Saturday, 4 May 2024
แรงงาน

'รมว.สุชาติ' ห่วงใยลูกจ้างเหตุเพลิงไหม้โรงงานบีบอัดกระดาษ  สั่ง 5 เสือแรงงานดูแลสิทธิประโยชน์อย่างเท่าเทียม 

กระทรวงแรงงานห่วงใยลูกจ้างโรงงานบีบอัดกระดาษ จังหวัดชลบุรี ส่งพนักงานตรวจความปลอดภัย พนักงานตรวจแรงงานลงพื้นที่ พร้อมกำชับ 5 เสือแรงงานช่วยเหลือให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย ทั้งด้านคุ้มครองแรงงานและประกันสังคม แม้จะเป็นแรงงานต่างด้าวก็ตาม 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ ภายในบริษัท ไทย พีส พัลพ์ (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 550 หมู่ที่ 3 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่โรงงานขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโรงงานบีบอัดกระดาษ พบกลุ่มควันลอยพวยพุ่งออกมา ก่อนที่จะลุกลามไปติดก้อนกระดาษที่วางทับถมกันเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ระดมกำลังรถดับเพลิงจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ กว่า 10 คัน ฉีดน้ำสกัดเพลิงตามจุดจนสามารถควบคุมเพลิงได้ แต่จะใช้เวลาประมาณ 2 วัน ในการทำให้ดับสนิท โดยรถดับเพลิงต้องสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาดับเพลิง

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบคนงานชาวกัมพูชา กว่า 40 คน กำลังช่วยกันขนของและช่วยเหลือเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บ จากแรงระเบิดของหม้อแปลง จำนวน 4 คน ออกมาจากโรงงาน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 3 คน รวมมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 7 คน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา และโรงพยาบาลแหลมฉบัง  กระทรวงแรงงานได้มอบให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานส่งพนักงานตรวจความปลอดภัยและพนักงานตรวจแรงงานลงพื้นที่ ได้สอบถามคนงานให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและภรรยาได้ทำงานอยู่ภายในโรงงาน ปรากฏว่าได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นจากหม้อแปลงไฟฟ้า หลังจากนั้นภรรยาตนเองที่ถูกแรงระเบิดได้วิ่งมาหาตนเอง ก่อนที่จะพากันวิ่งหนีตายออกมา ส่วนแรงระเบิดนั้น ก็ทำให้เพลิงลุกลามไปติดกองกระดาษที่วางทับถมกันอยู่ จนเกิดเหตุดังกล่าว  

ทั้งนี้ได้สั่งการให้ 5 เสือแรงงานเข้าให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการประสานดูแลรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บ สิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย ทั้งด้านคุ้มครองแรงงานและประกันสังคม รวมทั้งกรมการจัดหางานเข้าไปตรวจสอบการทำงานของคนต่างด้าว จัดหางานให้ถูกต้องและเสริมทักษะการทำงานให้แก่ลูกจ้างต่อไป 

ครม.เห็นชอบ ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ ดูแลแรงงานนอกระบบเกือบ 20 ล้านคน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม.อนุมัติหลักการร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบ พ.ศ. …. ตามที่ กระทรวงแรงงาน เสนอ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตและคุ้มครองแรงงานนอกระบบกว่า 19.6 ล้านคน หรือร้อยละ 52 จากการสำรวจปี2564 แรงนอกระบบมากสุด คือ อาชีพเกษตร ประมง พ่อค้า แม่ค้า แผงลอย คนขับแท็กซี่ เป็นการช่วยเหลือคนตัวเล็กในสังคมตามเจตนารมณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม

นายธนกร กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวฯ เป็นกฎหมายฉบับแรกของไทย ที่ดูแลแรงงานนอกระบบ ที่เป็นแรงงานกลุ่มใหญ่ของประเทศ ให้สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานหรือการประกอบอาชีพ ความปลอดภัยในการทำงาน หลักประกันทางสังคม ตลอดจนการรวมกลุ่ม รวมตัวในการจัดตั้งองค์กรเพื่อสร้างอำนาจต่อรองให้เกิดความเป็นธรรมในการจ้างงานได้

