Friday, 17 May 2024
นายกรัฐมนตรี

‘บิ๊กตู่’ พอใจ ผลถกร่วม ไทย-มาเลเซีย เห็นพ้อง เร่งสร้างสระพานข้ามแม่น้ำโกลก

บิ๊กตู่ พอใจ ผลถกร่วม ไทย-มาเลเซีย เห็นพ้อง เร่งสร้างสระพานข้ามแม่น้ำโกลก พัฒนาด่านจังหวัดชายแดนใต้

เมื่อวันที่ 15 ส.ค. 65 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลจากประชุมร่วมไทยและมาเลเซีย ผ่านคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (เจซี) และคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดน ระดับรัฐมนตรี (เจดีเอส) ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ทั้งสองประเทศเห็นชอบในแนวทางการพัฒนาร่วมกันที่ครอบคลุม ทั้งความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว พลังงาน สาธารณสุข และประเด็นความร่วมมือทางสังคมและวัฒนธรรมอื่น ๆ โดยจะมีการทำโรดแมปเพื่อให้บรรลุเป้าหมายต่าง ๆ ภายใต้กรอบเวลาที่ชัดเจนต่อไป อาทิ การค้า จะตั้งเป้าหมายมูลค่าการค้าที่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี พ.ศ. 2568 , การท่องเที่ยว ส่งเสริมการเดินทางเคลื่อนย้ายของประชาชนและกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อชาวมุสลิมและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน , การเสริมสร้างความเชื่อมโยง จะเร่งรัดให้โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งรวมถึงการสร้างถนนเชื่อมต่อด่านสะเดาแห่งใหม่-บูกิตกายูฮิตัม และการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก  2 แห่ง รวมทั้งจะศึกษาความเป็นไปได้โครงการความเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดสตูลและรัฐปะลิส และเส้นทางรถไฟความเร็วสูง

'นายกฯ' ปลื้ม!! ดันข้าวซอยขึ้นแท่น Soft Power หลังถูกยกเป็นน้ำซุปที่อร่อยที่สุดในโลก

นายกฯ ชิมข้าวซอย โปรโมตซอฟต์เพาเวอร์ หลังถูกยกเป็นน้ำซุปที่อร่อยที่สุดในโลก พร้อมปัดตอบตั้งโฆษกรัฐบาลคนใหม่ ไม่เกี่ยวกับข้าวซอย ฉุนสื่อ!! ถามข้อพิพาท 'พีระพันธุ์-ไพบูลย์' บอกถามคำถามอื่นไม่เป็นหรือไง พวกนี้เป็นโรคอะไรกัน ด้าน 'บิ๊กป้อม' ไม่ทักสื่อ

ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีร่วมกิจกรรมกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ประชาสัมพันธ์ส่งเสริม ซอฟต์ พาวเวอร์ อาหารไทย และสนับสนุนสินค้าของคนไทย ผ่าน Thailandpostmart โดยนายกรัฐมนตรีได้ชิมข้าวซอยเนื้อจากร้านชื่อดัง 

พร้อมกันนี้ ได้ขอให้มีการส่งเสริม และฝาก Thailandpostmart ให้ทำประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทาง YouTube และ อินฟลูเอนเซอร์ 

หลังจากนั้น สื่อมวลชนสอบถาม นายกรัฐมนตรี ถึงกรณีนางวทันยา บุนนาค ลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ลำดับถัดไปคือนายธนากร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาลถูกเลื่อนลำดับขึ้นมา จะมีการแต่งตั้งโฆษกรัฐบาลคนใหม่หรือไม่

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า "ไม่ตอบ เพราะไม่เกี่ยวกับข้าวซอย ฉันไม่ตอบอะไร อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์อย่าพึ่งถาม"

‘รมว.กต.อินเดีย’ ถก ‘บิ๊กตู่’ หนุนความร่วมมือ ระดับ ‘ทวิภาคี-พหุภาคี’ ให้สำเร็จเป็นรูปธรรม

(17 ส.ค. 65) ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายสุพรหมณยัม ชัยศังกระ (H.E. Mr. Subrahmanyam Jaishankar) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอินเดีย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย - อินเดีย (Joint Commission for Bilateral Cooperation: JC) ครั้งที่ 9 โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้...

