Monday, 29 April 2024
ไทย

ไทย สหรัฐ เปิดการฝึกคอบร้าโกลด์ 2024

วันนี้ 27 ก.พ.67 พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดนาย โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค (Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และ พลโทชาเวียร์ บรันสัน (Xavier T. Brunson) แม่ทัพน้อยที่ 1 กองทัพบกสหรัฐอมริกา เป็นประธานร่วมในพิธีเปิดการฝึก คอบร้าโกลด์ 2024 ณ สนามบินอู่ตะเภา กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ จังหวัดระยอง โดยมี เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตอินโดนีเชียประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย อัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และอัครราชทูตมาเลเชียประจำประเทศไทยเข้าร่วมพิธีฯ

การฝึกคอบร้าโกลด์ เป็นการฝึกร่วมผสมทางทหารขนาดใหญ่และมีประวัติยาวนานที่สุดการฝึกหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกองทัพไทย และกองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี การฝึกร่วม/ผสม คอบร้าโกลด์ 2024ในปีนี้ นับเป็นครั้งที่ 43โดยมีประเทศเข้าร่วมการฝึกหลัก จำนวน ๗ ประเทศ ประกอบด้วย ไทย สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่นสาธารณรัฐเกาหลี และมาเลเชีย ประเทศที่เข้าร่วมการฝึกเพิ่มเติมในโครงการช่วยเหลือประชาชน จำนวน 2 ประเทศได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน อินเดีย 

ประเทศที่เข้าร่วมการฝึกเพิ่มเติมในการฝึกการควบคุมและบังคับบัญชาคือ ออสเตรเลีย สำหรับกลุ่มประเทศที่หมุนเวียนเข้าร่วมกิจกรรม ได้แก่ ประเทศในโครงการเสนาธิการผสมส่วนเพิ่มนานาชาติ หรือ MPAT (Multinational Planning Augmentation Team) จำนวน 10ประเทศ ประกอบด้วยบังกลาเทศ แคนาดา ฝรั่งเศส มองโกเลีย เนปาล นิวซีแลนด์ ฟิลิปปีนส์ พีจิ สหราชอาณาจักร และ บรูไนและประเทศที่เข้าร่วมในโครงการสังเกตการณ์ฝึก (Combined Observer Liaison Team) : COLT) จำนวน 10 ประเทศได้แก่ ก้มพูชา ลาว บราชิล ปากีสถาน เวียดนาม เยอรมนี สวีเดน สาธารณรัฐเฮลเลนิก (กรีซ) คูเวต และศรีลังกา รวมทั้งสิ้น 30ประเทศ ผู้เข้าร่วมการฝึกฯ จำนวน 9590 นาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ทางทหารที่ดี ระหว่างมิตรประเทศที่เข้าร่วมการฝึกฯ และเป็นการพัฒนาขีดความสามารถในการอำนวยการยุทธ์ร่วมและผสม โดยการประยุกต์ใช้กำลังรบในสถานการณ์วิกฤตต่าง ๆ อีกทั้งเพื่อฝึกการใช้ระเบียบปฏิบัติประจำกองกำลังผสมนานาชาติ โดยกำหนดการฝึกหลัก ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ถึง8 มีนาคม 2567

การฝึกร่วมผสม คอบร้าโกลด์ 2024 นอกจากจะเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกในส่วนของกองทัพไทย และกองทัพมิตรประเทศ โดยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการความชำนาญ และเทคโนโลยีทางทหาร รวมทั้งเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับกำลังพลของกองทัพไทย และกองทัพมิตรประเทศในการปฏิบัติการร่วมและผสมแล้ว ยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการงานด้านการบรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารไทย และทหารมิตรประเทศกับประชาชนในพื้นที่การฝึกฯ และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในสายตามิตรประเทศและประชาคมโลกต่อไป

KIA เจรจา 'ไทย' ลุยตั้งโรงงานผลิตรถอีวี คาด!! สเกลกำลังผลิต 2.5 แสนคันต่อปี

(6 มี.ค. 67) สำนักข่าว Reuters รายงานว่า บริษัท KIA Corp กำลังเจรจากับประเทศไทยเพื่อที่จะตั้งโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศไทย โดยมีการเจรจากันอย่างจริงจังและมีการยื่นข้อเสนอให้กับรัฐบาลไทย หลังจากมีรายงานว่า KIA ไม่เห็นด้วยกับการลงทุนตั้งโรงงานในไทย 

