Saturday, 4 May 2024
นครศรีธรรมราช

ลองกา 'ก้าวไกล' ‘พิธา’ มั่นใจ ก้าวไกล 10 คน 10 เขต พลิกเมืองคอน เปลี่ยน 'นครศรีฯ' จากเมืองรอง สู่ เมือง 'ต้องลอง'

ชิมโกปี้ ไม่มีขมปี๋ เพราะวงน้ำชาก้าวไกลสุดคึกคัก พิธา ศิริกัญญา เยือนเมืองคอน ตอบทุกคำถามคาใจ ชูแก้หนี้เกษตร กระจายอำนาจสร้างนครศรีธรรมราช ให้กลายเป็นเมืองที่ 'ต้องลอง'

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ควง ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค หวังปักธงก้าวไกลทั้งจังหวัด โดยเปิดวงน้ำชา ณ ร้านโกปิ๊ ซึมซับบรรยากาศและวัฒนธรรมการถกเถียงแลกเปลี่ยนทางการเมือง กลางเมืองคอน นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย ปกรณ์ อารีย์กุล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 จากพรรคก้าวไกล ร่วมเสวนาพบปะพี่น้องประชาชนด้วยกัน

พิธา ได้กล่าวกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมแลกเปลี่ยนว่าต้องการเห็นนครศรีธรรมราช ที่เป็น 'เมืองรอง' ให้กลายเป็นเมืองที่ต้องมา 'ลอง' ชี้เป็นเมืองที่มีครบทั้ง 3 ธรรม ทั้งธรรมะ ธรรมชาติ และธรรมดา เป็นเมืองที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองในอดีต สถานที่ทางประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่สมบูรณ์ จึงคิดว่าสามารถยกระดับจังหวัดนครศรีธรรมราชให้ดีกว่านี้ได้ พร้อมประกาศว่ามั่นใจในตัวผู้สมัครทั้ง 10 คน 10 เขต ที่พรรคก้าวไกลส่งลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ และเชื่อจะสามารถเปลี่ยนเมืองคอนให้ดีได้กว่านี้ จากนั้นมีการเปิดพื้นที่ให้ประชาชนสอบถาม โดยคำถามส่วนใหญ่เป็นเรื่องของปัญหาหนี้สิน ที่ดินทำกิน และการกระจายอำนาจจากส่วนกลางสู่ท้องถิ่น

พิธา เริ่มต้นตอบคำถามถึงเรื่องการกระจายอำนาจปลดล็อกท้องถิ่น พร้อมเน้นย้ำว่า ต้องกระจายทั้งงบประมาณและบุคลากร ในด้านของ พ.ร.บ. ต้องเพิ่มงบประมาณ อิสระในการตรวจสอบ ตลอดจนสามารถออกพันธบัตรในพื้นที่ได้ในด้านที่สนใจ อย่างเช่น นครศรีธรรมราชสามารถใช้พันธบัตรแก้ไขประเด็นต่าง ๆ โดยไม่ต้องรอนโยบายจากส่วนกลาง ไม่ต้องเกษตรจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด ท่องเที่ยวจังหวัด  เพราะฉะนั้นสิทธิชุมชน การบริหารน้ำประปาในพื้นที่ ท้องถิ่นสามารถทำได้ พิธา ย้ำว่า สิ่งนี้ เกาถูกที่คันแน่นอน ส่วนกรณีราคายางตกต่ำ หากส่งออกแล้วเขาไม่รับ พรรคก้าวไกล ได้ออกแบบอุตสาหกรรมที่ใช้ยาง เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น การนำประปาก้าวหน้า ในส่วนประกอบ แต่ละส่วนต้องใช้ยางร่วมด้วย หรือของเล่นเด็กและพื้นรองเท้า ผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถสร้างงานและซ่อมประเทศไปพร้อมกันได้  ยาง 3 แสนตัน ต้องสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้

บ่อปลานี้ ตกไม่ง่าย!! จับตา 'สุราษฎร์ฯ-นครศรีฯ-สงขลา' ชี้ชะตา 'บิ๊กตู่-จุรินทร์-เฉลิมชัย'

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เลือกตั้ง 2566 นี้ หากได้ ส.ส.น้อยกว่าเดิม (52) ที่นั่ง...จะเกิดเหตุอย่างน้อยสองอย่าง

อย่างแรก 'เฉลิมชัย ศรีอ่อน' เลขาธิการพรรคจะวางมือทางการเมืองตามประกาศ...