“นายกรัฐมนตรี เห็นความสำคัญของพี่น้องแรงงานนอกระบบ ให้ได้รับการส่งเสริมการประกอบอาชีพ และพัฒนาสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย รวมทั้งเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ ทำให้แรงงานนอกระบบมีหลักประกันทางสังคม มีความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยนายกรัฐมนตรีกำชับให้เร่งเสนอร่าง พ.ร.บ. เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เพื่อให้เร่งรัดกฎหมายให้มีผลปฏิบัติเป็นรูปธรรมโดยเร็ว” นายธนกร กล่าว

โดยสาระสำคัญของร่างฯ  “แรงงานนอกระบบ” หมายความถึงคนทำงานสัญชาติไทย ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ซึ่งไม่ได้เป็นลูกจ้าง ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน หรือไม่ได้เป็นผู้ประกันตน มาตรา 33 ตามกฎหมายประกันสังคม รวมถึงผู้ที่คณะกรรมการประกาศกำหนด และให้แรงงานนอกระบบมีสิทธิขึ้นทะเบียนแรงงานนอกระบบ และให้แรงงานนอกระบบตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ขึ้นทะเบียนกลุ่มแรงงานนอกระบบตามลักษณะของอาชีพ แรงงานนอกระบบตั้งแต่ 15 กลุ่มขึ้นไปขึ้นทะเบียนเพื่อจัดตั้งองค์กรแรงงานนอกระบบได้ รวมทั้งให้องค์กรแรงงานนอกระบบมีสิทธิเสนอความเห็น ต่อ คณะกรรมการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ

รมว.แรงงาน แจงผลการดำเนินการโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ปี 65 จ้างงานเกินเป้า 40%

กระทรวงแรงงาน ร่วมมือสถานประกอบการภาคเอกชน ส่งเสริมความเสมอภาคทางสังคม สร้างโอกาสมีงานทำให้คนพิการ มีงานทำ 1,400 คน สร้างรายได้ร่วม 160 ล้าน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนประเทศอย่าง "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยกระทรวงแรงงานพร้อมสนองต่อนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม โดยเน้นสร้างโอกาสแก่ประชาชนที่เป็นกลุ่มเปราะบาง คนพิการ เพื่อให้มีหลักประกันทางสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนกลุ่มเปราะบาง ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

“ผมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้มอบหมายให้กรมการจัดหางานจัดทำโครงการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ประเภทจ้างเหมาบริการ เพื่อเชิญชวนนายจ้าง สถานประกอบการที่ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามมาตรา 34 ให้ดำเนินการให้สิทธิแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการตามมาตรา 35 โดยจ้างงานคนพิการเป็นพนักงานเพื่อปฏิบัติงานสนับสนุนในหน่วยบริการสาธารณประโยชน์ในพื้นที่ชุมชนใกล้บ้าน เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงเรียน/ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์ฟื้นฟูอาชีพคนพิการ ศูนย์บริการคนพิการของเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งช่วยให้คนพิการในพื้นที่ห่างไกล ได้รับโอกาสมีอาชีพ มีงานทำอย่างทั่วถึง สามารถพึ่งพาตนเองได้ทัดเทียมคนทั่วไป โดยมีการกำหนดเป้าหมายการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม ปี 2565 ไว้ จำนวน 1,000 คน และเตรียมขยายการมีงานทำให้คนพิการฯ มีงานและรายได้เพิ่มขึ้นปีละ 20% ภายใน 4 ปี 

