงทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของสมัครสิ้นสุดลง

จากดาวรุ่งสู่ดาวร่วง!! พลิกปูมยุบพรรค ‘อนาคตใหม่’ เหตุสะดุดขาตัวเอง ไม่เล่นตามกติกา

ย้อนหลังไปเมื่อวันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 แม้จะเป็นวันศุกร์ที่ 21 แต่สำหรับพรรคอนาคตใหม่แล้ว คงรู้สึกเหมือนเป็นศุกร์ 13 เพราะเป็นวันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมเพื่อลงมติคำร้องคดียุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีเงินกู้ 191 ล้านบาท เนื่องจากกกต. ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบมาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 กรณีพรรคอนาคตใหม่ว่าฝ่าฝืน มาตรา 72 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรดการเมือง 2560 ที่ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด

สำหรับพรรคอนาคตใหม่นั้น ก่อตั้งโดย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองประธานบริหารบริษัทไทยซัมมิท และนายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้ร่วมก่อตั้งอีก 24 คน ยื่นจดทะเบียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561

หลังจากนั้น เพียงปีเศษๆ เมื่อมีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 3 รองจากพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) รวม 81 คน ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นส.ส.หน้าใหม่ เรียกได้เป็นพรรคการเมืองดาวรุ่งที่มาแรงมาก

แต่แล้วพรรคการเมืองที่กำลังมาแรงสุด ๆ กลับต้องสะดุดขาตัวเอง เมื่อ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แจ้งทรัพย์สินรวมคู่สมรส หนี้สิน รายได้ แต่ทรัพย์สินที่น่าสนใจคือมีการแจ้งเงินปล่อยกู้ยืม พรรคอนาคตใหม่ 191.2 ล้านบาท สัญญาแรก 161.2 ล้านบาท และสัญญาที่สอง 30 ล้านบาท

ระหว่างที่รอการวินิจฉัยก็มีการเล่นแง่สร้างวาทกรรมมากมาย รวมถึงการบิดพลิ้วไม่ยอมทำตามที่ศาลขอ เช่น ศาลให้ส่งหนังสือของพยาน 17 ปาก ‘คดีเงินกู้ 191 ล้านพรรคอนาคตใหม่’ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. ทางพรรคก็ไม่ส่ง ขอเลื่อน ศาลเมตตาเลื่อนให้ส่งวันที่ 17 ก.พ. ก็ออกมาท้าทายศาล บางคนถึงขั้นหมิ่นศาลเลยทีเดียว บรรดากองเชียร์อนาคตใหม่ออกมาฟูมฟายว่าโดนกลั่นแกล้งว่าศาลไม่ยอมไต่สวน โดยปิดหูปิดตาไม่ดูความจริงว่าที่ศาลไม่ไต่สวนเพราะข้อเท็จจริงชัดเจนแล้วว่ามีการกู้เงินจริง ซึ่งข้อมูลส่วนนี้ก็มาจากปากของทั้งธนาธรและสมาชิกพรรคนั่นเอง ต่อให้ไต่สวนอีกร้อยอีกพันคน ข้อเท็จจริงข้อนี้ก็ไม่เปลี่ยน

ก่อนหน้าวันวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มีการกดดันศาลต่างๆ นานา มีการทำแคมเปญคัดค้านการยุบพรรคอนาคตใหม่นำโดยอาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ โมเดลล่ารายชื่อเพื่อกดดันศาลนี่ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในยุคทักษิณ ชินวัตร ก็เคยเกิดขึ้นในปี 2544 ตอนนั้นมีคดีซุกหุ้นของทักษิณ บรรดาปัญญาชนปนยาชันออกมาเคลื่อนไหวใหญ่โต ล่ารายชื่อกดดันศาลให้คนโกงพ้นผิด ชื่นชมว่าทักษิณคืออัศวินควายคำ ปากบอกรัก
ประชาธิปไตย แต่กลับเอากฎหมู่มาขู่ให้อยู่เหนือกฎหมาย 

