Sunday, 5 May 2024
เศรษฐา

‘นายกฯ’ ถก ‘ผบ.ทสส.’ เร่งแก้ปัญหาชายแดนใต้-ปราบยาเสพติด หนุนลดช่องว่างทหารและประชาชน เป็นที่พึ่งพิงได้ทุกสถานการณ์

(5 ธ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล โดยได้เรียก พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เข้าหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า โดยใช้เวลาหารือประมาณ 20 นาที

นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือว่า โดยปกติตนจะพบปะกับ ผบ.ทสส.เป็นประจำอยู่แล้ว โดยวันนี้เป็นเรื่องรับทราบข้อมูลแนวทางการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ แนวทางการทำงานกับรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงของมาเลเซีย รวมถึงปัญหายาเสพติดที่จะทะลักเข้ามาจากพม่า ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง โดยทางทหารจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อปราบปรามยาเสพติดและสกัดการนำเข้าอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องการเผาป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ต้องพึ่งฝ่ายความมั่นคงค่อนข้างมาก

“อีกเรื่องที่คุยกันในภาพรวม คือผมอยากให้ทหารมาช่วยเหลือประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหายาเสพติด ปัญหาสิ่งแวดล้อม เรื่องที่ดินทำกิน ช่วยดูแลปัญหาน้ำไม่ให้ท่วม ไม่ให้แล้ง รวมทั้งดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน นอกเหนือจากเรื่องความมั่นคงที่ท่านดูแลอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชนได้อีกทางหนึ่งด้วย” นายเศรษฐา กล่าว

จากนั้นนายกฯ ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปเป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เขตดุสิต กรุงเทพฯ

‘เศรษฐา’ นำ 2 ค่ายยักษ์ยานยนต์บิน ‘ญี่ปุ่น’ ช่วยเจรจาการค้า เชื่อ ฟรีวีซ่าเพิ่มความสะดวก ช่วยเศรษฐกิจไทยส่องแสงสว่าง

(14 ธ.ค. 88) ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังในการปฏิบัติภารกิจที่ญี่ปุ่นในครั้งนี้ ว่า เป็นการเยือนญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก มีเรื่องที่ต้องพูดคุยกันเยอะ และจะมีการพบปะกับ ‘ฮุน มาเนต’ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ ‘เจ้าชายอับดุล มาทีน’ มกุฏราชกุมารลำดับที่ 4 ของราชวงศ์บรูไนที่จะอภิเษกสมรสในเดือนหน้านี้ การเดินทางเป็นการไปล่วงหน้าก่อน 2 วัน ไปเจรจาเรื่องการค้าญี่ปุ่น ส่วนมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับยานยนต์ที่จะมีการพูดคุยกัน จะเจอรายใหญ่หลายราย เช่น พานาโซนิค และมีอีกหลายนัด และพยายามให้บริษัทยานยนต์ของญี่ปุ่นมาพบมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯ ระบุว่า การเดินทางไปต่างประเทศจะชักชวนนักธุรกิจไทยไปด้วย เพื่อพูดคุยถึงการลงทุนที่จะดึงต่างประเทศเข้ามาในไทย รอบนี้มีนักธุรกิจกลุ่มไหนบ้างที่ไปด้วย นายเศรษฐา กล่าวว่า คราวนี้มี แต่เขาเดินทางไปเอง คือ นายพรวุฒิ สารสิน ประธานบริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจะไปช่วยเจรจาให้ และนายกลินท์ สารสิน ประธานบริษัทโตโยต้า ที่จะเดินทางไปด้วย และยังมีอีกหลายท่านที่จะไปช่วยเจรจาเพื่อนำผลประโยชน์กลับมาสู่ประเทศ

เมื่อถามว่า จะทำให้เกิดความมั่นใจทางด้านเศรษฐกิจ และมีแสงสว่างมากขึ้นใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่างไรแสงสว่างก็มีอยู่แล้ว แต่เรื่องความหนักใจ การแบกความหวังเรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชน 68 ล้านคน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องทำต่อไป คงจะไม่เพียงพอ ต้องทำต่อไปเรื่อยๆ