อย่างไรก็ดีต้องขอบคุณความร่วมมือของสถานประกอบการภาคเอกชน จำนวน 181 แห่ง อาทิ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนท์ บมจ.แคล - คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) สาขาเพชรบุรีและสาขาสมุทรสาคร กลุ่มบริษัท อเด็กโก้ ประเทศไทย และบริษัท รักษาความปลอดภัย การ์ดฟอร์ซ (ประเทศไทย) จำกัด  ที่ได้ให้สิทธิคนพิการฯ ตามโครงการส่งเสริมจ้างงานคนพิการเชิงสังคมในปีนี้ ถึง 1,400 คน เพิ่มจากเป้าหมายร้อยละ 40 ก่อให้เกิดรายได้ 159,943,425 บาทต่อปี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าว

กัมพูชา - บริษัทต่างชาติ บีบเกษตรกรออกจากธุรกิจ - บีบให้แรงงานย้ายถิ่นฐาน!!

เกษตรกรชาวกัมพูชาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการครอบงำบริษัทต่างชาติในบ้านเกิดของตน เนื่องจากเจ้าของบริษัทยังคงควบคุมพื้นที่ทำการเกษตรมากขึ้น ทำให้ชาวบ้านหาเลี้ยงชีพได้ยากขึ้นและทำให้เกิดการย้ายถิ่นของแรงงาน

สิ่งนี้เห็นได้ชัดในหมู่บ้านที่ชนกลุ่มน้อย Kouy อาศัยอยู่ในจังหวัดพระวิหาร ทางการได้ให้สิทธิแก่บริษัทต่างชาติในการให้เช่าพื้นที่ต่าง ๆ แก่คนนอกพื้นที่ โดยให้ชาวบ้านที่สูญเสียพื้นที่ทำการเกษตรไปมาก บังคับให้หลายคนมองหาโอกาสในการทำงานในต่างประเทศ ตอนนี้ชาวบ้านและกลุ่มสิทธิที่ได้รับความเดือดร้อนเริ่มโต้เถียงเรื่องพื้นฐานทางกฎหมายของสิทธิของบริษัทในการควบคุมที่ดินและเรียกร้องให้มีการปฏิรูป

นาย ล จันทร์ - ผู้ประสานงานกลุ่มสิทธิ ADHOC จังหวัด บอกว่า “ในหมู่บ้านของฉัน มีข้อพิพาทเรื่องที่ดินกับบริษัทอ้อยตั้งแต่ปี 2555 ชุมชนของฉันได้สูญเสียที่ดินทำกิน พื้นที่เพาะปลูก ป่าไม้ ป่าเชื่อ ฐานรากของวัดโบราณถูกทำลายไปแล้ว”

นายตีบ เติม-ตัวแทนชนพื้นเมืองโกย บอกว่า “บริษัทเป็นบริษัทจีน Hengfu Group บริษัทได้ก่อตั้งบริษัทขนาดเล็กห้าแห่ง ได้แก่ Heng Non Cambodia International Co. Ltd, Heng Yue Cambodia International Co. Ltd, Heng Rui Cambodia International Co. Ltd, Lan Feng Cambodia International Co. Ltd และ Rui Feng Cambodia International Co. Ltd, ”

นาย ล จันทร์-ผู้ประสานงานกลุ่มสิทธิ ADHOC จังหวัด บอกว่า “สัญญาระหว่างรัฐบาลและบริษัทคือการปลูกต้นยางพารา ต้นกระถิน และอ้อย การปลูกอ้อย บริษัทไม่ผิด บริษัทผิดคือเอาที่ดินทำกินคูยเช่าให้พวกอพยพ และที่ไม่ธรรมดาคือบริษัทเอาสัมปทานที่ดินไปปลูกข้าวซึ่งกำลังปล้นธุรกิจของชนพื้นเมืองคูย"

นาย ล จันทร์- ผู้ประสานงานกลุ่มสิทธิ ADHOC จังหวัด บอกว่า “บริษัททำอย่างนั้นแตกต่างไปจากสัญญาที่ตกลงกับรัฐบาล บริษัท มีสิทธิทำเฉพาะแผนแม่บทที่เขียนไว้ในสัญญาที่ลงนามแล้วเท่านั้น”

