Monday, 27 May 2024
ธนาธร

‘ธนาธร’ ปราศรัยร้อยเอ็ด ชู น้ำประปาดื่มได้-รถเมล์ไฟฟ้า ขอโอกาส ปชช. กา ‘ก้าวไกล’ นำพาความเจริญสู่ประเทศ

(30 มี.ค. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลุยหาเสียงเวทีปราศรัยย่อยทั่วจังหวัดร้อยเอ็ด ขอโอกาสเลือกพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล นำพาความเจริญก้าวหน้าสู่สังคมไทย ไปสร้างประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย

โดยในระหว่างการหาเสียง นายธนาธรได้ยกบทเรียนจากไต้หวัน ว่าเมื่อ 45 ปีก่อน รายได้คนไทยกับคนไต้หวันใกล้เคียงกัน แต่ผ่านมา 45 ปี คนไต้หวันรวยกว่าคนไทย 5 เท่า อะไรทำให้เป็นเช่นนั้น หากเรียนรู้จากไต้หวันหรือญี่ปุ่น จะเห็นคำตอบว่าเทคโนโลยีคือคำตอบ

“ลูกหลานคนอีสานที่ไปทำงานที่ระยอง ทั้งหมดเป็นบริษัทต่างชาติ แต่ไม่มีเทคโนโลยีของคนไทยเลย เมื่อไม่มีเทคโนโลยีของตัวเองก็แข่งขันไม่ได้ ดังนั้น เราต้องลงทุนในเทคโนโลยี อุตสาหกรรม เพื่อสร้างงาน สร้างสินค้า และเอาส่วนแบ่งจากตลาดโลกมาให้คนไทย” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร เสนอบทเรียนจากเทศบาลตำบลอาจสามารถ ในฐานะความสำเร็จในการสร้างน้ำประปาดื่มได้ เพื่อย้ำว่า คณะก้าวหน้าไม่ได้ทำได้แค่น้ำประปาที่ใสสะอาด แต่เป็นน้ำประปาดื่มได้ ทั้งหมด วัดค่าเป็นวิทยาศาสตร์ และการจะควบคุมคุณภาพของน้ำประปาได้ ต้องมีเซนเซอร์และสมาร์ทมิเตอร์ ไม่จำเป็นต้องมีคนจดค่ามิเตอร์ แต่ส่งข้อมูลประมวลผลด้วยระบบดิจิทัล เพื่อให้สามารถสร้างอุตสาหกรรมน้ำประปาสะอาดขึ้นมาได้ ให้คนไทยกว่า 66 ล้านคน ไม่ว่าจะเกิดที่จังหวัดไหน มีสิทธิใช้น้ำประปาสะอาดเท่าเทียมกัน หากสร้างอุตสาหกรรมน้ำประปาดื่มได้ จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 1 แสนล้านบาท

นายธนาธร กล่าวอีกว่า พรรคก้าวไกลยังมีนโยบายสร้างอุตสาหกรรมรถเมล์ไฟฟ้า ที่คิดค้นด้วยวิศวกรคนไทย เพื่อทำให้ขนส่งสาธารณะเป็นทางเลือกของการเดินทางของคนไทยมากขึ้น ลดปัญหารถติด ค่าใช้จ่าย ฝุ่นควัน ฯลฯ ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย หากใช้รถเมล์ไฟฟ้าเชื่อมโยงสถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยว จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ทำให้เดินทางเข้าถึงสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และช่วยสร้างงานที่มีคุณภาพให้ลูกหลาน กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

นายธนาธร ทิ้งท้ายด้วยการขอโอกาสจากประชาชนให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล โดยกล่าวว่า หากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เพียงครั้งเดียวเท่านั้น เชื่อว่าจะนำความก้าวหน้ามาให้สังคมไทย และสิ่งเหล่านี้เป็นภารกิจที่จะส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ในการสร้างสังคมที่ดีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นเวลาของความทะเยอทะยาน ที่ต้องกล้าคิด กล้าทำ เพราะหากทำแบบเดิม ก็ได้เช่นเดิม

'ธนาธร’ ขอคะแนน 'โคราช-เพชรบูรณ์' ส่ง ‘ก้าวไกล’ เป็นรัฐบาล ยาหอม!! ทำงานคุ้มค่าภาษีประชาชนแบบตรงไปตรงมา

(1 เม.ย.66) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อช่วยหาเสียงให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล 

