Sunday, 5 May 2024
ภาคใต้

‘กรณ์’ ผลักดันสร้างสะพานเชื่อม ‘เกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่’ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว พลิกฟื้นเศรษฐกิจภาคใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.สุราษฎร์ธานี ว่า เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2565 นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ได้รับเชิญจากสมาคมสมุย เพื่อร่วมเสวนาเรื่องการสร้างสะพานเชื่อม ‘เกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่’ โดยมีสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นักธุรกิจ ผู้ประกอบการโรงแรม ประชาชนชาวเกาะสมุย กว่า 200 คน รวมถึง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 2 พรรคชาติพัฒนากล้า นางพงศ์ศรี นาคเมือง หรือ ทนายอ๋อย ทนายความชื่อดังแห่งเกาะสมุย ที่เกาะติดการเรียกร้องก่อสร้างสะพานมาอย่างต่อเนื่องด้วย

นายกรณ์ กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน สิ่งที่ต้องรีบแก้ไขเพื่อสะสางปัญหาด้านอื่นๆ ได้คือ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ประเทศเราจะมีทรัพยากรเพียงพอในการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนได้ เศรษฐกิจต้องดีก่อน ซึ่งจากการพูดคุยกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ทุกคนเห็นตรงกันว่า การจะแก้ปัญหาปากท้องได้ เราต้องมีจุดยืนในการสร้างสะพานเชื่อมเกาะสมุย-แผ่นดินใหญ่ สะพานแห่งนี้จึงเป็นเพชรเม็ดงามของอ่าวไทย แต่เพชรจะงามได้ต้องอยู่บนแหวน ที่ออกแบบเพื่อให้การท่องเที่ยวเชื่อมโยงกันได้สะดวก 

ดังนั้นตนจึงตั้งใจจะมาทอดสะพานแห่งโอกาสและระดมสมองเพื่อให้การก่อสร้างสะพาน เพื่อเป้าหมายในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวของภาคใต้ให้สามารถรับนักท่องเที่ยวรายได้สูงจากทั่วโลกได้ตลอดทั้งปี มี land-bridge มอเตอร์เวย์พาดผ่าน จากอ่าวไทยถึงอันดามัน จากหาดเฉวงจนถึงปลายแหลมพรหมเทพ ซึ่งจะกระตุ้นการท่องเที่ยวให้ครึกครื้น พลิกฟื้นเศรษฐกิจภาคใต้ และส่งผลต่อจีดีพีประเทศ

นายกรณ์ กล่าวว่า นอกจากส่งเสริมการท่องเที่ยวแล้ว การมีสะพาน ยังเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชนด้วย เพราะปัจจุบัน ต้นทุนค่าครองชีพที่สูงมากทั้งราคาน้ำมันที่โดยทั่วไปก็สูงอยู่แล้ว แต่ที่เกาะสมุยราคาสูงกว่าแผ่นดินใหญ่ถึง 2 บาท ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายต่างๆ แพงกว่าปกติเกือบทุกรายการ ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ท เข้าถึงแหล่งเงินทุนค่อนข้างยากลำบาก อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำอย่างชัดเจน ในขณะที่ รถไฟฟ้าใน กทม. มีรถไฟฟ้านับสิบสายมีการลงทุนเป็นแสนล้าน แต่เกาะสมุยกลับได้รับความช่วยเหลือใด ๆ 

“ถ้าจัดลำดับผลในทางบวกต่อประชาชน คือ 1.) ลดค่าครองชีพของชาวเกาะสมุยกว่า 6 หมื่นคน และพี่น้องชาวใต้ ชาวอีสาน ที่ทำมาหากินที่นี่อีกหลายแสนคนในแต่ละปี 2.) การเพิ่มคุณภาพชีวิต เข้าถึงการรักษาพยาบาล ลดต้นทุนการเดินทางของนักเรียนนักศึกษา และประชาชน 3.) การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ให้กับชาวสมุยที่มีธรรมชาติที่งดงามมาก ส่วนกระบวนการก่อสร้างนั้น คิดว่าถึงเวลาแล้ว ต้องสื่อสารให้พี่น้องชาวเกาะสมุยได้รู้ถึงประโยชน์ที่จะได้รับ ส่วนผลกระทบทางลบมีแต่บริหารจัดการได้  กระบวนการทางการเมืองที่เหมาะสมคือต้องมาจากภาคประชาชนส่งสัญญานไปยังพรรคการเมืองว่าเราได้กลั่นกรอง ทบทวน พิจารณาแล้ว ในอนาคตอาจเปิดให้มีการทำประชาพิจารณ์ จากนั้นเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันทั่วโลก เป็นโอกาสในการสร้างประติมากรรมและแลนด์มาร์กที่สำคัญ และจะเป็นประโยชน์แก่ลูกหลานนับชั่วอายุคน และตนก็พร้อมที่จะเคียงข้างประชาชนไปพูดทุกเวที หากมีการดีเบตเรื่องการสร้างสะพานแห่งนี้" นายกรณ์ กล่าว

