Monday, 6 May 2024
ภาคใต้

‘คนเมืองคอน-สงขลา’ เฮ!! รับเงินช่วยเหลือน้ำท่วมปี 2565 พร้อมขอบคุณ ‘บิ๊กตู่’ เล็งเห็นความทุกข์-แก้ปัญหารวดเร็ว

(19 เม.ย.66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในเวลาช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ ชาวบ้านผู้ประสบอุทกภัย เริ่มทยอยได้รับเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ซึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราชและสงขลาประสบกับปัญหาอุทกภัยอย่างหนัก โดยการช่วยเหลือเป็นไปตามมติ ครม. (28 ก.พ.66) อนุมัติให้จ่ายเงิน ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2565 เพิ่มเติม ในพื้นที่ กทม. และ 15 จังหวัด 

โดยผู้ประสบภัย จ.นครศรีธรรมราช คิดเป็นจำนวน 237,048 ครัวเรือน วงเงิน 1,190.46 ล้านบาท ซึ่งทำให้เกิดการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 39,704 ครัวเรือน รวมเป็นวงเงินช่วยเหลือ 199,510,000 บาท แบ่งเป็นดังนี้ 

อำเภอร่อนพิบูลย์ จำนวน 73 ครัวเรือน วงเงินช่วยเหลือ 365,000 บาท 
อำเภอปากพนัง จำนวน 29,483 ครัวเรือน วงเงินช่วยเหลือ 147,427,000 บาท 
อำเภอเชียรใหญ่ จำนวน 5,610 ครัวเรือน วงเงินช่วยเหลือ 17,480,000 บาท 
อำเภอชะอวด จำนวน 2,406 ครัวเรือน วงเงินช่วยเหลือ 13,008,000 บาท 
อำเภอหัวไทร จำนวน 517 ครัวเรือน วงเงินช่วยเหลือ 2,585,000 บาท 
อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จำนวน 1,615 ครัวเรือน วงเงินช่วยเหลือ 18,645,000 บาท 
ขณะที่ พี่น้องชาวสงขลา ใน 15 อำเภอที่รับผลกระทบ จำนวน 112,043 ครัวเรือน ได้รับวงเงินช่วยเหลือรวม 560,215,000 บาท

‘ลุงหนู’ ลุยหาเสียง อ้อนขอคะแนนชาวภูเก็ต ชูนโยบายยกระดับภูเก็ตสู่เมืองสุขภาพระดับโลก 

(24 เม.ย.66) ที่ยิมเนเซียม บริเวณสะพานหิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยผู้บริหาร และแกนนำพรรค นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค และผู้สมัครบัญชีรายชื่อ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค และผู้สมัครบัญชีรายชื่อ นางนาที รัชกิจประการ เหรัญญิกพรรค และน.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ ได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียง ได้แก่ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายนิพนธ์ เอกวานิช เบอร์ 3 เขตเลือกตั้งที่ 2 นายวงศกร ชนะกิจ เบอร์ 5 และเขตเลือกตั้งที่ 3 นายวิวัฒน์ จินดาพล เบอร์ 9

โดย นายอนุทิน กล่าวว่า การเลือกตั้งปี 62 ไม่มีใครคิดว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีส.ส. จากภาคใต้ได้กว่า 10 ที่นั่ง แต่ที่สุดแล้วมันก็เกิดขึ้น เพราะความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ตรงส่วนนี้ตระหนักอยู่ในหัวคิดของพรรคภูมิใจไทยตลอดเวลาว่าจะต้องตอบแทนความไว้เนื้อเชื่อใจที่ประชาชนมอบให้ ที่ผ่านมา เราพัฒนาถนนหนทางให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ไปจนถึงขยายบริการด้านสาธารณสุข ล่าสุดเราประสบความสำเร็จในการผลักดันสะพานเชื่อมพัทลุง-สงขลา และสะพานข้ามเกาะลันตา จ.กระบี่ อนาคต เราจะเดินหน้าโครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมต่ออ่าวไทยกับทะเลอันดามัน ผ่านจังหวัดชุมพร-ระนอง 

นายอนุทิน กล่าวว่า สำหรับ จ.ภูเก็ต ท่านพิสูจน์ศักยภาพของท่านมาแล้ว จากการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก แต่เราจะเพิ่มโอกาสให้พวกท่านมากขึ้นด้วยการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical Hub หลายชาติกำลังเข้าสังคมผู้สูงวัย เขาต้องมองภูเก็ตในฐานะเป้าหมายของเขา 

‘บิ๊กป้อม’ ปราศรัยใหญ่ที่สงขลา ชู หนุนภาคใต้สู่เขต ศก.พิเศษ สร้างอาชีพ-รายได้ให้ลูกหลาน อ้อน ปชช.เลือก ‘พปชร.’ ทั้ง 9 เขต

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 66 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมแกนนำพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค, นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคเหนือ, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค, นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแกนนำภาคใต้, นายคณิศ แสงสุพรรณ ทีมนโยบายพรรค ปราศรัยนำเสนอนโยบาย และแนะนำผู้สมัคร ส.ส.สงขลา ทั้ง 9 เขต ได้แก่

เขต 1 นายภวัต นิตย์โชติ เบอร์ 7
เขต 2 นายอดิสัณห์ ชัยวิวัฒน์พงศ์ เบอร์ 6
เขต 3 นายอาทิตย์ สุวิทย์ เบอร์ 5
เขต 4 นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว เบอร์ 1
เขต 5 นายญาณพง เพชรบูรณ์ เบอร์ 6
เขต 6 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์  เบอร์ 5
เขต 7 นายธเนศ ล่องนาวา เบอร์ 7
เขต 8 นายธีรพงศ์ ดนสวี เบอร์ 3
เขต 9 นายล่องหิ้น ทิพย์แก้ว เบอร์ 2

