Saturday, 4 May 2024
เศรษฐา

‘เพื่อไทย’ ลุยทำการบ้าน!! นัดประชุม สส. 3 ส.ค.นี้ เตรียมความพร้อมโหวต ‘เศรษฐา’ ชิงเก้าอี้นายกฯ

(31 ก.ค. 66) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรค พท. เป็นแกนนำ ที่ผ่านมาพรรค พท. ได้ไปทำการบ้านรับฟังเสียงจากทั้ง สส. และ สว.ในมุมมองเกี่ยวกับการตั้งรัฐบาลตามที่ 8 พรรคร่วมมอบหมาย ซึ่งขณะนี้งานใกล้เสร็จสิ้นแล้วเราจะนัด 8 พรรคพูดคุยกันอีกครั้งแต่ยังไม่กำหนดวันแน่นอนเพราะต้องรอถามความพร้อมของทุกฝ่าย แต่สิ่งที่มีกำหนดแน่นอนแล้ว พรรคเพื่อไทย ที่จะมีการประชุม สส. วันที่ 3 ส.ค. ที่รัฐสภา เตรียมความพร้อม สส. ก่อนการโหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายชื่อที่พรรคเพื่อไทย จะเสนอเพื่อโหวตเป็นนายกฯ ต่อรัฐสภาวันที่ 4 ส.ค. คือ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย

‘อนุสรณ์’ ถาม ‘ชูวิทย์’ ล้มนิด หวังชุบชีวิตใคร? ยัน!! ‘เศรษฐา’ บริสุทธิ์ สามารถตรวจสอบได้

(4 ส.ค.66) ที่รัฐสภา นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เปิดข้อมูลกล่าวว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ทำนิติกรรมอำพราง เลี่ยงภาษี ว่า นายชูวิทย์ จะตรวจสอบเรื่องอะไรก็เป็นสิทธิ แต่เท่าที่จำได้นายชูวิทย์ แหย่เรื่องนี้มาตั้งแต่แรก แต่ไม่ลงมือเปิดข้อมูล มาเลือกลงมือในจังหวะเวลานาทีสำคัญก่อนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี 

คำถามคือถ้าทำกันจนการโหวตนายเศรษฐา มีปัญหา ใครคือผู้ได้ประโยชน์ เพราะอาชญากร ย่อมได้ประโยชน์จากอาชญากรรมที่ตัวเองก่อขึ้น ความพยายามในการดิสเครดิตแคนดิเดตนายกฯ รัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นไปเพื่อเปิดทางไปสู่ปฏิบัติการ ‘ล้มนิด ชุบชีวิตใคร’ หรือไม่ นายเศรษฐา ชื่อเล่นชื่อนิด ปฏิบัติการนี้หวังล้มนายเศรษฐา เพื่อชุบชีวิตคนที่หมดโอกาสไปแล้ว ให้ฟื้นคืนชีพกลับสู่เส้นทางลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่านายเศรษฐา มีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ละเมิดกฎหมาย ไม่ได้ฝ่าฝืนจริยธรรมใด ๆ ตามที่กล่าวอ้าง ถ้านายชูวิทย์ ติดใจสงสัยในกรณีดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ที่กรมสรรพากร

“ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสไปมากแล้ว ปล่อยให้ประเทศไทยได้ไปต่อ ประเทศไม่ควรขาดรัฐบาลนานเกินไป” นายอนุสรณ์ กล่าว

เมื่อถามว่ามีความกังวลหรือไม่ว่าจะมีการนำเรื่องดังกล่าวไปร้องเรียน นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การตรวจสอบเรื่องใด ฝ่ายใดเป็นสิทธิ์โดยชอบ ตราบที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้และเราเคารพทุกการตรวจสอบ เพียงแต่ตั้งข้อสังเกต ว่ามีเวลาตั้งนานแต่ไม่ได้เปิดเผยข้อมูลออกมา แต่เลือกเวลาช่วงที่กำลังจะโหวตให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี เราจึงบอกว่าแผนปฏิบัติการดังกล่าวคือหวังผลเพื่อจะล้มเศรษฐา ล้มพรรคเพื่อไทย และจะไปชุบชีวิตใครกลับมาเข้าสู่เส้นทางนายกรัฐมนตรีหรือไม่

เมื่อถามว่า กลัวว่ากรณีดังกล่าวจะซ้ำนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การนำประเด็น แต่ละประเด็นไปพิจารณามีความแตกต่างกัน เราไม่สามารถนำไปเทียบได้ว่าใครเคยโดนแล้วคนอื่นจะต้องโดนเช่นกัน ถึงตอนนี้ก็ยังยืนยันว่านายเศรษฐา มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสามารถที่จะสามารถเข้าสู่การโหวตนายกรัฐมนตรีได้

เมื่อถามว่า เอกสารที่นายชูวิทย์เปิดเผยออกมาไม่น่าเชื่อถือใช่หรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมใด ๆ ของแสนสิริ เพราะฉะนั้นเอกสารที่นายชูวิทย์ต้องไปตรวจสอบ และไปวัดกับทีมกฎหมายของแสนสิริ รวมถึงไปตรวจสอบกับกรมสรรพากร เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่บอกได้ว่าเอกสารของนายชูวิทย์เชื่อถือได้หรือไม่ได้

เมื่อถามว่า เรื่องที่นายชูวิทย์เปิดเผยเป็นเรื่องของการเลี่ยงภาษีหากเป็นความจริงจะกระทบต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า เท่าที่ตนติดตามการแถลงของกฎหมายแสนสิริ ก็ไม่ได้มีความหนักใจในเรื่องนี้ สิ่งที่นายชูวิทย์เปิดเผยออกมาก็สามารถคาดการณ์ได้อยู่แล้ว เราต้องคิดตามว่าบริษัทชั้นนำ การทำธุรกรรมต้องสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว ดังนั้นการร้องเรียนจึงเป็นสิทธิ์ สิ่งของกฎหมายแต่ก็จะต้องไปว่ากันตามข้อเท็จจริงทางกฎหมาย ขณะเดียวกันก็จะมีหน่วยงานรัฐเข้าไปตรวจสอบ ถ่วงดุล เพื่อที่จะสามารถพิจารณาข้อมูลของแต่ละฝ่าย