ด้านนายวิรัช พงษ์ฉบับนภา หรือ โกฉุย กล่าวว่า ตนในฐานะเป็นคนเกาะสมุยโดยกำเนิด ในอนาคตหากเกาะสมุยไม่เตรียมความพร้อมการเดินทางเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวแล้ว อาจทำให้เกาะสมุยไม่ได้เป็นจุดหมายปลายทางการเดินทางของนักท่องเที่ยวได้จากปัญหาการเดินทางโดยเรือเฟอร์รี่ที่ล่าช้า เครื่องบินก็มีขีดจำกัด และค่าโดยสารราคาสูง ซึ่งตนได้ออกแบบสะพานไว้ ตั้งแต่ปี 2560 โดยคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย มีช่องทางรถยนต์ และเลนสำหรับรถจักรยานยนต์ที่แยกส่วนเพื่อความปลอดภัย ส่วนบริเวณกึ่งกลางสะพานออกแบบเป็นจุดชมวิว มีที่จอดรถเพื่อชมความงามของทะเลอ่าวไทยและถ่ายรูป 

นอกจากนี้ ด้านล่างมีพื้นที่ช็อปปิ้งมอลล์ และลานสำหรับทำกิจกรรม อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นการออกแบบด้วยแนวคิดส่วนตัว แต่ก็อยากให้รัฐบาลดำเนินการในแนวทางเดียวกันเพื่อผลประโยชน์ในภาพรวมเชื่อว่าจะพลิกโฉมการท่องเที่ยวของไทย พลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง หลังจากซบเซามาจากหลายวิกฤตต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ในมิติของคุณภาพชีวิตประชาชน นายวิรัช กล่าวว่า ปัจจุบัน เกาะสมุยมีโรงพยาบาลที่เครื่องมือทันสมัยเพียงไม่กี่แห่ง หากต้องรับการผ่าตัดกว่าจะนั่งเรือเฟอรี่ก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะถึงฝั่ง ส่งต่อไปยังโรงพยาบาล หลายคนต้องเสียชีวิต แต่ถ้ารักษาในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมก็ต้องใช้เงิน 3-5 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน ต้นทุนอย่างบนเกาะสมุยจะสูงกว่าบนฝั่งแผ่นดินใหญ่มาก ทั้งราคาน้ำมัน ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สินค้าอุปโภคบริโภค ที่สูงกว่าปกติ หากมีสะพาน ต้นทุนที่ทุกคนต้องแบกภาระจะลดลงตามไปด้วย ระยะทาง 18 กิโลเมตรไม่ไกล น้ำทะเลที่ไม่ลึก สึนามิไม่มี องค์ประกอบทั้งหมดพร้อมมาก สะพานนี้คือหัวใจและเป็นหยาดโลหิตของชาวสมุย 

อิ๊งค์' นำทัพ 'เพื่อไทย' บุกภาคใต้ 'เต้น' โว!! ปักธงแลนด์สไลด์

'เพื่อไทย' ยกคณะปราศรัยภาคใต้ 11 ธ.ค. พา 'อิ๊งค์' ทัวร์สิชล ดูประมงท่องเที่ยว ลั่นขอยกระดับราคา ยางพารา ปาล์ม 'ณัฐวุฒิ' โวปักธงแลนด์สไลด์

(7 ธ.ค. 65) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า ครอบครัวเพื่อไทยนำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทยและรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง, นายสุธรรม แสงประทุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย, นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง และตนเองจะเปิดเวทีปราศรัย ครอบครัวเพื่อไทย ที่ภาคใต้ครั้งแรก ในชื่องานว่า ‘แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง!’ ที่หอประชุมเทศบาลนครนครศรีธรรมราช หรือที่ประชาชนทั่วไปเรียกว่า หอประชุมทุ่งท่าลาด

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าในกิจกรรมดังกล่าว จะมีการปราศรัยในเรื่องของนโยบายของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้คือนโยบายแนวทางการยกระดับราคาพืชผลทางการเกษตร การรักษาเสถียรภาพราคา เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้พี่น้องเกษตรกร ทั้งราคาปาล์มน้ำมัน ยางพารา ซึ่งเมื่อวานนี้ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ปราศรัยประกาศวิสัยทัศน์ ประเทศไทย 2570 ไปแล้ว ก็จะถือเป็นโอกาสได้ไปขยายความรายละเอียดในแต่ละนโยบาย สื่อสารประเด็นให้ชัดเจน เป็นที่เข้าใจให้ตรงกันมากยิ่งขึ้น นอกจากเพียงแค่การพูดคุยเรื่องเป้าหมายการแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังมีเรื่องการกระจายอำนาจ การแก้ไขปัญหาการประมงในพื้นที่ และการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว ชายฝั่งอ่าวไทยก็เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์หนึ่ง จึงเป็นนโยบายที่สำคัญที่พรรคเพื่อไทย จะได้ถือโอกาสพูดคุยกับพี่น้องในพื้นที่ได้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ จะเป็นโอกาสได้แนะนำผู้ประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของพรรคเพื่อไทยในกลุ่มภาคใต้ ที่ได้เปิดตัวไปก่อนหน้านี้พร้อมด้วยทีมคณะผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ทุกจังหวัดอีกด้วย

'ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย' เปิดศึกนครศรีธรรมราช ฟาก 'พปชร.' หวั่น!! รทสช.แย่งแชร์ หลังบิ๊กตู่ซบ

นาทีนี้ คงต้องมาเป่านกหวีดเช็คความพร้อม สนามเลือกตั้งเมืองคอนกันสักเล็กน้อย หลังจากสนามนี้ 'ประชาธิปัตย์-ภูมิใจไทย' พร้อมเปิดศึกกันเต็มอัตรา ส่วน พลังประชารัฐ อาจจะอ้อแอ้ เมื่อลุงตู่มาร่วมทัพรวมไทยสร้างชาติ จนทำให้พรรคคึกคักขึ้น

ย้อนความไปเมื่อพลันที่พรรคภูมิใจไทย เปิดตัว 8 ผู้สมัครนครศรีธรรมราช พร้อมประกาศลั่นพร้อมสู้ทั้ง 9 เขต หวังปักธงอย่างน้อย 3 เขต ทำให้ต้องมาเช็กสนามกันอีกรอบ เพื่อสำรวจความพร้อมของแต่ละพรรค    

เพราะนาทีนี้ "นครศรีธรรมราชไม่เงียบนะ" เป็นคำตอบยืนยันมาจาก 'แทน-ชัยชนะ เดชเดโช' ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ รองเลขาธิการพรรค ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวผู้สมัครไปแล้ว 8 เขตเช่นกัน

8 คนที่ประชาธิปัตย์ได้ตัวผู้สมัครแล้วนั้นเป็นทั้งคนหน้าเก่าและหน้าใหม่ ได้แก่…

- นายราชิต สุดพุ่ม อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี

- นายพิทักษ์เดช เดชเดโช ที่ปรึกษารมช.พาณิชย์

- น.ส.อวยพรศรี เชาวลิต สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช 3 สมัย

- ว่าที่ร.ท.ยุทธการ รัตนมาศ อดีตรองนายกอบจ.นครศรีธรรมราช

- นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช 5 สมัย

- นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช 9 สมัย และอดีตรมช.ศึกษาธิการ

- นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์

- น.ส.ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ บุตรสาวของนายชินวรณ์ และเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

โซนหัวไทร, ชะอวด, เชียรใหญ่ ทำโพลเสร็จพบ  'ยุทธการ' ชนะ 'พงศ์สิน เสนพงศ์' น้องชายของเทพไท เสนพงษ์ โดย ยุทธการ รัตนมาศ เป็นอดีตรองนายกฯ อบจ.นครศรีธรรมราช, นายกสมาคมกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช ขึ้นป้ายแนะนำตัวเต็มเขตเลือกตั้งแล้ว ส่วนพงศ์สินเคยลงสมัครเมื่อครั้งเลือกตั้งซ่อม เขต 3 ซึ่งก็คือพื้นที่โซนนี้แหละ แต่แพ้ให้กับอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ส่ง ก็จำเป็นต้องหาที่ยืนใหม่ สุดท้ายก็ไปลงที่รวมไทยสร้างชาติ

ไม่ว่าจะเป็นพงศ์สิน หรือยุทธการ ในมุมมองของ #นายหัวไทร เชื่อว่า มีฐานเสียงเดียวกัน คือโซนชะอวด ฐานเสียงโซนหัวไทรจะเบาบางทั้งคู่

"เรามีวิธีในการเรียกคะแนนจากประชาชน ขอให้สนามเลือกตั้งเปิดก่อน" เป็นคำยืนยันจาก 'ชัยชนะ'

'แทน-ชัยชนะ' ยังเชื่อมั่นอีกว่า เลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนพรรคประชาธิปัตย์จะชนะยกจังหวัด 9 ที่นั่ง ส่วน 'ภูมิใจไทย' คงสู้เต็มที่ทุกเขต แต่หากยืนอยู่บนความเป็นจริง ขอส่วนแบ่งไม่น้อยกว่า 3 เขต

การที่ภูมิใจไทย หวัง 3 เขต แปลความได้ว่าจะต้องไปแบ่งมาจากประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ เพราะภูมิใจไทยไม่มี ส.ส.นครศรีธรรมราชมาก่อน เหลืออีก 6 เขต ประชาธิปัตย์กับพลังประชารัฐก็ต้องไปสู้ส่วนแบ่งกัน ซึ่งดูจากเนื้อผ้าแล้ว เชื่อว่าพลังประชารัฐจะได้น้อยกว่าเดิม เพราะ 'สายัณห์ ยุติธรรม' ไปกับลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ชัดเจนแล้วว่า จะไปรวมไทยสร้างชาติ ก็จะเหลือ ส.ส.เก่าพลังประชารัฐที่ปักหลักสู้อยู่กับพรรคเดิม คือ ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ที่จะต้องประดาบกันหนักกับ 'ราชิต สุดพุ่ม' อดีตผู้ว่าฯปัตตานี ที่ผันตัวเองมาใส่เสื้อสีฟ้าประชาธิปัตย์ ก็ไม่ใช่หมูในอวยแน่นอน

