Saturday, 4 May 2024
สงขลา

5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ - ค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ “สานใจไทยสู่ใจใต้” รุ่นที่ 38

วันที่ 6-8 เมษายน 2564 มูลนิธิรัฐบุรุษ มูลนิธิรักเมืองไทย และมูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จัดค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ ในโครงการ “สายใจไทย สู่ใต้” รุ่นที่ 38 ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยมีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี (ประธานคณะกรรมการอำนวยการโครงการฯ) เป็นประธานในพิธี และนายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ มีเยาวชนจาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี สงขลา และสตูล จำนวน 320 คน เข้าร่วมโครงการ

สำหรับกิจกรรมของค่ายฯ ในวันที่ 6 เมษายน 2564 เวลา 16.30 น. คณะเยาวชนฯ เดินทางมาถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เข้าพักที่อาคารค่ายเยาวชนสุรัสวดี ช่วงค่ำแบ่งเยาวชนออกเป็น 2 กลุ่ม สลับกันเข้าร่วมกิจกรรม 2 กิจกรรม ได้แก่ การบรรยายโครงการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติ และการส่องสัตว์ศึกษาชีวิตสัตว์ป่าเวลากลางคืน

วันที่ 7 เมษายน 2564 เวลา 10.30 น. เป็นพิธีเปิดค่ายสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเขาใหญ่ โครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” รุ่นที่ 38 โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และบรรยายพิเศษ เรื่อง “การอนุรักษ์ธรรมชาติ” การจัดกิจกรรมอวยพรวันสงกรานต์ มอบของแก่คณะเยาวชนฯ ปลูกต้นไม้ ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึก และกิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ในภาคบ่ายเป็นกิจกรรมเข้าฐานศิลปะและดนตรี ประกอบด้วย ฐานสร้างสรรค์งานศิลป์จากวัสดุธรรมชาติ ฐานวาดภาพด้วยดินสอถ่านชาร์โคล ฐานวาดภาพแอบแสตรกต์ ฐานดนตรี ฐานดนตรีสากล ฐานภาพพิมพ์จากวัสดุธรรมชาติ และฐานภาพพิมพ์โฟมอัด ของชมรมศิลปะนางรองพิทฯ รร.นางรองพิทยาคม กลุ่มศิลปะเด็กบ้านลูกพิมพ์ และรร.เกล้าปัญญา จ.บุรีรัมย์ ส่วนในภาคกลางคืนเป็นการแสดงของเยาวชนฯ ทั้ง 5 จังหวัด และกิจกรรมอำลา ซึ่งก่อนพิธีเปิดค่ายฯ มีการสร้างบรรยากาศด้วยเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน จากโจนัส แอนเดอร์สัน และร้องเพลงต้นไม้ของพ่อก่อนปลูกต้นไม้อีกด้วย

พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ‘...ขอฝากให้เยาวชนช่วยกันดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่างน้อยให้ทุกคนปลูกต้นไม้อย่างน้อยปีละ 1 ต้น รวมทั้งให้ทุกคนทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพราะคนที่ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ก็จะเป็นคนดีด้วย คนไม่ดีก็มักจะทำสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ และขอให้การจัดกิจกรรมในโครงการฯ บรรลุตามวัตถุประสงค์ต่อไป...”

วันที่ 8 เมษายน 2564 เวลา 06.30 น. คณะเยาวชนฯ เดินทางจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา และทัศนศึกษาอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาต่อไป


ภาพ/ข่าว  สมพุด เกตขจร ผู้สื่อข่าวภูมิภาคจังหวัดบุรีรัมย์

สงขลา - เลขาธิการ ศอ.บต. ชื่นชมครูในพื้นที่ จชต. ฝึกซ้อมดนตรี เพื่อนำไปสานต่อแก่นักเรียน ใช้ดนตรีเป็นสื่อกลางในการแก้ไขปัญหาพื้นที่

ที่ โรงแรมเซาท์เทอร์น แอร์พอร์ท อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร  เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานในพิธีปิด พร้อมให้โอวาทแก่ผู้ผ่านการอบรมในกิจกรรมพัฒนาทักษะดนตรีให้กับบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาระดับประถมศึกษา และโรงเรียนขยายโอกาสในชุมชนไทยพุทธถดถอยและชุมชนพหุวัฒนธรรม จัดโดยกองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต. เพื่อพัฒนาทักษะด้านดนตรีให้กับบุคลากรทางการศึกษา ให้มีความรู้และทักษะด้านดนตรีที่ถูกต้องตามมาตรฐานสากล สามารถถ่ายทอดให้กับนักเรียน เยาวชน ประชาชนให้มีทักษะความรู้และหันมาสนใจการเล่นดนตรีมากขึ้น โดยมีนายถาวร บุญศรี  ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กระทรวงพลังงาน) นางสาวจิณห์นิภา ทิมผกุล  นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ ตลอดจนบุคลากรของสถานศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมในพิธี

ในการนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร  กล่าวให้โอวาทแก่ผู้เข้าอบรมว่า ดนตรีและอุปกรณ์ด้านดนตรีที่ทุกคนได้ฝึกทักษะทั้งหมดนี้ เป็นเรื่องที่สามารถตอบโจทย์ได้ว่า การเข้าอบรมในครั้งนี้เราจะได้อะไรกลับไป ทุกภาคส่วนที่เราสามารถต่อเรื่องราวให้เข้าด้วยกันนั้น จะทำให้แผ่นดินใต้และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ร่วมกันภายใต้ “วิถีสังคมพหุวัฒนธรรม” นี้คือผลลัพธ์สุดท้ายของการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนั้นการพัฒนาบุคคล หรือทรัพยากรมนุษย์ อยู่ในลำดับที่ 1 เสมอ ศอ.บต. พร้อมทำในทุกมิติเพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้กลับสู่พื้นที่สันติสุข รวมถึงกิจกรรมการเล่นดนตรีก็สามารถแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเยาวชนในพื้นที่มาเล่นดนตรีในหมู่บ้าน โดยเอาโรงเรียนมาเชื่อมกับบ้าน และนำดนตรีเป็นสื่อกลางสามารถดึงผู้คนเข้ามาร่วมสนุกกันได้ ถือเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ที่เราสามารถอยู่ร่วมกันในชุมชนอย่างมีความสุข

ด้านผู้เข้าอบรมฯ ต่างขอบคุณ ศอ.บต. ที่ได้จัดกิจกรรมฝึกทักษะด้านดนตรีในครั้งนี้ โดยมองว่าที่ผ่านมาครูทุกคนได้สอนนักเรียนในวิชาดนตรีก็สอนตามความรู้ที่อยู่ในตำราเท่านั้น เพราะต้องยอมรับว่า เป็นสถานศึกษาที่อยู่ห่างไกล จึงไม่ค่อยมีอุปกรณ์ด้านดนตรี และไม่สามารถจะฝึกซ้อมนักเรียนให้เล่นดนตรีได้ แต่เมื่อเข้าอบรมในครั้งนี้ ได้รู้ถึงกระบวนการสอน การเล่นดนตรีที่ถูกต้อง จึงมั่นใจว่า หลังจากนี้ไปจะนำความรู้ไปฝึกซ้อมนักเรียนให้สามารถเล่นดนตรี และนำดนตรีมาพัฒนาเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่งให้ได้

สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ เป็นบุคลากรจากโรงเรียนระดับประถมศึกษาและโรงเรียนขยายโอกาสในพื้นที่รับผิดชอบ โดยแบ่งการอบรมออกเป็น 3 รุ่น รุ่นละ 50 คน โดยรุ่นที่ 1 จากจังหวัดยะลา และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม ถึง 1 เมษายน 2564 รุ่นที่ 2 จังหวัดปัตตานี ระหว่างวันที่ 2 – 5 เมษายน 2564 และรุ่นที่ 3 จังหวัดนราธิวาส ระหว่างวันที่ 6 – 9  เมษายน 2564 โดยได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านดนตรีสากลจากโรงเรียนแก้วเนียมการดนตรี จังหวัดปัตตานี มาให้ความรู้และได้แสดงการเล่นดนตรีในครั้งนี้อีกด้วย


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

 

สงขลา - นิพนธ์ วิ่งนำ "ธงชาติไทย รวมใจสู่ชัยชนะ" ส่งต่อกำลังใจให้นักกีฬาทีมชาติไทย เข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิก-พาราลิมปิก 23 ก.ค.- 8 ส.ค.นี้ ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

เมื่อเวลา 06.00 น. วันนี้ 10 เม.ย.64 นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดกิจกรรมวิ่ง Fun Run รวมใจสู่ชัยชนะ และเป็นประธานนำวิ่งขบวนธงชาติไทย SET ที่ 1 ระยะทาง 1 กิโลเมตร ณ สนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้(พรุค้างคาว) ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีนายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย ภาค 4  นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา และภาครัฐราชการ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19

โดยที่การกีฬาแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับจังหวัดสงขลา ภาครัฐ และภาคเอกชน ได้จัดกิจกรรม "วิ่งธงชาติไทย....รวมใจสู่ชัยชนะ" ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2564 ซึ่งเป็นการวิ่งนำธงชาติไทย เพื่อส่งต่อกำลังใจและร่วมเชียร์เหล่านักกีฬาทีมชาติไทย ไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก ในปี ค.ศ 2020 ในเดือนกรกฎาคม 2564 นี้ และเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19  จึงได้มีการเลื่อนการจัดกิจกรรม "วิ่งธงชาติไทย รวมใจสู่ชัยชนะ" เป็นระหว่างวันที่ 28 มีนาคม - 27 พฤษภาคม 2564 ซึ่งกำหนดระยะทางการวิ่งระยะไกล 35 จังหวัดทั่วภูมิภาค รวมระยะทาง 4,606 กิโลเมตร โดยฝ่ายกิจกรรมได้กำหนดเส้นทางการวิ่งผ่านจังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 8 ถึง 10 เมษายน 2564 และกำหนดจุดรับธงชาติไทย เพื่อนำธงชาติไทยไปประดับตั้งไว้ ณ สนามกีฬาเมืองหลักภาคใต้ (พรุค้างคาว)

