Sunday, 5 May 2024
เศรษฐา

‘สว.วันชัย’ ป้อง!! ‘เศรษฐา-เพื่อไทย’ เข้ามา 2 เดือน โดนด่าเหมือนอยู่เป็นปี งง!! ทำอะไรก็ผิด ถามกลับ!! “ไม่เอาเพื่อไทย แล้วจะเอาใครเป็นรัฐบาล?"

(29 ต.ค. 66) นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ ‘ไม่เอาเพื่อไทย แล้วจะเอาใครเป็นรัฐบาล’ ระบุว่า…

อยากจะถามดังๆ ถ้าไม่เอาเพื่อไทย และนายกฯ เศรษฐาแล้ว คุณจะเอาใครมาเป็นรัฐบาล มาเป็นนายกฯ เห็นกล่าวหาโจมตีกันจัง ไอ้โน่นก็ผิดไอ้นี่ก็ไม่ถูก จะยืนเดินนั่งนอน เสื้อผ้าหน้าผมรองเท้าถุงเท้าเป็นประเด็นกันไปหมด จะบ้าตาย ทั้งๆ ที่เป็นรัฐบาลมาแค่ 2-3 เดือน โจมตีอย่างกับว่าเขาอยู่มาเป็นปี

นายวันชัย ระบุต่อว่า จะเกลียดทักษิณและเพื่อไทยก็เกลียดกันเอาเป็นเอาตาย เกลียดไม่เลิก เกลียดแบบเข้ากระดูกดำ ทั้งๆ ที่ผู้มีอำนาจเขาเลิกเกลียด เขาก้าวข้ามความขัดแย้งกันแล้ว แต่พวกนี้ยังฝังจิตฝังใจกับทักษิณอย่างกับสายสิญจน์มัดตราสัง ไม่ยอมเลิกรา จะบ้าบอกันไปถึงไหน ไม่คิดจะให้บ้านเมืองมันเดินหน้ากันบ้างหรือไร จะเป็นสัปเหร่อเผาผีกันไปอย่างนี้หรือ

นายวันชัย ระบุว่า แค่นายกฯ ไปแสดงความยินดีกับคุณอุ๊งอิ๊งด้วยท่าทีแบบนั้นก็ดิ้นกันเป็นกิ้งกือโดนไฟ ทำไม่ถูกบ้างล่ะ ไม่เหมาะสมบ้างล่ะ คนเป็นนายกฯ ทำอย่างนั้นมันน่าอาย ก็คนอยู่พรรคเดียวกัน พวกเดียวกัน จะเล่นจะหยอกกันบ้างไม่ได้หรือ และคุณอุ๊งอิ๊งที่เป็นหัวหน้าพรรค และจะเป็นนายกฯ คนต่อไปหรือไม่นั้น มันก็อยู่ที่ประชาชน ทั้งวัย และการเมืองในสถานการณ์นี้ที่มีก้าวไกลเป็นคู่แข่ง คุณไม่เอาคนวัยขนาดนี้ จะไปเอาคนแก่ขนาดไหนมาเป็นผู้นำ

นายวันชัย ยังระบุอีกว่า แม้แต่เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ก็ยังไม่ชัดเจนเลยว่ารัฐบาลจะเอาแบบไหนอย่างไร อยู่ในขั้นตอนที่เขาคงจะพิจารณากันให้รอบคอบ ทำได้ก็คงจะทำ และทำได้แค่ไหนเขาก็คงต้องดูกันให้ดี เป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีกันก็มีสติปัญญากันทั้งนั้น ทำแล้วบ้านเมืองเสียหาย ทำแล้วติดคุกติดตะรางเขาก็คงจะไม่ทำกันหรอก ผมเชื่ออย่างนั้น เพราะพรรคเพื่อไทยคงจะมีบทเรียนเห็นพรรคพวกติดคุกติดตะราง หนีไปต่างประเทศกันแล้วหลายคน คงจะเป็นบทเรียนได้ดี

