Saturday, 4 May 2024
แรงงาน

ก.แรงงาน จัดสัมมนาเครือข่ายแรงงาน เพิ่มประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนภารกิจสำคัญ สู่ประชาชนระดับพื้นที่

ปลัดแรงงาน เปิดสัมมนาเครือข่ายแรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงแรงงาน ไปสู่ประชาชนในระดับพื้นที่ พร้อมมอบใบประกาศเกียรติคุณ และเข็มประกาศเกียรติคุณให้แก่อาสาสมัครแรงงานดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2566 จำนวน 79 คน

วันที่ 19 กันยายน 2566 เวลา 15.30 น. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีเปิดโครงการสัมมนาเครือข่ายแรงงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงแรงงาน ไปสู่ประชาชนในระดับพื้นที่ ณ ห้องบอลรูม 2 ชั้น 3 โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ กรุงเทพฯ โดยกล่าวว่า การสัมมนาฯ ในครั้งนี้ เป็นความตั้งใจของกระทรวงแรงงาน ที่เล็งเห็นการพัฒนาเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการพัฒนาจะส่งผลให้บุคลากรและเครือข่ายของกระทรวงแรงงาน มีองค์ความรู้ ประสบการณ์ มีศักยภาพและสามารถที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงแรงงาน ได้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม ซึ่งได้มอบแนวทางในการจัดสัมมนาโดยให้มีการเรียนรู้ การศึกษาดูงาน การทำกิจกรรม และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมถึงในโอกาสต่อไป กระทรวงแรงงาน จะผลักดันให้เครือข่ายของกระทรวงแรงงานได้รับสิทธิสวัสดิการและค่าตอบแทนที่สูงขึ้น เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการเข้าร่วมขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงแรงงานอย่างมีประสิทธิภาพ 

ขอแสดงความยินดีกับอาสาสมัครแรงงานและบัณฑิตแรงงานดีเด่น ประจำปี 2566 และขอขอบคุณอาสาสมัครแรงงาน และบัณฑิตแรงงานทุกท่าน ที่เข้าร่วมเป็นเครือข่ายการทำงานในระดับพื้นที่และชุมชนให้กับกระทรวงแรงงาน ด้วยความเสียสละ ทุ่มเท อุทิศแรงกาย แรงใจ และเวลาอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงแรงงานที่มีความหลากหลาย ทั้งด้านส่งเสริมการมีงานทำ การพัฒนาฝีมือแรงงาน การฝึกอาชีพ การคุ้มครองแรงงาน และการประกันสังคม จนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายและมีผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม อีกทั้ง ในปีงบประมาณ 2567 กระทรวงแรงงานมีภารกิจสำคัญที่จะขับเคลื่อนเพื่อให้ผู้อยู่ในวัยทำงานได้มีงานทำเพิ่มมากขึ้น เช่น ส่งเสริมการไปทำงานในต่างประเทศ การหาตำแหน่งงานให้กับผู้ว่างงานได้มีงานทำ การเพิ่มทักษะ เพื่อการมีรายได้ที่สูงขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายทุกท่าน ซึ่งเป็นพลังสำคัญที่เข้มแข็ง และมีความพร้อมในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่อไป ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวท้ายที่สุด

นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงแรงงาน ยังได้มอบใบประกาศเกียรติคุณอาสาสมัครแรงงานดีเด่น ประจำปี 2566 จำนวน 75 คน และเข็มประกาศเกียรติคุณบัณฑิตแรงงานดีเด่น ประจำปี 2566 จำนวน 4 คน ได้แก่ นายกูไซพูดีน อาแด บัณฑิตแรงงานจังหวัดนราธิวาส นายซำซีย๊ะ มาฮะ บัณฑิตแรงงานจังหวัดยะลา นางสาวสุณัฐฐา ยอดไกร บัณฑิตแรงงานจังหวัดปัตตานี และนางสาวสาริศา ลังคง บัณฑิตแรงงานจังหวัดสงขลา

‘รมว.พิพัฒน์’ ลุยขยายตลาดแรงงานประเทศใหม่ๆ หนุนทำงานต่างแดนถูกกฎหมาย 100,000 อัตรา

(20 ก.ย. 66) นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบนโยบายสำคัญให้กับกรมการจัดหางานในการส่งเสริมและขยายตลาดแรงงานไทยในต่างประเทศ จำนวน 100,000 อัตรา ภายในปี 2567 

เกี่ยวกับเรื่องนี้กรมการจัดหางานพร้อมขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้การส่งเสริมให้แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในตลาดแรงงานเดิมที่มีความต้องการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น ในตำแหน่งงานใหม่ อาทิ ประเทศสวีเดน, ประเทศฟินแลนด์, ประเทศอิสราเอล, ประเทศญี่ปุ่น, สาธารณรัฐเกาหลี, ไต้หวัน และการขยายตลาดแรงงานในประเทศใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มความต้องการจ้างแรงงานไทย 