โดยเมื่อวานนี้ (31 มีนาคม) ธนาธรเดินตลาดใหม่แม่กิมเฮง ร่วมกับ ฉัตร สุภัทรวณิชย์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. นครราชสีมา เขต 1 ระหว่างพูดคุยพบปะชาวโคราช มีประชาชนกลุ่มหนึ่งเข้ามาถามนโยบายของพรรคก้าวไกล ว่าจะตัดลดบำนาญข้าราชบำนาญหรือไม่ ซึ่งธนาธรตอบคำถามอย่างชัดเจนว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ จากที่ตนติดตาม พรรคก้าวไกลได้ยืนยันอย่างหนักแน่นแล้วหลายครั้ง ว่าไม่มีและไม่เคยมีนโยบายลดเงินเดือนหรือบำนาญของข้าราชการ สิ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอคือให้ลดงบประจำ ที่ไม่ใช่เงินเดือนของข้าราชการ เช่น การไปดูงานเมืองนอก โครงการอบรมสัมมนา โครงการที่ซ้ำซ้อน ดังนั้น ข้าราชการบำนาญทุกคนวางใจเรื่องนี้ได้

จากนั้นธนาธร เดินทางไปยังตลาดไนท์ขามทะเลสอ ช่วยหาเสียง พ.ต.ท.อัครพงษ์ วรรณพงษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 4 มีพี่น้องประชาชนและพ่อค้าแม่ขายให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดยธนาธรปราศรัยกลางตลาดว่า ขอแลกคะแนนเสียงพี่น้องประชาชนกับความสามารถในการทำงานของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ตนในฐานะผู้ช่วยหาเสียง มั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะทำงานคุ้มค่ากับทุกคะแนนที่พี่น้องประชาชนมอบให้ จะทำงานอย่างตรงไปตรงมา และพร้อมแก้ไขปัญหาของประเทศที่ต้นตอ หากใครมีภาพประเทศไทยที่อยากเห็นเหมือนกับพรรคก้าวไกล ต้องขอแรงให้ช่วยกันเพิ่มคะแนนเสียงแห่งความเปลี่ยนแปลง ช่วยกันบอกพ่อแม่พี่น้อง เพื่อน คนข้างบ้าน อธิบายว่าพรรคก้าวไกลจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีขึ้นอย่างไร

สำหรับรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา พรรคก้าวไกล ทั้ง 16 เขต ประกอบด้วย...
เขต 1 ฉัตร สุภัทรวณิชย์
เขต 2 ปิยชาติ รุจิพรวศิน
เขต 3 ศุทธสิทธิ์ พจน์ฐศักดิ์
เขต 4 พ.ต.ท.อัครพงษ์ วรรณพงษ์
เขต 5 เสนีย์ หาญศรี
เขต 6 สามารถ ธนกุลชัยสุข
เขต 7 อุดม เพชรอ่อน
เขต 8 กำพล แจ่มศรี
เขต 9 สมศักดิ์ บุญเสริฐ
เขต 10 วุฒิศักดิ์ พิมพ์พิสาร
เขต 11 ณฐพงศ์ สอบกิ่ง
เขต 12 ชรินทร์ ทำดี
เขต 13 ศุภวัฒน์ พันธ์นัทธีร์
เขต 14 ดร.สาธิต ปิติวรา
เขต 15 พัชริดา กีรตินพดล
เขต 16 กรฉัตรชัย นาสมใจ

ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน 2566 ธนาธร เดินทางถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมปราศรัยช่วยหาเสียงให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ที่สวนสาธารณะเพชบุระ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยมีพี่น้องประชาชนร่วมรับฟังอย่างอบอุ่น

‘ธนาธร’ ลั่น!! เลือกก้าวไกล ทำงานได้จริง ชี้ หาก 4 ปีไร้ผลงาน เทใจพรรคอื่นได้เลย

ประกาศขอ ปชช.เลือกคนที่ทำงานได้จริง ทำเพื่อประชาชน หาก 4 ปีในสภาฯ บอกหาก ‘ก้าวไกล’ ไม่มีผลงานให้เห็น เปลี่ยนใจเลือกพรรคอื่นได้ ย้ำพรรคเป็นประชาธิปไตยแน่นอน

(7 เม.ย. 66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าหน้า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์, นางสาวรัชนก ศรีนอก, นายปูอัด ไชยยามพวาน ผู้สมัคร ส.ส.ฝั่งธนบุรี ลงพื้นที่หาเสียงภายในซอยโรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา มาจนถึงห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีพระราม 2