ส่วนตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทย อย่าง 'ผู้การฯ ติ๊ก' ก็จะมาแย่งคะแนนไปได้ไม่น้อยกับเครือข่ายศิษย์เก่าโรงเรียนเบญจมะ ที่ทุกวันนี้ผู้การฯ ติ๊กนั่งเป็นนายกสมาคมศิษย์เก่าเบญจมะอยู่ด้วย ทราบว่า หลังจากลงคลุกพื้นที่ขยันเดินพบปะ คะแนนตีตื้นขึ้นมาไล่บี้ 'รงค์-ราชิต' แล้ว ราชิตก็พยายามตีโอมล้อม 'ป่าล้อมเมือง' เข้ามาประชิตรั้ว ดร.รงค์แล้ว อยู่ที่ว่า ดร.รงค์ยังจะลงเขตเหมือนเดิม หรือขึ้นบัญชีรายชื่อ ปัญหาของ ดร.รงค์ คือ คนใกล้ตัวลงแข่งหมด

ด้าน อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ สองปีกับการเป็นผู้แทนยังทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ ‘ทุกคะแนนไม่สูญเปล่า’ เครือข่ายเพื่อนฝูง-ญาติพี่น้องเยอะ ช่วยได้มาก แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคยช่วยให้ชนะการเลือกตั้งกระจัดกระจายกันไปหมดแล้ว คงทำให้อาญาสิทธิ์มีปัญหาบ้าง และให้จับตาคนใกล้ตัวอย่างนายหัวอาจจะลงแข่งกับอาญาสิทธิ์ด้วย ซึ่งคงจะยิ่งเป็นปัญหาใหญ่ เพราะนายหัวคือผู้เกื้อหนุนอาญาสิทธิ์มาก่อน

‘อุ๊งอิ๊ง’ นำทีมเพื่อไทยลุยเมืองคอน อ้อนขอใจชาวใต้ ดันแลนด์สไลด์

‘แพทองธาร’ นำทีมเพื่อไทย ลงพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ‘ชลน่าน’ พร้อมดันเมืองนครศรีธรรมราช เป็นฮับโลจิสติกส์-ม.วลัยลักษณ์เป็นฮับการแพทย์ 7 จว.ภาคใต้ตอนบน อ้อนขอใจชาวใต้ดันแลนด์สไลด์เพื่อไทยกลบ ส.ว.เลือกนายกฯ ‘อุ๊งอิ๊ง’ โชว์อ้อนอย่าทิ้ง ‘นุ้ย’ นะ  

วันนี้ (11 ธ.ค65) เมื่อเวลา 07.40 น. ที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วน ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยผู้บริหาร แกนนำพรรคเพื่อไทย เดินทางมาถึง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อร่วมกิจกรรม ‘ครอบครัวเพื่อไทย แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง’ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ น.ส.แพทองธารได้ร่วมลงพื้นที่ภาคใต้ พร้อมกับนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีของ น.ส.แพทองธาร โดย น.ส.แพทองธารถือเป็นสะใภ้ของคนใต้ เพราะสามีเป็นคนนครศรีธรรมราช โดยมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัว, นายก่อแก้ว พิกุลทอง, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และมีประชาชนที่มารอให้กำลังใจมอบดอกกุหลาบสีแดงให้กับน.ส.แพทองธาร

จากนั้นเวลา 08.30 น. คณะครอบครัวเพื่อไทย พร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย เดินทางไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร วัดอารามหลวงชั้นเอก ซึ่งมีนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช. พร้อมคณะรอต้อนรับ จากนั้น น.ส.แพทองธาร นพ.ชลน่าน พร้อมคณะได้เข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ โดยมีพระเทพวินยาภรณ์ (สมปอง ปัญญาทีโป) เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช มอบพระพุทธสิหิงค์ ให้กับ น.ส.แพทองธารและคณะ

พระเทพวินยาภรณ์ กล่าวตอนหนึ่งระหว่างให้พรกับ น.ส.แพทองธารว่า ทุกท่านที่มามียศมีตำแหน่งจะอยู่ในช่วงการทำงาน แต่ตำนานจะอยู่ในจิตใจประชาชน การจะเป็นตำนานได้จะต้องสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติ พร้อมอนุโมทนาและขอให้คณะของ น.ส.แพทองธาร ปราศจากทุกข์ โรคภัย อันตรายทั้งหลายทั้งปวง ปรารถนาสิ่งใดขอให้สมพรทุกประการ

