Saturday, 4 May 2024
นครศรีธรรมราช

ภูมิใจไทยเมืองคอน คาดหวังทุกเขตทั้ง 10 เขตเลือกตั้ง หลัง ‘อารี’ นั่งแท่นขุนพล หมายมั่นปั้นมือต้องปักธงให้ได้

แม้เวลาของการหาเสียงเลือกตั้งจะเหลืออยู่เพียง 10 กว่าวัน แต่สำหรับสนามเลือกตั้ง 10 เขต ของนครศรีธรรมราช ถือเป็นสนามหินสำหรับทุกพรรคการเมือง ไม่ใช่สนามหญ้า หรือถนนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ ไม่เว้นแม้แต่พรรคการเมืองเก่าอย่างประชาธิปัตย์ที่เคยยึดครองเมืองคอนมายาวนาน

การเลือกตั้งปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์ได้มีแค่ 4 ที่นั่งจากทั้งหมด 8 ที่นั่ง กล่าวได้ว่า ได้มาแค่ครึ่งเดียว ยกให้พลังประชารัฐไปครึ่งหนึ่ง คือ ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ สายัณห์ ยุติธรรม สัญหพจน์ สุขศรีเมือง และมาได้เพิ่มอีก 1 ในการเลือกตั้งซ่อม แทนเทพไท เสนพงศ์ ที่อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ได้รับเลือกตั้งเข้ามาแทนในครึ่งเทอดหลัง

กล่าวสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ (2566) นครศรีธรรมราชได้ ส.ส.เพิ่มจาก 8 คน เป็น 10 คน แน่นอนว่ามีพรรคการเมืองหลายพรรคหมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องมาแย่งเก้าอี้ตรงนี้ไป และมีหลายพรรคการเมืองหวังว่าจะปักธงในเมืองคอนให้ได้ แน่นอนว่าประชาธิปัตย์ในฐานะเจ้าของพื้นที่เดิมจะต้องรักษาฐานไว้ให้ได้ และทำอย่างไรจะขยายฐานเพิ่มขึ้นจาก 4 เป็น 5 เปึน 6 เป็น 7 หรือมากกว่า

แต่ไม่ง่ายสำหรับสถานการณ์ที่เปราะบาง มีหลายพรรคการเมืองจ้องเข้ามายึดครองแทน ทั้งพลังประชารัฐ, รวมไทยสร้างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคภูมิใจไทย และหรือพรรคก้าวไกล, เพื่อไทย

กล่าวสำหรับพรรคภูมิใจไทย หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องปักธงเมืองคอนให้ได้ โดยเฟ้นหาตัวผู้สมัครฯ จัดจ้านมาลงสนาม และขุนพลที่เข้ามาคุมทัพ คือ ‘อารี ไกรนรา’ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อชาติ ซึ่งถูกวางตัวให้เป็นมือวาง ขุนพลมือหนึ่งเข้ามาคุมยุทธศาสตร์นครศรีธรรมราช ด้วยความเป็นคนทุ่งใหญ่ แห่งตระกูล ‘ไกรนรา’

‘ไกรนรา’ ถือเป็นตระกูลใหญ่ย่านทุ่งใหญ่ ทุ่งสง และด้วยชื่อเสียงของ ‘อารี’ ถือว่าขายได้ ‘อารี’ ก้าวเดินออกจากเพื่อชาติ เดินเข้าสู่ภูมิใจไทย ด้วยเหตุผล คือ ‘ภูมิใจไทย’ คือคำตอบสำหรับคนใต้ ยิ่งมีวลีโดนใจ “พูดแล้วทำ” ยิ่งประทับใจ และภูมิใจในการก้าวเดินไปกับภูมิใจไทย

‘อารี’ คาดหวังว่าในช่วงบั้นปลายของชีวิตในวัย 70 ปี จะได้มีโอกาสกลับมารับใช้แผ่นดินเกิด เคยทำงานเพื่อที่อื่นมาเยอะมากแล้ว วันนี้เวลานี่ขอโอกาสกลับบ้าน มาทำงานเพื่อถิ่นกำเนิด

ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในภูมิใจไทย ‘อารี’ ลุยพื้นที่มา 4 เดือน ดึงทีมงานเก่า-ใหม่ เข้ามาร่วมทีม