หลังลงพื้นที่หาเสียงแล้ว นายธนาธรพร้อมผู้สมัคร ส.ส.ได้ปราศรัยย่อย บริเวณตลาดนัดหน้าบิ๊กซีพระราม 2 โดยย้ำถึงจุดยืนของพรรคก้าวไกล ว่ามีความพร้อมมากกว่าพรรคอนาคตใหม่ เมื่อปี 2562 เพราะ ส.ส.ทุกคนมีคุณภาพ ทำงานเรียนรู้และมีประสบการณ์มาตลอดระยะเวลา 4 ปีในสภาผู้แทนราษฎร มั่นใจจะทำงานตอบโจทย์แก้ปัญหาประชาชนได้ดีกว่าอดีตพรรคอนาคตใหม่ปี 2562 จึงอย่าปล่อยให้ ส.ส.มีคุณภาพหลุดมือไม่ได้รับใช้ประชาชน ‘พวกเราก้าวไกล พร้อมรับใช้ประชาชน’

ขณะที่หลังการลงพื้นที่หาเสียง และปราศรัยย่อยเสร็จสิ้นแล้ว มีประชาชนเดินเข้ามาหานายธนาธร พร้อมยื่นสลากกินแบ่งรัฐบาล 1 ใบ ที่ใบเลขท้ายตรงกับหมายเลขพรรคก้าวไกล คือ เลข 31 และบอกนายธนาธร ว่า หากถูกรางวัลที่ 1 ให้นำเงินไปขึ้นได้ทันที พร้อมสะท้อนเรื่องการประกอบอาชีพของเด็กจบใหม่ว่า สร้างตัวว่ายากแล้ว มีกินมีใช้ไปวัน ๆ ยังยากเลย หางานไม่ยากแต่หาเงินใช้รายวันยากกว่า บางเดือนรายได้รายรับลดลง รายจ่ายกลับสวนทาง

‘ธนาธร’ บุกกรุงเทพฯ อวดโฉมผู้สมัคร ส.ส ก้าวไกล 7 เขตรวด เชื่อ ‘ก้าวไกล-พท.’ สามารถนำพาประเทศสู่ความเป็นประชาธิปไตย

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมหาเสียงกับพรรคก้าวไกลในเขตกรุงเทพมหานคร โดยเริ่มต้นแต่เช้าตรู่ที่ย่านฝั่งธนบุรี แนะนำผู้สมัคร ส.ส. ซึ่งประกอบด้วย น.ส.แอนศิริ วลัยกนก เขต 25 ทุ่งครุ-ราษฎร์บูรณะ (เบอร์ 9), นายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ เขต 26 บางขุนเทียน-จอมทอง (เบอร์ 11), นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ เขต 27 บางบอน-บางขุนเทียน (เบอร์ 1) และ น.ส.รัชนก ศรีนอก เขต 28 จอมทอง-บางบอน-หนองแขม (เบอร์ 4) เดินพบปะประชาชนที่ตลาดและชุมชนซอยโรงเรียนบางขุนเทียนศึกษา และขึ้นรถแห่ร่วมหาเสียงจนถึงจากบางขุนเทียนไปจนถึงสุขสวัสดิ์

ก่อนข้ามฟากจากฝั่งธนบุรี มายังเขตห้วยขวางที่ตลาดเมืองไทยภัทร และตลาดห้วยขวาง หาเสียงช่วย แรมโบ้ นายกันตพณ ดวงอำพร เขต 6 พญาไท-ดินแดง (เบอร์ 3) และ นายเฉลิมชัย กุลาเลิศ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 ห้วยขวาง-วังทองหลาง (เบอร์ 12) ก่อนปิดท้ายการหาเสียงของวันนี้ ที่เขตลาดกระบัง ร่วมกับ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 18 หนองจอก-ลาดกระบัง-มีนบุรี (เบอร์ 8) ที่ตลาด V-Market โดยการหาเสียงของพรรคก้าวไกลในพื้นที่กรุงเทพมหานครวันนี้ ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างอบอุ่น มีประชาชนเข้ามาพูดคุย ให้กำลังใจ และขอถ่ายรูปด้วยเป็นจำนวนมาก

