Friday, 10 May 2024
เศรษฐาทวีสิน

‘ลิณธิภรณ์’ ฟาดใส่ ‘พิธา’ เดินสายไร้เป้าหมาย แนะควรรู้จักหน้าที่ ชี้ ‘เศรษฐา’ ขึ้นเชียงใหม่ 3 ครั้ง เดินหน้าแก้ฝุ่น ตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้

(16 มี.ค.67) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีกำหนดร่วมภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ 16 - 17 มี.ค.ในระยะเวลาเดียวกันกับที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตรวจราชการในพื้นที่ จ.เชียงใหม่และลำพูน ระหว่างวันที่ 15 - 17 มี.ค.ว่า นายเศรษฐาประกาศนโยบายการจัดการปัญหาฝุ่น ตั้งแต่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย จนถึงการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายเศรษฐายังตอบสนองตามพันธสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง นอกจากมีข้อสั่งการของนายกฯ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.66 และมีมติคณะรัฐมนตรีในการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาด พ.ศ. … ต่อรัฐสภาแล้ว นายเศรษฐายังลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ฝุ่นด้วยตนเอง โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ที่นายกฯ เดินทางไปแล้วถึง 3 ครั้ง 

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า ครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 พ.ย.66 นายกฯ มอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองปี 67 ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญกับอากาศสะอาด ย้ำทุกฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ผ่านไป 2 เดือน นายกฯ เยือน จ.เชียงใหม่ ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 11 ม.ค.67 เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า โดยเน้นย้ำทุกหน่วยงานบูรณาการความร่วมมือตาม 6 แนวทางการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหา และครั้งล่าสุดตามกำหนดการครั้งนี้ เพื่อเฝ้าสอบถามและติดตามความคืบหน้าต่อไปตามบทบาทหน้าที่ของฝ่ายบริหาร

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ผ่านมาเกือบ 7 เดือนแล้วนับแต่การจัดตั้งรัฐบาล พรรคก.ก.โดยเฉพาะผู้บริหารพรรค ควรเข้าใจบทบาทของฝ่ายค้านตามระบอบประชาธิปไตยได้แล้ว ว่าฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารหรือเสนอแนะรัฐบาล หากทำงานผิดพลาดหรือใช้งบประมาณโดยไม่ถูกต้อง แต่หากนายพิธาและพรรคก.ก.เคลื่อนไหวในลักษณะนอกบทบาทหน้าที่ที่ไม่อาจเกิดการพัฒนาได้ ก็จะสร้างคำถามและความสับสนขึ้นได้ ว่าการเดินสายลักษณะนี้ใครจะได้ประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะประเทศชาติกำลังเดินหน้าไปสู่การแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

“อยากให้นายพิธามูฟออนกลับมาสู่ความเป็นจริง ที่สำคัญคือเข้าใจบทบาทหน้าที่ของฝ่ายค้านที่เป็นอยู่ ไม่ใช่คิดแต่จะเดินสายโดยไร้เป้าหมายที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืนอย่างที่รัฐบาลนายกฯ เศรษฐา จริงจังกับการเดินหน้าติดตามแก้ไขปัญหาฝุ่นควันต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างแท้จริง” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว

‘เศรษฐา’ เผย คุยตัวแทนผู้บริหาร ‘ฟอร์มูล่าอี’ ได้จัดงานแน่ ไม่เกิน 15 ก.พ.68 เพื่อกระตุ้น การท่องเที่ยว ส่งเสริมภาพลักษณ์ การเป็นฮับ รถอีวี ของไทย  

(17 มี.ค.67) ที่โรงแรมอนันตรา เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังที่ได้พบพูดคุยกับ ตัวแทนผู้บริหารฟอร์มูล่าอี ว่า มีข่าวดี หลังได้พูดคุยและได้ก็มีการกำหนดขั้นตอนต่อไปอย่างชัดเจน ดูสถานที่ สถานที่ ว่าจุดไหนมีความเหมาะสม ซึ่งตอนนี้สถานที่ที่มีความเป็นไปได้สูง คือ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี หรือไม่ก็ที่ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ โดยทางฟอร์มูลล่าจะไปดูเรื่องทางเทคนิคว่าสถานที่ไหนจะเหมาะสมที่สุด