นาย ล จันทร์- ผู้ประสานงานกลุ่มสิทธิ ADHOC จังหวัด บอกว่า “โดยหลักการแล้ว กฎหมายว่าด้วยสัมปทานที่ดินไม่ได้ให้สิทธิบริษัทการลงทุนที่จะได้รับพื้นที่มากกว่า 10,000 เฮกตาร์ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันได้ร่วมมือกับ EC เช่นเดียวกับองค์กรอื่น ๆ เราพบว่าห้า บริษัท นั้นมีสัมปทานที่ดินมากกว่า 50,000 เฮกตาร์ ดังนั้นตามหลักการของกฎหมายสัมปทานที่ดิน บริษัท นี้ได้ทำผิดพลาดอย่างร้ายแรง "

นางเซิงแซม-ตัวแทนชาวพื้นเมืองโกย บอกว่า“ด้วยเหตุพิพาทเรื่องที่ดินนี้ ชาวคูตี้จึงต้องอพยพไปทำงานต่างประเทศ เช่น ประเทศไทย และกระทบต่อการศึกษาอย่างหลานๆ ของตัวเองที่เพิ่งลาออกจากโรงเรียน "

นาย. ซินสนา –หลานชายของนางเซิงแซม บอกว่า “ผมเคยร่วมประท้วงปัญหาที่ดินนี้ด้วย เราไปตอนกลางของจังหวัดเพื่อนอนที่นั่น ฉันไปที่นั่นเพราะต้องการสนับสนุนให้พวกเขาอ้างสิทธิ์ในที่ดินที่บริษัทจีนยึดครอง "

นาง Soeung Sam-ตัวแทนชนพื้นเมืองกวย บอกว่า “ฉันรู้สึกเศร้าแต่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเพราะบริษัทมีอำนาจมากกว่าชุมชนของฉัน ดังนั้น เราจะยืนหยัดเพื่อทวงคืนที่ดินของเราเท่านั้น”

 

'บิ๊กตู่' เร่ง ตั้งกรรมการฟื้นไทย-ซาอุฯ เดินหน้าดัน แรงงาน-เศรษฐกิจ-การทูต คาดเห็นผลภายใน 2 เดือน

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากการเยือนราชอาณาจักร ซาอุดีอาระเบีย ของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ของไทยและซาอุดีอาระเบีย ในรอบ 30 ปี  ทำให้เกิดการหารือในระดับทวิภาคีในหลายมิติ ครอบคลุม ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ การทูต และ แรงงาน ฯลฯ 

นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี สั่งการเร่งรัดให้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนแรงงาน เร่งดำเนินการหลังการเจรจาหารือที่เกิดขึ้น โดยได้มอบหมายนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งกรรมการเร่งดำเนินการเพื่อติดตามการทำงานให้เกิดผลสัมฤทธิ์ 

นายธนกร กล่าวว่า และให้กระทรวงแรงงานประสานไปยังหน่วยงานในกำกับเพื่อเร่งเตรียมความพร้อมในการเยือนของรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อลงนาม MOU ซึ่งถือว่าเป็นการขับเคลื่อนที่เร็วกว่าที่กำหนดไว้ภายใน 2 เดือน โดยมีความคืบหน้าในส่วนของกระทรวงแรงงาน มีการดำเนินการจัดหาแรงงานมีฝีมือตามความต้องการของฝ่ายซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีความต้องการแรงงานต่างชาติจำนวนกว่า 8 ล้านคน ในสาขาภาคบริการ โรงแรม สุขภาพ และอุตสาหกรรมก่อสร้างในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่

ซึ่งขณะนี้ได้เร่งประชุมกับหน่วยงานในกำกับ ประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้ประชุมหารือร่วมกับสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศเกี่ยวกับรายละเอียดขั้นตอนต่าง ๆ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และกระบวนการจัดส่งแรงงานไทยที่มีฝีมือในสาขาบริการ โรงแรม สุขภาพ และอุตสาหกรรมก่อสร้าง เพื่อไปทำงานในซาอุดีอาระเบีย ภายใต้หลักการ “รัฐจัดหา เอกชนจัดส่ง” 