อย่างไรก็ตาม ทาง BOI ได้ออกมาแสดงความเห็นในเดือน ม.ค. 2024 ว่า KIA กำลังพิจารณาการลงทุนในประเทศไทย 

ทั้งนี้ ไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมาตรการจูงใจ อย่าง EV 3.5 การลดหย่อนภาษี และมาตรการอื่น ๆ เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคตามแผนของรัฐบาล โดยตั้งเป้าที่จะมี EV ในประเทศประมาณ 30% ของการผลิตต่อปีจำนวน 2.5 ล้านคัน ภายในปี 2030

ตลาดรถยนต์ไทย ซึ่งผูกขาดมายาวนานโดยผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นอย่าง Toyota และ Honda ได้ดึงข้อผูกพันด้านการลงทุนกว่า 1.44 พันล้านดอลลาร์ จากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเพื่อสร้างโรงงานผลิต

ด้านบางกอกโพสต์ รายงานว่า KIA มีแผนจะเปิดโรงงานที่มีกำลังผลิต 2.5 แสนคันต่อปี โดยขณะนี้ KIA มีศูนย์บริการในประเทศแล้วกว่า 19 แห่ง และจะเปิดเพิ่มในปี 2024 อีก 26-30 แห่ง พร้อมทั้งในปี 2024–2026 ก็เปิดรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ออกมา โดยล่าสุดเปิดตัว KIA EV9 รถ SUV ไฟฟ้า 100% และจะเปิดตัว EV5 อีกรุ่นในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 ปีนี้

เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ 'โซลาร์เซลล์ลอยน้ำเขื่อนอุบลรัตน์' สะท้อนความร่วมมือ 'จีน-ไทย' ส่งเสริมพลังงานสะอาดลุล่วง

(6 มี.ค.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า โครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำแบบไฮบริด ซึ่งร่วมก่อสร้างโดยบริษัทของจีนและไทย ได้เริ่มต้นการดำเนินงานเชิงพาณิชย์เมื่อวันอังคาร (5 มี.ค.) เพื่อสนับสนุนการพัฒนาพลังงานสะอาดของไทย

ตงฟาง อิเล็กทริก อินเตอร์เนชันนัล คอร์เปอเรชัน หนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งร่วมก่อสร้างโครงการนี้กับหุ้นส่วนไทย ระบุว่าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำแบบไฮบริด ณ เขื่อนอุบลรัตน์ในจังหวัดขอนแก่น บูรณาการแผงโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ พลังงานน้ำสะอาด ระบบกักเก็บพลังงานประสิทธิภาพสูง และระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ

จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) กล่าวว่า การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำแบบไฮบริด ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การผลิตพลังงานสะอาด และความมั่นคงทางพลังงานของไทย พร้อมชื่นชมบริษัทของจีนและไทยที่สามารถส่งมอบโครงการได้ก่อนกำหนด

จิราพร ซึ่งร่วมพิธีเปิดการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ กล่าวว่าสิ่งนี้สะท้อนความมุ่งมั่นอันแรงกล้าในการส่งเสริมพลังงานสะอาดในไทย และหวังว่าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำจะช่วยส่งเสริมพลังงานสะอาดสำหรับเศรษฐกิจชุมชนและสังคมท้องถิ่น

หลิวหงเหมย กงสุลใหญ่จีนประจำจังหวัดขอนแก่น แสดงความเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโครงการนี้จะส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย และถือเป็นหมุดหมายใหม่สำหรับการลงทุนของผู้ประกอบการจีนในภูมิภาคดังกล่าว

การไฟฟ้าฯ ระบุว่าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำแบบไฮบริด ณ เขื่อนอุบลรัตน์ เป็นโครงการพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำแบบไฮบริดแห่งที่ 2 และการไฟฟ้าฯ มีเป้าหมายก่อสร้างโครงการลักษณะเดียวกันเพิ่มขึ้นทั่วประเทศเพื่อส่งเสริมพลังงานสะอาด

'ดร.อานนท์' แฉ!! เหตุ 'กัมพูชา' กล้าลากเส้นพาดเกาะกูด รู้ดีว่าขัดสัญญาหลัก แต่เพราะมีนักการเมืองปั้น MOU ยืนยันให้

(6 มี.ค.67) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล สาขาวิชาสถิติศาสตร์สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุเนื้อหาดังนี้...