ระหว่างการร่วมหาเสียง สื่อมวลชนที่มาติดตามได้ถามคำถามต่อนายธนาธร ถึงสถานการณ์ทั่วไปในทางการเมืองและการเลือกตั้ง โดยเบื้องต้นได้สอบถามถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ ว่าไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งนายธนาธรระบุว่า การแบ่งเขตเช่นนี้ กำลังนำมาซึ่งความสับสนต่อทั้งประชาชนและพรรคการเมือง แต่ไม่ว่ากติกาจะเป็นแบบไหน ตนเชื่อว่าพรรคก้าวไกลก็พร้อมสู้ และเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวกรุงเทพมหานคร เพราะผลงาน 4 ปีในสภาฯ เป็นที่พิสูจน์แล้วว่าพรรคก้าวไกลทำงานอย่างมุ่งมั่นคุ้มค่าภาษีประชาชน โดยต่อจากนี้ ทั้งพรรคก้าวไกลและตนจะใช้อีก 40 วันที่เหลือในการทำงานให้หนัก ให้พี่น้องประชาชนเห็นถึงความตั้งใจที่เรามีร่วมกัน

นายธนาธรยังได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีการออกแบบนโยบายด้านปากท้องทึ่แตกต่างกันไปของแต่ละพรรคการเมือง โดยระบุว่า จากวิกฤตที่ผ่านมาทั้งในทางเศรษฐกิจและการเมือง ทำให้วันนี้คนไทยอ่อนแอลงมาก ประเทศไทยจะเข้มแข็งไม่ได้เลยถ้าประเทศไทยและคนไทยยังมีหนี้ครัวเรือนที่สูงขนาดนี้ ถ้าคนไทยยังต้องทนปากกัดตีนถีบใช้ชีวิตไปวันต่อวัน วางแผนชีวิตไม่ได้ ไม่มีความมั่นคงในชีวิตต่อยอดไม่ได้ เพื่อออกจากสภาวะแบบนี้ ประเทศไทยต้องมีรัฐสวัสดิการที่ยั่งยืนเพื่อให้ประชาชนมั่นคง มีความต่อเนื่องของนโยบาย เพื่อที่จะทำให้ประชาชนสามารถ วางแผนชีวิตตัวเองและต่อยอดการทำมาหากินได้

‘ธนาธร’ ซัด ‘สุชาติ’ หลังเคลมว่างงานลดลงเป็นผลงานรัฐบาล อัดนักการเมือง ถูก ปชช.เลือกมาแท้ๆ แต่ไม่เคารพประชาธิปไตย

เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 66 ระหว่างการประชันวิสัยทัศน์ระหว่างตัวแทนพรรคการเมือง 8 พรรค ในรายการสด ‘DEBATE ประเทศไทย เปิดเวทีภาคตะวันออก’ โดยสำนักข่าว Nation ในช่วงหนึ่ง สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และตัวแทนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้กล่าวถึงผลงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยระบุว่าช่วงที่เกิดโควิด รัฐบาลได้เป็นผู้ประคับประคองอุตสาหกรรมส่งออกและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว จนสถานการณ์เศรษฐกิจอยู่ในการควบคุม

ทำให้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภายานยนต์แห่งประเทศไทยได้ตกลงโบนัสพนักงานในระดับที่น่าพอใจ เช่น อิซุสุ ให้ 8.5 เท่า บวกเงินอีก 3.5 หมื่นบาท โตโยต้า ให้ 7.5 เท่าบวกเงินอีก 3.8 หมื่นบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ เกิดจากโครงการ Factory Sandbox ที่ตรวจโควิดฟรี เช่าโรงแรมให้กักตัว ฉีดวัคซีนให้หมด 100% และห้ามปิดโรงงาน ทำให้บริษัทต่าง ๆ ยังคงผลิตตามออเดอร์ส่งออกได้ตลอดเวลา จนบริษัทในไทยหลายบริษัท ยังคงทำกำไรและรักษาการจ้างงานเอาไว้ได้ และทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราว่างงานต่ำที่สุดในโลก อยู่ที่แค่กว่า 1% เกิดจากรัฐบาลรักษาการจ้างงานเอาไว้ได้

ซึ่งในช่วงต่อมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ได้ใช้โอกาสแจกแจงข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยระบุว่า ตนไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิด เพราะบริษัท โตโยต้า และอิซุสุ จ่ายโบนัสระดับ 8 - 10 เดือนให้พนักงานมาเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว อีกทั้งการว่างงานก็ยืนอยู่ที่ระดับ 0.75 -1.5% เป็นสิบ ๆ ปีมาแล้วเช่นกัน ไม่ใช่ผลงานของใครคนใดคนหนึ่งแน่ ๆ

ทำให้นายสุชาติ ใช้สิทธิพาดพิงลุกขึ้นตอบโต้ โดยระบุว่า นายธนาธรไม่ได้อยู่แบบตน อาจจะฟังมาผิด เพราะถ้ารัฐบาลไม่แก้ปัญหาโควิด ไม่รักษาการจ้างงาน ไม่รักษาออเดอร์ส่งออก ก็ไม่มีวันนี้