เมื่อถามว่าจะกระทบต่อการตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า หากไม่มีปรากฏการณ์โรคเลื่อน วันนี้ก็คงจะมีการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่การที่นายชูวิทย์ นำข้อมูลมาเปิดเผยในช่วงเวลานี้ ทั้งที่เจ้าตัวเคยพูดว่ามีหลักฐานมานานแล้ว เราจึงอดสงสัยไม่ได้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของแผน ‘ล้มนิด ชุบชีวิตใคร’ หรือไม่ ซึ่งพรรคการเมืองอื่นก็ไม่มีใครติดใจในประเด็นดังกล่าว

‘ชูวิทย์’ ลั่น!! นายกฯ คนที่ 30 ส่อแววชื่อ ‘ประวิตร’ คาดโหวตอีก 2 ครั้ง ปัดแฉ ‘เศรษฐา’ เอื้อประโยชน์ ‘ลุงป้อม’

(6 ส.ค. 66) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง ให้สัมภาษณ์พิเศษรายการ ‘ชั่วโมงข่าวเสาร์อาทิตย์’ ทางช่องไทยพีบีเอส ระบุว่า ไม่แปลกใจกับการประกาศเลื่อนกลับประเทศของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่แล้วเสร็จ จึงยังไม่มีหลักประกันที่จะเดินทางกลับ

นายชูวิทย์ คาดการณ์ว่า รัฐสภาจะต้องลงมติโหวตนายกรัฐมนตรีอีกอย่างน้อยๆ 2 ครั้ง จึงจะได้นายกรัฐมนตรี และเชื่อว่าน่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จากการเสนอโดยพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 3 เนื่องจากนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทย ไม่น่าจะผ่านความเห็นชอบในการโหวตครั้งต่อไป เนื่องจาก สว.อาจอ้างเหตุผลเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต

“คาดว่าจะได้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ และถึงแม้จะได้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ ก็ไม่ได้หมายความว่านายทักษิณ จะได้กลับประเทศทันทีหลังจากนั้น โดยเงื่อนไขสำคัญ คือ ต้องได้รับไฟเขียว” นายชูวิทย์ กล่าว

นายชูวิทย์ ยืนยันว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับนายเศรษฐา ไม่ได้โกรธแค้นเป็นการส่วนตัว หรือทำเพื่อประโยชน์กับบุคคลใด แต่ย้ำว่า ไม่ต้องการได้นายกรัฐมนตรี ที่ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม โดยในวันที่ 7 ส.ค. จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินเพิ่มเติม เป็นหนังสือราชการสำคัญ และจะไปยื่นต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบต่อไป

‘เด็กเพื่อไทย’ ไว้อาลัยให้ความน่าเชื่อถือของ ‘ชูวิทย์’ หลังพาดพิง ‘เศรษฐา’ ปมดรามาซื้อขายที่ดินแสนสิริ

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 66 ดร.กฤชนนท์ อัยยปัญญา ผู้สมัคร สส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้แชร์ข่าวกรมที่ดินได้ออกมาชี้แจง กรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง พาดพิงนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯพรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารสูงสุดและกรรมการของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มีส่วนร่วมในการหลีกเลี่ยงภาษีในการซื้อขายที่ดินของแสนสิริ เป็นเหตุให้รัฐต้องสูญเสียรายได้เป็นเงินหลายร้อยล้านบาท พร้อมโพสต์ข้อความผ่านเพจ ‘ดร.ตั้น กฤชนนท์ อัยยปัญญา’ ระบุว่า…

“RIP ความน่าเชื่อถือท่านชูวิทย์ เมื่อวานนี้ผมได้ทราบข่าวที่น่าเศร้า เพราะท่านชูวิทย์ฮีโร่นักแฉในดวงใจของผมได้ประกาศว่า ท่านป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ จึงถือโอกาสแสดงความเสียใจและเป็นห่วงมา ณ ที่นี้

นอกจากนี้แล้ว ผมยังได้ทราบถึงความไม่สบายใจของท่านชูวิทย์เกี่ยวกับประเด็นของท่านเศรษฐา เรื่องการซื้อที่ดินของบริษัทแสนสิริที่ท่านชูวิทย์ไม่สบายใจ ว่าเป็นกระทำโดยมิชอบหรือไม่ และจะส่งผลถึงภาพลักษณ์ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ต้อง ‘ซื่อสัตย์สุจริต’ หรือไม่ ผมขออธิบายดังนี้ครับ

ในประเด็นแรกเรื่องการเสียภาษีซื้อขายที่ดินนั้น กรมที่ดินได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ‘เป็นภาระโดยตรงของผู้ขาย’ และโดยที่ผู้ซื้อไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และวิธีปฏิบัติดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมาย เพราะได้มีการเสียภาษีต่างๆ ในวันโอนที่ดินครบถ้วน ส่วนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของแต่ละคน เป็นสิ่งที่ผู้ขายแต่ละคนต้องรับผิดชอบในรอบปีภาษีของแต่ละคน ซึ่งหากมีการไม่ชำระก็เป็นเรื่องที่กรมสรรพากรต้องจัดการ ผู้ซื้อไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ครับ

ประเด็นถัดมาในส่วนของราคาซื้อขายที่ดินนั้น ทุกๆ ท่านคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ราคาซื้อขายที่ดินนั้นเป็นความพึงพอใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่ได้จำเป็นต้องซื้อขายกันตามราคาประเมินแต่อย่างใด ไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายแล้ว บริษัทแสนสิริจำเป็นต้องซื้อในราคาที่ผู้ขายพึงพอใจ ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด ท่านชูวิทย์สบายใจได้ครับ

ประเด็นสุดท้าย ที่ท่านชูวิทย์ได้แสดงความห่วงใยถึงผู้ถือหุ้นบริษัทแสนสิริว่า ‘ผู้ถือหุ้นเจ๊ง’ นั้น ตามข้อมูลงบการเงินจาก ตลท.ในปี 2562 ที่มีการซื้อขายที่ดินนั้น บริษัทแสนสิริมีกำไรสุทธิ 2,392.44 ล้านบาท ท่านชูวิทย์สบายใจได้ครับ

สุดท้ายนี้ หวังว่าท่านชูวิทย์คงสบายใจได้ในทุกๆ ประเด็น หากท่านจะจากไปในอีกแปดเดือนก็คงจะจากไปอย่างหมดห่วง ด้วยความห่วงใยครับ