ผมยังยืนยันตามคุณลุง ศาสตราจารย์ ดร. สมปอง สุจริตกุล ว่าสัญญาประธานคือ สนธิสัญญาระหว่างสยาม-อินโดจีนฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 หรือ รัตนโกสินทร์ศก 125 เกาะกูดเป็นของไทยแน่นอนตามสัญญาประธานนี้

หลักคือ สัญญาอุปกรณ์จะขัดแย้งกับสัญญาประธานไม่ได้เลย ไม่ได้ต่างจากรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด กฎหมายใดๆ จะขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญไม่ได้

สัญญาใดๆ ที่ตามหลังมาจาก ‘สัญญาประธาน’ เรียกว่า ‘สัญญาอุปกรณ์’ ไม่ว่าจะ Term of reference (TOR) MOU (Memorandum of Understanding) PA (Provisional Arrangement) หรือ JC (Joint Communique) ต่างก็เป็นสัญญาอุปกรณ์ จะขัดแย้งกับสัญญาประธานไม่ได้โดยเด็ดขาด

นายพลลอนนอล ในปี 2515 ประกาศเส้นเขตแดน ล้ำเข้ามาในไหล่ทวีปของไทย ผ่ากลางเกาะกูดไปอย่างประหลาดเหลือเชื่อ ขัดกับสัญญาประธาน ระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส ร.ศ. 125 อย่างแน่นอน และไม่เป็นไปตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 

ที่ประหลาดมากคือ ลากเส้นจากหลักเขตแดนบนบกหลักที่ 73 บ้านหาดเล็กพาดตรงไปบนยอดเขาที่สูงสุดบนเกาะกูด เฉือนเกาะกูดเป็นสองฝั่ง ได้ทะเลในอ่าวไทยไปมากมาย ที่เอาเคลมกันทีหลังว่าพื้นที่ทับซ้อนหรือพื้นที่พัฒนาร่วมกัน (JDA: Joint Development Area) อันไม่มีอยู่จริง

ที่ว่าขัดกฎหมายระหว่างประเทศคือ เอาขีดเส้นโดยใช้ equidistant line ตามหลักสากล ต้องไม่พาดผ่านเกาะกูด แล้วไทยต้องได้พื้นที่ทางทะเลรอบเกาะกูดไปกี่ไมล์ทะเล ก็อาจจะเจรจากันได้

จอมพลถนอม กิตติขจร กับ จอมพลประภาส จารุเสถียร ได้แก้ไขปัญหานี้ โดยพึ่งพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ทรงมีประกาศพระบรมราชโองการเกี่ยวกับไหล่ทวีปของไทยในปี 2516 และจอมพลถนอมได้ให้กองทัพเรือไทยเข้าไปดูแลพื้นที่ในทะเลดังกล่าวไม่ให้กัมพูชามารุกรานอธิปไตยทางทะเลของไทย

MOU44 สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ก็เกิดขึ้น กลายเป็นไปยืนยันเส้นเขตแดนที่ผิดในปี 2515 ที่ลอนนอลประกาศ แต่ว่าก็รู้ดีว่า MOU44 เป็นสัญญาอุปกรณ์ ไม่ใช่สัญญาประธานจะขัดแย้งสัญญาประธานไม่ได้

กัมพูชาเลยเจรจาตาม MOU44 ในปี พ.ศ. 2545 ลากเส้นในแนวใกล้เคียงกับแนวเดิมที่นายพลลอนนอลเคยประกาศเอาไว้ในปี 2515 แต่ลากเส้นอ้อมเป็นวงกลมรอบเกาะกูด เพื่อให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนมากที่สุด แต่เลี่ยงบาลีไม่ให้ขัดกับสัญญาประธานเพราะเกาะกูดเป็นของไทย