อย่างที่สอง 'จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์' ก็น่าจะอำลาเก้าอี้หัวหน้าพรรคแบบ บัญญัติ บรรทัดฐาน เมื่อปี 2548 และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อปี2562

และสำหรับ 'บิ๊กตู่' พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากเลือกตั้งหนนี้ได้ ส.ส.ไม่ผ่าน 50 ที่นั่ง โอกาสที่จะวืดเก้าอี้นายกฯ รอบสาม ก็มีสูง...อย่ามองข้ามความปลอดภัย

ประชาธิปัตย์ และ พรรคพล.อ.ประยุทธ์ (รวมไทยสร้างชาติ) จะฝ่าเส้นตายเอาเสียงมาจากไหนที่เป็นกอบเป็นกำที่สุด...

คำตอบคือ บ่อปลาภาคใต้ 60 ที่นั่ง (ไม่ใช่ปลาในบ่อเพื่อน) อยู่ที่ว่าใครจะมีฝีมือตกได้มากกว่ากัน   

เลือกตั้ง 2562 ภาคใต้มี 50 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์หล่นวูบจาก 50 ที่นั่งเมื่อปี 2554 เหลือ 22 ที่นั่ง ส่วนพรรคพลังประชารัฐโหนกระแสลุงตู่เข้าสภา 13 คน...เฉพาะนครศรีธรรมราชกับสงขลาก็กวาดมาได้ 7 ที่นั่ง (3+4)   รอบนี้ลุงสวมเสื้อรวมไทยสร้างชาติ...กระแสยังแรง

สำหรับภาคใต้...ข่าวกึ่งปิดกึ่งเปิดประชาธิปัตย์ตั้งเป้า   35-40 ที่นั่ง รวมไทยสร้างชาติตั้งเป้า 25-30...นี่ยังไม่นับรวมตัวแบ่งอย่างภูมิใจไทย, ประชาชาติ...ซึ่งสองพรรคนี้มีอยู่ในมือแน่ๆ 10 ที่นั่ง!!

มีความเป็นไปได้ที่ ประชาธิปัตย์ หรือ รวมไทยสร้างชาติ ไม่พรรคใดพรรคหนึ่งต้องพลาดเป้าอย่างแรง หรือพลาดทั้งคู่คือหล่นลงมาสูสีกันที่ 20 กว่าที่นั่ง

กรณีประชาธิปัตย์ถ้าภาคใต้ได้ไม่ถึง 25 ที่นั่ง โอกาสที่ยอดรวมทั้งประเทศจะไปถึง 52 ที่นั่งบอกได้คำเดียวว่ายากมากถึงยากที่สุด

กรณีพรรคลุงตู่ก็คล้ายๆ กัน หากตกปลาบ่อภาคใต้ได้ไม่ถึง 20 คน โอกาสที่จะไต่เพดานไปเป็นพรรค 60-70 คนตามที่แอบฝันกันไว้ ก็ยากยิ่ง...การที่จะไปกดดันหรือต่อรองให้ 'อนุทิน' เล่นบท 'หนู ช่วยราชสีห์' ก็ยากขึ้น...!!

ดังนั้น จากนี้ไปอย่าได้กระพริบตาสมรภูมิภาคใต้ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดใหญ่ชี้เป็นชี้ตาย เพราะมีเก้าอี้ ส.ส.รวมถึง 26 ที่นั่ง ได้แก่...

สุราษฎร์ธานี 7 คน, นครศรีฯ 10 คน และ สงขลา  9 คน...

ใครกวาดเก้าอี้ 3 จังหวัดนี้ได้เกิน ถึง 20 ที่นั่ง...ก็โล่งโปร่ง
 

พร้อมสู้ทุกเขต!! ‘ปชป.’ เปิดตัว ‘นายกฯ หนึ่ง’ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีฯ คนที่ 10 ดีกรีเด็กนอก ผลงานแน่น พร้อมนำเมืองคอนสู่เมืองมหานคร

(17 มี.ค. 66) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรองเลขาธิการพรรคฯ ร่วมกันต้อนรับและมอบบัตรสมาชิกพรรคฯ ตลอดชีพ ให้กับนายทรงศักดิ์ มุสิกอง หรือ ‘นายกหนึ่ง’ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปากนคร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 นครศรีธรรมราช (อำเภอเมือง, อำเภอพระพรหม) ซึ่งถือเป็นเขตเลือกตั้งสุดท้ายที่ทางพรรคฯ ได้มีการเปิดตัวในการสู้ศึกเลือกตั้ง

