Saturday, 5 July 2025
อิสราเอล

‘อิสราเอล’ ยืนยันแล้วสังหาร ‘ยาห์ยา ซินวาร์’ ผู้นำกลุ่มฮามาส จับตา! อนาคตความขัดแย้ง-ตัวประกันในพื้นที่ตะวันออกกลาง

(18 ต.ค. 67) ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้วางแผนการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ที่จุดชนวนให้เกิดสงครามกาซา ถูกกองกำลังอิสราเอลสังหารในดินแดนปาเลสไตน์ โดยอิสราเอลเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี

การสังหารเขาถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ของอิสราเอล และเป็นเหตุการณ์สำคัญในความขัดแย้งที่กินเวลานานหนึ่งปี ผู้นำชาติตะวันตกกล่าวว่าการเสียชีวิตของเขาเป็นโอกาสให้สงครามยุติลง แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลกล่าวว่าสงครามจะดำเนินต่อไป

กองทัพอิสราเอลกล่าวว่าได้สังหารซินวาร์ในปฏิบัติการทางตอนใต้ของฉนวนกาซาเมื่อวันพุธ

“หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการระบุตัวตนของศพแล้ว สามารถยืนยันได้ว่ายาห์ยา ซินวาร์ถูกกำจัดแล้ว” กองทัพอิสราเอลระบุ

ขณะนี้ยังไม่มีความเห็นใด ๆ จากกลุ่มฮามาส แต่แหล่งข่าวในกลุ่มก่อการร้ายกล่าวว่าสัญญาณจากฉนวนกาซาบ่งชี้ว่าซินวาร์ถูกสังหารในปฏิบัติการของอิสราเอล ในอิสราเอล ครอบครัวของตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาสควบคุมตัวในฉนวนกาซา กล่าวว่าพวกเขาหวังว่าจะมีการหยุดยิงเพื่อนำตัวประกันกลับบ้าน แต่ก็กลัวว่าคนที่พวกเขารักจะตกอยู่ในอันตรายที่ร้ายแรงกว่า

ในฉนวนกาซา ซึ่งถูกกองกำลังอิสราเอลโจมตีอย่างไม่ลดละเป็นเวลาหนึ่งปี ชาวเมืองกล่าวว่าพวกเขาเชื่อว่าสงครามจะดำเนินต่อไป แต่พวกเขายังคงยึดมั่นในความหวังที่จะกำหนดชะตากรรมของตัวเอง

ประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐฯ ซึ่งได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับเนทันยาฮู รวมถึงประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส กล่าวว่าการเสียชีวิตของซินวาร์เป็นโอกาสให้ความขัดแย้งในฉนวนกาซาที่กินเวลานานกว่าหนึ่งปีสิ้นสุดลงในที่สุด และเพื่อให้ตัวประกันชาวอิสราเอลได้กลับบ้าน

แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ ต้องการเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับข้อเสนอที่จะบรรลุการหยุดยิงและการปล่อยตัวตัวประกัน โดยเรียกซินวาร์ว่าเป็น "อุปสรรคหลัก" ต่อการยุติสงคราม “อุปสรรคนั้นได้ถูกขจัดออกไปอย่างชัดเจน ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าใครก็ตามที่เข้ามาแทนที่ (ซินวาร์) จะตกลงหยุดยิง แต่การหยุดยิงนั้นได้ขจัดอุปสรรคสำคัญในการหยุดยิงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา” เขากล่าว มิลเลอร์กล่าวว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซินวาร์ปฏิเสธที่จะเจรจาเลย

เนทันยาฮูกล่าวที่กรุงเยรูซาเล็มทันทีหลังจากการเสียชีวิตได้รับการยืนยันว่า การเสียชีวิตของซินวาร์เป็นโอกาสให้เกิดสันติภาพในตะวันออกกลาง แต่เขาเตือนว่าสงครามในฉนวนกาซายังไม่สิ้นสุด และอิสราเอลจะดำเนินต่อไปจนกว่าตัวประกันจะถูกส่งตัวกลับ

เนทันยาฮูกล่าวในแถลงการณ์ที่บันทึกวิดีโอไว้ว่า “วันนี้เราได้สะสางเรื่องทั้งหมดแล้ว วันนี้ความชั่วร้ายได้รับการโจมตี แต่ภารกิจของเรายังไม่เสร็จสิ้น” “ถึงครอบครัวตัวประกันที่รัก ฉันขอกล่าวว่า นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของสงคราม เราจะเดินหน้าต่อไปจนกว่าคนที่คุณรัก คนที่เรารัก จะกลับบ้าน”

อิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลกล่าวว่า “นี่คือความสำเร็จทางทหารและศีลธรรมอันยิ่งใหญ่สำหรับอิสราเอล” เขาเรียกซินวาร์ว่าเป็น "ฆาตกรหมู่ที่รับผิดชอบต่อการสังหารหมู่และความโหดร้ายเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม" - การโจมตีอิสราเอลที่นำโดยกลุ่มฮามาสที่จุดชนวนให้เกิดการโจมตีในฉนวนกาซา

พลโทเฮอร์ซี ฮาเลวี ผู้บัญชาการทหารอิสราเอล กล่าวว่า การที่อิสราเอลไล่ล่าซินวาร์ในช่วงปีที่ผ่านมาทำให้เขา "ทำตัวเหมือนผู้หลบหนี ทำให้เขาต้องเปลี่ยนสถานที่หลายครั้ง"

เขากล่าวว่า ทหารพบซินวาร์ระหว่างปฏิบัติการปกติโดยไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่นั่น ซึ่งแตกต่างจากปฏิบัติการอื่น ๆ ที่ต่อต้านผู้นำกลุ่มก่อการร้ายโดยอาศัยข้อมูลข่าวกรองที่ครอบคลุม

การสังหารดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติการภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งกองทัพอิสราเอลสังหารนักรบ 3 คนและนำศพของพวกเขาไป สถานีวิทยุกองทัพอิสราเอลรายงาน

ซินวาร์ ซึ่งได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำโดยรวมของกลุ่มฮามาสหลังจากการลอบสังหารอิสมาอิล ฮานีเยห์ ผู้นำทางการเมืองในกรุงเตหะรานเมื่อเดือนกรกฎาคม เชื่อกันว่าซ่อนตัวอยู่ในอุโมงค์ที่กลุ่มฮามาสสร้างขึ้นภายใต้ฉนวนกาซาในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา แม้ว่าชาติตะวันตกต่างหวังว่าจะมีการหยุดยิง แต่การเสียชีวิตของเขาอาจทำให้เกิดการสู้รบในตะวันออกกลาง ซึ่งมีแนวโน้มว่าความขัดแย้งจะขยายวงกว้างขึ้น อิสราเอลได้เริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินในเลบานอนเมื่อเดือนที่แล้ว และขณะนี้กำลังวางแผนตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม โดยอิหร่านซึ่งเป็นพันธมิตรของกลุ่มฮามาสและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แห่งเลบานอนเป็นผู้ลงมือ

แต่การเสียชีวิตของชายผู้วางแผนการโจมตีเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งนักรบได้สังหารผู้คนในอิสราเอลไป 1,200 คน และจับตัวประกันไปมากกว่า 250 คน ตามการนับของอิสราเอล อาจช่วยผลักดันความพยายามในการยุติสงครามที่หยุดชะงักซึ่งอิสราเอลได้สังหารชาวปาเลสไตน์ไปแล้วกว่า 42,000 คน ตามข้อมูลของทางการด้านสาธารณสุขของกาซา

ซินวาร์ ซึ่งเกิดเมื่อปี 2505 เคยได้รับมอบหมายให้ลงโทษชาวปาเลสไตน์ที่ต้องสงสัยว่าให้ข้อมูลแก่อิสราเอล ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะหัวหน้าเรือนจำ เขากลายเป็นฮีโร่บนท้องถนนในฉนวนกาซาหลังจากรับโทษจำคุกในเรือนจำของอิสราเอลนานกว่า 20 ปีในข้อหาวางแผนการลักพาตัวและสังหารทหารอิสราเอล 2 นายและชาวปาเลสไตน์ 4 นาย

เขาได้รับการปล่อยตัวในปี 2011 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแลกเปลี่ยนนักโทษกว่า 1,000 คนกับทหารอิสราเอล 1 นายที่ถูกลักพาตัวไปซึ่งถูกคุมขังในฉนวนกาซา จากนั้น Sinwar ก็ไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในกลุ่มฮามาสอย่างรวดเร็ว เขาอุทิศตนเพื่อกำจัดอิสราเอล

อิสราเอลสังหารผู้บัญชาการของกลุ่มฮามาสหลายคนในฉนวนกาซา รวมถึงบุคคลสำคัญของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นพันธมิตรกับอิหร่านในเลบานอน ส่งผลให้ศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอลต้องเผชิญชะตากรรมอันเลวร้ายชะตากรรมของตัวประกัน

การสังหารครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามใหม่ๆ เกี่ยวกับชะตากรรมของตัวประกัน และอนาคตของความขัดแย้งในพื้นที่ตะวันออกกลาง

