Wednesday, 22 May 2024
ประยุทธ์จันทร์โอชา

‘ดร.เทอดศักดิ์’ แนะ ‘บิ๊กตู่’ ถือฤกษ์ 16 ม.ค. ชี้!! เป็นวันดี เหมาะแก่การสมัครพรรค รทสช.

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 65) เว็บไซต์ ‘vihok news’ ได้โพสต์คำทำนายของ ดร.เทอดศักดิ์ เจียมกิจวัฒนา เกี่ยวกับดวงชะตาสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยระบุว่า…

ดวงชะตาสังกัดพรรค

เจ้าชะตาชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

- เกิดวันที่ 24 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2497 ค.ศ. 1954 เกิดเวลาสุทธิที่ 03:54 น. ลัคนาสถิตราศีกุมภ์ ประกอบด้วยเทศาตรีฤกษ์
- ตามสุริยคติ เป็นวันพุธ จันทรคติ เป็นวันอังคาร จ.ศ. 1316
- เกิดที่ประเทศ : เกิดประเทศไทย จังหวัด : นครราชสีมา
- เลือกวิธีตัดเวลาท้องถิ่นเพื่อคำนวณหาดาวและลัคนา : ตัดเวลาท้องถิ่นหาดาวและลัคนา
- เวลาเกิดจริงและเวลาเกิดสุทธิ : เกิด 24/03/2497 เวลา 04:05 น. ตัดเวลาท้องถิ่นเพื่อหาตำแหน่งดาวและลัคนา นครราชสีมา 11 นาที เหลือเวลาเกิดสุทธิ 03:54 น.
- วันเและเวลาที่ใช้คำนวณหาดาวและลัคนา : เกิด 24/03/2497 ดาว ณ 03:54 น. ลัคนา ณ 03:54 น. (ตัดเวลาท้องถิ่นหาดาวและลัคนา)
- ณ วันนี้เจ้าชะตา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อายุได้ : 68 ปี 9 เดือนกับอีก 16 วัน (นับเป็นจำนวนวันได้ 25,128 วัน)

การจะสมัครพรรค รวมไทยสร้างชาติ ถือฤกษ์ วันที่ 9 มกราคม ดาวจร ณ วันที่ 9 เดือนมกราคม พ.ศ. 2566 ค.ศ. 2023 เวลา 09:00 น. ลัคนาสถิตราศีกุมภ์ ประกอบด้วยเพชฌฆาตฤกษ์

- ตามสุริยคติ เป็นวันจันทร์ จันทรคติ เป็นวันจันทร์ ตรงกับ แรม 3 ค่ำ เดือน 2 ปีขาล จ.ศ. 1385

- แสดงคำทำนายดาวจรส่งอิทธิพลในเกณฑ์ 21 องศา คือแสดงคำทำนายดาวจรเฉพาะที่องศาดาวกำเนิดกับองศาดาวจรห่างกันในระยะ 21 องศาเท่านั้น

เพชฌฆาตฤกษ์ ทางโหราศาสตร์อินเดีย (ภารตะ) เรียกว่า นิธนะ เพชฌฆาต ฤกษ์ แปลว่า ผู้ทำการตัด การแบ่ง ไม่ใช่เพชฌฆาต ที่ไว้ฆ่าคน สมัยก่อนการลงโทษโดยการประหารชีวิตด้วยการตัดคอ มีผู้ทำการลงโทษก็เรียกว่า เพชฌฆาต ทำให้คนเข้าใจสับสน

ซึ่งศัพท์คำนี้แปลว่า ‘ผู้ตัด’ เฉย ๆ ส่วน เพชฌฆาต ฤกษ์ แปลความว่า ‘ฤกษ์แห่งการตัด’ ไม่เกี่ยวกับการฆ่าแต่อย่างใด มีดาวพฤหัสเป็นดาวเจ้าฤกษ์ ฤกษ์บาททั้ง 4 ตัดขาดกัน และ ตรงข้ามกับ โจโรฤกษ์ เรียกว่า ‘ตรินิเอก’ คืออยู่ปลายราศี 3 ฤกษ์บาท และ ต้นราศี 1 ฤกษ์บาท