ส่วนเรื่องของเม็ดเงินที่จะตามมา นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้ดู คงต้องไปดูรายละเอียดทั้งหมดและหากจะมีการจัดงานก็คงประมาณต้นปี 2568 แต่คงไม่หลังวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวและยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย เรื่องของฟอร์มูลล่าอี ส่งเสริมเรื่องการท่องเที่ยว ตนเชื่อว่าเรื่องของความเวลาและเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นมิตรกับธรรมชาติและเข้ากับธีมที่ว่ารัฐบาลสนับสนุนให้มีการลงทุนให้ประเทศไทยเป็นฮับของการผลิตรถอีวี และเป็นการส่งเสียงที่ชัดเจน กลับชาวโลกว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก คาดว่าอีกไม่เกิน 60 วัน น่าจะสรุปได้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง และเป็นขั้นตอนเรื่องการต่อรองสัญญากัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองถึงผล ที่จะตามมาหลังการจัดการแข่งขันอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มองถึงผลที่จะตามมาชัดเจนคือเรื่องของการท่องเที่ยวเพราะจะได้เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามของจังหวัดเชียงใหม่จะได้เห็นเรื่องวัฒนธรรมในจังหวัดเชียงใหม่และในอดีตคนที่มาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่มาดูเรื่องวัฒนธรรม ศิลปะทั่วไป แต่เรายังไม่สามารถดึงนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มนึงมาได้ดังนั้นนี่จึงเป็นการเปิดช่องทางใหม่และหวังว่าเมื่อเขามาดูเรื่องการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน และเขาก็จะมาดูเรื่องวัฒนธรรมของเราต่อไปได้

เมื่อถามถึงเรื่องการขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าได้ขยายระยะเวลาเรียบร้อยแล้ว ส่วนจะขยายไปทั่วประเทศหรือไม่นั้น ต้องดูเรื่องของโซนนิ่ง เรื่องความเหมาะสม และดูความต้องการของแต่ละพื้นที่ด้วย

เชียงใหม่-นายกฯ ใส่เสื้อลายผ้าขาวม้า เดินเซ็นทรัลเชียงใหม่ ชมงาน 'ฮักไทย เสน่ห์วิถีไทยสไตล์ใหม่ฯ' วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า

เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.67) คุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปฎิบัติภารกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เข้าเยี่ยมศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส) โดยมี คุณบุษบา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายสื่อสารองค์กร กลุ่มเซ็นทรัล , คุณอัจฉรา วิสุทธิวงศ์รัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาดและสื่อองค์กร กลุ่มเซ็นทรัล, คุณพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส) และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ

โดยได้เยี่ยมชม โครงการ 'ฮักไทย เสน่ห์วิถีไทยสไตล์ใหม่ Thainess Station สินค้าไทย ร่วมใจเพื่อชุมชน' จากกลุ่มเซ็นทรัล และบริษัทในเครือ นำร่องจำหน่ายผ้าขาวม้าจากชุมชน ต่อยอด และยกระดับสินค้าภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ด้วยการรับซื้อสินค้าไทยจากชุมชน นำมาจัดแสดงและจำหน่าย อาทิ ผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า เครื่องจักสานจากกระจูด และผ้าคราม โดยเบื้องต้นได้มีการรับซื้อผ้าขาวม้าจาก 6 ชุมชนทั่วประเทศ ผลักดันและยกระดับสินค้าท้องถิ่นไทยสู่ตลาดโลก 

พบปะชมผลงานน้องนักศึกษา #𝗣𝗿𝗼𝗷𝗲𝗰𝘁𝗶𝗻𝗧𝗵𝗮𝗶𝗔𝗿𝘁𝗖𝗠𝗨𝟮𝟬𝟮𝟰 ศิวิ-𝗟𝗜𝗚𝗛𝗧 งานการแสดงผลงานศิลปนิพนธ์ ของ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 แขนงการจัดการศิลปะและวัฒนธรรม สาขาศิลปะไทย คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมยังแวะช้อปโซน Lanna Souvenir อีกด้วย

ลำปาง-นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนและตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการบริเวณริมแม่น้ำวัง (สะพานดำ)

วันที่ 19 มีนาคม 2567 เวลา 14.00 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะ  ลงพื้นที่จังหวัดลำปางเพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการบริเวณริมแม่น้ำวัง (สะพานดำ)โดยมีนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง(นายสมศักดิ์ เทพสุทิน) นายธนาธร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง เขต 2​ นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยนายชนาธิป เสมแย้ม นายพัชระ สิมะเสถียร รองผู้ว่าฯลำปาง พล.ต.พรชัย นพรัตน์ ผบ.มทบ.32 น.ส.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายก อบจ.ลำปาง นายธนารัฐ สายเทพ นอภ.เมืองลำปาง หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชาวลำปางร่วมให้การต้อนรับกว่า 1,000 คน โดยนายกรัฐมนตรี ได้เดินทักทายประชาชนอย่างเป็นกันเอง  

นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังบรรยายสรุปทิศทางการพัฒนาจังหวัดลำปาง จากนายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง รับฟังข้อเสนอเรื่องการพัฒนาจังหวัดลำปาง ซึ่งเกินศักยภาพของจังหวัด โดยรับฟังสภาพปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ จากนั้นนายกิตติกร โล่ห์สุนทร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง , นางสาวตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายก อบจ.ลำปาง รายงานข้อมูลโครงการ 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมอาคารป้องกันตลิ่งพัง เลียบแม่น้ำวัง เชื่อมระหว่างตำบลปงแสนทอง - ตำบลสบตุ๋ย อำเภอเมืองลำปาง 2.โครงการปรับปรุงถนนสายทางดอนไชย-กิ่วฝิ่น ทางหลวงท้องถิ่น สายทาง ลป.ถ.1-0040 บ้านดอนไชย-ป่าเหมี้ยง อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง เขตติดก่อบ้านแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่ และรับฟังรายงานข้อมูลโครงการปรับปรุงและขยายความยาวทางวิ่งท่าอากาศยานลำปาง โดย นายพิษณุ พิจิตร รักษาราชการแทนผู้อำนวยการท่าอากาศยานลำปาง ภายหลังรับฟังบรรยายสรุปข้อมูล นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการบริเวณริมแม่น้ำวัง

นายเศรษฐา กล่าวว่า การเดินทางมาตรวจราชการและเยี่ยมชาวลำปางในวันนี้ จะได้รับทราบโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก พร้อมอาคารป้องกันตลิ่งพัง เลียบแม่น้ำวัง เพื่อปรับภูมิทัศน์ตามความเหมาะสม หลังจากรับฟังแล้วขออนุญาตสั่งการลงไป โครงการฯที่เสนอมาในครั้งนี้ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องการ ข้อคิดเห็นของพี่น้องประชาชน ได้พิจารณาสั่งการลงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงถึงผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหาเป็นหลักและใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ขยะมูลฝอย ให้ลำปางเป็นเมืองน่าอยู่ และพร้อมยกระดับจากเมืองรองเป็นเมืองหลักเพราะเรามีครบหมดแล้วขนบธรรมเนียม ประเพณีอาหารอร่อย ขอฝากพี่น้องชาวลำปางทุกคนด้วย

‘เศรษฐา’ ลั่นกลางวง!! ตำรวจมีปัญหานายกฯ ต้องเป็นที่พึ่ง ย้ำ!! จากนี้ ‘ห้ามให้ข่าว-หยุดดรามา’ ต้องสามัคคีไม่แบ่งฝ่าย

(21 มี.ค.67) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายตั้งแต่ระดับผู้บัญชาการขึ้นไป โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รอต้อนรับ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาก่อนเวลา 15 นาที จากนั้นได้มีการพูดคุยกันวงเล็กกับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่า วันนี้ นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มือกฎหมาย เข้าร่วมประชุมด้วย

ต่อมานายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานมอบนโยบาย ทั้งนี้ ในช่วงของการมอบนโยบาย นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าฟังด้วยตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกที่สื่อมวลชนได้เข้ารับฟัง

โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผมเชื่อว่าทุกท่านเข้าใจดีที่เรามาประชุมวันนี้เพราะอะไร ชัดเจน ว่าตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ขอพูดสั้นๆ ง่ายๆ และเชื่อว่าทุกคนเข้าใจ หากองค์กรตำรวจมีปัญหา นายกฯ ต้องเป็นที่พึ่งของตำรวจ และขอให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าเพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปข้างหน้าได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับนายตำรวจระดับสูงทั้งสองคนที่เป็นข่าวเมื่อวานนี้ และปัญหาที่เกิดขึ้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่าให้การดูแลพี่น้องประชาชนหย่อน จะต้องมีการบริหารจัดการเกิดขึ้นมา เราต้องคำนึงถึงหน้าที่ที่เรามีอยู่ เราอยู่ตรงนี้เราอยู่เพื่ออะไร ผมขอสั่งให้ยุติการให้ข่าว เกี่ยวกับเรื่องทั้งสองท่าน เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปข้างหน้า เพื่อให้เกิดความถูกต้องและความเป็นธรรมกันทั้งสองฝ่าย ใครที่เคยเทคไซส์เคยให้ข่าว ขอให้หยุดเนื่องจากกระบวนการยุติธรรมได้ดำเนินการขึ้นแล้ว ส่วนเรื่องการแทรกแซงผมเคยได้พูดไปแล้วว่า ตนไม่เห็นด้วย และไม่อยากให้ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้เป็นตัวละครของเรื่องเหล่านี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ให้กระบวนการเป็นตัวพิสูจน์เอง อย่าไปแทรกแซงผู้ใต้บังคับบัญชา จึงได้มีการให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ผมมองว่าถ้าการที่คนในเครื่องแบบทะเลาะกันประชาชนก็เดือดร้อน