ทั้งนี้ ได้มีประชาชนมาร่วมรับฟังการปราศรัยเต็มความจุศูนย์ประชุมฯ พร้อมส่งเสียงเชียร์เบอร์ 37 และโบกธงโลโก้พรรคเพื่อให้กำลังใจ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรค พปชร.นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ ทั้งเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาทต่อเดือน ลดราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้า ทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล เพื่อมอบความสุขให้ประชาชนด้วยความจริงใจ จะทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายดูแลทุกช่วงวัย ‘แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ’ แจกเงินคนท้อง เดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 เดือนจนกว่าจะคลอด และเงินช่วยดูแลบุตรเดือนละ 3,000 บาท จนถึง 6 ขวบ เพื่อให้สตรีมีขวัญกำลังใจในการช่วยกันเพิ่มประชากร รวมถึงนโยบาย มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน มีที่ดินทำกิน ไม่มีจน เราจะทำให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศมีที่อยู่ที่อาศัย และมีเงินสนับสนุนเงินให้เกษตรกร ทั่วประเทศ จำนวน 30,000 บาท ทั้ง 8 ล้านครอบครัว เพื่อแก้ปัญหาความยากจน

ด้านนายนิพิฏฐ์ กล่าวปราศรัยว่า ถ้าเลือกพรรค พปชร.หมายความว่า ประชาชนเลือกตัวแทนที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาลที่จะมาดูแลพวกเราอย่างเต็มศักยภาพ ทำให้ชีวิตของชาวใต้ยกระดับขึ้น ขอให้ทุกคนคิดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะได้รับอะไรคืนมา ประเทศไทยวันนี้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ พรรคพลังประชารัฐจึงเล็งเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุในประเทศไทยทุกคน ด้วยการมอบสวัสดิการดูแลเป็นรายเดือน รวมไปถึงอนาคตของลูกหลานของเรา ก็ต้องได้รับการดูแลตั้งแต่คลอดออกมา และต้องมีการศึกษาที่ดี เพื่อที่จะได้เติบโตไปอย่างมีศักยภาพและจะเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศไทยของเราต่อไป ซึ่งคนทั้ง 2 กลุ่มถือว่าเป็นกลุ่มเปราะบาง ปกป้องให้พวกเขาเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและเข้มแข็ง

นางนฤมล กล่าวว่า เรามั่นใจว่าเราจะได้รับความเมตตาจากพี่น้องที่นี่ ผู้สมัครครั้งนี้แม้หน้าตาจะเปลี่ยนไป แต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น การเลือกตั้งครั้งนี้ทุกพรรคการเมืองมีนโยบายที่จะเข้ามาดูแลสวัสดิการของประชาชน แต่พรรค พปชร.เป็นพรรคแรกที่พูดแล้วทำจริง ตั้งแต่ปี 62 และครั้งนี้ก็เช่นกัน เราต้องการจะเข้ามาดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ให้เข้าถึงสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่เป็นสิ่งจำเป็นในการใช้ชีวิตประจำวัน เด็กเกิดมาก็ต้องได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ ประชาชนทั่วไปต้องได้รับการส่งเสริมให้มีอาชีพ เพื่อที่เขาจะสามารถสร้างรายได้ด้วยตัวเองให้ได้ สิ่งนี้ภาครัฐก็จะต้องเข้าไปดูแลเช่นกัน

“เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ครั้งนี้หลังจากวันที่ 14 พ.ค.เมื่อเราเข้าไปเป็นรัฐบาลบริหารประเทศต่อ จะพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ ผลักดันให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ให้มีความเจริญมากขึ้น จึงขอฝากผู้สมัครทั้ง 9 คน ของพรรค”

ชวน หลีกภัย นำ นิพนธ์-มาดามเดียร์-ดร.เอ้ ลุยชายแดนใต้ แฟนคลับรอส่งกำลังใจแน่นสองข้างทาง

ด้านโต๊ะครู ผู้นำศาสนา สายบุรี นำคณะต้อนรับเพื่อขอบคุณสมัยเป็นนายกรัฐมนตรีได้อุดหนุนร.ร.เอกชนสอนศาสนา พลิกโฉมจนถึงวันนี้ เผย “ท่านชวน เป็นบุคคลที่พวกเราไม่ควรลืม” ที่ สุไหงโก-ลก คณะกรรมการศาลเจ้าโต๊ะโมะ ดีใจ เตรียมจัดเลี้ยงรับรองฯ

นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฏร พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นางวทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ และศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานการศึกษาทันสมัย พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี เพื่อขอคะแนนเสียงให้แก่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดปัตตานี เขต 1 นายสนิท  นาแว หมายเลข 8 ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี โดยเริ่มตั้งขบวนจากโรงแรม ซี เอส ปัตตานี เลี้ยวซ้ายเข้าในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี  ผ่านใจกลางเมือง ต่อจากนั้นนายชวน หลีกภัยและคณะ เข้าสักการะ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งตลอดสองข้างทางได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งได้ส่งเสียงให้กำลังใจ มอบดอกไม้ ให้กับนายชวน หลีกภัย และคณะจำนวนมาก    

จากนั้น คณะของนายชวน หลีกภัย พร้อมด้วยนายยูนัยดี วาบา ผู้สมัครปชป.หมายเลข 6 ได้เดินทางต่อไปยังบริเวณตลาดปาลัส ของอำเภอปะนาเระ และ เขตเทศบาลเมืองตะลุบัน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เพื่อขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน โดยที่อำเภอสายบุรี นั้น มีโต๊ะครู ผู้นำศาสนา ครูและบุคลากรของโรงเรียน นำโดย ดาโตะนิเดร์ วาบา เจ้าของโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยา รอให้การต้อนรับเพื่อแสดงความขอบคุณท่านชวน หลีกภัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่า “ท่านชวน หลีกภัย เป็นบุคคลที่พวกเราไม่ควรจะลืม เพราะว่าในช่วงที่ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีและในสมัยรัฐบาลของท่าน ผมและคณะได้เข้าพบ และได้อุดหนุนให้กับโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านก็ได้รับหนังสือและได้พิจารณาให้การอุดหนุนกับโรงเรียนเอกชน ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของท่านจนถึงทุกวันนี้ เป็นการพลิกโฉมโรงเรียนเอกชนสอน
ศาสนาอิสลามในด้านวิชาการสามัญและศาสนาพัฒนาโรงเรียนเอกชนฯ ให้มีความก้าวหน้าทัดเทียมกับโรงเรียนต่างๆในภาครัฐ ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาดีขึ้นตามลำดับ ทำให้นักเรียนเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก”
ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น 

