Sunday, 28 April 2024
ไทยสร้างไทย

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ลาออกจากพรรคไทยสร้างไทย ก่อนเดินตาม ‘ชัยวุฒิ’ ลงพื้นที่-ประชุมต่างประเทศ

(12 พ.ย. 65) เมื่อวานนี้ (11 พ.ย. 65) เพจเฟซบุ๊ก ‘The Structure’ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีที่อดีตนักแสดง ‘รัฐภูมิ โตคงทรัพย์’ ซึ่งผันตัวมาเดินเส้นทางสายการเมืองที่ได้ลาออกจากพรรคไทยสร้างไทย และต่อได้ร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไว้ว่า…

วันที่ 11 พฤจิกายน 2565 รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม นักแสดงและศิลปินชื่อดัง ได้แจ้งต่อ กกต. ขอลาออกจากสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้แจ้งให้พรรคทราบอย่างเป็นทางการ โดยสำนักงาน กกต. เพิ่งมีหนังสือแจ้งพรรคไทยสร้างไทย ให้ทราบเมื่อ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา 

‘สร้างอนาคตไทย - ไทยสร้างไทย’ หารือไม่คืบหน้า เผยเป็นพันธมิตรการเมือง แต่ไม่ชัดเจน ‘ควบรวมพรรค’

(29 ธ.ค. 65) จากกระแสการเมือง ซึ่งเป็นที่น่าจับตา กรณีการนัดหารือ ระหว่างพรรคสร้างอนาคตไทย และพรรคไทยสร้างไทย ในช่วงเช้าของวันนี้ นำโดย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย และ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วยนายโภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย, นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคไทยสร้างอนาคตไทย ที่ได้ร่วมพูดคุยหารือเกี่ยวกับทิศทางการเมือง 

โดยทันทีที่แกนนำทั้งหมด เดินทางมาถึงร้านอาหาร Corner ซอยสุขุมวิท 26 ได้เข้าไปหารือกันแบบส่วนตัวในห้องอาหาร ก่อนออกมาตั้งโต๊ะนั่งร่วมกันแถลงข่าวให้กับบรรดาสื่อมวลชน จำนวนมากที่มาเฝ้ารอติดตามความคืบหน้า การควบรวมของทั้ง 2 พรรค

โดยนายโภคิน กล่าวเป็นคนแรกว่า ทั้ง 2 พรรคมีการหารือกันมาแล้วเป็นระยะ ในฐานะเพื่อนเก่าที่สนิทคุ้นเคย และทำงานร่วมกันมาตั้งแต่อดีต ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าบ้านเมืองกำลังมีปัญหา คิดว่า อำนาจเงิน อำนาจรัฐ ระบบราชการ ไม่ตอบสนองต่อประชาชน แต่ตอบสนองผู้มีอิทธิพล นักธุรกิจสีเทา 

ทั้งนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา มีแต่ความขัดแย้ง ทำให้ประเทศเดินไปไม่ได้ จึงมองว่า หากปล่อยสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป จะทำให้ประชาชนไม่มีอนาคต ประเทศไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ จึงนัดมาพูดคุยหาทางออกให้ประเทศ ควรเอาจริงเอาจริงในการแก้ไขปัญหา และการร่วมแรงร่วมใจ โดยสิ่งแรกที่เห็นตรงกัน คือ การมีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ไม่เช่นนั้น ประชาชนจะไม่มีส่วนร่วม หรือมีอำนาจอย่างแท้จริงได้ เพราะไม่อยากเห็นทุกคนจำนนต่ออำนาจรัฐ อำนาจเงิน หากเริ่มต้นตรงนี้ได้ เรื่องอื่นจะตามมาเอง

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวเสริมว่า ส่วนตัวและนายสมคิด เคยทำงานร่วมกันมานาน หลาย 10 ปี จากประสบการณ์ที่ผ่านมา และเคยทำนโยบายที่สำคัญให้กับประเทศจนสำเร็จ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ลูกหลานจะอยู่อย่างไร ดังนั้น ภารกิจครั้งนี้ คือ การสร้างพรรคการเมือง เพื่อส่งมอบประเทศไทยให้คนรุ่นต่อไป 

จึงมาหารือร่วมกันว่าจะร่วมงานการเมืองกันต่ออย่างไร ที่ไม่ใช่การแย่งชิงตำแหน่ง แย่งชิงอำนาจ โดยตกลงกันว่า จะพยายามแสวงหาทางออกให้บ้านเมือง และร่วมมือเป็น ‘พันธมิตร’ ยุติความขัดแย้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม

ส่วนนายอุตตม กล่าวว่า ความท้าทายที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ทั้ง 2 พรรค ต้องมาผนึกกำลังเป็นพันธมิตรเฝ เพื่อบ้านเมือง เพราะปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ใหญ่เกินกว่าที่คนไม่กี่คนจะแก้ได้ จึงต้อง ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ

‘ชวลิต’ ลาเพื่อไทย เตรียมย้ายซบ ‘ไทยสร้างไทย’ ยก ‘หญิงหน่อย’ เป็นผู้นำพาไทยหลุดพ้นความขัดแย้ง

(23 ม.ค. 66) เวลา 8.30 น. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม เขต 4 (อ.นาแก อ.ปลาปาก และ อ.วังยาง) แถลงข่าวลาออกจากพรรคเพื่อไทย ที่สำนักงานพรรคเพื่อไทย อ.นาแก จ.นครพนม โดยมีทีมงาน และประชาชนในพื้นที่มาร่วมรับฟังจำนวนมาก หลายคนพกข้าวปลาอาหาร และดอกไม้ มาให้กำลังใจ 

นายชวลิต กล่าวว่า ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้วเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 โดยไม่มีปัญหาส่วนตัวใด ๆ ในพรรคเพื่อไทย และยังคงให้ความเคารพนับถือผู้ใหญ่ของพรรคและผู้บริหารพรรค รวมถึง 2 อดีตนายกรัฐมนตรีเสมอมาไม่เปลี่ยนแปลง

แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมา ตนเองได้ตกผลึกความคิดทางการเมืองว่า นับจากปี 2549 จนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาเกือบ 20 ปี การเมืองประเทศไทยยังอยู่ในวังวนแห่งความขัดแย้ง แบ่งเป็นฝัก เป็นฝ่าย ทำลายล้างกัน จนประเทศตกหล่ม ถอยหลังเข้าคลอง วิ่งตามเพื่อนบ้านไม่ทัน และประชาชนยากจนลงแต่หนี้สินเพิ่มขึ้น

พรรคการเมืองที่เคยสังกัดถูกยุบ 2 ครั้ง ถูกปฏิวัติ 2 ครั้ง รัฐมนตรีของพรรคต้องโทษจำคุกแล้วกว่า 10 คน และยังมีอีกหลายคนที่ต่อคิวเพราะคดีความยังไม่สิ้นสุด ตนเห็นว่าการยุบพรรคการเมืองและการรัฐประหารเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม ไม่สอดคล้องกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย ยิ่งกระทำกับพรรคการเมืองที่ตนเคยสังกัด ยิ่งทำให้ความขัดแย้งฝังรากลึก ต่อเนื่อง ยาวนาน ดังนั้น ตนเองจึงตกผลึกทางความคิดว่า ต้องหาพรรคการเมืองที่มีจุดยืนอุดมการณ์ประชาธิปไตย และต้องมีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งระหว่างการเมืองสองขั้ว เพื่อเป็นทางออกให้กับบ้านเมือง

‘ไทยสร้างไทย’ เปิดตัว ‘ไข่มุก’ นักร้องวงพริกไทย ลงสมัคร ส.ส. เจ้าตัว เผย ชอบนโยบาย ลั่น!! ขอโอกาสใช้ความรู้ทำเพื่อ ปชช.

(16 มี.ค. 66) หลังจากที่ นางสาวปัณณรัตน์ สิรินันท์ หรือ ‘ไข่มุก’ นักร้องนำคนล่าสุดของวงดนตรีระดับตำนานอย่าง ‘วงพริกไทย’ ได้หวนกลับมาเป็นนักร้องนำอย่างเต็มตัว หลังจากห่างหายไปถึง 2 ปี กลับมาคราวนี้ ขอทุ่มสุดตัว ทั้งด้านวงการบันเทิง และขอลงสนามสมัคร ส.ส. กรุงเทพฯ กับพรรคไทยสร้างไทย เป็นครั้งแรกอีกด้วย

