Monday, 20 May 2024
เศรษฐาทวีสิน

‘นายกฯ’ เรียก ‘รมว.กห.-ผบ.ทบ.’ ถกแก้ปัญหา ‘บำบัดผู้ติดยา’ เล็งเปิด ‘รพ.ค่ายทหาร’ จ่อแถลงแผนงานภายใน 2 สัปดาห์นี้

(5 ม.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ทวิตข้อความ ถึงการแก้ปัญหายาเสพติดว่า “ปัญหาการบำบัดผู้ติดยาเสพติด เป็นปัญหาที่กระทบต่อสังคมไทย สส.ในพื้นที่ก็ได้สะท้อนปัญหาที่รับร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนมาเป็นจำนวนมาก 

ผมได้เชิญท่าน รมว.กลาโหม และผบ.ทบ.. เพื่อร่วมหาแนวทางแก้ไขปัญหา ฝ่ายความมั่นคงยินดีที่จะเปิดค่ายทหาร เพื่อรองรับผู้เสพยาเสพติด โดยคัดกรองนำผู้เสพยาจากหมู่บ้าน คัดแยกผู้ที่ติดยาเสพติดออกจากชุมชน และส่งไปบำบัดยังโรงพยาบาลของค่ายทหารประจำจังหวัดต่อไป ซึ่งจะแถลงข่าวถึงแผนการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมภายใน 2 สัปดาห์นี้ครับ“

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้เชิญ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. เข้าพบเพื่อหารือเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 ม.ค.ที่อาคารรัฐสภา ระหว่างร่วมประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567

‘นายกฯ เศรษฐา’ ย้ำ!! ไม่เห็นด้วย ‘แบงก์ชาติ’ ขึ้นดอกเบี้ย เหตุสวนทางเงินเฟ้อ - ห่วงกระทบราคาพืชผลการเกษตร

(8 ม.ค.67) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ออกมาติงหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สถานการณ์เงินเฟ้อในประเทศไทยติดลบติดต่อกันหลายเดือน และหลังจากนี้จะไปพูดคุยอย่างไรบ้าง ว่า ความจริงแล้วเราก็พูดคุยกันตลอดอยู่แล้วในเรื่องนี้ และเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย จุดยืนของตนก็ชัดเจนว่า ‘ผมไม่เห็นด้วย’ แต่ท่าน (แบงก์ชาติ) ก็มีอำนาจในการขึ้น ซึ่งนัยที่ตนได้โพสต์ข้อความไปเมื่อคืนนี้ มันเกี่ยวกับเรื่องสินค้าการเกษตร พืชผลต่างๆ ที่ตนอยากให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลไม่ให้ต่ำลงไป เพราะถ้าต่ำเกินไปก็จะลำบาก

เมื่อถามถึงการขึ้นดอกเบี้ยอยู่ในสถานการณ์เงินเฟ้อที่ต่ำมาก นายกรัฐมนตรีมีความกังวลอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า "บอกว่าต่ำมากครับ ดังนั้นอาจจะต้องพิจารณาเรื่องการลดดอกเบี้ย ตนก็ฝากไว้" เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะไปคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "มีอยู่แล้วครับ”

‘เศรษฐา’ มอบสาร เนื่องใน ‘วันเด็กแห่งชาติ’ ประจำปี 67 หวังให้เด็กไทยมีโลกทัศน์กว้าง เรียนรู้สิ่งใหม่ ก้าวทันยุคดิจิทัล

(8 ม.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบสารเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2567 วันเสาร์ที่ 13 มกราคม 2567 ความว่า เด็กและเยาวชนมีความสำคัญในการร่วมกำหนดอนาคตของสังคมและประเทศชาติ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพคนตลอดชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยเด็กและเยาวชนที่จะต้องได้รับการพัฒนาความรู้ ทักษะ และการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทุกมิติอย่างเหมาะสม ทั้งด้านสุขภาวะทางกาย จิตใจ รวมทั้งมีประสบการณ์และทักษะการดำเนินชีวิตในโลกปัจจุบัน และมีความพร้อมสำหรับการโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต โดยรัฐบาลมุ่งมั่นสร้างโอกาสในทุกด้านให้แก่เด็กและเยาวชนอย่างทั่วถึง รวมทั้งปลูกฝังความเป็นคนดี มีวินัย มีคุณธรรมและจริยธรรม ยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ เพื่อให้เด็กและเยาวชนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพของสังคม

วันเด็กแห่งชาติปีนี้ ผมได้มอบคำขวัญว่า “มองโลกกว้าง คิดสร้างสรรค์ เคารพความแตกต่าง ร่วมกันสร้างประชาธิปไตย” เพื่อให้เด็ก เยาวชน รวมถึงผู้ปกครองทุกคนตระหนักว่า โลกปัจจุบันเชื่อมโยงกันไร้พรมแดนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นต้องมีมุมมองที่กว้างขวางเป็นสากล มีโลกทัศน์ที่กว้างไกล พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สามารถคิด วิเคราะห์ แยกแยะ และสร้างสรรค์นวัตกรรม รวมทั้งเป็นผู้ที่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อปรับตัวให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ตลอดจนเป็นพลเมืองที่เคารพและยอมรับความแตกต่างและความหลากหลายในทุกมิติ มีความคิดและจิตใจที่เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น อันเป็นรากฐานในการสร้างสังคมแห่งประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและเป็นพลังในการพัฒนาสังคมและขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ เหนือสิ่งอื่นใดเป็นผู้ที่ธำรงไว้และนำอัตลักษณ์ความเป็นไทยไปสู่สากล

เนื่องในโอกาส ‘วันเด็กแห่งชาติ’ ประจำปีพุทธศักราช 2567 ผมขออวยพรให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคน ประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่แข็งแรงสมบูรณ์เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพเพียบพร้อมไปด้วยความสุขและความมั่นคงในการดำรงชีวิต เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์สังคมไทยให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

'นายกฯ' ยินดี 'ตุ๊กๆ ออนทัวร์' ผลงานทีมนักศึกษาอาชีวะไทย คว้าอันดับ 1 การแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติที่จีน

(8 ม.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชื่นชมความสำเร็จของทีมนักศึกษาอาชีวะไทย สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 และรางวัลที่ 3 จากการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ ครั้งที่ 16 ประจำปี 2567 (The 16th International Collegiate Snow Sculpture Contest (2024)) ณ เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 7 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา เป็นการนำความรู้และทักษะวิชาชีพมาฝึกประสบการณ์จริงผ่านการแข่งขัน สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ และแสดงศักยภาพของเยาวชนไทยสู่สายตานานาชาติ 

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จัดส่งทีมนักศึกษาอาชีวศึกษาไทย จำนวน 3 ทีม จาก 3 สถาบัน ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา, วิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี และวิทยาลัยอาชีวศึกษาสระบุรี เข้าร่วมการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติประจำปี 2567 ซึ่งการแข่งขันนี้มีตัวแทนจาก 6 ประเทศ ได้แก่ จีน, รัสเซีย, อังกฤษ, อิตาลี, ออสเตรเลีย และไทย รวมทั้งหมด 58 ทีมเข้าร่วมแข่งขัน 

โดยผลการแข่งขันปรากฏว่า ทีมนักศึกษาอาชีวะไทย สามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ได้รับรางวัล ดังนี้

- รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา ในผลงานชื่อ 'ตุ๊ก ๆ ออนทัวร์' โดยการนำรถตุ๊กๆ มาเป็นสื่อกลาง สะท้อนวัฒนธรรมและประเพณีของไทย ผ่านศิลปะไทยร่วมสมัย

- รางวัลที่ 3 จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาสุราษฎร์ธานี ในผลงานชื่อ ‘มนุษย์ กับ ธรรมชาติ’ สะท้อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของมนุษย์ ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อธรรมชาติ โดยต้องการสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติ และการสร้างสมดุล

- รางวัลที่ 3 จากวิทยาลัยอาชีวศึกษาสระบุรี ในผลงานชื่อ 'โลกแห่งสันติภาพ' (World of peace) เพื่อให้ทุกคนบนโลก ตระหนักถึงความสำคัญ และงดใช้ความรุนแรง สร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น

“นายกรัฐมนตรีชื่นชม และแสดงความยินดีกับทีมนักศึกษาอาชีวะไทยซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดี สร้างความภาคภูมิใจเเละชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก พร้อมชื่นชมอาจารย์ที่ฝึกสอน และขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่สนับสนุนให้เยาวชนไทยได้ออกไปหาประสบการณ์จริงในระดับโลก โดยหวังว่าความสำเร็จในครั้งนี้ จะเป็นต้นแบบ จุดประกายให้เด็กและเยาวชนรุ่นต่อ ๆ ไป มีความพยายาม และกล้าที่จะทำตามความฝันของตัวเองเพื่ออนาคต” นายชัยกล่าว

'นายกฯ' สั่งหน่วยงานรัฐจัด 'โครงการ-กิจกรรม' เฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.๑๐ กระตุ้นประชาชน 'มีส่วนร่วม-แสดงความจงรักภักดี' โดยทั่วกัน

(9 ม.ค.67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้สั่งการในที่ประชุม ครม. เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานตราสัญลักษณ์เนื่องในวโรกาสดังกล่าว จึงได้สั่งการให้หน่วยงานภาครัฐจัดทำโครงการหรือกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม แสดงความจงรักภักดีโดยทั่วกัน