นายกรัฐมนตรีต้อนรับ รมว.กต.อินเดีย ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่ดำเนินมาอย่างราบรื่นยาวนาน อินเดียถือเป็นมิตรประเทศที่สำคัญ มีวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน และในปีนี้ถือเป็นโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ ทุกระดับ ให้แน่นแฟ้นและเป็นรูปธรรม เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทั้งสองประเทศ และนำไปสู่การยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคต

รมว.กต.อินเดีย ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยินดีต่อผลสำเร็จของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือทวิภาคีไทย – อินเดีย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทั้งสองประเทศในการผลักดันความร่วมมือที่คั่งค้างระหว่างกันกว่า 3 ปี ทั้งนี้ รมว.กต.อินเดีย ชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดียในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยทั้งสองได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีสำหรับบทบาทและความช่วยเหลือในช่วงเวลาดังกล่าว โอกาสนี้ รมว.กต.อินเดีย นำความปรารถนาดีจากนายกรัฐมนตรีโมทีมายังนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีโมทีหวังว่าจะได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในเร็ววัน ด้านนายกรัฐมนตรีฝากความปรารถนาดีไปยังนายกรัฐมนตรีโมที ซึ่งถือเป็นเพื่อนสนิทที่ใกล้ชิดกัน รวมทั้งไปยังประธานาธิบดีคนใหม่ด้วยเช่นกัน

โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือทวิภาคีที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้...

ด้านความมั่นคง ทั้งสองเห็นพ้องที่จะใช้ประโยชน์จากความร่วมมือที่มีอยู่ ในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค ตลอดจนผลักดันความร่วมมือด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ อาทิ ความมั่นคงทางทะเล อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ รวมถึงการฝึกอบรมด้านความมั่นคงไซเบอร์

ด้านเศรษฐกิจ ไทยและอินเดียมีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง โดยอินเดียถือเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในเอเชียใต้ อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายยังมีศักยภาพที่จะขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะในโครงการ EEC ซึ่งรัฐบาลได้พัฒนาโครงการและโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนอินเดียเข้ามาลงทุนในธุรกิจกลุ่มเป้าหมาย ในสาขาที่อินเดียมีความเชี่ยวชาญ ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การบินและโลจิสติกส์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์ครบวงจร ด้าน รมว.กต.อินเดีย กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศเป้าหมายที่สำคัญในอาเซียนสำหรับนักลงทุนอินเดีย โดยอินเดียพร้อมผลักดันและสนับสนุนให้นักธุรกิจอินเดียเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น อย่างไรก็ดี รมว.กต.อินเดีย ขอให้นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้นักลงทุนไทยเข้ามาลงทุนในอินเดียเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรีชื่นชมในมิตรไมตรีอันดีระหว่างไทยกับอินเดียในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างใกล้ชิด ตลอดจนยินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีการลงนาม MoU ร่วมกันในวันนี้ ซึ่งเป็นผลจากการหารือทางโทรศัพท์ของนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย เมื่อปี 2563 โดยเชื่อมั่นว่า MoU นี้จะช่วยผลักดันความร่วมมือทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมถึงความร่วมมือด้านการวิจัยและยาระหว่างกันได้อย่างเป็นรูปธรรม

นายกฯ ยินดีไทยอันดับ 1 ของโลก ด้านสถานบริการเพื่อสุขภาพ พร้อมยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพไทยสู่มาตรฐานสากล

21 ส.ค. 2565 – นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบและยินดีที่ไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 ของโลก ด้านสถานบริการเพื่อสุขภาพ (Wellness Retreats) และอันดับที่ 2 ประเทศที่มีกิจกรรมเชิงสุขภาพที่ได้รับความนิยมมากที่สุด (Highest-rated wellness activities) พร้อมชื่นชมความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพไทยสู่มาตรฐานสากล