จากนั้น ที่หอประชุมเมืองนครศรีธรรมราช (ทุ่งท่าลาด) นพ.ชลน่าน กล่าวในกิจกรรม ครอบครัวเพื่อไทย จังหวัดนครศรีธรรมราช ‘ครอบครัวเพื่อไทย แหลงจริง ทำได้ คนใต้หรอยแรง’ ว่า วิกฤตที่พี่น้องประชาชนต้องพบเจอมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เป็นความทุกข์ทรมาน ไร้เสรีสิทธิเสรีภาพ  ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป พี่น้องชาวใต้และพรรคเพื่อไทยจะจับมือสู้ไปด้วยกัน หากพี่น้องประชาชนต้องการออกจากความทุกข์ยาก อยากมีอนาคตที่ดี เตรียมพร้อมไว้สำหรับลูกหลาน ขอฝากพรรคเพื่อไทยไว้ในหัวใจของพี่น้องชาวใต้ทุกคน หากเราร่วมแรงร่วมใจ ขอเพียงพี่น้องชาวใต้ มอบใจ มอบคะแนนให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ในภาคใต้ แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ต้องชนะอย่างถล่มทลาย ได้ที่นั่ง ส.ส. 250 คน ขึ้นไป เพื่อให้ได้เสียงชนะ ส.ว.ที่มี 250 คน หากชนะ ส.ว.ได้ เขาจะยอมก้มหัวให้เรา

พรรคเพื่อไทยมาพบปะพี่น้องชาวใต้ในครั้งนี้ พร้อมนำเสนอเสาหลักของพรรคที่จะนำพาพี่น้องออกจากวิกฤต ได้แก่

1.ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีความเห็นอกเห็นใจพี่น้องประชาชน เชื่อว่าว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยได้เข้าไปอยู่ในหัวใจของพี่น้องชาวใต้แล้วจากผลโพลในช่วงที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่าหลังจบกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย จ.นครศรีธรรมราช คะแนนผลโพลความนิยมของว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย อาจจะขยับขึ้นจาก 13% เป็นเท่าตัว หรือ 25%

2.ผู้ซึ่งประสงค์รับสมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ครบทั้ง 400 เขต ซึ่งในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ พรรคเพื่อไทยส่งครบ 58 เขต จะต่อสู่ในสนามเลือกตั้งจนกว่าจะได้รับความไว้วางใจ หากพี่น้องประชาชนชาวใต้ มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผู้ซึ่งประสงค์รับสมัคร ส.ส.ของพรรค เรายินดีรับฟังและปรับเปลี่ยนเพื่อพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ได้แจ้งผู้ซึ่งประสงค์รับสมัคร ส.ส.ของพรรค ซึ่งทั้งหมดรับฟังและยินดีที่จะช่วยเหลือพรรคเพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง

3.นโยบายของพรรคเพื่อไทย ภาคใต้มีทรัพยากรที่มีความหลากหลาย มีความอุดมสมบูรณ์  อย่างอำเภอทุ่งสง เคยถูกวางเป็นศูนย์กลางการขนส่งในภาคใต้ หากมีการพัฒนาด้วยการสร้างถนนฝั่งอันดามัน ที่ จ.พังงา จ.กระบี่ ตัดเข้ามาในพื้นที่ มารวมเข้ากับสิ่งที่พี่น้องประชาชนเสนอแนวคิดพรรคเพื่อไทยเพื่อให้ผลักดันมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์รองรับการรักษาพยายาลพี่น้องประชาชนใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน เพื่อแบ่งเบาการรักษาพยาบาลจากมหาวิทยาสงขลานครินทร์ ที่รักษาพยาบาลพี่น้องชาวใต้ 14 จังหวัด ได้ประโยชน์ทั้งการขนส่งและการรักษาพยาบาล ซึ่งในเรื่องนี้ตนพร้อมนำเสนอเข้าสู่ทีมนโยบายของพรรคเพื่อไทย ทำได้ ไม่ยาก เพราะเพื่อไทยทำเป็น

“หากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งถล่มทลาย เราจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ความสำเร็จนั้นหมายถึงคนไทยทั่วประเทศทุกภูมิภาค พรรคเพื่อไทยต้องการเอาตัวตนของพรรคไปอยู่ในหัวใจของพี่น้องประชาชนชาวใต้ เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เป็นสถาบันการเมืองที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด พรรคเพื่อไทยจะเป็นคำตอบให้กับทุกคน” นพ.ชลน่าน กล่าว

‘เต้น’ ลั่น ‘อิ๊งค์’ เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย เจ้าตัวยัน!! พร้อมทำเพื่อ ปชช. สุดความสามารถ

‘เต้น’ ย้ำหนุน ‘อิ๊งค์’ เป็นแคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย เจ้าตัวเชื่อพรรคหาคนที่ดีที่สุด ได้เป็นหรือไม่พร้อมทำงานเพื่อพรรคเต็มที่ ฟาก ‘ชลน่าน’ เชื่อ ส.ส.ย้ายพรรคกระทบพิจารณา กม. บางฉบับ