‘ลูกชายบุญทรง’ ขอท้าชน ‘ตระกูลชินวัตร’เข้าสังกัด พปชร. ชิงเก้าอี้ ส.ส. เชียงใหม่

ย้อนปูมยิ่งลักษณ์ - บุญทรง..กับการโกหกคำโต ปล่อยลูกน้องติดคุกเดียวดายไร้การเหลียวแล สุดท้ายกลายเป็นรอยแค้น ส่งผ่านถึงทายาทบุญทรง เตรียมลงชิงเก้าอี้ ส.ส. เชียงใหม่ เขต 5 หรือลูกจะชำระแค้นแทนพ่อ

กลายเป็นประโยคอมตะทางการเมืองไปแล้ว สำหรับประโยคบอกเล่า แต่เป็นการเล่าความเท็จหรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า ‘โกหกหน้าด้าน ๆ’ ประโยคนั้นคือ “พี่คะ..รอหนูแป๊บ.. ใกล้ถึงแล้วค่ะ” แล้วคนพูดก็หายตัวไปโผล่อีกทีที่ต่างแดน ทิ้งให้คนรอเดินคอตกเข้าคุกยาว จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ออกมา

คำว่า ‘หิริโอตัปปะ’ หรือความละอายต่อบาปคงใช้กับสองพี่น้องตระกูลชินวัตรไม่ได้ พี่ชายหักหลัง ‘สมัคร สุนทรเวช’ หลอกให้แต่งชุดขาวเต็มยศมารอเก้อ ส่วนคนน้องก็หลอกลูกน้องมารอหน้าศาล แล้วล่องหน

ส่วนคำโกหกอีกครั้ง ของพี่น้องตระกูลชินวัตร เกิดขึ้นภายหลังจากพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ซึ่งในครั้งนั้นพรรคเพื่อไทยได้จำนวน ส.ส. 265 คน  

การเลือกตั้งครั้งดังกล่าวส่งผลให้ ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย โดยมีนโยบายสำคัญที่โดนใจชาวบ้าน อย่าง โครงการรับจำนำข้าว และโครงการรถคันแรก

อย่างไรก็ดี จากผลพวงนโยบายรับจำนำข้าวที่ผิดพลาด ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่กลายเป็นโครงการที่มีการทุจริตคอร์รัปชันมากที่สุด สร้างความเสียหายให้รัฐนับแสนล้านบาท และมีผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเดินคอตกเข้าคุกกันเป็นแถว

หลายคนอาจจำไม่ได้ว่าเรื่องนี้มีความเป็นมาอย่างไร ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดี ‘ทุจริตจำนำข้าว’ อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ‘น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นจำเลย ฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 

เช้าวันนั้นชาวเสื้อแดงแห่มาให้กำลังใจนายหญิงเนืองแน่น  แต่นายหญิงไม่โผล่มาตามนัดหมาย ศาลฯ อ่านคำพิพากษาคดี ‘บุญทรง เตริยาภิรมย์’ อดีต รมว.พาณิชย์ ติดคุกแทน ถึง 42 ปี ในคดีทุจริตระบายแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี  และชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 16,000 ล้านบาท ทำให้บุญทรงตรงเข้าคุกทันที 

ตอนหลังมีการเปิดเผยว่า นายหญิงชินวัตรโทรหาบุญทรงแล้วหลอกว่า พี่คะ.. รอหนูแป๊บ..ใกล้ถึงแล้วค่ะ แต่สุดท้ายก็ให้บุญทรงรอเก้อ ทิ้งทุกคนให้ติดคุก ไอ้คำว่า “ใกล้ถึงแล้วค่ะ” นี่น่าจะหมายถึงใกล้ถึงชายแดนเขมรที่มีตำรวจนายหนึ่งพานายหญิงหนีนั่นแหละ หักหลังซึ่งหน้า ทั้งที่บุญทรงทำงานรับใช้ใกล้ชิดครอบครัวทักษิณ ชินวัตรมาตลอด 