เมื่อถามว่า การเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ ซึ่งจะมีเรื่องการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการเมืองระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่นด้วย ในส่วนของไทยมีการเตรียมความพร้อมอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าญี่ปุ่นมาลงทุนสูงสุดในประเทศไทยตลอด 50 ปีที่ผ่านมา ฉะนั้น เราพยายามทำให้ความสัมพันธ์นี้เข้มแข็งมากขึ้นในเรื่องการลงทุนของทั้งสองฝ่าย และเราได้มีการประกาศจะให้วีซ่าฟรีกับธุรกิจญี่ปุ่นด้วยที่จะเข้ามาลงทุน ซึ่งจะทำให้การเดินทางเข้าออกทั้งสองทางสะดวกสบายยิ่งขึ้น เป็นการอำนวยความสะดวกซึ่งกันและกัน

‘นายกฯ’ เผย อินโดฯ สั่งข้าวไทย 2 ล้านตัน เชื่อ ช่วยดันราคาสูงขึ้น พร้อมหารือ ‘ผู้นำ 3 ชาติ’ เล็งจัดเส้นทางท่องเที่ยว 4 ประเทศ

(17 ธ.ค. 66) ที่โรงแรมโอกุระ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษฯ ว่า ระหว่างการประชุมได้หารือพูดคุยส่วนตัวกับผู้นำประเทศในอาเซียน อาทิ ประเทศกัมพูชา, ประเทศเวียดนาม และประเทศอินโดนีเซีย สำหรับการพูดคุยกับ ‘นายฮุน มาเนต’ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่มีความสนิทสนมกัน และพบเจอกันในหลายวงประชุมแล้ว ก็ได้หารือกันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานกงศุลที่กรุงเสียมเรียบซึ่งเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังคือนครวัด และมีนักท่องเที่ยวเยอะ โดยทางนายฮุน ยืนยันจะสนับสนุนเต็มที่ รวมถึงขอบคุณประเทศไทยที่ช่วยดำเนินการให้คนกัมพูชาเข้าไทยได้โดยไม่ต้องใช้พาสปอร์ต และทำให้ภาคแรงงานทำให้ขับเคลื่อนไปได้ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะที่การหารือร่วมกับ ‘นายหวอ วัน เถือง’ ประธานาธิบดีเวียดนาม ก็จะมีการรื้อฟื้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมสองประเทศ โดยทางเวียดนามเสนอให้จัดช่วงเดือนพฤษภาคมปี 2567 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้ ในฐานะที่ทั้งสองประเทศเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลก ก็น่าจะมีการพูดคุยกันเรื่องราคาข้าว เพื่อทำให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น

รวมถึงทางเวียดนามเสนอให้ประเทศไทยในฐานะที่มีประสบการณ์สูงในเรื่องการท่องเที่ยว และนโยบายก้าวหน้า รวมถึงมีนักท่องเที่ยวเยอะที่สุดในภูมิภาคนี้ ทางเวียดนามก็ได้เสนอว่า ให้ไทย เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา มาพูดคุยกันเพื่อร่วมเป็นคณะกรรมการโปรโมทการท่องเที่ยวให้มีความเชื่อมโยงกัน เพราะเวลานักท่องเที่ยวมาภูมิภาคนี้ก็จะได้มาทั้งหมด นำจุดแข็งของแต่ละประเทศมาใช้ ซึ่งตนได้เสนอว่าการประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีระหว่างเวียดนามและไทยช่วงเดือนพฤษภาคม เราจะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดประชุมกับรัฐมนตรีท่องเที่ยวทั้ง 4 ประเทศ เพื่อทำการบ้านไปก่อนคลอดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของทุกประเทศที่จะดำเนินการต่อไป อีกทั้งแนวคิดนี้ถือเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ที่ดีมากของนายกรัฐมนตรีเวียดนาม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการพูดคุยกับ ‘นายโจโก วีโดโด’ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่ดำรงตำแหน่งมา 8 ปีแล้ว และปัจจุบันเป็นประธานอาเซียน ซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีบารมี และทุกคนให้ความเคารพ ตนได้เจอท่าน 3-4 ครั้ง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่านส่งนักธุรกิจมาคุยเรื่องการค้าข้าวมาพูดคุยก่อนแล้ว และการพบกันวันนี้ประธานาธิบดียืนยันว่าจะซื้อข้าวไทยจำนวน 1 ล้านตันภายในปีนี้ แต่เมื่อระยะเวลาเหลือเพียง 20 วัน ประธานาธิบดียืนยันจะสั่งข้าวไทยเป็น 2 ล้านตัน โดยจะส่งคนมาพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วงต้นปี 2567 ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ราคาข้าวไทยมีราคาและความต้องการสูงขึ้น ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ยังมีความสนใจในเรื่องแลนด์บริดจ์ด้วย เพราะมีนักลงทุนอินโดนีเซียสนใจมาลงทุน โดยจะมีการนัดมาหารือต่อไป