“การเป็นรัฐบาลครั้งนี้ ใครก็รู้ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้มันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเยอะ เขาคงจะไม่ทำอะไรซ้ำรอยเดิม ทั้งการชุมนุมประท้วง การปฏิวัติรัฐประหาร มันเป็นบทเรียนกันกับคนทุกคน ควรหันหน้าเข้าหากันได้แล้ว เลิกเสียทีเถอะที่เอาแต่ด่าๆๆ แต่ไม่เห็นจะทำอะไรเลย แทนที่จะปรองดองกันกลับเมายาดองกันทุกวัน ว่างๆ ไปไหว้พระที่วัดไก่เตี้ย เขตตลิ่งชันกันเสียบ้าง” นายวันชัย ระบุทิ้งท้าย

‘นายกฯ’ เล็งปั้น ‘ศุลกากรหนองคาย’ สู่ ‘One Stop Service’ จ่อถกผู้นำลาว เล็งผุด ‘สะพานมิตรภาพ 2’ เชื่อมขนส่งถึงจีน

(29 ต.ค. 66) ที่สำนักงานศุลกากรหนองคาย อำเภอเมืองหนองคาย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานประชุมติดตามประเด็นปัญหาการส่งออก ขั้นตอนพิธีการศุลกากร การค้าชายแดนและการพัฒนา One Stop Service ระหว่างราชอาณาจักรไทย กับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และสาธารณรัฐประชาชนจีน มีหัวหน้าส่วนราชการ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเดินทางมา จ.หนองคาย เป็นครั้งที่ 2 โดยหนองคาย เป็นจังหวัดยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ให้เป็นจุดสำคัญในการเชื่อมโยงโลจิสติกส์จากไทยไปจีน และจากการพบกับ นายสี จิ้น ผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงนายกรัฐมนตรีจีน พบว่าต้องการสินค้าการเกษตรอย่างมาก

ดังนั้น เรื่องระบบขนส่งจึงสำคัญ และ จ.หนองคาย ถือเป็นจุดสำคัญที่มีความพร้อมมาก มีนิคมอุตสาหกรรม แต่ที่ผ่านมาหยุดแค่ จ.หนองคายหรือฝั่งลาว จึงต้องสร้างสะพานอีกแห่งหนึ่งใน จ.หนองคาย และทำเป็นจุดวันสต็อปเซอร์วิส และอยากให้ศุลกากรเป็นเจ้าภาพเรื่องวันสต็อปเซอร์วิส และใน จ.หนองคาย เป็นต้นแบบแรก

โดยให้ทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข และตม.หากเราทำให้การค้าขายไม่เดินหน้าจะลำบาก ทั้งนี้ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ ตนจะเดินทางไปพบผู้นำ สปป.ลาว จะพูดคุยในเรื่องทำสะพานมิตรภาพ 2 ในจ.หนองคาย เพื่อให้เราสามารถส่งสินค้าไปถึงจีนได้ ฉะนั้นหน่วยงานในพื้นที่ถ้าติดขัดตรงไหนขอให้บอกมา หากลงทุนแสนล้านแต่ไม่มีความต่อเนื่องในแง่ขนถ่ายสินค้า ลงทุนไปก็จะเสียหายเยอะ

นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้โลกพัฒนาไปมาก ใครจะมาลงทุนต้องดูหลายๆด้าน ถ้าเข้าจะมาลงทุนแล้วติดปัญหาเยอะก็ไม่ดี ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว ไทยขยายได้เยอะ และอยากจะขยายงานแบบนี้ไปอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ ตามนโยบายหลักของรัฐบาล ดังนั้น ควรทำประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อทำให้การท่องเที่ยวเมืองรองดีขึ้น

‘เศรษฐา’ ยัน!! ยังไม่เคาะขึ้นเงินเดือน ‘ข้าราชการ’ ย้ำ!! แค่เตรียมศึกษาข้อมูล ไม่ได้แปลว่าจะปรับขึ้นทันที

(7 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปดูเรื่องราคาสินค้าหรือไม่ ภายหลังมีข้อสั่งการเตรียมขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และเจ้าหน้าที่รัฐ ว่า ตนไม่ได้บอกว่าจะขึ้นเงินเดือน แต่ให้ไปศึกษา และการให้ไปศึกษา ไม่ได้หมายความว่าจะให้ขึ้นทันที

เมื่อถามว่า จะทำให้สินค้าจ่อขึ้นราคาล่วงหน้าหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้ขึ้นราคา มันยังตั้งไม่ได้ ยังไงเรื่องนี้กรมการค้าภายในก็ต้องดูแลอยู่แล้ว

‘เศรษฐา’ โต้เดือด!! ‘ศิริกัญญา-หยุ่น’ ปมดิจิทัลวอลเล็ต ซัด!! อย่าเอาความคิดตัวเองมาสร้างความสับสนให้ ปชช.