ขณะที่นายธนาธรเอง ก็ตอบโต้อย่างทันควันเช่นกัน โดยระบุว่า ตนอยู่ในอุตสาหกรรมนี้มา 20 ปี นายสุชาติไม่รู้สู้ตนแน่ ๆ ส่วนอัตราการว่างงานของประเทศไทย ต้องย้ำอีกครั้งยืนอยู่ระดับนี้มาเป็นสิบ ๆ ปีแล้วที่ 0.75 - 1.5% แม้แต่ช่วงโควิดก็เพิ่มขึ้นไปไม่ถึง 2% แล้ววันนี้ตกมาสู่ระดับเดิมแล้ว ทั้งนี้ไม่ต้องเชื่อตนก็ได้ ทุกคนสามารถไปหาดูเองได้จากเว็บไซต์หน่วยงานรัฐทั่วไป

หลังจากนั้น ในช่วงท้ายของการดีเบต พิธีกรได้ให้ตัวแทนแต่ละพรรคการเมืองได้พูดทิ้งท้ายสั้น ๆ ซึ่งหลายพรรคการเมืองได้เน้นย้ำถึงการไม่ทะเลาะขัดแย้งกัน ทว่าในส่วนของนายธนาธร ได้กล่าวในช่วงของตนว่าอนาคตของประเทศไม่ใช่เรื่องของการที่ใครจะทะเลาะกับใครหรือไม่ แต่คือการยืนยันเรื่องพื้นฐานที่สุด นั่นคือการที่ประเทศไทยต้องเป็นประชาธิปไตย ให้ไม่มีการรัฐประหารอีกในอนาคต จะทะเลาะกันหรือไม่ต้องยืนยันหลักการพื้นฐานเหล่านี้

“แต่ที่ประเทศไทยมีประชาธิปไตยไม่ได้ มีรัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก็เพราะมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งยังฝักใฝ่รับใช้เผด็จการ ถ้าไม่ทางตรงก็ทางอ้อม เป็นนั่งร้านหรือรับใช้พวกเขาตรงๆ  การมีนักการเมืองอย่างนี้ทำให้เผด็จการไม่สูญหายไปจากประเทศไทยเสียที” นายธนาธร กล่าว

'พลโทนันทเดช' ย้อนเกล็ด เหตุ 'ธนาธร' แค้นรัฐประหาร สรุปเป็นนักประชาธิปไตย หรือ ผู้ไม่เคารพกฎหมายกันแน่


(13 เม.ย.66) พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า...

▪️ฝ่ายประชาธิปไตย สนับสนุนการทุจริตหรือไง▪️ 

เมื่อมีการ “Debate“ กันระหว่าง นายสุชาติ รมว.แรงงาน กับ นายธนาธร บนเวที...นายธนาธร บอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายประชาธิปไตย...ฝ่ายของ นายสุชาติ เป็นเผด็จการ

นายสุชาติ จึงถามว่า เป็นเผด็จการตรงไหน นายธนาธร ขอให้ดูเรื่อง “วุฒิสมาชิก“

ผมขอตอบแทน คุณสุชาติ โดยขอถามกลับ นายธนาธร ว่า ...

1.วุฒิสมาชิก เกิดจากการแต่งตั้งของคณะรัฐประหาร ใช่หรือไม่?

แน่นอน นายธนาธรต้องตอบว่า ”ใช่“ และคงย้ำต่อไปอีกว่า เพราะรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์1 มาจากการทำรัฐประหาร 

2.ผมจะถามต่อว่า แล้วทำไมจึงเกิดการรัฐประหารขึ้น?

นายธนาธร อาจจะเงียบ ผมก็จะบอกต่อว่า มีหลายคนในรัฐบาลยิ่งลักษณ์  ทำการทุจริต และยังทำการที่ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญอีก ทหารก็ยังดูอยู่เฉยๆ (การทุจริตหลักฐานชัดเจน) 

3.ประชาชนออกมาต่อต้าน รัฐบาลที่ทุจริตมากขึ้น นับล้านคน 

ศาลรัฐธรรมนูญสั่งถอดถอนยิ่งลักษณ์ รัฐบาลไม่สามารถบริหารราชการต่อไปได้ บ้านเมืองเริ่มเข้าสู่กลียุค ทหารก็ยังอยู่เฉยๆ ฝ่ายสนับสนุน รัฐบาลก็ยังออกมาใช้ทั้งตำรวจ และ มือระเบิด จัดการกับประชาชน เพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชน หลายกลุ่ม ต้องเริ่มจัดหาอาวุธมาสู้บ้าง 