นายธนกร กล่าวว่า ด้านกระทรวงการต่างประเทศ ได้สานต่อการหารือเกี่ยวกับการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ซาอุฯ ซึ่งในระยะแรกจะมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตและการจัดตั้งกลไกการหารือทวิภาคี ตลอดจน การร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกันในกรอบพหุภาคีต่าง ๆ อาทิ องค์การ OIC (โอไอซี) อาเซียน GCC (จีซีซี) รวมถึงการเป็นเจ้าภาพ APEC ของไทยในปีนี้ด้วย 

'รมว.สุชาติ' มอบกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ลุย Upskill แรงงานไทยไปซาอุฯ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่งพัฒนาทักษะและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน รองรับส่งแรงงานไทยไปประเทศซาอุดีอาระเบีย 

นายสุชาติ  ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ
พล.อ. ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีนโยบายพัฒนาและยกระดับทักษะแรงงานให้เป็นแรงงานคุณภาพ สามารถปรับตัวให้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลง สอดคล้องกับตลาดแรงงาน

โดยเฉพาะการสร้างโอกาสให้แก่แรงงานไทยไปทำงานในตลาดต่างประเทศ ซึ่งประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดแรงงานสำคัญ ในอดีตมีแรงงานไทยไปทำงานจำนวนมาก และเป็นกำลังสำคัญในการสร้างรายได้เข้าประเทศไทยจำนวนมหาศาล ซึ่งประเทศนี้มีความต้องการแรงงานในตำแหน่ง วิศวกร ช่างก่อสร้าง ช่างไฟฟ้า ผู้จัดการ ผู้เชี่ยวชาญด้านงานคอมพิวเตอร์ พ่อครัวหรือเชฟ พนักงานโรงแรม ช่างตัดเย็บเสื้อผ้า ผู้ควบคุมงานด้านโลจิสติกส์ ช่างเจียระไน และพนักงานขับรถบรรทุก

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เตรียมการรองรับส่งแรงงานไทยไปประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยเร่งพัฒนาทักษะพร้อมทั้งดำเนินการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติในสาขาอาชีพซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการดังกล่าว 

นายประทีป  ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กล่าวว่า ได้เรียกประชุมหน่วยงานทั่วประเทศผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ให้เตรียมความพร้อมฝึกทักษะแรงงานไทยป้อนตลาดแรงงานซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์  จันทร์โอชา พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ ชมกลิ่น เดินทางไปกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และเปิดตลาดแรงงานในซาอุดีอาระเบียซึ่งมีความต้องการแรงงานฝีมือคนไทยเป็นจำนวนมาก

ขณะนี้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว เตรียมความพร้อมทั้งด้านหลักสูตรฝึกอบรม สถานที่เครื่องมือ เครื่องจักร และอุปกรณ์ โดยหลักสูตรที่กรมพัฒนาฝีมือแรงงานดำเนินการฝึกจะเน้นเรื่องความปลอดภัยในการทำงาน การใช้วัสดุอุปกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า รวมถึงทักษะด้านภาษา

ทั้งนี้ ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ พร้อมเตรียมเปิดฝึกอบรมได้ทันที ทั้งด้านความรู้ ทักษะฝีมือในสาขาหรือตำแหน่งงานที่จะไปทำงาน รวมถึงการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ก่อนไปทำงานต่างประเทศ เพื่อให้ได้รับค่าจ้าง ค่าตอบแทนที่มีมาตรฐานและเป็นธรรม เน้นบูรณาการข้อมูลความต้องการตำแหน่งงานกับกรมการจัดหางาน เพื่อดำเนินการฝึกได้ตรงกับความต้องการในต่างประเทศ 