‘นายกฯ’ ชี้!! อัตราการเกิดคนไทยลดลงต่อเนื่อง เป็นการบ้านสำคัญรัฐบาล ต้องสร้างอนาคตที่ดีแก่ลูกหลาน ผู้หญิงต้องมีชีวิตบาลานซ์ ‘ทำงานได้-มีลูกได้’

(21 ธ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า…

“เห็นข้อมูลชุดนี้แล้วน่าตกใจนะครับ แม้ว่าปัญหาอัตราการเกิดของประเทศไทยที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจะไม่ใช่เรื่องใหม่

จากบทความนี้ของ The​ Nation https://www.nationthailand.com/thailand/general/40023947 ก็จะเห็นว่าอัตราการเกิดปีที่ผ่านมาของไทยต่ำที่สุดในรอบ 71 ปี

ประเด็นนี้ละเอียดอ่อน!!

ผมในฐานะนายกฯ และรัฐบาล ตระหนักในเรื่องสิทธิเหนือร่างกายและอำนาจของผู้หญิง ที่พึงมีสิทธิ์เต็มที่ในการตัดสินใจที่จะมีลูกหรือไม่มีลูก

ขณะเดียวกันในฐานะนายกฯ ผมคิดว่าผมมีหน้าที่ในการทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่อยู่แล้วมีความสุข เศรษฐกิจดี มีความปลอดภัย ถ้าคนจะมีลูกก็มั่นใจว่า ลูกหลานของเขาจะได้รับการศึกษาที่ดี มีงานทำ ไม่มีเรื่องยาเสพติด ผู้หญิงมี Work Life Balance ทำงานได้ มีลูกได้

เรื่องใหญ่ครับ และเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องเอาไปทำการบ้าน”

‘นายกฯ’ เกาะติด ‘น้ำท่วมชายแดนใต้’ กำชับทุกหน่วยช่วย ปชช.ให้ทั่วถึง ยัน!! รัฐบาลพร้อมฟื้นฟู-เยียวยาทันที ขอบคุณ จนท.ที่ทำงานเต็มกำลัง

(29 ธ.ค. 66) น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ติดตามและรับรายงานสถานการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่ขณะนี้ มวลน้ำไหลไปที่จังหวัดปัตตานีแล้ว ทำให้จังหวัดมีน้ำท่วมสูง โดยนายกฯ ยังเป็นห่วงประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัย โดยสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานความมั่นคง ร่วมกันช่วยเหลือประชาชนในเรื่องอาหาร น้ำ ของใช้จำเป็น และยา กำชับให้ช่วยเหลืออย่างทั่วถึง และในพื้นที่ห่างไกลที่ประชาชนออกมาไม่ได้ อย่าให้ประชาชนเดือดร้อน

“นายกฯ ย้ำเรื่องการเตือนภัยและอพยพประชาชน หากจำเป็นก็ต้องทำ ส่วนเรื่องการเยียวยา ให้ความมั่นใจ ประชาชนทุกคนที่ประสบภัยจะได้รับการเยียวยา ฟื้นฟูทันทีเช่นกัน ทั้งนี้ นายกฯขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ และทุกหน่วยงานที่ทุ่มเท เสียสละเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย”

‘นายกฯ’ ชี้!! กระแสตอบรับฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีนเริ่มมา พบยอดคำค้นหา ‘ประเทศไทย’ เพิ่ม 90% ส่วน ‘เที่ยวบิน’ เพิ่ม 40%

(6 ม.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศว่า รัฐบาลไทยและจีนอยู่ระหว่างร่วมกันดำเนินมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราเข้าไทย (Visa Exemption) แบบถาวร แก่นักท่องเที่ยวชาวจีน โดยเชื่อว่าจะมีการลงนามภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเชื่อว่าจะเริ่มมาตรการได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 นั้น 