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เว็บไซต์ Travel Daily News เว็บไซต์ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สำรวจแหล่งท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ได้อ้างอิงจากผลสำรวจของ TripAdvisor และ Slingo ซึ่งคือเว็บไซต์ที่เป็นที่นิยมสำหรับนักท่องเที่ยว พบว่า ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 ของโลก ด้านสถานบริการเพื่อสุขภาพ (Wellness Retreats) โดยสำรวจรีวิวจากนักท่องเที่ยวในเรื่องโรงแรม รีสอร์ท กิจกรรมเชิงสุขภาพ และสปา ซึ่งประเทศไทยนับได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และไทยยังได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองหลวงของสปาแห่งทวีปเอเชีย รวมถึงเป็นแหล่งยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องการใช้สถานบริการเพื่อสุขภาพที่หรูหราและมีคุณภาพ

นอกจากนี้ ผลสำรวจจากเว็บไซต์ดังกล่าวยังพบว่า ประเทศไทยถูกจัดอันดับในด้านกิจกรรมเชิงสุขภาพที่ได้รับความนิยม (Highest-rated wellness activities) อยู่ในลำดับที่ 2 เป็นรองเพียงประเทศมัลดีฟส์ โดยประเทศไทยมีกิจกรรมเชิงสุขภาพ รวมไปถึงสปาให้นักท่องเที่ยวได้รับบริการจำนวน 2,673 กิจกรรม ซึ่งมีกิจกรรมเชิงสุขภาพที่อยู่ในระดับ 4 ดาวขึ้นไป จำนวน 1,952 กิจกรรม โดยกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสูงมาจากการเล่นโยคะและพิลาทิส (Pilates)

‘บิ๊กตู่’ ห่วงนักลงทุน แนะ พิจารณารอบด้านก่อนตัดสินใจ เตือนผู้รับงานโฆษณารีวิวสินค้าบริการเพิ่มความระมัดระวัง อาจตกเป็นผู้มีส่วนร่วมกระทำผิด

เมื่อวันที่ 21 ส.ค.น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยประชาชนที่หาช่องทางการลงทุน และเกิดกรณีการหลอกลวงกันเกิดขึ้นโดยเฉพาะผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น กรณีแชร์ออนไลน์ที่มีการหลอกให้นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ โดยอ้างจะให้ผลตอบแทนสูง มีการบริหารการลงทุนโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้ การหลอกลวงในลักษณะวงแชร์มีมายาวนานเพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบไป และขณะนี้มาอยู่ในช่องทางออนไลน์ที่เข้าถึงคนจำนวนมาก ทำให้แนวโน้มความเสียหายที่มากขึ้น นายกรัฐมนตรีจึงฝากความห่วงใยถึงประชาชาที่มองหาการลงทุน ให้พิจารณาถึงความเสี่ยงจากการลงทุนอย่างรอบด้าน ทำความเข้าใจในลักษณะความเสี่ยง พร้อมหาข้อมูลและพิจารณาอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ และที่สำคัญ อย่าหลงเชื่อคำโฆษณาโดยง่าย โดยเฉพาะการใช้ผู้ที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เสนอผลตอบแทนสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในส่วนของผู้รับงานโฆษณาหรือรีวิวสินค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก หรือบุคคลทั่วไปก็ขอให้พิจารณาสินค้าและบริการที่มาจ้างว่ามีโอกาสสร้างความเสียหาย หรือส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างไรหรือไม่ อย่ามองเพียงค่าจ้างในอัตราที่สูงเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นผู้ร่วมกระทำผิดในขบวนการฉ้อโกงประชาชนได้ 