‘ปลัดแรงงาน’ ประชุมร่วมภาครัฐและภาคเอกชน ขับเคลื่อนการดำเนินงานขยายตลาดแรงงานไทยไปต่างประเทศ ส่งเสริมให้แรงงานมีรายได้ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานขยายตลาดแรงงานไทยไปต่างประเทศ ครั้งที่ 1/2565 พิจารณากำหนดแนวทางในการส่งเสริมความร่วมมือด้านแรงงาน การขยายตลาดแรงงาน และการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของแรงงานที่เดินทางไปทำงานต่างประเทศ รวมทั้งกำหนดแนวทางการส่งเสริมพัฒนาคุณภาพแรงงานไทยให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในต่างประเทศ  ณ ห้องประชุมเทียน อัชกุล ชั้น 10 กรมการจัดหางาน อาคารกระทรวงแรงงาน

นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ กล่าวว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายผลักดันการส่งออกแรงงานไทยไปทำงานต่างประเทศเป็นจำนวนมาก เพื่อส่งเสริมให้แรงงานไทยมีงานทำ และฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการแก้ปัญหาการว่างงาน ส่งเสริมการมีงานทำ ให้มีทางเลือกของพี่น้องประชาชนคนไทย ซึ่งการออกไปทำงานต่างประเทศ ไม่เพียงแค่ส่งเงินกลับมา แต่เป็นการนำวิทยาการ ทักษะฝีมือ ในเทคโนโลยีใหม่ๆ กลับมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประเทศด้วย ทั้งนี้ แรงงานไทยเป็นที่ต้องการของนายจ้างต่างประเทศ เนื่องจากแรงงานไทยมีวินัยในการทำงานและมีทักษะฝีมือดี ประกอบกับประเทศไทยมีการบริหารจัดการเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี
 

อาสาสมัครแรงงาน ผู้ประกันตน ผู้ประกอบการ SMEs จ.เพชรบูรณ์ ปลื้ม !! รมว.เฮ้ง ลงพื้นที่พบปะให้กำลังใจถึงที่ 

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมบูธกิจกรรมการให้บริการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์ ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์

โดยมี นายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเขาค้อ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน และหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์เข้าร่วมในครั้งนี้ด้วย สำหรับการตรวจเยี่ยมบูธกิจกรรมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเพชรบูรณ์ในครั้งนี้ ประกอบด้วย โครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านอาชีพ พบปะอาสาสมัครแรงงาน สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมและรักษาระดับการจ้างงาน SMEs และพบปะแรงงานไทยที่เดินทางกลับจากไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย

โครงการเพิ่มประสิทธิภาพ/ผลิตภาพสถานประกอบการ โครงการส่งเสริมสวัสดิการแรงงานพันธุ์ดี ตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียง เยี่ยมผู้ประกันตนทุพพลภาพ ซึ่งผ่านการฝึกอาชีพจากศูนย์ฟื้นฟูฯ และนำผลิตภัณฑ์มานำเสนอ รวมทั้งพบปะให้กำลังใจผู้ประกันตน ม.40 จังหวัดเพชรบูรณ์อีกด้วย 

โดย นายสุชาติ กล่าวว่า ในวันนี้ผมมีความยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาตรวจเยี่ยมและพบปะผู้ประกอบการ SMEs อาสาสมัครแรงงาน รวมทั้งผู้ประกันตน ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งทุกท่านเป็นกลไกสำคัญในการร่วมกันขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 
รัฐบาลภายใต้การนำของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน กระทรวงแรงงานได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือ อาทิ  การเยียวยานายจ้าง ผู้ประกันตน ม.33, ม.39 และ ม.40 ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ มีนายจ้าง จำนวน 721 ราย เป็นเงิน 17,658,000 บาท ผู้ประกันตนรวม 3 มาตรา จำนวน 285,280 คน เป็นเงิน 2,798,760,000 บาท รวมเป็นเงิน 2,816,418,000 บาท