นายชัยชนะ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทั้งทางศาลรัฐธรรมนูญ ที่ได้วินิจฉัยคำนิยามคำว่า ‘ราษฎร’ ตรงตามเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ทำให้ จ.นครศรีธรรมราช ได้มี ส.ส.เพิ่มขึ้นอีก 2 เขต เป็น 10 เขต เหมือนกับในอดีต ซึ่งทางพรรคฯ ก็ได้เร่งคัดเลือกบุคคลที่มีอุดมการณ์และความเหมาะสมที่จะมารับใช้ประชาชนในพื้นที่ จนได้ข้อสรุปว่าพรรคฯ จะส่ง นายทรงศักดิ์ เป็นผู้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ในเขตที่เพิ่มขึ้นมา นั่นคือ เขต 2  ที่ประกอบด้วย อ.เมืองนครศรีธรรมราช 9 ตำบล 1 เขตเทศบาล และ อ.พระพรหม

ซึ่งก่อนหน้านี้ อ.พระพรหม เคยเป็นส่วนหนึ่งของ อ.เมือง และในปัจจุบัน อ.พระพรหม ถือเป็นอีก 1 พื้นที่ที่รองรับความเจริญของตัวเมืองนครศรีธรรมราช ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องส่งนักการเมืองที่มีประสบการณ์ และวิสัยทัศน์กว้างไกล อย่างนายทรงศักดิ์ มาลงสมัคร ส.ส.ในเขตนี้ เพื่อที่จะได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และผลักดันให้เกิด เมืองมหานครใน จ.นครศรีธรรมราช ตามนโยบายของพรรคฯ ที่มุ่งหวังไว้ว่า จะทำให้เกิดขึ้นได้จริงภายหลังจากการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย 

อย่าหยามมวยรอง!! เมืองคอนเขต 3 ไม่ง่าย หลัง ‘เสี่ยอ่าง’ ลั่น!! “ผมมีวิธีจัดการคะแนนตามถนัดในแบบที่คนอื่นไม่มี”

‘สมศักดิ์ เมธา’ เดินอาดๆ เข้ามาในร้านข้าวแกงหลังสถานีรถไฟชะวอด จ.นครศรีธรรมราช พร้อมทีมงานตามหลังมาอีก 7-8 คนบอกว่า “ผมจะลงสมัครผู้แทน”

สิ้นเสียงของสมศักดิ์ก็มีคำถามตามมามากมาย เช่น จะลงพรรคไหน จะมีอะไรไปสู้เขา เป็นต้น

สมศักดิ์ตอบชัดเจนว่า จะลงสมัครรับเลือกตั้งในนาม พรรคเพื่อไทย และวันที่ 3 เมษายน สมศักดิ์ก็ไปยื่นใบสมัครเรียบร้อยแล้ว

“ถ้าถามว่าจะเอาอะไรไปสู้เขา บอกได้เลยครับว่า ผมเป็นคนในพื้นที่ ทำงานรู้จักชาวบ้าน และชาวบ้านก็รู้จักผมดี ผมช่วยเหลือคนมามาก ศาลาริมถนนผมสร้างด้วยเงินส่วนตัวผมทั้งนั้น”

เขต 4 นครศรีธรรมราช (ชะอวด-เฉลิมพระเกียรติ-เชียรใหญ่) ถือเป็นเขตเลือกตั้งอีกเขตที่จะมีการต่อสู้กันดุเดือด ซึ่งปัจจุบันมีนายกองตรีอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เป็น ส.ส.ในเขตนี้ และยังลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเดิม พรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม พูดได้ว่า เดินแบบนิ่มกับเครือข่ายมากมาย ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

ที่บอกว่าสนามเลือกตั้งนี้จะต้องต่อสู้กันดุเดือดแน่นอน เพราะผู้สมัครแต่ละคนไม่ธรรมดา อย่างอาญาสิทธิ์ นอกจากเป็นแชมป์แล้ว ยังเคยเป็นนายอำเภอ ปลัดอำเภอในโซนนี้มายาวนาน ปลัดณัฐกิตติ์ หนูรอด ในนามพรรคภูมิใจไทย เป็นคนเคร็งโดยกำเนิด อดีตปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดพัทลุง ผ่านประสบการณ์นักปกครองมาโชกโชน 

ที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ คือ พงศ์สิน เสนพงศ์ น้องชายของเทพไทย เสนพงศ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ เคยลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อมมาแล้วกับคะแนน 30,000 กว่าคะแนน เพียงแต่พ่ายให้กับอาญาสิทธิ์เท่านั้นเอง คราวนี้คะแนนเสียงย่านเชียรใหญ่ บ้านเกิดไม่มีใครมาแบ่ง