‘มาครง - เนทันยาฮู’ ปะทะเดือด หลังการโจมตีใน ‘เลบานอน’ ชี้!! มุ่งเป้าไปที่ ‘ผู้รักษาสันติภาพ’ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม

(19 ต.ค. 67) ท่ามกลางการโจมตีเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพในเลบานอน ประธานาธิบดีมาครงและนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูกำลังแลกฝีปากกัน ตามข้อมูลของพระราชวังเอลิเซ มาครงแสดงความไม่พอใจต่อการโจมตีดังกล่าวในการสนทนาทางโทรศัพท์ เขากล่าวว่าอิสราเอลต้องหยุดมุ่งเป้าไปที่ผู้รักษาสันติภาพทันที เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม

แต่อิสราเอลเน้นย้ำว่าไม่ได้มุ่งเป้าไปที่กองทหารสหประชาชาติแต่อย่างใด ขณะเดียวกันก็กล่าวหากลุ่มฮิซบอลเลาะห์เลบานอนที่ใช้พวกเขาเป็นโล่กำบัง

สื่อฝรั่งเศสยังรายงานคำเตือนจากมาครงถึงเนทันยาฮูว่า เนทันยาฮูไม่ควรลืมว่าอิสราเอลก่อตั้งขึ้นโดยการตัดสินใจของสหประชาชาติ มีรายงานว่ามาครงกล่าวถึงประเด็นนี้ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ตอนนี้ไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่อิสราเอลจะตีตัวออกห่างจากการตัดสินใจของสหประชาชาติ

เนทันยาฮูตอบโต้ด้วยความโกรธเคืองต่อคำพูดของมาครง และประกาศกร้าวเป็นการเตือนความจำสำหรับประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศสว่า อิสราเอลไม่ได้ก่อตั้งขึ้นโดยการตัดสินใจของสหประชาชาติ แต่เกิดจากชัยชนะในสงครามอาหรับ-อิสราเอลที่เริ่มต้นขึ้นในปี 1948

ในส่วนของมาครง เขาพูดพาดพิงถึงแผนการแบ่งดินแดนของสหประชาชาติสำหรับปาเลสไตน์ ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติให้การรับรองในปี 1947 ดังนั้น หลังจากสิ้นสุดอาณัติของอังกฤษ ปาเลสไตน์ควรถูกแบ่งออกเป็นรัฐสำหรับชาวยิว และอีกรัฐหนึ่งสำหรับชาวอาหรับ กรุงเยรูซาเล็มควรได้รับสถานะพิเศษ ซึ่งแผนดังกล่าวไม่เคยถูกนำมาใช้

โยนาธาน อาร์ฟี-ประธานองค์กรของชาวยิวในฝรั่งเศส วิพากษ์วิจารณ์จุดยืนของมาครง ‘หากความคิดเห็นเหล่านี้เป็นจริง ก็ถือเป็นความผิดพลาดทั้งในอดีตและทางการเมือง’ เขาโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X นั่นหมายถึง ‘การดูแคลนประวัติศาสตร์ร้อยปีของไซออนิสต์ และการเสียสละของผู้คนนับหมื่นนับพัน’

นอกจากนี้ ความคิดเห็นของประธานาธิบดีมาครงยังสนับสนุนผู้โต้แย้งสิทธิในการดำรงอยู่ของอิสราเอลอีกด้วย อาร์ฟีกล่าว

‘อิสราเอล’ ทิ้งระเบิดใส่!! ‘กาซา’ ดับอนาถ 73 ราย ‘เลบานอน’ โต้กลับยิงถล่ม!! ใส่บ้าน ‘เนทันยาฮู’

(20 ต.ค. 67) อิสราเอลได้ออกปฏิบัติการทิ้งระเบิดถล่มเมืองเบตลาฮิยา ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา เมื่อวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 73 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก หลังจากอิสราเอลเพิ่งปลิดชีพ ยาห์ยา ซินวาร์’ ผู้นำของกลุ่มฮามาสได้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 

รายงานระบุว่าเมื่อวานนี้ ยังมีเครื่องบินอิสราเอลโปรยใบปลิวไปทั่วพื้นที่ตอนใต้ของฉนวนกาซา โดยเป็นรูปภาพของซินวาร์ที่เพิ่งถูกสังหารไปพร้อมกับข้อความว่า ‘ฮามาสจะไม่ได้ปกครองกาซาอีกต่อไป’