ต่อมามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 เพิ่มโทษบุญทรง อีก 6 ปี จากเดิมในชั้นศาลอุทธรณ์ ถูกจำคุก 42 ปี เพิ่มเป็น 48 ปี  เมื่อไม่นานมานี้ บุญทรงขออนุญาตออกจากคุกเพื่อมางานศพแม่ 

ภาพ บุญทรง  เตริยะภิรมย์ ที่เคยหล่อเหลาแข็งแรงคือภาพชายร่างผอมซูบซีดผมหงอกขาว ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้มาร่วมงาน กลับไม่ปรากฎเงาของสมาชิกตระกูลชินวัตรเลยแม้แต่คนเดียว จนถึงทุกวันนี้  บุญทรงยังเก็บงำความลับตระกูลชินวัตรไว้อย่างเหนียวแน่น เช่นเดียวกับตอนที่บอกเพื่อนรักอย่างสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เกี่ยวกับคดีจีทูจีเก๊โครงการรับจำนำข้าว ว่า ‘กูพูดไม่ได้’

รทสช. เนื้อหอม บิ๊กเนม จ่อซบเพียบ หลังกระแสนิยมพุ่งสวนทาง พปชร.

(30 ม.ค. 66) รายงานข่าวจาก พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แจ้งว่า หลังจากที่ พรรคสร้างอนาคตไทย ที่มี นายอุตตม สาวนายน เป็นหัวหน้าพรรค และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นเลขาธิการพรรค ตอบรับการกลับไปร่วมงานกับ พรรคพลังประชารัฐ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค ส่งผลให้กลุ่มการเมือง และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่เคยร่วมงานกับพรรคสร้างอนาคตไทย กำลังพิจารณาในการหาสังกัดเพื่อร่วมงานทางการเมืองใหม่ เพราะมองว่ากระแสความนิยมของพรรคพลังประชารัฐขณะนี้ไม่ดีนัก ตรงข้ามกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่มีกระแสความนิยมดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะหลังจากการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นสมาชิกพรรค ตลอดจนกระแสตอบรับหลังการปราศรัยใหญ่ที่ จ.ชุมพร

โดยเฉพาะในส่วนของ นายกูเซ็ง ยาวอหะซัน นายก อบจ.นราธิวาส ที่มีแนวโน้มมาร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากมาร่วมสังเกตการณ์เวทีปราศรัยใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยในส่วนกลุ่มของ นายกูเซ็ง ยังอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงในรายละเอียดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ซูเปอร์โพล เผยภาคเอกชน ยก ‘บิ๊กตู่’ ซื่อสัตย์-สุจริต พร้อมเทคะแนนเลือกเข้ามาบริหารประเทศอีกสมัย

(12 ก.พ. 66) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา หัวหน้าโครงการวิจัย สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจ เรื่อง ประยุทธ์ กับ คุณธรรมการเมือง กรณีศึกษาผู้ประกอบการ ธุรกิจ รายย่อย รายย่อม และขนาดกลาง (MSME) ทั่วประเทศ จำนวน 1,035 ตัวอย่างระหว่างวันที่ 8 – 11 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา เมื่อถามถึง คุณธรรมการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.5 ระบุ ซื่อสัตย์สุจริต รองลงมาคือ ร้อยละ 74.5 ระบุ เสียสละอดทน แบกรับภาระประเทศ ปัญหาทุกสิ่งของชาติ ร้อยละ 74.4 ระบุ ขยัน หมั่นเพียร มุมานะบากบั่น อุตสาหะ ร้อยละ 74.3 ระบุ ความรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 62.0 ระบุ ความเก่ง ความสามารถ