‘ธนกร-เมืองคอน’ ลุยหาเสียงนครศรีฯ เปิดศูนย์เลือกตั้ง รทสช. เผย เรตติ้งภาคใต้ ‘ลุงตู่’ มาแรง จนมีพรรคอื่นแอบอ้าง-เกาะกระแส

เมื่อวันที่ (15 เม.ย. 66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค เดินทางมาเป็นประธานเปิดศูนย์ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคทั้ง 10 เขต เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

โดยนายธนกร กล่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติเรามุ่งเน้นทำงานการเมือง เพื่อประชาชน เรามีภารกิจที่จะเข้ามาสานต่อนโยบายที่ดี เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำ ความยากจน สร้างเศรษฐกิจปากท้องที่ดีให้ประชาชน โดยเฉพาะภาคใต้เราได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อนุมัติงบประมาณพัฒนาจังหวัดภาคใต้ วงเงินกว่า 250,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ตามนโยบาย ‘ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ’ และแคมเปญใหม่ที่ออกมา ‘หาเงินได้ ใช้เงินเป็น’ ของจริงยิ่งกว่า 10,000 บาท ถ้าดูคลิปแล้วประชาชนจะเข้าใจนโยบายของพรรคเรายิ่งขึ้น นโยบายพรรคจะช่วยกลุ่มเป้าหมายได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย บัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัสเพิ่มเงินเป็น 1,000 บาท, กู้ฉุกเฉิน 10,000 บาท, เบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาททุกช่วงวัย, ค่าตอบแทน อสม. 2,000 บาท, กองทุนฉุกเฉินประชาชน 30,000 ล้านบาท

‘คนเมืองคอน-สงขลา’ เฮ!! รับเงินช่วยเหลือน้ำท่วมปี 2565 พร้อมขอบคุณ ‘บิ๊กตู่’ เล็งเห็นความทุกข์-แก้ปัญหารวดเร็ว

(19 เม.ย.66) นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในเวลาช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ ชาวบ้านผู้ประสบอุทกภัย เริ่มทยอยได้รับเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ซึ่งจังหวัดนครศรีธรรมราชและสงขลาประสบกับปัญหาอุทกภัยอย่างหนัก โดยการช่วยเหลือเป็นไปตามมติ ครม. (28 ก.พ.66) อนุมัติให้จ่ายเงิน ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2565 เพิ่มเติม ในพื้นที่ กทม. และ 15 จังหวัด 

โดยผู้ประสบภัย จ.นครศรีธรรมราช คิดเป็นจำนวน 237,048 ครัวเรือน วงเงิน 1,190.46 ล้านบาท ซึ่งทำให้เกิดการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 39,704 ครัวเรือน รวมเป็นวงเงินช่วยเหลือ 199,510,000 บาท แบ่งเป็นดังนี้ 

อำเภอร่อนพิบูลย์ จำนวน 73 ครัวเรือน วงเงินช่วยเหลือ 365,000 บาท 
อำเภอปากพนัง จำนวน 29,483 ครัวเรือน วงเงินช่วยเหลือ 147,427,000 บาท 
อำเภอเชียรใหญ่ จำนวน 5,610 ครัวเรือน วงเงินช่วยเหลือ 17,480,000 บาท 
อำเภอชะอวด จำนวน 2,406 ครัวเรือน วงเงินช่วยเหลือ 13,008,000 บาท 
อำเภอหัวไทร จำนวน 517 ครัวเรือน วงเงินช่วยเหลือ 2,585,000 บาท 
อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จำนวน 1,615 ครัวเรือน วงเงินช่วยเหลือ 18,645,000 บาท 
ขณะที่ พี่น้องชาวสงขลา ใน 15 อำเภอที่รับผลกระทบ จำนวน 112,043 ครัวเรือน ได้รับวงเงินช่วยเหลือรวม 560,215,000 บาท

ชำแหละ!! 5 เขตเลือกตั้ง ‘เมืองคอน’  ใครจะเสยคางใคร หลังรู้เชิงกันแล้ว 

ชำแหละ 5 เขตเลือกตั้งเมืองคอน มวยยก 3 แลกหมัดกันสนุกแน่ หลังรู้เชิงกันแล้ว จับตายกสุดท้ายใครจะเสยคางใคร