‘เด็จพี่’ แฉ!! ‘ชูวิทย์’ โกรธแสนสิริปฏิเสธซื้อที่ดิน ชี้!! ไฟแค้นสุมอก จึงรับงานดิสเครดิต ‘เศรษฐา’

(7 ส.ค. 66) ที่โรงแรมดิเอ็มเมอรัลด์ กรุงเทพฯ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ คณะทำงานด้านกฎหมายที่ได้รับมอบอำนาจจาก นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง ระบุที่นายเศรษฐา มอบอำนาจให้ทนายความฟ้องดำเนินคดีกับนายชูวิทย์นั้น เป็นการฟ้องปิดปากว่า ขอชี้แจงว่าเรื่องนี้เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่มีใครไปปิดปากคนอย่างนายชูวิทย์ได้ หากนายชูวิทย์ตรวจสอบนายเศรษฐาอย่างบริสุทธิ์ใจ

ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า นายชูวิทย์มีข้อมูลเรื่องนี้มานานแล้ว แต่เหตุใดจึงไม่ตรวจสอบตั้งแต่ได้รับข้อมูลมา หรือก่อนที่นายเศรษฐา จะถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ตนเองในฐานะเป็นนักการเมือง และเคยตรวจสอบในคดีสำคัญ หากไม่มีวาระซ่อนเร้นเราต้องตรวจสอบอย่างนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่นายชูวิทย์ แถลงเมื่อวันที่ 3 ส.ค. กล่าวหานายเศรษฐาว่าทำนิติกรรมอำพราง ไม่ซื่อสัตย์สุจริต รู้เห็นเป็นใจกับบริษัทที่ขายที่ดินให้กับ บ.แสนสิริ ทำให้รัฐเสียหายกว่า 500 ล้านบาท เรื่องนี้ตนขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่าไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรเลย เป็นการจับแพะชนแกะ พูดความจริงครึ่งเดียวของนายชูวิทย์ คือผู้ขายได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยการโอนแบ่งคืนให้ผู้ถือหุ้นคนละวันกัน จึงไม่ถือว่าบุคคลดังกล่าวได้กรรมสิทธิ์รวมในที่ดินพร้อมกัน ในทางกฎหมายอนุญาตให้ทำได้

ต่อมาเมื่อมีการขายให้บ.แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ก็เป็นไปตามกฎหมาย เป็นไปตามระเบียบของกรมที่ดินและระเบียบของกรมสรรพากร ซึ่งถ้าไม่ถูกระเบียบกรมที่ดินก็ไม่สามารถให้ผู้ขายโอนให้ได้ และกรมสรรพากรคงฟ้องร้องผู้ขายไปแล้ว ไม่ปล่อยให้เนิ่นนานขนาดนี้ ใครก็รู้ว่ากรมที่ดินและกรมสรรพากรล้วนมีระเบียบที่เคร่งครัด ไม่ถึงมือนายชูวิทย์หรอก

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามกฎหมายมาตรา 56 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 100/2543 ลงวันที่ 24 พ.ย. 2543 ข้อ 4 (2)

นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่านายชูวิทย์ซึ่งเป็นนักธุรกิจอสังหาฯ มีทีมกฎหมายเป็นที่ปรึกษา ก่อนมาแถลงข่าวกล่าวหานายเศรษฐาคงจะต้องศึกษารายละเอียดมาหมดแล้ว ว่าผู้ขายทั้ง 12 คนนี้ได้ที่ดินมาไม่พร้อมกัน นายชูวิทย์ก็รู้ แต่จงใจพูดข้อเท็จจริงเพียงบางส่วน เพื่อให้สังคมเข้าใจว่าได้ที่ดินมาพร้อมกันในวันที่แถลงข่าว เหมือนพูดความจริงครึ่งเดียว เหตุใดนายชูวิทย์จึงไม่พูดทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าที่ดินได้มาไม่พร้อมกัน นายชูวิทย์ปกปิดความจริงข้อนี้ เพื่อใช้เป็นช่องกล่าวหานายเศรษฐาใช่หรือไม่ เพราะหากนายชูวิทย์พูดความจริงตรงนี้ให้หมด ตัวเองจะกล่าวหานายเศรษฐาไม่ได้เลย

นอกจากนี้ขอตั้งข้อสังเกตต่อว่าผู้ซื้อเป็นนิติบุคคล เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีผู้บริหารหลายคน แต่เหตุใดนายชูวิทย์ จึงตั้งใจโจมตี ดิสเครดิตนายเศรษฐาเพียงคนเดียว ถามว่าหากไม่มีวาระซ่อนเร้นทำไมช่างบังเอิญเช่นนี้ ต่อมาก็กล่าวหานายเศรษฐา มีเงินทอน เป็นตัวการร่วมหรือรู้เห็นเป็นใจ

เรื่องนี้ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงเลย ตนได้รับเอกสารข้อหารือลงวันที่ 9 มี.ค.58 ระหว่างกรมที่ดินกับกรมสรรพากรกรณีนี้ ซึ่งมีข้อสรุปออกมาเป็นไปตามคำสั่งกรมสรรพากรข้างต้น ดังนั้น การกล่าวหาว่านายเศรษฐารู้เห็นเป็นใจ หรือสมคบกับผู้ขายในการหลีกเลี่ยงภาษี มีเจตนากลั่นแกล้งและหวังผลทางการเมืองต่อตัวนายเศรษฐา

นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่กล่าวหาว่านายเศรษฐาไม่ซื่อสัตย์ กระทำผิดกฎหมาย มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินทอนในการซื้อขายที่ดินแปลงนี้โดยนายชูวิทย์อ้างถึงราคาที่ดินตารางวาละเกือบ 4 ล้านบาทนั้น ข้อเท็จจริงราคาที่ดินบริเวณดังกล่าวที่ บ.แสนสิริ ซื้อจากเอกชนนั้น ตั้งอยู่ที่ถ.สารสิน ตรงข้ามกับสวนลุมพินี เป็นทำเลทอง ซึ่งเป็นไปตามราคาตลาด นักธุรกิจที่อยู่ในแวดวงอสังหาฯ รู้ว่าเป็นราคาปกติ