นายนิพนธ์ รมช.มท.กล่าวว่า "ในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั่วโลกต้องเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า(COVID-19) ทำให้กิจกรรมต่างๆต้องหยุดชะงักไป การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกหรือโอลิมปิกเกมส์ เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจัดการแข่งขันยังคงจัดให้มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 32 :โตเกียว 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม ถึง 8 สิงหาคม พ.ศ. 2564 นี้ ทำให้พวกเรายังสามารถที่จะส่งแรงใจไปเชียร์นักกีฬาไทย ในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ"

ทั้งนี้ กิจกรรม"วิ่งธงชาติไทย...รวมใจสู่ชัยชนะ"  ซึ่งจะเป็นการวิ่งถือธงชาติไทยที่ใช้ในขบวนพาเหรดนักกีฬา ในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกไปทั่วประเทศ โดยคัดเลือกประชาชน ศิลปิน ดารา และคณะผู้บริหารจากหน่วยงานราชการ และภาคเอกชนที่สนใจในแต่ละจังหวัด เข้าร่วมวิ่งคนละ 1 กิโลเมตร รวมระยะทาง 4,606 กิโลเมตรใน 35 จังหวัด เพื่อส่งต่อกำลังใจ และร่วมเชียร์เหล่าทัพนักกีฬาทีมชาติไทย ในการเข้าแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น อันเป็นการส่งเสริมพัฒนาการด้านกีฬาให้แก่ประเทศไทย ได้ต่อไป

สงขลา - ชาวสงขลาออกมาทำบุญตักบาตร เนื่องในวันสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ของไทยคึกคัก ท่ามกลางการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19

ประชาชนจะสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเองเมื่อออกจากบ้าน รวมทั้งพระสงฆ์ที่เดินรับบิณฑบาตจากประชาชนก็สวมหน้ากากอนามัยทุกรูปเช่นเดียวกัน

วันนี้  13 เม.ย.64  ซึ่งเป็นวันสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ของไทย ท่ามกลางการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ย่านการค้าวชิรา ถนนทะเลหลวง อ.เมือง จ.สงขลา มีพุทธศาสนิกชนชาวสงขลาเดินทางมาทำบุญตักบาตรพระสงฆ์บริเวณนี้กันอย่างคึกคัก โดยทุกคนจะสวมหน้ากากอนามัยเนื่องจากเป็นช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ และวันนี้เป็นวันสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ของไทย ชาวสงขลาจะออกมาทำบุญตักบาตรเป็นประจำทุกปี ทำให้บริเวณนี้คึกคักพระสงฆ์ออกมาเดินรับบิณฑบาตรจากประชาชนตามปรกติ ซึ่งถือเป็นกิจของสงฆ์และพระทุกรูปจะสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันตนเองเช่นเดียวกัน

ในช่วงนี้ประชาชนที่มาทำบุญตักบาตรมากกว่าปรกติ เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางกลับบ้านช่วงสงกรานต์มาอยู่กับครอบครัว เพราะมีวันหยุดยาวหลายวัน มีพระสงฆ์และสามเณรหลายรูปจากวัดโคกเปรี้ยว ต.เกาะยอ อ.เมืองสงขลา มาบิณฑบาตที่บริเวณนี้ด้วย เพื่อนำอาหารที่บิณฑบาตกลับไปฉันในมื้อเช้าและเก็บไว้ฉันเพลในมื้อเพลอีก 1 มื้อ เนื่องจากในวัดมีพระสงฆ์และสามเณรในวัดเกือบ100 รูป

วันนี้ ชาวสงขลาออกมาทำบุญตักบาตรพระสงฆ์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว เนื่องในวันสงกรานต์ หรือวันขึ้นปีใหม่ของไทย ท่ามกลางการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบไป โดยนำอาหารหวานคาว  ข้าวสารอาหารแห้งมาทำบุญตักบาตรพระสงฆ์และสามเณร


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

สงขลา - แม่ทัพภาคที่ 4 พบปะประชาชนชาวอำเภอนาทวี พร้อมเปิดฝายชะลอน้ำ สร้างความร่วมมือ ให้เกิดการตระหนักรู้ หยุดเชื้อ เพื่อชาติ

พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เดินทางเป็นประธานเปิดฝายชะลอน้ำ ที่บ้านวังใหญ่ปลายรำ ตำบลนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา พร้อมเยี่ยมเยียนสร้างขวัญกำลังใจแก่พี่น้องประชาชน ในวันขึ้นปีใหม่ไทย ประจำปี 2564 ตามขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมวิถีไทย และสรงน้ำพระเพื่อความเป็นสิริมงคล โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้พูดคุยกับผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และชาวบ้าน โดยเน้นย้ำการทำกิจกรรมช่วงเทศการวันหยุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนเกิดการตระหนักรู้ ให้ความสำคัญในการระมัดระวังตนเอง และยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด  โดยไม่ไปในที่แออัด ให้สวมใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง รับผิดชอบตนเองและสังคม หยุดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ ร่วมกันหยุดเชื้อเพื่อชาติ จนกว่าสถานการณ์จะกลับมาเป็นปกติ

สำหรับฝายชะลอน้ำ ที่บ้านวังใหญ่ปลายรำ นั้นมีพระครูสุวัฒนาภรณ์ (อาจารย์ภัตร อริโย) เจ้าอาวาสวัดนาทวี / รองเจ้าคณะจังหวัดสงขลาพร้อมด้วย หน่วยทหารในพื้นที่ ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น พี่น้องประชาชนในอำเภอนาทวี ได้ร่วมแรงร่วมใจกันทำการสร้างฝายมีชีวิตขึ้นในชุมชน เพื่อเป็นน้ำหล่อเลี้ยงผลผลิตด้านเกษตรกรภายในพื้นที่ ให้สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลนในช่วงฤดูแล้ง และชะลอระดับกระแสน้ำในยามฤดูฝนไม่ให้เกิดน้ำหลากเข้าพื้นที่ทำการเกษตร ซึ่งฝายมีชีวิตดังกล่าวเป็นแนวคิดที่ให้เกิดการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ให้เกิดความรักความสามัคคี ด้วยการน้อมนำศาสตร์พระราชา หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้ามาเป็นเครื่องมือในการดำเนินการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ จนนำไปสู่การสร้างทักษะการทำงานร่วมกัน อันเป็นแบบอย่างของการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง หมู่บ้านปลอดเหตุ และชุมชนปลอดภัย พี่น้องประชาชนมีความรักความสามัคคีกัน สร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างยังยืนต่อไป


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

สงขลา - สีสัน..ไปดูภารกิจของสามเณรน้อยน้ำมนต์ วัย 5 ขวบ เริงร่าหลังบวชมา 8 วัน พรุ่งนี้ก็จะสึก เป็นที่รักของพระพี่เลี้ยงและสามเณรทุกคน

สีสัน วันที่ 8 ของโครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อนวัดไทรงาม จังหวัดสงขลา ซึ่งในครั้งนี้มีสามเณรน้อยรุ่นเล็กที่สุดอายุน้อยที่สุด ร่วมบรรพชาด้วย 1 รูป พร้อมพี่ ๆ สามเณร 60 รูป มาตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2564 จนถึงขณะนี้ ย่างเข้าวันที่ 8 คือ สามเณรน้ำมนต์ ซึ่งทุกเช้าจะมาช่วยพระพี่เลี้ยง ในการจัดเตรียมพื้นที่ในการฉันเช้าทุกวัน โดยวางรองบาตร จัดน้ำดื่มวางใกล้กับที่รองบาตร รวมทั้งปูพรมที่นั่งของ พระครูปลัดยอดโดมสิริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดไทรงามและพระพี่เลี้ยง ในศาลาการเปรียญ ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว รวดเร็วและแข็งแรง เมื่อเสร็จจากการจัดสถานที่แล้ว ก็ออดอ้อนพระพี่เลี้ยงให้อุ้มเพื่อไปรับบาตร เตรียมบิณฑบาต ญาติโยมที่เดินทางมารอ ในช่วง 7:00 น ของทุกวัน

เมื่อพร้อมแล้ว ขบวนสามเณร 61 รูปก็ออกเดินรับบิณฑบาตจากญาติโยมที่นำอาหารหวานคาวมาใส่บาตรให้กับสามเณร 61 รูปและพระพี่เลี้ยง ที่คอยดูแลสามเณรน้อยน้ำมนต์ ที่เดินรับบิณฑบาตรอยู่ภายในวัด ผ่านมา 8 วัน สามเณรน้อยคล่องแคล่วขึ้นมาก เมื่อบิณฑบาตเสร็จแล้ว ก็จะอุ้มบาตรเข้าไปฉันอาหารที่ญาติโยม ใส่บาตรให้มา โดย สามเณรทั้ง 61 รูป จะร่วมกันฉันภัตตาหารในบาตรในศาลาการเปรียญร่วมกับเจ้าอาวาสวัดไทรงามและพระพี่เลี้ยง