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า หลายอย่างอยากให้บริหารจัดการให้ดีตามหน้าที่ที่เราควรจะต้องทำ ไม่ว่าจะเป็นการปราบปรามยาเสพติด เพราะยาเสพติดไม่ใช่แค่การปราบปรามในประเทศ ยังมีการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ จะต้องมีการประสานงานจากหน่วยงานอื่น ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานความมั่นคง ทหาร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่าบอกว่าเป็นหน้าที่ของใครหากยาเสพติดเข้ามาในประเทศ พวกเราทุกคนต้องรับผิดชอบไม่ใช่ว่าเป็นความรับผิดชอบของทหาร เพราะประชาชนเดือดร้อน

นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องของการปราบปรามหนี้นอกระบบปล่อยให้มีการกู้ยืมเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรมกับประชาชนถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนยังไม่เห็นถูกบริหารจัดการได้อย่างดีพอทั้งที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล อีกทั้งการเข้าสู่กระบวนการประนอมหนี้ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ก็ยังมีจำนวนน้อย ที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องของผู้มีอิทธิพลควรที่จะเข้าสู่การประนอมหนี้ขอให้กำชับผู้การจังหวัด ผู้กำกับทุกคน เพื่อไม่ให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้และประสานงานกับฝ่ายปกครองกระทรวงมหาดไทย ส่วนการลักลอบนำเข้าสินค้าหนีภาษี และแรงงานต่างด้าวตามแนวชายแดน เป็นที่ประจักษ์ดีแล้วว่าเราให้ความสำคัญสูงมาก เพราะว่าราคายางพาราที่สูงขึ้นได้ในปัจจุบันเนื่องจากการทำงานของหลายๆ ฝ่าย กระทรวงเกษตรฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายทหาร ฝ่ายกระทรวงการคลัง หากราคายังขึ้นไม่ถึง 95 บาทต่อกิโลกรัม ผมเชื่อว่าประชาชนจะมีกินมีใช้ ทำให้ปัญหาต่างๆ ที่กล่าวมาลดน้อยลง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนการปราบปราม บ่อนการพนันสถานบริการต่างๆ ขอให้ยึดตามกฎหมายเป็นหลัก บ่อนต่างๆ อย่าให้มี การปราบปรามเว็บพนันออนไลน์เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ขอเลยว่า ต้องให้ความสำคัญ เพราะฉะนั้นใครที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ขอให้ขะมักเขม้นให้ดี อาวุธเถื่อนอาวุธสงคราม เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องจัดการอย่างจริงจัง เรื่องอื่นๆ ของเล็กๆ น้อยๆ มากอย่างการเผาป่า PM 2.5 ในภาคเหนือภาคตะวันตกและภาคอีสาน เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ฝ่ายความมั่นคงอย่างเราต้องช่วยกัน ทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการทุกๆ ภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมฝ่ายทหาร ต้องยึดมั่นในข้อบทกฎหมายอย่างภาค 5 ผู้บัญชาการภาค 5 ได้ทำไป เรื่องของการจับคนเผาป่า และมีเงินรางวัลนำจับ ถือเป็นวิธีการหนึ่ง เชื่อว่าพวกท่านมีอำนาจที่จะออกกฎเฉพาะกิจแต่แถวพื้นที่ของท่านเองเพื่อไม่ให้มีการเผาป่าเกิดขึ้น

ส่วนนโยบายเรื่องการท่องเที่ยวติดเป็นเรื่องสำคัญการดูแลนักท่องเที่ยว นโยบายของรัฐบาลมีการผลักดันให้กระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ระบบการตรวจคนเข้าเมืองที่มีปัญหาซึ่งตนถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและต้องให้ความสำคัญการลงพื้นที่ลงมาตรวจเช็กกับผู้ใต้บังคับบัญชาเองถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำ เรื่องของไก่ผีต่าง ๆ ตื่นแล้วครับชาวต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจไม่ถูกต้อง ต้นว่ารถท่านที่อยู่ในพื้นที่รู้อยู่แล้วว่าใครเป็นใคร ใครทำอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นขอให้มีการกระชับทำงานอย่างเร่งด่วน ตนลงไปดูเรื่องสวัสดิการตำรวจชั้นผู้น้อย น่าจะมีความคืบหน้าไปได้จึงอยากขอคำตอบตรงนี้ ซึ่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ให้การตอบรับเรื่องนี้และขอให้เดินหน้าไปได้เร็ว