จากนั้นในเวลา 17.30 คณะฯพร้อมด้วยผู้สมัครเขต1 นราธิวาส นายวัสสันต์ ดือเร๊ะ หมายเลข 6 ได้ขึ้นรถหาเสียงขอคะแนนจากพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับจากประชาชนในพื้นที่อย่างอบอุ่นจนกระทั่งเวลา 18.45น  เดินทางต่อไปยังอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาสเพื่อพบปะกับคณะกรรมการศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ ที่มีความรู้สึกดีใจและเตรียมจัดเลี้ยงเพื่อต้อนรับนายชวน หลีกภัย และคณะในการมาเยี่ยมเยียนอีกด้วย


นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

เปิด 18 ผลงานรัฐบาล พัฒนา 'ภาคใต้' ตลอดช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

ตลอดกว่า 8 ปีที่รัฐบาลบริหารประเทศมา เกิดการพัฒนาทั่วทุกภาคของประเทศทั้งการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิรูปคุณภาพชีวิตในชุมชน 

นอกจากนี้ยังแก้ไขปัญหาสะสมเรื่องความไม่สงบในประเทศ ออกมาตราการทางเศรษฐกิจ มีการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการชิมช้อปใช้ มีการส่งเสริมศักยภาพตามพื้นที่ 5 ภาค รวมถึงส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 

โครงการต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนจับต้องได้ทั้งสิ้น และคนที่ได้รับประโยชน์คือประชาชนไทยทุกคนทุกภูมิภาคอย่างเท่าเทียมกัน

ในส่วนการพัฒนาภาคใต้ มีโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่สามารถเชื่อมโยงทั้งในและต่างประเทศ ผุดเมืองศูนย์กลางที่มีศักยภาพ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจที่ขยายผลจากโครงการเมืองต้นแบบ รองรับการขยายตัวทางการค้าและการท่องเที่ยวชายแดน ทั้งหมดนี้ภายใต้วิสัยทัศน์กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน 'เกษตรก้าวหน้า การค้าชายแดน การท่องเที่ยวเชื่อมโยง สู่อาเซียน' สามารถแยกให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมดังนี้

1. วางรากฐานแนวพัฒนาเกษตรกรรมและเศรษฐกิจรากฐาน ตั้งแต่การเพิ่มศักยภาพผลผลิต ข้าว ยางพารา อ้อย  มีการประกันรายได้เกษตรกร  

2. คลอง ร.1 จ.สงขลา แก้ปัญหาน้ำท่วมและการชลประทาน

3. จ้างงานเด็กจบใหม่ โดยรัฐบาลช่วยอุดหนุนเงินเดือนค่าจ้างให้เด็กจบใหม่ร้อยละ 50% รวมถึงเด็กจบใหม่ในภาคใต้ด้วย

4. รัฐบาลมอบโฉนดที่ดินทั่วไทย ซึ่งโครงการนี้แพร่กระจายไปทุกภาค รวมถึงภาคใต้

5. พัฒนาสนามบินทั่วประเทศ รวมทั้งสนามบินตรังและสนามบินเบตง 

6. สร้างทางแยกต่างระดับทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เป็นทางแยกต่างระดับที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้

7. โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่-ด่านบูกิตกายูฮิตัม

8. โครงการเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงสายใต้กับทางมาเลเซีย ซึ่งไม่ได้เชื่อมต่อเฉพาะสองประเทศเท่านั้น แต่สามารถเชื่อมต่อถึง 5 ประเทศ คือ จีน ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์

9. ปลดล็อกประเทศไทย พ้นจากใบเหลืองจากการทำประมงแบบทำลายล้าง ภายใต้กติกา IUU ส่งผลดีต่อพี่น้องประมงในภาคใต้

‘คิม พร็อพเพอร์ตี้’ ชี้ ซาอุ จ่อสร้างคลังน้ำมัน  ภาคใต้ของไทย ให้ใหญ่เทียบชั้นได้กับสิงคโปร์

ยูทูปช่อง Kim Property Live ได้โพสต์คลิปอธิบายถึง การที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย สนใจจะมาลงทุนครั้งใหญ่ในภาคใต้ของไทย โดยมีใจความว่า ...

ประเทศไทยเนื้อหอม ซาอุดิอาระเบีย เล็งที่จะลงทุนใหญ่ในภาคใต้ของประเทศไทย โดยจะทำเป็นคลังน้ำมันให้ใหญ่ให้เทียบเท่ากับสิงคโปร์ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ซาอุดิอาระเบีย จะลงทุนในภาคใต้ของเรา ประเทศไทยของเรานั้น มีข้อดีอะไรหรือ ต้องบอกก่อนว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและซาอุดิอาระเบียนั้นก็ไม่ได้รักกันมาก่อน ความสัมพันธ์นั้นร้าวฉานมากว่า 32 ปีแล้ว จากการฆาตกรรมนักธุรกิจของซาอุดิอาระเบียหรือการขโมยเพชร ความบาดหมางจากตรงนี้ทำให้ประเทศซาอุดิอาระเบียตัดความสัมพันธ์กับไทย แต่พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ก็ได้มีความพยายามในการเชื่อมสัมพันธ์กับประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยประเทศไทยได้เชิญซาอุดิอาระเบียมาในงานเอเปค ในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ซึ่งประเทศซาอุดิอาระเบีย ก็ได้ให้เกียรติตอบรับตามคำเชิญมาร่วมงาน ถือว่าเป็นผลงานทางการทูตที่ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งต่อมาซาอุดิอาระเบียนั้นก็มีแผนที่เตรียมจะมาลงทุนในประเทศไทยโดยเฉพาะพื้นที่ eec ซึ่งในพื้นที่ของไทยบริเวณ eec ก็เป็นจุดที่เป็นฮับของการผลิตรถ EV ซึ่งตรงกับความต้องการของซาอุดิอาระเบียที่ต้องการจะผลิตรถไฟฟ้าด้วย

ในระยะหลังนี้ ประเทศซาอุดิอาระเบียก็ได้วางตัวออกห่างจากสหรัฐอเมริกา และ เอนเอียงไปในทางของประเทศจีนมากขึ้น รวมถึงมีการจับมือกับอิหร่านโดยมีประเทศจีนนั้นเป็นตัวกลาง ในการที่จะเชื่อมความสัมพันธ์กัน