ที่ตลกคือ ลากเส้นปักปันเขตแดนเป็นเส้นโค้งรอบเกาะกูด หลบสัญญาประธาน แต่จะกินที่เข้าไปในอ่าวไทยให้มากที่สุดไม่ได้ยึดถือ equidistant line ระหว่างสองประเทศตามหลักสากลของอนุสัญญาทะเล 1982 หรือกฎหมายสากล

ผมได้แนบภาพแผนที่แสดงผลการเจรจาปักปันเขตแดนทางทะเลของไทยกับกัมพูชาในพ.ศ. 2545 ภาพนี้มาจาก powerpoint ประกอบการบรรยายของ พลเรือโทศิริชัย เนยทอง ซึ่งปัจจุบันเกษียณอายุราชการแล้ว แต่เคยรับราชการที่กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ ซึ่งมีภารกิจในการดูแลเขตแดนทางทะเลของไทยโดยตรงครับ

เห็นภาพแล้วผมก็ได้แต่หัวเราะว่า กัมพูชา พยายามเคลมมาก แต่เลี่ยงบาลีไม่ให้ขัดกับสัญญาประธาน ร.ศ. 125 

ยกเลิก MOU44. และ JC 44. เถิดครับ

อย่าให้ประเทศไทยต้องเสียดินแดนไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียว

ถ้าไอ้อีนักการเมืองไหนจะขายชาติทำ MOU67 หรือ JC67 มันจะไม่มีแผ่นดินอยู่และต้องถูกประหารชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 119

โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง!!!

'2 สาวเกาหลี' ไม่ปลื้ม!! สิ่งที่คนเกาหลีมักมโนไกลทั้งที่ยังไม่เข้าใจในเมืองไทย  พอเห็นภาพช้าง-เห็นนา ก็คิดว่าประเทศนี้ไม่เจริญ-พร้อมเหยียด

เมื่อไม่นานมานี้ เพจ ‘DIY Review’ ได้แชร์วิดีโอการพูดคุยระหว่าง 2 สาวชาวเกาหลีใต้ คือ ‘ฮาน่า-ซอง ฮาอึน’ อินฟลูฯ และ ‘ซอ จียอน’ นักแสดง นักร้อง และนางแบบที่คนไทยรู้จักกันดี โดยทั้ง 2 ได้พูดถึงทัศนคติ มุมมองที่คนเกาหลีใต้มีต่อประเทศไทยและคนไทย 

โดยทั้งฮาน่าและจียอน เล่าว่าตนมักโดนถามคำถามที่คล้าย ๆ กัน เช่น คนไทยขี่ข้างเป็นปกติใช่ไหม? ประเทศไทยมีห้างสรรพสินค้าไหม? ปกติคนไทยผิวสีแทนไปทางดำใช่ไหม? โดยพวกเธอบอกว่าถ้าได้ยินคำถามพวกนี้ หรือได้ยินคนเกาหลีออกมาว่าคนไทย พวกเธอจะรู้สึกโกรธอย่างมาก เพราะพวกเธออยู่เมืองไทยมากกว่าอยู่เกาหลี พวกเธอรูดีว่าเมืองไทยเป็นอย่างไร

ทางด้านฮาน่า ระบุว่า “หนูสอนคนเกาหลีเลยนะว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นแบบนั้น ที่เห็นตามสื่อมีการขี่ช้าง มีท้องนา นั่นเพราะคือสื่อเพื่อการท่องเที่ยว จึงออกมาเป็นแบบนั้น ความจริงประเทศไทยไม่ได้เป็นเหมือนในโฆษณาไปทั้งหมด”

โดยจียอน เสริมว่า “เอาจริง ๆ คนไทยที่มีช้างคือคนรวยนะ” 

ฮาน่า กล่าวต่อว่า “ใช่ คนไทยที่มีช้างคือรวยมาก ๆ เพราะค่าใช้จ่ายเยอะ ต้องมีเงินถึงจะเลี้ยงช้างได้” และกล่าวต่อว่า “แต่เอาจริง ๆ อยากให้ทั้ง 2 ประเทศรักกัน อยากให้คนไทยและคนเกาหลีมองกับในแง่ดี ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ต้องประพฤติดีต่อกันด้วย”