10 ผู้สมัครผ่านการคัดเลือก กลั่นกรองแบบ ‘คั้นหัวกะทิ’ มาแล้ว มากความรู้ มากประสบการณ์ พร้อมก้าวเดินรับใช้ชาติ-แผ่นดิน ด้วยลมหายใจของนักการเมืองที่พร้อมจะเสียสละ

“พรรคภูมิใจไทย คาดหวังทุกเขตทั้ง 10 เขตเลือกตั้ง สู้เต็มที่ ส่วนจะแพ้-ชนะ เป็นอำนาจของประชาชน และวันนี้พรรคภูมิใจไทย ถือเป็นคู่แข่งสำคัญในทุกเขตเลือกตั้ง” อารี กล่าว

‘กรณ์’ ชูแนวคิด ‘โอกาสนิยม’ สร้างภูมิให้คนไทยยืนหยัดได้เอง ซัดพรรคใหญ่!! ไม่ใช่ช่วงวิกฤต อย่าเอาภาษีไปแข่งกันแจก

(5 พ.ค. 66) นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมทีมงานเดินทางไปยังอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอคะแนนสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.เขต 6 เบอร์ 12 นายนเรศ เกสรินทร์ (รัตนบุรี) ที่มีคะแนนดีวันดีคืนจากผลสำรวจของพรรคฯ

โดยนายกรณ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ตนเดินสายช่วยผู้สมัครภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ จังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วไปต่อที่จังหวัดพัทลุง จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดชุมพร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้สมัครของเรามีการตอบรับที่ดีทั้งในอันดับที่ 1 และที่ 2 ซึ่งมีคะแนนก็เบียดแบบหายใจรดต้นคอกันประมาณ 5-6 เขต เชื่อว่าผู้สมัครของเราอย่างน้อย 3-5 คนต้องสามารถปักธงชัยที่ภาคใต้ได้อย่างแน่นอน ตนก็มาให้กำลังใจและขอให้เดินหาเสียงอย่างมีความสุข

“ประชาชนตอบรับนโยบายเศรษฐกิจเพื่อปากท้องของเรา พวกเขาสะท้อนว่าอยากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มาดูแลแก้ปัญหาให้กับเขา และค่อนข้างกังวลกับนโยบายประชานิยม โดยเฉพาะกลุ่มผู้เสียภาษี ที่กลัวว่าการจะนำเงินภาษีของเขามาใช้แบบนี้ มันเป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งในส่วนของพรรคชาติพัฒนากล้า เราเน้นสร้างโอกาส เราไม่เน้นลดแลกแจกแถม หรือใช้งบประมาณภาษีแต่อย่างใด การใช้เงินภาษี ผมพูดเสมอว่าทำได้ในยามวิกฤตแต่ในช่วงนี้ สิ่งที่ประชาชนต้องการ คือ ต่อยอดโอกาสในการทำมาค้าขายของเขา ถ้าเป็นเกษตรกร เขาก็อยากเห็นนโยบายที่ทำให้ ราคาพืชผลของเขาสูงขึ้น ทำให้เขามีชีวิตที่มั่นคงด้วยตัวเขาเองมากขึ้น” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าว

ต่อมาในช่วงค่ำ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ขึ้นเวทีปราศรัยที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยกล่าวกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมรับฟังเป็นจำนวนมากว่า พรรคชาติพัฒนากล้า เราไม่เสนอนโยบายประชานิยม เราเป็นพรรคที่ส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า ‘โอกาสนิยม’ คือ สร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชนให้สามารถทำมาหากินได้ แข่งขันได้ มีราคาพืชผลที่ดีได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากภาครัฐ นี่คือสิ่งที่ประชาชนเขาต้องการมากกว่า  และเป็นชุดนโยบายที่เป็นธรรมกับประชาชนที่เป็นผู้เสียภาษีมากกว่า

'สนธิรัตน์' ได้ใจเมืองคอน หลังชู 3 นโยบายเด็ดเสริมแรงผู้สมัครฯ 'เมืองอุตฯ น้ำมันเจ็ต - ดันราคาปาล์ม - แปลง สปก. เป็นโฉนด'