หากพูดถึงเรื่องของพลังงานในแถบเอเชีย ประเทศซาอุดิอาระเบียก็ได้มีการลงทุนซื้อหุ้นของโรงกลั่นในประเทศจีน ซึ่งนี่คือการร่วมมือกันระหว่าง 2 ประเทศแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่น แล้วการลงทุนเกี่ยวกับยุทธศาสตร์พลังงานและน้ำมันนั้นเกี่ยวอะไรกับประเทศไทยอย่างนั้นหรือ มันมีความจำเป็นอย่างไร ที่ซาอุดิอาระเบียจะต้องมาตั้งคลังน้ำมันในภาคใต้ของประเทศไทย จีนนั้นเป็นประเทศบริโภคน้ำมันรายใหญ่ของโลกและก็ได้ซื้อน้ำมันจากหลายช่องทางรวมทั้งน้ำมันจากอิหร่าน โดยอิหร่านนั้นใช้มาเลเซียเป็นตัวกลางในการส่งออก อธิบายให้ง่ายก็คืออิหร่านนั้นส่งน้ำมันมายังประเทศมาเลเซีย และมาเลเซียก็แปะป้ายให้เป็นน้ำมันของมาเลเซียแล้วก็ส่งไปขาย ที่ประเทศจีน แล้วเพราะเหตุใดประเทศจีนถึงไม่ซื้อน้ำมันผ่านประเทศสิงคโปร์หรือเพราะว่าประเทศจีนและประเทศสิงคโปร์นั้นเป็นคนละพวกกัน แทนที่จะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจการลงทุนการคุ้มค่ากลับกลายเป็นแฝงด้วยประเด็นทางการเมือง มีการแบ่งพวก แบ่งฝ่าย แล้วเพราะเหตุใดประเทศซาอุดิอาระเบียจึงได้เล็งมายังภาคใต้

ที่จริงแล้ว ภาคใต้ของประเทศไทยนั้น ถือได้ว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ในการขนส่งค้าขาย เพราะแทนที่เรือขนส่งจะแล่นไปทางช่องแคบ มะละกา ซึ่งก็จะต้องใช้ระยะเวลานานในการขับเรืออ้อม แต่ถ้ามาขนส่งผ่านทางภาคใต้ของประเทศไทยก็จะง่าย กว่า รวดเร็วกว่ากันมาก

แล้วประเทศไทย จะสามารถรองรับการขนส่งนี้ได้หรือไม่ ประเทศไทยนั้นมีโครงการ Land Bridge ในการเชื่อมโยงระหว่าง 2 ท่าเรือ ก็คือท่าเรือระนอง และท่าเรือชุมพร ซึ่งการก่อสร้างโครงการนี้มีมูลค่า มากถึง 500,000 ล้านบาท ซึ่งประเทศซาอุดิอาระเบียนั้นสนใจมากที่จะมาลงทุนในโครงการ Land Bridge ของประเทศไทย ด้วยการจัดตั้งคลังน้ำมันในภาคใต้ของประเทศไทย น้ำมันจากซาอุดิอาระเบียจะถูก ส่งมาเก็บไว้ที่ภาคใต้ของไทยก่อนจะนำไปขายต่อให้กับประเทศจีน

‘พระ-เณร’ สำนักสงฆ์เขาหลักจันทร์ ปลูกผักสวนครัวขาย  หาเงินจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ หลังชาวบ้านทำบุญน้อยลง

(18 ก.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักสงฆ์เขาหลักจันทร์ หมู่ที่ 12 ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง พระเคารพ ญาติโก เจ้าสำนักสงฆ์พร้อมด้วยพระลูกวัด ได้ใช้ที่ดินว่างข้างสำนักสงฆ์ฯ และข้างกุฎิพระ เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ปลูกพืชผักสวนครัวหลากหลายชนิด เช่น ตะไคร้ พริก มะเขือยาว มะเขือเปราะ ถั่วพู ถั่วฝักยาว บวบ และแตงกวา ซึ่งเป็นพืชอายุสั้น สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว เพื่อนำออกจำหน่าย หารายได้มาจ่ายค่าน้ำค่าไฟของสำนักสงฆ์ฯ ซึ่งรวมกันไม่ต่ำกว่า 5,000 บาทต่อเดือน

สาเหตุเกิดจากเป็นสำนักสงฆ์ที่อยู่ห่างไกล ประกอบกับชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพกรีดยางพารา ถ้าฝนตกชุก ตกบ่อย ก็จะขาดรายได้ จึงพากันเข้าวัดทำบุญน้อยลง กระทบถึงรายได้ที่ไม่เพียงพอของสำนักสงฆ์ด้วย พระสงฆ์สามเณรจึงต้องช่วยกันปลูกผักหารายได้เสริมอีกทางหนึ่งด้วย

โดยเมื่อเก็บผลผลิตแล้วจะนำใส่ถุง ขายถุงละ 20 บาท เพื่อให้ชาวบ้านที่เดินทางไปทำบุญได้เลือกซื้อ แต่หากชาวบ้านคนไหนไม่มีเงิน ก็หยิบเอาไปกินฟรีได้หรือตามแต่กำลังศรัทธา ซึ่งถือเป็นประโยชน์ 3 ทางคือชาวบ้านได้ช่วยพระ พระได้ช่วยชาวบ้าน และพระได้ออกกำลังกายลดโรค ลดพุงไปในตัว

ซึ่งพืชผักทุกชนิดปลูกไม่เกิน 3 เดือนก็เก็บขายได้ ทั้งยังปลอดภัยจากการใช้สารเคมี เพราะมีการใช้กาวดักแมลง และใช้น้ำหมักชีวภาพ โดยผักที่เหลือจากที่วางขายที่สำนักสงฆ์แล้ว จะมีญาติโยมที่เป็นแม่ค้า นำออกไปช่วยเร่ขายตามบ้าน สร้างรายได้ 400-500 บาทต่อสัปดาห์ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จึงคิดจะขยายพื้นที่ปลูกผักเพิ่มขึ้น เพื่อให้มีรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 300 บาท จึงวอนผู้ใจบุญแวะอุดหนุนพืชผักปลอดภัยได้ทุกวัน หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่พระเคารพฯ หมายเลขโทรศัพท์ 083 280 2764