‘นายกฯ’ ตั้งเป้าลดจำนวนเด็กไทยหลุดออกระบบการศึกษา พร้อมแย้ม!! 13 มกราคมนี้ จะมีข่าวดีสำหรับเด็กไทยทุกคน

(10 ม.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า “ผมขับเคลื่อนเรื่องลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาด้วยตัวเองมาตั้งแต่ก่อนเข้ามารับตำแหน่งนายกฯ หลายปีแล้วครับ เพราะผมปรารถนาที่จะเห็นเด็กไทยได้รับความเท่าเทียมในเรื่องนี้ โดยตั้งเป้าให้จำนวนเด็กที่ต้องหลุดระบบการศึกษาเป็น ‘ศูนย์’ ครับ

ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งผมได้สั่งการทันทีให้ ‘กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา’ (กสศ.) DES และกระทรวงมหาดไทย บูรณาการรวบรวมข้อมูลนักเรียนที่หลุดจากระบบการศึกษา ให้เป็นฐานข้อมูล Big Data ขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย เพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ต้องออกจากการศึกษากลางคัน ซึ่งในวันเสาร์ที่ 13 ม.ค.นี้จะมีข่าวดี ที่จะเป็นก้าวสำคัญก้าวหนึ่งที่ประเทศไทยก้าวไปสู่ Thailand Zero Dropout ครับ”

‘นายกฯ’ เตรียมพร้อม!! ประชุมเวิลด์อีโคโนมิกฟอรัม จ่อคุยเอกชนยักษ์ใหญ่ของโลก กระตุ้นลงทุนในไทย

(15 ม.ค. 67) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีกำหนดพบหารือผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก ในห้วงระหว่างการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2567 เชื่อมั่นการหารือเหล่านี้จะนำมาซึ่งการค้าและลงทุน สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาลให้ไทย ในสาขาการค้าการลงทุนที่สำคัญ ซึ่งบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่จะพบหารือกับนายกรัฐมนตรี

อาทิ DKSH ผู้ให้บริการด้านการขยายตลาด ตั้งแต่การจัดหาแหล่งผลิต การวิจัยและวิเคราะห์ตลาด การตลาด การขาย การกระจายสินค้า โลจิสติกส์ และการบริการหลังการขาย ผลิตภัณฑ์และสินค้ามากมายหลายประเภท โดย DKSH ประเทศไทย เป็นหนึ่งในองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศในด้านยอดขาย และเป็นประเทศที่มีการดำเนินกิจการที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม DKSH

Dubai Port World ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์การขนส่งสินค้า การดำเนินงานท่าเรือ การขนส่งสินค้าทางทะเล และเขตการค้าเสรี ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2548 ให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ 70 ล้านตู้ โดยมีเรือนำเข้าประมาณ 70,000 ลำต่อปี ซึ่งเท่ากับประมาณถึง 10% ของปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก และมีพื้นที่ให้บริการในท่าเรือกว่า 82 แห่งในกว่า 40 ประเทศ

Standard Chartered ธนาคารชั้นนำระดับสากลและมีเครือข่ายทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชำนาญที่ส่งเสริมธุรกิจที่มีศักยภาพให้เติบโต พร้อมเป้าหมายส่งเสริมความยั่งยืน 3 ด้านคือ การเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) การเป็นองค์กรที่รับผิดชอบ (Responsible Company) และการสร้างความเท่าเทียมในชุมชน (Inclusive Communities) สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล

Telenor บริษัทโทรคมนาคมชั้นนำระดับโลก มีลูกค้าประมาณ 175 ล้านคนใน 8 ประเทศทั่วภูมิภาคนอร์ดิกและในเอเชีย

Coca Cola หนึ่งในบริษัทเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเจ้าของหรือมีใบอนุญาตยี่ห้อเครื่องดื่มมากกว่า 200 ยี่ห้อ โดยก่อตั้งในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เพื่อจัดตั้งสำนักงานใหญ่ภูมิภาคในปี พ.ศ. 2553

Nestlé บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก มีสินค้าจำหน่ายอยู่ใน 190 ประเทศทั่วโลก โดยมีโรงงานผลิต 344 โรงงานใน 77 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ เนสท์เล่ ในประเทศไทย มีแนวทางที่เน้นการขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) และการขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่เน้นการดูแลสุขภาพของคนไทย และการดูแลสิ่งแวดล้อม

Grab ผู้ให้บริการจัดส่ง การเดินทาง พัสดุ การเงิน การบริหารจัดการธุรกิจและอื่นๆ ผ่าน Application เดียว ช่วยเชื่อมโยงผู้บริโภคจากทุกสาขาอาชีพกับผู้ประกอบการนับล้านใน 500 เมืองและ 8 ประเทศ