“เรื่องสุดท้ายผมก็พูดไปแล้ว คือเรื่องที่ต้องให้พวกเรากันเองมีความสมัครสมานสามัคคี เชื่อว่าทุกคนก็เป็นคน มีการรักชอบใครต่างๆ กันไป ไม่เชื่อว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เข้าใจถึงปัญหา ที่เกิดขึ้นทั้งหลายเรื่องความสว่างสมานสามัคคีการเทคไซส์ แบ่งพรรคพวก แบ่งลูกน้องอะไรยังไงทั้งหลาย เราเชื่อว่าเก็บรักความรักไว้ในใจของตัวเองดีกว่าวันนี้เอาประชาชนเป็นที่ตั้งและดูแลประชาชนให้ดีที่สุด เรื่องของคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นมา เหตุการณ์เมื่อวานนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมซึ่งเราก็มีคณะกรรมการแล้ว 3 ท่าน ซึ่งหลังจากที่มีบทสรุปแล้วก็จะเข้าก.ตร.เพื่อจะให้ทำอีกครั้งหนึ่ง ขออย่าห่วงนะผมให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายเพราะไม่ฝักใฝ่กับใครคนใดคนหนึ่ง เราอยู่ตรงนี้ดูแลประชาชน ขอยืนยันตรงนี้ก็แล้วกัน ตนเชื่อว่าทำงานด้วยกันได้ และองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะเดินได้อย่างสมศักดิ์ศรี” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ด้านพล พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า จะเดินหน้าและปฏิบัติตามนโยบาย ข้อสั่งการทุกเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้มอบให้อย่างจริงจัง ตนเองก็จะทำหน้าที่รักษาการเพื่อนำไปสู่ ความสงบสุขและความอยู่ดีกินดีของพี่น้องประชาชน

‘เศรษฐา’ ไม่ขอถาม ‘ชาดา’ หลังถูกโยง บ่อนพนันบางใหญ่ เชื่อ สตช.รู้หน้าที่ดี สาวถึงใครต้องมีความผิด ย้ำ ยึดกฎหมายเป็นหลัก

(23 มี.ค.67) ที่กองบิน 6 ดอนเมือง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.การคลัง กล่าวถึงการจับบ่อน บางใหญ่ ที่มีกระแสข่าวว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง ว่า เรื่องบ่อนเป็นเรื่องใหญ่ วันนี้เดินทางไปที่ สน.ลุมพินี ก็ได้กำชับแล้ว เรื่องนี้เรารับไม่ได้และผิดกฎหมาย แต่ตนไม่ได้ก้าวก่าย ว่า จะเป็นของนักการเมืองคนใด เพราะยึดตามหลักกฎหมายมากกว่า จะเป็นของใครเมื่อทำผิดก็ต้องถูกจับ 

ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความสนิทสนมกับเจ้าของบ่อนที่ถูกจับ นายกรัฐมนตรี ส่วนกลับทันที ว่า ต้องให้ความเป็นธรรมกับคุณชาดาด้วย และตรงนี้ไม่ต้องกำชับอะไร เชื่อว่าทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเอง ฝ่ายความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็รู้ ว่าหากสาวถึงใครก็ต้องมีความผิด แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายชาดาด้วย เพราะคนเรารู้จักกับคนเยอะเหมือนกัน พอเราไปรู้จักกันแล้ว พอคนนึงทำผิด และจะบอกมีส่วนเกี่ยวข้อง มองว่าไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่อันนี้ตนก็ไม่ได้ไปก้าวก่าย และจะไม่สอบถามนายชาดาด้วย เพราะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องสืบสาวเอาเอง 

“เรื่องของอาชญากรรมไม่หมดไป แต่เราพยายามทำให้มันน้อยลง ยึดหลักกฎหมายเป็นหลัก คนมีหน้าที่ที่ต้องทำ เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน้าที่ก็ต้องจัดการกันไป”นายเศรษฐา กล่าว

‘นายกฯ’ หนุน ‘กาสิโนถูกกฎหมาย’ ยก ศก.สีเทาขึ้นบนพื้น หวัง ‘กำกับ-ควบคุม’ ดีกว่าปล่อยให้เป็นสังคมอีแอบ