ทั้งนี้ สำนักข่าวของกลุ่มฮามาสแถลงว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โจมตีดังกล่าวอย่างน้อย 73 ราย แม้ว่าทางกระทรวงสาธารณสุขจะยังไม่ได้เผยแพร่ตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ แต่กองทัพอิสราเอลแถลงว่ากำลังตรวจสอบเหตุการณ์ โดยเชื่อว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตที่รายงานนั้นสูงเกินจริง และไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่กองทัพมี รวมถึงชนิดของอาวุธที่ใช้และความแม่นยำในการโจมตี ซึ่งกองทัพอิสราเอลยืนยันว่าเป้าหมายคือฐานที่มั่นของฮามาส

ด้านเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์เผยว่า การปิดระบบโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตเป็นวันที่สองส่งผลกระทบต่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ขณะที่ชาวบ้านและบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่รายงานว่า กองทัพอิสราเอลได้เพิ่มความเข้มงวดในการปิดล้อมค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ซึ่งเป็นค่ายที่ใหญ่ที่สุดจากทั้งหมด 8 แห่งในกาซา โดยส่งรถถังเข้าควบคุมเมืองใกล้เคียงอย่างเบตฮานุนและเบตลาฮิยา พร้อมทั้งออกคำสั่งให้ประชาชนอพยพออกจากพื้นที่

ในวันเดียวกัน มีรายงานว่าอิสราเอลได้เข้าโจมตีพิ้นที่ทางตอนใต้ของกรุงเบรุต ในเลบานอน โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่คลังเก็บอาวุธของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ เพื่อตอบโต้กรณีที่ฮิซบอลเลาะห์ยิงขีปนาวุธเข้าถล่มตอนเหนือของอิสราเอลเมื่อวานนี้ และฝ่ายอิสราเอลอ้างว่ายังมีการยิงโดรนหมายถล่มบ้านพักตากอากาศของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูด้วย แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่อยู่บ้านดังกล่าวขณะโจมตีก็ตาม และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าตัวบ้านได้รับความเสียหายหรือไม่ 

สหรัฐฯ กุมขมับ!! หลังเอกสารลับสุดยอดโผล่สื่อโซเชียล ยอมรับเป็นของจริง ปูดแผน ‘อิสราเอล’ เตรียมโจมตี ‘อิหร่าน’

(21 ต.ค. 67) รัฐบาลสหรัฐฯ เครียด! เมื่อปรากฏเอกสารลับสุดยอดหลุดออกไปเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียล ที่ระบุชัดว่า อิสราเอลกำลังเตรียมแผนการโจมตีอิหร่าน เพื่อตอบโต้ที่กรุงเทล-อาวีฟ ถูกอิหร่านระดมยิงด้วยขีปนาวุธ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา

โดย ไมค์ จอห์นสัน โฆษกรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านสื่อว่า ทางรัฐบาลวอชิงตันมีความกังวล เมื่อทราบว่ามีเอกสารลับสำคัญ 2 ชิ้นที่เอกสารดังกล่าวมาจากสำนักงานข่าวกรองเชิงพื้นที่แห่งสหรัฐอเมริกาและสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ

เอกสารฉบับแรกมีชื่อว่า “อิสราเอล: กองทัพอากาศกำลังเตรียมการโจมตีอิหร่านและดำเนินการฝึกทหารกองใหญ่ครั้งที่ 2"

ส่วนฉบับที่สองชื่อ “อิสราเอล: กองกำลังป้องกันได้เตรียมอาวุธสำคัญ และ อากาศยานไร้คนขับ เกือบสมบูรณ์แล้วสำหรับการโจมตีอิหร่าน" 

ซึ่งเอกสารทั้ง 2 ฉบับ ระบุวันที่ 16 ตุลาคม 2024 หลังจากนั้นเพียงวันเดียว เอกสารก็ถูกเผยแพร่ลงในสื่อ Telegram ผ่านเพจสำนักข่าวสายอิหร่านในกรุงเตหะราน และที่สำคัญคือ ทางการสหรัฐฯ ยอมรับว่า เอกสารทั้ง 2 ฉบับเป็นของจริง

โดยปกติแล้ว เอกสารลับระดับนี้ จะถูกเผยแพร่เฉพาะแค่ในกลุ่ม “Five Eyes" พันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของสหรัฐอเมริกา ที่ประกอบด้วย อังกฤษ, แคนาดา, ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ เท่านั้น

โฆษกสหรัฐฯ กล่าวว่า จะมีการสืบสวนร่วมกันระหว่าง กระทรวงกลาโหม, หน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติ และ FBI เพื่อตรวจสอบว่าเอกสารลับชิ้นหลุดออกไปได้อย่างไร ไม่ว่ามาจากสมาชิกคนในสำนักหน่วยข่าวกรอง หรือถูกแฮ็ก และใครเป็นคนเผยแพร่เอกสารลับทางออนไลน์เป็นคนแรก