ไม่ควรให้ฤกษ์ในการมงคลโดยทั่วไป เป็น ฉินทฤกษ์ แต่เป็นฤกษ์ดีหมาะสำหรับ การฟันฝ่าอันตรายและอุปสรรค ต่อสู้เสี่ยงภัยต่าง ๆ อาสางานใหญ่ ทำกิจปราบปรามศัตรู ตัดสินคดีความ งานที่ใช้การตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ประกอบพิธีไสยศาสตร์ ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง

ลงเลขยันต์ สร้างวัตถุมงคลแบบคงกระพันชาตรี สร้างสิ่งสาธารณะกุศลสงเคราะห์ เปิดโรงพยาบาล การรักษาโรคเรื้อรังที่หายยาก ๆ การยาตราทัพ เจิมอาวุธยุทธภัณฑ์ สร้างโบสถ์วิหารการเปรียญ การบวชเรียน การบำเพ็ญเพียรทางจิต

แต่ในทางกลับกัน ฤกษ์ผานาที ดาวจร ณ วันที่ 16 เดือนมกราคม พ.ศ. 2566 ค.ศ. 2023 เวลา 09:00 น. ลัคนาสถิตราศีมีน ประกอบด้วยราชาฤกษ์

คนซื้อบ้านได้เฮ!! รัฐลดค่าธรรมเนียม 'โอน-จำนอง' ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท มีผลแล้ว ถึง 31 ธ.ค.66 นี้

'ทิพานัน' เผยข่าวดี รัฐบาล 'พล.อ.ประยุทธ์' ลดค่าธรรมเนียมโอน-จำนอง บ้านพร้อมที่ดิน-คอนโดฯ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทมีผลแล้ว ถึง 31 ธ.ค.66 นี้ รองรับเศรษฐกิจฟื้นตัว มุ่งสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย ฟื้นธุรกิจอสังหาฯ-ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

(5 มค. 66) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงผลักดันให้ลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยหรืออาคารพาณิชย์ หรือที่ดินพร้อมอาคารดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษ เพื่อสร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยมากขึ้น 

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ทั้งนี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศเรื่องที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง พ.ศ.2565 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 และมาตรา 103 วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2521

‘เพื่อไทย’ จี้ กกต. จับตา ‘บิ๊กตู่’ ลงพื้นที่จ.สิงห์บุรี หวั่นใช้งบแผ่นดินหาเสียง เอาเปรียบทางการเมือง

(5 ม.ค. 66) น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เตรียมเดินทางลงพื้นที่ร่วมกับรัฐมนตรีหลายกระทรวงที่จ.สิงห์บุรี และคาดว่าคงจะลงพื้นที่ถี่ยิบก่อนยุบสภาว่า กฎเหล็กของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีรายละเอียดชัดเจนว่าห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมือง มอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การมอบสิ่งของช่วยเหลืออุทกภัย ทำให้ในช่วงน้ำท่วมปีที่ผ่านมา ส.ส.และสมาชิกพรรคของพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่สามารถทำได้ สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความสงสัยให้กับสังคมว่ากฎหมายเลือกตั้งที่มีขึ้นในยุค คสช. สร้างความไม่เท่าเทียมทางการเมืองหรือไม่  

การที่พล.อ.ประยุทธ์สามารถใช้ทรัพยากรของรัฐ ทั้งรถยนต์ของรัฐ เครื่องบินของรัฐไปพบปะผู้ว่าฯ ใช้งบประมาณหรือกระทำการอื่นใด ที่อาจจะเป็นการสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ซึ่งดูเหมือนว่าพล.อ.ประยุทธ์จะไม่สำนึก ยังคงเดินหน้าทำต่อไป ยืนยันได้จากการแต่งตั้งหัวหน้าพรรคที่พล.อ.ประยุทธ์จะไปสังกัด เป็นเลขาธิการนายกฯ ซึ่งคนเขาเคลือบแคลงสงสัยว่าขัดมารยาททางการเมือง

'อนุสรณ์' หยัน!! 8 ปี 'ชาติ-ประชาชน' เสียโอกาสไปแค่ไหน ยังกระเสือกกระสนอยากเป็นนายกฯ ต่ออีก 2 ปี