นอกจากนี้ ยังเจรจาเพื่อให้เกิดการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือด้านแรงงานมุ่งประโยชน์สูงสุดต่อแรงงานไทย โดยเน้นไปที่กลุ่มแรงงานกึ่งฝีมือและทักษะฝีมือ อาทิ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ในตำแหน่งพยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ดูแลผู้ป่วยและคนชรา / ประเทศกาตาร์ ในแรงงานภาคก่อสร้าง ภาคบริการเกี่ยวกับท่าอากาศยานและรถไฟ ภาคการท่องเที่ยวและสุขภาพ และภาคการขนส่ง / ประเทศจอร์แดน ในแรงงานภาคเกษตร / ประเทศนิวซีแลนด์ ในแรงงานทักษะฝีมือภาคบริการ ภาคเกษตร และแรงงานที่มีทักษะ ความรู้ ความชำนาญ เฉพาะสาขาที่ขาดแคลน เช่น สถาปนิก ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย ทันตแพทย์ และพยาบาลวิชาชีพ / ประเทศโปรตุเกส ในแรงงานเกษตรกรรมและงานร้านอาหาร และประเทศออสเตรเลีย พร้อมรับพ่อครัวคนไทยที่มีประกาศนียบัตรจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน

นายไพโรจน์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมากรมการจัดหางานสนับสนุนให้แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาโดยตลอด เพื่อให้แรงงานไทยมีรายได้และโอกาสทำงานเพิ่มขึ้น ได้เปิดโลกทัศน์สั่งสมประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ โดยจากนี้กระทรวงแรงงานจะต้องหารือร่วมกับหลายฝ่ายทั้งนายจ้างในต่างประเทศ ประเทศปลายทาง ภาคเอกชนในประเทศไทย ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนความเข้าใจในกฎหมาย ระเบียบ สัญญาจ้างงานของประเทศไทย และประเทศปลายทาง ตลอดจนวิธีการและขั้นตอนการนำแรงงานไทยเข้าไปทำงานในประเทศต่างๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศและเพิ่มโอกาสในการจ้างแรงงานไทย

ซึ่งหากส่งแรงงานไทยทำงานต่างประเทศได้ 100,000 คน ตามนโยบายท่านรัฐมนตรี นอกจากช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานไทยทั้งหมดให้ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ 100,000 ครอบครัวของแรงงานมีโอกาสยกระดับคุณภาพชีวิตตามไปด้วย

สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานต่างประเทศ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 - 10 หรือ สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน

'รมว.พิพัฒน์' กระชับความร่วมมือ ILO ลั่น!! คุ้มครองทุกต่างด้าว ส่วน 'ปัญหาค้ามนุษย์-แรงงานประมงผิด กม.' ไม่นิ่งเฉย

(25 ก.ย.66) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับ นางชิโฮะโกะ อาซาดะ มิยากาวะ (Ms.Chihoko Asada - Miyakawa) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ และผู้อำนวยการสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก องค์การแรงงานระหว่างประเทศ และคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานภายหลังเข้ารับตำแหน่ง และหารือเกี่ยวกับการจัดทำแผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทยฉบับใหม่ (Decent Work Country Program : DWCP) ระยะที่ 2 พ.ศ. 2566 - 2570 โดยมี นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน, นายภุชงค์ วรศรี ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงแรงงาน, นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน พร้อมด้วย ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วม ณ ห้องจัตุมงคล ชั้น 6 อาคารกระทรวงแรงงาน

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานขอขอบคุณ ILO (International Labour Organization: องค์การแรงงานระหว่างประเทศ) ที่มาเยี่ยมและแสดงความยินดีที่ประเทศไทยได้รัฐบาลใหม่ ภายใต้การนำของท่านเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และขอบคุณการสนับสนุนจาก ILO เป็นอย่างดีผ่านโครงการความร่วมมือภายใต้แผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าของประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี ที่ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ที่นำนโยบายเศรษฐกิจ BCG มาเป็นแนวทางเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม 

โดยประเทศไทยพร้อมประกาศความมุ่งมั่นระดับประเทศเพื่อขับเคลื่อน SDGs รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ในส่วนของแรงงานต่างด้าว ท่านนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้กระทรวงแรงงานดูแลแรงงานต่างด้าวให้ดีที่สุด 

"วันนี้เรามีแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย ซึ่งมีทั้งแรงงานที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องและลักลอบเข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย ก็จะต้องทำให้ถูกต้องมากที่สุด ส่วนการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานและการแก้ไขปัญหาแรงงานประมงผิดกฎหมายในประเทศนั้น เราได้บูรณาการความร่วมมือกับหลายกระทรวงอย่างต่อเนื่อง อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, มหาดไทย, เกษตรและสหกรณ์, การต่างประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานพร้อมสนับสนุนความร่วมมือในการผลักดันกฎหมายแรงงาน เพื่อมุ่งคุ้มครองดูแลแรงงานทุกสัญชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานของ ILO ต่อไป" รมว.แรงงาน กล่าว

ด้าน นางชิโฮะโกะ อาซาดะ มิยากาวะ (Ms.Chihoko Asada - Miyakawa) ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ และผู้อำนวยการสำนักงานแรงงานระหว่างประเทศประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก องค์การแรงงานระหว่างประเทศ กล่าวว่า ขอขอบคุณและแสดงความยินดีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่ได้รับตำแหน่ง พร้อมยินดีที่จะสนับสนุนความร่วมมือกับรัฐบาลและกระทรวงแรงงานในประเด็นการคุ้มครองแรงงานข้ามชาติและแรงงานกลุ่มต่างๆ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ รวมถึงความร่วมมือในการผลักดันโครงการความร่วมมือภายใต้แผนงานระดับชาติว่าด้วยงานที่มีคุณค่าระหว่างสองหน่วยงานอย่างใกล้ชิดต่อไปอีกด้วย