เมื่อเปรียบเทียบกับที่ดินของนายชูวิทย์ ที่ขายในเดือนเดียวกันให้แก่ บ.ไรมอนแลนด์ บริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่นายชูวิทย์อ้างผ่านสื่อว่าขายไป 2,000 ล้านบาท ราคาตารางวาละเกือบ 3.6 ล้านบาท ทั้งที่ที่ดินนายชูวิทย์ อยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ที่ดินของนายชูวิทย์ก็ราคาไม่ต่างกับราคาที่ บ.แสนสิริ ซื้อ ฉะนั้น ข้อกล่าวหาใด ๆ ทั้งหมดที่นายชูวิทย์ได้แถลงมา จึงน่าจะเป็นความเท็จ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ตนขอยืนยันว่านายเศรษฐาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ทำผิดจริยธรรมตามที่นายชูวิทย์กล่าวอ้างแต่อย่างใด

ขอตั้งข้อสังเกตถึงพฤติกรรมของนายชูวิทย์ ที่ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีความเจ็บแค้น ไม่มีปัญหา และไม่ได้ขายที่ดินของนายชูวิทย์ ให้บ.แสนสิริ รวมถึงไม่มีวาระซ่อนเร้นใด ๆ นั้น นายชูวิทย์อาจความจำสั้น วันนี้ผมจะมาจับโกหกนายชูวิทย์ ซึ่งผมมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายว่านายชูวิทย์ เคยไปพบผู้บริหาร บ.แสนสิริ พร้อมนายเศรษฐา เมื่อวันที่ 8 ก.ย.65 ภาพจากกล้องวงจรปิดก็มี เพื่อเสนอขายที่ดินแปลงของตนเองให้ บ.แสนสิริ

แต่ท้ายที่สุดทางแสนสิริปฏิเสธซื้อที่ดินของนายชูวิทย์ เป็นเหตุให้นายชูวิทย์โกรธ และดำเนินการในลักษณะนี้ใช่หรือไม่ ถามว่าจริงหรือไม่ที่ก่อนที่นายชูวิทย์จะมาแถลงข่าว ได้พยายามเสนอขายที่ดินให้ บ.แสนสิริ อีกครั้งหนึ่ง โดยเสนอราคาเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาทแต่ถูกปฏิเสธอีกครั้ง เรื่องนี้คือประเด็นที่ทำให้นายชูวิทย์ไม่พอใจใช่หรือไม่

“ภาพทั้งหมดเกิดขึ้นที่ บ.แสนสิริ เท่าที่ผมทราบนายชูวิทย์ ไม่ได้มีความสนิทสนมกับนายเศรษฐาถึงขนาดเข้าไปเยี่ยมกันถึงที่บริษัทได้ แต่ในภาพกลับจับมือ ดูสนิทสนม นี่คือพฤติกรรมของนายชูวิทย์ที่ตรงข้ามกับคำพูดที่ว่าแฉเพื่อชาติ” นายพร้อมพงศ์ กล่าว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ตนอยากถามว่าวันนี้นายชูวิทย์ แฉเพื่อใครกันแน่ นายชูวิทย์ในฐานะที่เป็นคนมีความกว้างขวาง มีเพื่อนอยู่ทั้งในวงการทหาร และนักการเมือง ใคร ๆ ก็รู้ว่านายชูวิทย์ สนิทกับใคร ผู้มีอำนาจกลุ่มไหน อยากถามว่าที่นายชูวิทย์ ออกมาเป็นหัวขบวนเปิดเกมเขี่ยบอลสาดโคลนเป็นคนแรก เพื่อดิสเคดิตนายเศรษฐา ก่อนการโหวตนายกฯ เพียงไม่กี่วันว่าไม่มีความเหมาะสม

ถามว่า เป้าหมายของนายชูวิทย์เพื่อทำให้นายเศรษฐาขาดคุณสมบัติ ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 160(4) เรื่องจริยธรรม ถามว่านายชูวิทย์รับงานใครมา หวังผลทางการเมืองเพื่อให้ใครกลับมาเป็นนายกฯ อีกหรือไม่ นี่เป็นคำถามให้นายชูวิทย์ต้องตอบ

นายชูวิทย์กล่าวหานายเศรษฐาว่ามีพฤติกรรมอำพราง แต่ตนเห็นว่าคนที่มีพฤติกรรมอำพรางน่าจะเป็นนายชูวิทย์มากกว่า เพราะเวลานี้มีประเด็นที่ กทม. ร่วมกับอัยการต้องมานั่งประชุมกันในสิ่งที่นายชูวิทย์อำพรางไว้กรณีที่จะต้องติดคุก 5 ปี แลกกับการยกที่ดินเป็นสวนสาธารณะ แต่นายชูวิทย์กลับสู้กับ กทม.และอัยการว่าเป็นที่ของบริษัท ตัวเองจะไปยกให้สาธารณะได้อย่างไร และยังเสียภาษีอยู่ตลอด แถมกำหนดเวลาเปิด-ปิดสวนจน กทม.เข้าไปดำเนินการอะไรไม่ได้เลย

ขอถามว่าใครมีพฤติกรรมอำพรางกันแน่ สังคมสงสัยว่านายชูวิทย์ ลักษณะน่าจะเป็นโมฆบุรุษใช่หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าว นายพร้อมพงศ์ได้เรียกพนักงานจัดส่งเอกสาร ส่งภาพวันที่นายชูวิทย์ เข้าเจรจาขายที่ดินต่อ บ.แสนสิริ ซึ่งขณะนั้นมีนายเศรษฐา เป็นประธาน เป็นภาพที่ทั้ง 2 จับมือกันอย่างชื่นมื่น ไปให้นายชูวิทย์ถึงที่รร.เดวิสเพื่อทวนความจำของนายชูวิทย์ด้วย

เผยไต๋!! หงายไพ่ 'มีเรา-ไม่เอาลุง' แต่เอางูเห่า ฟาก สว.ปักธง!! คงค้านแคนดิเดต 'เศรษฐา'

"...การแก้ที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ ต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน เพื่อร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำ เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็นวาระประเทศ ที่สำคัญอย่างสูงสุด..."