(6 ม.ค. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เตรียมจะเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติในวันที่ 9 ม.ค.นี้ ว่า ในขณะที่บรรดาลูกหาบโหมประโคมข่าวพรรครวมไทยสร้างชาติคนแห่มาสมัคร มีความพร้อมมาก กลับสวนทางกับพล.อ.ประยุทธ์ที่ลงพื้นที่หาเสียงได้ แต่งตั้งคนในพรรคใหม่ของตัวเองมาทำงานในรัฐบาลได้โดยไม่แคร์ใคร แต่ยุบสภาไม่ได้ ความกลัวทำให้เสื่อม พล.อ.ประยุทธ์ได้เปรียบทุกอย่าง แต่กลับปากกล้า ขาสั่น ไม่กล้ายุบสภา ไม่เป็นธรรมกับประชาชนที่ต้องรอเลือกตั้ง เพียงเพราะพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่พร้อม การมาเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติจึงเป็นเหมือนไฟต์บังคับ ถ้าปล่อยเวลาให้ผ่านไป เชื่อว่าจะมีคนกลับคำให้การ ส.ส.ที่ตกลงว่าจะยอมให้ดูด ถ้าไม่มีความชัดเจนคงไม่มา งานหนักของพล.อ.ประยุทธ์อีกเรื่อง คือจะแย่งเสียง ส.ว.250 คน มาโหวตให้ตัวเองเป็นนายกฯ ได้เท่าไหร่ ถ้าหาเสียงส.ว.มาได้น้อย เชื่อว่าอนาคตที่จะเป็นนายกฯ อีก 2 ปีที่เหลือจะมืดมน เชื่อว่าจะมีส.ว.จำนวนไม่น้อยที่เมื่อเห็นผลการเลือกตั้งของประชาชนออกมา จะไม่กล้าโหวตสวนมติของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ

'บิ๊กตู่' หนุน 6 โครงการลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา ดูแล 'เด็ก-เยาวชน' ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

เมื่อวันที่ 7 ม.ค.66 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นอกจากการดูแลสวัสดิการในทุกช่วงวัยแล้ว ยังมุ่งให้เด็กและเยาวชน ได้รับการศึกษาที่ดีมีมาตรฐาน ได้รับโอกาสทั่วถึง เท่าเทียมและทันสมัยก้าวทันความเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วยปัตตานี นราธิวาส และยะลา ที่มีรายงานของสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่าภาคใต้เป็นภูมิภาคที่มีอัตราส่วนเด็กยากจนที่ขัดสนด้านการเรียนรู้ ในช่วงอายุ 5-17 ปี มากที่สุดร้อยละ 7.21 พล.อ.ประยุทธ์จึงเร่งเดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา ผ่านกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือ กสศ. ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วใน 6 โครงการ ดังนี้

1. หลักประกันการเข้าถึงโอกาสการศึกษา เพื่อช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ให้สามารถเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและคงอยู่ในระบบการศึกษาตั้งแต่อนุบาลจนจบการศึกษาภาคบังคับ (ม.3) โดยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ มีจำนวนนักเรียนทุนเสมอภาค จำนวน 123,309 คน

2. โครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง พัฒนารูปแบบการจัดการศึกษาสายอาชีพที่สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และความต้องการแรงงานฝีมือใน 10 สาขาวิชาหลัก ที่เป็นเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สร้างโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาสในพื้นที่ให้เข้าถึงการศึกษาสายอาชีพในระดับระกาศนียบัตรวิชาชีพ หรือ ปวช. และ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง หรือปวส. จำนวน 521 คน 

3. โครงการครูรัก(ษ์)ถิ่น สร้างโอกาสให้แก่เยาวชนยากจนหรือด้อยโอกาสที่มีศักยภาพสูงและมีใจรักอยากเป็นครู ได้ศึกษาจนสำเร็จระดับปริญญาตรีในคณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์ และได้รับการบรรจุเป็นครูรุ่นใหม่ในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกลซึ่งเป็นชุมชนบ้านเกิด ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ไม่อาจยุบหรือควบรวมได้ (Protected School) ในสังกัด สพฐ. ปัจจุบันมีนักศึกษาครูรักษ์ถิ่นรวม 3 รุ่น (ปีการศึกษา 2563-2564-2565) ที่เมื่อจบการศึกษาจะได้รับการบรรจุจำนวน 156 คน ในโรงเรียนปลายทาง 137 แห่ง 