‘หมอชลน่าน’ ฝัน ‘บิ๊กตู่’ ประกาศออกจากตำแหน่งอย่างเท่ ในคืนวันที่ 23 ส.ค. เชื่อคนจะยกย่องเป็นรัฐบุรุษ หากไม่เลือกทางนี้อาจไม่มีที่อยู่ ยันไม่ชงชื่อ ‘อุ๊งอิ๊ง’ เป็นแคนดิเดตนายกฯคนนอก ขอส่งคนในบัญชีก่อน

เมื่อวันที่ 21 ส.ค.เวลา 09.30 น.  ที่โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาจต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เหลือเพียง นายชัยเกษม นิติสิริ คนเดียวที่อยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า หากพล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกนายกฯตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 และ มาตรา 159 ถ้าเลือกไม่ได้ก็ดำเนินการตามมาตรา 272 ซึ่งพรรคเพื่อไทย ต้องส่งนายกฯ แคนดิเดตที่อยู่ในบัญชีของพรรคฯ แต่ยังไม่ได้ปรึกษาหารือกัน ซึ่งรายชื่อของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้มี 3 คน แต่โดยความชอบธรรมแล้ว เมื่ออีก 2 คนไปทำหน้าที่อื่นก็เหลือเพียงนายเกษมเพียงคนเดียว ส่วนความเป็นไปได้ที่พรรคฯจะเสนอรายชื่อนายกฯคนนอกบัญชี กรณีถ้าสภาฯเลือกคนในบัญชีไม่ได้ ไม่ว่าจะเลือกกี่ครั้งก็ไม่ได้ ถึงจะเปิดช่องให้เอาคนนอกบัญชีมาเป็นนายกฯได้ หากเสียง 2 ใน 3 ของสภาฯเห็นชอบก็สามารถเลือกได้ และถ้าเลือกได้ก็จบ แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องเลือกอยู่อย่างนั้น ซึ่งมีความเป็นไป

เมื่อถามว่าหากต้องเสนอนายกฯคนนอกบัญชีพรรคเพื่อไทยเตรียมคนไว้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้ปรึกษาหารือกัน เพราะเรามีคนในบัญชีเราจึงต้องส่งคนในบัญชีก่อน เมื่อถามย้ำว่าจะมีการเสนอชื่อของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย เป็นแคนดิเดตนายกฯคนนอกหรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่น่าจะเหมาะในสถานการณ์อย่างนี้ ส่วนชื่อของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเหมาะกับการเป็นนายกฯคนนอกบัญชีหรือไม่ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของพรรคเพื่อไทย

เมื่อถามว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยปมนายกฯ 8 ปี ในวันที่ 22 สิงหาคมตามคำร้องของฝ่ายค้าน เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่เลยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในคำร้องของฝ่ายค้านมีคำร้อง 2 เรื่องคือ1.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นนายกฯของพล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ และ2.ให้ศาลฯมีคำสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ ดังนั้นถ้าในวันที่ 22 สิงหาคม สภาฯส่งคำร้องไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งปกติศาลรัฐธรรมนูญจะประชุมทุกวันพุธ คือวันที่ 24 สิงหาคม สมมุติว่ามีการเตรียมการประชุมในวันที่ 24 สิงหาคม และถ้าศาลตั้งองค์คณะว่าจะรับคำร้องดังกล่าวหรือไม่ เราก็จะรู้ในวันดังกล่าวว่าศาลฯจะสั่งให้พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำร้องหรือไม่

 นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯครบ 8 ปีในวันที่ 23 สิงหาคม ดังนั้นในวันที่ 24 สิงหาคมก็ถือว่าเกิน 8 ปีแล้ว และหากศาลฯยังไม่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ต้องรอคำวินิจฉัยอีกเดือนครึ่งอาจถึงสิ้นเดือนกันยายนถึงจะมีคำวินิจฉัย สมมุติว่าความเป็นนายกฯของพล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลง วันที่ 24 สิงหาคมนี้ และระหว่างที่รอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ในระหว่างนั้นรัฐธรรมนูญคุ้มครองว่าการกระทำใดๆในช่วงนี้ทำได้ไม่มีผลที่จะไปลบล้างการกระทำนั้น ก็เป็นไปได้ที่ศาลฯจะไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างรอคำวินิจฉัย แต่เหตุการณ์ที่เรากลัวคือข้อขัดแย้งทางการเมือง กระแสต่อต้านจะยิ่งแรงขึ้น ถึงตอนนั้นคือจุดวิกฤต อย่าว่าแต่พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ในประเทศไทยเลย แต่จะไม่มีที่อยู่ 