 4.ประชาชน จึงออกมากดดันให้ทหารออกมา (ทำอะไรซะทีสิวะ) 

ทหารก็จำเป็นต้องทำก่อนบ้านเมืองพังทลาย เมื่อทำรัฐประหารแล้ว ประชาชนก็สนับสนุน รัฐบาลประยุทธ์ จนอยู่มาอีก 4 ปี แบบสบายๆ เมื่อร่างรัฐธรรมนูญออกมา ประชาชนก็รับรองอีก...รัฐบาลประยุทธ์ 2 ก็มาจากรัฐธรรมนูญ ฉบับที่มุ่งปราบทุจริต มากกว่าทุกฉบับ  วุฒิสมาชิกก็ได้อำนาจมาจากการรับรองของประชาชน เหมือนๆกับที่พรรคก้าวไกล ที่ได้ ส.ส.มามากมาย ก็มาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้เช่นกัน 

‘ธนาธร’ หวัง!! จนท.การบินไทยจะไม่โดนลงโทษ  ชี้!! แค่ให้กำลังใจ ไม่ได้ทำให้องค์กรเสียหาย 

‘ธนาธร’ ขออภัยทำการบินไทยกังวล หลังโพสต์ภาพข้อความบนสแน็คบอกซ์ไทยสไมล์เขียน “ขอให้โชคดีในการเลือกตั้ง”

(20 เม.ย.66) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล โพสต์ภาพประกาศบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 004/2566 เรื่อง นโยบายความเป็นกลางทางการเมือง ผ่านทวิตเตอร์ @thanathorn_fwp พร้อมระบุว่า…

“ขออภัยที่ทวีตของผมทำให้การบินไทยกังวลจนต้องมีแถลงนี้ออกมา หวังว่าเจ้าหน้าที่ที่ให้กำลังใจผมจะไม่โดนลงโทษ เพราะไม่ได้ทำให้องค์กรเสียหาย หรือนำองค์กรไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เหมือนตอนที่มีพนักงานการบินไทยบางกลุ่มออกหน้าสนับสนุนรัฐประหาร”

โดยภายหลังได้โพสต์ข้อความเพิ่มระบุว่า “*แก้ไขครับ* แถลงนี้มีขึ้นก่อนหน้าเหตุการณ์ที่ผมทวีตขอบคุณเจ้าหน้าที่ไทยสไมล์ แต่มีผู้ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ท่านนั้นถูกพักงาน โดยองค์กรอ้างว่าได้เคยมีประกาศเตือนพนักงานไม่ให้แสดงออกทางการเมืองไปแล้ว ผมยืนยันอีกครั้งว่า ผมกังวลใจอย่างยิ่งหากจะมีการลงโทษพนักงานด้วยเหตุนี้”

'ธนาธร' นำทีมบุกสัตหีบช่วยหาเสียงให้ "น้ำ" นิชนันท์ ผู้สมัครพรรคก้าวไกลสัตหีบ ยืนยันยกเลิกการเกณทหารแบบบังคับให้เป็นแบบสมัครใจ

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2566 ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล เดินทางมาช่วยหาเสียงให้กับ "น้ำ" นิชนันท์ วังคะฮาต ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล เบอร์ 5 เขต 10 จ.ชลบุรี โดยนำรถประชาสัมพันธ์ ออกจากวัดสัตหีบ แห่รอบตลาดและทั่วเมืองสัตหีบ โบกมือทักทายแนะนำตัว น้ำ นิชนันท์ วังคะฮาต ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล เบอร์ 5 เขต 10 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ต่อพ่อแม่พี่น้องชาวสัตหีบ โดยมีชาวบ้านยื่นขอจับมือและร่วมเป็นกำลังใจเป็นจำนวนมาก

 
นายธนาธร กล่าวว่า ผมมาลงพื้นที่สัตหีบ มาช่วยผู้สมัครของพรรคก้าวไกล อำเภอสัตหีบเพื่อหาเสียงตามแนวทางของพรรคก้าวไกล ในเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เรื่องที่ดินที่พักอาศัยในพื้นที่ทหาร ผลกระทบในเรื่องค่าไฟแพง และยังคงยืนยันถึงนโยบายยกเลิกการเกณทหารแบบบังคับ ให้เป็นแบบสมัครใจ เพื่อให้กองทัพมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะผู้ที่สมัครใจย่อมเต็มใจที่จะฝึกหนักมากกว่า และยืนยันคุณ น้ำ เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยต่อสู้เพื่อความเสมอภาคมาโดยตลอด และขอยืนยันกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนอำเภอสัตหีบว่าคุณน้ำไม่ใช่งูเห่าอย่างแน่นอน