หลังมีความสุขกับช่วงเทศกาลมหาสงกรานต์ เรามาทบทวนกันอีกครั้งสำหรับ 10 เขตเลือกตั้งของนครศรีธรรมราช ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 20 กว่าวัน ก็จะได้เวลาประชาชนพิพากษา 14 พฤษภาคม...ถ้าหากเรียกเป็นภาษามวย ก็ถือว่าเข้าสู่ยกที่ 3 เข้าให้แล้ว

>> เขต 1 
เมืองในเขตเทศบาลนคร ที่มี ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ เป็นแชมป์อยู่ในนามพรรคพลังประชารัฐ ถ้ามองผิวเผินเหมือนจะเป็นการแข่งขันกันของ 4 พรรคใหม่ คือ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ส่ง ‘พูน แก้วภราดัย’ ลูกชายของ ‘น้อย-วิทยา แก้วภารดัย’ ส่วนประชาธิปัตย์ ส่งอดีตผู้ว่าฯ ‘ราชิต สุดพุ่ม’ พรรคพลังประชารัฐ ส่ง ‘ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ’ และ พรรคภูมิใจไทย ส่งอดีตนักการธนาคาร ‘จรัญ ขุนอินทร์’ 

แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปในรายละเอียด น่าจะเป็นการต่อสู้กันระหว่าง ‘ดร.รงค์’ กับ ‘ราชิต’ เป็นหลัก ซึ่งราชิต อาศัยฐานเดิมของประชาธิปัตย์ ที่มีทุนเดิมอยู่บ้างแล้วอย่างน้อยเขตละ 10,000 เพียงแต่จะทำอย่างไรให้คะแนนต่อยอดไปถึง 30,000 นั้น หมายถึงหาเพิ่มอีก 20,000 คะแนน ซึ่งความเป็นอดีตนายอำเภอเมือง และสายสัมพันธ์กับชุมชนในฐานะอดีตนักปกครอง ก็น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกับ ดร.รงค์ ที่มีฐานเสียงเดิมในฐานะแชมป์ หลังจากในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา มีทั้งจุดด้อย และจุดเด่น จนเมื่อได้ ‘โกเก้า’ เกรียงศักดิ์ ภู่พันธุ์ตระกูล ผู้กว้างขวางในวงการเมืองเข้ามาจับมือกับ โกจู๋-วิฑูรย์ อิสระพิทักษ์กุล ช่วยกันประสานมือทำคะแนนให้กับ ดร.รงค์ จึงทำ ดร.รงค์ เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวขึ้นมาทันที แต่ราชิตก็ได้ ‘ลุงนึก’ สมนึก เกตุชาติ อดีตนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราชเข้ามาช่วย ทำให้แข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาลุงนึกไม่เอาประชาธิปัตย์เลย แต่คราวนี้หนีไปพ้นเมื่อญาติสนิทลงชิง

ฉะนั้น ราชิต คงต้องหาตัวช่วยที่เข้มแข็งเข้ามาช่วยทำงาน ทั้งคนในและคนนอกพื้นที่ที่มีบารมีพอฟัดพอเหวี่ยงกับสองโกเพื่อเดินไปสู่เป้าหมาย ‘ล้มรงค์’ ซึ่ง ดร.รงค์ก็เป็นนักวิชาการสายรัฐศาสตร์ชั้นเชิงทางการเมืองก็ไม่ธรรมดา เอาเป็นว่า ‘รู้เขารู้เรา’

>> เขต2 
ถือเป็นเขตปลอด ส.ส.เก่า คือ ไม่มีเจ้า แต่ ‘สายัณห์ ยุติธรรม’ ย้ายจากท่าศาลา มาลงเขตนี้ และย้ายพรรคจากพลังประชารัฐมาอยู่กับ ‘ลุงตู่’ ที่รวมไทยสร้างชาติ เพื่อเปิดทางให้น้องชาย ‘อำนวย ยุติธรรม’ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในบ้านเกิดท่าศาลา ซึ่งสายัณห์แม้จะเป็นอดีต ส.ส.แต่คนละเขต แม้เขตใหม่จะเป็นฐานเดิมอยู่บ้าง แต่ไม่ทั้งหมด สายัณห์ต้องสร้างฐานใหม่ย่านพระพรหม ซึ่งก็มีอัตราเสียงอยู่ไม่น้อย 