หลังจากฉันอาหารในบาตรเสร็จแล้วสามเณรทุกรูป ก็จะต้องไปล้างบาตรด้วยตนเองรวมทั้งสามเณรน้อยน้ำมนต์ด้วย โดยมี แม่ครัว ของวัดไทรงาม มาช่วย บริการอำนวยความสะดวกให้  ช่วงที่ล้างบาตร สามเณรทุกคนชอบตรงที่ว่า ได้หมุนบาตรเล่นอยู่ในน้ำกันอย่างสนุกสนาน รวมทั้งสามเณรน้ำมนต์ด้วย ก็หมุนบาตรเล่นอยู่ในน้ำเช่นเดียวกัน เนื่องจากเห็นสามเณรพี่ ๆ ทำ สนุกดีก็ทำตามจนพระพี่เลี้ยงบอกว่า อันนี้ไม่ได้ล้างบาตรแล้ว อันนี้เล่นบาตรแล้วล่ะ

ล้างบาตรเสร็จ ก็จะนำไปคว่ำตากแดด บริเวณแคร่ไม้ ใกล้กับเต็นท์นอนที่พักของสามเณร ที่กางไว้ทั้งหมด 6 เต็นท์ ที่ใช้สำหรับจำวัดในช่วงกลางคืน ตั้งแต่เริ่มบรรพชาวันแรก ก็นอนอยู่ในเต็นท์นี้เรื่อยมา

สามเณรน้ำมนต์พาไปดูเต็นท์ที่นอนอยู่ทุกคืน ซึ่งยังไม่ได้พับผ้าห่มสามเณรพี่ ๆ เข้าไปช่วยพับให้จนเต็มเต็นท์

พระปลัดจักรพรรดิ ปัญญาวโร หัวหน้าพระวิทยากร โครงการบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน วัดไทรงามปี 2564 กล่าวถึงสามเณรน้ำมนต์ ที่เข้าร่วมโครงการฯด้วยวัย 5 ขวบ สามารถที่อยู่จนครบ 9 วันได้ ในวันนี้เป็นวันที่ 8 และพรุ่งนี้ก็จะทำการลาสิกขาบท สามเณรน้ำมนต์ถือว่า เป็นสามเณรที่มีอายุน้อยที่สุด ตัวเล็กที่สุดแต่ก็ มีความเข้มแข็งไม่งอแงเหมือนเด็กทั่วไป


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

สงขลา - นักวิจัย ม.สงขลานครินทร์ ค้นพบ แมลงสาบทะเล สกุลไซโรลานา ชนิดใหม่ 2 ชนิด

นักวิจัย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ค้นพบไอโซพอดทะเล (marine isopod) หรือแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ ในสกุลไซโรลานา (genus Cirolana) 2 ชนิด บริเวณชายฝั่งทะเล อ.เทพา จ.สงขลา และชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน ชี้ให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพ และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลอ่าวไทย

​ดร.เอกนรินทร์ รอดเจริญ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวาริชศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ คณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า จากการศึกษาวิจัยความหลากหลายของแมลงสาบทะเลในประเทศไทย ทั้งชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยและอันดามัน ได้ค้นพบไอโซพอดทะเลหรือแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ สกุลไซโรลานา 2 ชนิด ในแนวปะการังบริเวณชายฝั่งทะเล อ.เทพา จ.สงขลา และชายฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนบน ซึ่งได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่อย่างเป็นทางการในวารสารวิชาการ Zootaxa ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2564

โดยไอโซพอดชนิดแรกมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cirolana parawongat sp. nov. (ตั้งชื่อตามลักษณะสัณฐานวิทยาที่คล้ายกับ C. wongat Bruce, 1994 ซึ่งพบที่ปาปัวนิวกินี) มีการแพร่กระจายตั้งแต่ชายฝั่งทะเลทะเลอ่าวไทยตอนบน ตั้งแต่จังหวัดชลบุรีลงมาถึง เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และอีกหนึ่งชนิดมีชื่อว่า Cirolana khamensis sp. nov. (ตั้งชื่อตามสถานที่ค้นพบ) ซึ่งมีการแพร่กระจายอยู่แห่งเดียว คือ บริเวณเกาะขาม อ.เทพา จ.สงขลา เท่านั้น

ดร.เอกนรินทร์ กล่าวอีกว่า ไอโซพอดหรือแมลงสาบทะเลเป็นสัตว์กลุ่มเดียวกับพวกกุ้งปู (crustacean) แต่มีขนาดเล็กกว่า ความยาวของลำตัวส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 0.5-2 ซม. มีบทบาทสำคัญในแง่ของการเป็นอาหารให้แก่สัตว์น้ำชนิดอื่น เป็นตัวย่อยสลายในระบบนิเวศ และเป็นตัวบ่งชี้คุณภาพของแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ซึ่งการค้นพบแมลงสาบทะเลชนิดใหม่ 2 ชนิดในอ่าวไทยครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายทางชีวภาพทะเล และความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลในบริเวณอ่าวไทยได้เป็นอย่างดี