“ถ้าผมเป็น พล.อ.ประยุทธ์ ผมจะออกอย่างเท่ที่สุด เย็นวันที่ 23 สิงหาคม ผมจะออกประกาศแถลงการณ์จากสำนักนายกรัฐมนตรี เลยว่า กราบเรียน พี่น้องประชาชน ผมพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมจะหมดวาระตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในเวลา 24 นาฬิกา ของวันนี้ ขอให้ทางรัฐสภาดำเนินการเลือกตั้งนายกฯคนต่อไปได้ อย่านี้ทุกคนก็จะปรบมือให้ นี่คือมโนธรรมสำนึกความรับผิดชอบ เคารพหลักนิติธรรม แล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะอยู่ในใจพี่น้องประชาชน และกลไกลหลังจากนั้นจะดีไม่ดีหรือเลวร้ายค่อยว่ากัน ซึ่งผมฝันว่าพล.อ.ประยุทธ์จะประกาศออกจากตำแหน่งอย่างสง่างามเพราะเป็นทางที่ดีที่สุด สำหรับประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ และสถาบันตุลาการก็รอดตัวไม่ต้องวินิจฉัย” นพ.ชลน่าน 

‘ธนกร’ วอนทุกฝ่ายรอฟังคำวินิจฉัยศาล รธน. อย่าก้าวล่วง-ชี้นำ หรือขู่ชุมนุมเคลื่อนไหวกดดัน ย้ำ นายกฯ พร้อมน้อมรับคำตัดสิน เหน็บไม่ทำพฤติกรรมเหมือนอดีตผู้นำบางคนแน่นอน

นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยยังคงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหมว่า อยากขอให้ทุกฝ่ายอย่าก้าวล่วงอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ อย่าออกมาพูดชี้นำเพื่อสร้างความสับสนให้กับประชาชน การทำให้ประชาชนสับสนเพื่อแลกกับการได้มีชื่อออกหน้าสื่อรายวันนั้น ไม่คุ้มเลย มีแต่จะทำให้บ้านเมืองขัดแย้ง วันนี้ประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งของคนไทยด้วยกันเองมาไกลขนาดนี้แล้ว อย่าพยายามดึงกลับไปจุดเดิมอีกเลย ทางที่ดี ควรรอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจึงจะเหมาะสมที่สุด ไม่ใช่ออกมาขู่ว่าจะชุมนุม ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการเคลื่อนไหวกดดัน ถือว่าไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง ทั้งนี้ ยืนยันว่า ท่านนายกฯ เป็นชายชาติทหาร พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล และจะไม่ทำพฤติกรรมเหมือนอดีตนายกฯ บางคน ที่ไม่พอใจคำตัดสินก็หนีไปต่างประเทศ แล้วให้สัมภาษณ์ด้อยค่าคำวินิจฉัยเพื่อเรียกคะแนนสงสารเป็นรายวันอย่างแน่นอน

ส่วนกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย ระบุว่า เชื่อว่าศาลจะใช้เวลาไม่นาน เพราะเรื่องการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกฯ เป็นประเด็นทางกฎหมาย ไม่มีประเด็นที่ต้องแสวงหาข้อมูลหลักฐานพยานมาพิสูจน์อะไรอีก แต่หากมีผลออกมาให้ท่านนายกฯ ทำหน้าที่ต่อ เชื่อว่าจะเกิดความวุ่นวายแน่นอนนั้น นายธนกร กล่าวว่า นายสมชัยเป็นถึงอดีต กกต. มีความรู้ทางกฎหมายเป็นอย่างดี ย่อมทราบดีว่าการออกมาพูดว่า หากให้ท่านนายกฯ ทำหน้าที่ต่อ เชื่อว่าจะเกิดความวุ่นวายนั้น เท่ากับการก้าวล่วงอำนาจศาล เข้าข่ายชี้นำอย่างชัดเจน ตนไม่อยากเห็นนายสมชัยใช้ความรู้ทางกฎหมายในลักษณะนี้ อะไรที่พูดแล้วคิดว่าตัวเองได้แต้มก็พูดหมด ไม่สนหลักการอะไรทั้งนั้น