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 65 ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์กรณีปราศรัยว่า น.ส.แพทองธาร จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยแน่นอนว่า แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมืองมีได้ 3 คน ซึ่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยพูดมาตลอดว่าจะส่งครบทั้ง 3 คน 1 ในนั้นน่าจะเป็น น.ส.แพทองธาร ตนใช้สิทธิส่วนบุคคลในฐานะกองเชียร์ก็เชียร์ แต่เมื่อประกาศทั้ง 3 คน ตนก็ต้องเชียร์ทั้ง 3 คน ซึ่งพี่น้องชาวใต้ขานรับขนาดนี้ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็น่าจะรับไว้พิจารณา แต่ก็ต้องเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรคซึ่งจะประกาศในภายหลัง 

ด้านน.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขณะนี้พรรคยังไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจน เชื่อว่าพรรคพท.จะหาแคนดิเดตนายกฯ ได้เหมาะสมมากที่สุด ถ้ามีคนที่เหมาะสมกว่าตนก็น้อมรับ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวพร้อมทำงานกับพรรคพท. ซึ่งก็ต้องรอดูว่าประชาชนจะเมตตากับเรามากน้อยแค่ไหน ส่วนตัวไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็พร้อมทำงานกับพรรคพท. และพร้อมทำงานให้กับประชาชนสุดความสามารถ 

เมื่อถามว่าเมื่อประกาศตัวอย่างชัดเจนคะแนนในภาคใต้จะตีตื้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พรรคพท.ขายนโยบาย เราพูดและทำได้จริง เมื่อถามว่าเวลาที่เหมาะสมในการประกาศแคนดิเดตนายกฯ อยู่ในช่วงเวลาใด น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราพยายามหาตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับประชาชน อิ๊งค์เองไม่ว่าจะเป็นหรือไม่เป็น ก็ยังทำเต็มที่เหมือนเดิม ถ้าไม่เป็นก็ไม่โกรธเคือง ถ้าจะเป็นก็เป็นด้วยความเต็มใจ ก็มุ่งมั่นทำนโยบายเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของเรา

‘ชาติพัฒนากล้า’ เตรียมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 4 เขต มั่นใจ!! สามารถผลักดันเศรษฐกิจสงขลาให้รุ่งเรืองได้

(16 ธ.ค. 65) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ในวันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2565 พรรคชาติพัฒนากล้าจะยกทีมใหญ่ลงจังหวัด สงขลา ประกอบด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรค และนายอรัญ พันธุมจินดา ผู้อำนวยการพรรค พร้อมด้วยคณะผู้บริหารพรรค เพื่อเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.สงขลา ทั้ง 4 เขต โดยทั้ง 4 คน ได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง และมีกระแสการตอบรับจากประชาชนที่ดีมาก รับรองมีเซอร์ไพร์ส อย่างแน่นอน 

หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวด้วยว่า ในวันดังกล่าวจะมีการเปิดธีมนโยบายที่จะแก้ปัญหาปากท้องให้กับชาวจังหวัดสงขลาโดยมีเป้าหมายไปสู่ ‘งานดี มีเงิน ของไม่แพง’ โดยการขยายโอกาสในการทำกินของเมืองสงขลา หาดใหญ่ เราจะลงมือทำ และ ต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานของหัวเมืองเศรษฐกิจหลักของภาคใต้ตอนล่างอย่างสงขลา เชื่อว่าจะสามารถพลิกโฉมอนาคตเศรษฐกิจของชาวสงขลาให้รุ่งเรืองได้

‘พิธา’ ปลุก 'ยะลา' เปลี่ยนพื้นที่ความกลัวเป็นพื้นที่ความหวัง ชู นโยบายเอาทหารออกจากการเมือง-ยกเลิก กอ.รมน.

ก้าวไกลไปยะลา เปิดเวทีคุยนโยบายสันติภาพก้าวหน้า อัดเป็น 19 ปีแห่งความล้มเหลว เจรจาสันติภาพถึงทางตัน ชู นโยบายเอาทหารออกจากการเมือง-ยกเลิก กอ.รมน.-เปลี่ยน พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็น พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ ประกาศใช้คราวละ 30 วัน ต้องขออนุมัติสภา ‘พิธา’ ปลุก เปลี่ยนพื้นที่ความกลัวเป็นพื้นที่ความหวัง โยนโจทย์พัฒนาสามจังหวัดชายแดนใต้ แคนดิเดตนายกฯต้องตอบให้ได้ ลั่นปฏิรูปการเมือง-เขียนรัฐธรรมนูญใหม่-ให้ประชาชนเลือกนายกจังหวัด ปลดปล่อยศักยภาพชายแดนใต้ทั้งการท่องเที่ยว-เศรษฐกิจสร้างสรรค์-อุตสาหกรรมแพะ 

วันที่ 18 ธันวาคม 2565 ที่ จ.ยะลา พรรคก้าวไกลจัดเวทีพูดคุยแลกเปลี่ยนนโยบาย 'สันติภาพก้าวหน้า' นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลพร้อมด้วย อันวาร์ อุเซ็ง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ยะลา เขต 1 ณรงค์ อาแว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ยะลา เขต 3 และรอมฎอน ปันจอร์ คณะทำงานนโยบายชายแดนใต้-ปาตานี