กระแสตอบรับจากชาวจีนต่อมาตรการดังกล่าวดีมาก ทำให้ยอดการค้นหาประเทศไทยบนแพลตฟอร์มท่องเที่ยวจีน เพิ่มขึ้นมากกว่า 90% เพียง 1 ชั่วโมง ยอดการค้นหาคำว่า “ประเทศไทย” บนแพลตฟอร์มของ ‘ซีทริป กรุ๊ป’ ผู้ให้บริการด้านการเดินทางท่องเที่ยว เพิ่มขึ้นมากกว่า 90% และยอดการค้นหาเที่ยวบินเส้นทางเซี่ยงไฮ้ – กรุงเทพฯ และปักกิ่ง – กรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 40% 

นอกจากนี้ ยอดจองการเดินทางสู่ไทยระหว่างวันที่ 2 มกราคม 2567 จนถึงเทศกาลตรุษจีน เพิ่มขึ้นมากกว่า 10 เท่า ททท. คาดการณ์ว่ามาตรการดังกล่าวจะนำไปสู่การเพิ่มเที่ยวบินระหว่างสองประเทศมากขึ้น และทำให้ราคาค่าโดยสารเที่ยวบินลดลง ซึ่งจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนให้เดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยได้ตามเป้าหมาย 8 ล้านคน ในปี 2567 

ทั้งนี้ รัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ด้วยมาตรการวีซ่าฟรีแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 60 ประเทศ/ดินแดน เชื่อมั่นส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทยปี 2567

‘นายกฯ’ รับฟัง ‘นิด้าโพล’ หลัง ปชช.ให้คะแนนอยู่ยาวตลอดปี ชี้!! ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงก็ยังตื่นเช้ามาทำงาน-ทำทุกอย่างเป็นปกติ

(7 ม.ค.67) ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ ประกอบด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินทางจาก บน.6 ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานร้อยเอ็ด ตำบลมะอึ อำเภอธวัชบุรี เป็นประธานกิจกรรม Kick off ‘30 บาท รักษาทุกที่’ ที่ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด 101 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด นำร่องใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ในโรงพยาบาลที่ร่วมโครงการ โดยจะคิดออฟพร้อมกันในจังหวัดนำร่อง ร้อยเอ็ด, แพร่, เพชรบุรี และนราธิวาส

ผู้สื่อข่าวสอบถามกรณีที่ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจประชาชน เรื่อง ‘การเมือง เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตในปี 2567’ เชื่อว่าปีหน้าเศษรฐกิจจะดีและรัฐบาลนายเศรษฐาจะอยู่ยาวตลอดปี แต่จะมีเหตุวุ่นวายทางการเมืองอยู่บ้างว่า ก็รับฟัง และพรุ่งนี้เช้าก็ยังตื่นไปทำงานเหมือนปกติ

เมื่อถามว่า โพลสะท้อนว่าประชาชนเชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ทำให้มีกำลังใจทำงานมากขึ้นหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวย้ำว่า ถึงอย่างไรก็ต้องตื่นเช้าทำงานเหมือนเดิม ทุกอย่างยังเป็นปกติ ทำงานเหมือนเดิม

“เศรษฐา” ควง “ไชยา” ระดมทุกฝูงบินฝนหลวงดับฝุ่น PM2.5 ด้วย “ศาสตร์พระราชา“บันดาลฝนทั่วไทย

"เศรษฐา ทวีสิน“ นายกรัฐมนตรี ควง ไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดปฏิบัติการฝนหลวง พื้นที่ภาคเหนือประจำปี 2567 สั่งระดมทุกฝูงบินน้อมนำศาสตร์พระราชาบันดาลฝนทั่วไทย ดับฝุ่น PM 2.5 พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดเผาเพื่อรักษาสภาพอากาศที่ดีในประเทศไทย

วันที่ 11 มกราคม 2567  ที่บริเวณท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละออง PM 2.5 บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ ประจำปี 2567 มี นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ในฐานะดูแลกรมฝนหลวง) นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร คณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวให้การต้อนรับ และรายงานแผนการรับมือกับสภาพอากาศพื้นที่ภาคเหนือ ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม – เมษายน ที่ประสบปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน 

นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ทั่วไทยยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในทางภาคเหนือ 15 จังหวัด ที่จะมีปัญหาการเกิดไฟป่าที่เกิดจากธรรมชาติและจากการเผาโดยฝีมือมนุษย์ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ทุกปีจะเกิดปัญหาหมอกควัน ไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้เตรียมมาตรการรับมือสภาพอากาศพื้นที่ภาคเหนือระดมทุกฝูงบินทั่วประเทศเข้าติดตามและเฝ้าระวังพร้อมกับการปฏิบัติการ และที่ผ่านมากรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้จัดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ช่วยเหลือพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 15 จังหวัด ที่ยังมีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จ.ระยอง และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา ช่วยเหลือพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