ด้านพระธิติศักดิ์ สุธัมโม พระสำนักสงฆ์เขาหลักจันทร์ กล่าวว่า ผักที่ปลูกมีแตงไข่เข้ ถั่วฝักยาว มะเขือ พริก ตะไคร้ บวบ โดยขายถุงละ 20 บาทเหมือนกันหมด ซึ่งเงินรายได้ส่วนนี้นำไปเสียค่าไฟทั้งนั้น ซึ่งค่าไฟประมาณ 5,000 กว่าบาทต่อเดือน แต่ไม่มีค้างจ่ายเพราะพระอาจารย์จะขอทุกวันพระหรือถ้าไปกิจนิมนต์ก็จะขอด้วย แต่ยังไม่พอ ซึ่งนอกจากจะหาค่าไฟให้วัดแล้ว ชาวบ้านก็ได้ทำบุญด้วยเท่ากับได้มาช่วยวัด ช่วยพัฒนาวัด และได้กินผักปลอดสารพิษ ถือเป็นรายได้ 2 ทางและได้ออกกำลังกาย ตามที่พระอาจารย์เคยสอนว่า กำจัดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตด้วยการออกกำลังกาย เพราะพระฉันของดี ๆ เยอะ จึงทำให้เกิดโรคเบาหวาน ความดัน ไขมันต่าง ๆ จึงแก้ได้ด้วยการออกกำลังกาย

สื่อมวลชนภาคใต้สุดทนปัญหาสินค้าเถื่อน บุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้าเกลื่อน

เมือง สงขลา สตูล ยะลา นราธิวาสเป็นประตูทางเข้า แหล่งพักและขายปลีก แฉชาวบ้านรู้ขายตรงไหนแต่เจ้าหน้าที่แค่จับเอาหน้า แถมอมเงินรางวัลนำจับ เปิดช่องพ่อค้านำกลับมาขายใหม่ เสนอทางแก้ จับได้ให้ทำลายของกลางทันที ยกระดับเป็นปัญหาความมั่นคงแห่งรัฐ จังหวัดไหนแก้ปัญหาไม่ได้ให้ย้ายผู้ว่าฯออกนอกพื้นที่ ทำอย่างนี้จึงจะปกป้องเด็กและเยาวชนได้ 

มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.)  ร่วมกับสื่อมวลชนในจังหวัดสงขลา จัดประชุมโฟกัส กรุ๊ป ในหัวข้อ “ปัญหาบุหรี่เถื่อน-สินค้าผิดกฎหมาย ชายแดนใต้ ... แก้ไม่ได้จริงหรือ ?” เมื่อวันเสาร์ที่  22 กรกฎาคม 2566 ที่ โรงแรมดับเบิ้ลยู ทรี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีนายวิเชษฐ์  พิชัยรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโสเป็นผู้ดำเนินรายการ นายแพทย์กู้ศักดิ์ บำรุงเสนา นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน สำนักงาน สาธารณสุข จังหวัดสงขลา เปิดเผยถึงสถานการณ์การควบคุมการบริโภคยาสูบของประเทศไทยพบว่า ประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป สูบบุหรี่ร้อยละ 17.4 คิดเป็นประมาณ 9.9 ล้านคน เริ่มสูบบุหรี่ครั้งแรกเมื่อ อายุเฉลี่ย 18.5 ปี อายุต่ำสุด 6 ปี ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายคิดเป็น 26.7 เท่าของผู้หญิง ส่วนจังหวัดสงขลาอัตราการบริโภคยาสูบในปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 27.7 เป็นอันดับ 6 ของประเทศ สูงกว่าอัตราการบริโภคยาสูบของ ประเทศและเขตสุขภาพ ซึ่งจังหวัดในเขตสุขภาพที่ 12 มีอัตราการบริโภคยาสูบสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศคือจังหวัดสงขลา สตูล พัทลุงและจังหวัดตรังและยังพบว่าอายุน้อยที่สุดที่เริ่มสูบบุรี่ของจังหวัดสงขลาคือ 12 ปี ส่วนข้อมูลล่าสุดในปี 2565  อำเภอที่สูบบุหรี่มากที่สุดคือ อ.สะบ้าย้อย ร้อยละ 30.63 รองลงมาคือ อ.คลองหอยโข่ง ร้อยละ 17.4 และอำเภอนาทวี ร้อยละ 16.93 จากรายงานภาวะโรคจากปัจจัยเสี่ยงของประชากรไทย พ.ศ. 2562 พบการบริโภคบุหรี่เป็นอันดับ 2 ของปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เสียชีวิต โดยเป็นปัจจัยที่ทำให้เสียชีวิตประมาณ 85,000 กว่าคน ซึ่ง 5 โรคร้ายที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ได้แก่ มะเร็งปอด โรคถุงลมโป่งพอง โรคปอดบวม โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเบาหวาน

ส่วนสถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในภาพรวมของประเทศจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2564 มีการสำรวจคนที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปพบว่ามีคนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเกือบ 80,000 คน มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนอายุ 15-24 ปี  ปัจจุบันมีการนิยมสูบบุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น โดยเฉพาะในวัยรุ่น เนื่องจากพกพาและสูบง่ายกว่าบุหรี่มวน มีการแต่งกลิ่น และที่สำคัญคือความเข้าใจผิดคิดว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่เป็นอันตราย สูบแล้วไม่ติด ซึงในความเป็นจริงแล้ว ในควันของบุหรี่ไฟฟ้ามีทั้งสารนิโคตินและโลหะหนักหลายชนิด ที่ส่งผลให้เกิดการเสพติดและเป็นพิษต่อร่างกาย และยังพบอีกว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าไม่ได้ช่วยให้เลิกบุหรี่มวน แถมยังมีโอกาสที่จะเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าแทน ส่วนการเลิกสูบบุหรี่พบว่า ร้อยละ 80 สามารถเลิกได้ด้วยตนเอง สามารถทำได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ เช่น สร้างแรงจูงใจให้กับตัวเองอาจเกิดจากบุคคลที่เรารัก ขอคำปรึกษาจากคนใกล้ตัวที่เลิกบุหรี่ได้สำเร็จ