ทว่าแม้เจ้าตัวจะยืนยัน 4 ปีมีผลงาน และคนรู้จัก แต่เมื่อมาดูคู่แข่งแล้ว จะพบว่า ประชาธิปัตย์ลงตัวที่ ‘นายกหนึ่ง’ นายทรงศักดิ์ มุสิกอง อดีตนายกฯ ปากนคร ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะได้สร้างขึ้นมาสืบทอดเจตนารมณ์-อุดมการณ์ของประชาธิปัตย์ต่อไป ส่วนด้าน พรรคพลังประชารัฐ ‘สจ.สุภาพ ขุนศรี’ ยอมหลีกให้ ดร.รงค์ มาลงเขตนี้ โดยสจ.สุภาพ ออกจาก เครือข่ายผู้นำท้องถิ่น-ท้องที่แล้ว จะต้องอาศัยเครือข่ายของสามี สายนักเลง นักการพนัน แต่เป็นคนต่างถิ่น เอาเป็นว่าเขตนี้ ‘สายัณห์-สจ.สุภาพ’ หายใจรดต้นคอกันเป็นแน่แท้ ส่วนทรงศักดิ์ อยู่ที่องคาพยพของประชาธิปัตย์ จะช่วยกันหอบหิ้วได้แค่ไหน ถ้าประชาธิปัตย์ตั้งเป้าว่านครศรีฯจะต้องได้ 7+ ‘แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ จะต้องออกแรงมากกว่านี้ นายกฯ หนึ่งถึงจะเข้าวิน

กล่าวสำหรับพระพรหมแล้ว ถือว่าทุกคนใหม่หมด สจ.สุภาพ มาจากเขตเมือง นายกฯ หนึ่งมาจากปากนคร สายัณห์มาจากท่าศาลา โอกาสจึงเป็นของทุกคน สายัณห์อยู่ในฐานะได้เปรียบ เพราะมีฐานเดิมอยู่บ้างในบางตำบล

>> เขต 3 (หัวไทร-ปากพนัง) 
แม้ ‘เท่ห์-พิทักษ์เดช เดชเดโช’ ลูกชายของ ‘เจ้ต้อย-กนกพร เดชเดโช’ นายกฯอบจ.นครศรีฯ น้องชายของแทน-ชัยชนะ เดชเดโช จะเปิดตัวทีหลัง แต่ก็มาแรงแซงขึ้นที่ 1 อย่างรวดเร็ว วิ่งฉิวนำหน้า ขณะที่ ‘มานะ ยวงทอง’ จากภูมิใจไทย ที่เปิดตัวมาร่วมปี และเป็นที่รู้จักมักคุ้นกันแล้ว แต่ม้าตีนต้นเริ่มแผ่วปลายกับการบริหารจัดการในบางเขต-บางโซน แม้บางเขตจะยังเหนียวแน่นกับเครือญาติก็ตาม แต่บางองคาพยพเริ่มเปลี่ยนค่ายบ่ายหน้าไปค่ายสีฟ้า 

ส่วนพลังประชารัฐ ส่ง ‘สัณหพจน์ สุขศรีเมือง’ ซึ่งเป็นแชมป์เก่า ดูภาพรวมแล้วไม่หวือหวา กระสุนยังไม่ออก ก็เหนื่อยหน่อย ฐานคะแนนเดิมเริ่มถูกแย่ง-ถูกแบ่งแยก สถานการณ์ปัจจุบันเงียบไปนิดหนึ่ง ส่วนรวมไทยสร้างชาติส่ง ‘นนทิวรรธน์ นนทภักดิ์’ คนสนิทของวิทยาลงประชัน ซึ่งนนทิวรรธ์ มีฐานเสียงที่หน้าแน่นอยู่ในตลาดปากพนัง เป็นด้านหลัก แต่โซนหัวไทรยังเป็นจุดบอด ถ้ามีเวลาให้เตรียมตัวมากกว่านี้ และใช้เครือข่ายวิทยาเดินเครื่อง ก็น่าสนใจ เพราะเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียวที่เป็นคนพื้นที่ เกิดที่ปากพนัง ขณะที่ พิทักษ์เดช เกิดที่ร่อนพิบูลย์ แต่มีภรรยาคนปากพนัง, สัณหพจน์ เกิดที่เชียรใหญ่ แต่เคยคลุกคลีกับธุรกิจกุ้งในวัยหนุ่ม, มานะ เกิดที่เชียรใหญ่ ไม่ค่อยได้อยู่ในพื้นที่ทำธุรกิจกล่องกระดาษอยู่สมุทรสาคร และชลบุรี ในช่วงโควิดระบาดหนักเขาจึงบริจาคกล่องกระดาษทำเตียงสนามจำนวนมาก และผันตัวเองมาลง ส.ส.