พรรคพลังประชารัฐ เปิดปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายที่หลังสถานีรถไฟชะอวด นครศรีธรรมราช ประกาศนโยบายเด็ด นครศรีฯ เมืองอุตสาหกรรมน้ำมันเจ็ต ใช้น้ำมันปาล์มผลิตน้ำมันเครื่องบิน ย้อนสูตร B-10 ปุ๋ยราคาถูก ดันปาล์มสูงกว่า 10 บาทแน่นอน ด้าน 'อาญาสิทธิ์' ดัน สปก. เป็นโฉนด 

เมื่อวันที่ 10 พ.ค.66 ที่หลังสถานีรถไฟชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เปิดปราศรัยใหญ่ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.เขต 4 นครศรีธรรมราช โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจีรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรคและทีมงานมาช่วยปราศรัย มีชาวบ้านในพื้นที่เดินทางมาฟังการปราศรัยเกอบ 10,000 คน 

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จนมาถึงรมว.พลังงาน มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ในสมัยเป็นรมว.พาณิชย์ ทำได้แค่ราคา 3-4 บาท แต่พอเป็นรมว.พลังงาน นำน้ำมันปาล์มเป็นส่วนผสมบี 10 ราคาปาล์ม จึงขยับเป็นกว่า 10 บาทต่อกิโลกรัม ต่อมาตนไม่ได้ดำรงตำแหน่งนโยบายนี้ ก็ไม่ได้ดำเนินการ ราคาปาล์มจึงลดลงในปัจจุบัน 

"พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่จะช่วยให้พี่น้องชาวสวนปาล์มได้มีโอกาสร่ำรวยอีกครั้ง และเป็นการร่ำรวยที่ยั่งยืน ขอประกาศณ ที่นี้ว่า จะพัฒนาเองนครฯ เป็นนิคมอุตสาหกรรมน้ำมันเจ็ต นำน้ำมันปาล์มมาเป็นส่วนผสมของน้ำมันเครื่องบิน เป็นนโยบายที่ทีมงานคิดค้นขึ้นมา รับประกันว่า ทำได้แน่ เพราะในอนาคตตั๋วเครื่องบินที่เติมน้ำมันสะอาด จะมีราคาถูกกว่า ซึ่งจะทำให้น้ำมนปาล์มไม่เพียงพอแน่นอน เพราะปัจจุบันเราผลิตได้ 3,000 ล้านตัน แต่โรงงานผลิตน้ำมันเครื่องบินเจ็ต จะใช้ปีละเปนหมื่นล้านตัน ราคาปาล์ม จะไม่ต่ำกว่า 10 บาทแน่นอน นโยบายนี้ประกาศที่นครศรีฯ ที่ชะอวดเป็นที่แรก ชาวสวนปาล์ม จะร่ำรวยแน่นอน และจะลดค่าใช้จ่ายโดยมีนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง พลังประชารัฐจะผลักดันปุ๋ยราคาถูก" ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าว 

ขณะที่ด้านนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุรรณ ผู้สมัครส.ส.เขต 4 หมายเลข 6 ได้พูดถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ โดยจะลดค่าครองชีพ ลดราคาก๊าซหุงต้ม ลดราคาน้ำมัน ลดค่าไฟฟ้า และจะเพิ่มสวัสดิการแห่งรัฐ สวัสดิการผู้สูงอายุ 3,000-5,000 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ จะมีสวัสดิการ แม่ท้องแก่ เด็กแรกเกิด เป็นสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐจะช่วยเหลือพี่น้องผู้ด้อยโอกาส เป็นนโยบายที่พรรคเน้นสร้างคนให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของชาติ

"พรรคมีนโยบายที่จะสร้างที่ดินทำกินที่ยั่งยืนให้พี่น้องเกษตรกร โดยจะแปลงเอกสารสิทธิ์ที่ดินสปก.4-01 เป็นโฉนด ขายได้ จำนองได้ แปลงเป็นทุนได้ พี่น้องจะได้หลุดพ้นเงื่อนไขเดิมๆ จะได้มีฐานะมีอาชีพและฐานะที่มั่นคง" นายอาญาสิทธิ์ กล่าว 