Robert Bosch บริษัทเทคโนโลยีด้านการขับเคลื่อนชั้นนำของโลก และเชี่ยวชาญด้าน อุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค เทคโนโลยีพลังงานและอาคาร ดำเนินงานในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และมีบริษัทในเครือมากกว่า 468 แห่ง โดยมีการลงทุนในประเทศไทย รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในปี พ.ศ. 2557 บริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ จำนวน 24 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 6.3 พันล้านบาท (165 ล้านยูโร)

‘นายกฯ’ เดินสำรวจ ‘สินค้าไทย’ ในซูเปอร์มาร์เก็ต นครซูริก พบ!! ได้รับความนิยมสูง จ่อเล็งขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 67 เวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นครซูริก สมาพันธรัฐสวิส ภายหลังหารือเตรียมการประชุม World Economic Forum ประจําปี 2567 กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายจิตติพัฒน์ ทองประเสริฐ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเบิร์น เดินตรวจตลาดสินค้าไทยในนครซูริก เช่น ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส ข้าว น้ำมะพร้าว ที่จำหน่ายใน Coop City Supermarket นครซูริก สมาพันธรัฐสวิส

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการพูดคุยกับเอกอัครราชทูตไทย รู้สึกปลื้มใจที่สินค้าไทยสามารถส่งออกขายได้ทั่วโลก และพบว่าสินค้าไทยเป็นที่ชื่นชอบของคนที่นี่ โดยรัฐบาลจะพยายามขยายตลาดสินค้าไทย โดยจัดหาสินค้าไทยส่งออกมายังสมาพันธรัฐสวิสเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากสินค้าประเภทดังข้างต้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และผู้ประกอบการ SME ของไทย

‘นายกฯ’ หารือ อดีตนายกฯ สหราชอาณาจักร ผลักดันความร่วมมือด้านสภาพภูมิอากาศ

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค.67) ณ ศูนย์ประชุม Congress Centre เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบหารือกับนาย Tony Blair ประธานกรรมการบริหาร Tony Blair Institute of Global Change และอดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นาย Tony Blair อดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ได้มาพบและคุยเกี่ยวกับ Tony Blair Institute of Global Change ซึ่งเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นโดยไม่หวังผลกำไร และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมกันของโลก โดยมีความตั้งใจที่จะหาความร่วมมือกับประเทศไทย โดยเฉพาะด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change) และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (Human development)

โดยทางนาย Tony Blair มีความเชื่อมั่นว่า การร่วมมือระหว่างรัฐบาล และองค์กรต่าง ๆ จะช่วยทำให้ประเทศมีการพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้น เพื่อให้ทางสถาบัน Tony Blair Institute of Global Change ได้เข้ามาศึกษาข้อมูลในประเทศไทย เพื่อพัฒนา และต่อยอดในประเด็นต่าง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกัน

‘นายกฯ’ เตรียมหารือ ‘รมว.อุตฯ’ แก้กฎหมาย เพิ่มความเข้มงวด โรงงานพลุขนาดใหญ่

(19 ม.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุโรงงานพลุระเบิดที่ จ.สุพรรณบุรี ว่า เรื่องการเยียวยาอยู่ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสลดใจ เพราะเคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ระหว่างนี้ต้องไปดูเรื่องผู้เสียชีวิตที่ต้องได้รับการเยียวยาอย่างถูกต้อง การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล เพื่อคืนศพให้ญาติพี่น้อง ได้รับรายงานว่าสามารถพิสูจน์ได้แล้ว 15 ราย และทยอยคืนศพแล้ง เรื่องระยะสั้นคงเป็นเรื่องนี้ก่อน 

ส่วนเรื่องที่ต้องแก้ไขข้อกฎหมาย ต้องดูแลให้ดี เพราะมีโรงงานเหล่านี้อยู่จำนวนมาก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปจัดการให้ดี ส่วนมาตรฐานของโรงงาน หวังว่าจะกำกับดูแลที่ดีและถูกต้อง เข้าใจว่าโรงงานพลุแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในกำกับดูแลของกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพราะมีขนาดเล็ก ซึ่งต้องดูว่ากฎหมายอะไรที่จะทำให้ประชาชนมั่นใจเรื่อง Public Safety

เมื่อถามว่าควรให้โรงงานผลิตพลุอยู่ในการควบคุมของกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมหรือไม่? นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “มันมีกฎที่จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแล โดยกระทรวงอุตสาหกรรม แต่ที่ถามมาว่าทำไมถึงไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุม เพราะโรงงานนี้มีขนาดเล็ก ซึ่งจะต้องพูดคุยกับทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมว่าจะขยายหรือไม่ เพราะโรงงานที่อันตรายต้องถูกควบคุมให้ใกล้ชิดมากขึ้น อาจจะต้องจำกัดประเภทธุรกิจและสินค้า แม้ว่าขนาดไม่ใหญ่ แต่หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ความหายนะสูงก็ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องกำกับดูแลให้มากขึ้น” 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top