โดยน้องไข่มุก เปิดใจถึงความสนใจการเมืองอยากทำงานการเมืองว่า ตนขอกราบขอบพระคุณ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ หรือที่ทุกคนเรียกว่า ‘คุณแม่’ ที่มอบโอกาสให้ตนได้เข้ามาทำงานทางการเมือง และอีกบุคคลที่ตนจะลืมไม่ได้คือ คุณต้น กุณฑล ประจวบเหมาะ ที่สนับสนุนและดูแลตนมาตั้งแต่แรก รวมทั้งคุณอุดมเดช และคุณสุธา รวมถึงผู้ใหญ่อีกหลายคนที่คอยช่วยเหลือ แนะนำสิ่งดี ๆ ให้ตนมาตลอด ตนคิดว่า การเมืองเป็นเรื่องของคนไทยทุก ๆ คน เพราะการเมืองมีผลต่อการดำเนินชีวิตของพวกเรามาตลอด อีกทั้งประชาชนไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียง มีอำนาจ แค่ในวันเลือกตั้งเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว พวกเราควรมีสิทธิ์และควรได้รับสิทธิ์ภายใต้กฎหมายทุก ๆ วัน ตลอดเวลา

ดังนั้น ในฐานะคนรุ่นใหม่ที่มีหัวใจรักประชาธิปไตย ตนจึงตัดสินใจที่จะใช้ความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เคยช่วยเหลือคนด้อยโอกาส และคลุกคลีกับกลุ่มคนรากหญ้า จึงพอที่จะรู้ปัญหาของคนกลุ่มนี้ ว่าพวกเขาต้องการอะไร และเรามีวิธีที่จะช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร ซึ่งตนอยากเห็นประเทศไทย เป็นรัฐสวัสดิการเพื่อประชาชนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์

“ประชาชนทุก ๆ คนควรต้องได้รับสวัสดิการที่ดีของภาครัฐ ไว้ว่าจะเป็นหน่วยงานประกันสังคม สวัสดิการรักษาแบบยกระดับเทียบเท่าผู้ที่ทำประกันชีวิต เช่นได้รับยาที่มีคุณภาพ มีหมอเฉพาะทางคอยให้การรักษา การลดขั้นตอนของหน่วยงานรัฐ รวมทั้งการกระจายอำนาจออกจากส่วนกลางไปชนบท โดยมองค์กรที่มีประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบได้ตามกฎหมาย ไม่ใช่เสือกระดาษ น้องมุกอยากเห็นการเก็บภาษีที่เป็นธรรมต่อประชาชน และประชาชนทุกคนควรเสียภาษี ถ้ารายได้เข้าเกณฑ์นะคะ คนที่มีรายได้ต่ำกว่า 150,000 บาท/ปี ไม่ต้องเสียภาษีบุคคลธรรมดา” น้องไข่มุก กล่าว

‘สุดารัตน์’ ลั่นกลางลานคนเมือง!! ขอพาปชช.ไปสู่ชัยชนะ ขอใช้ประสบการณ์ 30 ปี แก้ทุกข์คนไทย ทำได้ทำจริง!! เลือกเบอร์ 32

(22 เม.ย.66) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี รองหัวหน้าพรรค ไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี น.อ.อุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายนพดล มังกรชัย รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคไทยสร้างไทย ร่วมปราศรัยใหญ่พรรคไทยสร้างไทย พร้อมประชันวิสัยทัศน์ ของผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคไทยสร้างไทย สะท้อนการทำงานและความมุ่งมั่นตั้งใจในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน หลังลงพื้นที่ทำงานรับใช้ชาวกรุงเทพมหานครมาอย่างยาวนานซึ่งได้รับความสนใจ จากชาวกรุงเทพในแต่ละเขตร่วมรับฟังจนแน่นขนัดลานคนเมือง 

คุณหญิงสุดารัตน์ ขึ้นเวทีกล่าวถึงจดหมายเปิดผนึกซึ่งสะท้อนความในใจ ในฐานะแม่ของลูก 3 คน ว่า คิดเหมือนพ่อแม่หลายคน ที่ตอบลูกไม่ได้ว่า พวกเขาจะมีอนาคตในประเทศนี้อย่างไร 
และในฐานะหัวหน้าพรรคการเมือง ดิฉันได้เดินทางไปทั่วประเทศได้สัมผัสความทุกข์ของพี่น้องทั่วประเทศ ที่วิ่งเข้ามากอด ร้องไห้ และฝากความหวังไว้กับดิฉัน ดิฉันได้แบกรับความทุกข์ของพี่น้องไว้เต็มหัวใจ ด้วย 2 เหตุผลนี้ ดิฉันจึงตั้งใจใช้ประสบการณ์ 30 ปี มาแก้ทุกข์ให้พี่น้องหายจน หมดหนี้ มีรายได้อย่างยั่งยืนให้สำเร็จ พร้อมนำทีมคนรุ่นใหม่ของพรรคไทยสร้างไทย ขอทำภารกิจครั้งสุดท้ายเพื่อ “สร้างประเทศไทยที่ดีที่สุด ให้คนรุ่นต่อไป”