(11 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความใน X หรือ ‘ทวิตเตอร์’ ตอบโต้นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

นายเศรษฐา ระบุว่า “อย่าเอามาตรฐานความคิดของตัวเองมาหวังว่าคนอื่นเขาจะเป็นเหมือนกัน อย่ามองความตั้งใจที่บริสุทธิ์ และความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน มาเป็นมุมการเมืองที่สร้างความสับสนให้กับประชาชนเลยครับ”

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังได้ตอบโต้นายสุทธิชัย หยุ่น ที่โพสต์ระบุว่า “นายกฯ ย้ำคำว่า ‘e-government’ หลายครั้ง คงต้องนิยามให้ชัด ๆ อย่าให้งงเหมือน soft power” โดยนายกฯ กล่าวว่า “ผมว่าทุกคนเค้าเข้าใจดีครับ ยกเว้นสื่อบางสื่ออาจจะพยายามบิดเบือนหรือสร้างความเข้าใจ เพื่อให้คุณเข้าใจผิด”

วิเคราะห์!! วิบากกรรม ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ชี้ชะตา ‘เศรษฐา’ บอกอนาคต ‘อุ๊งอิ๊ง’

ในที่สุดก็แจ่มแจ้งแดงแจ๋ไปแล้วว่า… โฉมหน้าค่าตานโยบายเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลเศรษฐา เป็นอย่างไร

ต้องยอมรับว่าทุกค่ายทุกสำนักพูดออกมาเป็นเสียงเดียวแทบจะพร้อมๆ กันว่า… ไม่ตรงปก!!

ครับ!! ‘เล็ก เลียบด่วน’ พูดด้วยใจนิ่งๆ เป็นกลางอย่างที่สุดว่า… ไม่ตรงปกจริงๆ… คำว่า ‘ไม่ตรงปก’ ในความหมายก็คือ ไม่ตรงกับที่ตัวเอง (พรรคเพื่อไทย) พูดตอนหาเสียงและยื่นเอกสารให้กับ กกต.

ไม่ตรงทั้งวัตถุประสงค์และเป้าหมายของโครงการ ไม่ตรงทั้งรูปแบบและเนื้อหาว่างั้นเถอะ… หนำซ้ำที่บอกกับ กกต. ว่าจะใช้เงินจากระบบงบประมาณและรายได้ภาษีปกติ… 

แต่ที่สุดของเศรษฐา คือ ‘กู้’ ออก พ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท พร้อมคำยืนยันว่าจะผ่อนใช้ทัน 4 ปีช่วงรัฐบาลนี้

เหนื่อยครับ… อยากเอาใจช่วย แต่อ่านและฟังที่ท่านนายกฯ แถลงเมื่อวันที่ 10 พ.ย.แล้วเหนื่อยแทน… เหนื่อยแทนพรรคเพื่อไทย เหนื่อยแทนประเทศไทย… 

‘เล็ก เลียบด่วน’ ไม่ขอลงรายละเอียดหน้าตาของโครงการ แต่จะแลไปข้างหน้าว่า นโยบายที่ไม่ตรงปกนี้จะต้องฝ่าหลุมขวาก เป็นวิบากกรรมอย่างไรบ้าง… 

ประการแรก - ต้องลุ้นกันระทึกว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท จะฝ่าข้าม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 ไปได้หรือไม่… ไม่จำเพาะมาตรา 53 ที่พูดถึงกันเท่านั้น แต่มาตราอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไม่น้อยกว่า 3-4 มาตรา ก็เป็นกับดัก… ซึ่งก็ต้องให้กรรมการกฤษฎีกายืนยันออกมาดังๆ อีกทีว่า ‘โน พรอมแพลม’ ถึงจะยอมๆ กันไปได้บ้าง…

ประการที่สอง - โดยส่วนลึก เชื่อ ‘เล็ก เลียบด่วน’ เถอะว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ได้แฮปปี้กับนโยบาย 5 แสนล้านบาทนี้ ยิ่งต้องมาร่วมยกมือผ่านกฎหมายด้วยแล้ว… งานนี้อย่าคิดว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ แม้ทั้งสองพรรคยังอยากจะเป็นรัฐบาลต่อไปก็เหอะ… 