ครับ...นั่นเป็นหนึ่งในย่อหน้าสำคัญของการแถลงข่าวการจัดรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเมื่อบ่ายวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีพรรคประชาชาติและอีก 5 พรรคเล็ก (พรรคชาติพัฒนากล้า, พรรคเพื่อไทรวมพลัง, พรรคพลังสังคมใหม่, พรรคเสรีรวมไทย และ พรรคท้องที่ไทย) มารวมแถลงข่าวด้วย...และวันที่ 10 ส.ค.ก็จะเป็นคิวของพรรคชาติไทยพัฒนา มาร่วมแถลง

หมอชลน่าน ศรีแก้ว และภูมิธรรม เวชยชัย สองแม่ทัพใหญ่ของเพื่อไทยยืนยันว่า ขณะนี้เมื่อรวมเสียงพรรคและกลุ่มต่าง ๆ ที่จะสลายขั้วมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเกิน 250 เสียงแล้ว...โดยแคนดิเดตนายกรัฐมนตรียังจะเป็น 'เศรษฐา ทวีสิน' เหมือนเดิม

'เล็ก เลียบด่วน' ดูภาษากายของ 'หมอชลน่าน' และ 'อ้วน ภูมิธรรม' แล้ว รอบนี้ดูจะมีความมั่นอกมั่นใจในการชูคำขวัญกับการเดินหน้าว่า...นี่คือการสลายขั้ว ในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษท่ามกลาง 3 วิกฤต...คือวิกฤตเศรษฐกิจ, วิกฤตรัฐธรรมนูญ และวิกฤตความขัดแย้งแบ่งสี แบ่งขั้ว...

จริง ๆ แล้ว แค่เพื่อไทยไปทาบทามเจรจาพรรครวมไทยสร้างชาติที่ 'ลุงตู่' วางมือไปแล้วสักพรรค แล้วซุ่มเจรจากับมุ้งใหญ่ในประชาธิปัตย์ หรือพลังประชารัฐ คณิตศาสตร์การเมืองก็จบ แถมได้เสียง สว.สายลุงตู่หนุนพรึ่บ...จบข่าว!!

แต่กลับไม่ทำ...ทำไม?

'เล็ก เลียบด่วน' ตรวจสอบข่าวข้างเคียงแล้วพบว่า งานนี้ สส.พรรคเพื่อไทยจำนวนมากยังติดใจคำว่า 'พรรคลุง' อ้างว่าชาวบ้านในพื้นที่ไม่เห็นด้วย รอบหน้าหาเสียงลำบาก

แต่ในความจริง 'สมการ' การเมือง หากเพื่อไทยไม่ได้เอาเสียงจากพรรคลุงมาร่วม การจัดตั้งรัฐบาลก็เดินหน้าไม่ได้ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงเดินหน้าดีลลับ...ดึงซุ้มใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐและรวมไทยสร้างชาติไปร่วมรัฐบาลเพื่อไทย...

อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าปฏิบัติดีลลับดึงงูเห่าจากสองพรรคหรือสามพรรครวมทั้งประชาธิปัตย์ด้วยนั้น สุ่มเสี่ยงเป็นยิ่งนัก...

ประการแรก - แน่ใจไหมว่าพรรคภูมิใจไทยจะเออออห่อหมกหรือไม่กับสูตรดึงงูเห่า

ประการที่สอง - ปัญหากรณีงูเห่าก็ไม่แน่ใจว่า สว.จะเห็นด้วยหรือไม่...รวมทั้งกรณีที่เพื่อไทยน้อมใจน้อมกายไปขอคะแนนจากพรรคก้าวไกล ทำให้เกิดความระแวงว่าในอนาคตสองพรรคนี้จะหันมาจูบปากคืนดี ก่อกรรมทำเข็ญให้กับบ้านเมืองหรือไม่...ขณะที่มีกระแสข่าวอื้ออึงว่ามีการใช้ยุทธปัจจัยกันหลายกิโลขีดเพื่อขอความเห็นใจจาก สว.

ประการที่สาม - แม้ฝั่ง สว.จะเบาใจเรื่องไม่แตะต้องสถาบัน ไม่แตะต้องมาตรา 112 แล้วก็ตาม...แต่กรณีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ยังชื่อ เศรษฐา ทวีสิน นั้น สว.จำนวนไม่น้อยยังติดใจในปัญหาจริยธรรม-ธรรมาภิบาล เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) นั้นบัญญัติชัดเจนว่าต้องมีคุณสมบัติ… ‘มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์’...สว.บางส่วนยังติดใจเรื่องการเสียภาษีและสะพานข้ามคลองอันอื้อฉาวของบริษัทแสนสิริ...และรอขออภิปรายซักถาม..!!

คาดหมายกันว่าคะแนนของ เศรษฐา ทวีสิน จะสูงกว่า 324 คะแนนของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.อยู่หลายขุม แต่ซาวเสียง สว. ณ วันนี้ดูแล้ว ส่วนใหญ่บอกว่ายังไม่ผ่าน 375 เสียง และนั่นเองที่เป็นเหตุให้พรรคเพื่อไทยอยากได้เสียงจากก้าวไกลซักจำนวนหนึ่ง...แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าเป็นจริงแค่ได้ยินชื่อ สส.พรรคก้าวไกล ชื่ออักษร ก.ไก่ 4 คนใน 10 ชื่อแรกสมาชิกรัฐสภา...ก็คงทำให้ สว.ชักมือกลับกันหลายคน...

ก็ติดตามกันต่อไปครับ...อีกหลายวัน วันที่ 16 ส.ค. ต้องลุ้นศาลรัฐธรรมนูญกันก่อนว่าศาลจะรับไม่รับเรื่องจากผู้ตรวจไว้พิจารณาหรือไม่...

มีเวลาเหลือเฟือที่จะลากลู่ถูกังกันไปเพื่อสลายขั้ว...ลากกันไปจนขั้วสลาย...ดีไม่ดีสูตรพรรคอันดับ 2 อาจสลาย ไปสู่พรรคอันดับ 3...

อย่ามองข้ามความปลอดภัย!!