นอกจากนี้ ทั้ง 2 สาวก็ได้แชร์ประสบการณ์ที่พบเจอในฐานะเป็นคนเกาหลีที่ใช้ชีวิตในประเทศไทยมากกว่าประเทศบ้านเกิด โดยจียอนได้เล่าว่า สมัยที่เธอเข้าวงการบันเทิงใหม่ ๆ เมื่อเกิดกรณีดรามาเกี่ยวกับเกาหลี เธอจะเป็นฝ่ายโดยโจมตีตลอด ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ผิดอะไร หรือบางครั้งที่กลับเกาหลี พอกลับมาไทยก็ระแวงว่าจะโดนต่อว่าจากคนอื่นๆ

ส่วนสาวฮาน่า ก็ได้เล่าเสริมว่า ตนก็เจอเหตุการณ์คล้าย ๆ กับจียอนเช่นกัน จริง ๆ ก็เป็นมาตั้งแต่สมัยคุณพ่อของตนแล้ว (คุณพ่ออยู่ในประเทศไทยมา 30 ปี) ตอนนั้นไม่มีใครช่วย เจอดรามาต่าง ๆ หนักมากจริง ๆ 

ทั้งนี้ ทั้ง 2 สาวก็ได้สรุปว่า ทั้งคนไทยและคนเกาหลี ต่างก็มีทั้งคนที่คิดดี ใจดี เข้าอกเข้าคนคนอื่น กลับกันก็จะมีคนที่คิดไม่ดี ใจร้าย และไม่เข้าใจอะไรเช่นกัน แต่คนที่คิดดี น่ารักมีเยอะกว่า เราควรโฟกัสและให้คุณค่ากับคนที่น่ารัก ๆ ดีกว่า

‘คนไทยในบรูไน’ เผย วัยรุ่นบรูไนปลื้มชุดนักเรียนไทย หลังเป็นกระแสฮิตที่หลายชาติเริ่มนำมาเป็นแฟชั่น

อย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ ได้เห็นกันมาพักใหญ่แล้วว่า ‘ชุดนักเรียนไทย’ คว้าใจนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นอย่างมาก จนกลายเป็นกระแสแต่งชุดนักเรียนไทย ท่องเที่ยวในไทย รวมไปถึงถ่ายรูปและโพสต์อวดโฉมกันผ่านโซเชียล ยิ่งไปกว่านั้น อินฟลูเอนเซอร์ ดารา หรือแม้แต่ซูเปอร์สตาร์ชาวจีนก็ออกมาสลัดลุค แต่งชุดนักเรียนไทยกันมาแล้ว ซึ่งก็ต้องบอกว่า น่ารักน่าเอ็นดูสุด ๆ

แต่ความฮิตฮอตของชุดนักเรียนไทยก็ไม่ได้เป็นที่นิยมแค่ในจีนเท่านั้น แว่ว ๆ มาว่า นักเรียนเวียดนามก็ชื่นชอบชุดนักเรียนของไทยมากเช่นกัน ถึงขั้นนัดกันใส่ชุดนักเรียนไทยถ่ายรูปในวันจบการศึกษา และลามกลายเป็นธุรกิจรับถ่ายรูปในธีมชุดนักเรียนไทย และถ่ายเลียนแบบซีรีส์ไทยที่ไปโด่งดังในเวียดนามด้วย

ก็กล้าเรียกได้เต็มปากว่า ‘ชุดนักเรียนไทย’ เท่ากับ ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ที่แท้จริง

ล่าสุด (25 มี.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นคนไทยในบรูไนฯ ได้บอกเล่าเกี่ยวกับ ‘ชุดนักเรียนไทย’ ที่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นบรูไนฯ โดยระบุว่า…

“ลูกสาวมาเล่าว่า ม่ามีแต่คนอยากใส่ชุดนร.แบบไทยกันใหญ่เลย (ในหมู่วัยรุ่น) ไม่เว้นแม้แต่วัยรุ่นที่บรูไน เป็นเทรนที่กำลังมาแรง Soft Power ของแท้ อย่าให้นายกรู้นะ เดี๋ยวเค้าจะใส่ชุดนร.ไปต่างประเทศโชว์อีก”