"จากที่เห็นพี่น้องมาฟังการปราศรัยในวันนี้ มีความมั่นใจว่า จะสามารถปักธงพลังประชารัฐ ที่เขต 4 นครศรีธรรมราชอีกครั้ง" อาญาสิทธิ์ กล่าว

เวลาเปลี่ยน เมืองไทยเปลี่ยน: จัดรูปที่ดิน เพื่อการพัฒนาพื้นที่ เมืองนครศรีธรรมราช

จัดรูปที่ดิน เพื่อการพัฒนาพื้นที่ เมืองนครศรีธรรมราช เปิดที่ดินตาบอดใจกลางเมืองด้วยความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่ วางรูปที่ดินใหม่ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ติดถนนทุกราย ก่อสร้างถนนตามผังเมืองใหม่ ไม่ต้องเสียเงินเวนคืน

‘ษฐา-มุกดาวรรณ’ ภท. ได้ใจคนเมืองคอนเขต 7-8 โค่น 2 พ่อลูก ‘ชินวรณ์-ปุณณสิริ’ กอดคอกันสอบตก

ผลการเลือกตั้งนครศรีธรรมราชน่าสนใจยิ่ง เมื่อ ‘ชินวรณ์ บุณยเกียรติ์’ อดีต ส.ส. 9 สมัย ของพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ถูกโค่นลงไม่เป็นท่า จากหน้าใหม่ทางการเมือง ‘ษฐา ขาวขำ’ อดีตนายอำเภอ ที่ลงสมัครในนามพรรคภูมิใจไทย เขตทุ่งใหญ่ บางขัน ถ้ำพรรณรา ชนกับ ‘ชินวรณ์’

เป็นผลการเลือกตั้งที่พลิกเกินความคาดหมาย เพราะไม่คิดว่าจะมีใครโค่นชินวรณ์ลงได้ แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่า การเมืองเป็นเรื่องไม่แน่นอนจริง ๆ เมื่อประชาชนต้องการเปลี่ยนประชามติผ่านการลงคะแนนเสียง คือประชาธิปไตยที่เมื่อถึงเวลาประชาชนจะเป็นใหญ่ และผลประโยชน์ของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่นักการเมืองจะต้องยึดถือปฏิบัติ ถ้าใครขาด-ห่างหายไปจากประชาชน ประชาชนก็จะตัดสินชี้ขาดเอง

ไม่ใช่แค่ชินวรณ์ เพราะลูกสาว ‘น้องบีท-ปุณณสิริ บุณยเกียรติ์’ ที่ถูกส่งลงเขต 8 ฉวาง ช้างกลาง ในนามพรรคประชาธิปัตย์ ก็กอดคอพ่อสอบตกเช่นเดียวกัน จะอ้างกระแสก้าวไกลก็ไม่ได้ เพราะทั้งสองเขตถูกโค่นโดย ‘ภูมิใจไทย’ 

โดยเขต 8 มุกดาวรรณ เลื่องสีนิล เอาชนะน้องบีทไปได้ ซึ่งมุกดาวรรณ เคยลงสมัครมาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2562 ในนามพรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนนมา 18,000 กว่าคะแนน อยู่ในลำดับ ‘เกือบได้’ แต่คราวนี้มุกดาวรรณไม่พลาด ได้รับการชูมือให้เดินเข้าสภา ทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเต็มภาคภูมิใจ

กล่าวถึงการล้มช้างทางการเมือง เมื่อการเลือกตั้งปี 2562 นครศรีธรรมราชก็มีศึกล่มช้างเกิดขึ้นเหมือนกัน ในเขตเลือกตั้งที่ 2 หัวไทร-ปากพนัง-เชียรใหญ่ เมื่อ ‘สัญหพจน์ สุขศรีเมือง’ หน้าใหม่ทางการเมืองเหมือนกัน ลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ ผลการเลือกตั้งสัญหพจน์ ชนะ ‘น้อย-วิทยา แก้วภารดัย’ อดีต ส.ส. 8 สมัยของพรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเฉยเลย

สัญหพจน์เองก็ยังมึน ๆ ว่าชนะได้อย่างไร แต่มาคราวนี้สัญหพจน์ก้าวพลาด ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐเหมือนเดิม แต่สัญหพจน์ กลับพลาดให้กับ ‘โกเท่ห์-พิทักษ์เดช เดชเดโช’ จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเขาเป็นลูกชายของ ‘กนกพร เดชเดโช’ นายกฯ อบจ.นครศรีธรรมราช และเป็นน้องชายของ’แทน-ชัยชนะ เดชเดโช’ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และ ส.ส.เขต 5 นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์

นี้เป็นอีกบริบทหนึ่งที่เป็นบทเรียนสำหรับนักการเมือง ที่ต้องทำงานใกล้ชิดประชาชน ทำงานสนองตอบต่อความต้องการของพี่น้องประชาชน ภาคใต้กรอบของกฎหมาย แต่ถ้าวันหนึ่งวันใดนักการเมืองห่างหายไปจากประชาชน ถึงวันนั้นประชาชนจะพิพากษาเองว่าจะให้คนคนนั้นอยู่ในสถานะอะไร

เรื่อง: นายหัวไทร

‘สุธรรม’ ขอบคุณชาวนครศรีฯ ให้โอกาสทำหน้าที่ ส.ส. พร้อมเร่งลงพื้นที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีแก่ ปชช.

(24 พ.ค. 66) นายสุธรรม จริตงาม ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 6 เปิดเผยว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้เสียงสนับสนุนในการได้รับเลือกตั้งในพื้นที่เขต 6 ซึ่งตนได้ทำงานกับประชาชนมาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีทีผ่านมา ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น ทั้งนโยบายของพรรค และการเข้าถึงพื้นที่ของตนเอง จนสามารถรับรู้ปัญหาของพี่น้องประชาชน ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้เป็นที่ว่าที่ ส.ส.หน้าใหม่ของจังหวัด โดยตนจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี โดยมีเป้าหมายทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดีขึ้น

“ตำแหน่งที่ผมได้รับมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ผมพร้อมจะทำงานอย่างเต็มที่ และเต็มกำลัง เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม หรือเกิดการเปลี่ยนแปลง ภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปีให้เป็นผลสำเร็จ” นายสุธรรม กล่าว

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ปัญหาส่วนใหญ่ของประชาชนในพื้นที่มีความหลากหลาย ทั้งเรื่องปากท้อง ค่าครองชีพ ราคาสินค้าเกษตร ที่ได้รับผลกระทบในภาพรวม จำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบางเรื่องจะเป็นเรื่องที่ยาก และเกี่ยวข้องหลายภาคส่วน ในฐานะ ส.ส.ตนจะทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงและประสานงานให้ดีที่สุดเพื่อให้พี่น้องได้รับการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

‘ธรรมนัส’ เคลียร์ใจ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีฯ ‘พปชร.’ ปมท่อน้ำเลี้ยงตัน ยัน!! ไร้ปัญหาคาใจ พร้อมร่วมงานกันต่อ

(29 พ.ค. 66) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่ ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวกรณีนายคมเดช มัชฌิมวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมแทนอดีตผู้สมัคร ส.ส. ประมาณ 20 คน โดยทวงถามเงินค่าใช้จ่ายหลังเลือกตั้งว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค เพื่อพูดคุยทำความเข้าใจกับกลุ่มอดีตผู้สมัคร ส.ส. และเข้าใจกันดีแล้ว ทราบว่าปัญหาเกิดจากการประสานงานเข้าใจกันคลาดเคลื่อน ในเรื่องการปฎิบัติงานต่างๆ ในพื้นที่ จากนี้จะร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หลังพูดคุยกับอดีตผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนยืนยันยังเคารพ รัก และเชื่อมั่นในตัวพล.อ.ประวิตร อย่างเหนียวแน่นและพร้อมทำงานกับพรรค เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่อไปในทุกเรื่องที่ทำได้ และจะไปทำความเข้าใจกับอดีตผู้สมัคร ส.ส.คนอื่น ที่ไม่ได้มาพูดคุยวันนี้ เพื่อให้เข้าใจว่าพรรค จะแก้ปัญหาและให้ความเป็นธรรมแน่นอน