24 สิงหาคม พ.ศ. 2557 โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย

วันนี้ เมื่อ 8 ปีที่แล้ว ในหลวง รัชกาลที่ 9 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของไทย

ประกาศราชกิจจานุเบกษา พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มีเนื้อหาดังนี้

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งตามมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ลงมติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เห็นชอบด้วยในการแต่งตั้ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

'บิ๊กตู่' พร้อมหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

‘พล.อ.ประยุทธ์’ เคารพผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญทุกประการ โดยจะหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันนี้ (24 ส.ค.) เป็นต้นไป จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกรัฐมนตรี และมีมติเสียงข้างมากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตั้งแต่วันนี้ (24 ส.ค.) จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยนั้น 

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคารพผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญทุกประการ โดยจะหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันนี้ (24 ส.ค.) เป็นต้นไป จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย โดยจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมต่อไปตามปกติ โดยในระหว่างนี้ พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ จะปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทน และปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับคณะรัฐมนตรี โดยมิได้มีผลกระทบต่อการบริหารประเทศ และการปฏิบัติงานของข้าราชการ หรือการดำเนินนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาล

'รองโฆษกรัฐฯ' ตอก 'ชลน่าน' หยุดปั่นนายกฯ ลาออก ย้อน!! นายกฯ เถื่อนหนีไปอยู่ดูไบ ส่วน 'บิ๊กตู่' รับฟังคำศาล

รองโฆษกรัฐบาล คอนเฟิร์ม ‘ประยุทธ์’ ยังไม่พ้นเก้าอี้นายกฯ ชี้คำสั่งศาลไม่กระทบการบริหารประเทศ ตอกกลับ ‘ชลน่าน’ หยุดปั่นนายกฯ ลาออก สะท้อนไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ย้อนนายกฯเถื่อนอยู่ดูไบ

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกรัฐมนตรี และมีมติเสียงข้างมากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค. 65 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยนั้น ต้องชี้แจงทำความเข้าใจว่า ผลของคำสั่งไม่ได้ทำให้สถานะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มา ตามมาตรา 158 รัฐธรรมนูญ 2560 ถูกยกเลิกไป พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เพียงพักการทำงาน การทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราวจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย และเพื่อความต่อเนื่องในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาปฏิบัติหน้าที่รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนั้น คำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไม่มีผลกระทบใดๆ การบริหารประเทศ การปฏิบัติงานของข้าราชการ หรือการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล สามารถดำเนินต่อเนื่องไปตามปกติ

"นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมายังท่าน และจะทำหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ต้องรับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ท่านพร้อมทำหน้าที่เพื่อประชาชน เพื่อประเทศไทยในทุกๆ วัน" น.ส.ทิพานัน กล่าว

น.ส.ทิพานัน กล่าวต่อว่า ในส่วนระยะเวลาพิจารณาและมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น อาจจะไม่ต้องใช้ระยะเวลานาน เพราะหากศาลเห็นว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายหรือมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ ศาลอาจประชุมปรึกษาเพื่อพิจารณาและวินิจฉัยโดยไม่ทำการไต่สวนตามมาตรา 58 พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 ได้ ซึ่งเมื่อศาลส่งสำเนาคำร้องไปให้ พล.อ.ประยุทธ์ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ มีเวลายื่นคำชี้แจงภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับสำเนาคำร้องตามมาตรา 54


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top