‘บรูโน มาส์’ โชว์เปียโน เพลงพระราชนิพนธ์ สร้างความประทับใจ ให้กับแฟนเพลงชาวไทย 

(31 มี.ค.67) สำหรับคอนเสิร์ตศิลปินชื่อดัง บรูโน มาส์ ที่จัดขึ้นในประเทศไทย ในวันที่ 30 และ 31 มีนาคม 2567 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน คอนเสิร์ตในครั้งนี้ มีการเล่นเพลงพระราชนิพนธ์ Still on my mind ของในหลวงรัชกาลที่ 9 สร้างความประทับใจให้กับแฟนเพลงชาวไทยเป็นอย่างมาก 

ดัชนีค่าครองชีพของไทย อยู่อันดับที่ 94  ชี้ เศรษฐกิจกำลังดี มีแนวโน้ม น่าลงทุน 

(31 มี.ค.67) Business Tomorrow รายงานว่า ค่าครองชีพไทยอยู่อันดับ 94 จาก 146 ประเทศ อันดับที่ 5 ในกลุ่มอาเซียน

โดยกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า Numbeo ซึ่งเป็นเว็บไซต์ฐานข้อมูลด้านค่าครองชีพโลกที่มีชื่อเสียง ได้จัดทำดัชนีค่าครองชีพ (Cost of Living Index) ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกช่วงต้นปี 2024 พบว่า ดัชนีค่าครองชีพของไทย อยู่ที่ 36% ต่ำกว่าดัชนีเมืองนิวยอร์ก สหรัฐฯ ที่ใช้เป็นฐานเท่ากับ 100% โดยอยู่อันดับที่ 94 จาก 146 ประเทศทั่วโลก ถือว่าอยู่ระดับต่ำ โดยลดลงจาก 40.7% หรืออยู่อันดับที่ 79 จาก 140 ประเทศทั่วโลก ในปี 2023

ประเทศในกลุ่มอาเซียน
อันดับที่ 7 สิงคโปร์ 
อันดับ 48 บรูไน 
อันดับ 87 เมียนมา 
อันดับ 88 กัมพูชา 
อันดับ 94 ไทย
อันดับ 104 ฟิลิปปินส์ 
อันดับ 113 เวียดนาม 
อันดับ 115 มาเลเซีย 
อันดับ 126 อินโดนีเซีย 

ประเทศที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก 3 อันดับแรก 
1.เบอร์มิวดา ภูมิประเทศที่มีข้อจำกัด พึ่งพาการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากต่างประเทศ เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 
2.สวิตเซอร์แลนด์ มีรายได้ต่อหัวสูง มีระบบสวัสดิการที่ดี การเมืองและเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ นักท่องเที่ยวต่างชาติเยอะ 
3.หมู่เกาะเคย์แมน หมู่เกาะเคย์แมนเป็น 1 ใน 10 ประเทศที่ถูกจัดว่าร่ำรวยที่สุดในโลก มีชื่อเสียงด้านบริการทางการเงิน และด้วยภูมิประเทศที่เป็นหมู่เกาะในทะเลแคริบเบียน ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับชาวต่างชาติ 

ประเทศที่มีค่าครองชีพต่ำที่สุดในโลก 3 อันดับแรก
1.ปากีสถาน มีปัญหาหนี้สินที่อยู่ระดับสูง การคอร์รัปชัน และความไม่มั่นคงทางอาหาร 
2.ไนจีเรีย การเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างอ่อนแรงลงจากปัจจัยต่าง ๆ การขาดแคลนอาหาร และปัญหาความยากจนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น 
3.ลิเบีย จัดว่าเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยระดับสูงสุด และเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอ 