ประการที่สาม - ต่อให้กฎหมายกู้เงินผ่านสองสภาฯ ไปแล้ว แต่เชื่อว่า ในที่สุดจะมีคนไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ… ดีไม่ดีอาจล้มคว่ำซ้ำรอย พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ล้านล้าน สมัยรัฐบาล ‘ยิ่งลักษณ์’ ก็ได้ ทำเป็นเล่นไป… 

เอาแค่สามประการดังว่ามาก็พอ… พื้นที่ที่เหลือ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ใคร่ขมวดปมสถานการณ์เหตุบ้านการเมืองที่เกี่ยวเนื่องมาเล่าสู่กันฟังว่า… 

ทว่า ณ นาทีนี้ สถานการณ์ของตัวนายกฯ เศรษฐาที่มั่นคงแบบป้อแป้ แต่ก็ยังโชคดีที่ใครต่อใคร รวมทั้งนายห้างชั้น 14… ยังเห็นใจในความมุ่งมั่น ขยันทำงาน

สายข่าวในพรรคเพื่อไทยกระซิบให้ ‘เล็ก เลียบด่วน’ ฟังว่า… หลายวันก่อนโน้น นายห้างชั้น 14 ได้ส่งสัญญาณตรงๆ ถึง นายกฯ สูงยาวถุงเท้าแดงว่า ต้องปรับตัวให้เข้ากับ สส.ให้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะ สส.เหนือกับอีสาน ซึ่งขณะนี้ นายเศรษฐาได้ไหว้วานให้ ‘มาดามนครพนม’ อย่าง ‘มนพร เจริญศรี’ รมช.คมนาคม เป็นตัวช่วยประสานเรียบร้อยแล้ว… 

และช่วงปลายเดือน พ.ย. ต่อต้นเดือน ธ.ค. ‘วาระงาน’ ของนายกฯ ถุงเท้าแดงก็จะขึ้นเหนือ ไปอีสานแบบรัวๆ กันเลยทีเดียว!!

สำหรับ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร ที่พักหลังออกงานบ่อย และปรากฏตัวที่ทำเนียบรัฐบาลถี่ขึ้น… ย่อมเป็นธรรมดาที่จะถูกจับจ้องมองว่า เห็นท่าจะหนีไม่พ้นปีหน้า 2567 จะย่างสามขุมขึ้นเป็นนายกฯ แน่นอนนั้น… 

ยังต้องยืนยันฟันธง ว่า นายห้างชั้น 14 ต้องการให้ลูกสาวเป็นนายกฯ แน่นอน แต่ไม่ได้ขีดเส้นว่าต้องเป็นภายในปีหน้า… 

ครึ่งเทอมหลัง หรือสมัยหน้าก็รอได้… ให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ บำเพ็ญบารมีไปก่อน เว้นแต่ว่า… เศรษฐาเดินสะดุดบันไดทำเนียบ เดินต่อไปไม่ได้จริงๆ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง… 

เป็นนายกฯ ไม่ยากเท่ากับอยู่ให้ได้ ไปให้เป็น… ให้ประชาชนยอมรับ… 

ถ้าไม่ดื้อด้านหน้ามืดตามัว… แค่ ดิจิทัลวอลเล็ต เรื่องเดียวก็คงทำให้ ‘อุ๊งอิ๊ง’ ในฐานะหัวหน้าพรรคคนใหม่ คงได้คิดและนำไปถอดรหัสเป็นกรณีศึกษาได้ไม่น้อยทีเดียว

‘เศรษฐา’ ฟิตจัด!! เรียกรัฐมนตรี-หน่วยงาน ถกสางงาน พร้อมเข้ากระทรวงการคลังติดตามงาน บ่ายนี้

(20 พ.ย. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาปฎิบัติหน้าที่ โดยตั้งแต่ช่วงเช้าได้เชิญสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มาหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ขึ้นหารือต่อ

นายกฯ มอบให้นายภูมิธรรม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ (ก.น.บ) แทน ซึ่งจะมีการประชุม เวลา 11.00 น. เนื่องจากนายกฯ ได้หารือกับสภาพัฒน์ฯ จนได้ข้อสรุปบางเรื่องแล้ว จึงได้มอบหมายให้นายภูมิธรรมประชุมแทน