ด้านนายคมเดช กล่าวว่า จากการพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส ทุกคนเข้าใจกันดี จากนี้จะรอการประสานงานเพื่อแก้ปัญหาร่วมกับผู้ใหญ่ในพรรคตามขั้นตอน โดย ร.อ.ธรรมนัส จะนำเรื่องไปรายงานหัวหน้าพรรค จากนั้นจะนัดหมายทำความเข้าใจ และหารือแก้ปัญหาต่อไป

ตนและกลุ่มอดีตผู้สมัคร ส.ส.ยืนยันกับ ร.อ.ธรรมนัส ว่าเรายังเคารพรักและเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประวิตร เสมอและตลอดไป เราไม่ต้องการทำลายพรรค และยังยืนยันจะทำงานร่วมกับพรรค เพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่อไปแน่นอน

เปิดโมเมนต์อบอุ่นหัวใจ พ่อแม่จัดงานแต่ง พร้อมลูก  เจ้าสาวถือไมค์อวยพรให้ ในที่สุดคำสัญญาของพ่อ ก็เป็นจริง

กลายเป็นคลิปที่สร้างความประทับใจให้กับคนบนโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก หลังจากผู้ใช้ TikTok ชื่อบัญชี @mcringring หรือ Mc แหวน พิธีกรนครศรีธรรมราช ได้โพสต์คลิปงานแต่งงานหนึ่งที่แตกต่างจากงานทั่วไป เพราะจัดขึ้นพร้อมกัน 2 คู่ แถมยังเป็นการแต่งงานพร้อมกันของคู่พ่อแม่และลูกสาว
ในคลิปลูกสาวที่เป็นเจ้าสาวเหมือนกัน กำลังอวยพรให้พ่อแม่ทั้งน้ำตา โดยเธอเล่าว่า เธอภูมิใจที่เกิดมาเป็นลูกของพ่อแม่ และรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีพ่อแม่แบบนี้ ทั้งสองคนไม่เคยหมดหวังในตัวของตนเองเลย รัก ดูแล และให้ทุกอย่าง

เจ้าสาวบอกอีกว่า วันนี้ดีใจที่ทำความฝันของแม่ให้เป็นจริง พร้อมพูดแบบขำๆ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการแย่งซีนกันอย่างใด เพราะชุดแต่งงานของพ่อกับแม่อลังการกว่าอีก
และในที่สุดเธอก็ได้ทำตามความฝันของแม่ให้เป็นจริง คือได้ใส่ชุดเจ้าสาวสักที เพราะสมัยเด็กๆ ได้ยินพ่อสัญญากับแม่ไว้ ว่าจะเข้าพิธีแต่งงานเหมือนกับคู่อื่นๆ หลังจากพ่อแม่อยู่กินกันมานานถึง 30 ปี

'ในหลวง' ทรงช่วยเด็กชาย 9 ขวบเมืองคอน หลังถวายฎีกาขอพระเมตตาซ่อมแซมบ้าน

เมื่อวานนี้ (3 ส.ค. 66) นายโสภณ พรหมแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ช่าง เดินทางไปตรวจความคืบหน้าการซ่อมแซมเปลี่ยนซ่อมหลังคาบ้านให้ใหม่ ที่บ้านเลขที่ 180 หมู่ 9 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ภายหลัง ด.ช.ธีธัช ทองเพชร อายุ 10 ปี นักเรียน ชั้น ป.4 โรงเรียนบ้านคดศอก ต.ขุนทะเล ซึ่งอาศัยอยู่บ้านเลขที่ดังกล่าวได้เขียนจดหมายถวายฎีกาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีข้อความลงวันที่ 4 เม.ย 2566 ว่า 

"กระผมชื่อ ด.ช.ธีธัช ทองเพชร อายุ 9 ปี 7 เดือน อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 180 หมู่ 9 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช มีความจำเป็นเกี่ยวกับบ้านของกระผม บ้านของกระผมปลวกกินไม้ กระผมนอนตอนกลางคืนกลัวไม้จะหล่นใส่หัวของกระผมวันไหน กระผมหารู้ไม่ กระผมเขียนหนังสือขอความช่วยเหลือจากพระองค์ท่าน ร.10 กระผมไม่มีแม่ ซึ่งแม่กระผมเสียชีวิตแล้ว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2561 ด้วยเนื้องอกในสมอง ตอนนี้กระผมอยู่กับป้า กระผมไม่มีเงินซ่อมแซมบ้าน ขอให้พระองค์ท่านทรงเมตตาเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างกระผมด้วย...."