‘เศรษฐา’ โต้ ‘ชูวิทย์’ บิดเบือนปมซื้อที่ดิน เล็งฟ้องถึงที่สุด ย้ำ!! ‘แสนสิริ’ ยึดมั่นในธรรมาภิบาลจนนำพาบริษัทเติบโต

‘เศรษฐา’ โพสต์เฟซบุ๊กโต้ ‘ชูวิทย์’ ยันซื้อที่ดินตามราคาตลาดปกติ ยกผลงาน ‘แสนสิริ’ เติบโตมีทรัพย์สิน 130,000 ล้าน กำไรปีที่ผ่านมา 4,000 ล้าน การันตีบริหารมีธรรมาภิบาล ยืนยันพร้อมให้ตรวจสอบ แต่การบิดเบือนปลุกปั่นโดยมีเป้าหมายบางประการ ต้องถูกดำเนินการทางกฎหมายจนถึงที่สุด

(16 ส.ค. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ‘เศรษฐา ทวีสิน - Srettha Thavisin’ ว่า…

“ตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาแถลงข่าวเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดินแปลง สุขุมวิท 55 ที่ปัจจุบันคือโครงการ คุณ บาย ยู (KHUN by YOO) และทางบริษัทแสนสิริได้ออกแถลงการณ์ข้อเท็จจริงแล้วนั้น

ผม นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตเคยบริหารแสนสิริมากว่า 30 ปี บริษัทฯ ผ่านวิกฤตมาหลายครั้ง โดยที่ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งจนเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์แนวหน้าของประเทศ เติบโตมาจนมีทรัพย์สินรวมเกือบ 130,000 ล้านบาท และมีกำไรมากกว่า 4,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับ เชื่อถือ จากทั้งลูกค้า ผู้ถือหุ้น และสังคมทั่วไป น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้ระดับหนึ่งว่าบริษัทแสนสิริได้ถูกบริหารอย่างมีธรรมาภิบาล”

“การตรวจสอบจากทุกฝ่ายนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ และพร้อมให้ตรวจสอบ แต่การตรวจสอบจะต้องสร้างสรรค์ และทำด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ มีข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง และไม่บิดเบือน หรือนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จ ในขณะที่ผมเป็นผู้บริหารบริษัทฯ ที่ดินแปลงสารสินซื้อมาตามราคาตลาดที่เหมาะสม ส่วนที่ดินแปลงทองหล่อซื้อมาในราคา ตารางวาละ 1,100,000 บาท ซึ่งเป็นราคาตลาดตามปกติในขณะนั้น

การกระทำใดๆ ที่บิดเบือน ไม่เป็นความจริง ฝ่ายกฎหมายจะรวบรวมข้อมูลเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน การที่ฝ่ายกฎหมายของบ้านเมืองเข้ามาตรวจสอบ เป็นเรื่องที่ถูกต้องและพึงกระทำ แต่การที่บุคคลหนึ่งปลุกปั่น ตั้งสมมติฐานขึ้นมาเอง โดยมีเป้าหมายบางประการ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง” นายเศรษฐาระบุ

ดับฝัน ‘พิธา’ ฮึดสู้ ระทึก…มีลุง มีเรา…เดินหน้า ‘เศรษฐา’ อาการหนัก…‘ชัยเกษม’ มีลุ้น

กำลังจะปั่นต้นฉบับ ก็ได้รับทราบว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำให้สถานการณ์ไทม์ไลน์การเลือกนายกรัฐมนตรีชัดเจนขึ้น ศาลรัฐธรรมนูญชี้เปรี้ยงมาแล้วว่าไม่รับเรื่องที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นไว้ กรณีข้อบังคับการประชุมรัฐสภากับการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์… เมื่อศาลไม่รับพิจารณาทุกอย่างก็ตกไป ผลพวงสำคัญก็คือ โอกาสการเสนอชื่อนายพิธาได้ถูกปิดฉากลงในชั้นนี้ แต่คำถามสำคัญคือถ้าพิธาจะไปยื่นเองเพราะมีส่วนได้เสีย จะเกิดอะไรขึ้น…

วางเรื่องนี้ไว้ก่อน…

คุณหมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแถลงเมื่อวันที่ 15 ส.ค.ว่าน่าจะได้โหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 18 หรือ 21 ส.ค. และพรรคเพื่อไทยยืนยันเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน ขณะที่ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคมั่นใจว่า… ม้วนเดียวจบ

ม้วนเดียวจบหรือม้วนเดียวจอดก็ไม่รู้… รู้แต่ว่าแต่สายข่าวของ ‘เล็ก เลียบด่วน’ 5 สายลงมติ 3 ต่อ 2 สายว่า… เศรษฐาจะสอบไม่ผ่านคะแนน 375 เสียง… เหตุผลก็เรื่องเดิมๆ ที่รู้ๆ กันคือ กรณีการซื้อขายที่ดิน กรณีการเสียภาษีของบริษัทแสนสิริ ที่คุณเศรษฐาเคยบริหารนั่นแหละ… อ๋อ เรื่องสะพานข้ามคลอง ตั้งด่านเก็บค่าตั๋วอะไรนั่นด้วย… รวมทั้งกรณีแนวคิดการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่เคยพูดเอาไว้ด้วย… 

จะว่าไปแม้จะกระบวนท่าลีลาเยอะจนถูกเหน็บแนมว่าเป็น ‘เพื่อไทยการแสดง’ ก็ตาม แต่มองอีกมุมก็น่าเห็นใจพรรคเพื่อไทยอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน เพราะอ้าปากพูดอะไร ขยับตัวอธิบายเรื่องอะไรก็ถูกกองทัพด้อมส้มของจริง และด้อมส้มใส่เสื้อแดงดักคอดักทางถล่มซ้ายถล่มขวาแทบโงหัวไม่ขึ้น…

ขนาด ‘สหายใหญ่’ ภูมิธรรม เวชยชัย แม่ทัพใหญ่ที่มีทั้งสายบุ๋นสายบู๊อยู่ในตัวก็งัดวิชาออกมารับมือแทบไม่ทัน… นอกจากสารภาพว่าการจัดตั้งรัฐบาลสูตรสลายขั้วหนนี้ พรรคเพื่อไทยยอมเสียต้นทุนทางการเมืองมากมายมหาศาล เพื่ออนาคตที่ดีของบ้านเมืองจะเกิดสมัครสมานสามัคคีเลิกแบ่งสีแบ่งฝ่าย…

อยากจะเรียน ‘บิ๊กอ้วน ภูมิธรรม’ ว่าเดินหน้าทำไปเถอะ ขอให้มีศรัทธาที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสมานฉันท์จริงๆ อย่ามีวาระซ่อนเร้นทำให้เป็นรูปธรรม  อย่าเอาเรื่องนายห้างดูไบมาเกี่ยวข้อง รับรองคนเชียร์อื้อ!!