จากนั้นเวลา 10.30 น. นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศ เข้าพบ คาดว่า จะมารายงานความคืบหน้าการช่วยเหลือ 266 คนไทย กลับจากเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา รวมถึงการเตรียมความพร้อม มอบนโยบายให้กับ3 หน่วยงานหลักได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) หลังไปโรดโชว์ระหว่างการประชุมเอเปค สหรัฐอเมริกา

ขณะเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นไปพบนายกฯ ที่บนตึกไทยคู่ฟ้าด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะรายความพร้อม งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จ.สุโขทัย ตามโครงการ ‘Thailand Winter Festivals’ ที่นายกฯ มีกำหนดการจะเดินทางไปร่วมงานในวันที่ 27 พ.ย.นี้

มีรายงานว่า ในช่วงบ่าย นายกฯจะเดินทางไปกระทรวงการคลัง คาดว่าจะไปติดตามงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

‘เศรษฐา’ จี้!! ‘ก.ยุติธรรม’ เร่งปราบ ‘หมูเถื่อน-หุ้นสตาร์ค-หุ้นมอร์’ กำชับ ต้องสาวถึงตัวการใหญ่ ขีดเส้น!! อาทิตย์หน้าเรื่องต้องคืบ

(21 พ.ย. 66) ที่สถานีรถไฟฟ้าวัดพระศรีมหาธาตุ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง เปิดเผยผลการประชุม ครม.ว่า ได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีว่ากระทรวงยุติธรรม ซึ่งกำกับดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีอีเอส) ในเรื่องของการปราบปรามการค้าหมูเถื่อน ต้องสาวถึงตัวการใหญ่

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนคดีของบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และเรื่องหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) ได้มีการขยายผลแล้วซึ่งเราให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

นายกฯ เศรษฐา เผยว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ตนได้มีโอกาสหารือกับผู้ประกอบการค้าข้าวรายใหญ่ของประเทศไทย จึงมีการพูดคุยปัญหาเรื่องของข้าว วันนี้ปัญหาข้าวไทยผลผลิตต่อไร่ของเราต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอยู่เยอะมาก หนึ่งในเหตุผลคือ เรื่องของปัญหาข้าวไทยที่มีการพัฒนาช้า ได้รับการรับรองพันธุ์ข้าวจากกรมการข้าวที่ล่าช้า ทำให้เรานำข้าวมาปลูกได้ช้า ซึ่งตนได้มีการสั่งการไปยังรมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งทาง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ขานรับอย่างดีว่าจะไปดูแลในเรื่องขั้นตอนในการขอพันธุ์ข้าว เพื่อให้เรามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลข้าวที่ดีและสูงขึ้น เพื่อให้เท่าเทียมกับเพื่อนบ้านเราได้

นายกฯ กล่าวว่า ขณะที่การประชุม ครม.มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อใช้ในการรับรองสมรสเท่าเทียม ซึ่งจะนำเข้าสู่การพิจารณาในการเปิดประชุมสภาวันที่ 12 ธ.ค.

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เรื่องของวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกอร์วินโดว์ ซิงเกอร์ฟอร์ม โดยเป็นการรวบรวมหน่วยงาน เพื่อให้สะดวกสบายกับการค้าขายและการส่งออกสินค้าในต่างประเทศ ซึ่งมีปัญหาสินค้าติดอยู่ที่ชายแดน จึงต้องทำวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกอร์วินโดว์ ซิงเกอร์ฟอร์ม จึงได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และกระทรวงสาธารณสุข ทำวันสต๊อปเซอร์วิส ซิงเกอร์วินโดว์ ซิงเกอร์ฟอร์ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน

‘นายกฯ’ แจ้งข่าวดี!! ‘ฮามาส’ ปล่อยตัวประกันกลุ่มที่ 2 แล้ว เผย มีคนไทย 4 ราย เบื้องต้นทุกคนปลอดภัย-สุขภาพดี

(26 พ.ย. 66) ความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ตัวประกันของกลุ่มฮามาส ล่าสุด กลุ่มฮามาสยอมปล่อยตัวประกันกลุ่มที่ 2 ออกจากกาซาแล้วในช่วงกลางดึกวานนี้ (25 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความแจ้งข่าวดีผ่านแอปพลิเคชัน X (ทวิตเตอร์) Srettha Thavisin (@Thavisin) โดยระบุว่า…