รอมฎอน กล่าวว่า กระบวนการเจรจาสันติภาพในปัจจุบัน อยู่ในช่วงยากลำบากและเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่ต้องการความมุ่งมั่นทางการเมืองของทุกฝ่าย ที่ผ่านมารัฐบาลทหารและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)  ทำให้กระบวนการแก้ไขปัญหาทางการเมืองถึงทางตัน วันนี้จึงต้องการการแก้ไขปรับปรุงเพื่อเดินหน้าหาข้อยุติในการอยู่ร่วมกัน เราเชื่อว่าถ้าประเทศไทยเปลี่ยน กระบวนการสันติภาพก็ต้องเปลี่ยน และพรรคก้าวไกลเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง โดยหลักการพื้นฐานที่ได้วางหมุดหมายไว้ตั้งแต่ครั้งพรรคอนาคตใหม่ คือการมองคุณค่าคนทุกคนเท่ากัน แต่ละคนมีพลังอำนาจในการกำหนดอนาคต ไม่จำเป็นต้องมีการเมืองที่อิงระบบอุปถัมภ์ สิ่งนี้สำคัญมากที่จะทำให้ชายแดนใต้และประเทศไทยไปสู่อนาคต นำมาสู่การพัฒนานโยบายสันติภาพก้าวหน้าซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างนโยบาย 9 เสาหลักของพรรคก้าวไกลและข้อเสนอของคนในพื้นที่ โดยหัวใจของนโยบายนี้ จะล้อไปกับสโลแกนสวยหรูของ กอ.รมน. อย่าง ‘มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน’ โดยเปลี่ยนเป็น ‘ลดความมั่งคั่งทางทหาร เพิ่มความมั่นคงทางอาหาร และสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน’

อมรัตน์ กล่าวว่า กอ.รมน. ก่อตั้งขึ้นในปี 2508 จากหน่วยงานที่ชื่อว่า 'กองบัญชาการป้องกันและปราบปรามคอมมิวนิสต์' ทั้งที่ภัยคุกคามคอมมิวนิสต์จากนอกประเทศหมดไปแล้ว แต่ กอ.รมน. ยังคงอยู่ในฐานะที่เป็น 'หน่วยงานพิเศษ' ที่ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานที่มีที่มาจากทหาร ตรวจสอบไม่ได้ ไม่โปร่งใส ไม่ทันสมัย ที่สำคัญที่สุดคือไม่เข้าใจประชาธิปไตย สิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอ วาระเร่งด่วนคือแก้ไขโครงสร้างของกลาโหมให้มีพลเรือนเข้าไปร่วมตัดสินใจด้วย และในระยะยาว เราเสนอให้ยกเลิก กอ.รมน. ซึ่งจะทำให้เรามีงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกปีละ 10,000 ล้านบาท เพื่อนำงบมาเป็นส่วนหนึ่งในการจัดสวัสดิการถ้วนหน้าทุกช่วงวัย เพื่ออนาคตที่ดีของคนไทยทุกคน

ชัยธวัช กล่าวว่า นับตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปืนที่จังหวัดนราธิวาสเมื่อ 2547 ภาครัฐใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาท เพื่อแก้ไขความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดนใต้ มีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 7,000 คน อีกจำนวนมากบาดเจ็บและสูญหาย เป็นข้อพิสูจน์ว่าวิธีการที่ผ่านมาซึ่งถูกกำกับโดยวิธีคิดแบบทหารนั้นล้มเหลว ดังนั้น ข้อเสนอเพื่อสร้างสันติสุขก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล จะยืนบน 3 หลักการ เรียกว่า ‘3D’ ประกอบด้วย Democratization การสร้างประชาธิปไตยต้องเริ่มต้นจากคนทุกคนเท่ากัน อำนาจสูงสุดต้องเป็นของประชาชน Demilitarization เอาทหารออกจากการเมือง การแก้ปัญหาในสามจังหวัดภาคใต้ต้องนำโดยพลเรือน เลิกใช้กฎหมายที่เป็นวิธีคิดแบบทหาร เปลี่ยนเป็นมองความมั่นคงของประชาชนเท่ากับความมั่นคงของชาติ และ Decentralization คือกระจายอำนาจ ยกเลิกโครงสร้างรัฐรวมศูนย์ เอาอำนาจและงบประมาณมาอยู่ที่ท้องถิ่น มีอำนาจตัดสินใจออกแบบสังคมที่รองรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม

'บิ๊กป้อม' ล่องใต้ ตามติดเศรษฐกิจ 3 จว.ชายแดน พร้อมรับฟังปัญหา หนุนชาวบ้านมีงานทำทั่วถึง

'พล.อ.ประวิตร’ ลงใต้ ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ตามติดขับเคลื่อนเศรษฐกิจปากท้องชาวบ้าน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ย้ำเสริมภาคประชาสังคมเข้มแข็ง รับฟังปัญหาและพัฒนาไปด้วยกัน