“พิพัฒน์” เผย ข่าวดี แรงงานล็อตแรกจากอิสราเอลกลับถึงไทย 12 ต.ค. นี้ พร้อมสั่งการทูตแรงงาน เยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องแรงงานชาวไทย ณ ศูนย์อพยพ ณ ประเทศอิสราเอล

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในนาม รัฐบาลไทย ภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน มีความยินดีที่แจ้งข่าวดีสำหรับพี่น้องแรงงานชาวไทย ที่ภายหลังสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมา

กระทรวงต่างประเทศ และ กระทรวงแรงงาน ได้ร่วมทำงานอย่างหนักเพื่อดำเนินการอพยพพี่น้องแรงงานไทยไปยังจากพื้นที่สู้รบไปยังพื้นปลอดภัย พร้อมวางแผนในการดำเนินการอพยพพี่น้องแรงงานชาวไทยกลับสู่ประเทศไทย

โดยในวันที่ 9 ตุลาคม ทางรัฐบาลไทยได้รับข่าวดี และ ยืนยันในการนำพี่น้องแรงงานไทยกลุ่มแรก จำนวน 15 คน กลับสู่ประเทศไทยโดยแบ่งเป็น 2 เที่ยวบิน โดยเที่ยวบินแรก LY081 จำนวน 5 คน และ เที่ยวบินที่สอง LY083 จำนวน 10 คน โดยพี่น้องแรงงานชาวไทย จะเดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ 12 ตุลาคม โดยเที่ยวบินแรกจะถึงในเวลา 10.35 น. และ เที่ยวบินที่สองเวลาในเวลา 12.35 น.

และ นายพิพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมาย อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชฑูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ในการเดินทางเยี่ยม และ ให้กำลังใจ พี่น้องแรงงานที่อพยพมาจากเขตสู้รบ มายัง ศูนย์หลบภัยแรงงาน ของประเทศอิสราเอล ซึ่งมีพี่น้องแรงงานไทยที่อพยพมาพำนักประมาณ 256 คน

เปิดความจริง!! กองกำลังอิสราเอลในฉนวนกาซา ส่วนหนึ่งเป็นทหารรับจ้าง ‘มิใช่’ แรงงานไทยผันตัว

ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฏมีภาพที่ระบุว่า เป็นชายไทยในชุดเครื่องแบบทหารสังกัด IDF (Israel Defense Forces) หรือกองกำลังป้องกันอิสราเอล โดยมีข่าวประกอบว่าเป็นแรงงานไทยซึ่งสมัครเป็นทหารรับจ้าง (Mercenaries) ให้กับอิสราเอล

ต่อมาในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงต่างประเทศของไทยได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวเรื่องแรงงานไทยสมัครเป็นทหารรับจ้างให้กับอิสราเอลดังนี้ 

“กรณีที่มีกระแสข่าวในโลกโซเชียลว่ามีแรงงานไทยไปเป็นทหารให้แก่ฝ่ายอิสราเอลในช่วงสถานการณ์อิสราเอล-กาซา นั้น ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่า มีคนไทยที่เป็นลูกครึ่งไทย-อิสราเอลไปเป็นทหารกองหนุนให้อิสราเอลจริง แต่ไม่ใช่พี่น้องแรงงานไทยแต่อย่างใด

ทั้งนี้ นอกเหนือจากแรงงานไทยในภาคเกษตรกรรมในอิสราเอลแล้ว ยังมีหญิงไทยจำนวนหนึ่ง (ประมาณ 400 - 500 คน) ที่แต่งงานกับคนอิสราเอล และมีบุตรซึ่งถือ 2 สัญชาติ คือทั้งสัญชาติไทยและอิสราเอล ซึ่งตามกฎหมายอิสราเอล บุคคลสัญชาติอิสราเอลทุกคน (ทั้งหญิงและชาย) จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเมื่ออายุครบ 18 ปี 

โดยผู้ชายมีระยะเวลารับราชการทหาร 32 เดือน และผู้หญิงมีระยะเวลารับราชการทหาร 24 เดือน และเมื่อเสร็จสิ้นระยะเวลาเกณฑ์ทหารดังกล่าวแล้ว ทุกคนจะถูกบรรจุเข้าเป็นทหารกองหนุน ซึ่งจะต้องปฏิบัติหน้าที่ทหารหากถูกเรียกจากกองทัพอิสราเอล

ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 66 กองทัพอิสราเอลได้เรียกทหารกองหนุนจำนวนกว่า 350,000 คน หรือประมาณร้อยละ 4 ของประชากรอิสราเอลทั้งหมด เข้าปฏิบัติหน้าที่ ถือได้ว่าเป็นการเรียกทหารกองหนุนครั้งใหญ่ที่สุดของอิสราเอล จึงย่อมมีลูกครึ่งไทย-อิสราเอลที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ทหารกองหนุนตามกฎหมายอิสราเอล มิใช่แรงงานไทยที่แฝงตัวไปเป็นทหารรับจ้างให้แก่อิสราเอลตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด 

ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศ จึงขอความร่วมมืออย่าเผยแพร่ข่าวปลอมหรือข่าวที่อาจทำให้สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนทั้งไทยและต่างประเทศ” 