“ดีใจด้วยครับ เมื่อ วันที่ 25 พ.ย. เวลา 23:50 (เวลาท้องถิ่น) ตัวประกันไทยได้รับการปล่อยตัว มีรายชื่อดังนี้

1.) อนุชา อ่างแก้ว
2.) นัฐพร อ่อนแก้ว
3. คมกฤษ ชมบัว
4.) มณี จิระชาติ

จากการตรวจร่างกายในเบื้องต้น
- ทุกคนสุขภาพดี ไม่มีใครต้องการการรักษาพยาบาลเร่งด่วน
- ทุกคนพูดคุยและเดินได้ปกติ
- ทุกคนดีใจที่ได้รับการปล่อยตัว โดยรวมสุขภาพจิตยังดีอยู่ พูดคุยได้ปกติ ต้องการอาบน้ำ และติดต่อกลับหาญาติ

ขณะนี้อยู่ระหว่างเดินทางไปที่ รพ. Shamir Medical Center (Assaf Harofe) 
ขอขอบคุณ กระทรวงต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคงครับ”

ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่า ได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ว่ามีคนไทยชุดที่สองได้รับการปล่อยตัวอีก 4 ราย ขณะนี้ อยู่ระหว่างการนำตัวไปที่โรงพยาบาล ที่ฝ่ายอิสราเอลจัดไว้เพื่อตรวจสุขภาพตามขั้นตอน โดยเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ไปช่วยเหลืออำนวยความสะดวก และประสานการติดต่อกับครอบครัวที่โรงพยาบาลแล้ว

ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับครอบครัวของพี่น้องคนไทยทั้ง 4 ราย ที่ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้ รวมถึงขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ได้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาให้มีการปล่อยตัวประกันในชุดที่ 2 นี้

อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูตฯ แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ทางการอิสราเอลได้ยืนยันจำนวนคนไทยที่ถูกควบคุมตัว เพิ่มขึ้นอีก 2 ราย ทำให้ภายหลังการปล่อยตัวคนไทยชุดที่ 2 แล้ว คาดว่ายังมีคนไทยที่ถูกควบคุมตัวอีกจำนวน 18 ราย ซึ่งรัฐบาลไทยจะพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยที่เหลือ ให้ได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ โดยที่มีตัวประกันเริ่มทยอยได้รับการปล่อยตัว และมีโอกาสได้พูดคุยกับญาติพี่น้องในประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศ ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่อาจ สัมภาษณ์ญาติของตัวประกัน มิให้ซักถามหรือเผยแพร่ ข้อมูลระหว่างการถูกควบคุมตัว ซึ่งอาจมีความอ่อนไหว และส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพของตัวประกันที่ยังอยู่ในความควบคุมได้

ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการประสานกับ ฝ่ายอิสราเอลเกี่ยวกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำพี่น้องคนไทยทั้ง 14 รายที่ได้รับการปล่อยตัวและผ่านกระบวนการเยียวยาเบื้องต้นในอิสราเอลแล้ว กลับสู่ประเทศไทยและครอบครัวโดยเร็วต่อไป

‘นายกฯ’ ขอบคุณสังคมไทยทุกภาคส่วน เปิดใจให้โอกาสคนพิการ ฟาก รบ.ยัน!! มุ่งมั่นให้ความสำคัญทุกกลุ่ม ภายใต้สวัสดิการแห่งรัฐ

(3 ธ.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเนื่องในวันคนพิการสากล ประจำปี 2566 ว่า…

3 ธันวาคมของทุกปี องค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้วันนี้เป็น ‘วันคนพิการสากล’ (International day of persons with disability) เพื่อส่งเสริมความเข้าใจในปัญหาความทุพพลภาพ และระดมการสนับสนุน เพื่อศักดิ์ศรี สิทธิ และสวัสดิภาพของคนพิการ โดยในปี 2566 นี้ องค์การสหประชาชาติได้กำหนดประเด็นหลัก คือ ‘รวมพลังเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพลิกฟื้นและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ร่วมกับคนพิการ เพื่อคนพิการ โดยคนพิการ’ (United in action to rescue and achieve the SDGs for, with and by persons with disabilities)