ด้านกองทัพอิสราเอลไม่ขอแสดงความคิดเห็นใดๆ ที่เกี่ยวกับเอกสารลับสหรัฐฯ ที่พาดพิงถึงแผนปฏิบัติการทหารของตนในอิหร่าน 

ส่วนสื่ออิสราเอลออกมาคาดการณ์ว่า กองทัพอิสราเอลน่าจะใช้ขีปนาวุธ  Blue Sparrow ที่มีพิสัยยิงไกลถึง 2,000 กิโลเมตร และออกปฏิบัติการโจมตีไม่เกินเดือนเมษายนปีหน้า ซึ่งกองทัพอิสราเอลได้มีการทดสอบขีปนาวุธของตนอย่างลับๆมาตลอด เพราะข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพของขีปนาวุธถือเป็นความลับสุดยอด ที่จะแพร่งพรายให้ศัตรูล่วงรู้ไม่ได้เด็ดขาด 

แต่จากข้อมูลลับของสหรัฐฯ ที่หลุดออกมา ทำให้เชื่อว่า อิสราเอลไม่น่าจะใช้หัวรบนิวเคลียร์โจมตีอิหร่าน ซึ่งเป็นไปตามข้อเรียกร้องของโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ที่เคยออกมากล่าวว่า สหรัฐอเมริกาไม่สนับสนุนการใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน 

สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ สงครามในตะวันออกกลางจะยังคงนองเลือดต่อไป แม้ ยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกองกำลังฮามาสในกาซา จะถูกสังหารจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลไปแล้วก็ตาม 

‘อิสราเอล’ เปิดฉากถล่ม!! เป้าหมายทางทหารใน ‘อิหร่าน’ เอาคืน!! ที่อิหร่านโจมตี อิสราเอล ด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล

(26 ต.ค. 67) กองทัพอิสราเอลเผย ได้ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อตอบโต้ที่อิหร่านที่โจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลราว 200 ลูก

กองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) แถลง เพื่อตอบโต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานหลายเดือนของรัฐบาลอิหร่านต่อรัฐอิสราเอล ตอนนี้กองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่าน

อิสราเอลบอกว่า ตนมีสิทธิและหน้าที่ในการตอบโต้การโจมตีจากรัฐบาลเตหะรานและพรรคพวก ซึ่งรวมถึงการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากอิหร่าน

‘ความสามารถในการป้องกันและการรุกของเรา ระดมกำลังอย่างเต็มที่’ ไอดีเอฟ ระบุ

อย่างไรก็ตาม ขนาดของการโจมตีครั้งนี้ยังไม่มีความแน่ชัดในทันที

สื่อโทรทัศน์รัฐบาลอิหร่าน รายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดรุนแรงหลายครั้งรอบ ๆ เมืองหลวงเตหะราน ขณะที่อีกสื่อรายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดใกล้กับเมืองคาราจ

ส่วนสำนักข่าว Tasnim เผยว่า ยังไม่พบรายงานเกี่ยวกับการได้ยินเสียงระเบิด หรือเครื่องบินบนน่านฟ้าเตหะราน

สื่อโทรทัศน์ของรัฐอ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองอิหร่าน บอกว่า ต้นตอของเสียงระเบิดอาจมาจากการเปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่าน

ขณะที่สื่อรัฐบาลซีเรีย รายงานว่า ได้ยินเสียงระเบิดในกรุงดามัสกัสและภูมิภาคตอนกลาง

ทั้งนี้ สหรัฐได้รับแจ้งจากอิสราเอลแล้ว ก่อนที่อิสราเอลจะปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายในเตหะราน แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐยืนยันว่า สหรัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการดังกล่าว

ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าวว่า “เราเข้าใจว่าอิสราเอลกำลังปฏิบัติการโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่าน เพื่อเป็นการป้องกันตนเอง และตอบโต้ที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธเมื่อวันที่ 1 ต.ค.”

‘สหรัฐฯ’ ชี้ ‘อิสราเอล’ โจมตี ‘อิหร่าน’ เป็นการป้องกันตนเอง หลังถูกรัฐบาลเตหะราน โจมตีด้วยขีปนาวุธ เมื่อหลายวันก่อน

(26 ต.ค. 67) นายฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติทำเนียบขาวแถลงเมื่อกลางดึกวันศุกร์ (25 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น

เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐคนหนึ่งกล่าวว่า สหรัฐ ‘ได้รับแจ้งล่วงหน้าแล้ว และไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง’ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ระบุว่า อิสราเอลแจ้งล่วงหน้ากี่วันหรือบอกข้อมูลใดให้ทราบบ้าง