และในวันที่ 14 พ.ค.นี้ เวลา 08.00 - 17.00 น. เชิญชวนพี่น้องชาวสัตหีบให้โอกาส คุณน้ำ นิชนันท์ วังคะฮาต ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตพรรคก้าวไกลเบอร์ 5 สัตหีบ เข้าคูหากาเบอร์ 5 และพรรคก้าวไกลแบบปาตี้ลิสต์ กาเบอร์ 31 เพื่อเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ในครั้งนี้ด้วย
นิราช ทิพย์ศรี ก012 ชลบุรี

'หมอวรงค์' ขึ้นศาลสู้คดีกรณี 'ธนาธร-พิธา' ฟ้องหมิ่นประมาท ซัด!! ชอบอ้างสิทธิเสรีภาพ แต่ถึงเวลาก็ยก กม.มาปิดปากผู้อื่น

(2 พ.ค.66) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี Live ผ่านเฟซบุ๊ก 'วรงค์ เดชกิจวิกรม-Warong Dechgitvigrom' ขณะเดินทางไปที่ศาลอาญา รัชดา พร้อมทีมทนาย เพื่อให้การคดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ฟ้องร้อง โดยระบุว่า ขณะนี้อยู่ศาลอาญารัชดา ขออนุญาตลาหาเสียง 1 วันเพราะต้องขึ้นศาลคดีที่พรรคก้าวไกลฟ้องร้อง โดยหลายคนอาจจะแปลกใจว่าพรรคก้าวไกลฟ้องเรื่องอะไร ถ้าพี่น้องจำได้ช่วงวันที่ 10 สิงหาคม 2563 กลุ่มธรรมศาสตร์จะไม่ทน ประกาศปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งจะมีการยกเลิกมาตรา 112 ยกเลิกธรรมนูญรัฐ มาตรา 6 ห้ามพระมหากษัตริย์มีพระราชดำรัสในที่สาธารณะ หลาย ๆ เรื่องตนมองว่าขบวนการนี้เป็นขบวนการล้มล้าง เป็นการด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่นายพิธาบอกว่าเรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่เป็นการจาบจ้วง ไม่ใช่เป็นการล่วงละเมิดซึ่งพวกเราเห็นหลักฐานที่ชัดเจนแต่ปรากฏว่าการที่เราแสดงออกแบบนี้เขาฟ้อง

นพ.วรงค์ กล่าวว่า การฟ้องร้องคดีนี้ มีการเรียกค่าเสียหาย ทั้งหมด 24,062,475 คือฟ้องทั้งอาญาและแพ่ง ประมาณ 24 ล้านเศษ ๆ ก็คือ การสื่อถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ซึ่งเอามาเชื่อมโยงกัน และไม่เพียงแต่นายพิธา จากพรรคก้าวไกล ก็ยังมีหมายศาลของนายธนาธรซึ่งฟ้องในเวลาใกล้เคียงกัน ฟ้องคดีคล้าย ๆ กัน เพราะเนื่องจากว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับปฏิรูปสถาบัน และตนกล่าวหาว่า นายธนาธรสนับสนุน แต่เขาปฏิเสธก็ไม่เป็นไร มาสู้กันที่ศาล แต่สิ่งที่อยากจะเล่าให้พี่น้องฟัง พี่น้อง คนพวกนี้พยายามอ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพ เมื่อคนฝ่ายตนเองถูกดำเนินคดีก็กล่าวหาเอากฎหมายมาปิดปาก แต่ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชน ที่ไปดำเนินคดีนั้น เพราะพี่น้องเห็นหลักฐานข้อเท็จจริงที่มีเด็กเยาวชนหรือประชาชนกระทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมทนไม่ได้ก็ไปดำเนินคดี แต่สำหรับของเราเป็น การต่อสู้ทางความคิดกลายเป็นว่าพวกนี้มาฟ้อง ถึงบอกว่าพวกคุณชอบอ้างว่าคนอื่นเอากฎหมายไปปิดปาก แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วพวกคุณนั่นแหละที่เอากฎหมายมาปิดปากพวกเรา เฉพาะตนถูกฟ้องแล้ว 3 คดี คดีเมเดย์ เมเดย์ เป็น 1 คดี ตนชนะ ตอนนี้ยังเหลืออีก 2 คดี ดังนั้นต้องเรียนให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบว่าคนพวกนี้ปากกับใจไม่ตรงกัน พยายามที่จะพูดอย่างแล้วก็ทำอย่าง และสิ่งที่สำคัญตนก็พึ่งทราบ เพิ่งได้รับหนังสือจาก สถานีตำรวจภูธรขอนแก่น ปรากฎแกนนำกลุ่ม 3 นิ้วไปฟ้องตน มาตรา 112 ในกรณีที่ตนมีคำแถลงเกี่ยวกับเรื่องราชประชาสมาสัย เจตนาตนไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย ไม่ได้ดูหมิ่น ไม่ได้หมิ่นประมาท ไม่ได้อาฆาตมาดร้าย แต่พวกนี้เอา มาตรา 112 มาเล่นงานตน โชคดีที่ทางอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง

‘สื่ออาวุโส’ เตือน ‘ธนาธร’ นับจากนี้ก่อนการเลือกตั้ง อย่าเลือกขึ้นเวทีดีเบตที่มี ‘คุณอภิสิทธิ์’ อยู่ด้วยอีก

เมื่อวันที่ 2 พ.ค.66 นายเถกิง สมทรัพย์ สื่อมวลชนอาวุโส อดีตนายกสมาคมนักข่าววิทยุโทรทัศน์ไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า...
.
ในประเด็นเรื่อง มาตรา 112 นั้น จะหาคนมาดีเบตกับชาวคณะก้าวไกลยากมาก…นอกจากอาจมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ไม่แน่นเพียงพอแล้ว
.
คนส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากเผชิญหน้าถกเถียงกับชาวคณะก้าวไกล เพราะมันอ่อนไหว..
.
แต่คุณธนาธร กลับเลือกที่จะมาดีเบตเรื่องนี้กับคุณอภิสิทธิ์…และพลาดท่ากลางอากาศให้คุณอภิสิทธิ์ ‘จับไต๋’ ได้ว่า คุณธนาธรพยายามซ่อนเร้นประเด็นการ ยกเลิกมาตรา 112 ต่อหน้าสื่อมวลชน

คุณธนาธร โกยคะแนนจากการออกสื่อมาโดยตลอด แต่ทำไมคราวนี้พลาดท่า…

ผมลองหาเหตุผลได้ 7 ข้อ…

1.) คุณอภิสิทธิ์ ไม่ได้แม่นเพียงข้อมูลเรื่องมาตรา 112 เท่านั้น แต่ผ่านการทำงานเรื่องแก้ปัญหามาตรา 112 มานาน จึงมีความเข้าใจแทบทุกมิติของปัญหา

2.) คุณธนาธร ไม่แม่นข้อมูลเรื่องกระบวนการเคลื่อนไหวมาตรา 112 ของคนในพรรคก้าวไกล จึงพูดสับสนระหว่าง “แก้ไขมาตรา 112” กับ “ยกเลิกมาตรา 112” ว่า ก้าวไกลจะแก้ไขหรือยกเลิก เพราะ พิธาไปพูดว่ายกเลิก (ช่อ ก็พูดชวนคนมากองเพื่อยกเลิก) แต่คุณธนาธรพยายามจะเน้นแค่ว่า “แก้ไข”

3.) แต่คุณอภิสิทธิ์… ทั้ง ๆ ที่อยู่นอกพรรคก้าวไกล… กลับจดจำข้อมูล ขั้นตอน คำพูด ของคนในพรรคก้าวไกล (รวมไปถึงสมัยเป็นอนาคตใหม่) ได้ละเอียดว่า ใครพูดอะไรเอาไว้อย่างไรในเรื่อง มาตรา 112 จึงสามารถหยิบข้อเท็จจริงต่างๆที่สำคัญ ๆ มายันใส่คุณธนาธรทุกดอก

4.) คุณธนาธรมีความไม่มั่นใจในการนำเสนอเรื่องมาตรา 112 จึงแสดงความสับสนออกมาและออกอาการ ‘แถ’ ว่า เรื่องการยกเลิกมาตรา112 เป็นความเห็นส่วนตัวของคุณพิธาในฐานะหัวหน้าพรรค และคุณธนาธรไปเสียบคุณอภิสิทธิ์นอกเรื่องว่า เลือกตั้งคราวก่อนคุณอภิสิทธิ์พูดอะไรไว้ คุณอภิสิทธิ์ก็เสียบคืนทันทีว่า “ก็ลาออกแล้ว..คุณพิธาจะลาออกไหมถ้าไม่ยกเลิก”…คุณธนาธรก็ออกอาการสะดุด


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top