'เพื่อไทย' ซัด 'ประยุทธ์' 8 ปีปราบโกงแค่คำหลอกลวง ชี้!! คนใกล้ตัวมีข่าวเอี่ยวทุจริต แต่ยังเมินเฉยไม่ตรวจสอบ

(7 ม.ค. 66) น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ขณะนี้การทุจริตคอร์รัปชันกลายเป็นปัญหาพัวพันในทุกแวดวง ทั้งราชการ การเมืองและธุรกิจสีเทาอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ดูเหมือนว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มีท่าทีเมินเฉย ไม่เร่งรัดให้มีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน ซ้ำยังแสดงท่าทีฉุนเฉียวเมื่อถูกสื่อสอบถามกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดโปงข้อมูลโยงถึงหลานชายของพล.อ.ประยุทธ์ ว่ามีความเกี่ยวข้องกับทุนจีนสีเทานายตู้ห่าวอีกด้วย 

ที่ผ่านมาฝ่ายค้านและพรรคเพื่อไทยพยายามเปิดโปงการทุจริต คอร์รัปชันต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์อย่างต่อเนื่อง คู่ขนานไปกับความเข้มแข็งของภาคประชาชน ที่แฉข้อมูลกดดันให้กระบวนการตรวจสอบต้องเดินหน้า แต่หลายเรื่องเมื่อเข้าสู่กระบวนการของรัฐ กลับทำให้ประชาชนเกิดคำถามและข้อสงสัยว่าเหตุใดหน่วยงานด้านการตรวจสอบ ไม่กล้าทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างที่ควรจะเป็น    

น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์เคยให้คำมั่นต่อประชาชนว่าจะเข้ามาปราบโกง ขจัดนักการเมืองไม่ดีออกไป แต่จนถึงขณะนี้สถานการณ์ปราบโกงที่พล.อ.ประยุทธ์มุ่งมั่นจะทำกลับเลวร้ายลง ยืนยันได้จากดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ประจำปี 2564 ไทยได้เพียง 35 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 110 ของโลกอันดับแย่ที่สุดนับตั้งแต่จัดอันดับมา 

‘บิ๊กตู่’ เปิดทำเนียบต้อนรับ ‘เอกอัครราชทูตอินเดียฯ’ พร้อมหารือ ‘ความร่วมมือ-กระชับสัมพันธ์’ ในทุกมิติ

นายกฯ หารือเอกอัครราชทูตอินเดียฯ กระชับความสัมพันธ์ที่มีมายาวนาน พร้อมผลักดันมูลค่าทางการค้าและการลงทุน ส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว วัฒนธรรม และความเชื่อมโยง

(9 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายนาเคศ สิงห์ (H.E. Mr. Nagesh Singh) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวกับยินดีกับนายนาเคศ สิงห์ ในโอกาสที่รับหน้าที่ในประเทศไทย โดยไทยและอินเดียมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด และความร่วมมือทุกมิติ หวังว่าเอกอัครราชทูตอินเดียฯ จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคตให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และเสริมสร้างความร่วมมือในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ ทั้งนี้ ไทยพร้อมให้การสนับสนุนเอกอัครราชทูตอินเดียฯ ในการปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งการเมือง ความมั่นคง การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และความร่วมมือกรอบพหุภาคี พร้อมฝากความปรารถนาดีถึงประธานาธิบดีแห่งอินเดีย นายกรัฐมนตรีอินเดีย และประชาชนชาวอินเดียในโอกาสปีใหม่ด้วย 