นายสถาพร เกียรติอนันต์ชัย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ จังหวัดสงขลา กล่าวถึงสถานการณ์บุหรี่เถื่อนทั้งบุหรี่มวนและบุหรี่ไฟฟ้าในจังหวัดสงขลาและจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่ายังมีความรุนแรงอยู่ไม่ได้ลดลงเพราะเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจเพิกเฉยไม่บังคับใช้กฎหมาย เห็นกันอยู่ชัดๆว่าบุหรี่เถื่อนมีขายที่ไหนบ้างเช่น อ.หาดใหญ่ แถว 4 แยกน้ำพุจะไปซื้อเมื่อไรก็ได้ มันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่องบุหรี่เถื่อนหรือสินค้าหนีภาษีมีเงินรางวัลนำจับด้วย แต่ในสภาพความเป็นจริงคนนำจับไม่ได้เงินตามที่กฎหมายกำหนดเช่นถ้ายอดเงิน 100,000 บาท คนนำจับได้แค่ 20,000 บาทส่วนที่เหลืออีก 80,000 บาทไปตกอยู่ในมือของคนไม่เกี่ยวข้องทำให้ประชาชนไม่อยากจะแจ้งเบาะแส นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าของกลางที่จับได้มักจะถูกวิ่งเต้นจากพ่อค้าหรือมาประมูลกลับไปแล้วนำกลับมาขายใหม่ จึงเป็นปัญหาทั้งเรื่องการบังคับใช้กฎหมายและเรื่องการทุจริตคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่

ส่วนแนวทางแก้ไขควรทำอย่างไรนั้น  มีทั้งการปราบปรามบังคับใช้กฎหมาอย่างจริงจังรวมทั้งการแก้ไขกฎหมายอาญา กฎหมายศุลกากร เช่นกฎหมายศุลกากรเมื่อจับแล้วมาสารภาพแล้วยกของกลางให้รัฐพวกพ่อค้าก็จะไปซื้อกลับมา ดังนั้นสินค้าที่ยึดมาแล้วให้ทำลายเลยไม่ควรจะนำกลับมาขายทอดตลาด ตามกฎหมายสินค้าที่ยึดมาได้มีแนวปฏิบัติ 3 แนวทางคือ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ,ศาลสั่งให้ทำลายและศาลสั่งทำให้ใช้ไม่ได้ ดังนั้นควรจะใช้แนวทางศาลสั่งให้ทำลายสินค้าเหล่านี้ให้หมดจะดีที่สุด เช่นเดียวกันกับปัญหายาเสพติดที่จับได้ตามแนวชายแดนก็ควรจะเผาทำลายกันในพื้นที่ที่จับได้เพราะถ้าปล่อยให้นำเข้ามาที่ส่วนกลางมีโอกาสที่จะสูญหายหรือยักยอกไประหว่างทางได้ สำหรับคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบจังหวัดสงขลาควรจะมุ่งมั่นจริงจังทำงานให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ต้องมีข้อมูลให้เห็นผลการดำเนินงานด้วยเพราะถ้าจริงจังจะเห็นผลเป็นรูปธรรมแน่นอน จะส่งผลให้เด็กและเยาวชน ประชาชนเข้าถึงบุหรี่เถื่อน  บุหรี่ไฟฟ้าได้น้อยลงเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นทางควบคู่ไปกับการให้ความรู้และรณรงค์

นายภูวสิษฎ์  สุกใส บรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ ภาคใต้โฟกัส ในฐานะสื่อมวลชนที่เข้าไปมีบทบาทเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบจังหวัดสงขลากล่าวว่าสถานการณ์ยังคงรุนแรงอยู่ทั้งจังหวัดสงขลา จังหวัดสตูลและจังหวัดชายแดนภาคใต้เพราะเป็นทั้งประตูทางเข้า เป็นทั้งแหล่งกระจายสินค้าและการขายสินค้าเถื่อน สินค้าหนีภาษีโดยเฉพาะบุหรี่ เมื่อไม่นานมานี้ได้พบปะกับผู้บริหารท้องถิ่นแห่งหนึ่งบอกว่าปัจจุบันรายได้จากภาษีท้องถิ่นลดลงเพราะสินค้าเถื่อนและสินค้าหนีภาษี ไปถามชาวบ้านใน อ.หาดใหญ่ก็รู้ว่าจะซื้อบุหรี่เถื่อนจากไหน ทั้งตลาดใหม่ ถ.นิพัทธ์สงเคราะห์ ถ.นวลแก้วอุทิศก็หาซื้อได้ ปัญหาอยู่ที่เจ้าหน้าที่ไม่บังคับใช้กฎหมาย ตามน้ำบ้างหลับตาข้างหนึ่งบ้าง เป็นความหย่อนยานของเจ้าหน้าที่ และเป็นเรื่องของผลประโยชน์ต่างตอบแทน ลองไปถามดูได้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ใครๆก็อยากจะมาอยู่สงขลา อ.หาดใหญ่  สะเดา ปาดังเบซาร์ อยู่จ.สตูลที่ด่าน วังประจัน อยู่ยะลา อ.เบตง  หรืออยู่นราธิวาส อ.สุไหงโกลก เพราะนี่คือประตูทางเข้าของสินค้าผิดกฎหมาย

ส่วนบทบาทของสื่อมวลชนในจังหวัดสงขลาและจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมาก็เคยเสนอทั้งข่าว รายงานและบทวิเคราะห์ในเรื่องเหล่านี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตื่นตัวเป็นครั้งคราวทำกันแบบไฟไหม้ฟางสุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม ดังนั้นแนวทางที่ควรจะทำคือการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องและจริงจังตั้งแต่ระดับบนจนถึงระดับล่าง ไม่รับผลประโยชน์ไม่ปากว่าตาขยิบปัญหาก็จบ และต้องยกระดับเป็นเรื่องความมั่นคงแห่งรัฐเป็นวาระชัดเจนตั้งแต่ระดับชาติลงมาจนถึงจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบจังหวัดก็ต้องเอาจริงถ้าพบว่ายังมีการค้าบุหรี่เถื่อนในพื้นที่หรือไปปกป้องพ่อค้าก็ต้องถูกย้ายอยู่ในจังหวัดไม่ได้ หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องให้อำนาจผู้ว่าฯเสนอย้ายตำรวจ ย้ายสรรพสามิต หรือเจ้าหน้าที่ขอ

'รองปธ.สภาฯ' ครวญ!! เสียดายผลการศึกษากลายเป็นเศษกระดาษในถังขยะ  แนะ!! 'เร่งเดินหน้า-ล่ารายชื่อ' เสนอ พ.ร.บ.บริหารคลองไทย