สงขลา - สืบ ตม.6 ร่วม ตม.สงขลา ทลายเครือข่ายลักลอบ ช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเข้าเมืองฯ

ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6 และ พ.ต.อ.ภคยศ ทนงศักดิ์ ผกก.สส.บก.ตม.6 ร่วมแถลงข่าวจับกุมคดีคนต่างชาติกระทำความผิดรายสำคัญ และคดีที่น่าสนใจ ดังนี้ สืบ ตม.6 ร่วม ตม.สงขลา ทลายเครือข่ายลักลอบ ช่วยเหลือคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง รายสำคัญ

เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจได้ร่วมกันจับกุมนายณรงค์ อายุ 40 ปี โดยกล่าวหาว่า “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือให้การช่วยเหลือประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่” พร้อมรถตู้ที่ใช้กระทำความผิดทะเบียนกรุงเทพมหานคร นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาจากการสืบสวนขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่า นายณรงค์ได้รับการว่าจ้างจากนายโยฮัน หรือบังโย นำรถตู้ของกลางช่วยเหลือรับคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม จำนวน 3 คน ไปพักไว้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ จว.สงขลา จากนั้นนายประมวลได้มารับคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามจำนวน 2 คน จากรีสอร์ตดังกล่าวไปส่งยัง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ โดยมีนายห่อง (HONG) อายุ 30 ปี และนายเหงียน (Mr.NGUYEN) อายุ 33 ปี ชาวเวียดนาม มารอรับที่สนามบินเพื่อช่วยเหลือให้เดินทางจากท่าอากาศยานหาดใหญ่ ไปยัง ท่าอากาศยานอุดรธานี 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกันทำการจับกุมนายห่อม (Mr.HONG) อายุ 30 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามอีกจำนวน 15 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาชาวเวียดนามจำนวน 15 คน ว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนนายห่อม ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” ควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.คลองหอยโข่งเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งในชั้นจับกุมนายห่อม รับว่าเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2563 ได้ร่วมกับนายเหงียน (MR.NGUYEN) สัญชาติเวียดนาม เป็นผู้ช่วยเหลือนำพาคนต่างด้าวสัญชาติเวียดนามจำนวน 2 คน เดินทางจาก ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ไปยัง ท่าอากาศยานอุดรธานี 

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6, สภ.หาดใหญ่ ร่วมกันจับกุม นายนิพล อายุ 54  ปี สัญชาติไทย โดยกล่าวหาว่า “ให้ที่พักพิง ให้การช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายเพื่อให้พ้นจากการจับกุมพนักงานและความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ, พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ” พร้อมของกลางรถตู้ทะเบียนบุรีรัมย์ โดยมีคนต่างด้าวชาวเวียดนาม 14 คน (หลบหนีเข้าเมือง) ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในชั้นจับกุมนายนิพนธ์ฯให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจากนายโยฮัน คณะทำงานสืบสวนปราบปรามฯ จึงได้ทำการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดสงขลาออกหมายจับ นายโยฮัน พร้อมพวกรวม 4 คน ในความผิดฐาน “ให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือ หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

กก.สส.บก.ตม.6 ได้สืบทราบว่าจะมีการรับจ้างส่งคนต่างด้าวจากพื้นที่ กทม.มายังภาคใต้โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว จึงได้วางแผนในการสกัดกั้นจับกุมโดยประสานการปฏิบัติกับ ตม.จว.สงขลา และ ส.ทล.3 กก.7 บก.ทล. (ตำรวจทางหลวงรัตภูมิ) ได้มีรถยนต์ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับมาถึงบริเวณจุดกลับรถก่อนถึงหน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงรัตภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดสกัดเพื่อตรวจสอบยานพาหนะ ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวได้กลับรถหลบหนีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ จึงมีการไล่ติดตามจนจับกุมได้บริเวณริมถนนเพชรเกษมช่วง กม.1021-1022 ต.กำแพงเพชร อ.รัตภูมิ จว.สงขลา จากการตรวจสอบภายในรถพบนายประมวล เป็นผู้ขับขี่, น.ส.แสงจันทร์ นั่งโดยสารอยู่ตอนหลังของรถ (ฉายาในวงการ “พ่อใหญ่-แม่ใหญ่”), MR.XIAO ชาวจีนไม่มีหนังสือเดินทาง นั่งอยู่ที่นั่งตอนหน้าข้างคนขับ (ตรวจสอบจากระบบ BIOMETRICS ไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างถูกต้อง) จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” และ “คนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” และยังพบว่านายประมวลฯ เป็นบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ 109/2564 ในความผิดฐาน ร่วมกันให้ที่พักพิง ซ่อนเร้น ช่วยเหลือหรือช่วยด้วยประการใด ๆ ซึ่งเมื่อวันที่ 16 พ.ย.2563 ดังกล่าวข้างต้น และรถยนต์ คันก่อเหตุ เป็นรถคันเดียวกันกับที่ใช้รับชาวเวียดนาม 2 คน ไปส่งยังท่าอากาศยานหาดใหญ่ในวันดังกล่าว และในส่วนของ น.ส.แสงจันทร์ หรือแม่ใหญ่ เป็นภรรยาของนายประมวล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีความเชื่อมโยงโดยเป็นผู้ติดต่อประสานงานกับขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว เครือข่าย “โซติแอล” นายหน้านำพาคนต่างด้าวชาวกัมพูชาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6, ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายห่อม อายุ 31 ปี สัญชาติเวียดนาม ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ 110/2564 ลง 5 เม.ย.2564 ควบคุมตัวส่ง สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา, กก.สส.บก.ตม.6 ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.ปัตตานี ได้ร่วมกันรับมอบตัว นาย โยฮัน สัญชาติไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ จ.108/2564 ลง 5 เม.ย.64 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวส่ง พงส.สภ.หาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนนายเหงียน (MR.NGUYEN) สัญชาติเวียดนาม อยู่ในระหว่างการหลบหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป 