วันนี้… รู้สึก ‘เล็ก เลียบด่วน’ ออกความเห็นมากไปนิด… กลับมาที่ทิศทางข่าวจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งก็ยังสรุปว่า โอกาสของเสี่ยนิด เศรษฐา มีน้อย… โอกาสที่จะตกเป็นของชัยเกษม นิติสิริ มีสูงหากสุขภาพสู้ไหว หาไม่แล้วเกมมันจะไหลไปที่พรรคอันดับ 3 เสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีระกูล นาทีนี้พร้อมแล้วที่จะรับส้มหล่น…

อย่างไรก็ตาม… เชื่อกันว่าระดับเพื่อไทยคงไม่ปล่อยให้โอกาสทองผ่านเลยไปอย่างแน่นอน… หน้าฉากก็ทำวับๆ แวมๆ โหวตก่อนแบ่ง หรือแบ่งก่อนโหวต แต่นาทีนี้ก็คงส่งสัญญาณทางลึกกันแล้วว่าพรรคไหนได้กี่เก้าอี้ กระทรวงไหนที่เพื่อไทยขอสงวนสิทธิ์ ส่วนหลักการที่ปล่อยออกมาว่าไม่ให้พรรคการเมืองในรัฐบาลชุดนี้อยู่ที่กระทรวงเดิมนั้น ล่าสุดทราบว่าไม่ติดยึดแแล้ว… ทำให้พรรคภูมิใจไทยที่ยังตั้งมั่นที่จะคุมกระทรวงสาธารณสุข การท่องเที่ยวและการกีฬา คลายเครียดขึ้นมาบ้าง… ส่วนกระทรวงคมนาคมนั้นดูเหมือนจะทำใจแล้วว่า พรรคเพื่อไทยไม่ยอมปล่อยแน่…

อ๋อ สำหรับกระทรวงพลังงานที่โผเดิมจะยกให้พรรครวมไทยสร้างชาติกำกับดูแลนั้น… ล่าสุดทราบว่าพรรคเพื่อไทยโยกมาเป็นของตัวเอง แต่คนแดนไกลไม่ขัดข้องที่จะให้เจ้าสัวพลังงาน… ส่งคนมานั่งว่าการ… 

มีลุง… มีเรา… มีเจ้าสัว… มีเจ้ามือ…

ทราบแล้วเปลี่ยน!!

‘อุ๊งอิ๊ง’ มั่นใจ โหวต ‘เศรษฐา’ ชิงเก้าอี้นายกฯ 22 ส.ค.นี้ ผ่านฉลุย ลั่น!! หาก พท. จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาให้ ปชช. เต็มที่

(20 ส.ค. 66) ที่ ม.กรุงเทพธนบุรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตนายกฯ คนที่ 30 ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ว่า พรรคเพื่อไทย พยายามเต็มที่ ซึ่งมีมติเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทยยืนยันว่าเรามั่นใจและอยากตั้งรัฐบาลให้ได้เร็วที่สุด เพื่อที่จะให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใช้นโยบายพรรคแก้ปัญหาให้กับประชาชน

เมื่อถามว่าหากนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยโหวตไม่ผ่าน ก็จะมาถึงคิวของ น.ส.แพทองธาร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า อยากให้โฟกัสที่นายเศรษฐาก่อน อย่าเพิ่งโฟกัสที่ตนเอง เพราะหากเราโฟกัสหลายจุด มันก็จะไม่มั่นคง ดังนั้นเราทำเต็มที่เสนอชื่อนายเศรษฐา และหวังว่าจะสำเร็จ และตั้งรัฐบาลให้กับประชาชนได้

เมื่อถามย้ำว่ามั่นใจหรือไม่ว่าการโหวตนายกฯ จะม้วนเดียวจบภายในวันที่ 22 ส.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ก็หวังเป็นอย่างยิ่งค่ะ”

เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในการหาเสียงก่อนหน้านี้ ทั้งของนายเศรษฐา น.ส.แพทองธาร  และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่าจะไม่จับมือกับพรรค 2 ลุง แต่วันนี้กลายเป็นกระแสโจมตีพรรคเพื่อไทยหนักมาก น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอพูดตรงๆ เลยว่าอย่างวันนั้นที่เขาบอกว่าเราไม่ชัดเจน เราหาเสียงและพยายามทำโพลทุกอย่าง เพื่อเราอยากได้แลนด์สไลด์ แต่เราทำแลนด์สไลด์ไม่สำเร็จ ดังนั้นที่ยังไม่ชัดเจนเพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 มีเรื่องของสว.อยู่ ซึ่งเราเคยผ่านมาก่อนคือชนะการเลือกตั้ง แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นเราทราบดีว่าการไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลมันสามารถเกิดขึ้นได้ ฉะนั้นบางคนอาจจะมีความชัดเจนหรือไม่ชัดเจนในบางที แต่เรามีความตั้งใจ แล้ววันนี้เมื่อไม่เป็นอย่างที่เราคิด มันไม่เป็นไปตามที่เราแพลนไว้ เราจึงต้องมีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้ประเทศชาติไปต่อ แน่นอนว่าพรรคเพื่อไทยมีต้นทุนที่จะต้องจ่าย นั่นคือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน เราขอน้อมรับและก็ต้องขอโทษที่ทำให้หลายคนรู้สึกผิดหวังหรือเสียใจ แต่หากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว เราทำเต็มที่เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนที่มีอยู่มากมาย และเราก็จะก้าวข้ามผ่านสนามอารมณ์นี้ไปให้ได้ด้วยความเข้มแข็ง ด้วยการเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง

เมื่อถามว่าปฎิเสธไม่ได้ว่ามีข้อกังขากับตัวของนายเศรษฐา ได้มีแผนสำรองอะไรหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราเช็กตามข้อกฎหมายทุกอย่าง ถ้าเราจะดูตามเสียงของคนที่พูดว่าผิดอย่างนั้นอย่างนี้ โดยหลักฐานมันไม่มี ซึ่งหลักฐานที่นายเศรษฐาเอามาเปิดเผยก็ชัดเจน ดังนั้นจะต้องมีหลักฐาน ซึ่ง บ.แสนสิริ ก็เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ถ้าสามารถตรวจสอบได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทั้งนี้ตนอยากให้ฟังข้อมูลเป็นตัวสำคัญในการตัดสินใจ

เมื่อถามอีกว่าน.ส.แพทองธารสนใจตำแหน่งรัฐมนตรีหรือทำงานในพรรคมากกว่า น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตอนนี้เน้นทำงานพรรค เห็นสื่อต่างๆ มอบตำแหน่งให้ตนหลายตำแหน่ง ทั้งตำแหน่งรองนายกฯ และตำแหน่งรัฐมนตรี รู้สึกดีใจมากก็ต้องขอขอบคุณ 