(28 มี.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ....ซึ่งจะมีกาสิโนหรือบ่อนพนันถูกกฎหมายในประเทศไทย กำลังเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร มีความเห็นถึงข้อดีข้อเสียตรงนี้อย่างไร ว่า คิดว่าตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วเราไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องกฎหมายกาสิโน แต่ให้มองเป็นเรื่องของเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ จะรวบรวมหลายส่วน และเราทราบกันดีต้องการจะยกเศรษฐกิจสีเทาขึ้นมาอยู่บนพื้นให้หมด จะได้ควบคุมกำกับดูแลเรื่องความปลอดภัย ความเหมาะสม และเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเห็นด้วยเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังมีบางฝ่ายเห็นต่างจะชี้แจงอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็มีระบบสภาอยู่แล้ว ซึ่งก็เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว ก็ไปชี้แจงกันในสภา

เมื่อถามว่า แต่การยกขึ้นมาให้ถูกกฎหมายก็เป็นช่องทางหนึ่งที่จะเก็บรายได้เข้าประเทศ นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ถูกต้อง ซึ่งได้เรียนไปแล้ว ก็เป็นอย่างนั้น ใช่ครับ

ถามว่าจะสามารถขจัดปัญหาพวกที่เปิดบ่อนผิดกฎหมายได้ด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คิดว่าอันนี้เป็นแนวทางหนึ่งที่จะต้องทำได้ ถ้าหากทำให้ถูกกฎหมายได้ก็จะไปทำผิดกฎหมายทำไม ใช่หรือไม่ และกฎหมายก็ออกมาว่าใครสามารถเข้าได้อย่างไร

เมื่อถามว่า ส่วนหนึ่งก็มองว่าอาจจะกลายเป็นการมอมเมาให้เข้าสู่เรื่องดังกล่าวง่ายขึ้น ตรงนี้จะชี้แจงอย่างไรไม่ให้สังคมมองในแง่ลบอย่างเดียว นายเศรษฐา กล่าวว่า ถึงเวลาที่สังคมเราจะต้องมาดูกัน เรื่องของสังคมอีแอบ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีอยู่แล้ว เอามากำกับดูแลให้เหมาะสมเพื่อฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายปกครองจะได้ดูแลให้ถูกต้อง

“มันมีอยู่แล้วทุกวันนี้ต้องยอมรับและเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ซึ่งเราก็ต้องบริหารจัดการไปในระหว่างทาง ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ากฎหมายจะผ่านเมื่อไหร่ และจะมาเปิดได้เมื่อไหร่ ก็ต้องใช้เวลาอีกพอสมควร แต่ระหว่างนี้ยังไงก็ต้องจัดการกับที่ผิดกฎหมายไป“ นายเศรษฐา กล่าว

‘เศรษฐา’ จ้อสื่อนอกปมนำ ‘กัญชา’ กลับบัญชียาเสพติด ลั่น!! หากปล่อยถูก กม. จะส่งผลเสียหายอย่างใหญ่หลวง

(1 เม.ย. 67) จากกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์พิเศษผ่านสำนักข่าว FRANCE 24 ของประเทศฝรั่งเศส ตอนหนึ่งถึงการจะนำกัญชาให้กลับมาอยู่ในบัญชียาเสพติด เนื่องจากสร้างความเสียหายให้กับคนไทยมากกว่าจะมีผลดีทางเศรษฐกิจ ว่า ตนยังไม่ได้อ่านแต่มีคนส่งไลน์มาให้ดู ซึ่งตนคิดว่าการรายงานข่าวครั้งนี้อาจจะต้องมีการถอดเทปดูอีกครั้ง 

จากการตรวจสอบพบว่า ทางสถานีโทรทัศน์ France24 ของฝรั่งเศส ได้โพสต์คลิปการสัมภาษณ์ดังกล่าวทาง YouTube พร้อมกับที่ผู้สื่อข่าว คือ ‘แมทท์ ฮันท์’ (Matt Hunt) ซึ่งเป็นผู้สัมภาษณ์นายเศรษฐา และได้โพสต์คลิปเช่นกันผ่านทางทวิตเตอร์ (X) ส่วนตัว เมื่อวันที่ 29 มี.ค.67 โดยเป็นคลิปวิดีโอความยาว 10 นาที และมีช่วงหนึ่ง (นาทีที่ 08.49-09.56) ที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นกัญชา ดังนี้…

แมทท์ ฮันท์: การประกาศให้กัญชาถูกกฎหมายในปี 2565 เป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจมาก แต่เร็ว ๆ นี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้คำมั่นว่า จะเปลี่ยนให้การใช้กัญชาเพื่อความบันเทิงกลับมาผิดกฎหมายอีกครั้ง แม้ว่าปัจจุบันกัญชาจะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ก็ตาม คุณคิดว่าทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหานี้ได้โดยไม่สร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจ? 