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

สงขลา - สีสัน..สวนสัตว์สงขลา เปิดตัวสมาชิกใหม่ของปี 2564 ลูกนกเพนกวินน้อย วัย 5 เดือน สายพันธุ์ฮัมโบลด์

สีสัน..สวนสัตว์สงขลา  เปิดตัวสมาชิกใหม่ลูกนกเพนกวินน้อย วัย 5 เดือน สายพันธุ์ฮัมโบลด์  ซึ่งเป็นลูกนกเพนกวินตัวแรกของปี 2564 ในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง น่ารัก น่าเอ็นดูและกลายเป็นขวัญใจของพี่เลี้ยงนกเพนกวินอยู่ในขณะนี้

โดยได้เข้ารวมฝูงกับฝูงนกเพนกวินสายพันธุ์ฮัมโบลด์ที่มีอยู่ 13 ตัวของสวนสัตว์สงขลา ทำการฝึกให้เดินพาเหรด ฝึกว่ายน้ำโดยมีนกเพนกวินคอยดูแลและว่ายประกบอยู่ตลอดเวลา โดยจะทำการฝึกทุกวันและจะมีอาหารคือปลาทูแขกให้กินเป็นรางวัล เพื่อที่จะให้ลูกนกเพนกวินเดินพาเหรดบนรางได้คล่องแคล่วขึ้นและสามารถว่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วตามสัญชาตญาณของนกเพนกวิน

นกเพนกวินฮัมโบลด์ Humboldt Penguin (Spheniscus humboldti ) มีการดัดแปลงอวัยวะที่ใช้ในการบินเพื่อการว่ายน้ำ มีหน้าอกและท้องสีขาว หลังมีสีดำ ส่วนหัวสีดำ มีลายเส้นสีขาวคาดจากฐานปาก ผ่านด้านข้างหัวลงมาถึงคอ อาศัยในเขตร้อนทางหมู่เกาะกูโน และชายฝั่งทะเลของเปรู และชิลี ทวีปอเมริกาใต้ อุณหภูมิที่ต้องการ 22-30 องศาเซลเซียส นกเพนกวินฮัมโบลด์หาอาหารกินในทะเล เช่น ปลา กุ้ง ตัวอ่อนของปู ลูกนกกินอาหารจากการคายออกจากกระเพาะของพ่อแม่ นกเพนกวินดื่มน้ำทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม เนื่องจากที่เหนือตามีต่อมขับเกลือ เพื่อขับเกลือส่วนเกินออกได้ นกเพนกวินฮัมโบลด์เป็นสัตว์สังคม อยู่รวมกันเป็นฝูง ส่งเสียงดังเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสาร เวลาทักทายกันจะใช้ปากหรือคอถูกัน ในฤดูผสมพันธุ์นกชนิดนี้จะอยู่กันเป็นฝูงเล็ก ๆ อยู่ตามน้ำหรือขุดโพรงอยู่ตามพุ่มหญ้าสูงในป่าใกล้กับชายฝั่งทะเล วางไข่ ฟักไข่ ปีละ 1 ครั้งในฤดูใบไม้ผลิ สร้างรังด้วยก้อนหิน กิ่งไม้ ใบหญ้า วางไข่ครั้งละ 1 - 3 ฟอง ใช้เวลาฟักไข่ 39 วัน โดยตัวผู้เป็นผู้ฟักไข่ เป็นนกที่บินไม่ได้ เป็นนกเพนกวินขนาดกลาง ความยาวลำตัวประมาณ 65 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 4 กิโลกรัม