เมื่อเปรียบเทียบ คุณธรรมการเมือง ระหว่าง อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน พบว่า จำนวนมากหรือร้อยละ 44.8 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคุณธรรมการเมือง มากกว่า ในขณะที่ ร้อยละ 29.0 ระบุ น้อยกว่า และร้อยละ 26.2 ระบุไม่แตกต่าง

ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.4 จะกาบัตรเลือกตั้ง คนซื่อสัตย์สุจริต ไม่ด่างพร้อย เคยมีผลงานพาประเทศผ่านวิกฤตต่าง ๆ ได้ ในขณะที่ร้อยละ 35.6 ตั้งใจจะกาบัตรเลือกตั้ง คนเก่งเศรษฐกิจ โกงบ้างไม่เป็นไร

ที่น่าพิจารณาคือ แนวโน้มความตั้งใจจะเลือก พรรครวมไทยสร้างชาติ จากเดือน กรกฎาคม ปีที่แล้ว 2565 ถึงวันนี้เดือนกุมภาพันธ์ 2566 พบว่า ความตั้งใจจะเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง เพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด จาก เดือนกรกฎาคมปีที่แล้วอยู่ที่เพียงร้อยละ 0.4 เพิ่มขึ้นในเดือน มกราคม 2566 มาอยู่ที่ร้อยละ 4.8 และขยับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 9.4 ในการสำรวจล่าสุดวันนี้เดือนกุมภาพันธ์ 2566 ตามลำดับ

กาฬสินธุ์ รับสมัครเลือกตั้งส.ส.กาฬสินธุ์คึกคักตบเท้ามาก่อนเวลาหวังได้เบอร์สวย

บรรยากาศรับสมัคร ส.ส.กาฬสินุทั้ง 6 เขตวันแรกสุดคึกคัก ว่าที่ผู้สมัครตบเท้ามาก่อนเวลาหวังได้เบอร์สวยและเลขมงคล โดยเฉพาะเบอร์ 1 และเบอร์ 9 ขณะที่พรรคเพื่อไทย 6 เขต แท็กทีมเข้าสมัครพร้อมเพียงประกาศแลนด์สไลด์ทั้งจังหวัด ด้านเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยนำว่าที่ผู้สมัครประกาศชิงเก้าอี้ 5 เขต ส่วนพรรคพลังประชารัฐเขต 3 ลั่นพร้อมสู้ศึกมั่นใจได้ชัยชนะ ขณะที่ภูมิใจไทยเขต 4 เข้าสมัครประกาศชิงเก้าอี้ ส.ส.เขต 4 ด้านว่าที่ผู้สมัคร 1 เดียวของพรรคชาติไทยพัฒนาประกาศล้มช้างชิงเก้าอี้เขต 5


เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา หน้าศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ (หลังเก่า) ซึ่งเป็นสถานที่ รับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. กาฬสินธุ์ แบบแบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง 6 เขต  บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จากพรรคการเมืองต่างๆเดินทางมารอยื่นเอกสารสมัครก่อนเวลา 08.30 น. บางคนมากันตั้งแต่ 07.00 น.เพื่อต้องการจับสลากหมายเลข และส่วนใหญ่อยากได้หมายเลข 1 เพราะเชื่อว่าหมายเลข 1 เป็นเลขมงคลไม่เป็น 2 รองใคร อีกทั้งประชาชนจดจำง่ายเวลาเข้าคูหา นอกจากนี้หลายคนยังอยากได้หมายเลข 9 เพราะถือว่าเป็นเลขมงคลอีกด้วย


ทั้งนี้ในการรับสมัครนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ ยังได้เดินทางมาติดตามบรรยากาศการรับสมัครด้วย โดยมีนายสุรพงษ์  ทิพย์โอสถ  ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำ จ.กาฬสินธุ์  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กกต.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวก และรักษาความสงบเรียบร้อย ท่ามกลางผู้สนับสนุน และกองเชียร์ที่เดินทางนำดอกไม้มามอบให้กำลังใจกันจำนวนมาก


โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ซึ่งวันนี้ได้แท็กทีมกัน เดินทางมารับสมัครพร้อมกันทั้ง 6 เขต ประกอบด้วยเขต 1 นายวิรัช พิมพะนิตย์   เขต 2 นายพลากร พิมพะนิตย์ เขต 3 นางยรรยงรัตน์ ไชยศิวามงคล , เขต 4 นายพีระเพชร ศิริกุล, เขต 5 นายทินพล ศรีธเรศ  เขต 6 นายประเสริฐ บุญเรือง พร้อมประกาศแลนด์สไลด์ทั้งจังหวัด
ขณะที่นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย นำว่าที่ผู้สมัคร 5 เขต ตบเท้าเข้ารับสมัครตั้งแต่ช่วงเช้าเช่นกัน  โดยเฉพาะนางวันเพ็ญ เศรษฐรักษา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 2 และ นายนิพนธ์ ศรีธเรศ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 พรรคไทยสร้างไทย ซึ่งเป็นผู้ที่คุณหญิงหน่อย สุดารัตน์ เกยุราพันธ์ หัวหน้าพรรคฯหมายมั่นปั้นมือ พร้อมประกาศชิงเก้าอี้ทั้ง 5 เขต

ปชป.ส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต ครบทั้ง 9 เขต ในวันแรกของการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.จังหวัดสงขลา

วันนี้ 3 เม.ย.66 นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรค ปชป. เข้าสังเกตการณ์และให้กำลังใจแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากพรรคประชาธิปัตย์แบบแบ่งเขตทั้ง 9 เขตเป็นวันแรก ในการเปิดรับสมัคร ณ อาคารศูนย์กีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โดยมีกรรมการสาขาพรรคทั้ง 9 เขต พร้อมแกนนำพรรค  เดินทางมาให้กำลังใจแก่ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้ง 9 เขตอย่างเนืองแน่น บริเวณอาคารศูนย์การกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ซึ่งผลการรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคประชาธิปัตย์ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายสรรเพชญ บุญญามณี หมายเลข  4

 

เขต 2 นายนิพัฒน์ อุดมอักษร หมายเลข 4  
เขต 3 นายสมยศ พลายด้วง หมายเลข 4
เขต 4 นายชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว หมายเลข 6
เขต 5 นายเดชอิศม์ ขาวทอง หมายเลข 3
เขต 6 นางสาวสุภาพร กำเนิดผล หมายเลข 2
เขต 7 นายศิริโชค โสภา หมายเลข 2
เขต 8 พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ หมายเลข 7
เขต 9 นายศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง หมายเลข  1

ระยอง รับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตระยองคึกคัก หน้าเก่า-ใหม่สมัครเพียบ ทุกคนมั่นใจจะได้รับเลือก

เมื่อวันที่ 3 เม.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งระยอง ที่บริเวณหอประชุมศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ภายในศาลากลางจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง ซึ่ง กกต.กำหนดรับสมัครฯ ระหว่างวันที่ 3-7 เม.ย.66 ซึ่งบรรยากาศก่อนเปิดให้ลงทะเบียนในเวลา 08.30 น.มีบรรดาผู้สมัคร ส.ส.ระยอง หน้าเก่า และหน้าใหม่ทยอยเดินทางรอตั้งแต่เช้ากันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะ น.ส.กมนทรรศน์ หรือเอิร์ธ กิตติสุนทรสกุล ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง เขต 1 พรรคก้าวไกล เดินทางมาจากศูนย์ประสานงานพรรค ด้วยรถ จยย.ไฟฟ้า รณรงค์ให้ตระหนักโลกร้อน พร้อมผู้สมัครของพรรคเดินทางมาด้วยรถสองแถว และรถ จยย.พ่วงข้าง ซึ่งผู้สมัครทุกพรรคมั่นใจว่าจะได้รับเลือก