ต่อมาสำนักงานองคมนตรี ได้มีหนังสือลงวันที่ 4 พ.ค. 2566 ถึง ผวจ.นครศรีธรรมราช กรณี ด.ช.ธีธัช ทองเพชร อยู่บ้านเลขที่ 180 หมู่ 9 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาถึง กรณีบ้านพักอาศัยหลังคาบ้าน ที่ทำจากไม้และมีสภาพทรุดโทรมเกรงว่า จะเกิดอันตรายกับครอบครัวของ ด.ช.ธีธัช มีความประสงค์ขอพระราชทานความช่วยเหลือเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยจึงขอพระมหากรุณาเป็นที่พึ่งดังกล่าว

ล่าสุด จังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งการเทศบาลตำบลขุนทะเล ดำเนินการช่วยเหลือเบื้องต้นแล้วโดยทาง นายโสภณ พรหมแก้ว นายกเทศมนตรีตำบลขุนทะเล ลงพื้นที่สำรวจ ซ่อมทันที โดยให้เจ้าหน้าที่ช่าง ดำเนินการรื้อหลังคาไม้ทั้งหมดออกแล้วเปลี่ยนเป็นหลังคาเหล็กที่มั่นคงถาวร โดยใช้งบประมาณซ่อมแซมกว่า 6 หมื่นบาท คาดว่าจะเสร็จภายใน 1 อาทิตย์ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ ด.ช.ธีธัช ซึ่งอาศัยอยู่กับป้า สร้างความปลาบปลื้มปิติดีใจให้กับ ด.ช.ธีธัช และนางพรทิพย์ อัฐพร อายุ 54 ปี ผู้เป็นป้า ในความเมตตาของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทรงมีเมตตาสั่งซ่อมหลังคาบ้านในครั้งนี้

'นครศรีฯ' วิกฤติ!! หลังไฟไหม้ 'ป่าพรุควนเคร็ง' ยังลุกลามอยู่ 'กินวงกว้าง-ไหม้มา 2 สัปดาห์' นายกฯ ยันผู้ว่าฯ ไม่ผ่านมาสักคน

นำเรียนไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ฯ กรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช มาแล้วสองอาทิตย์ ยังไม่สามารถควบคุมได้ ไฟป่ายังลุกโชนอยู่ และลุกลามกินวงกว้างออกไปเรื่อย เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าทำงานกันอย่างหนัก เมื่อคืนก็ทำงานกันทั้งคืน

ไม่เห็นความตื่นตัวของผู้หลักผู้ใหญ่เข้าไปสั่งการ ดูแล เห็นมีเพียง 'นริศ ขำนุรักษ์' รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยที่ลงไปดูแลมาครั้งหนึ่ง นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ฯ ผู้ว่าราชการจังหวัด ไม่เห็นหน้าเห็นตา หรือทำงานรอเกษียณอย่างเดียว 

ปีนี้แม้จะมีฝนตกลงมาบ่อยในภาคใต้ แต่เป็นการตกแบบแป๊บๆ ยังไม่มีน้ำเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงป่าพรุ เมื่อเกิดไฟไหม้จะเกิดจากอะไรก็ตาม จึงอยู่ในภาวะที่ควบคุมยาก เพราะสภาพความแห้งแล้ง

รัฐมนตรีกระทรวงทรัพย์ฯ ทราบแล้วขยับตัวด้วย อย่ามัวแต่ต่อรอตำแหน่งรัฐมนตรีกับรัฐบาลใหม่จนลืมภารกิจหลัก หรือว่ารอขยับก้นไปกระทรวงพาณิชย์ จึงไม่สนใจภารกิจที่เคยพล่ำบ่นว่า “รักสิ่งแวดล้อม”

นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เหมือนกัน ตอนหาเสียงลงไปนครศรีธรรมราช 2-3 รอบ พล่ำบนรักคนใต้ รักคนนครฯ แต่ตอนนี้ไฟไหม้ป่าพรุเงียบกริบ หรือคิดว่าส่งมอบภารกิจให้เศรษฐา ทวีสิน ไปแล้ว