ต่อมาทำเนียบขาวออกแถลงการณ์เพิ่มเติมว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ได้รับข้อมูลสรุปเรื่องการโจมตีแล้ว ทีมความมั่นคงแห่งชาติจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมให้ทราบเรื่อย ๆ

‘อิหร่าน’ ประกาศความสำเร็จ ในการสกัดกั้น ‘ขีปนาวุธ’ เผย!! สามารถต้านทานการโจมตี ของ ‘อิสราเอล’ ได้สำเร็จ

(26 ต.ค. 67) กองบัญชาการกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศแห่งชาติของอิหร่านได้ประกาศความสำเร็จของระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบบูรณาการของประเทศในการสกัดกั้นการโจมตีฐานทัพในจังหวัดเตหะราน คูเซสถาน และอีลัม ในช่วงเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2024 

การโจมตีดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายในวงจํากัดในบางพื้นที่ และขอบเขตความเสียหายจากเหตุโจมตีทั้งหมดอยู่ระหว่างการตรวจสอบ คําแถลงระบุเสริม แต่ก็ยอมรับว่า ‘ได้รับความเสียหายในวงจำกัด’ ในบางพื้นที่ โดยยืนยันว่า กองบัญชาการกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศแห่งชาติสามารถต้านทานการโจมตีของอิสราเอลครั้งนี้ได้สำเร็จ 

แถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่อิสราเอลเปิดเผยเมื่อเช้าวันเสาร์ว่า ได้โจมตีฐานทัพของอิหร่าน แม้จะมีการบันทึกภาพการสกัดกั้นขีปนาวุธที่ไม่ทราบชนิดบนท้องฟ้าของอิหร่านไว้ แต่ก็ไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่บ่งชี้ถึงความเสียหายหรือการสูญเสียชีวิตอย่างมีนัยสำคัญต่อเป้าหมายภาคพื้นดินของอิหร่านแต่อย่างใด

ส่วนอิสราเอลได้แถลงการณ์ผ่านวิดีโอซึ่งเผยแพร่เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ โดย Daniel Hagari โฆษกกองทัพอิสราเอล ระบุว่า รัฐบาล ‘กำลังดำเนินการโจมตีเป้าหมายทางทหารในอิหร่านอย่างแม่นยำ’ เขาปฏิเสธที่จะระบุเป้าหมายหรืออาวุธที่ใช้ แต่กล่าวว่า "อิสราเอลมีความสามารถในการป้องกันและโจมตีอย่างเต็มที่"

สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านมีกำลังรบหลัก 2 ส่วนได้แก่ (1) กองทัพแห่งชาติ มี 4 เหล่าทัพได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศแห่งชาติ มีกำลังพลรวม 420,000 นาย และ (2) กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม มีกำลังพล 125,000 นาย กองกำลังป้องกันภัยทางอากาศแห่งชาติถือเป็นเหล่าทัพหนึ่งของกองทัพแห่งชาติ มีกำลังพล 15,000 นาย มีหน้าที่รับผิดชอบภารกิจในการป้องกันภัยทางอากาศขแงประเทศโดยเฉพาะ 

‘มาริษ’ ไม่อยู่เฉย ร่อน ‘หนังสือประท้วง’ ทางการอิสราเอล หลัง ‘แรงงานไทย’ เสียชีวิตแล้ว!! 4 ราย บาดเจ็บ 1 ราย

(2 พ.ย. 67) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงเหตุยิงจรวดเข้าไปในเขตประเทศอิสราเอล และทำให้คนไทยเสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย ว่าขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้นิ่งนอนใจตั้งแต่เริ่มมีความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง กระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างยิ่งที่จะชะลอการเดินทางของแรงงานไทยไปยังภูมิภาคดังกล่าว และกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เข้าใจดีว่าการเข้าไปทำงานของแรงงานไทยเพราะต้องการมีโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดีกว่า

แต่อยากจะขอความร่วมมือทุกภาคส่วนรวมทั้งประชาชนชาวไทยว่า ณ ขณะนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางไม่ใช่สถานการณ์ธรรมดา แต่มีความขัดแย้งรุนแรง ดังนั้นขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายและประชาชนไม่เดินทางไปยังประเทศอิสราเอลและภูมิภาคตะวันออกกลาง

รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุเสียชีวิตของแรงงานไทย สถานทูตได้ทำการประท้วงไปยังหน่วยราชการของอิสราเอล เนื่องจากพื้นที่ที่แรงงานไทยเสียชีวิตนั้น เป็นพื้นที่ที่ทางการอิสราเอลประกาศเป็นพื้นที่ทางทหาร แต่มีความพยายามของนายจ้างชาวอิสราเอลที่นำแรงงานเข้าไปทำงานเป็นการชั่วคราวระยะสั้น 2-3 ชั่วโมง แม้จะเป็นระยะสั้นแต่ก็ไม่ทราบว่าจะมีการโจมตีเกิดขึ้นเมื่อใด จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราได้รับข่าวร้ายและมีการสูญเสีย ที่สำคัญตนไม่ต้องการเห็นแรงงานไทยเสียชีวิตในภูมิภาตะวันออกกลางอีก จึงขอให้หน่วยราชการไทยร่วมกันช่วยชะลอการเดินทางเข้าไปทำงานของคนไทยในภูมิภาคดังกล่าว

เมื่อถามว่าประเมินสถานการณ์แล้วมีความน่าเป็นห่วงใช่หรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า สถานการณ์น่าเป็นห่วงแน่นอน กรณีการขยายตัวของสงครามมีแน่นอน แต่คงไม่อยู่ในสเกลที่ไม่สามารถควบคุมได้ ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นหรือมีการปะทะกันเป็นกรณี แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนที่ไม่ทราบเรื่อง ดังนั้นกระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ จึงใช้กรณีนี้เรียกร้องรัฐบาลอิสราเอลยุติการนำแรงงานไทยเข้าไปอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยหรือพื้นที่ที่อิสราเอลประกาศเป็นพื้นที่ต้องห้าม

นายมาริษ กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนยังได้ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิสราเอลแล้ว ในฐานะที่ประเทศไทยเพิ่งได้รับเลือกเป็นสมาชิกของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เราจึงมีหน้าที่ต้องแสดงจุดยืนในเรื่องสำคัญ จึงขอให้ช่วยใช้ความยับยั้งชั่งใจเพื่อพยายามป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งขยายตัวมากยิ่งขึ้น พร้อมขอให้ทุกฝ่ายหยุดการกระทำที่จะนำไปสู่การขยายตัวของสงคราม และต้องมานั่งเจรจาเพื่อหาทางยุติข้อขัดแย้ง บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติเป็นหลัก เพราะจุดยืนของไทยคือยึดเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง

ผู้นำอิหร่าน ให้คำมั่นจะตอบโต้ อิสราเอล-สหรัฐ หากโจมตี!! รุกราน ‘เตหะราน-กลุ่มพันธมิตร’

(3 พ.ย. 67) อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ให้คำมั่นในระหว่างกล่าวกับกลุ่มนักศึกษาในกรุงเตหะรานของอิหร่าน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนว่า จะตอบโต้การโจมตีของอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา ชาติพันธมิตร ที่มุ่งเป้าหมายต่ออิหร่านและกลุ่มพันธมิตรที่ให้การสนับสนุนอิหร่านในภูมิภาคนี้

คาเมเนอีกล่าวว่าศัตรู ทั้งสหรัฐและระบอบไซออนิสต์ (อิสราเอล) ควรรู้ว่าพวกเขาจะได้รับการตอบโต้ที่ทำลายล้างอย่างแน่นอนต่อสิ่งที่พวกเขากำลังทำกับอิหร่าน ชาติอิหร่านและแนวร่วมต่อต้าน ซึ่งคาเมเนอีหมายถึงกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุนทั้งกลุ่มฮูตีในเยเมน กลุ่มฮามาส กลุ่มติดอาวุธในดินแดนปาเลสไตน์ และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน

คาเมเนอียังกล่าวยกย่องทหารอิหร่านที่ถูกสังหารเสียชีวิตจากการโจมตีอิหร่านของอิสราเอลเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ความพยายามของนายทหารเหล่านั้นในการเผชิญหน้ากับอิสราเอลจะไม่มีวันถูกลืมเลือน และว่าอิหร่านกำลังทำทุกอย่างที่ควรทำเพื่อเตรียมพร้อมประเทศไม่ว่าจะในด้านการทหาร อาวุธหรือทางการเมืองในการตอบโต้โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

เป็นการแสดงท่าทีแข็งกร้าวอีกครั้งของผู้นำสูงสุดของอิหร่านอีกครั้งในการเผชิญหน้ากับชาติปรปักษ์สำคัญอย่างอิสราเอลท่ามกลางบรรยากาศที่ทวีความตึงเครียดหนัก หลังอิสราเอลเปิดการโจมตีทางอากาศถล่มเป้าหมายทางทหารในประเทศอิหร่านเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ซึ่งเป็นผลให้ทหารอิหร่านเสียชีวิต 4 นาย เป็นการตอบโต้ที่อิหร่านรัวยิงขีปนาวุธเกือบ 200 ลูกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