ด้านเอกอัครราชทูตอินเดีย กล่าวยินดีที่ได้พบปะกับนายกรัฐมนตรี พร้อมนำคำทักทายและคำอวยพรจากนายกรัฐมนตรีอินเดียมายังรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีด้วย เชื่อมั่นว่าการเข้ารับหน้าที่ในไทยจะเป็นโอกาสกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นมิตรประเทศที่สำคัญของอินเดีย มีความใกล้ชิดระหว่างกันอย่างลึกซึ้งทั้งทางวัฒนธรรม ภาษา ประวัติศาสตร์ และศาสนา โดยนโยบายของไทยที่ดำเนินนโยบายมุ่งตะวันตก (Look West Policy) กับนโยบายรุกตะวันออก (Act East Policy) ของอินเดีย มีความสอดคล้อง เป็นประโยชน์กับไทยและอินเดีย จึงยินดีร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือทุกมิติ

จากนั้น ทั้งสองฝ่ายหารือถึงความร่วมมือด้านต่าง ๆ ดังนี้ 

- ความร่วมมือด้านการเมือง ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องผลักดันการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันเพิ่มขึ้นในทุกระดับ ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่านายกรัฐมนตรีอินเดียจะตอบรับการเยือนไทย โดยไทยพร้อมต้อนรับนายกรัฐมนตรีอินเดียเยือนไทย และเข้าร่วมการประชุมสุดยอด BIMSTEC ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้ ด้านเอกอัครราชทูตอินเดียฯ พร้อมผลักดันการแลกเปลี่ยนการเยือนทุกระดับ รวมถึงยืนยันสนับสนุนการเป็นประธาน BIMSTEC ของไทย

- ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว เอกอัครราชทูตอินเดียฯ ยินดีที่ชาวอินเดียมาท่องเที่ยวไทยเกือบ 1 ล้านคนในปี 2565 ซึ่งชาวอินเดียจำนวนมากนอกจากจะเดินทางมาท่องเที่ยวแล้ว ยังชื่นชอบเดินทางมาไทยเพื่อจัดงานแต่งงานอีกด้วย เอกอัครราชทูตอินเดียฯ จึงยินดีส่งเสริมการเดินทางไปมาหาสู่กันระหว่างประชาชนของไทยและอินเดียให้มากขึ้น ด้านนายกรัฐมนตรีหวังว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายให้นักท่องเที่ยวจากอินเดียมาไทยปีละ 2 ล้านคน เหมือนช่วงก่อนหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  

- ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีที่มูลค่าการค้าไทยและอินเดียเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2564 โดยในเดือน ม.ค. - พ.ย. 2565 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่ากว่า 16.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 21 ซึ่งเอกอัครราชทูตอินเดียฯ กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มการค้าและการลงทุนในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายเชี่ยวชาญและสนใจระหว่างกัน ด้านนายกรัฐมนตรีหวังว่านักธุรกิจอินเดียจะพิจารณาลงทุนใน EEC โดยเฉพาะในธุรกิจด้านยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบิน และโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์ครบวงจร

‘สุริยะ’ ปัดตอบ ‘สามมิตร’ ย้ายตามบิ๊กตู่ ย้อนถามสื่อ “ถามหลายครั้งไม่เบื่อเหรอ”

(10 ม.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงความชัดเจนทางการเมือง จะไปร่วมงานกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่พรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ และที่ยังตัดสินใจไม่ถือว่าช้าเกินไปหรือไม่ 

‘อนุสรณ์’ จวก ‘ประยุทธ์’ หักหลังประชาชน เป็นนายกฯ ของพปชร. แต่ดันสมัครเข้า รทสช.

(10 ม.ค. 66) นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติจัดอีเวนต์เปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เข้าเป็นสมาชิกพรรคว่า

พล.อ.ประยุทธ์อาจจำไม่ได้ หรือเลือกไม่จำว่า 8 ปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น 8 ปีที่แปดเปื้อน พล.อ.ประยุทธ์ทำประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาสไปมากแค่ไหน ก่อนจะรวมไทยสร้างชาติในวันนี้ ทำไมวันนั้นต้องชัตดาวน์ประเทศ ไหนม็อบนกหวีด กปปส. บอกว่าไม่ปฏิรูป ไม่ยอมให้เลือกตั้ง 8 ปีที่ผ่านมาปฏิรูปอะไรสำเร็จไปแล้วบ้าง นอกจากทำการเมืองล้าหลังย้อนยุคไปสู่ Money Politics ธนกิจการเมือง ประชาธิปไตยแบบแจกกล้วย จับปลาจากบ่อเพื่อน พล.อ.ประยุทธ์จะตอบประชาชนที่เขาสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐอย่างไร เป็นนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ ดันสมัครเป็นสมาชิกพรรคอื่น แต่ขอเป็นนายกฯต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถือเป็นการทรยศหักหลังประชาชนหรือไม่ 