นายกฯ กล่าวว่า ตัวเลขจากรายงานสถานการณ์คนพิการในประเทศไทย โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ตอกย้ำความเปราะบางสถานการณ์คนพิการของไทย ที่มีอุปสรรคนอกเหนือความสามารถในการใช้ชีวิตอิสระแล้ว ยังถูกซ้อนทับด้วยความสามารถในการเข้าถึงการศึกษา และมีความเป็นอยู่ยากลำบากขึ้นในสภาวะความสูงอายุ โดยมีปัจจัยหลักมาจากปัญหาความยากจน คนพิการในประเทศไทยจำนวน 2.2 ล้านคน เป็นผู้พิการในกลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี 1.29 ล้านคน หรือเกินครึ่ง และมีคนพิการที่จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาจำนวน 1.4 ล้านคน ซึ่งเกินครึ่งอีกเช่นกัน ส่วนคนพิการในวัยแรงงาน 860,000 คน ได้รับการจ้างงานที่ 54,000 คน จากสถานประกอบการ 2 หมื่นแห่ง

ขอบคุณประชาชน สถานประกอบการ รวมทั้งหน่วยงานของรัฐ ที่ให้โอกาสคนพิการ ได้แสดงศักยภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ให้เขาเหล่านั้นได้ร่วมเป็นพลังสร้างเศรษฐกิจ ผลักดันประเทศไทยไปข้างหน้า ไม่ต่างจากเรา ยืนยันว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเปราะบาง คนพิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มชาติพันธุ์ โดยจะดูแลให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีงาน มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิมด้วยสวัสดิการโดยรัฐ และ “สวัสดิการโดยรัฐ” ที่เราพยายามทำอย่างยิ่งคือการจัดสวัสดิการตั้งแต่ต้นตอ คือการสร้างรายได้ให้คนไทยทุกคน ลดรายจ่ายภาครัฐ ใช้ทรัพยากรที่จำกัดยิงศรให้ตรงเป้า ให้ได้ผลเท่าทวีคูณ ซึ่งหวังผลสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน ขจัดความเหลื่อมล้ำที่มีอยู่มากลง สร้างสังคมที่หยิบยื่นโอกาสอย่างเท่าเทียม

“เราจะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ให้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือ ‘ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง’ (Leave no one behind)”

‘นายกฯ’ เปิดยุทธศาสคร์ 5 เสาหลัก-5 กลยุทธ์ แก้ปัญหายาเสพติด พร้อมชู ‘หนองบัวลำภูโมเดล’ ป้องกันการเกิดเหตุสลดซ้ำรอยเดิม

(3 ธ.ค. 66) ณ ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอสุวรรณคูหา จังหวัดหนองบัวลำภู นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ทุกกระทรวง เดินทางตรวจติดตาม ผลการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามนโยบายรัฐบาล ประจำปี 2566 ซึ่งเป็นภารกิจแรก ตามโครงการ ครม.สัญจร ครั้งที่ 1 พื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายไชยา พรหมา รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีทุกกระทรวง ร่วมงาน ทั้งนี้ มีผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และประชาชนกว่า 8,000 คนให้การต้อนรับ

โดยพอถึงพื้นที่ นายกรัฐมนตรีและคณะได้สักการะศาลหลักเมืองพระไชยเชษฐาธิราช เยี่ยมผู้ป่วยจิตเวช และให้กำลังใจ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาล มินิธัญญรักษ์ จากนั้นบวงสรวงอนุสาวรีย์ ทสปช. ให้โอวาทเจ้าหน้าที่ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และเยี่ยมชมบูธผลการดำเนินการป้องกันปัญหายาเสพติด

สำหรับจุดต้อนรับ ครม.สัญจร ซึ่งจะมีการนำเสนอผลการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดดังกล่าว สืบเนื่องจากต้นเดือน ต.ค. 2565 ได้เกิดเหตุโศกนาฏกรรม ตำรวจคลั่งใช้อาวุธปืน และมีด ทำร้ายร่างกายเด็กอนุบาล ครูพี่เลี้ยง และชาวบ้าน เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย โดยสาเหตุจากยาเสพติด