วันเดียวกันมีรายงานด้วยว่ากลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ออกมากล่าวอ้างในเวลาต่อมาว่า ได้ยิงจรวดหลายลูกโจมตีฐานกลีล็อต ฐานที่มั่นของหน่วยข่าวกรองทหาร 8200 ของอิสราเอล ใกล้กับนครเทลอาวีฟ เมื่อเวลา 02.30 น.ของวันที่ 2 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่น นอกจากนี้กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ยังระบุด้วยว่าได้ยิงจรวดโจมตีพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอลด้วย โดยเฉพาะที่เมืองซาเฟด ซึ่งเป็นอีกเป้าหมายที่ถูกถล่มซ้ำ โดยมีรายงานจากฝ่ายอิสราเอลว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นในวันนี้ส่งผลให้มีผู้คนในอิสราเอลได้รับบาดเจ็บ 19 ราย

กองทัพอิสราเอลระบุด้วยว่าวันเดียวกันนี้ยังสามารถสกัดโดรน 3 ลำที่ถูกส่งมาโจมตีในอิสราเอลจากทางตะวันออกของทะเลแดง โดยไม่ได้ระบุเจาะจงว่ามาจากที่ใด อย่างไรก็ดีบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่กลุ่มฮูตีเคลื่อนไหวอยู่

ยูเอ็น เผยยอดเสียชีวิตในกาซาเกือบ 70% เป็นผู้หญิง-เด็ก ชี้ ส่วนใหญ่เกิดจากอิสราเอลโจมตีเขตคนอยู่อาศัยหนาแน่น

(12 พ.ย.67) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รายงานวิเคราะห์ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ได้วิเคราะห์ตัวเลขผู้เสียชีวิต 8,119 คน ในฉนวนกาซาระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2023 ถึงเมษายน 2024 หรือเป็นเวลา 6 เดือน โดยพบว่าเกือบ 70% ของผู้เสียชีวิตดังกล่าวเป็นเด็กและผู้หญิง

รายงานดังกล่าวพบว่า ผู้เสียชีวิต 8,119 คนในช่วงดังกล่าวราว 44% เป็นเด็กในช่วงอายุมากที่สุดอยู่ระหว่าง 5-9 ขวบ และอีก 26% เป็นผู้หญิง ราว 80% ของผู้เสียชีวิตถูกสังหารในอาคารที่อยู่อาศัยหรือบ้านเรือน OHCHR บอกว่าสาเหตุที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตในกาซาพุ่งสูงนั้นส่วนใหญ่มาจากการที่อิสราเอลใช้อาวุธโจมตีพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นในฉนวนกาซา แต่ผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งมาจากการยิงจรวดที่ผิดพลาดของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์

นายโฟลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็นระบุในแถลงการณ์ว่า ระดับการเสียชีวิตและบาดเจ็บของพลเรือนที่มากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนถือเป็นผลสืบเนื่องโดยตรงจากการไม่ได้ปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ เติร์กยังเรียกร้องให้มีการพิจารณาอย่างเหมาะสมเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง

รายงานฉบับดังกล่าวยังได้บอกว่า แนวทางที่ทั้งกองทัพอิสราเอลและกลุ่มฮามาสใช้ทำสงครามในฉนวนกาซาได้ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานแสนสาหัสแก่มนุษยชาติ เพราะกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ทำสงครามในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นและมีการยิงจรวด ขีปนาวุธ และกองทัพอิสราเอลได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนทำให้ผู้คนบาดเจ็บ เสียชีวิต และผู้ที่รอดชีวิตต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น พบกับความหิวโหย และไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาด อาหาร และการรักษาสุขภาพ

กระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซารายงานว่า มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซานับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้รวมทั้งสิ้นแล้วกว่า 43,300 คน และเชื่อว่าอีกหลายศพยังติดอยู่ใต้ซากอาคารที่ถูกโจมตีเสียหาย

ล่าสุด กองทัพอิสราเอลได้ทำการโจมตีหลายพื้นที่ทั่วฉนวนกาซาในวันที่ 10 พฤศจิกายน ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้นอย่างน้อย 40 ราย กองทัพอิสราเอลยังได้โจมตีอาคารบ้านเรือนสูง 3 ชั้น ในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียในทางตอนเหนือของกาซา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 24 ราย และมีผู้บาดเจ็บที่อาศัยอยู่ในบ้านใกล้เคียงอีก 30 ราย โดยกองทัพอิสราเอลอ้างว่าทำการโจมตีค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลียเพราะมีผู้ก่อการร้ายอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นภัยต่อกองทัพอิสราเอลในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top