“พอหรือยัง! กับ 17 ปีที่ประเทศต้องติดหล่มความขัดแย้งการเมือง 2 ขั้วเกิดรัฐประหาร 2 ครั้ง ทำประชาชนทุกข์ยากอย่างแสนสาหัส ประเทศถดถอยทุกด้านการเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าพี่น้องเลือกแบบเดิมๆ เลือกพรรคเดิมๆ เสี่ยงเกิดความขัดแย้งรอบใหม่ การรัฐประหารก็อาจจะเกิดขึ้นมาอีก ประเทศเดินต่อไม่ได้แก้ปัญหาการเมืองไม่ได้ ก็แก้เศรษฐกิจไม่ได้ ดิฉันขอยืนยันว่า พรรคใหม่ แต่มากประสบการณ์อย่างไทยสร้างไทยจะเป็นทางรอดของประเทศ เรายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่สนับสนุนเผด็จการ ไม่เอานักการเมืองฉ้อฉล และไม่เป็นนอมินีของใคร ไม่พาประเทศไปสู่วิกฤติ เพราะไทยสร้างไทยนายใหญ่คือประชาชน  “ดิฉันขออาสาพาประชาชนไปสู่ชัยชนะ เร่งดูแลปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ดูแลคนไทยตั้งแต่เกิดจนแก่ให้อยู่อย่างมั่นคงและมีศักดิ์ศรี มั่นใจสุดารัตน์ ทำได้ทำจริง โปรดเลือกพรรคไทยสร้างไทย พรรค “ส” หมายเลข 32”

‘ศิธา-ทสท.’ ลั่น!! ไม่มีใครเป็นซูเปอร์แมนที่รู้ทุกเรื่อง 'ไม่ร่วมมือ-ฉายเดียว-คิดว่าเก่ง' ประเทศจะไปได้ไม่ไกล

จากรายการ ‘ถลกข่าว ถลกคน’ รายการที่ล้วงลึกทุกฉากการเลือกตั้ง 2566 โดยสำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ใน EP.5 เมื่อวันที่ 29 เม.ย.66 ได้เชิญ ‘น.ต.ศิธา ทิวารี’ แคนดิเดตนายกฯ พรรคไทยสร้างไทย มาร่วมถกประเด็นก่อนการเลือกตั้ง โดยช่วงหนึ่งคุณศิธาได้กล่าวว่า...

“กรณีบางพรรคเขาเสนอตัวคนเดียว ซึ่งเป็นพรรคใหญ่ดั้งเดิมอยู่แล้ว เขาก็อาจไม่ต้องนำเสนอนโยบายอะไรเยอะ แต่ของผม พรรคไทยสร้างไทย เรามองว่าประเทศไทยจะต้องตอบโจทย์ปัญหาได้ด้านและครอบคลุมในเรื่องที่ถูกมองข้ามมากกว่านี้ ยกตัวอย่าง เช่น เรื่องเงินทุนของกลุ่มผู้ประกอบการ SME ทราบหรือไม่ว่า กว่าพวกเขาจะหาเงินมาได้ หาเงินกู้มาได้ มันยากแค่ไหน และส่วนใหญ่ก็เข้าถึงแหล่งเงินที่มีดอกเบี้ยราคาถูกไม่ได้

"ไทยสร้างไทย ก็เข้าใจดีว่า คนไทยกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องนี้ เขาก็จะโฟกัสกับปัญหาและรอคอยทางแก้เหล่านี้เป็นหลัก และเราต้องเข้าไปเติมเต็มแบบรอบด้าน อย่างพรรคเราเองก็ตั้งใจที่จะช่วยคนตัวเล็ก เราก็มีแนงทางไว้แล้ว แต่เรื่องนี้กับพรรคอื่นอาจจะมองเป็นเรื่องหลังๆ เพราะบางทีก็ไปคิดว่า 'คนจนเบี้ยวง่าย' แต่ผมว่าคนจนเขาไม่เบี้ยวนะ เขาก็ต้องรักษาเครดิตเขาอยู่แล้ว หากเขาต้องดำเนินธุรกิจในระยะยาว"