หมวก Kippah 

จากภาพดังกล่าวจะเห็นว่า ชายหนุ่มในภาพหน้าตาคล้ายชาวเอเชีย และหลายคนสวมใส่หมวก Kippah อันเป็นหมวกผ้าใบเล็ก ๆ ซึ่งสวมใส่เฉพาะชายที่นับถือศาสนา Judaism เท่านั้น ดังนั้นบรรดาชายในภาพจึงน่าจะเป็นลูกครึ่งเอเชีย-อิสราเอล หรืออาจจะเป็นลูกติดของหญิงเอเชียที่แต่งงานกับชายอิสราเอล ต่อมาได้รับสัญชาติอิสราเอล และต้องทำหน้าที่ของพลเมืองอิสราเอลตามกฎหมาย 

ชาวจีนเชื้อสายยิว (Kaifeng Jews) ในเมืองไคเฟิง มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน

นอกจากนั้นแล้วในอิสราเอลยังมีชาวจีนเชื้อสายยิว (Kaifeng Jews) อยู่อีกจำนวนหนึ่งด้วย โดยไปจากชุมชนเล็ก ๆ ที่มีผู้สืบเชื้อสายมาจากชาวจีนเชื้อสายยิว ในช่วงศตวรรษแรกของการตั้งถิ่นฐานอาจมีสมาชิกประมาณ 2,500 คน แม้ว่าพวกเขาจะแยกตัวออกจากชาวยิวพลัดถิ่นส่วนที่เหลือ แต่บรรพบุรุษของพวกเขาก็ยังคงปฏิบัติตามประเพณีและขนบธรรมเนียมของชาวยิวมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ วิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนชาวจีนเชื้อสายยิวค่อย ๆ เสื่อมสลายหายไป เนื่องจากการหลอมรวมและการแต่งงานระหว่างชาวยิวเชื้อสายจีนใกับชาวจีนฮั่นและชาวจีนฮุย 

จนกระทั่งเมื่อถึงศตวรรษที่ 19 ความเป็นยิวก็แทบจะหมดไป นอกเหนือจากการเก็บรักษาความทรงจำเกี่ยวกับอดีตความเป็นชาวจีนเชื้อสายยิวในตระกูลของตน ปัจจุบันน่าจะเหลือสมาชิกในจีนอยู่ราว 600-1,000 คน และอพยพไปอยู่อิสราเอลไม่กี่สิบคน

มีข่าวจาก www.middleeastmonitor.com ระบุว่า IDF ได้ใช้ทหารรับจ้างต่างชาติเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติการในฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อม ตามรายงานจาก El Mundo สื่อใหญ่ของสเปน

ภาพถ่ายไม่ระบุวันที่นี้ของ Pedro Diaz Flores ทหารรับจ้างชาวสเปนซึ่งเข้าร่วมกองกำลังอิสราเอล เคียงข้างเพื่อนร่วมงานที่จุดตรวจตามแนวรั้วที่กั้นดินแดนที่ถูกยึดครองกับฉนวนกาซา

ในบรรดาทหารรับจ้างต่างชาตินั้น มีทหารรับจ้างชาวสเปนที่เคยต่อสู้เคียงข้างนีโอนาซีชาวยูเครนหลังจากการรุกรานของรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว Pedro Diaz Flores ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกสันนิษฐานว่าเสียชีวิตแล้ว แต่เขายังมีชีวิตสบายดี

ตามรายงานของสื่อที่ทำการสัมภาษณ์เขา “ผมมาเพื่อเงิน พวกเขาจ่ายดีมาก มีอุปกรณ์ดี และงานก็ใช้ได้ เงินก็ดีด้วย 3,900 ยูโร (4,187 ดอลลาร์) ต่อสัปดาห์ นอกเหนือจากภารกิจเสริม” Flores กล่าวถึงแรงจูงใจในการเข้าร่วมกองกำลัง IDF

อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่า เขาสู้รบในที่ราบสูงโกลันที่ถูกยึดครอง “เราให้การสนับสนุนด้านความปลอดภัยแก่ขบวนรถติดอาวุธหรือกองกำลังของกองทัพอิสราเอลที่อยู่ในฉนวนกาซาเท่านั้น เราไม่ได้ต่อสู้กับกลุ่มฮามาสโดยตรง และไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการจู่โจม”

“เรามีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของจุดตรวจและการควบคุมการเข้าถึงบริเวณชายแดนฉนวนกาซาและจอร์แดน มี PMC [Private Mercenaries Companies : บริษัททหารรับจ้างเอกชน] จำนวนมาก ที่นี่และพวกเขาแบ่งปันงานกัน ปกติแล้วพวกเขาจะทำหน้าที่คอยคุ้มกันอาคารผู้โดยสารชายแดนระหว่าง Eliat และ Aqaba” เขากล่าวเสริม ตั้งแต่เดือนที่แล้ว มีการคาดการณ์ว่า ทหารรับจ้างที่ประจำการอยู่ในยูเครนจะเริ่มหันเหความสนใจไปช่วยเหลือและเข้าร่วมกองทัพอิสราเอล ในขณะที่จุดสนใจของชาติตะวันตกก็เปลี่ยนไปยืนหยัดเคียงข้างอิสราเอลในขณะที่ IDF กำลังก่ออาชญากรรมสงครามและการสังหารหมู่พลเรือนชาวปาเลสไตน์