ข้อเท็จจริง แม้ เศรษฐา จะได้รับโหวตเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี และโปรดเกล้าลงมาแล้ว แต่ยังทำหน้าที่ไม่ได้ เนื่องจากยังต้องรอเข้าไปถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง ภารกิจจึงยังอยู่ที่ 'ลุงตู่-ประยุทธ์ จันทร์โอชา' นะจ๊ะ

เวลานี้ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในพื้นที่ทำงานกันไป ฝ่ายนโยบายไม่มีใครสนใจ ไม่รู้ว่ามีกำลังพลเพียงพอไหม อุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือพอหรือเปล่า อย่าปล่อยให้เขาทำงานเพียงลำพัง โดดเดี่ยวเลยครับ ผู้ว่าราชการจังหวัดคนพื้นที่ ใกล้ที่เกิดเหตุพลิกตัวบ้างก็จะดีครับ

ป่าพรุควนเคร็ง เป็นป่าพรุเสม็ดขาวเกือบจะเป็นแหล่งสุดท้ายของประเทศไทยแล้ว จะมีอยู่ก็ที่ป่าพรุโต๊ะแดง นราธิวาส รัฐบาลควรจะสำนักอนุรักษ์ป่าพรุควนเคร็งเอาไว้ให้เป็นมรดกของลูกหลาน

ป่าพรุควนเคร็งนอกจากจะเป็นพรุเสม็ดขาวแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมของสัตว์ปีก สัตว์เลื่อยคลาย นก ปลา นานาชนิด เป็นแหล่งอาหารของคนนครศรีธรรมราช รัฐบาลไม่ควรปล่อยให้มีสภาพเป็นเช่นปัจจุบัน ขาดการเอาใจใส่ดูแลจริงจัง ไฟไหม้เกือบทุกปี โดยไม่มีวิธีในการป้องกัน แค่ทำแนวกันไฟคงจะไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องแล้ว ต้องสุมหัวกันคิดใหม่ว่าจะป้องกันอย่างไร แลคิดหาวิธีฟื้นระบบนิเวศของป่าพรุขึ้นมาใหม่

ผมเอง #นายหัวไทร ในฐานะคนนครศรีธรรมราช คนป่าพรุมาก่อน ก็ไม่ใช่แค่ตำหนิคนอื่น ไม่ทำอะไร นำเรียนว่า ผมและทีมงานทำโครงการลำพันคืนถิ่น จัดหาและปล่อยปลาดุกลำพันคืนป่าพรุมาแล้ว 6 ครั้ง เพื่อให้ป่าพรุเป็นคลังอาหารของคนนครศรีธรรมราช และกำลังจัดหาทุนปล่อยปลาดุกลำพันคืนป่าพรุควนเคร็งครั้งที่ 7 ต่อไป

อีกโครงการที่จะทำเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศของป่าพรุควนเคร็ง คือการจัดทำโครงการปลูกจาก 'โครงการหิ้วชั้น แบกจอบ ไปปลูกจาก' ปีที่แล้วปลูกไป 4500 ต้น ปีนี้เรากำลังจัดหาทุน 'หิ้วชั้น แบกจอบ ไปปลูกจาก ปี 2' ประมาณการว่าจะปลูกวันที่ 3 ธันวาคม 2566 ที่จะถึงนี้ มีงบประมาณตั้งต้นจากมูลนิธิร่วมพัฒนาภาคใต้ แล้ว 30,000 บาท แต่ต้องใช้งบ 100,000 บาท ใครมีจิตศรัทธา จิตเป็นกุศลก็ร่วมบุญกันได้ครับ จะปลูกไล่เลี่ยกับช่วงปล่อยปลาดุกลำพันนะครับ

แต่เบื้องต้นนี้ทุกองคาพยพควรจะช่วยกัน ร่วมแรงร่วมใจดับไฟป่าพรุควนเคร็งก่อน เวลานี้หมอกควันจากไฟไหม้ป่า เริ่มกระทบต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้านแล้ว และกระทบไปถึงตำบลแหลม อ.หัวไทร แล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top