เมื่อวานนี้ (15 ส.ค. 66) ตัวแทนจากสมาคมคลองไทยภาคประชาชน นำโดย น.ส.เสาวณี ทองทรัพย์ นายกสมาคมคลองไทยภาคประชาชน, พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร ที่ปรึกษาสมาคม, ดร.สุเมต สุวรรณพรหม อุปนายกสมาคมฯ, ดร.สถาพร เขียววิมล ที่ปรึกษาสมาคม, นายเฉลียว คงตุก ที่ปรึกษา และตัวแทนจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคกลาง, ภาคตะวันออก เดินทางเข้าพบ เพื่อแสดงความยินดีกับ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ได้รับเลือกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฏร

ในโอกาสนี้ น.ส.เสาวณี ในฐานะนายกคลองไทยภาคประชาชน ได้กล่าวรายงานถึงการริเริ่มก่อตั้งสมาคมคลองไทยภาคประชาชน พร้อมแจ้งถึงวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสมาคมฯ ความว่า สมาคมคลองไทยภาคประชาชนก่อตั้งขึ้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนให้ศึกษาคลองไทยในเชิงลึกและในการขุดคลองไทย เพื่อร่วมในการบริหารจัดการร่วมกับภาครัฐ โดยการออกพระราชบัญญัติคลองไทย เพื่อการศึกษาและวิจัยร่วมกับทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลและองค์กรสาธารณประโยชน์ในการทำกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ เป็นศูนย์กลางการสื่อสารและประชาสัมพันธ์คลองไทย และสมาคมจะไม่ดำเนินการเกี่ยวกับการเมืองแต่ประการใด

ดร.สุเมต กล่าวเสริมว่า วุฒิสภาชุดก่อนโน้นเคยตั้งกรรมมาธิการขึ้นมาศึกษาเรื่องการขุดคอคอดกระ ซึ่งสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ และมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย โดยมีท่าน พล.อ.ดรุณ โสถิพันธ์ เป็นทั้งนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้ฯ และประธานมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ เห็นว่า ดร.สุเมตเรียนจบวิศกรรมศาสตร์ และทำงานเป็นวิศวกร ได้มอบหมายให้ ดร.สุเมต ดูแลและติดตามเรื่องคอคอดกระอย่างใกล้ชิด และปัจจุบันมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ได้เปลี่ยนมือมาเป็นท่านประพันธ์ บุณยเกียรติ์ ก็ยังให้ความสำคัญกับการขุดคลองไทย สมาคมชาวปักษ์ฯ ก็เคยจัดเสวนาเรื่องคลองไทยมาแล้ว 2 ครั้ง เคยเห็นท่านพิเชษฐ์แอบไปนั่งฟังอยู่ด้วย ท่าน พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ ก็มอบหมายให้ ดร.สุเมตติดตามเรื่องคลองไทยอย่างใกล้ชิดเช่นกัน

"ในฐานะคนทำสื่อ จัดรายการวิทยุอยู่คลื่น 90.5 เมื่อมีโอกาสก็จะนำเสนอให้ข้อมูลคลองไทยกับผู้ฟังมาโดยตลอด"

ดร.สุเมต กล่าวอีกว่า "เมื่อท่านพิเชษฐ์มาทำเรื่องระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ทำและพูดเรื่องคลองไทย มีคนกล่าวขานถึงท่านพิเชษฐ์กันมาก พูดกันถึงขนาดว่า เมื่อไหร่พรรคเพื่อไทยจะส่งผู้สมัครตัวจริงมาลงสมัครรับเลือกตั้งภาคใต้เสียที ภาคใต้ไม่ใช่เฉพาะประชาธิปัตย์ ประชาชนพร้อมที่จะเลือกคนที่มีความรู้ความสามารถ การเลือกตั้งสองครั้งที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์แล้ว"

ด้านนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ในฐานะอดีตประธานกรรมาธิการวิสามัญศึกษาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ที่มีรายงานผลการศึกษาแต่ถูกสภาตีตกไปนั้น ได้กล่าวว่า "พวกเรามีหน้าที่ในการทำต่อไป มาเริ่มต้นแค่นี้ก็ยังดี มาเริ่มต้นกันใหม่ (พูดต่อไม่ออก หยุดไปพักหนึ่ง) 100 ครั้ง 1,000 ครั้ง เมื่อมีโอกาสเราก็จะทำ ด้านนิติบัญญัติ การเสนอญัตติ หรือกระทู้ เป็นเรื่องเล็กไป เราทำได้มากกว่านั่น เมื่อมีโอกาสก็จะทำ"

นายพิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า "การศึกษาแต่ละครั้งมีการแทรกแซง มีผลประโยชน์ มีแรงกดดันจากมหาอำนาจเยอะมาก คนธรรมดายังรู้ว่าจะทำได้ไม่ได้ แต่เมื่อผลการศึกษาเสร็จแล้ว ผมยังอุ่นใจ และหวังว่าผลการศึกษาเราจะได้ชื่นใจ และชื่นชม แต่ต้องเอาไปทิ้งถังขยะ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ผมไม่อยากแตะรายงานผลการศึกษานั้นอีกเลย"

นายพิเชษฐ์ เสริมอีกว่า "เรื่องกฎหมายก็ต้องหา สส.ใต้ที่เข้มแข็งรวมชื่อกันให้ได้ 20 คนเสนอกฎหมายต่อสภา ภาคประชาชนก็ไปล่ารายชื่อให้ได้ 10,000 รายชื่อ เสนอกฎหมายมาประกบกับของ สส. จะออกมารูปแบบไหนก็ต้องผ่านสภา นี้คือแนวทางที่จะเกิดขึ้นได้ ไม่มีประเทศใด ชาติไหนมาห้ามเราได้

"สส.เก่าที่เคยศึกษาเรื่องคลองไทย ก็ต้องชวนมาร่วมกัน แต่น่าเสียดายสอบตกไปเยอะ เขามีองค์ความรู้อยู่แล้ว เวลานี้รัฐบาลก็เปราะบาง ก็ให้เขาทำงานไป ภารกิจของเราในสภาก็ทำงานกันไป ขอให้กำลังใจทุกท่าน ให้รีบทำ เวลาเรารอไม่ได้ มีกฎหมายรอจ่อคิวอยู่เยอะมาก เวลานี้เข้ามารอคิวแล้วถึง 60 ฉบับ