นอกจากนี้แล้วในสหราชอาณาจักร ศูนย์ยุติธรรมระหว่างประเทศสำหรับชาวปาเลสไตน์ (ICJP) ได้ส่งจดหมายถึงสำนักงานต่างประเทศ เครือจักรภพ และการพัฒนา (FCDO) เพื่อขอคำชี้แจงเร่งด่วนเกี่ยวกับจุดยืนของรัฐบาลสหราชอาณาจักรต่อชาวอังกฤษที่จะสู้รบในอิสราเอลและฉนวนกาซา ตามรายงานของ  ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม พลเมืองอังกฤษหลายร้อยหรือหลายพันคนได้ออกจากสหราชอาณาจักรเพื่อร่วมสู้รบกับกองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ในฉนวนกาซา “ชาวอังกฤษจำนวนมากเหล่านี้อาจสมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติอยู่แล้ว และอาจต้องเผชิญกับการดำเนินคดีในอนาคต หากเรื่องเหล่านี้ได้รับการพิจารณาคดี” จดหมายระบุ 

เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลอิสราเอลเรียกทหารกองหนุน 360,000 นายจากทั่วโลกเพื่อเข้าร่วมสงครามในฉนวนกาซา “ในสหราชอาณาจักร สื่อต่าง ๆ เต็มไปด้วยเรื่องราวของชาวอังกฤษเชื้อสายอิสราเอลที่ออกเดินทางเพื่อเข้าร่วม IDF บางคนอาจอยู่ที่นั่นผ่านโครงการ Mahal ซึ่งเป็นโครงการอาสาสมัครที่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่ใช่ชาวอิสราเอลเข้ารับราชการใน IDF ในการต่อสู้เต็มรูปแบบและมีบทบาทสนับสนุนสำหรับ นานถึง 18 เดือน” ICJP ได้ขอให้ “รัฐบาลสหราชอาณาจักรชี้แจงจุดยืนของตนในเรื่องความถูกต้องตามกฎหมายของพลเมืองอังกฤษที่จะสู้รบในอิสราเอลหรือฉนวนกาซา โดยสังเกตถึงความแตกต่างกับนโยบายของตนต่อยูเครน รัฐบาลได้ชี้แจงชัดเจนว่าพลเมืองอังกฤษไม่ควรเดินทางไปต่อสู้ในยูเครน และผู้ที่ทำเช่นนั้นอาจมีความผิดทางอาญา”

น่าจะพออนุมานได้ว่าไม่มีแรงงานไทยในกองกำลัง IDF แม้แรงงานส่วนหนึ่งอาจจะเคยรับราชทหารในกองทัพไทย แต่ด้วยข้อจำกัดต่าง ๆ มากมาย อาทิ ประสบการณ์การรบ วิธีปฏิบัติ ที่สำคัญที่สุดคือ ภาษา ฯลฯ อีกทั้งรัฐบาลไทยยึดมั่นในการดำรงนโยบายเป็นกลางต่อเหตุการณ์นี้ และยังคงมีการอพยพแรงงานที่สมัครใจกลับอยู่ตลอดเวลา การเข้าร่วมกองกำลัง IDF ของแรงงานไทยจึงน่าจะเป็นเพียงข่าวลือตามที่กระทรวงต่างประเทศของไทยได้แถลงนั่นเอง

‘รองนายกฯ สิงคโปร์’ เตรียมเพิ่ม ‘แรงงาน’ ด้าน AI ขึ้น 3 เท่า หวังใช้ประโยชน์ปัญญาประดิษฐ์ปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

เมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.66) สิงคโปร์เตรียมเพิ่มจำนวนผู้ปฏิบัติงานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขึ้น 3 เท่าเป็น 15,000 คน ทั้งด้วยการฝึกอบรมคนในท้องถิ่นและว่าจ้างแรงงานจากต่างประเทศ ส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระดับชาติ ด้านเทคโนโลยี

โดย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน นายลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวในงานหนึ่งเมื่อวันจันทร์ (4 ธ.ค.)

“สิงคโปร์เชื่อในศักยภาพระยะยาวของ AI และปณิธานของเราคือการใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI อย่างเต็มที่เพื่อปรับปรุงชีวิตของเรา โดยอาศัยนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรด้านการเรียนรู้ พวกเขาเป็นกระดูกสันหลังของ AI”

ทั้งนี้ แถลงการณ์จากรัฐบาลสิงคโปร์ในวันเดียวกัน ระบุว่า สิงคโปร์ได้วางกลยุทธ์ด้าน AI ที่ได้รับการปรับปรุง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศที่มีความรับผิดชอบและเชื่อถือได้ ในขณะเดียวกันก็ป้องกันผลกระทบในทางลบหรือการใช้งาน AI ไปในทางที่ผิดด้วย

ช่างเชื่อมไทยฮอต!! ตลาดอุตสาหกรรมต่างประเทศ ทุ่มค่าจ้าง มีความต้องการสูง รมว.แรงงาน พิพัฒน์ มอบใบการันตีช่างฝีมือ ป้อนส่งโกอินเตอร์