'นายก' ห่วงแรงงานไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจากเครนหล่นทับในไต้หวัน สั่ง' รมว.เฮ้ง' กำชับทูตแรงงานช่วยเหลือประสานแจ้งญาติทราบโดยด่วน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงความเสียใจไปยังครอบครัวแรงงานที่เสียชีวิตและห่วงผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเกิดอุบัติเหตุเครนหล่นทับแรงงานไทยในไต้หวัน จนทำให้แรงงานไทยเสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย และสั่งการให้กระทรวงแรงงานกำชับทูตแรงงานเร่งให้การช่วยเหลือพร้อมประสานแจ้งญาติทราบในทันที

ซึ่งกรณีดังกล่าวผมได้รับรายงานจากนางสาวประภาวดี แก้วศิริพงษ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงาน (สนร.) ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) กรุงเทเป ว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 25 ก.พ.65 ได้เกิดอุบัติเหตุ รถเครนกำลังยกเหล็กเส้นขึ้นสูงตกใส่แรงงานไทยที่อยู่ด้านล่าง 2 ราย ที่บริเวณไซต์งานก่อสร้างทางยกระดับเชื่อมทางต่างระดับทางด่วนสนามบินที่ต้าหยวนกับทางหลวงสายไถ-15 ในไต้หวัน

สาเหตุสันนิษฐานว่ามาจากลมกระโชกแรง ทำให้เหล็กเส้นร่วงหล่นลงมา จนเป็นเหตุทำให้แรงงานไทยเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ  Maruay Savathdirug เป็นคนไทยที่มาแต่งงานกับหญิงชาวไต้หวัน ส่วนอีกรายได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิต คือ นายอดุลย์ ธาตุวิสัย อายุ 46 ปี มีภูมิลำเนาเป็นคนจังหวัดอุดรธานี เป็นแรงงานไทยของบริษัทหวงชาง คอนสตรัคชั่น 

นายสุชาติ ยังกล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือว่าผมได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายแรงงาน สนร.ไทเป เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน โดยเฉพาะการดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ และการประสานแจ้งญาติทราบเรื่อง ซึ่งขณะนี้ สนร.ไทเป ได้ให้ล่ามโทรให้ภรรยาคุยกับแรงงานแล้ว ขณะเดียวกันแรงงานได้อยู่ในการดูแลของแพทย์ รวมทั้ง สนร.ไทเป ได้ประสานบริษัทแล้ว เพื่อให้การดูแลแรงงานที่บาดเจ็บอย่างดีที่สุด

"นายกฯ" ห่วงคนไทยถูกหลอกไปทำงานในประเทศกัมพูชา เตือนให้คิดรอบด้าน อย่าหลงเชื่อค่าตอบแทนสูง กำชับเจ้าหน้าที่สอดส่องแก๊งมิจฉาชีพค้ามนุษย์

เมื่อวันที่ 3 มี.ค.นายธนกร วังบุญคง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการช่วยเหลือคนไทยจำนวน 56 คน ที่ถูกหลอกให้ไปทำงานในกัมพูชากลับมาประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยว่า เป็นความร่วมมือของรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาที่ได้มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ซึ่งการช่วยเหลือคนไทยครั้งนี้ถือเป็นการช่วยเหลือรอบที่ 9 รวมคนไทยที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว จำนวน 583 คน 

ทั้งนี้  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้เจ้าหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงให้ชัดเจน คนไหนที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการขอให้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ พร้อมกับบันทึกประวัติไว้อย่างละเอียดมอบหมายให้ส่วนราชการในพื้นที่คอยเฝ้าระวัง เพื่อความปลอดภัย และไม่ให้คนเหล่านี้ถูกหลอกเป็นเหยื่ออีก รวมทั้งให้ติดตามกลุ่ม แก๊งกระบวนการที่มีพฤติกรรม หลอกลวงคนไปค้ามนุษย์ หรือแรงงานทาสในต่างประเทศ หากมีหลักฐาน ให้ขยายผล จับกุม ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top