(19 ธ.ค. 65) โฆษก ประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมช.คลัง, รมช.กลาโหม และคณะ ได้เดินทางลงใต้ เรียกประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนา จ.ชายแดนภาคใต้ และ ตรวจติดตามราชการในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ จ.ภูเก็ต

โดยได้ประชุม กพต. ณ ห้องประชุม ม.สงขลานครินทร์ อ.เมือง จ.ปัตตานี รับทราบการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ (เป็นการส่วนพระองค์) กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในการส่งเสริมการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ และรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการงานที่สำคัญ ประกอบด้วย การพัฒนาทักษะแรงงาน และการสอนภาษานานาชาติ การขับเคลื่อนโครงการแก้ปัญหาความยากจน ตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อเพิ่มรายได้ครัวเรือน โดยขยายการช่วยเหลือเพิ่ม 1,200 ครอบครัวในปี 66 โครงการเมืองปศุสัตว์ตามกรอบระเบียบเศรษฐกิจฮาลาล ซึ่งมีเกษตรกรนำร่อง 5 จังหวัด 171 กลุ่ม ความก้าวหน้าการจัดทำแผนพัฒนา จ.นราธิวาส และ จ.ปัตตานี

พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบหลักการโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการแก้ปัญหาและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากระดับชุมชนหมู่บ้าน ปี 66-70 รวมทั้ง โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้นำทุกศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ปี 66-70 และ (ร่าง) แผนส่งเสริมการมีส่วนร่วมภาคประชาชนในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ ปี 67-70 ซึ่งมีองค์กรกว่า 200 องค์กรเข้าร่วมโครงการ เป็นต้น

'แลนบริดจ์' อภิมหาโปรเจกต์ เชื่อม 2 ฝั่งทะเลใต้ ชุมพร-ระนอง | TIME TO KNOW EP.8

ชาวชุมพร-ระนองเฮ! อีกไม่นาน 2 ฝั่งชาวเล

ได้ใช้ 'แลนบริดจ์' ลดการขนส่งอ้อมสิงคโปร์ได้นับพันกิโล!!

 

วันนี้ได้รับเกียรติจาก คุณจิรวัฒน์ จังหวัด

แอดมินเพจ โครงสร้างพื้นฐาน ประเทศไทย Thailand Infrastructure

มาพุดคุยความคืบหน้า 'แลนบริดจ์' อภิมหาโปรเจกต์ เชื่อม 2 ฝั่งทะเลใต้ ชุมพร-ระนอง

 

ดำเนินรายการโดย วสันต์ มนต์ประเสริฐ Content Manager

 

🎥 ช่องทางรับชม

Facebook: THE STATES TIMES PODCAST

YouTube: THE STATES TIMES PODCAST

TikTok: THE STATES TIMES PODCAST

'บิ๊กตู่' หนุน 6 โครงการลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา ดูแล 'เด็ก-เยาวชน' ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อวันที่ 7 ม.ค.66 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นอกจากการดูแลสวัสดิการในทุกช่วงวัยแล้ว ยังมุ่งให้เด็กและเยาวชน ได้รับการศึกษาที่ดีมีมาตรฐาน ได้รับโอกาสทั่วถึง เท่าเทียมและทันสมัยก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วยปัตตานี นราธิวาส และยะลา ที่มีรายงานของสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่าภาคใต้เป็นภูมิภาคที่มีอัตราส่วนเด็กยากจนที่ขัดสนด้านการเรียนรู้ ในช่วงอายุ 5-17 ปี มากที่สุดร้อยละ 7.21 พล.อ.ประยุทธ์จึงเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วใน 6 โครงการ ดังนี้

1. หลักประกันการเข้าถึงโอกาสการศึกษา เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ให้สามารถเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและคงอยู่ในระบบการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนจบการศึกษาภาคบังคับ (ม.3) โดยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีจำนวนนักเรียนทุนเสมอภาค จำนวน 123,309 คน

2. โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง พัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาสายอาชีพที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และความต้องการแรงงานฝีมือใน 10 สาขาวิชาหลัก ที่เป็นเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาสในพื้นที่ให้เข้าถึงการศึกษาสายอาชีพในระดับระกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือ ปวช. และ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือปวส. จำนวน 521 คน 

3. โครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น สร้างโอกาสให้แก่เยาวชนยากจนหรือด้อยโอกาสที่มีศักยภาพสูงและมีใจรักอยากเป็นครู ได้ศึกษาจนสำเร็จระดับปริญญาตรีในคณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ และได้รับการบรรจุเป็นครูรุ่นใหม่ในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกลซึ่งเป็นชุมชนบ้านเกิด ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ไม่อาจยุบหรือควบรวมได้ (Protected School) ในสังกัด สพฐ. ปัจจุบันมีนักศึกษาครูรักษ์ถิ่นรวม 3 รุ่น (ปีการศึกษา 2563-2564-2565) ที่เมื่อจบการศึกษาจะได้รับการบรรจุจำนวน 156 คน ในโรงเรียนปลายทาง 137 แห่ง 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top