วันที่ 30 มกราคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานพิธีมอบประกาศนียบัตรให้แก่แรงงานไทยที่ผ่านการฝึกอบรมและทดสอบฝีมือเพื่อคนหางาน พร้อมเยี่ยมชมการฝึกอบรมสาขาช่างเชื่อม ฟลักซ์คอร์ 3 จี ก่อนไปทำงานในอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือ ประเทศเกาหลีใต้ โดยมี นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี นายคมสันต์ ญาณวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นางสาวอรัญญา สกุลโกศล ประธานสมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทยนายบรรจง ฉุดพิมาย ที่ปรึกษาสมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทย นายสมชาติ นาคบรรจง ผู้บริหารสถานทดสอบฝีมือแรงงานเคทีซี ลำลูกกาคลอง 4 ผู้ประกอบการภาคเอกชน และหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดปทุมธานี ร่วมให้การต้อนรับ ณ สถานทดสอบฝีมือแรงงาน เคทีซี ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกำ จังหวัดปทุมธานี

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า การเตรียมความพร้อมให้แรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศนั้น ทักษะภาษาอังกฤษนับเป็นทักษะที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะต้องใช้ในการสื่อสารให้สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง รวมถึงต้องใช้ติดต่อสื่อสารในการดำรงชีวิตประจำวัน  ดังนั้น ผู้ที่ผ่านการทดสอบทักษะฝีมือเพื่อไปทำงานต่างประเทศต้องได้รับการฝึกทักษะด้านภาษาควบคู่กันไปด้วย  ต้องขอชื่นชมผู้ที่ผ่านการฝึกอบรม ซึ่งได้ทราบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 120 คน เป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบทักษะฝีมือเพื่อไปทำงานต่างประเทศ ด้านงานเชื่อม รวมถึงผ่านการอบรมในด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม อาทิ ผ่านการฝึกอบรมความรู้สัญญาณเครน (Rigger) การฝึกอบรมการขับรถบูมลิฟท์ เอ็กลิฟท์ การติดตั้งนั่งร้านแบบริงล็อค การเคลื่อนย้ายสิ่งของในที่สูง และความปลอดภัยในที่ทำงาน ทำให้เชื่อมั่นว่าผู้ที่ผ่านฝึกอบรมในครั้งนี้มีความรู้ ทักษะ และสามารถไปทำงานในต่างประเทศในฐานะแรงงานฝีมือ มีรายได้เลี้ยงตัวเองและส่งกลับมายังครอบครัว เพื่อนำรายได้เข้าสู่ประเทศต่อไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อไปว่า สถานทดสอบฝีมือแรงงาน เคทีซี ตำบลลาดสวาย อำเภอลำลูกกำ จังหวัดปทุมธานี  เป็นสถานทดสอบฝีมือคนหางานเพื่อไปทำงานต่างประเทศ ที่ได้รับอนุญาตให้เป็นสถานทดสอบฝีมือจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยมีหน่วยงานในพื้นที่เป็นผู้อนุญาตคือ สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 14 ปทุมธานี ซึ่งสถานทดสอบฝีมือ เคทีซี ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการทดสอบฝีมือคนหางาน ใน 4 สาขา ได้แก่ 1. สาขาช่างเชื่อม มีทั้ง ช่างเชื่อมไฟฟ้า ช่างเชื่อมประกอบโครงสร้าง ช่างประกอบท่อ ช่างเชื่อมเอ็กซเรย์ ช่างเชื่อมก๊าซ ช่างตัดโลหะ ช่างทำท่อส่งลมและโลหะแผ่นบาง และช่างหุ้มฉนวน 2. สาขาช่างไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบด้วย ช่างไฟฟ้าอาคาร ช่างไฟฟ้าโรงงานหรือช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรม และช่างทำความเย็นและปรับอากาศ 3. สาขาช่างยนต์ ประกอบด้วย ช่างเครื่องยนต์เบนซิน ช่างสีรถยนต์ พนักงานขับรถยนต์ และพนักงานควบคุมเครื่องจักรกลหนัก 4. สาขาช่างก่อสร้าง ประกอบด้วย ช่างเหล็กเสริมคอนกรีต ช่างไม้แบบ ช่างประปา (สุขภัณฑ์/เดินท่อ/ประกอบท่อ) ช่างปูกระเบื้อง ช่างฉาบปูน ช่างก่ออิฐ ช่างสีอาคาร ช่างประกอบนั่งร้าน และพนักงานให้สัญญาณเครน ซึ่งการทดสอบฝีมือดังกล่าวจะทำตามแบบที่นายจ้างกำหนด     

“ขอขอบคุณสมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทย และคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมด้านศักยภาพของแรงานไทยเพื่อไปทำงานในต่างประเทศและผู้เกี่ยวข้องที่ทำให้แรงงานไทยได้มีโอกาสไปทำงานในต่างประเทศ ช่วยให้มีงานทำ และมีรายได้กลับเข้าประเทศไทยด้วย” รมว.พิพัฒน์ กล่าว
    
ด้าน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า กระทรวงแรงงานได้ร่วมกับสมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทย จัดตั้งสถานทดสอบฝีมือแรงงาน เคทีซี ซึ่งที่นี้เป็นทั้งศูนย์ฝึกอบรมและศูนย์ทดสอบฝีมือแรงงานอีกด้วย ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกรมการจัดหางาน กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในการพัฒนาศักยภาพของแรงงานก่อนจัดแรงงานไทยออกไปทำงานในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันสาขาช่างเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานอุตสาหกรรมในต่างประเทศ ซึ่งยังต้องการแรงงานรุ่นใหม่เป็นจำนวนมากกระทรวงแรงงานจึงได้ร่วมมือกับภาคเอกชนในการให้แรงงานเหล่านี้ได้มา Up skill ให้สอดคล้องกับความต้องการของนายจ้าง เพื่อให้ได้รับค่าจ้างที่สูงขึ้น โดยเฉพาะ เกาหลีใต้ และอีกหลายประเทศ ค่าจ้างเริ่มต้น 50,000 บาท ไปจนถึงหลักแสนบาทต่อเดือน