>> เขต 3 
ไม่ควรมองข้าม ‘มนตรี เฉียบแหลม’ จากเพื่อไทย ที่คนเริ่มเบื่อพรรคโน้นพรรคนี้ และมองหาพรรคใหม่ เพื่อไทยจึงเป็นตัวเลือกอยู่ไม่น้อย น่าเสียดายว่า เพื่อไทยเปิดตัวเขาให้ลงเขตนี้ช้าไป แต่กระแสเพื่อไทยพอมี คะแนนพรรคมีแน่นอน และตัวเลขไม่น่าเกลียดด้วย ฉะนั้นเขต 3 ด้วยเครือข่ายที่มากกว่า เหนียวแน่นกว่า ถึงกว่า ท้ายที่สุดแล้ว ‘โกเท่ห์’ จะเข้าป้าย แต่ตัองระวัง-หลีกเลี่ยงข้อสุ่มเสี่ยง

>> เขต4 (ชะอวด-เชียรใหญ่-เฉลิมพระเกียรติ)
น่าจะเป็นเขตที่สู้กันดุเดือด มีคู่แข่งหลักอยู่ 5 พรรค แชมป์เก่าคือ ‘อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ’ ยังสังกัดพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม และมั่นใจในผลงาน บทบาทหน้าที่ที่ผ่านมา สองปี ส่วน ประชาธิปัตย์ ส่ง ‘ยุทธการ รัตนมาศ’  อดีตรองนายกฯ อบจ.นครศรีธรรมราช เคยมีข่าวโด่งดังในตำแหน่งนายกสมาคมกีฬานครศรีธรรมราช

เปิดตัวขุนพล ‘พรรคใหญ่’ ชิงชัยเก้าอี้ ส.ส. นครศรีธรรมราช ใครได้หมายเลขไหน? อย่าจำผิด!!

สำหรับ 4 เขตของจังหวัดนครศรีธรรมราช ตามการแบ่งเขตของ กกต. มีดังนี้ 

>>เขต 1 อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช (เฉพาะ เทศบาลนครนครศรีธรรมราช, ตำบลปากนคร, ตำบลท่าไร่, ตำบลท่าเรือ, ตำบลบางจาก, เทศบาลตำบลบางจาก และเทศบาลตำบลปากนคร)
>>เขต 2 อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
(เฉพาะตำบลท่างิ้ว, ตำบลกำแพงเซา, ตำบลโพธิ์เสด็จ, ตำบลนาเคียน, ตำบลนาทราย, ตำบลมะม่วงสองต้น, ตำบลไชยมนตรี, ตำบลปากพูน, ตำบลท่าซัก และเทศบาลตำบลท่าแพ) อำเภอพระพรหม
>>เขต 3 อำเภอปากพนัง อำเภอหัวไทร
>>เขต 4 อำเภอชะอวด อำเภอเชียรใหญ่ อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
>>เขต 5 อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอลานสกา
>>เขต 6 อำเภอทุ่งสง (ยกเว้นตำบลเขาขาว)
>>เขต 7 อำเภอถ้ำพรรณรา อำเภอทุ่งใหญ่ อำเภอบางขัน อำเภอทุ่งสง (เฉพาะตำบลเขาขาว)
>>เขต 8 อำเภอพิปูน อำเภอฉวาง อำเภอช้างกลาง อำเภอนาบอน
>>เขต 9 อำเภอพรหมคีรี อำเภอนบพิตำ อำเภอท่าศาลา (เฉพาะตำบลท่าศาลา, ตำบลไทยบุรี ตำบลหัวตะพาน, ตำบลโพธิ์ทอง, ตำบลโมคลาน, ตำบลดอนตะโก และเทศบาลตำบลท่าศาลา)
>>เขต 10 อำเภอขนอม อำเภอสิชล อำเภอท่าศาลา (เฉพาะตำบลกลาย, ตำบลตลิ่งชัน, ตำบลสระแก้ว และตำบลท่าขึ้น)

ผู้สมัครบางคนถูกถอดสายน้ำเกลือแล้ว  ลุ้น!! ‘สุนทร’ ชิงกันเข้าวินกับ ‘น้องบีท’

แม้ชื่อของ เชาวศิลป์ บุญประเสริฐ (รองโข่ง) จะปรากฏเป็นกระแสอยู่ระยะหนึ่งกับการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 8 นครศรีธรรมราช (ฉวาง-นาบอน-ช้างกลาง-พิปูน) ในนามพรรคเพื่อไทย และก็ต้องยอมรับความจริงว่า กระแสพอใช้ได้ จนโพลบางสำนักยกให้อยู่อันดับ 1 เมื่อบวกกับกระแสเพื่อไทยทั่วประเทศ ยิ่งส่งแรงบวกให้รองโข่งมากขึ้น