นอกจากนี้ ยังมีแผนการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2567 จำนวน 14 หน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 เป็นต้นไป เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้พื้นที่ป่าไม้บรรเทาและป้องกันการเกิดไฟป่า ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 การเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำ บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง สำหรับในพื้นที่ภาคเหนือ ได้กำหนดให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่ ภายใต้การบูรณาการร่วมกันระหว่าง จ.เชียงใหม่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งจะใช้เครื่องบินของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ขนาดใหญ่ จำนวน 2 ลำ เครื่องบินขนาดกลาง จำนวน 4 ลำ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์พ่นละอองน้ำสู่ชั้นบรรยากาศ เครื่องบินขนาดเล็ก จำนวน 4 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ จำนวน 1 ลำ พร้อมชุดกระเช้าตักและโปรยน้ำดับไฟป่า โดยมีแผนดำเนินงานและปฏิบัติการหลักคือ ปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อให้มีฝนตกในพื้นที่ที่เชื่อว่าจะสามารถบรรเทาผลกระทบด้านสุขภาพของประชาชนได้และยังเป็นการสานต่อพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศ มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติด้วย

‘นายกฯ’ นำทีมเดินทัวร์ตลาดจริงใจที่เชียงใหม่ พร้อมชวนเที่ยวไทย ชาวบ้านแห่มอบกุหลาบต้อนรับแน่น-ต่างชาติขอถ่ายรูปตลอดทาง

(20 ม.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เยี่ยมชมตลาดจริงใจ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นตลาดเอกชนที่นำสินค้าชุมชนและเกษตรกร ที่กลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาให้การสนับสนุนมาขายโดยตรงให้กับผู้บริโภค ซึ่งมีทั้งสินค้าเกษตรเช่นผักผลไม้และสินค้าหัตถกรรมของชาวบ้านที่มีรายได้น้อย และไม่มีช่องทางในการจำหน่าย เช่น ผักปลอดสารพิษ กาแฟ เสื้อผ้าที่ผลิต หรือถักทอ จากกลุ่มแม่บ้านบนพื้นที่สูง

โดยประชาชนได้มอบดอกกุหลาบสีแดง พร้อมสติกเกอร์ข้อความว่า “รักนายกฯ เศรษฐา”

นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้เดินเยี่ยมชมร้านขายสินค้าต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ออแกนิก และร้านกาแฟ เป็นต้น

จากนั้น นายกฯ รับฟังบรรยายสรุปโครงการของกลุ่มเครือเซ็นทรัล ที่ดำเนินการซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงจากความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) สู่การสร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจสู่สังคม (CSV)

ผู้สื่อสื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเส้นทาง นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจขอถ่ายรูปและทักทายนายกฯ ซึ่งนายกฯ ได้เชิญชวนให้มาท่องเที่ยวประเทศไทย และบอกว่าประเทศไทยมีของดีอีกมาก

ทั้งนี้ การพานักธุรกิจลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ นายกฯ ยังกล่าวด้วยว่า เขาไม่ได้ต้องการเงินจากท่าน แต่สิ่งที่เขาต้องการคือ ‘Love and Attention’ (ความรักและความเอาใจใส่) จากทุกท่านในที่นี้

‘เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง’ ชู ‘มวยไทย’ เป็นซอฟต์พาวเวอร์ เล็งดันสู่โอลิมปิก เผย รัฐบาลเตรียมออกวีซ่าพิเศษให้ต่างชาติเข้ามาเรียนได้ 90 วัน

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 67 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ พร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และผู้เรียนหลักสูตรรวมมิตร รวมทั้ง สส.ของพรรค พท. เยี่ยมชมกิจกรรมการแสดงมวยไทย และชมการไหว้ครูของเยาวชนมวยไทย รวมถึงชมการแสดงศิลปะการไหว้ครูของ ร.ท.สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ ‘บัวขาว บัญชาเมฆ’ และโชว์การชกมวยกับนักมวยชาวต่างประเทศด้วย ซึ่งถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างหนึ่งของประเทศไทย

โดยนายกฯ ได้ชมการแสดงอย่างตื่นเต้นและสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงเชียร์จากผู้เข้าร่วมชม โดยเฉพาะช่วงการโชว์อาวุธแม่ไม้มวยไทยของ บัวขาว บัญชาเมฆ และ ‘พญาหงส์ บัญชาเมฆ’ นักมวยหญิง แชมป์ K1 ที่โชว์แม่ไม้มวยไทยได้อย่างถึงใจ