นางสาวอรัญญา สกุลโกศล ประธานสมาคมนายจ้างส่งเสริมแรงงานไทย กล่าวขอขอบคุณนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหารที่ได้มาเยี่ยมชมศูนย์ทดสอบอบรมฝีมือ เคทีซี ลำลูกกา ซึ่งจะได้เห็นว่าภาคเอกชนมีการเตรียมความพร้อมแรงงานไทยที่จะไปทำงานต่างประเทศในระดับสูง เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก โดยแรงงานไทยเป็นแรงงานที่มีฝีมือ พร้อมที่จะไปทำงานต่างประเทศ โดยขอให้กระทรวงแรงงาน และทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือสนับสนุนภาคเอกชน ในนามสมาคมยินดีจะทำงานร่วมกับกระทรวงแรงงาน และรัฐบาล เพื่อจะไปเปิดตลาดแรงงานไทยในต่างประเทศทั่วโลก โดยปัจจุบันมีแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศกว่าแสนคน และส่งเงินกลับมาในประเทศไทยกว่า 200,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้สนใจเข้าฝึกอบรมหรือทดสอบมาตรฐานฝีมือสามารถติดต่อที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารการฝึกอบรมหรือทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานได้ที่ www.dsd.go.th เลือก สมัครฝึกอบรม หรือสมัครทดสอบมาตรฐานฝีมือ ทั้งนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 4

'สภาพัฒน์ฯ' เผย!! ค่าจ้างแรงงานโดยภาพรวมถูกลง 0.2% ผลจากการขาดทักษะ แต่ยังดีที่อัตราว่างงานลดลงตาม

(6 มี.ค. 67) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า ตัวเลขการว่างงานของตลาดแรงงานไทยโดยภาพรวมกำลัง ‘ปรับตัวดีขึ้น’

โดยอัตราการว่างงานของแรงงานไทยมีการปรับตัวลดลงเหลือเพียง 0.81% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 ส่งผลให้ปัจจุบันตัวเลขอัตราการว่างงานอยู่ที่ 0.98% ซึ่งเทียบเท่าได้กับระดับก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19

หากใครยังไม่ทราบก่อนหน้านี้ตัวเลขการว่างงานของไทยอยู่มากกว่า 1% มาโดยตลอด และเพิ่งกลับร่วงลงต่ำกว่า 1% ในเร็ว ๆ นี้

จำนวนผู้มีงานทำในไตรมาส 4 ปี 2566 อยู่ที่ 40.3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.7% จากปีก่อนหน้า และจำนวนผู้ทำงานล่วงเวลา (OT) หรือผู้ที่ทำงานมากกว่า 50 ชั่วโมงต่อสัปดาห์อยู่ที่ 6.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.1%YoY

อย่างไรก็ตาม ค่าจ้างแรงงานในภาพรวมไตรมาส 4 ปี 2566 กลับ ‘ลดลง’ 0.2%YoY อยู่ที่ 15,382 บาทต่อคนต่อเดือน โดยค่าจ้างเฉลี่ยที่ลดลงอาจเป็นผลมาจากปัญหาแรงงานไทยขาดทักษะที่นายจ้างต้องการ

‘กมธ.แรงงาน’ แจงกรณีมีผู้แอบอ้าง ไปตบทรัพย์ ไซต์งานก่อสร้าง  ย้ำ!! ไม่เคยตั้งหน่วยงานลับเฉพาะกิจ ให้ไปตรวจสอบ 

(1 พ.ค. 67) ที่สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร โดยนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธาน กมธ. ร่วมกับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี รองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา (อดีต สส.ก้าวไกล) แถลงข่าวกรณีที่มีกลุ่มผู้แอบอ้างเป็นคณะทำงานของ กมธ.การแรงงาน ลงพื้นที่เรียกรับเงินจากโรงงานและไซต์งานในจังหวัดปราจีนบุรี

นายวุฒิพงศ์ กล่าวไล่เรียงเหตุการณ์ว่า เมื่อวันที่ 24 เม.ย. ได้มีผู้แอบอ้าง กมธ. การแรงงาน ติดต่อเข้ามาที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อลงพื้นที่ก่อสร้างโรงงานของบริษัททุนจีน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ แต่เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องในวันนั้นเกิดความกังวล จึงโทรศัพท์ชวนเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด ตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดลงพื้นที่ไปด้วย ซึ่งในวันนั้นผู้ที่แอบอ้างไม่ได้มีเอกสารอะไรมาจาก กมธ.การแรงงาน มีแต่บัตรผ่านเข้าออกอาคารรัฐสภาเท่านั้น ว่าเป็นผู้ติดตาม สส.ท่านหนึ่ง ภายหลังการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ราชการได้เชิญตัวผู้แอบอ้าง ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ สภ.ระเบาะไผ่

นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 26 เม.ย.ได้ไปพบ 5 เสือแรงงานจังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากได้รับร้องเรียนว่ากลุ่มผู้แอบอ้าง กมธ.การแรงงาน มีการให้เจ้าหน้าที่ราชการไปยืนเป็นแบล็กกราวน์ให้ ทำให้เกิดความไม่สบายใจกับเจ้าหน้าที่ กลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย จึงร้องเรียนมาที่ตนเอง ปรากฎว่าวันที่ 27 เม.ย. กลุ่มผู้แอบอ้างกลุ่มเดิมเกิดความชะล่าใจ ลงพื้นที่ไซต์งานก่อสร้างทางหลวงชนบท เราจึงซักซ้อมแผนกันคร่าวๆ ว่าจะบุกไปจับ ซึ่งกลุ่มคนดังกล่าวอ้างชื่อ สส.คนเดิมกับวันที่ 24 เม.ย. โดยทุกคนไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับ กมธ.การแรงงาน จากนั้นได้ควบคุมตัวกลุ่มคนแอบอ้างทั้งหมด 6 คน ไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี แต่ใน 3 คนนั้นขับรถหนี คนกลุ่มนี้มักลงพื้นที่ไซต์งานที่มีขนาดกลางขึ้นไป มีคนงานประมาณ 10 คนขึ้นไป จะตระเวนไปก่อนว่ามีความผิดหรือไม่ โดยความเสียหายที่คนกลุ่มนี้ไปแอบอ้าง ข่มขู่ เรียกทรัพย์นั้น ได้เรียกรับเงินจำนวนนับหมื่นบาท

ขณะที่นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า โชคดีที่มี สส.ที่มีความเอาใจใส่และติดตามรวดเร็ว ไม่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น กมธ.การแรงงานโดนแอบอ้างมาหลายรอบ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ภาคตะวันออก พื้นที่สมุทรสงคราม สมุทรสาครก็มี หลายคนไปแอบอ้าง

“ผมเรียนยืนยันว่าคณะ กมธ.การแรงงานไม่เคยมีหนังสือ ไม่เคยในการแต่งตั้งเป็นหน่วยลับ หน่วยเฉพาะกิจให้ไปตรวจสอบที่ไซต์งาน ไม่เคยมีหนังสือสักฉบับเดียว และบุคคลกลุ่มนี้ผมไม่เคยรู้จัก และไม่ได้เป็นคณะ กมธ. ของคณะผม ผมฟังมา เป็นเพียงผู้ติดตามของ สส.ท่านหนึ่ง และอยู่ในคณะ กมธ.ชุดผม แต่ไม่ได้สอบถาม” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว

นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวด้วยว่า ได้เรียนต่อนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เรียบร้อยแล้ว ได้รับแจ้งว่าอะไรที่เป็นการผิดกฎหมาย และไม่ใช่เป็นการกระทำโดยหน้าที่ของคณะ กมธ. ก็ต้องจัดการ เพราะจะทำให้เกิดความเสื่อมเสีย

“ไปไล่บี้ตบทรัพย์ จำนวนที่ได้มาก็หลายหมื่นบาท จึงต้องนำเรียนสื่อมวลชนไปให้บริษัทอื่นๆ และในพื้นที่ที่มีโรงงานแบบนี้ ถ้ามีกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นคณะ กมธ.การแรงงาน ก็ขอให้ตรวจสอบและแจ้งมายังคณะ กมธ.การแรงงานด้วย” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่าตั้งคณะกรรมการสอบแล้วหรือยัง นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ตั้งกรรมการสอบ เนื่องจากยังปิดสมัยประชุม

เมื่อถามว่า ชื่อที่ปรากฏเป็นข่าวคือนายสุเทพ อู่อ้น สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จะต้องมีการเรียกมาคุยหรือไม่ นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ต้องมีการสอบถาม แต่โดยส่วนตัวยังไม่ได้พูดคุยกัน ทั้งนี้ ยังตอบไม่ได้ว่านายสุเทพมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องฟังหลายฝ่าย โดยก็รับปากแล้วว่าจะไปตรวจสอบโรงงานที่ปราจีนบุรี จะไปพบกับทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง

ส่วนมูลค่าความเสียหายนั้น นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบตัวเลข แต่ได้รับทราบแล้วว่ามีบริษัทจ่ายไปแล้วสองครั้ง ครั้งละ 2 หมื่นบาท แต่มีบริษัทอีกบริษัทหนึ่งที่ใหญ่กว่า ยังไม่ทราบตัวเลขว่าจ่ายไปเท่าไหร่

ส่วนที่ยังไม่ถามนายสุเทพเลยนั้น นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า เพราะเพิ่งทราบเรื่องเมื่อคืนนี้ ยอมรับว่าเป็นเรื่องใหญ่ และจะมีการเรียกประชุมเร็วที่สุดในวันที่ 8 พ.ค.นี้

เมื่อถามว่าหากนายสุเทพผิดจริง จะถึงขั้นขับออกจาก กมธ.หรือไม่ นายสฤษฏ์พงษ์ ระบุว่า เรื่องขับ กมธ.ต้องดูหลายประเด็น เพราะถูกตั้งมาจากสภาใหญ่ แต่ต้องไปดูว่ามีความเกี่ยวพันถึงนายสุเทพหรือไม่ ตามต้องฟังความทั้งสองฝ่าย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top