แต่ก็ต้องเข้าใจตรงกันนะว่า ภาคใต้ไม่ใช่ฐานที่มั่นของเพื่อไทย แม้ ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ จะลงไปคลุกอยู่ในพื้นที่นครศรีธรรมราชหลายครั้ง แต่ไม่น่าจะช่วยอะไรก็ได้มากนัก แต่คะแนนพรรคคงมีทุกเขต

แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน การเมืองก็เปลี่ยน ฝ่ายคู่แข่งงัดกลยุทธ์ ขุดวิชาขึ้นมาใช้ น่าจะทำให้กระแสเสียงของรองโข่งแผ่วลงไปบ้าง เมื่อกระสุนไม่พอ กระแสก็ไม่เกิด ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า การออกเดินพบปะพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งแบบ ‘หามรุ่งหามค่ำ’ และค่ำไหนนอนนั้น (นอนวัด) ของ ‘สุนทร รักษ์รงค์’ ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ คู่ไปกับการตั้งวงพูดคุยแลกเปลี่ยนในสไตล์ที่ถนัด ยิ่งทำให้กระแสเสียงของสุนทรค่อยๆ ขยับตัวมาดีขึ้น พูดได้ว่าน่าจะอยู่อันดับ 1 แล้วเวลานี้

ด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งความพร้อมของพรรค และตัวผู้สมัคร สุนทร บุกหนักทั้งงานจัดตั้งแกน งานด้านสื่อ และโครงการสุนทรนอนวัด 21-25 เมษายน ที่เดินเท้าขอคะแนนถึงบ้านตอนกลางวัน ถึงเวลากลางคืนจัดเวทีเสวนาที่วัด เพื่อรับฟังปัญหา ความต้องการของชาวบ้าน และรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำไปเสนอพรรคเพื่อทำนโยบายเชิงพื้นที่ 

ถ้าสุนทรใช้วิชาที่ถนัดแบบเต็มแม๊ก เดินเท้าทุกชุมชน เพื่อขอคะแนนเสียง เปิดเวทีย่อย-เวทีใหญ่ ให้ครบทั้ง 5 อำเภอ 

พรรคภูมิใจไทย มุกดาวรรณ ม้าตีนต้นเริ่มแผ่ว น่าจะมีปัญหาเรื่องท่อน้ำเลี้ยงร่างกายขาดน้ำเกลือ ย่อมอ่อนเพลียเป็นธรรมดา

กล่าวสำหรับเขตนี้ ก็ไม่ควรมองข้าม ‘น้องบีท’ ปุณณ์สิริ บุณยเกียรติ จากประชาธิปัตย์ ลูกสาวชินวรณ์ ก็เชื่อว่า ชิณวรณ์จะต้องออกแรงหนัก เพื่อดันน้องบีทให้แจ้งเกิดทางการเมือง โดย ‘แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ ในฐานะเคยเป็น ส.ส.เขตนี้มาก่อนก็ต้องจับมือ ‘ชิณวรณ์’ ช่วยน้องบีทอีกแรง เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า แต่ต้องแก้ให้ได้กับกระแสไม่เอาประชาธิปัตย์ ไม่เอาการสืบทอดสู่ทายาท เพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่า 

‘มาดามเดียร์’ ช่วย ‘ศิลป์ชัย’ ผู้สมัคร ส.ส.หาเสียงที่นครศรีฯ ขอแรงหนุนจาก ปชช. กลับมาเทคะแนนให้ ‘ปชป.’ ยกจังหวัด

(27 เม.ย. 66) ที่ตลาดอำเภอสิชล น.ส.วทันยา บุนนาค หรือ ‘มาดามเดียร์’ ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย นายชัยชนะ เดชเดโช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 5 (อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอร่อนพิบูลย์ และอำเภอลานสกา) หมายเลข 4 ลงพื้นที่ตลาดอำเภอสิชล ช่วยหาเสียงสนับสนุนให้นายศิลป์ชัย สุนทรมัฏฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 10 (อำเภอขนอม อำเภอสิชล และอำเภอท่าศาลา) หมายเลข 1 ซึ่งได้รับการต้อนรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น และเข้ามาขอถ่ายรูปจำนวนมาก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top