เหตุการณ์ดังกล่าว จึงเป็นกรณีศึกษา และเป็นที่มาให้ทุกภาคส่วน ดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อสู่การเป็นจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืน ทั้งนี้จากการร่วมมือ ร่วมใจของภาคีเครือข่าย ในพื้นที่ ต.หนองบัวลำภู จนกระทั่งประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม และได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2566 และต่อมาได้รับการคัดเลือกเป็นสถานที่ต้อนรับ ครม.สัญจร ครั้งทึ่ 1 ภายใต้คอนเซ็ปต์ 3 ก. แก้ปัญหาความยากจน แก้ปัญหายาเสพติด และแก้ปัญหาสารพิษ ‘หนองบัวลำภูโมเดล’ ในครั้งนี้

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.กระทรวงการคลัง กล่าวว่า แนวทางการปฏิบัติการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ในส่วนของ จ.หนองบัวลำภู ที่ประสบผลสำเร็จ สู่การเป็นหนองบัวลำภูโมเดล โดย ศอ.ปส.แห่งชาติ ได้กำหนดให้ จ.หนองบัวลำภู เป็นต้นแบบจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติด จัดการยาเสพติดแบบครบวงจรนั้น จากการรายงานทราบว่า ความสำเร็จเกิดจากผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 5 เสาหลัก และ 5 กลยุทธ์

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า สำหรับเสาหลักที่ 1 คือ ยึดหลักปฏิบัติหลักการพัฒนายั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เสาหลักที่ 2 ต้องสร้างทีมงานที่ดีทุกระดับชั้น เสาหลักที่ 3 จัดตั้งชุดปฏิบัติการ ‘คุ้ม’ เสาหลักที่ 4 มีการบันทึกข้อมูลส่วนบุคลผู้เสพ ผู้ป่วยจิตเวช เพื่อหาแรงจูงใจทำให้ผู้เสพเลิกยาเสพติดอย่างถาวร และเสาหลักที่ 5 มาตรการชุมชนมีส่วนร่วม หรือชุมชนบำบัด

นายเศรษฐากล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะใช้ยุทธศาสตร์ 5 เสาหลักแล้ว ยังใช้มาตรการ 5 กลยุทธ์ คือกลยุทธ์ที่ 1 ต้องใช้ ‘ใจ’ นำการทุ่มเทปฏิบัติงาน กลยุทธ์ที่ 2 ต้องใช้หลัก ‘เมตตากรุณา’ ต่อผู้ป่วยจิตเวช ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดและครอบครัว กลยุทธ์ที่ 3 ‘แยกปลาออกจากน้ำ’ เน้นแก้ไขปัญหาผู้ป่วยจิตเวช ที่มีอาการอาละวาดรุนแรงทำร้ายตนเอง และบุคคลใกล้ตัว กลยุทธ์ที่ 4 เน้น ‘Work Hard & Work & Smart’ และกลยุทธ์ที่ 5 การปฏิบัติต้องมุ่ง งานสำเร็จ มิใช่แค่งานสำเร็จ ทั้งนี้ ขอชื่นทุกภาคส่วน ในจ.หนองบัวลำภู ที่ร่วมด้วยช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ และเป็นต้นแบบจังหวัดสีขาว ปลอดยาเสพติด ‘หนองบัวลำภูโมเดล’ ดังกล่าว

ด้านนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ 5 เสาหลักและ 5 กลยุทธ์ดังกล่าว ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญ ในการไขคำตอบแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการเฝ้าระวัง เข้มงวดกวดขัน ควบคู่กับการบำบัดฟื้นฟู ส่งเสริมสร้างอาชีพ เป็นคนดีสู่สังคม และไม่ย้อนกลับไปมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก

โดยในส่วนของการบำบัดฟื้นฟูนั้น ได้ดำเนินการจัดตั้งมินิธัญญารักษ์ ที่ รพ.สุวรรณคูหา มีการคัดกรองผู้เสพผู้ติดยา ผู้มีอาการทางจิต ขยายศูนย์คัดกรองครอบคลุมทั้ง 6 โรงพยาบาล 83 รพ.สต. จัดตั้งและขยายศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมครอบคลุม 68 อปท. และโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดตามยุทธศาสตร์ชาติ 2566 ทั้งนี้มีผู้ร่วมโครงการ 2,126 ราย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top