เศรษฐา ทวีสิน: สร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจ ฟังดูเป็นคำที่รุนแรงอยู่นะ ผมไม่คิดว่ามันจะสร้างความเสียหายให้กับภาคเศรษฐกิจ เพราะการประกาศให้กัญชาถูกกฎหมาย ผมว่านั่นแหละคือ การสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ผมคิดว่ารัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขคิดถูกแล้วที่ทำแบบนั้น

แมทท์ ฮันท์: คุณคิดว่าประชาชนมีโอกาสเข้าคุกเพราะครอบครองกัญชาไหม?

เศรษฐา ทวีสิน: ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ถือครองแล้วก็ช่วงของการเปลี่ยนผ่าน จากผิดกฎหมายเป็นถูกกฎหมาย และกลับมาผิดกฎหมายอีกครั้ง คุณต้องให้ทางเดินกับพวกเขา

เศรษฐา ทวีสิน: ผมไม่คิดว่ามันเป็นธุรกิจขนาดใหญ่อะไรนะ ณ ตอนนี้ ผมว่าผลลัพธ์มหาศาลจากการทำให้กัญชาถูกกฎหมายมีผลในทางลบ รวมถึงส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงต่อคนไทยมากกว่า 

สำหรับ นโยบายปลดกัญชาพ้นจากบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งขณะนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และเป็นผู้ผลักดันเรื่องดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลปัจจุบันของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีแนวคิดนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง

‘นายกฯ’ หนุน!! ผลักดันสินค้าศิลปหัตถกรรมไทย มุ่งสู่สายตานานาชาติ ช่วยกระจายรายได้ให้ ปชช.

(2 เม.ย.67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้ความสำคัญ มุ่งผลักดันอุตสาหกรรมศักยภาพสาขาศิลปะในฐานะ Soft Power ไทยสู่สายตานานาชาติ เพื่อกระตุ้นกระแสความนิยมชื่นชอบสินค้าไทย และประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่จะเพิ่มโอกาสการสร้าง และกระจายรายได้ให้กับประชาชน ควบคู่กับการธำรงรักษาเอกลักษณ์ และพัฒนาต่อยอดศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย ให้ดำรงอยู่ยั่งยืน

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ The Support Arts and International Centre of Thailand (SACIT) พบว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยในปี 2566 เติบโตถึง 340,820 ล้านบาท โดยสินค้าศิลปหัตถกรรมที่ไทยส่งออกมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องประดับแท้ทำด้วยทอง (91,161 ล้านบาท) เครื่องประดับแท้ทำด้วยเงิน (56,060 ล้านบาท) เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน (46,850 ล้านบาท) เครื่องใช้สำหรับเดินทาง (22,982 ล้านบาท) และเสื้อผ้าสำเร็จรูปทำจากฝ้าย (17,719 ล้านบาท) และประเทศ/เขตบริหารพิเศษ ที่มีมูลค่าการส่งออกสินค้าศิลปหัตกรรมไทยมากที่สุด อันดับที่ 1 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (94,203 ล้านบาท) อันดับที่ 2 ฮ่องกง (26,764 ล้านบาท) อันดับที่ 3 ญี่ปุ่น (21,232 ล้านบาท) อันดับที่ 4 เยอรมนี (20,147 ล้านบาท) และอันดับที่ 5 สหราชอาณาจักร (16,357 ล้านบาท)

นายชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การจำหน่ายสินค้าศิลปหัตกรรมไทยผ่านช่องทางของ SACIT ในปี 2566 มีมูลค่าถึงกว่า 291 ล้านบาท และมีการจำหน่ายสินค้าศิลปหัตถกรรมไทย ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย และเครื่องใช้และเครื่องประดับตกแต่ง ซึ่งไม่รวมอาหาร เครื่องดื่ม สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหารและยา ทั้งในไทยและต่างประเทศทาง online และ offline ตามโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ เป็นมูลค่ารวมกว่า 1.16 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ SACIT พร้อมยกระดับสินค้าศิลปหัตกรรมไทยสู่การเติบโตในตลาดโลกอย่างยั่งยืนผ่านการจัดงาน ‘sacit Craft Power: แนวโน้มหัตถกรรมร่วมสมัย’ ที่นำเสนอความรู้และทิศทางในการต่อยอดสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยในทุกสาขาแก่ผู้ประกอบกิจการสินค้าทั่วประเทศให้สามารถมองแนวโน้มสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยในอนาคตได้อย่างชัดเจน และพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลกมากยิ่งขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ประสงค์ให้ประเทศในยุโรป เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญในการเผยแพร่ Soft Power ด้านงานศิลปะของไทย โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ได้ร่วมสนับสนุนให้ผู้มีความสามารถด้านภาพวาดที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย นำผลงานมาจัดแสดงภายใต้ชื่อ ‘Bangkok Series’ และ ‘Muay Thai Series’ ณ Manes Gallery กรุงปราก เมื่อวันที่ 14 - 25 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นการนำเสนอมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไทยและอัตลักษณ์ความเป็นไทยให้กับนานาชาติผ่านการนำเสนอผลงานศิลปะ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยินดีที่กระแสความเป็นไทยเพิ่มมูลค่าสินค้าไทยเป็นความสำเร็จที่ทำให้ มูลค่าส่งออกสินค้าศิลปหัตถกรรมไทยมีปริมาณการเจริญเติบโตสูง พร้อมขอบคุณทุกความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสนับสนุนกระบวนการ Soft Power ไทยด้านศิลปะที่ร่วมกันสร้างสรรค์จนทำให้สามารถดึงดูดผู้บริโภคจากทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างสร้างสรรค์ด้วย Soft Power โดยเชื่อมั่นว่าการบูรณาการร่วมมือการทำงานจากทุกภาคอย่างเข้มแข็ง จะพัฒนาศักยภาพของประเทศไทยให้แข็งแกร่งได้ยิ่งขึ้นในเวทีโลก

‘ภูมิธรรม’ ชี้!! ปรับครม.หรือไม่? เป็นอำนาจ ‘นายกฯ’  แง้ม!! ดึง ปชป.ร่วม เป็นเรื่องโคมลอย อย่าเพิ่งไปคิดไกล

(2 เม.ย.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิยช์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ปรับครม. โดยดึงเสียงพรรคประชาธิปัตย์ เข้ามาเติมว่า ไม่มีใครรู้ เพราะเป็นอำนาจนายกฯ จะปรับหรือไม่ ความเหมาะสมเมื่อไหร่อย่างไร ข่าวต่าง ๆ ที่ได้ยินจากสื่อ แต่ตนไม่ได้ยินจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ตนคิดว่าในความเป็นจริงก็ต้องดูนายกฯ มองหรือพิจารณาอย่างไร เสียงออกมาจากตรงไหนก็เป็นข่าวลือเต็มไปหมด อาจจะมีทั้งตั้งใจพูด ไม่แน่ใจพูด หรือพูดคาดการณ์อะไรต่าง ๆ ก็ยังไม่เห็น

"คุยกับท่านนายกฯ มาล่าสุดเมื่อวาน ก็ยังไม่ได้พูดเรื่องนี้" นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า เสียงรัฐบาล 314 เสียง ยังไม่พอใช่หรือไม่? นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ทำไมยังไม่พอ มันก็เป็นหน้าที่ของมันอยู่แล้ว ส่วนจะปรับครม.หรือไม่ก็เป็นคนละเรื่องกัน”

เมื่อถามว่า หากปรับครม.ก็จะมีเสียงเพิ่มขึ้น? นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ยังไม่รู้ว่าจะปรับหรือไม่ อย่าเพิ่งไปคิดอะไร”

เมื่อถามว่า ปัญหาพรรคร่วมฯ ก็ยังแย่งกันเยอะ? นายภูมิธรรม ถามกลับว่า “พรรคร่วมฯ ไหนแย่งกันเยอะ พรรคร่วมฝ่ายค้านหรือ ผู้สื่อข่าวจึงได้ตอบกลับว่า พรรคร่วมรัฐบาล อยากจะเป็นเยอะแยะ จากนั้นนายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่มี ยังไม่มีอะไร ทุกคนก็ยังทำงานดี พูดคุยกันได้ดี”

เมื่อถามว่า หากพรรคประชาธิปัตย์มาจะต้องพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่? นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ยังไม่ได้มีเริ่มต้นแบบนี้ อย่าเพิ่งไปคิดไกล ยังไม่ได้มีจุดตั้งใจ อันนี้ยังเป็นเรื่องโคมลอย ถ้ามันเป็นเรื่องชัดเจน ค่อยมาว่ากันว่า จะคิดอย่างไร ถึงได้ตัดสินใจอย่างนั้น ค่อยมาว่ากันอีกที” 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top