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ความรับผิดชอบทางการเมืองอยู่เหนือความรับผิดชอบทางกฎหมาย นโยบายที่พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีประกาศตอนอยู่พรรคพลังประชารัฐ แล้วทำไม่ได้จะรับผิดชอบอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์แต่งตั้งคนในพรรครวมไทยสร้างชาติมารับตำแหน่งในรัฐบาลแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม ไม่คำนึงถึงหลักคุณธรรมจริยธรรม ไม่มีธรรมาภิบาล คนในพรรคพลังประชารัฐ พรรคร่วมรัฐบาล จะคิดอย่างไรไม่สนใจ พล.อ.ประยุทธ์หมดตัวเล่น แต่ก็ยังเดินหน้าตั้งคนหน้าเดิม ๆ ที่ใกล้ชิดตัวเองมารับเงินเดือนจากภาษีประชาชน เหมือนตอนเป็นหัวหน้าคสช. มีมาตรา 44 จะทำอะไรก็ได้ แบบนี้ถูกต้องหรือไม่

‘เพื่อไทย’ ไม่ให้ค่า ‘ประยุทธ์’ เปิดตัวกับ รทสช. เหน็บ!! ไม่สำนึกทำปชช. เอือมระอาตลอด 8 ปี

(10 ม.ค. 66) น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) และผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เปิดตัวสมัครเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่ปัง พรรคใหม่ของพล.อ.ประยุทธ์มีนักการเมืองหลายคนที่เคยเป็น กปปส.เป่านกหวีดเรียกร้องการรัฐประหาร วันนี้ผู้เคยเรียกร้องการรัฐประหารกับหัวหน้าคณะรัฐประหารมาทำงานร่วมกันอีก การเปิดตัวของพล.อ.ประยุทธ์ พรรคเพื่อไทยไม่หวั่นไหว ส่วนตัวไม่ให้ราคา ขอให้มาสู้กันในสนามเลือกตั้งให้พี่น้องประชาชนตัดสิน ทั้งนี้ ตนมีข้อสังเกตดังนี้ 

1. พล.อ.ประยุทธ์กระทำผิดมารยาททางการเมืองอย่างร้ายแรง เพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่ไปประกาศเปิดตัวอย่างเอิกเกริก สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดทางการเมือง ไม่มีใครทำเหมือนพล.อ.ประยุทธ์มาก่อน แต่จะคาดหวังจากคนที่เคยยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญ เป็นการกระทำที่เป็นกบฏ ก็คงเป็นความคาดหมายที่สูงเกินไป พล.อ.ประยุทธ์ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ พปชร. มีความสำนึกต่อพี่น้องประชาชนที่เลือก พปชร.หรือไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร นโยบายที่ พปชร.หาเสียงไว้แต่ทำไม่สำเร็จ จะรับผิดชอบอย่างไร 

2. พล.อ.ประยุทธ์มีพฤติกรรมย้อนแย้งจนหยดสุดท้าย เคยบอกว่าตนเองไม่ใช่นักการเมือง แต่คนไทยรู้แล้วว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัว เมื่อวานประกาศว่าไม่ต้องการอำนาจ แต่กลับมีพฤติกรรมเสพติดอำนาจ อยู่มา 8 ปีและยังกระเสือกกระสนจะอยู่ต่ออีก 2 ปี อ้างว่าเคารพกระบวนการประชาธิปไตย แต่จุดเริ่มต้นเข้าสู่อำนาจ คือในฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหาร ที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน บอกความสงบจบที่ลุงตู่ ตอนนี้เป็นอย่างไร


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top