"ชื่อของพิเชษฐ์ เขาไม่อยากให้เข้ามาในสภานะ โดนสะกัดสุด ๆ กว่าจะเข้ามาได้ก็สุด ๆ แต่เมื่อได้เข้ามาแล้วก็ต้องเดินหน้าต่อไป" นายพิเชษฐ์ กล่าว

‘ครม.’ รับทราบหลักการ ‘แลนด์บริดจ์’ มูลค่า 2.28 แสนลบ. เชื่อมท่าเรืออ่าวไทย-อันดามัน พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้

(17 ต.ค. 66) รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบหลักการโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน หรือโครงการแลนด์บริดจ์ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากนักลงทุนต่างประเทศ (Road Show) ในการพัฒนาโครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อนำมาประกอบในการจัดทำร่างเอกสารเชิญชวนผู้ลงทุนในการร่วมลงทุนโครงการ (RFP) ต่อไป

สำหรับแผนการดำเนินโครงการแลนด์บริดจ์นั้น กระทรวงคมนาคม จะดำเนินการ Road Show ในช่วง พ.ย. 2566 - ม.ค. 2567 จากนั้นจะจัดทำกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ภายในปี 2567 และจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายและสำนักงานนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ในช่วง ธ.ค. 2567

ทั้งนี้ จะคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนใน เม.ย.-มิ.ย. 2568 ควบคู่กับการดำเนินการออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เวนคืนที่ดิน และจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินในช่วง ม.ค. 2568 - ธ.ค. 2569 หลังจากนั้นจะเสนอ ครม.อนุมัติลงนามในสัญญาภายใน ก.ค. - ส.ค. 2568 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างใช้ระยะเวลา 5 ปี หรือ ก.ย. 2568 - ก.ย. 2573 และเปิดให้บริการใน ต.ค. 2573

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุต่อว่า โครงการแลนด์บริดจ์ รวมประมาณการลงทุนโครงการ วงเงิน 228,512.79 ล้านบาท มีรูปแบบการพัฒนาโครงการโดยเป็นการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ซึ่งให้ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนทั้งโครงการ ในลักษณะท่าเรือเดียวเชื่อม 2 ฝั่ง (One Port Two Sides) โดยมีองค์ประกอบ ได้แก่ ท่าเรือน้ำลึกฝั่งทะเลอันดามัน ท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทย เส้นทางเชื่อมโยงท่าเรือทั้ง 2 ฝั่ง และการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์หลังท่า

ทั้งนี้ เป็นการให้สิทธิแก่เอกชนลงทุนในการก่อสร้างและการบริหารจัดการเป็นระยะเวลา 50 ปี โดยภาครัฐทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการเวนคืนที่ดิน ลงทุนทางรถไฟขนาด 1.0 เมตร และกำหนดสิทธิประโยชน์ให้กับเอกชนผู้ร่วมลงทุนในโครงการ พร้อมทั้งกำหนดให้ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนทั้งโครงการฯ ประกอบด้วย ท่าเรือ ทางรถไฟขนาด 1.435 เมตร และทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) รวมถึงการพัฒนาพื้นที่หลังท่า

โดยแบ่งการลงทุนเป็นระยะ ได้แก่ การลงทุนท่าเรือฝั่งระนอง (อันดามัน) บริเวณแหลมอ่าวอ่าง อ.ราชกรูด จ.ระนอง ออกแบบให้สามารถรองรับสินค้าได้ 20 ล้าน TEUs ขนาดร่องน้ำลึก 21 เมตร แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 พัฒนาให้สามารถรองรับปริมาณสินค้า จำนวน 6 ล้าน TEUs ในปี 2573 ระยะที่ 2 พัฒนาให้สามารถรองรับปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น 6 ล้าน TEUs รวมเป็น 12 ล้าน TEUs ในปี 2577 และระยะที่ 3 พัฒนาให้สามารถรองรับปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น 8 ล้าน TEUs รวมเป็น 20 ล้าน TEUs ในปี 2579

อย่างไรก็ตามขณะที่ การลงทุนท่าเรือฝั่งชุมพร (อ่าวไทย) บริเวณแหลมริ่ว อ.หลังสวน จ.ชุมพร รองรับสินค้าได้ 20 ล้าน TEUs ขนาดร่องน้ำลึก 17 เมตร แบ่งออกเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 พัฒนาให้สามารถรองรับปริมาณสินค้า จำนวน 4 ล้าน TEUs ในปี 2573 ระยะที่ 2 พัฒนาให้สามารถรองรับปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น 4 ล้าน TEUs รวมเป็น 8 ล้าน TEUs ในปี 2577 ระยะที่ 3 พัฒนาให้สามารถรองรับปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น 6 ล้าน TEUs รวมเป็น 14 ล้าน TEUs ในปี 2579 และระยะที่ 4 พัฒนาให้สามารถรองรับปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น 6 ล้าน TEUs รวมเป็น 20 ล้าน TEUs ในปี 2582

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุอีกว่า สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์นั้น มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) 17.43% มีอัตราผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) 8.62% ระยะเวลาคืนทุนปีที่ 24 อีกทั้งการพัฒนาโครงการฯ จะทำให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่ จำนวน 280,000 ตำแหน่ง แบ่งเป็น จ.ระนอง จำนวน 130,000 ตำแหน่ง และ จ.ชุมพร 150,000 ตำแหน่ง รวมทั้งเป็นส่วนช่วยทำให้ GDP ของประเทศไทยมีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ประมาณการโดย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ 4.0% ต่อปี เป็น 5.5% ต่อปี

นอกจากนี้ โครงการแลนด์บริดจ์จะก่อให้เกิดการพัฒนาในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมขนาดเบา เช่น การประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์อนาคต อาหาร กิจกรรมด้านโลจิสติกส์ ศูนย์กระจายสินค้า เครื่องมือและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้า และส่งเสริมการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้โดยการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมบริการต่าง ๆ ในพื้นที่ เช่น ร้านอาหาร โรงพยาบาล สถานบันเทิง ร้านค้าต่าง ๆ ระหว่างเส้นทางโครงการ เป็นต้น


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top