ขณะที่นายสาธิต ปิตุเตชะ ผู้สมัคร ส.ส.ระยอง เขต 2 พรรค ปชป.นำผู้สมัครอีก 4 เขต เดินเท้าจากสนามกีฬากลางจังหวัดระยอง มายังสถานที่รับสมัครฯ ตั้งแต่เวลา 05.00 น.ระยะทาง 9 กม.เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์สนับสนุนสุขภาพและคุณภาพชีวิตของคนระยอง ส่วนพรรคไทยสร้างไทย ก็เดินทางมาด้วยรถ จยย.พ่วงข้าง เป็นสีสันก่อนเปิดรับสมัคร โดยมีกองเชียร์มาให้กำลังใจเพียบ ซึ่งผู้สมัครฯ ส่วนใหญ่เดินทางมาก่อนเวลารับสมัคร จึงต้องใช้วิธีจับฉลาก เพื่อเข้ายื่นเอกสารสมัครฯ ซึ่งหากเอกสารครบถ้วน ก็จะได้เบอร์ หรือหมายเลขใช้ในการหาเสียง 

สำหรับจังหวัดระยอง มี 5 เขตเลือกตั้ง มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 590,378 คน หน่วยเลือกตั้ง 798 หน่วย

นายใจเพชร สาครพานิช ผอ.กกต.ระยอง กล่าวว่า บรรยากาศการเปิดรับสมัคร ส.ส.ระยอง แบบแบ่งเขตในวันนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้สมัครทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี.

สตูล สถานที่รับสมัครเลือกตั้งฯคึกคักแต่เช้า หลายว่าที่ผู้สมัครแต่ละพรรคเข้ายื่นเอกสารกรอกข้อมูล หวังเลขเดี่ยวนำโชค กองเชียร์นำป้ายชูให้กำลังใจ

วันที่ 3 เมษายน 2566 สถานที่รับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งที่ 1-2 จังหวัดสตูล โดยใช้ หอประชุมอำเภอเมืองสตูล เป็นสถานที่รับสมัคร ทำให้บรรยากาศตั้งแต่เช้า  มีกองเชียร์ ของแต่ละว่าที่ผู้สมัครฯ เดินมาให้กำลังใจกันต่างมีป้ายชู  โดยว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ ทั้ง 2 เขต ต่างนำเอกสารประกอบมายื่นทางเจ้าหน้าที่กกต.สตูล ประจำแต่ละลำดับ  มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดอย่างครบถ้วน ก่อนเข้ามานั่งรอ จุดที่ ทางกกต.สตูลเตรียมจับหมายเลข ขณะที่อดีต ส.ส. สตูล ทั้ง   2 เขต อย่าง นายพิบูลย์  รัชกิจประการ อดีตอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสตูลเขต 1 จาก พรรคภูมิใจไทย และ นายวรศิษฎ์  เลียงประสิทธิ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสตูลเขต 2 จากพรรคภูมิใจไทย เดินทางยื่นเอกสารตรวจสอบครบถ้วน โดยเพียงพูดสั้นกับทางผู้สื่อข่าวว่า ไม่หวังเลขเดี่ยว ได้เลขอะไรก็ได้  ขอเพียงเลขที่สวยงามก็พอ แค่เพียงคิดอย่างเดียวว่า ต้องการทำงานเพื่อจังหวัดสตูล ขณะที่นายตติยภัทร์  ปิติเศษฐพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย  ก็เดินทางมายื่นใบสมัครเช่นกัน และพรรคอื่นๆทยอยตามมา 
ด้านว่าที่ผู้สมัครท่านอื่นๆจากพรรคต่างๆทยอยเดินทางมาแต่เช้า ต่างรอความหวังที่จะได้จับฉลากหมายเลขที่ โดดเด่น เลขเดี่ยวที่สามารถจำได้ 


นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสตูล


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top