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติที่ได้มาอยู่ที่แห่งนี้ ขออนุญาตเป็นตัวแทนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ บอกเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังทำซึ่งเกี่ยวกับมวยไทยโดยตรง มวยไทยจะต้องไปโอลิมปิกโลกให้ได้ หลายๆ ท่านที่อยู่ในที่นี้ เชื่อว่าอยากเห็นภาพของตัวเองไปยืนอยู่บนเวทีโลก คงไม่ใช่ความฝันแค่ของตัวเอง แต่เป็นความฝันของคนที่ท่านรักด้วย และแน่นอนเป็นความฝันของคนไทยทุกๆ คน การดำเนินงานด้านกีฬาทั้งหมดจะนำโดย ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ประธานอนุกรรมการด้านกีฬาในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ซึ่งจะรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ของมวยไทย

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การที่จะบอกว่ามวยไทยเป็นโอลิมปิกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่รัฐบาลเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปอย่างแน่นอน จะต้องสร้างรากฐานมาตรฐานต่างๆ ให้มวยไทยมีรากฐานที่มีการยอมรับที่ชัดเจนขึ้น เราจะตั้งสถาบันมวยไทยแห่งชาติ เพื่อเป็นศูนย์กลางของการสร้างมาตรฐานมีหลักสูตรมวยไทยที่ชัดเจนเป็นระบบ และมีความรู้ที่ให้ชาวต่างชาติเข้ามาดูมวยไทย จะได้ความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวกับมวยไทยไปด้วย

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า นอกจากนั้น ก็จะยกระดับอาชีพครูมวยไทยให้มีใบประกอบวิชาชีพ และพัฒนาองค์ความรู้ทั้งระบบทั้งเรื่องของการสอนมวย และค่ายมวย รวมไปถึงการจัดแข่งขันมวยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ถือเป็นการสื่อสารจากหนึ่งกีฬาของไทยสู่สายตาโลก ตนและนายกฯ ได้มีโอกาสไปดูเวทีมวยวันแชมเปียนชิปที่สนามมวยลุมพินี ได้เห็นฝีมือคนไทยมาแล้วถือว่าเก่งมาก

“เราจะทำค่ายมวยไทยในต่างประเทศให้มากขึ้น ปัจจุบันมีกว่า 40,000 ค่ายมวยแล้ว จึงอยากให้มีมากกว่านี้ โดยมีระบบจัดสรรให้ดียิ่งขึ้นและที่สำคัญรัฐบาลได้ มองเห็นว่ามวยเป็นการกีฬาของไทยที่โดดเด่น จึงอยากจะให้เป็นศูนย์กลางของการกีฬาที่จะได้เผยแพร่วัฒนธรรมไทยของเรา ไม่ว่าจะเป็นการไหว้ครู รวมถึงเสื้อผ้าให้เป็นการส่งออกวัฒนธรรมได้ มวยถือเป็นอาวุธสำคัญทำให้ต่างชาติรักเมืองไทยได้ง่ายขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ ที่รัฐบาลได้มองเห็น จะพัฒนาทั้งระบบให้มากขึ้นและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น” น.ส.แพทองธารกล่าว

ต่อมา นายเศรษฐา ได้โพสต์ข้อความผ่าน X ถึงการเดินหน้าผลักดันมวยไทยเพิ่มเติม ระบุว่า…

“ศิลปะแม่ไม้มวยไทยเป็นที่รู้จัก และนิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งคุณบัวขาว บัญชาเมฆ ร่วมกับสมาคมมวยต่างๆ รวบรวมน้องๆ เยาวชนจากค่ายมวยไทยในจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงชาวต่างชาติที่เข้ามาเรียนมวยไทย มาจัดแสดงการไหว้ครูมวย ทั้งสวยงาม เต็มไปด้วยความเป็นไทย มวยไทย คือ Soft Power หนึ่งที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เรากำลังพิจารณาให้วีซ่าพิเศษ 90 วันสำหรับคนที่เข้ามาเรียนหลักสูตรมวยซึ่งต้องใช้เวลาฝึกฝน ดังนั้น วีซ่าต้องเอื้ออำนวยให้ทำกิจกรรมได้นานพอจนเรียนจบครับ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top