การจัดทำดัชนีค่าครองชีพ (Cost of Living Index) ดังกล่าว คำนวณจากค่าใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง เสื้อผ้าและรองเท้า กีฬาและสันทนาการ และค่าสาธารณูปโภค (ไม่รวมค่าเช่าที่อยู่อาศัย) ซึ่งสำรวจข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ อาทิ หน่วยงานภาครัฐ ซูเปอร์มาร์เก็ต ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค โดยเปรียบเทียบกับดัชนีค่าครองชีพของเมืองนิวยอร์ก สหรัฐฯ ซึ่งใช้เป็นฐานอยู่ที่ร้อยละ 100

‘โซเชียลมาเลฯ’ ถาม!! ‘เหตุใด? น้ำมันในไทยแพง แต่อาหารถูก’ ตอบ!! เพราะไทยทำเกษตร-ผลิตอาหารเอง-ต้นทุนขนส่งทางถนนต่ำ

(1 เม.ย. 67) เพจ ‘World Forum ข่าวสารต่างประเทศ’ โพสต์ข้อความเรื่อง ‘ไวรัสในมาเลเซีย เกี่ยวกับค่าน้ำมันและอาหารในประเทศไทย’ โดยระบุว่า…

“ไวรัล ในมาเลเซีย 🇲🇾

**คำถาม ราคาน้ำมันในประเทศไทย ‘แพง’ แต่ทำไม อาหารถึง ‘ถูก’.......? อธิบายหน่อย

✍️จากความเห็นส่วนใหญ่ 

1.ประเทศไทย ประสบผลสำเร็จเรื่องการเกษตร ผู้ส่งออกอาหาร และวัตถุดิบ มาเลเซียต้องนำเข้า แม้แต่อาหารสัตว์ **ไทยมีพื้นที่ลุ่ม ปลูกอาหารได้ทั้งปี

2.มาเลเซีย แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ผู้ผลิต +ต้นทุนการขนส่งไปอีกฝั่ง 

3.มาเลเซีย เสียค่าผ่านทางถนน - ไทยฟรี เมื่อคำนวนระยะจ่ายแล้วไม่ต่างกันเท่าไหร่ 

4.ในช่วงปี 2000 มาเลเซีย มุ่งเน้นไปที่ อุตสาหกรรมไฮเทค จนลืมสานต่ออุตสาหกรรมการเกษตร  ทำให้ภาคผลิตการเกษตรลดลงอย่างมาก

✍️#คุณมีความเห็นอย่างไร”

‘หวังอี้’ เข้าเฝ้าฯ ‘กรมสมเด็จพระเทพฯ’ ณ กรุงปักกิ่ง ยกย่อง-สานต่อ ความสัมพันธ์อันดี 2 ประเทศทุกมิติ

(9 เม.ย. 67) สำนักข่าวซินหัว เผยเมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ กรุงปักกิ่งของจีน โดยหวังนำส่งคำทักทายด้วยมิตรไมตรีจิตจากประธานาธิบดีสีจิ้นผิงถึงกรมสมเด็จพระเทพฯ เป็นลำดับแรก

หวัง ซึ่งเป็นกรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน กล่าวว่า จีนนั้นเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทยติดต่อกันมานานหลายปี และยังเป็นแหล่งการลงทุนจากต่างประเทศขนาดใหญ่ที่สุดของไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยความร่วมมือทวิภาคีมีความแข็งแกร่งและศักยภาพมหาศาล

หวังกล่าวว่า กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงมีคุณูปการต่อมิตรภาพจีน-ไทย มาเนิ่นนานหลายทศวรรษ และประชาชนชาวจีนเทิดทูนคุณูปการดังกล่าวอย่างยิ่ง โดยจีนยกย่องมิตรภาพอันยืนยาวกับราชวงศ์ไทย และยินดีทำงานร่วมกับไทยเพื่อดำเนินการตามฉันทามติระดับสูงระหว่างสองประเทศ และผลักดันความก้าวหน้าใหม่ในการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกัน

กรมสมเด็จพระเทพฯ ตรัสว่า ราชวงศ์ไทยยกย่องมิตรภาพไทย-จีน เช่นเดียวกัน และไทยยินดีใช้โอกาสวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ ในปี 2025 มาเสริมสร้างความร่วมมืออันเป็นรูปธรรมกับจีนในด้านวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, การเกษตร และการศึกษา และส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างประชาชนสองประเทศ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top