ในขณะเดียวกันสวนสัตว์สงขลา ก็ยังมีสมาชิกใหม่ลูกนกเพนกวินน้อย ที่กำลังฟักไข่อีก 2 ตัว ขณะนี้ลูกนกเพนกวินฮัมโบลด์ฟักออกจากไข่แล้ว จำนวน 1 ตัวและกำลังฟักอีก 1 ตัวคาดว่าจะออกจากไข่ในอีก 1 - 2 วันนี้ ขณะนี้ฝูงนกเพนกวินสายพันธุ์ฮัมโบลด์ของสวนสัตว์สงขลา รวมทั้งหมดเป็น 14 ตัว และที่กำลังฟักออกจากไข่อีก 2 ตัว ก็จะมีฝูงนกเพนกวิน รวม 16 ตัว ในขณะนี้

นายวันชัย ตันวัฒนะ ผู้อำนวยการสวนสัตว์สงขลา  จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่าน ร่วมกันตั้งชื่อให้ลูกนกเพนกวินน้อยวัย 5 เดือน โดยชื่อที่ถูกใจคณะกรรมการจะได้รับรางวัลเป็นของที่ระลึกจากสวนสัตว์สงขลา เพื่อเป็นของขวัญในการร่วมสนุกกับกิจกรรมสวนสัตว์สงขลา  พร้อมติดตามกิจกรรมดี ๆ จากสวนสัตว์สงขลากันต่อได้ในวันที่ 27 เมษายน นี้  ซึ่งเป็นวันสมเสร็จโลก


ภาพ/ข่าว  นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

 

สงขลา - วางศิลาฤกษ์พระมหาเจดีย์ ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เชื่อว่าอานิสงส์ จะช่วยให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19

วันนี้ 27 เม.ย. 64 ที่วัดมัชฌิมเขต (วัดนาปรือ) ตำบลคู อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา นาย ไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา  เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์พระมหาเจดีย์ใหญ่ที่สุดในภาคใต้  โดยมี คุณจีรณัฐ. ศรีสนิท เจ้าของกิจการบ้านดอกไม้พรหมจักร์สงขลา คุณแม่พักตร์พิมล วิภาตะไวทยะ เจ้าของธุรกิจส่วนตัวรายใหญ่เมืองสงขลา ร้านดอกไม้พรหมจักร์สงขลาได้เป็นสะพานบุญใหญ่นำทีมงานพร้อมคณะสายบุญจากเจ้ากิจการร้านดังในภาคใต้ อาทิเช่น ร้าน Theprincess wedding studio hatyai , ร้านเฝอหม้อเงิน 66 หาดใหญ่ , ร้านสูทอู๊วลั๊ลลา สงขลา , ร้าน once eatery by ประเทือง ยะลา , ร้านราดหน้าพารวย สงขลา , ร้านดอกไม้บานไม่รู้โรย สงขลา , พร้อมคณะสายบุญทั่วสงขลามาร่วมบุญปฐมฤกษ์หอบเงินมาประเดิมวางศิลาฤกษ์มหาเจดีย์  1.8 ล้านบาท ร่วมสร้างมหาเจดีย์ 2 ชั้น ณ วัดมัชฌิมเขต (นาปรือ) อำเภอจะน จังหวัดสงขลา โดยมี พระเดชพระคุณ พระราชวรเวที เจ้าคณะจังหวัดสงขลาประธานฝ่ายสงฆ์ และพระครูเกษมโชติวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดมัชฌิมเขต (วัดนาปรือ) พระใบฏีกาภูวนนท์  ยสินุธโร  รองเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมเขต ( วัดนาปรือ )

ผู้ประสานงานในการจัดงานในครั้งนี้ พระใบฏีกาภูวนนท์ ยสินุธโร รองเจ้าอาวาสวัดมัชฌิมเขต (วัดนาปรือ)  กล่าวว่า การสร้างเจดีย์ในครั้งนี้ โดยจะใช้เป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูป พระไตรปิฎก และพระโชคดีประจำวัดที่อายุ 157 ปี พระประจำวัด ที่ประชาชนทั้วไปให้ความศรัทธา ขณะเดียวกันต้องการให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในอำเภอจะนะและคนไทย และเชื่อว่าอานิสงส์ ผลบุญที่ได้จากการร่วมสร้างพระมหาเจดีย์จะช่วยให้คนไทยผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ของบ้านเมืองที่เกิดขึ้นได้ โดยจะใช้งบฯในการจัดสร้างประมาณ 30 ล้านบาท ผู้มีจิตศรัทธา สามารถเข้านมัสการที่วัดได้แต่ขอให้เว้นระยะห่างแต่ทางวัดได้มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาดฆ่าเชื้อโควิด-19 ทุกวันและมี่การคัดกรองก่อนเข้าวัด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top