'เศรษฐา' เปิดใจ วันนี้ต้องลืมวาทกรรม 'มีลุงไม่มีเรา' พาประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ เชื่อทุกคนจะเข้าใจ

(21 ส.ค. 66) ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้กล่าวในที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ว่า ตนมีความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มายืนตรงนี้เวลานี้ในตลอดระยะเวลาที่ตนได้ก้าวเข้ามาสู่เวทีการเมืองเข้ามาสู่ในบ้านหลังนี้ ภายใต้การเชื้อเชิญของคุณแพรทองธารได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากสมาชิกทุกท่านในพรรคเดินเข้ามาคนเดียวไม่ได้มีคนเข้ามาจะได้รับความช่วยเหลือได้รับการประคับประคองอย่างดีจากพี่น้องเพื่อไทยทุกคน ขอใช้โอกาสนี้กราบขอบพระคุณ ทุกท่านในที่นี้ด้วยจริงๆ

นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา มีความประหม่า มีความไม่แน่ใจมีความกังวลอยู่ มากหลายมีคนมาช่วยติวให้ มีคนมาช่วยให้คำแนะนำหลายหน หนึ่งในนั้นที่ผมมีความซึ่งใจและประทับใจคือนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ก็มีส่วนช่วยในการที่ให้ตนขึ้นอภิปรายหาเสียง ได้ช่วยแนะนำในการพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในทุกๆ พื้นที่ที่ได้ลงไป วันนี้ผลการเลือกตั้งออกมาชัดเจน พรรคเพื่อไทยได้ 141 เสียง ชัดเจนไม่เป็นที่ตามที่เราคาดหวัง สิ่งที่เราพูดไประหว่างการเลือกตั้งชัดเจนครับ คำพูดเป็นนาย อยู่บนบรรทัดฐานของการที่เราต้องได้แลนสไลด์ น.ส.แพรทองธารได้พูดไปเมื่อวานนี้หลายเรื่อง เกี่ยวกับเรื่องที่เราต้องกลืนเลือด เรื่องที่เราต้องพาพรรคเพื่อไทยเดินไปข้างหน้าที่เราต้องช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

"มันไม่เป็นการโกหกพี่น้องประชาชนแต่ ผมเรียนตรงตรงว่าเป็นการที่เราต้องยอมรับความจริง 9 ปีที่ผ่านมา พี่น้องเพื่อไทยไม่ได้เป็นรัฐบาล ที่เราเป็นฝ่ายค้าน ที่เราไม่ได้ถืออำนาจรัฐในมือเป็นที่ประจักษ์ดีว่าพี่น้องประชาชนมีมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ได้ตกต่ำลงไป วันนี้เรามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องลืมวาทกรรมทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 2 ลุง เรื่องมีลุงไม่มีเราหรืออะไรก็ตามที วันนี้คณิตศาสตร์พื้นฐานเป็นตัวบ่งบอก ชัดเจนครับว่าเราต้องมีองค์ประกอบอะไรบ้างช่วง จะเข้าถึง 100 วันพรุ่งนี้ ตัวผมเองได้มีโอกาสพบปะกับพี่น้องสมาชิกผู้แทนราษฎร เพื่อไทยหลายท่าน ได้รับทราบถึงปัญหา ได้รับทราบถึงความต้องการ ได้รับทราบถึงความไม่ต้องการ แต่ว่าได้มีการชี้นำ ได้มีการอธิบาย ด้วยใจจิงไม่มีการเสแสร้งถึงเรื่องที่เกิดขึ้นถึงเรื่องที่มีความจำเป็นในพรรค ที่เราต้องจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยโดยเร็วที่สุด เรื่องการใช้วาทกรรมการใช้สังคมโซเชียลในการด้อยค่าพรรคเพื่อไทย ในส่วนตัวผมเองก็เจ็บพอๆ กับพวกท่านทุกคน แต่เราอยู่ในสังคมของความเป็นจริง ยังมีคนอีกเยอะ เกษตรกรอีกนับ 10 ล้านคน ซึ่งคอยการจัดตั้งรัฐบาลคอยนโยบายดีดีของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ของเกษตรกรสามเท่าภายใน 4 ปี ไม่ว่าจะเป็นอีกหลายหลายเรื่องสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเราไม่มีรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย" นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า วันนี้ต้องขอความกรุณาว่าเราต้องอยู่บนความเป็นจริง ต้องรบกวนพี่น้องสมาชิก สภาผู้แทนราษฎรทุกคนต้องกราบขอร้องว่าเวลาลงพื้นที่อยากจะใช้เวลาในการอธิบายให้หัวหน้ากลุ่มชน ให้พี่น้องประชาชน คนไทยทุกคนที่ท่านเป็นตัวแทนอยู่ อธิบายถึงความจริงใจที่พวกเราทุกคนนั่งอยู่ในห้องนี้ ยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน หล่อหลอมจิตใจให้ประเทศนี้เดินไปข้างหน้าให้ได้ เรื่องนี้ผมถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

นายเศรษฐา กล่าวว่า พรุ่งนี้ (22 ส.ค.) ที่รัฐสภาอันทรงเกียรติจะมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายจากสมาชิกในที่นี้ทุกท่านให้ชิงนายกฯ ตนจะพยายามเต็มที่ให้สุดความสามารถ ที่จะนำรัฐบาลของประชาชนภายใต้การนำของพรรเพื่อไทย แก้ไขทุกปัญหาด้วยความตั้งใจจริง ไม่ลืมความเหน็ดเหนื่อย ไม่ลืมพรรคพวกเพื่อนฝูงเราหลายๆ คนที่จำใจต้องเดินออกจากพรรคไป ด้วยอุดมการณ์อันแรงกล้า ด้วยความปรารถนาดีกับพรรคเพื่อไทย ไม่มีการทรยศต่อมิตรภาพที่เรามีอยู่ และไม่มีการขว้างหินกลับมาใส่บ้านที่เขาเคยอยู่ เชื่อว่าทุกคนเข้าใจในความจำเป็นที่พวกเขามีจุดยืน แต่ตนก็เชื่อว่าทุกคนเข้าใจถึงความจำเป็นของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องเดินไปในทางนี้ ต่อไปนี้เป็นหน้าที่ของพวกเราทุกคน เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่หวังว่าจะได้รับความเห็นชอบจากสส.จะนำพาประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้อย่างภาคภูมิใจ 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top