น.ต.ศิธา กล่าวอีกว่า "ผมมองว่าวันนี้ความเป็นธรรมกับบ้านเมืองของเราน้อยมาก โดยเฉพาะผลประโยชน์ที่ควรเกิดขึ้นกับประชาชน ยิางภายหลังจากทุกครั้งที่เกิดรัฐประหาร ซึ่งมักจะเกิดผลพวงแห่งการขัดแย้งและเผชิญหน้าแบบไม่มีใครถอยให้กัน ประโยชน์ที่คิดที่จะทำ มันก็เกิดจากมุมตัวเอง 

ล้างหนี้นอกระบบ!! ‘สุดารัตน์’ ควง ‘น้องจินนี่’ ลงพื้นที่ตลาดนัดรถไฟ จ.หนองคาย ชูนโยบาย ‘กองทุนเครดิตปชช.’ แก้หนี้นอกระบบ ช่วยคลายทุกข์คนไทย

(8 พ.ค. 66) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ุ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย หมายเลข 32 พร้อมด้วย นางสาวยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือน้องจินนี่ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคไทยสร้างไทย นายพิชชาวุธ เหล่าศิริวิจิตร ผู้สมัครส.ส.พรรคไทยสร้างไทยหมายเลข 1 เขต 1 นางสาวทศพร จันทร์ศรี ผู้สมัครส.ส. หมายเลข 2 เขต 2 และ นายกฤษฎา เขมรัตน์ ผู้สมัครส.ส. หมายเลข 5 เขต 3 พรรคไทยสร้างไทย จังหวัดหนองคาย ได้ขึ้นรถซาเล้ง ขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน พร้อมเดินทักทายพ่อค้าแม่ขาย ที่ตลาดนัดรถไฟ  อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ซึ่งได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น 

พี่น้องประชาชนเข้ามา สวมกอดและขอถ่ายภาพร่วมกับคุณหญิงสุดารัตน์ อย่างคึกคัก ขณะที่พ่อค้าแม่ขาย ได้ ฝากของกินของใช้ รวมถึงของขึ้นชื่อของจังหวัดหนองคาย ให้คุณหญิงสุดารัตน์ และทีมงาน ระหว่างการลงพื้นที่ เดินสายปราศรัยหาเสียงในพื้นที่ภาคอีสาน ขณะเดียวกันพ่อค้าแม่ขาย ยังอวยพรให้คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของคนอีสาน เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวอีสาน โดยเฉพาะเศรษฐกิจปากท้อง รวมถึงการค้าการขาย ที่เงียบเหงาต่อเนื่องมานาน จนหลายคน ต้องแบกรับภาระหนี้สิน ทั้งในและนอกระบบที่ไปกู้ยืมมาเพื่อต่อยอดธุรกิจ
.
คุณหญิงสุดารัตน์ ทราบดี ถึงความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชน และพ่อค้าแม่ขาย เนื่องจากมีโอกาสเดินสายพบปะพี่น้องทั่วประเทศ จนพบว่าปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นปัญหาใหญ่ ที่กำลังสร้างความเครียด และความทุกข์ให้กับพี่น้องเป็นอย่างมาก ดังนั้นพรรคไทยสร้างไทย จึงสร้างนโยบาย กองทุนเครดิตประชาชนหรือบัตรเครดิตประชาชนขึ้นมา

เพื่อช่วยคนตัวเล็กกว่า 10 ล้านคน ล้างหนี้นอกระบบ สนับสนุนแหล่งเงินทุนให้เป็นที่พึ่งของประชาชนคนตัวเล็ก ที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบปกติของธนาคาร หรือสถาบันการเงินได้  ช่วยให้คนตัวเล็กตั้งตัวได้ เป็นสินเชื่อรายย่อยที่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยตํ่า ไม่เกินร้อยละ 1 ต่อเดือน วงเงินกู้ตั้งแต่ 5,000 บาท จนถึง 50,000 บาท เพื่อนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ และเป็นหลักประกันทางการเงินไปตลอดชีวิต หรือกองทุนวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้เกษตรกร และลูกหลานได้รวมตัวกันในการประกอบธุรกิจจากผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ โดยการแปรรูปเพิ่มมูลค่าของสินค้าเกษตร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top